"ว๊าย!"
เอี๊ยดดด! นับดาวกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับเหยียบเบรกกะทันหันจนเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังสนั่นทั่วบริเวณเมื่อจู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาปาดหน้าหลังงจากขับรถออกจากบ้านจิระกาญได้เพียงสิบกิโลเมตร ส่งผลให้เธอหน้าคะมำชนพวงมาลัยรถเต็ม ๆ แต่นับว่าโชคยังดีที่รัดเข็มขัดนิรภัยไม่อยากนั้นอาจเจ็บตัวมากกว่านี้ก็ได้ "บ้าเอ๊ยขับรถภาษาอะไรว่ะ" เธอสบถออกมาด้วยโกรธ เมื่อตั้งสติได้ก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาคู่กรณีสองคนที่จอดรถขว้างอยู่ "พวกคุณขับรถภาษาอะไรกัน เกิดฉันเบรกไม่ทันโดนชนขึ้นมาจะทำยังไง" ต่อว่าไปด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด "กรี๊ด!" ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ต้องร้องกรี๊ดด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อจู่ ๆ คู่กรณีซึ่งน่าจะเป็นผู้หญิงกับผู้ชายปาไข่ไก่ดิบเข้าใส่ ซึ่งมันพุ่งโดนหน้าผากเต็ม ๆ ทำเอาเธอเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า ก่อนไข่จะแตกลงชะโลมใบหน้าของเธอจนเละแทะ กลิ่นคาวของมันแทบทำให้เธออาเจียนออกมา "กรี๊ด! พวกคุณทำบ้าอะไร มาปาไข่ใส่ฉันทำไม" เธอกรี๊ดออกมาอย่างรับไม่ได้พลางยกมือขึ้นลูบไข่ออกจากใบหน้า ทว่าสองคนนั้นก็ยังปาไข่ใส่ไม่หยุดราวกับห่าฝนทำให้เธอโดนไข่เข้าไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แรงกระแทกสร้างความเจ็บให้เธอไม่น้อย อีกทั้งไข่ยังแตกราดตัวจนไม่เหลือชิ้นดี พยายามวิ่งกลับไปที่รถ แต่ก็มิวายโดนไล่ปาอีก หนำซ้ำยังส่งเสียงก่นด่าเธอไปด้วย "ผู้หญิงหน้าด้านแย่งแฟนคนอื่น" "ผู้หญิงหน้าไม่อายแย่งแฟนพี่สาวตัวเอง" "เฮ้ย! พวกคุณทำอะไรหยุดเดี๋ยวนี้นะไม่อย่างนั้นผมแจ้งตำรวจ" เหมือนเธอจะยังดวงดีอยู่บ้างเมื่อมีพลเมืองดีจอดรถลงมาช่วยไล่ทำให้สองคนนั้นล่าถอยไป ก่อนพลเมืองดีจะเดินเข้ามาถามไถ่เธอด้วยความเป็นห่วง "คุณเป็นอะไรมากมั้ยครับ" "ฉันไม่เป็นอะไรมากค่ะ" นับดาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าในใจกลับเต้นโครมครามแทบจะทะลุออกมานอกอกเพราะยังรู้สึกตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะเอ่ยขอบคุณหนุ่มพลเมืองดีด้วยความซาบซึ้งเพราะหากไม่ได้เขาช่วยเธอคงแย่แน่ ๆ "ต้องขอบคุณคุณมาก ๆ นะคะที่เข้ามาช่วยฉันไว้" "ด้วยความยินดีครับ" ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาน้อมรับด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ก่อนถามไถ่ต่อ "คุณจะเอายังไงกับพวกนั้นต่อครับ" "ฉันจะไปแจ้งความดำเนินคดีค่ะ" นับดาวตอบโดยไม่ต้องคิด เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองเจ็บฟรี ๆ หรอก คนทำผิดต้องได้รับโทษถ้าปล่อยไปง่าย ๆ เดี๋ยวก็ได้ใจ แล้วกระทำผิดซ้ำอีก แต่ตอนนี้เธอคงต้องเก็บหลักฐาน และจัดการกับตัวเองก่อน "คุณช่วยถ่ายรูปให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ" เธอว่าพลางเดินไปหยิบโทรศัพท์ในรถมายื่นให้หนุ่มพลเมืองดีเพื่อให้เขาช่วยถ่ายรูปของเธอไว้เป็นหลักฐาน "ได้ครับ" ชายหนุ่มรับโทรศัพทผืมาจากมือนับดาว จากนั้นก็ถ่ายรูปให้เธอสามสี่รูป แล้วยื่นกลับไปให้ "นี่ครับ" "ขอบคุณค่ะ" นับดาวโค้งศีรษะขอบคุณชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมกับรับโทรศัพท์มาเปิดดูรูปถ่าย ก่อนจะจัดการเก็บภาพบริเวณรอบ ๆ และบนพื้นถนนที่มีไข่ตกแตกกระจายต่อ ขณะที่หนุ่มพลเมืองดีก็รอจนนับดาวถ่ายเสร็จเขาจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงเป็นใย "ให้ผมพาคุณไปแจ้งความไหมครับ" "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันโทรหาเพื่อนให้พาไปก็ได้ค่ะ" นับดาวปฏิเสธด้วยความเกรงใจเพราะแค่เขาเข้ามาช่วยก็ดีมากแล้ว "โอเคครับ" "ยังไงฉันต้องขอบคุณอีกครั้งนะคะ ว่าแต่คุณชื่ออะไรคะเผื่อมีโอกาสเจอกันฉันจะได้ตอบแทนคุณบ้าง" เธอเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง และไม่ลืมจะถามชื่อเสียงเรียงนามของเขาเผื่อมีโอกาสได้ตอบแทนน้ำใจ "ผมศรันย์ครับ" ชายหนุ่มตอบด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ก่อนจะเดินจากไปโดยมีสายตาของนับดาวมองตามหลังด้วยความงุนงงเพราะเขาค่อนข้างแปลกทีเดียวแทนที่จะถามไถ่เธอกลับ แต่ไหงถึงไม่ทงไม่ถามสักคำเดินจากไปเสียดื้อ ๆ แบบนั้น เธอยืนมองจนเขาขับรถออกไปจึงเดินกลับไปที่รถตัวเอง เปิดประตูหยิบน้ำในขวดกับดระดาษทิชชู่ออกมาทำความสะอาดเนื้อตัว และเสื้อผ้าพอให้กลิ่นเหม็นคาวไข่หายไป จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนค่อย ๆ หลับตาลงคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดด้วยสมองหนักอึ้ง บอกตามตรงว่าเหตุการณ์ในวันนี้ทำให้เธอใจเสียไม่น้อยเพราะเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากมันจะมีคนเกลียดเธอถึงขนาดทำแบบนี้เลยเหรอ หนำซ้ำยังพูดเหมือนรู้เรื่องข่าวดีด้วย และมันก็บังเอิญอีกนั่นแหละที่เรื่องดันมาเกิดหลังจากเธอไปอวดเรื่องแหวนเพชรกับสองแม่ลูกมหาภัย ที่เกิดเหตุยังไม่ไกลจากบ้านอีกด้วย อดทำให้คิดไม่ได้จริง ๆ ว่าเป็นฝีมือของสองคนนั้นที่จ้างคนมาทำร้าย เธอจะต้องหาหลักฐานพิสูจน์ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ ทั้งเรื่องยานอนหลับในคืนนั้น เรื่องคนปล่อยข่าว และเรื่องวันนี้ ลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นจากจมูกโด่งด้วยความหนักใจ ก่อนเธอจะปรือตามา แล้วหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาส้มเพื่อนสาวคนสนิท ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ (ว่าไงยัยนับ) "ฉันถูกคนดักทำร้าย" (เฮ้ย! จริงดิแล้วแกเป็นไงบ้าง ปลอดภัยไหม แล้วตอนอยู่ไหน) ปลายสายพ่นคำถามใส่ไฟแลบทันทีที่เธอเอ่ยจบ "ปลอดภัยแล้วมีคนมาช่วยไว้ ตอนนี้ฉันกำลังจะไปสถานีตำรวจ" (โอเค ๆ งั้นเจอกันที่สถานีตำรวจฉันจะรีบไป) ว่าจบปลายสายก็วางไป นับดาวจึงสตาร์ทรถแล้วขับมุ่งตรงสู่สถานีตำรวจทันที เมื่อถึงปรากฏว่าเพื่อนสาวมายืนรออยู่แล้ว เธอระบายยิ้มออกมาบาง ๆ กับความน่ารักของเพื่อนสาวไม่ว่าเธอจะพบเจอปัญหาอะไรเพียงแค่บอกเพื่อนสาวก็พร้อมมายืนเคียงข้างเสมอ "ยัยนับแกเจ็บตรงไหนไหม" ส่วนส้มทันทีที่เห็นเพื่อนสาวเธอก็รีบเดินเข้าไปหา แล้วจับเพื่อนสาวหมุนสำรวจร่างกายด้วยความเป็นห่วง "ฉันไม่เป็นอะไรมาก แค่โดนปาไข่ใส่" นับดาวตอบให้เพื่อนหายเป็นห่วง "ค่อยโล่งใจหน่อย" ส้มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่พอเห็นสภาพเพื่อนสาวก็อดสงสารไม่ได้จริงบนศีรษะยังมีเศษเปลือกไข่ติดอยู่เลยจนเธอต้องเอื้อมไปปัดออกให้ ไหนจะกลิ่นคาวจาง ๆ จากตัวอีกใครช่างกล้าทำ คิดแล้วก็โกรธแทน "เข้าไปข้างในกันเถอะได้แจ้งความให้มันเสร็จไป ฉันเหม็นคาวตัวเองเต็มทีแล้ว" นับดาวระบายยิ้มให้เพื่อนสาวเล็กน้อย ก่อนจะควงแขนเพื่อนสาวเดินเข้าไปในโรงพัก เธอแจ้งความให้หลักฐาน และให้ข้อมูลกับตำรวจเกือบครึ่งชั่วโมงจึงเสร็จ โชคดีที่เธอจำป้ายทะเบียนรถกับรูปพรรณสันฐานของคนร้ายได้จึงเป็นประโยชน์กับตำรวจมากทำให้สามารถตามตัวคนร้ายได้ไม่ยาก "หวังว่าจะจับคนร้ายได้เร็ว ๆ นี้นะ" ส้มเอ่ยขึ้นระหว่างพากันเดินไปที่รถ "ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น จะได้รู้ว่าสักทีว่าเรื่องนี้มีคนอยู่เบื้องหลังไหม" นับดาวเอ่ยอย่างเหนื่อย ๆ "แล้วแกคิดว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ไหม" "เซนต์ฉันมันบอกว่ามี" เธอตอบไปตามความรู้สึกของตัวเอง ก่อนจะเล่าความบังเอิ๊ญบังเอิญของเหตุการณ์วันนี้ให้เพื่อนสาวฟัง "ฉันว่ามีสิทธิ์เป็นไปได้มาก" พอได้ฟังเพื่อนสาวเล่าจบส้มก็เริ่มเห็นด้วยพลอยทำให้รู้สึกเป็นห่วงเพื่อนสาวไปอีก "ยังไงแกก็ระวัง ๆ ตัวด้วยล่ะ" "อือ ฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้" นับดาวยืนคุยกับเพื่อนสาวกน้าสถานีตำรวจนานหลายนาที ก่อนจะขอแยกตัวกลับเพราะรู้สึกรับไม่ได้กับสภาพ และกลิ่นบนร่างกายตัวเองเต็มที@บ้านอัครกุล "รถคุ้น ๆ จัง" นับดาวพึมพำออกมาเบา ๆ ในตอนที่ขับรถเข้ามาในรั้วบ้านอัครกุลอล้วเห็นรถหรูคันหนึ่งจอดอยู่คล้าย ๆ ว่าเคยเห็นแวบ ๆ แต่ก็นะรถยี่ห้อนี้สีแบบนี้ใช่ว่าจะมีคันเดียว คิดได้แบบนั้นจึงเลิกสนใจ แล้วเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในบ้าน ทว่าเธอก็ต้องขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเดินมาถึงห้องโถง แล้วเห็นหนุ่มพลเมืองดีที่ช่วยเธอก่อนหน้านี้นั่งคุยอยู่กับติณณภัทรด้วยท่าทางสนิทสนม ก็ว่าทำไมรถที่จอดอยู่บ้านถึงได้คุ้น ๆ เป็นรถของคนที่ช่วยเธอไว้นี้เอง นี่เขารู้จักกับติณณภัทรงั้นเหรอ ดูจากกน้าตาแล้วอายุน่าจะเท่า ๆ ติณณภัทร แสดงว่าคงเป็นเพื่อนกัน อ่า..ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมหนุ่มพลเมืองดีถึงไม่ถามไถ่ชื่อเพราะรู้อยู่แล้วสินะว่าเธอคือนับดาวภรรยาของติณณภัทร "ไงแม่ตัวดีกลับมาแล้วเหรอ" ระหว่างกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ อยู่น้ำเสียงเย็นยะเยือกก็ดังเข้ามาทบโสตประสาททำให้หลุดออกจากห้วงความคิด เธอปรายตามองเจ้าของคำถามที่นั่งจ้องหน้าเธอด้วยแววตาแข็งกร้าวนิ่ง ๆ ไม่คิดตอบโต้ ก่อนจะเลื่อนสายตาเอ่ยกับศรัณย์พร้อมกับระบายยิ้มบาง ๆ "เจอกันอีกแล้วนะคะคุณศรัณย์" "ครับ" ศรันย์ยิ้มรับ ก่อนถามไถ่ต่อ "คุณนับดาวไปแจ้งความแล้วเหรอครับ" "เรียบร้อยแล้วค่ะ" "ขอให้จับคนร้ายได้ไว ๆ นะครับ" "ค่ะ" ติณณภัทรนั่งฟังคนทั้งสองคุยกันเงียบ ๆ ไม่คิดแทรกขึ้นเพราะเขารู้เรื่องหญิงสาวโดนดักทำร้ายจากศรันย์เพื่อนชายมาบ้างแล้ว และเขาไม่แปลกใจเลยสักนิดที่เธอโดนทำร้าย ก็นิสัยเสียซะขนาดนั้นคงมีศัตรูไปทั่ว นับว่าบุญเท่าไรที่คนร้ายปาไข่ดิบใส่ไม่ใช่เม็ดกระสุน สภาพของเธอในตอนนี้มอมแมมเหมือนลูกหมาตกบ่อขยะก็ไม่ปราน กลิ่นคาวไข่ลอยมาแตะจมูกจนเขานึกคลื่นไส้ ทว่าถึงตอนนี้สภาพเธอจะน่าเวทนาแต่เขาก็ไม่ลืมเรื่องที่เธอรูดบัตรเครดิตไปเจ็ดล้านกว่าหรอก หนำซ้ำเขาโทรไปเป็นสิบสายเธอก็ไม่รับอีก ไหนจะเรื่องที่แม่ของนีรนุชโทรมาบอกเขาว่าเธอไปหยามหัวใจของลูกสาวท่านถึงที่บ้านทำเอานีรนุชร้องไห้อย่างหนัก รอให้เพื่อนชายกลับไปเมื่อไรเถอะเขาจะจัดการกับเธอขั้นเด็ดขาดสักที วันนี้เธอทำให้เขาโกรธหลายเรื่องมากจริง ๆ หากตอนนี้สามารถฉีดเนื้อเธอออกเป็นชิ้น ๆ ได้เขาคงทำไปแล้วเพื่อระบายไฟแห่งความโกรธทีีสุ่มอยู่ในกาย มันรบกวนสมาธิจนเขาไม่เป็นอันทำอะไรทั้งวัน "งั้นกูกลับก่อนแล้วกัน เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ" ศรันย์เหมือนจะอ่านสายตาเพื่อนชายออกหลังจากพูดกับหญิงสาวเสร็จเลยขอตัวกลับ เมื่อศรันย์หายหลังไปติณณภัทรก็เปิดประเด็นคุยทันที "วันนี้คุณทะ..." "เอาไว้ค่อยคุยนะ ตอนนี้ฉันขอไปอาบน้ำก่อนเหม็นตัวเองมาก เดี๋ยวจะลงมาให้คุณว่าตามสบายเลย" นับดาวรู้ว่าชายหนุ่มจะคุยเรื่องอะไรจึงรีบยกมือขึ้นเบรกเขาไว้ก่อนขืนให้พูดจบคงยาวแน่ ๆ เพราะนี้เธอไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงกับเขาหรอก สิ่งเดียวที่ต้องการตอนนี้คืออาบน้ำ ว่าจบเธอก็รีบวิ่งจูดขึ้นห้องไปด้วยความเร็วไม่รอให้อีกคนได้เอ่ยอะไรออกมา แม้เขาตะเบ็งเสียงตามหลังมาเธอก็ไม่สนใจ เมื่อมาถึงห้องนอนเธอก็ทิ้งตัวลงนั่งปลายเตียงรอใก้หายเหนื่อยจึงลุกไปอาบน้ำ แล้วออกมาแต่งตัว ความคิดบางอย่างพลันผุดขึ้นในสมองของเธอเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นชุดนอนไม่ได้นอนสุดเซ็กซี่ที่แขวนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า เธอจะใส่มันตอนนี้แล้วกันเผื่อจะได้แกล้งชายหนุ่มเวลาไปคุยกับเขา แค่คิดถึงตอนที่เขาทำท่ารังเกียจพร้อมกับพยายามผลักไสเธอก็สนุกแล้ว เธอค่อย ๆ บรรจงสวมใส่มันบนร่างกายแล้วมองสำรวจตัวเองผ่านกระจก ชุดนอนที่เธอสวมใส่เป็นสายเดี่ยวสีดำผ้าซาตินมันวาว ขอบเสื้อประดับด้วยผ้าลูกไม้บาง ๆ เว้าต่ำจนเกือบเห็นยอดอก ด้านข้างของชุดผ่าลงไปจนสุดชายกระโปรงที่ยาวเลยเนินเนื้อสาวเพียงคืบเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกาย และเนื้อหนังอย่างชัดเจน เพิ่มความเซ็กซี่ด้วยการร้อยเชือกเอาไว้หลวม ๆ แน่นอนว่าเธอไม่รู้สึกกระดากอายสักนิดเพราะขนาดถ่ายแบบชุดว่ายน้ำท่ามกลางผู้คนมากมายเธอยังทำมาแล้ว นับประสาอะไรกับชุดแค่นี้ เพียงแต่ใครจะรู้ว่าจริง ๆ ชุดนอนที่เธอชอบใส่นอนประจำคือชุดเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวลายเป็ด ลายหมีพูน่ารัก ๆ ต่างหาก ซึ่งขัดกับบุคลิกที่คนอื่นเห็นสิ้นเชิง แกร็ก! ระหว่างที่เธอ กำลังยืนสำรวจตัวเองหน้ากระจกประตูก็ถูกเปิดเข้ามาโดยไร้การแจ้งเตือนใด ๆ ทำเอาเธอสะดุ้งตกใจไม่น้อย ทว่าพอเห็นร่างสูงที่พุ่งพรวดพลาดมาเท่านั้นใบหน้าก็เผยรอยยิ้มร้ายออกมา เขาช่างมารู้เวลาจริง ๆ ขณะที่ติณณภัทรนั้นถึงกับชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นชุดบนร่างกายหญิงสาวที่มันโชว์เรือนร่างจนดูน่าเกลียดจนเขาต้องเสสายตามองไปทางอื่นอย่างรับไม่ได้ ก่อนจะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลในมือให้เธอพร้อมออกคำสั่ง "เซ็นเอกสารนี่ซะ" เอกสารที่ว่าคือใบหย่านั่นเองเขาไม่สามารถทนอยู่กับหญิงสาวได้แล้วจริง ๆ นี่ถ้าไม่ติดว่าอยากให้เรื่องมันจบ ๆ ไปเร็วเขาไม่มีทางมาเหยียบห้องนี้แน่ ๆ "เอกสารอะไรคะ" นับดาวรับมาอย่างงง ๆ พลางมองหน้าถามคนตรงหน้า แต่อีกคนกลับไม่ตอบเธอจึงต้องเปิดออกมาดูเอง "เอกสารขอหย่า" เสียงหวานพึมพำออกมาเบา ๆ พร้อมกับคิ้วสวยที่ขมวดผูกกันเป็นปมเมื่อเห็นข้อความบนกระดาษที่ตัวอักษรเขียนอย่างชัดเจนว่าคือเอกสารการหย่า "ใช่! เซ็นยินยอมซะ" เสียงทุ้มเค้นพูดอย่างกดดัน ทว่านับดาวกลับแหงนหน้าขึ้นสบสายตาของเขาอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะแสร้งตีหน้าเศร้าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ ซึ่งส่วนทางกับแววตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม "ใบทะเบียนสมรสยังไม่ทันเก่าสามีก็เอาใบหย่ามาให้เมียแล้วเหรอคะ ใจร้ายจังเลย" "อย่ามาลีลานับดาว เซ็นซะเพราะฉันทนอยู่กับผู้หญิงอย่างเธอไม่ไหวแม้แต่วินาทีเดียว" ติณณภัทรถึงกับกัดกรามกรอดจับจ้องใบหน้าผู้หญิงแสแสร้งตรงหน้าด้วยแววตาแข็งกร้าว "ได้สิคะสามีข๋า" นับดาวพยักเพยิดหน้าเหมือนยินยอม ทว่ามือกลับชูกระดาษขึ้นฉีกต่อหน้าชายหนุ่มอย่างท้าทาย ฉีกซ้ำ ๆ จนเป็นเศษเล็ก ๆ แล้วโปรยขึ้นฟ้า ก่อนมันจะร่วงหล่นกระจัดกระจายทั่วบริเวณห้อง "นับดาว!" เสียงทุ้มตวาดลั่นด้วยความโกรธจัด การกระทำของหญิงสาวสร้างความโกรธให้ติณณภัทรจนแววตา ใบหน้าลามไปจนถึงใบหูของเขาแดงก่ำ เสียงขบกรามดังเล็ดลอดออกมาเบา ๆ บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เขาโกรธมากแค่ไหน นับดาวเห็นแล้วอดใจกระตุกไม่ได้เพราะไม่เคยเห็นเขาโกรธขนาดนี้มาก่อน แต่เพียงเสี้ยวนาทีเดียวเท่านั้นความอย่างเอาชนะ อยากแกล้งก็ทำให้ความหวั่นใจหายไป "ไว้เมียเบื่อถือใบทะเทียนสมรสเมื่อไร ค่อยหย่าก็แล้วกันนะคะ" เชิดหน้าขึ้นเอ่ยอย่างถือดี ก่อนจะขยับเข้าไปยืนชิดร่างสูงตรงหน้ายกนิ้วขึ้นกรีดกรายไปตามแนวสันกรามสุดเซ็กซี่ระเรื่อยลงมายังลำคอแกร่งของเขาด้วยท่าทางยั่วยวน จงใจยั่วอารมณ์ของเขาให้เดือดปุด ๆ พอทำอะไรไม่ได้เดี๋ยวเขาก็ผลักไสเธอแล้วหนีออกไปเองเหมือนเช่นทุกครั้ง "อย่าโกรธเมียสิคะสามี" "เธอต้องโตมาแบบไหนนับดาวถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้ ฉันรู้นะว่าวันนี้เธอจงใจซื้อแหวนเพชรที่อ้างว่าฉันเป็นคนซื้อให้ไปเยาะเย้ยนุชทำให้นุชเสียใจ" ในที่สุดติณณภัทรก็อดไม่ได้พูดเรื่องนีรนุชออกมาทั้งที่พยายามอดกลั้นไว้ นีรนุชเป็นคนดีเกินกว่าจะมาเสียใจกับเรื่ิองพันนี่ พลางใช้มือดันหญิงสาวให้ออกห่างอย่างรังเกียจ "อย่าไปวุ่นวายกับนุชอีก ไม่อย่างนั้นฉันไม่เอาเธอไว้แน่" "นึกว่าเรื่องอะไรที่แท้สามีก็โกรธแทนคนรักเก่านี้เอง" นับดาวยิ้มเยาะออกมาอย่างเย้ยหยันนีรนุชคงโทรมาฟ้องสินะแสดงว่าทั้งสองยังติดต่อกัน ยิ่งรู้แบบนี้เธอก็ยิ่งอยากขัดขว้างความรักทั้งสองอย่าหวังว่าเธอจะปล่อยให้เขาได้กลับไปครองรักกับนีรนุชเลย "คุณคงรักนีรนุชมากสินะคะถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนกันขนาดนี้ แต่เสียใจด้วยนะคะฉันไม่ปล่อยให้คุณได้สมหวังกับนีรนุชหรอก คุณต้องเป็นสามีฉันไปอีกนานแสนนาน และฉันก็จะตามจองล้างจองผลาญนีรนุชไปเรื่อย ๆ" เธอเอ่ยอย่างผู้ชนะก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นกระแทกจูบร่างสูงที่แสดงท่าทีรังเกียจเธอออกมาโดยไม่ปิดบังด้วยความหมั่นไส้ ยิ่งเขาพยายามผลักออกเธอก็ยิ่งบดจูบหนักขึ้นพร้อมทั้งใช้มือโอบรอบลำคอแกร่งแน่ราวกับว่าตัวเองอยู่เหนือเขา เธอหยามใจคิดว่าติณณภัทรจะเป็นฝ่ายล่าถอยเช่นทุกครั้ง มั่นใจว่าต่อให้เธอยั่วยวน หรือทำยังไงเขาก็ไม่มีทางแตะต้องร่างกายเธอแน่ ๆ ทว่าครั้งนี้เธอคิดผิดถนัดเพราะคำประกาศกร้าว และการกระทำที่ดูเหมือนว่าเธออยู่เหนือกว่าในทุก ๆ ครั้งทำให้ด้านมืดของติณณภัทรตื่นขึ้นมาในที่สุด บอกเลยว่าเขาไม่ใช่คนขาวสะอาดร้อยเปอร์เซ็นต์มีด้านเทา ๆ เหมือนกัน เขาปล่อยให้เธอหยามหน้ามาหลายหนแล้ว ครั้งนี้เขาจะแสดงให้เห็นว่าเธอต่างหากที่อยู่ใต้อาณัติของเขาติณณภัทรไม่คิดจะผลักหญิงสาวออกเหมือนครั้งที่ผ่านมาในเมื่อเธออยากเล่นแบบนี้เขาก็จะเล่นด้วยเพราะถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรมือหนายกขึ้นกดท้ายทอยเล็กทุยไว้มั่น แล้วบดจูบกลีบปากนุ่มหยุ่นตอบอย่างหนักหน่วง จูบราวกับจะกระชากวิญญาณอีกคนออกจากร่าง ใช้ฟันขบเม้มฝากรอยแผลบนกลีบปากทำให้เธอรู้ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่าเจ้าของริมฝีปากอิ่มถึงกับประมวลผลไม่ทันกับการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของชายหนุ่มทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีรังเกียจกันอยู่เลย เธอเผลอจิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงในตอนที่อีกคนขบกัดกลีบปากซ้ำ ๆ จนรู้สึกเจ็บแปลบ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ กลิ่นคาวเลือดลอยแตะจมูกจนเธอแทบอยากจะอาเจียน แค่นั้นไม่พอเขายังบดขยี้บนแผลอย่างรุนแรงจนร้าวระบมไปหมดตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบเขาเสียแล้วคล้ายกับตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้จูบตอบ ขบกัดริมฝีปากหนาฝากรอยแผลให้เขาเช่นกันภายในห้องนอนคุกรุ่นไปด้วยแรงอารมณ์ของทั้งสอง ต่างคนต่างอยากเอาชนะ ติณณภัทรใช้ความช่ำชองเล่นงานหญิงสาวทั้งบดขยี้ ขบกัดกลีบปากนุ่มซ้ำ ๆ เรียวลิ้นกวาดต้อนในโพรงปากฉ่ำต้องการ
"อึก" นับดาวรู้สึกปวดร้าวระบมตรงกลางกลายเป็นอย่างมากเมื่อคนด้านบนเริ่มสอบสะโพกกระแทกกระทั้นท่อนเนื้อใหญ่โตเข้าออกในร่องสาวแห้งฝืด ความเจ็บทำเอาเธอเผลอหุบขาเข้าอย่างลืมตัว แต่ก็โดนมือหนาจับให้ถ่างออกอีกครั้ง ทั้งที่เป็นครั้งที่สองแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเจ็บมากขนาดนี้กันนะ ไหนใครบอกว่าเซ็กซ์ทำให้มีความสุขไงนั่นมันคงจะใช้ได้กับคนที่เป็นคู่รักกันเท่านั้นแหละ มือเรียวขยำผ้าปูที่นอนจนเส้นเลือดหลังมือปูดนูนข่มความรวดร้าวในกาย หลับตาเชิดหน้ากัดริมฝีปากเบา ๆ ทำเหมือนว่าเธอรู้สึกดีกับมันแค่ไหน ทั้งที่ในใจร้องตะโกนว่าเจ็บจะตายแล้วโว้ยเพราะคนด้านบนถาโถมแรงกายเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ไร้ความปราณีทุกแรงกระทำติณณภัทรจงใจทำให้หญิงสาวเจ็บ ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าสวยไปด้วยเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ มุมปากหนาแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันที่ได้เห็นเศษเสี้ยวความเจ็บปวดบนใบหน้าสวยที่เธอเผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนเคลื่อนมือไปดึงบราเซียร์ออกทำให้สองเต้าอวบดีดเด้งออกมาโชว์ความใหญ่โต ฝ่ามือนุ่มกอบกำสองเต้าแล้วบีบเคล้นแรง ๆ พร้อมทั้งโน้มหน้าลงไปซุกไซ้ลำคอระหงฝังเขี้ยวคมบนผิวเนื้อขาวเรียบเนียน ขณะเอวสอบยังส่งแรงเข้าออกไม่
เช้าวันต่อมา"วันนี้แม่นับดาวไปไหนล่ะ ปกติจะมาเสนอหน้าแล้วนิ" อรอินที่กำลังเดินเข้าไปในห้องอาหารเอ่ยถามบุตรชายอย่างประชดประชันเมื่อเห็นแค่สองพ่อลูกนั่งทานอาหารอยู่โดยไร้เงาของอีกคน"ยังไม่ตื่นมั้งครับ" ติณณภัทรตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนักพลางนึกถึงสภาพของหญิงสาวในเมื่อคืนที่โดนเอาจนสลบคาอกของเขา หลังจากเธอสลบเขาก็ไม่คิดจะดูดำดูดีสักนิด สวมเสื้อผ้าแล้วกลับไปยังห้องนอนตัวเองเลย เช้านี้เธอไม่ตื่นก็คงไม่แปลกโดนเล่นงานหนักเสียขนาดนั้น เผลอ ๆ ระบมจนลงจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ในเมื่อเธออวดเก่งเอง"ใช้ไม่ได้ ผู้หญิงอะไรตื่นหลังสามี ตื่นหลังพ่อแม่สามีแทนที่จะลุกขึ้นมาเตรียมอาหารให้" อรอินอดค่อนแขวะไม่ได้อะไรที่เป็นนับดาวเธอก็ไม่ชอบหมดนั่นแหละ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ซึ่งประมุขของบ้านนกับคนเป็นบุตรชายเพียงมองหน้ากันนิ่ง ๆ ไม่ออกความคิดเห็นด้วยเพราะเกรงว่าจะยืดยาวไม่รู้จบอรอินนึกขัดใจไม่น้อยที่สองพ่อลูกไม่คุยกับเธอ ตวัดดสายตามองหน้าทั้งสองอย่างอารมณ์เสีย ก่อนหันไปสั่งให้แม่บ้านตักข้าวต้มให้ จากนั้นก็นั่งทานไปเงียบ ๆ ติณณภัทรเมื่อทานอาหารเช้าเสร็จก็ลุกเดินออกไปขึ้นรถขับตรงไปยัง
วันต่อมาครืดดด~เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้นับดาวที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกหยุดชะงัก ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางบนเตียงมาดู เห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนสาวจึงกดรับสาย"ว่าไงส้มโทรมาแต่เช้าเชียว" (ฉันอยู่พัทยาแล้วนะ เมื่อกี้ตอนฉันเข้าเช็คอินที่โรงแรม ฉันเห็นนีรนุชด้วยมากับผู้ชายคนหนึ่งท่าทางสนิทสนมกันมากเหมือนเป็นคู่รักกันเลย)"จริงเหรอ แล้วนีรนุชเห็นแกรึเปล่า" คำบอกล่าวจากปลายสายทำเอานับดาวหูผึ่ง (ไม่น่าจะเห็นเพราะพอฉันเห็นนีรนุชก็รีบวิ่งหลบมุมเลย)"นีรนุชพักอยู่โรงแรมนั้นเหมือนกันเหรอ"(ฉันว่าน่าจะใช่นะเพราะเห็นเดินออกมาจากลิฟต์) "งั้นแกช่วยจับตาดูไว้ให้หน่อยนะ ฉันจะรีบตามไป"(ได้ ๆ)เมื่อวางสายจากเพื่อนสาวนับดาวก็รีบแต่งตัวให้เสร็จแล้วคว้ารีโมทรถกับกระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องเพื่อเดินทางไปพัทยาตามจับตาดูนีรนุช ฟังจากที่เพื่อนสาวเล่ามาเธอว่ามันมีอะไรแปลก ๆ นีรนุชเพิ่งเสียใจจากติณณภัทรได้ไม่กี่วันจะทำใจ และมีคนรักใหม่ได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ เธอชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อยขณะกำลังเดินถึงห้องอาหารซึ่งคาดว่าตอนนี้ทุกคนคงนั่งทานอาหารกันอยู่ ปรายตามองไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทุกคนตั้งใจอยู่กับการทานอ
3 วันต่อมา"สรุปรู้รึยังว่านับดาวอยู่ไหน" ติณณภัทรเอ่ยถามกำพลผู้ช่วยคนสนิททันทีที่เดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งในห้องทำงาน ที่เขาให้กำพลตามหาหญิงสาวไม่ใช่อะไรหรอกต้องการตามเธอกลับมาเซ็นใบหย่าให้ก่อนเพราะนี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วที่เธอไม่กลับบ้าน วันนั้นเขารอให้เธอกลับมาเพื่อจะคุยเรื่องหย่าแต่รอจนแล้วจนเล่าก็ไม่มีวี่แววสรุปคืนนั้นคือเธอไม่กลับ พอเขาโทรไปก็ไม่รับสาย ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่านหากจะหายไปก็ควรจัดการเรื่องหย่าให้เสร็จก่อนไม่ใช่ทิ้งไปดื้อ ๆ ปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้"ยังไม่รู้ครับ""อย่าให้เจอนะนับดาวโดนดีแน่" คำตอบจากปากกำพลทำเอาติณณภัทรถึงกับกัดกรามกรอด แววตาฉายแววแข็งกร้าวด้วยความโมโหหากตอนนี้หญิงสาวอยู่ตรงหน้าเขาคงจับเธอฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ แล้วผู้หญิงอะไรใช้ไม่ได้ ตอนนั้นแสดงออกว่าอยากได้เขาจนตัวสั่นพอมาวันนี้กลับหนีหายไปดื้อ ๆ ลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่งสันครั้งแล้วครั้งเล่าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้อารมณ์ของเขามันพุ่งถึงขีดสุดแล้วทำเอากำพลพลอยหายใจไม่ทั่วท้องไปด้วยเพราะรู้ดีว่าเวลาเจ้านายหนุ่มโกรธมันน่ากลัวแค่ไหนเรียกได้ว่าเหมือนพายุทอร์นาโดที่พร้อมถล่มทุกอย่างให้ราบคาบ เขาพ
พรึ่บ!ติณณภัทรทุ่มร่างบางบนบ่าลงบนเตียงอย่างไม่ใยดีทำเหมือนเธอเป็นสิ่งของ "อึก!"คนถูกโยนถึงกับจุกจนตัวงอ ใบหน้าสวยเหยเกด้วยความจุกปนเจ็บที่แล่นพล่านไปทั่วแผ่นหลัง และท้องน้อย แต่นั่นเทียบไม่ได้กับความโกรธที่กำลังปะทุขึ้นมาเธอรู้สึกโกรธกับการกระทำรุนแรงของชายหนุ่มมาก พยายามข่มความเจ็บไว้ หยัดกายลุกขึ้นนั่งหันกลับไปต่อว่าเสียงดังลั่น "คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชายชอบใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง""เพราะผู้หญิงอย่างเธอมันดื้อด้าน ปากดีไง" ติณณภัทรตอกกลับเสียงแข็งจ้องมองเจ้าของคำต่อว่าเขม็ง ขณะที่มือก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงทีละเม็ดอย่างใจเย็น ซึ่งสวนทางกับคนบนเตียงที่รู้สึกหวั่นใจเป็นอย่างมาก แววตาโกรธเคืองไหวระริกอย่างห้ามไม่ได้เมื่อร่างสูงตรงหน้าเคลื่อนมือลงไปถอดผ้าท่อนล่างต่อ หลังจากถอดเสื้อพาดริมเตียงแล้วเกิดใจเสาะขึ้นมาดื้อ ๆ ครั้นส่วนกลางกายอันใหญ่โตที่โอบล้อมด้วยเส้นเอ็นปูดนูนของร่างสูงดีดผึ่งออกมาปะทะสายตา ลำคอพานแห้งผากจนต้องลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ร่างกายขยับถอยหลังไปเองอัตโนมัติเมื่อหวนนึกถึงสัมผัสหยาบโลนในคืนนั้น"ไหนบอกว่าของฉันมันเล็ก และไม่ได้เรื่องแล้วถอยหนีทำไม เก่งให้เหมือนปากหน
"อึก" นับดาวเริ่มหอบหายใจขาดห้วงเนื้อตัวแดงก่ำ และสั่นระริก เหงื่อผุดพรายเคลือบไปทั่วร่างเพราะพยายามเก็บกลั้นเสียงครางข่มความรู้สึกเสียวซ่านที่แทรกไปทุกอณูของผิวเนื้อโดยเฉพาะร่องสาวที่ถูกท่อนลำแข็งขืนตอกอัดด้วยจังหวะเนิบนาบ ขยับเข้าออกสั้น ๆ แต่เน้นหนักมันแผ่วพริ้วแต่สร้างความซ่านสยิวให้เธออย่างหนักเซ็กซ์ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บสักนิดกลับมีความรู้สึกแปลกใหม่เข้ามาแทนที่คงเป็นเพราะถูกอีกคนปลุกเร้าจนเกิดอารมณ์ ช่องทางรักมีน้ำเป็นตัวหล่อลื่น อีกทั้งเขายังนุมนวลกว่าครั้งก่อนเป็นไหน ๆ มันรู้สึกดีและทรมานในเวลาเดียวกัน เธอกำลังพ่ายแพ้ให้เขาอีกครั้งแล้วใช่ไหม"อึก..อื้อ" ริมฝีปากอิ่มเผลอหลุดเสียงครางแผ่วออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ในตอนที่คนด้านบนถอนกายออกไปจนเกือบสุดแล้วหมุนควงส่วนปลายมนที่ค้างคาข้างในร่องหลืบ"ซี๊ดด" เช่นเดียวกับเจ้าของท่อนลำแข็งขืนที่หลุดเสียงต่ำในลำคอ แรงบีบรัดจากร่องคับแน่นสร้างความเสียวซ่านให้เขาไม่น้อยจนต้องขบกรามกรอด แล้วค่อย ๆ ดันกายกลับเข้าไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างบางได้ซึมซาบความเสียวซ่านจากแรงเสียดสีของผนังอ่อนนุ่มกับท่อนลำมหึมาของเขาสายตาจับจ้องท่อนลำที่ผล
ควันสีขาวคลุ้งถูกพ่นออกจากปากของติณณภัทรที่กำลังสูบสารนิโคตินเข้าปอดอยู่บนโซฟาภายในห้องนอน หลังจากสามารถทำให้คนปากเก่งอย่างนับดาวถอนคำพูดได้ สายตาจับจ้องแผ่นหลังขาวเนียนของคนที่นอนหลับไหลบนเตียงนิ่ง ๆ รอยยิ้มแห่งชัยชนะพลันผุดขึ้นประดับมุมปากหนาครั้นนึกถึงภาพที่หญิงสาวร้องบอกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นระริกว่าพอได้แล้ว เธอขอถอนคำพูดทุกคำที่ว่าเขาไป แต่กว่าจะทำให้เธอสิ้นฤทธิ์ได้ก็เล่นเขาเกือบหมดท่าเหมือนกันเรียกได้ว่าภายในห้องถูกใช้เป็นที่เริงรักหมดทุกมุม เขานั่งสูบบุหรี่จนหมดมวนจึงลุกเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระร่างกายที่เหนี่ยวเหนอะหนะจากหยาดเหงื่อ และน้ำกามแกร็ก!ทันทีที่เสียงประตูปิดลงคนที่แสร้งทำเป็นหลับอยู่บนเตียงด้วยความอับอายก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะใช้ผ้าห่มผืนใหญ่พันตัวจนเหลือแค่ใบหน้า รีบพาตัวลงจากเตียงเดินเก็บเศษซากเสื้อผ้า กระเป๋าสะพายมาถือไว้ แล้วค่อย ๆ เดินไปแง้มประตูชะโงกหน้าดูว่ามีใครอยู่แถวนี้ไหม เมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงรีบวิ่งจูดกลับห้องตัวเองด้วยความเร็วก่อนที่อีกคนจะออกมาจากห้องน้ำ"อ๊ายย!" เธอใช้หมอนปิดหน้าแล้วกรีดออกมาสุดเสียงเพื่อระบายความคับแค้นใจทันที
นับดาวให้กำเนิดบุตรสาวในวันเกิดของตัวเองพอดิบพอดีเพียงแต่คนละเวลากันเท่านั้น วันเกิดเธอปีนี้จึงกลายเป็นสุขสันต์วันคลอดแทนทุกคนต่างปลื้มปิติ โดยเฉพาะติณณภัทรวินาทีที่ได้เห็นหน้าบุตรสาวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่"ได้เจอกันสักทีนะลูกสาวพ่อ" ก้มจูบบนฝ่าเท้าน้อย ๆ ของบุตรสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างพินิศ คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยเพราะทุกส่วนบนใบหน้าบุตรสาวเหมือนผู้เป็นแม่ไม่มีผิด แทบไม่มีส่วนไหนที่ได้เขามาเลยมันน่าน้อยใจชะมัด"นับคุณดูสิลูกลำเอียงชะมัดเลย คิ้วก็เอาของแม่มา ตาก็เอาของแม่มา จมูกก็เอาของแม่มา ปากก็เอาของแม่มาไม่มีส่วนไหนที่เหมือนผมเลย อุตส่าห์ทำแทบตาย" เขาแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับเมียสาวทีเล่นทีจริงทำเอาทุกคนอดยิ้มตามไม่ได้"แสดงว่าลูกรักแม่มากกว่าพ่อไงคะ" นับดาวตอบกลับยิ้ม ๆ อีกคนหาได้ยอมน้อยหน้าไม่เอ่ยประกาศเสียงกร้าว เชิดหน้าขึ้นอย่างมาดหมาย "แบบนี้ยอมไม่ได้นะ ลูกคนต่อไปต้องเหมือนผมแล้วแหละ"คำพูดของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกระลอกหนึ่ง คงจะมีแต่แบงค์ที่ต้องกลำกลืนฝืนทนมองภาพทั้งสองหยอกล้อกันทั้งที่ในใจมันชอกช้ำอย่างหนัก ส้มซึ่งรู้ดีทำได
แสงแดดสีทองยามสี่โมงเย็นตกกระทบผิวน้ำทะเลสีเขียวมรกตทอประกายระยิบระยับ สายลมเอื่อย ๆ พัดโชยพากลิ่นอายทะเลลอยตลบอบอวลทำให้ผู้ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลาย"อากาศดีจังเลยค่ะ นานแล้วสิที่ไม่ได้พักผ่อนแบบนี้" นับดาวหันบอกกล่าวกับร่างสูงที่เดินเคียงข้าง จับมือพากันเดินเลียบไปตามแนวชายหาดด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มาเที่ยวทะเล และดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ต้องขอบคุณผู้ชายข้าง ๆ ที่ทำให้เธอได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนสิ้นเชิงทุกครั้งที่มาเที่ยวทะเลเธอจะมาเพราะต้องการแก้เบื่อแก้เซ็ง มาด้วยอารมณ์โดดเดี่ยว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสุขจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"ใช่ครับ" ติณณภัทรระบายยิ้มตอบเขาเองก็ไม่ได้เที่ยวแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้กับคนที่รักจึงมีความสุขไม่น้อย "ได้มาพักผ่อนกับคนที่รักมันดีกว่าคนเดียวเป็นไหน ๆ เลยว่าไหม""ใช่ค่ะ นับไม่เคยรู้เลยว่าการมีความรัก มีครอบครัวมันดีขนาดนี้ต้องขอบคุณคุณนะคะที่เข้ามาในชีวิตของนับ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยมาจากก้นบึ้งของหัวใจ"ผมก็ขอบคุณคุณเช่นกันที่เข้ามา
วันต่อมาหลังจากเรื่องร้าย ๆ ผ่านไปวันนี้ติณณภัทรจึงตั้งใจพานับดาวไปทำบุญ และไหว้แม่ของเธอ"จะไปไหนกันฮึสองคนนี้" อรอินเอ่ยทักบุตรชายกับลูกสะใภ้ที่เดินเข้ามานั่งบนโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มเพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนจะออกไปไหนกัน"ผมกับนับจะไปทำบุญกันครับ" ติณณภัทรตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันมองหน้าเมียสาวพร้อมยื่นมือไปกอบกุมมือเรียวไว้หลวม ๆ นับดาวส่งยิ้มหวานให้คนเป็นสามีบาง ๆ "ก็ดีเหมือนกันนะจะได้เป็นมงคลให้กับชีวิต แม่ขอให้ชีวิตคู่หลังจากนี้ของลูกทั้งสองพบแต่ความสุขนะ" อรอินเห็นดีเห็นงามด้วย และก็อวยพรให้เด็กทั้งสองพบเจอแต่ความสุขในชีวิตคู่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามากมาย"พ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขมาก ๆ นะ จะเป็นพ่อแม่คนแล้วทำอะไรก็นึกถึงจิตใจกันและกันให้มาก ๆ อย่าเอาอารมณ์เข้าว่า อย่าละเลยความรู้สึกกัน รักและดูแลกันให้เหมือนวันแรกที่รักกัน ความสม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคู่มาก พ่อหวังว่าลูกทั้งสองคนจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขไปจนแก่จนเฒ่า" พิภพอวยพรเด็กทั้งสองต่อหลังจากภรรยาเอ่ยจบ และไม่ลืมจะให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่กับทั้งสองด้วย"ขอบคุณคุ
นับดาวกำแหวนในมือแน่น แล้วเดินกลับไปยังห้องชายหนุ่มอีกครั้ง คาดว่าตอนนี้เขาคงขึ้นมาจากชั้นล่างแล้ว ยืนรวบรวมความกล้าข่มความตื่นเต้นอยู่หน้าห้องนานนับนาที ก่อนค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปเสียงเปิดประตูทำให้ติณณภัทรที่ทำท่าจะตามหาหญิงสาวหลังจากเข้ามาในห้องแล้วไม่พบเธอรีบหันไปมอง ครั้นเห็นคนตัวเล็กก็รีบเดินเข้าไปถามไถ่ "ไปไหนมาฮึ""ฉันมีอะไรจะมอบให้คุณค่ะ" นับดาวไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม แต่กลับจับมือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา แล้วจัดการเอาแหวนที่กำไว้บรรจงสวมบนนิ้วนางของเขา "คุณมอบแหวนแต่งงานให้ฉันแล้ว ถึงคราวฉันมอบแหวนแต่งงานให้คุณบ้างแล้ว แหวนวงนี้แทนความรักจากฉันนะคะ""นะ..นี่มันอะไรกัน เธอความทรงจำกับมาแล้วเหรอ" ติณณภัทรถึงกับประมวลผลไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกในตอนนี้คือทั้งดีใจ สับสนงุนงง และไม่เข้าใจ ดวงตาคมกริบปริ่มไปด้วยน้ำสีใสจ้องมองใบหน้าสวยเชิงตั้งคำถาม "ฉันรักคุณนะคะ" นับดาวตอบคำถามของเขาแทนด้วยการบอกความรู้สึกออกไปพร้อมกับก้มจูบหลังมือของเขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปคล้องลำคอแกร่งเอาไว้หลวม ๆ แล้วเขย่งเท้าขึ้นประทับริมฝีปากจูบริมฝีปากหนาติณณภัทรไม่ได้ปฏิเสธถึงแม้ตอนนี้จะยั
หลังจากนับดาวฟื้นขึ้นมาหมอก็ให้นอนดูอาการอีกสองวันจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้เพราะร่างกาย และผลการสแกนสมองปกติดีทุกอย่าง ส่วนเรื่องที่เธอจำอะไรไม่ได้หมอประเมินว่าอาจเป็นอาการความทรงจำหายไปชั่วคราว อีกไม่นานความทรงจำน่าจะกลับมาเหมือนหลาย ๆ เคสที่ผ่านมา"บ้านของเราจำได้ไหม" ติณณภัทรเอ่ยถามคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อรถจอดลงหน้าบ้านอัครกุลสิ้นเสียงทุ้มนับดาวก็ทอดสายตามองเข้าบ้านหลังใหญ่โตตรงหน้า คิ้วสวยขมวดเป็นปมคล้ายกับว่าจำอะไรไม่ได้เลย"ฉันจำไม่ได้เลย" เปล่งเสียงตอบด้วยใบหน้าเศร้า แววตาหม่นหมองจนติณณภัทรต้องรีบรั้งเธอมากอดใช้มือลูบศีรษะเล็กทุยปลอบประโลม "จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็จำได้เองไม่ต้องรีบร้อน""ค่ะ""เข้าบ้านกันดีกว่าป่านนี้พ่อกับแม่คงรออยู่ ท่านดีใจมากเลยนะที่รู้ว่าเธอได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว" "ค่ะ" คนที่อิงแอบหน้ากับไหล่กว้างพยักรับ แล้วผละตัวออกจากอ้อมกอดคนตัวโต ซึ่งติณณภัทรก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมาเปิดประตูให้เธอ"เชิญครับ" บอกกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นมือไปให้เธอจับ อีกคนยื่นมือไปวางบนมือหนาแล้วพาตัวลุกจากรถโดยไม่ลืมจะเอ่ยขอบคุณคนตัวโต "ขอบคุณนะคะ
วันต่อมาวันนี้ติณณภัทรตั้งใจว่าจะสวมแหวนแต่งงานให้นับดาวถึงแม้เธอจะยังไม่รู้สึกตัวก็ตาม เขาโทรไปยังร้านดอกไม้สั่งให้ทางร้านจัดช่อดอกกุหลาบสีแดงซึ่งเป็นดอกไม้ที่เธอชอบจำนวนหนึ่งร้อยดอก แล้วให้นำมาส่งที่โรงพยาบาลหลังจากได้รับช่อดอกไม้เขาก็นำมันไปวางข้างเตียงหญิงสาว เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มองใบหน้าสวยอย่างสื่อความหมาย "ฉันเอาดอกไม้ที่เธอชอบมาให้ตื่นมาดูสิสวยมากเลยนะ และวันนี้ฉันก็มีบางอย่างจะให้เธอด้วยนะ"เขาว่าแล้วนิ่งเงียบไป ก่อนล้วงกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเปิดออกแล้วหยิบแหวนมาถือไว้ "แหวนวงนี้เป็นแหวนที่ฉันตั้งใจสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อเป็นแหวนแต่งงานสำหรับเธอเลยนะ หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นเธอจะชอบมันนะ"ว่าจบก็จับมือด้านซ้ายของเธอมาบรรจงสวมแหวนเพชรลงบนนิ้วนาง จากนั้นก็ประทับจูบลงบนหลังมือนิ่มแช่ค้างไว้แบบนั้นและในจังหวะนั้นเองนิ้วเรียวทั้งห้าก็ขยับขึ้นเบา ๆ ทำให้ติณณภัทรต้องรีบผละดูให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง และใช่นิ้วของเธอขยับจริง ๆ เขาค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวยด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยลุ้น และตื่นเต้นกับอะไรเท่านี้มาก่อนเลย"
"นับดาวเมื่อไรเธอจะตื่นขึ้นมาคุยกับฉันสักที ฉันคิดถึงเสียงพูดของเธอ คิดถึงรอยยิ้มของเธอ อยากกอดเธอจนใจจะขาดแล้ว เลิกทรมานกันสักทีได้ไหม"ติณณภัทรเอ่ยเสียงเศร้าจ้องมองหน้าคนบนเตียงที่นอนหลับมานานนับเดือนด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ใช่เวลาผ่านไปเป็นเดือนแล้วแต่หญิงสาวก็ไม่รู้สึกตัวสักทีอาการทางร่ายกายของเธอหายดีหมดแล้ว หมอทำการสแกนสมองก็ปกติดีแต่ทำไมเธอถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่รู้ คนรออย่างเขามันโคตรทรมานหัวใจมือหนายื่นไปจับมือเรียวมากอบกุมไว้แน่นส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในใจให้เธอได้รับรู้ หากเธอตื่นขึ้นมาเขามีคำพูดมากมายที่อยากบอก โดยเฉพาะคำว่ารักระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันทำให้เขารู้ว่าเธอมีความสำคัญกับชีวิตของเขามากแค่ไหน ในแต่วันที่ผ่านไปโดยไม่ได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอเหมือนกับชีวิตขาดอะไรไป มันเหงามันเคว้งคว้างไร้สีสันในวันที่คิดว่ากำลังจะเสียเธอไปเขายิ่งมั่นใจในความรู้สึกตัวเองว่าหลงรักเธอเข้าเต็มหัวใจแล้ว เธอเป็นความสุขของเขา ชีวิตในทุก ๆ วันที่มีเธอมันโคตรดีมาก ๆ แล้วแบบนี้เขาจะขาดเธอได้ยังไงกันครืดด~สายเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เขาห
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จติณณภัทรก็มาโรงพยาบาลทันที นั่งรอที่หน้าห้องไอซียูด้วยหัวใจมีความหวัง"เธอกับลูกต้องสู้นะฉันรออยู่" เสียงทุ้มพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาเศร้ามองประตูห้องไอซียูพร่ำภาวนาขอให้คนด้านในปลอดภัย ก่อนล้วงไปหยิบกล่องแหวนกำมะหยี่สีแดงที่เอาติดมาด้วยออกจากกระเป๋ากางเกงมาเปิดดู พร่ำรำพันออกมาแผ่วพริ้ว "ฉันรอสวมแหวนแต่งงานให้เธออยู่นะนับดาว"ดวงตาคมกริบจ้องมองแหวนเพชรในกล่องกำมะหยี่ด้วยความรู้สึกเศร้า แหวนเพชรวงนี้เขาตั้งใจสั่งทำให้หญิงสาวตั้งแต่รู้ว่าเธอท้องโดยสลักชื่อเขากับเธอเอาไว้ข้างในวงแหวนเพราะเขามั่นใจแล้วว่าจะร่วมเรียงเคียงหมอนไปกับเธอจนแก่เฒ่าเขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะปิดกล่องแหวน แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าทอดสายตามองไปที่หน้าห้องไอซียูเหมือนเดิม แม้ตอนนี้เวลาจะล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนแล้วเขาก็ไม่มีท่าว่าจะง่วงนอน และหิวสักนิดทั้งที่ตั้งแต่ไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่ตอนเที่ยง ในสถานการณ์แบบนี้เขานอนและทานอะไรไม่ลงจริง ๆ จนกว่าจะรู้ว่าลูกเมียปลอดภัยแล้วหลายชั่วโมงต่อมาก็เข้าสู่เช้าของวันใหม่ ติณณภัทรก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยอาการเหนื่อยล้า ใจจดใจจ่อเฝ้ารอว่า
"เกิดอะไรขึ้นกับเธอนับดาว" ติณณภัทรที่ได้ยินเสียงกรีดของนับดาวผ่านสาย ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนอะไรชนกันสักอย่างดังสนั่นแล้วสายก็ตัดไปทำให้เขาใจคอไม่ดีเป็นอย่างมาก พยายามติดต่อหาเธอหลายครั้งก็ปิดเครื่องได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอพร้อมกับเร่งความเร็วของรถเพื่อกลับไปดูที่บ้านว่าเธอกลับไปหรือยังขับรถมาได้สักพักคิ้วเข้มก็ต้องขมวดเป็นปมด้วยความโมโหเพราะข้างหน้ารถติดยาวเหยียดทำไมต้องมาติดตอนนี้ตอนที่เขากำลังรีบ ดูเหมือนว่าข้างหน้าจะเกิดอุบัติเหตุเมื่อมองไปที่ริมถนนไกล ๆ ก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากกำลังมุงดูอะไรกันอยู่ แวบหนึ่งที่เขานึกถึงหญิงสาวแต่ก็พยายามคิดว่ามันไม่ใช่ ยังคงขับรถต่อกระทั่งสายตาเหลือบเห็นรถคันที่เกิดอุบัติเหตุเหมือนจะชนกับเสาไฟฟ้า เท้าใหญ่เหยียบเบรกฉับพลันพร้อมกับหัวใจที่กระตุกวูบอย่างหนักรถที่เกิดอุบัติเหตุเป็นคันสีขาว และยี่ห้อเดียวกับของนับดาวไม่มีผิด จึงตัดสินใจตีไฟเลี้ยวจอดรถริมถนนแล้วเปิดประตูลงไปดู "ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อยครับ" พยายามขอทางฝ่าวงล้อมผู้คนที่ยืนดูเข้าไปด้านใน ร่างกายชาวาบชั่วขณะเข่าอ่อนยวบแทบทรงตัวไม่อยู่ในตอนที่เห็นป้ายทะเบียนรถ เขาจำได้