3 วันต่อมา"สรุปรู้รึยังว่านับดาวอยู่ไหน" ติณณภัทรเอ่ยถามกำพลผู้ช่วยคนสนิททันทีที่เดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งในห้องทำงาน ที่เขาให้กำพลตามหาหญิงสาวไม่ใช่อะไรหรอกต้องการตามเธอกลับมาเซ็นใบหย่าให้ก่อนเพราะนี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วที่เธอไม่กลับบ้าน วันนั้นเขารอให้เธอกลับมาเพื่อจะคุยเรื่องหย่าแต่รอจนแล้วจนเล่าก็ไม่มีวี่แววสรุปคืนนั้นคือเธอไม่กลับ พอเขาโทรไปก็ไม่รับสาย ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่านหากจะหายไปก็ควรจัดการเรื่องหย่าให้เสร็จก่อนไม่ใช่ทิ้งไปดื้อ ๆ ปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้"ยังไม่รู้ครับ""อย่าให้เจอนะนับดาวโดนดีแน่" คำตอบจากปากกำพลทำเอาติณณภัทรถึงกับกัดกรามกรอด แววตาฉายแววแข็งกร้าวด้วยความโมโหหากตอนนี้หญิงสาวอยู่ตรงหน้าเขาคงจับเธอฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ แล้วผู้หญิงอะไรใช้ไม่ได้ ตอนนั้นแสดงออกว่าอยากได้เขาจนตัวสั่นพอมาวันนี้กลับหนีหายไปดื้อ ๆ ลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่งสันครั้งแล้วครั้งเล่าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้อารมณ์ของเขามันพุ่งถึงขีดสุดแล้วทำเอากำพลพลอยหายใจไม่ทั่วท้องไปด้วยเพราะรู้ดีว่าเวลาเจ้านายหนุ่มโกรธมันน่ากลัวแค่ไหนเรียกได้ว่าเหมือนพายุทอร์นาโดที่พร้อมถล่มทุกอย่างให้ราบคาบ เขาพ
พรึ่บ!ติณณภัทรทุ่มร่างบางบนบ่าลงบนเตียงอย่างไม่ใยดีทำเหมือนเธอเป็นสิ่งของ "อึก!"คนถูกโยนถึงกับจุกจนตัวงอ ใบหน้าสวยเหยเกด้วยความจุกปนเจ็บที่แล่นพล่านไปทั่วแผ่นหลัง และท้องน้อย แต่นั่นเทียบไม่ได้กับความโกรธที่กำลังปะทุขึ้นมาเธอรู้สึกโกรธกับการกระทำรุนแรงของชายหนุ่มมาก พยายามข่มความเจ็บไว้ หยัดกายลุกขึ้นนั่งหันกลับไปต่อว่าเสียงดังลั่น "คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชายชอบใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง""เพราะผู้หญิงอย่างเธอมันดื้อด้าน ปากดีไง" ติณณภัทรตอกกลับเสียงแข็งจ้องมองเจ้าของคำต่อว่าเขม็ง ขณะที่มือก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงทีละเม็ดอย่างใจเย็น ซึ่งสวนทางกับคนบนเตียงที่รู้สึกหวั่นใจเป็นอย่างมาก แววตาโกรธเคืองไหวระริกอย่างห้ามไม่ได้เมื่อร่างสูงตรงหน้าเคลื่อนมือลงไปถอดผ้าท่อนล่างต่อ หลังจากถอดเสื้อพาดริมเตียงแล้วเกิดใจเสาะขึ้นมาดื้อ ๆ ครั้นส่วนกลางกายอันใหญ่โตที่โอบล้อมด้วยเส้นเอ็นปูดนูนของร่างสูงดีดผึ่งออกมาปะทะสายตา ลำคอพานแห้งผากจนต้องลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ร่างกายขยับถอยหลังไปเองอัตโนมัติเมื่อหวนนึกถึงสัมผัสหยาบโลนในคืนนั้น"ไหนบอกว่าของฉันมันเล็ก และไม่ได้เรื่องแล้วถอยหนีทำไม เก่งให้เหมือนปากหน
"อึก" นับดาวเริ่มหอบหายใจขาดห้วงเนื้อตัวแดงก่ำ และสั่นระริก เหงื่อผุดพรายเคลือบไปทั่วร่างเพราะพยายามเก็บกลั้นเสียงครางข่มความรู้สึกเสียวซ่านที่แทรกไปทุกอณูของผิวเนื้อโดยเฉพาะร่องสาวที่ถูกท่อนลำแข็งขืนตอกอัดด้วยจังหวะเนิบนาบ ขยับเข้าออกสั้น ๆ แต่เน้นหนักมันแผ่วพริ้วแต่สร้างความซ่านสยิวให้เธออย่างหนักเซ็กซ์ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บสักนิดกลับมีความรู้สึกแปลกใหม่เข้ามาแทนที่คงเป็นเพราะถูกอีกคนปลุกเร้าจนเกิดอารมณ์ ช่องทางรักมีน้ำเป็นตัวหล่อลื่น อีกทั้งเขายังนุมนวลกว่าครั้งก่อนเป็นไหน ๆ มันรู้สึกดีและทรมานในเวลาเดียวกัน เธอกำลังพ่ายแพ้ให้เขาอีกครั้งแล้วใช่ไหม"อึก..อื้อ" ริมฝีปากอิ่มเผลอหลุดเสียงครางแผ่วออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ในตอนที่คนด้านบนถอนกายออกไปจนเกือบสุดแล้วหมุนควงส่วนปลายมนที่ค้างคาข้างในร่องหลืบ"ซี๊ดด" เช่นเดียวกับเจ้าของท่อนลำแข็งขืนที่หลุดเสียงต่ำในลำคอ แรงบีบรัดจากร่องคับแน่นสร้างความเสียวซ่านให้เขาไม่น้อยจนต้องขบกรามกรอด แล้วค่อย ๆ ดันกายกลับเข้าไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างบางได้ซึมซาบความเสียวซ่านจากแรงเสียดสีของผนังอ่อนนุ่มกับท่อนลำมหึมาของเขาสายตาจับจ้องท่อนลำที่ผล
ควันสีขาวคลุ้งถูกพ่นออกจากปากของติณณภัทรที่กำลังสูบสารนิโคตินเข้าปอดอยู่บนโซฟาภายในห้องนอน หลังจากสามารถทำให้คนปากเก่งอย่างนับดาวถอนคำพูดได้ สายตาจับจ้องแผ่นหลังขาวเนียนของคนที่นอนหลับไหลบนเตียงนิ่ง ๆ รอยยิ้มแห่งชัยชนะพลันผุดขึ้นประดับมุมปากหนาครั้นนึกถึงภาพที่หญิงสาวร้องบอกเขาด้วยน้ำเสียงสั่นระริกว่าพอได้แล้ว เธอขอถอนคำพูดทุกคำที่ว่าเขาไป แต่กว่าจะทำให้เธอสิ้นฤทธิ์ได้ก็เล่นเขาเกือบหมดท่าเหมือนกันเรียกได้ว่าภายในห้องถูกใช้เป็นที่เริงรักหมดทุกมุม เขานั่งสูบบุหรี่จนหมดมวนจึงลุกเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระร่างกายที่เหนี่ยวเหนอะหนะจากหยาดเหงื่อ และน้ำกามแกร็ก!ทันทีที่เสียงประตูปิดลงคนที่แสร้งทำเป็นหลับอยู่บนเตียงด้วยความอับอายก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะใช้ผ้าห่มผืนใหญ่พันตัวจนเหลือแค่ใบหน้า รีบพาตัวลงจากเตียงเดินเก็บเศษซากเสื้อผ้า กระเป๋าสะพายมาถือไว้ แล้วค่อย ๆ เดินไปแง้มประตูชะโงกหน้าดูว่ามีใครอยู่แถวนี้ไหม เมื่อเห็นว่าปลอดคนจึงรีบวิ่งจูดกลับห้องตัวเองด้วยความเร็วก่อนที่อีกคนจะออกมาจากห้องน้ำ"อ๊ายย!" เธอใช้หมอนปิดหน้าแล้วกรีดออกมาสุดเสียงเพื่อระบายความคับแค้นใจทันที
1 อาทิตย์ต่อมาครืดดด~สายเรียกเข้าจากโทรศัพท์ดังขึ้นขณะที่นับดาวกำลังนั่งดื่มด่ำบรรยากาศยามเก้าโมงเช้าของวันใหม่ เธอดึงสายตากลับมามองหน้าจอโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างตัว เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์นักสืบจึงหยิบขึ้นมากดรับสาย"สวัสดีค่ะ"(สวัสดีครับคุณนับดาว ผมได้ข้อมูลที่คุณต้องการแล้วนะครับ)"งั้นเจอกันที่เดิมนะคะ" ว่าจบนิ้วเรียวก็กดวางสายทันที ก่อนเธอจะลุกเดินเข้าไปในบ้านเพื่อเอากระเป๋าเงิน และกุญแจรถออกไปหานักสืบที่คาเฟ่ที่นัดเจอกันครั้งก่อน ขณะที่กำลังขับรถออกจากบ้านเธอกลับไม่รู้เลยว่ามีคนแอบขับรถสะกดรอยตามอยู่จนมาถึงคาเฟ่นับดาวเปิดประตูลงจากรถเดินเข้าไปในคาเฟ่ลับสไตล์เกาหลีซึ่งมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมากเหมาะแก่การคุยเรื่องสำคัญ เธอเลือกมุมที่เป็นสาวนตัวที่สุดนั่งรอไม่ถึงห้านาทีนักสืบก็มาถึง"ข้อมูลทั้งหมดอยู่ในซองนี้แล้วครับ" นักสืบวัยสามสิบต้น ๆ ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนให้นับดาวหลังจากหย่อนก้นนั่งแล้ว ซึ่งนับดาวก็ไม่รอช้ารับมันมาเปิดด้วยความอยากรู้ "เปรมศักดิ์ อิฐธิดำรงธรรม" เธอเค้นหัวเราะในลำคอเบา ๆ ขณะอ่านประวัติส่วนตัวของเปรมศักดิ์ หรือผู้ชายที่มีปัญหากับเธอในคืนนั้นเรียกได้ว่าโปร
วันต่อมานับดาวก็ลงมานั่งทานอาหารเช้าร่วมกับทุกคนภายในบ้านตามปกติแม้เมื่อคืนจะกลับมาดึกดื่นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างเงียบเชียบไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคน ซึ่งมันเป็นแบบนี้มาตลอดหนึ่งสัปดาห์ เธอชินแล้วล่ะถึงบางครั้งจะรู้สึกอึดอัดก็ตาม แต่ยังดีกว่าต้องมานั่งฟังคำพูดจากระแหนะกระแหนจากปากอรอินหลังจากทานอาหารเสร็จต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำธุระของตัวเองเหลือแค่เธอเพียงคนเดียวยอมรับว่าเหงาไม่น้อย จึงเดินออกไปยังลานสนามหญ้าหน้าบ้านที่มีแม่บ้านกำลังจัดเตรียมสถานที่สำหรับงานเลี้ยงวันเกิดของอรอินคืนนี้ "มีอะไรให้นับช่วยไหมคะ" ถามไถ่แม่บ้านวัยกลางคนที่กำลังจัดผ้าคลุมโต๊ะให้สวยงามด้วยน้ำเสียงนุ่ม เธออยากช่วยด้วยอีกแรงเพราะมันคงจะแก้เบื่อให้เธอได้บ้าง"ไม่เป็นไรค่ะคุณนับดาว" แม่บ้านวัยกลางคนระบายยิ้มตอบ"ให้นับช่วยเถอะค่ะอยู่ว่าง ๆ ก็เบื่อ" เธอดึงดันจะช่วย ว่าจบก็เดินไปหยิบผ้ามาคุมโต๊ะอีกตัวที่ยังวางบรรจงจับจีบรอบ ๆ โต๊ะอย่างตั้งใจ เห็นเธอแรง ๆ แบบนี้แต่เรื่องพื้นฐานพวกนี้เธอก็ทำเป็นเพราะเคยเรียนตอนมัธยมปลายวันนี้มีโอกาสได้ขุดออกมาใช้อีกครั้งแล้วการกระทำของนับดาวทำให้แม่บ้านคนอื่นที่มองว่าเธอไม
เวลาพลบค่ำแขกเหรื่อซึ่งเป็นเพื่อน และคนในแวดวงไฮโซที่รู้จักคุณหญิงอรอินกับพิภพก็ทยอยกันมาร่วมงานเป็นจำนวนมากรวมถึงครอบครัวของนับดาวด้วย ทว่าเธอกลับไม่รู้สึกดีใจสักนิดที่ได้พบกับบิดา และบิดาเธอเองก็คงคิดแบบเดียวกันเพราะท่านไม่แม้แต่จะรับไหว้เธอ เลือกจะเดินผ่านไปทักทายพ่อแม่ติณณภัทรโดยข้าง ๆ ก็ควงสองแม่ลูกนั่น เธอทำได้แค่เดินตามไปยืนใกล้ ๆ เงียบ ๆ ความจริงเธอไม่ได้อยากร่วมงานนี้ด้วยสักนิด แต่ฐานะลูกสะใภ้มันค้ำคออยู่หากไม่อยู่ร่วมงานอาจจะดูไม่ดี"สวัสดีครับคุณหญิงอรอิน คุณพิภพ" ทนงศักดิ์เอ่ยทักทายอรอินกับพิภพด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตามด้วยนิ่ม "สวัสดีค่ะคุณพี่อรอิน คุณพี่พิภพ""สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า" หลังจากนิ่มกับทนงศักดิ์ทักทายเสร็จนีรนุชก็ยกมือขึ้นไหว้ทักทายผู้ใหญ่ทั้งสองต่ออย่างนอบน้อม เรียกความเอ็นดูจากอรอินได้เป็นอย่างดี"ไหว้พระเถอะลูก ป้าดีใจนะที่หนูนุชมาร่วมงานด้วยทั้งที่ลูกชายของป้าทำให้หนูเสียใจแท้ ๆ" ยื่นมือไปรับไหว้นีรนุชด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ทว่าประโยคหลังกลับตวัดสายตาไปค่อนแขวะบุตรชายกับนับดาว ก่อนจะหันกลับไประบายยิ้มให้นีรนุชต่อ"อย่าไปโกรธภัทรเลยค่ะคุณป้า เรื่องที่เกิดขึ้
"นุชไม่เป็นอะไรค่ะ ดูน้องนับก่อนค่ะน้องน่าจะเจ็บมากกว่านุช" เสียงของนีรนุชดังขึ้นเมื่อหายจากอาการตกใจนั่นจึงทำให้ทุกคนนึกขึ้นได้ว่านับดาวก็โดนเสาไฟล้มใส่เช่นกันจึงหันไปมอง แต่ปรากฏว่าไม่มีคนอยู่เสียแล้วเหลือเพียงรอยเลือดจำนวนมากที่เปรอะเปื้อนบนพื้นหญ้าทุกคนที่ได้เห็นถึงกับใจหายวาบโดยเฉพาะติณณภัทรความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้น งานนี้เขาผิดจริง ๆ ที่เอาแต่เป็นห่วงนีรนุชเพราะเห็นว่านีรนุชเป็นผู้หญิงบอบบางจนลืมนึกถึงนับดาวที่เป็นเมียตัวเองเสียสนิท"ใครเห็นนับดาวบ้าง นับดาวไปไหนแล้ว" เป็นอรอินที่ตะโกนถามเสียงดังลั่นต่อให้เธอไม่ชอบนับดาวยังไง แต่พอรู้ว่าเด็กสาวบาดเจ็บแบบนี้ก็อดเป็นกังวลไม่ได้ ทนงศักดิ์เองก็เช่นกันถึงเขาจะมีสีหน้าราบเรียบแต่ลึก ๆ ในใจรู้สึกเป็นห่วงบุตรสาว ฉุกคิดขึ้นได้ว่าเขาเองเป็นพ่อที่ลำเอียงสุด ๆ เป็นห่วงนีรนุชจนหลงลืมนับดาวไป คงจะมีแต่นิ่มที่แอบยิ้มอย่างสะใจที่นับดาวถูกทุกคนละเลยแล้วมาให้ความสำคัญกับบุตรสาวของเธอกันหมด"พิมเห็นคุณผู้ชายพาออกไปแล้วค่ะ" พิมที่เห็นตอนพิภพพยุงนับดาวออกจากลานสนามหญ้าพอดีบอกกล่าว"ตาภัทรโทรหาพ่อสิ" อรอินรีบบอกกล่าวกับบุตรชายทันทีเธออยากจะรู้ว่านับ
นับดาวให้กำเนิดบุตรสาวในวันเกิดของตัวเองพอดิบพอดีเพียงแต่คนละเวลากันเท่านั้น วันเกิดเธอปีนี้จึงกลายเป็นสุขสันต์วันคลอดแทนทุกคนต่างปลื้มปิติ โดยเฉพาะติณณภัทรวินาทีที่ได้เห็นหน้าบุตรสาวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่"ได้เจอกันสักทีนะลูกสาวพ่อ" ก้มจูบบนฝ่าเท้าน้อย ๆ ของบุตรสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างพินิศ คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยเพราะทุกส่วนบนใบหน้าบุตรสาวเหมือนผู้เป็นแม่ไม่มีผิด แทบไม่มีส่วนไหนที่ได้เขามาเลยมันน่าน้อยใจชะมัด"นับคุณดูสิลูกลำเอียงชะมัดเลย คิ้วก็เอาของแม่มา ตาก็เอาของแม่มา จมูกก็เอาของแม่มา ปากก็เอาของแม่มาไม่มีส่วนไหนที่เหมือนผมเลย อุตส่าห์ทำแทบตาย" เขาแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับเมียสาวทีเล่นทีจริงทำเอาทุกคนอดยิ้มตามไม่ได้"แสดงว่าลูกรักแม่มากกว่าพ่อไงคะ" นับดาวตอบกลับยิ้ม ๆ อีกคนหาได้ยอมน้อยหน้าไม่เอ่ยประกาศเสียงกร้าว เชิดหน้าขึ้นอย่างมาดหมาย "แบบนี้ยอมไม่ได้นะ ลูกคนต่อไปต้องเหมือนผมแล้วแหละ"คำพูดของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกระลอกหนึ่ง คงจะมีแต่แบงค์ที่ต้องกลำกลืนฝืนทนมองภาพทั้งสองหยอกล้อกันทั้งที่ในใจมันชอกช้ำอย่างหนัก ส้มซึ่งรู้ดีทำได
แสงแดดสีทองยามสี่โมงเย็นตกกระทบผิวน้ำทะเลสีเขียวมรกตทอประกายระยิบระยับ สายลมเอื่อย ๆ พัดโชยพากลิ่นอายทะเลลอยตลบอบอวลทำให้ผู้ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลาย"อากาศดีจังเลยค่ะ นานแล้วสิที่ไม่ได้พักผ่อนแบบนี้" นับดาวหันบอกกล่าวกับร่างสูงที่เดินเคียงข้าง จับมือพากันเดินเลียบไปตามแนวชายหาดด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มาเที่ยวทะเล และดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ต้องขอบคุณผู้ชายข้าง ๆ ที่ทำให้เธอได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนสิ้นเชิงทุกครั้งที่มาเที่ยวทะเลเธอจะมาเพราะต้องการแก้เบื่อแก้เซ็ง มาด้วยอารมณ์โดดเดี่ยว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสุขจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"ใช่ครับ" ติณณภัทรระบายยิ้มตอบเขาเองก็ไม่ได้เที่ยวแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้กับคนที่รักจึงมีความสุขไม่น้อย "ได้มาพักผ่อนกับคนที่รักมันดีกว่าคนเดียวเป็นไหน ๆ เลยว่าไหม""ใช่ค่ะ นับไม่เคยรู้เลยว่าการมีความรัก มีครอบครัวมันดีขนาดนี้ต้องขอบคุณคุณนะคะที่เข้ามาในชีวิตของนับ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยมาจากก้นบึ้งของหัวใจ"ผมก็ขอบคุณคุณเช่นกันที่เข้ามา
วันต่อมาหลังจากเรื่องร้าย ๆ ผ่านไปวันนี้ติณณภัทรจึงตั้งใจพานับดาวไปทำบุญ และไหว้แม่ของเธอ"จะไปไหนกันฮึสองคนนี้" อรอินเอ่ยทักบุตรชายกับลูกสะใภ้ที่เดินเข้ามานั่งบนโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มเพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนจะออกไปไหนกัน"ผมกับนับจะไปทำบุญกันครับ" ติณณภัทรตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันมองหน้าเมียสาวพร้อมยื่นมือไปกอบกุมมือเรียวไว้หลวม ๆ นับดาวส่งยิ้มหวานให้คนเป็นสามีบาง ๆ "ก็ดีเหมือนกันนะจะได้เป็นมงคลให้กับชีวิต แม่ขอให้ชีวิตคู่หลังจากนี้ของลูกทั้งสองพบแต่ความสุขนะ" อรอินเห็นดีเห็นงามด้วย และก็อวยพรให้เด็กทั้งสองพบเจอแต่ความสุขในชีวิตคู่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามากมาย"พ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขมาก ๆ นะ จะเป็นพ่อแม่คนแล้วทำอะไรก็นึกถึงจิตใจกันและกันให้มาก ๆ อย่าเอาอารมณ์เข้าว่า อย่าละเลยความรู้สึกกัน รักและดูแลกันให้เหมือนวันแรกที่รักกัน ความสม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคู่มาก พ่อหวังว่าลูกทั้งสองคนจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขไปจนแก่จนเฒ่า" พิภพอวยพรเด็กทั้งสองต่อหลังจากภรรยาเอ่ยจบ และไม่ลืมจะให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่กับทั้งสองด้วย"ขอบคุณคุ
นับดาวกำแหวนในมือแน่น แล้วเดินกลับไปยังห้องชายหนุ่มอีกครั้ง คาดว่าตอนนี้เขาคงขึ้นมาจากชั้นล่างแล้ว ยืนรวบรวมความกล้าข่มความตื่นเต้นอยู่หน้าห้องนานนับนาที ก่อนค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปเสียงเปิดประตูทำให้ติณณภัทรที่ทำท่าจะตามหาหญิงสาวหลังจากเข้ามาในห้องแล้วไม่พบเธอรีบหันไปมอง ครั้นเห็นคนตัวเล็กก็รีบเดินเข้าไปถามไถ่ "ไปไหนมาฮึ""ฉันมีอะไรจะมอบให้คุณค่ะ" นับดาวไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม แต่กลับจับมือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา แล้วจัดการเอาแหวนที่กำไว้บรรจงสวมบนนิ้วนางของเขา "คุณมอบแหวนแต่งงานให้ฉันแล้ว ถึงคราวฉันมอบแหวนแต่งงานให้คุณบ้างแล้ว แหวนวงนี้แทนความรักจากฉันนะคะ""นะ..นี่มันอะไรกัน เธอความทรงจำกับมาแล้วเหรอ" ติณณภัทรถึงกับประมวลผลไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกในตอนนี้คือทั้งดีใจ สับสนงุนงง และไม่เข้าใจ ดวงตาคมกริบปริ่มไปด้วยน้ำสีใสจ้องมองใบหน้าสวยเชิงตั้งคำถาม "ฉันรักคุณนะคะ" นับดาวตอบคำถามของเขาแทนด้วยการบอกความรู้สึกออกไปพร้อมกับก้มจูบหลังมือของเขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปคล้องลำคอแกร่งเอาไว้หลวม ๆ แล้วเขย่งเท้าขึ้นประทับริมฝีปากจูบริมฝีปากหนาติณณภัทรไม่ได้ปฏิเสธถึงแม้ตอนนี้จะยั
หลังจากนับดาวฟื้นขึ้นมาหมอก็ให้นอนดูอาการอีกสองวันจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้เพราะร่างกาย และผลการสแกนสมองปกติดีทุกอย่าง ส่วนเรื่องที่เธอจำอะไรไม่ได้หมอประเมินว่าอาจเป็นอาการความทรงจำหายไปชั่วคราว อีกไม่นานความทรงจำน่าจะกลับมาเหมือนหลาย ๆ เคสที่ผ่านมา"บ้านของเราจำได้ไหม" ติณณภัทรเอ่ยถามคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อรถจอดลงหน้าบ้านอัครกุลสิ้นเสียงทุ้มนับดาวก็ทอดสายตามองเข้าบ้านหลังใหญ่โตตรงหน้า คิ้วสวยขมวดเป็นปมคล้ายกับว่าจำอะไรไม่ได้เลย"ฉันจำไม่ได้เลย" เปล่งเสียงตอบด้วยใบหน้าเศร้า แววตาหม่นหมองจนติณณภัทรต้องรีบรั้งเธอมากอดใช้มือลูบศีรษะเล็กทุยปลอบประโลม "จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็จำได้เองไม่ต้องรีบร้อน""ค่ะ""เข้าบ้านกันดีกว่าป่านนี้พ่อกับแม่คงรออยู่ ท่านดีใจมากเลยนะที่รู้ว่าเธอได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว" "ค่ะ" คนที่อิงแอบหน้ากับไหล่กว้างพยักรับ แล้วผละตัวออกจากอ้อมกอดคนตัวโต ซึ่งติณณภัทรก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมาเปิดประตูให้เธอ"เชิญครับ" บอกกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นมือไปให้เธอจับ อีกคนยื่นมือไปวางบนมือหนาแล้วพาตัวลุกจากรถโดยไม่ลืมจะเอ่ยขอบคุณคนตัวโต "ขอบคุณนะคะ
วันต่อมาวันนี้ติณณภัทรตั้งใจว่าจะสวมแหวนแต่งงานให้นับดาวถึงแม้เธอจะยังไม่รู้สึกตัวก็ตาม เขาโทรไปยังร้านดอกไม้สั่งให้ทางร้านจัดช่อดอกกุหลาบสีแดงซึ่งเป็นดอกไม้ที่เธอชอบจำนวนหนึ่งร้อยดอก แล้วให้นำมาส่งที่โรงพยาบาลหลังจากได้รับช่อดอกไม้เขาก็นำมันไปวางข้างเตียงหญิงสาว เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มองใบหน้าสวยอย่างสื่อความหมาย "ฉันเอาดอกไม้ที่เธอชอบมาให้ตื่นมาดูสิสวยมากเลยนะ และวันนี้ฉันก็มีบางอย่างจะให้เธอด้วยนะ"เขาว่าแล้วนิ่งเงียบไป ก่อนล้วงกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเปิดออกแล้วหยิบแหวนมาถือไว้ "แหวนวงนี้เป็นแหวนที่ฉันตั้งใจสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อเป็นแหวนแต่งงานสำหรับเธอเลยนะ หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นเธอจะชอบมันนะ"ว่าจบก็จับมือด้านซ้ายของเธอมาบรรจงสวมแหวนเพชรลงบนนิ้วนาง จากนั้นก็ประทับจูบลงบนหลังมือนิ่มแช่ค้างไว้แบบนั้นและในจังหวะนั้นเองนิ้วเรียวทั้งห้าก็ขยับขึ้นเบา ๆ ทำให้ติณณภัทรต้องรีบผละดูให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง และใช่นิ้วของเธอขยับจริง ๆ เขาค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวยด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยลุ้น และตื่นเต้นกับอะไรเท่านี้มาก่อนเลย"
"นับดาวเมื่อไรเธอจะตื่นขึ้นมาคุยกับฉันสักที ฉันคิดถึงเสียงพูดของเธอ คิดถึงรอยยิ้มของเธอ อยากกอดเธอจนใจจะขาดแล้ว เลิกทรมานกันสักทีได้ไหม"ติณณภัทรเอ่ยเสียงเศร้าจ้องมองหน้าคนบนเตียงที่นอนหลับมานานนับเดือนด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ใช่เวลาผ่านไปเป็นเดือนแล้วแต่หญิงสาวก็ไม่รู้สึกตัวสักทีอาการทางร่ายกายของเธอหายดีหมดแล้ว หมอทำการสแกนสมองก็ปกติดีแต่ทำไมเธอถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่รู้ คนรออย่างเขามันโคตรทรมานหัวใจมือหนายื่นไปจับมือเรียวมากอบกุมไว้แน่นส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในใจให้เธอได้รับรู้ หากเธอตื่นขึ้นมาเขามีคำพูดมากมายที่อยากบอก โดยเฉพาะคำว่ารักระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันทำให้เขารู้ว่าเธอมีความสำคัญกับชีวิตของเขามากแค่ไหน ในแต่วันที่ผ่านไปโดยไม่ได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอเหมือนกับชีวิตขาดอะไรไป มันเหงามันเคว้งคว้างไร้สีสันในวันที่คิดว่ากำลังจะเสียเธอไปเขายิ่งมั่นใจในความรู้สึกตัวเองว่าหลงรักเธอเข้าเต็มหัวใจแล้ว เธอเป็นความสุขของเขา ชีวิตในทุก ๆ วันที่มีเธอมันโคตรดีมาก ๆ แล้วแบบนี้เขาจะขาดเธอได้ยังไงกันครืดด~สายเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เขาห
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จติณณภัทรก็มาโรงพยาบาลทันที นั่งรอที่หน้าห้องไอซียูด้วยหัวใจมีความหวัง"เธอกับลูกต้องสู้นะฉันรออยู่" เสียงทุ้มพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาเศร้ามองประตูห้องไอซียูพร่ำภาวนาขอให้คนด้านในปลอดภัย ก่อนล้วงไปหยิบกล่องแหวนกำมะหยี่สีแดงที่เอาติดมาด้วยออกจากกระเป๋ากางเกงมาเปิดดู พร่ำรำพันออกมาแผ่วพริ้ว "ฉันรอสวมแหวนแต่งงานให้เธออยู่นะนับดาว"ดวงตาคมกริบจ้องมองแหวนเพชรในกล่องกำมะหยี่ด้วยความรู้สึกเศร้า แหวนเพชรวงนี้เขาตั้งใจสั่งทำให้หญิงสาวตั้งแต่รู้ว่าเธอท้องโดยสลักชื่อเขากับเธอเอาไว้ข้างในวงแหวนเพราะเขามั่นใจแล้วว่าจะร่วมเรียงเคียงหมอนไปกับเธอจนแก่เฒ่าเขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะปิดกล่องแหวน แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าทอดสายตามองไปที่หน้าห้องไอซียูเหมือนเดิม แม้ตอนนี้เวลาจะล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนแล้วเขาก็ไม่มีท่าว่าจะง่วงนอน และหิวสักนิดทั้งที่ตั้งแต่ไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่ตอนเที่ยง ในสถานการณ์แบบนี้เขานอนและทานอะไรไม่ลงจริง ๆ จนกว่าจะรู้ว่าลูกเมียปลอดภัยแล้วหลายชั่วโมงต่อมาก็เข้าสู่เช้าของวันใหม่ ติณณภัทรก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยอาการเหนื่อยล้า ใจจดใจจ่อเฝ้ารอว่า
"เกิดอะไรขึ้นกับเธอนับดาว" ติณณภัทรที่ได้ยินเสียงกรีดของนับดาวผ่านสาย ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนอะไรชนกันสักอย่างดังสนั่นแล้วสายก็ตัดไปทำให้เขาใจคอไม่ดีเป็นอย่างมาก พยายามติดต่อหาเธอหลายครั้งก็ปิดเครื่องได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอพร้อมกับเร่งความเร็วของรถเพื่อกลับไปดูที่บ้านว่าเธอกลับไปหรือยังขับรถมาได้สักพักคิ้วเข้มก็ต้องขมวดเป็นปมด้วยความโมโหเพราะข้างหน้ารถติดยาวเหยียดทำไมต้องมาติดตอนนี้ตอนที่เขากำลังรีบ ดูเหมือนว่าข้างหน้าจะเกิดอุบัติเหตุเมื่อมองไปที่ริมถนนไกล ๆ ก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากกำลังมุงดูอะไรกันอยู่ แวบหนึ่งที่เขานึกถึงหญิงสาวแต่ก็พยายามคิดว่ามันไม่ใช่ ยังคงขับรถต่อกระทั่งสายตาเหลือบเห็นรถคันที่เกิดอุบัติเหตุเหมือนจะชนกับเสาไฟฟ้า เท้าใหญ่เหยียบเบรกฉับพลันพร้อมกับหัวใจที่กระตุกวูบอย่างหนักรถที่เกิดอุบัติเหตุเป็นคันสีขาว และยี่ห้อเดียวกับของนับดาวไม่มีผิด จึงตัดสินใจตีไฟเลี้ยวจอดรถริมถนนแล้วเปิดประตูลงไปดู "ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อยครับ" พยายามขอทางฝ่าวงล้อมผู้คนที่ยืนดูเข้าไปด้านใน ร่างกายชาวาบชั่วขณะเข่าอ่อนยวบแทบทรงตัวไม่อยู่ในตอนที่เห็นป้ายทะเบียนรถ เขาจำได้