เวลาพลบค่ำแขกเหรื่อซึ่งเป็นเพื่อน และคนในแวดวงไฮโซที่รู้จักคุณหญิงอรอินกับพิภพก็ทยอยกันมาร่วมงานเป็นจำนวนมากรวมถึงครอบครัวของนับดาวด้วย ทว่าเธอกลับไม่รู้สึกดีใจสักนิดที่ได้พบกับบิดา และบิดาเธอเองก็คงคิดแบบเดียวกันเพราะท่านไม่แม้แต่จะรับไหว้เธอ เลือกจะเดินผ่านไปทักทายพ่อแม่ติณณภัทรโดยข้าง ๆ ก็ควงสองแม่ลูกนั่น เธอทำได้แค่เดินตามไปยืนใกล้ ๆ เงียบ ๆ ความจริงเธอไม่ได้อยากร่วมงานนี้ด้วยสักนิด แต่ฐานะลูกสะใภ้มันค้ำคออยู่หากไม่อยู่ร่วมงานอาจจะดูไม่ดี"สวัสดีครับคุณหญิงอรอิน คุณพิภพ" ทนงศักดิ์เอ่ยทักทายอรอินกับพิภพด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตามด้วยนิ่ม "สวัสดีค่ะคุณพี่อรอิน คุณพี่พิภพ""สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า" หลังจากนิ่มกับทนงศักดิ์ทักทายเสร็จนีรนุชก็ยกมือขึ้นไหว้ทักทายผู้ใหญ่ทั้งสองต่ออย่างนอบน้อม เรียกความเอ็นดูจากอรอินได้เป็นอย่างดี"ไหว้พระเถอะลูก ป้าดีใจนะที่หนูนุชมาร่วมงานด้วยทั้งที่ลูกชายของป้าทำให้หนูเสียใจแท้ ๆ" ยื่นมือไปรับไหว้นีรนุชด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ทว่าประโยคหลังกลับตวัดสายตาไปค่อนแขวะบุตรชายกับนับดาว ก่อนจะหันกลับไประบายยิ้มให้นีรนุชต่อ"อย่าไปโกรธภัทรเลยค่ะคุณป้า เรื่องที่เกิดขึ้
"นุชไม่เป็นอะไรค่ะ ดูน้องนับก่อนค่ะน้องน่าจะเจ็บมากกว่านุช" เสียงของนีรนุชดังขึ้นเมื่อหายจากอาการตกใจนั่นจึงทำให้ทุกคนนึกขึ้นได้ว่านับดาวก็โดนเสาไฟล้มใส่เช่นกันจึงหันไปมอง แต่ปรากฏว่าไม่มีคนอยู่เสียแล้วเหลือเพียงรอยเลือดจำนวนมากที่เปรอะเปื้อนบนพื้นหญ้าทุกคนที่ได้เห็นถึงกับใจหายวาบโดยเฉพาะติณณภัทรความรู้สึกผิดก่อตัวขึ้น งานนี้เขาผิดจริง ๆ ที่เอาแต่เป็นห่วงนีรนุชเพราะเห็นว่านีรนุชเป็นผู้หญิงบอบบางจนลืมนึกถึงนับดาวที่เป็นเมียตัวเองเสียสนิท"ใครเห็นนับดาวบ้าง นับดาวไปไหนแล้ว" เป็นอรอินที่ตะโกนถามเสียงดังลั่นต่อให้เธอไม่ชอบนับดาวยังไง แต่พอรู้ว่าเด็กสาวบาดเจ็บแบบนี้ก็อดเป็นกังวลไม่ได้ ทนงศักดิ์เองก็เช่นกันถึงเขาจะมีสีหน้าราบเรียบแต่ลึก ๆ ในใจรู้สึกเป็นห่วงบุตรสาว ฉุกคิดขึ้นได้ว่าเขาเองเป็นพ่อที่ลำเอียงสุด ๆ เป็นห่วงนีรนุชจนหลงลืมนับดาวไป คงจะมีแต่นิ่มที่แอบยิ้มอย่างสะใจที่นับดาวถูกทุกคนละเลยแล้วมาให้ความสำคัญกับบุตรสาวของเธอกันหมด"พิมเห็นคุณผู้ชายพาออกไปแล้วค่ะ" พิมที่เห็นตอนพิภพพยุงนับดาวออกจากลานสนามหญ้าพอดีบอกกล่าว"ตาภัทรโทรหาพ่อสิ" อรอินรีบบอกกล่าวกับบุตรชายทันทีเธออยากจะรู้ว่านับ
สุดท้ายติณณภัทรก็มาโผล่ที่โรงพยาบาลหลังจากนั่งคิดอะไรบางอย่างจนตกผนึกอย่างที่ผู้เป็นแม่บอกว่าถึงยังไงนับดาวก็ได้ชื่อว่าเป็นเมีย ยิ่งเขาเป็นคนมีหน้ามีตาสังคมด้วยแล้วก็ยิ่งต้องมาดูแลเธอเพราะถ้าไม่ทำหน้าที่สามีให้ดีปล่อยให้ภรรยานอนเจ็บอยู่โรงพยาบาลคนเดียวเกิดพวกไม่หวังดี หรือพวกปาปารัสซี่รู้เข้าคงเอาไปเขียนข่าวเสียหายและแน่นอนเมื่อเกิดข่าวเสียหายยอมส่งผลต่อธุรกิจของเขาอยู่แล้วดังนั้นกันไว้ดีกว่าแก้ หลังจากสอบถามพยาบาลจนรู้ว่านับดาวอยู่ห้องไหนเขาก็เดินไปหาทันที เมื่อมาถึงหน้าห้องก็ค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปอย่างแผ่วเบาที่สุดเผื่อว่าคนด้านในจะหลับเพราะเป็นเวลาตีหนึ่งแล้ว ปรากฏว่าเป็นอย่างที่คิดร่างบางบนเตียงหลับไปแล้วจริง ๆ เท้าใหญ่ก้าวเดินไปหยุดยืนริมเตียง สายตาคมกริบไล่มองคนบนเตียงอย่างสำรวจ พอเห็นสภาพเธอแล้วอดสงสารไม่ได้จริง ๆ มือข้างขวาตลอดจนถึงแขนของเธอถูกพันด้วยผ้าพันแผลมีเลือดสีแดงสดไหลเปรอะเปื้อนออกมาเคลือบบาง ๆ หน้าผากด้านซ้ายเป็นรอยฟอกช้ำ ใบหน้าซีดเผือดคงเพราะเสียเลือดไม่น้อย บนพวงแก้มทั้งสองมีหยาดน้ำสีใสเกาะอยู่ ปลายจมูกโด่งรั้นขึ้นสีแดงปลั่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าก่อนจะหลับไปเ
แกร็ก!หลังจากทนงศักดิ์ นิ่มและนีรนุชกลับไปได้ชั่วโมงกว่า ๆ ประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นคนที่ทำให้นับดาวยิ้มได้"ส้ม แบงค์มาเร็วจังฉันเพิ่งโทรเมื่อกี้เอง" เธอเอ่ยทักทายเพื่อนทั้งสองด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ทว่าทั้งแบงค์และส้มกลับมีสีหน้าเคร่งขรึมเพราะรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนสาวมาก พอเพื่อนสาวโทรบอกก็รีบมากันทันที"เป็นยังไงบ้างนับ แล้วทำไมถึงเจ็บตัวได้" แบงค์เดินเข้าไปหยุดยืนข้างเตียงยิงคำถามใส่เพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงเข้มได้เห็นสภาพเพื่อนสาวแล้วทำให้เขายิ่งเป็นห่วงมากกว่าเดิม"นั่นสิมันเกิดอะไรขึ้น" ส้มเอ่ยสมทบสายตาจ้องหน้าเพื่อนสาวอย่างคาดคั้น"เสาไฟที่งานวันเกิดแม่ติณณภัทรล้มใส่น่ะ พวกแกจะทำหน้าซีเรียสทำไมฉันไม่ได้เจ็บมากสักหน่อย" นับดาวตอบด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังมากนัก ก่อนจะระบายยิ้มแหย่ ๆ ให้เพื่อน ๆ เพราะไม่อยากให้ทั้งสองเป็นห่วงถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะปวดบริเวณแผ่นหลังตุบ ๆ ก็ตาม"พูดมาได้ว่าไม่มาก ถ้าไม่มากหมอคงไม่ให้แกนอนโรงพยาบาลหรอก" ส้มอดดุเพื่อนสาวไม่ได้ ก่อนแบงค์จะถามไถ่ต่อพลางมองสำรวจร่างกายคนบนเตียงไปด้วย "แล้วนี่นอกจากแขนนับเจ็บตรงไหนอีกไหม แล้วหมอว่ายัง
แกร็ก!เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้นับดาวที่กำลังนอนถอนหายใจซ้ำ ๆ บนเตียงด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย ตวัดสายตามองทางประตูอย่างสนใจ ทว่าเพียงเห็นหน้าคนที่เปิดเข้ามาเท่านั้นเธอก็ต้องกลอกตามองบนถอนหายใจมาด้วยอาการเบื่อหนักกว่าเดิม เพราะดันเป็นคนที่เธอไม่ชอบขี้หน้าอย่างติณณภัทร ไม่รู้ว่าเขาจะมาทำไมอีก"คุณมาทำไมอีกมิทราบ" กระแทกเสียงถามอย่างไม่สบอารมณ์ สายตาจ้องร่างสูงที่เดินมายืนริมเตียงเขม็ง "มาทำหน้าที่สามีไง คนอื่นจะได้ไม่ว่าเอาได้ว่าฉันไม่สนใจเมียตัวเอง" ติณณภัทรย้ำเหตุผลของตัวเองให้หญิงสาวฟังอีกครั้ง ขณะที่สายตาจ้องลึกเข้าไปในตาคู่คม ซึ่งอีกคนก็ไม่คิดหลบหลีกสองสายตามองสบประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ก่อนติณณภัทรจะลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ กับท่าทางของเธอ เพราะเธอเป็นแบบนี้ไงจะให้เขาดีด้วยได้ยังไงกัน ขนาดเจ็บอยู่แท้ ๆ ยังปากเก่งไม่มีใครเกิน"ก็แค่สามีในนาม" นับดาวบ่นออกมาเปรย ๆ หลังจากได้รู้ว่าความจริงแล้วนีรนุชรักกับเปรมศักดิ์มันก็ทำให้เธอคิดจะหย่ากับติณณภัทรขึ้นมาเพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องทนอยู่บ้านเดียวกับเขาอีกในเมื่อเขาไม่ใช่หมากให้เธอทำร้ายนีรนุช แต่เป็นเปรมศักดิ์ต่างหาก ออกจากโรง
เช้าวันต่อมา"เวลาหลับก็ดูน่าสงสารอยู่หรอก" ติณณภัทรยืนมองร่างบางบนเตียงที่ยังนอนหลับไหลด้วยแววตาหลากหลายความรู้สึกเวลาเธอไม่มีฤทธิ์เดชแบบนี้ทำให้นึกสงสารไม่น้อยจากที่ได้รับรู้เรื่องราวบางส่วนมา ทว่าพอนึกถึงความอวดเก่งปากดีเขาก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูเวลาเมื่อเห็นว่าเจ็ดโมงกว่า ๆ จึงเดินออกจากห้องไปขึ้นรถขับตรงกลับบ้านไม่คิดปลุกคนที่นอนหลับอยู่เมื่อวานเขาไม่ได้เข้าไปบริษัทเพราะมัวยุ่ง ๆ เรื่องหญิงสาว วันนี้จึงต้องเข้าไปเคลียร์เอกสารสักหน่อย โดยหลังจากขับรถกลับไปอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านเสร็จก็ตรงไปบริษัททันทีทางด้านนับดาวหลังจากชายหนุ่มออกไปไดราวชั่วโมงกว่า ๆ เธอก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ดวงตาคมกระพริบถี่ ๆ สองสามครั้งไล่อาการพร่ามัวออก ก่อนจะเหลือบมองไปยังโซฟาที่มีอีกคนนอนอยู่ตลอดทั้งคืน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าแสดงว่าเขากลับไปแล้ว"ไปเสียได้ก็ดี" ซึ่งแน่นอนว่ามันดีสำหรับเธฮมาก ๆ เพราะเธอไม่ได้อยากให้เขามาเฝ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่พูดไปเขาก็ไม่ฟังหน้าด้านจะเฝ้าอยู่นั่นแหละแกร็ก!คิ้วสวยพลันขมวดเป็นปมครั้นได้ยินเสียงเปิดประตูหวังว่าจะไม่ใช่ชา
ติ้ง~ ติ้ง~เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้นระรัวทำให้ติณณภพที่กำลังขับรถไปยังบ้านจิระกาญหลังจากได้รับโทรศัพท์จากผู้เป็นแม่แม่ว่าทนงศักดิ์กับครอบครัวกำลังเดินทางไปทานข้าวที่บ้านพลันชะลอความเร็วลง ล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในช่องด้านข้างขึ้นมาเปิดหน้าจอดูคิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากนีรนุช ก่อนกดเข้าไปดูด้วยความสงสัยปรากฏว่าเป็นคลิปวีดีโอ นิ้วเรียวกดเล่นคลิปอย่างไม่รอช้า"ไอ้เปรม" เขาถึงกับกัดฟันกรอดจนกรามนูนเป็นสัน แววตาฉายแววไม่พอใจอย่างชัดเจนกับภาพเคลื่อนไหวที่กำลังเล่นอยู่บนหน้าจอ มันเป็นภาพที่เปรมศักดิ์กับนับดาวกำลังพูดคุยหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนิทสนม เขารีบกดออกจากช่องแชทแล้วต่อสายหานีรนุชทันที ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ(ฮัลโหลภัทร)"ภัทรเห็นคลิปแล้วนะ นุชไปได้คลิปนี้มายังไงเหรอ"(นุชแวะไปเยี่ยมน้องนับมา แล้วบังเอิญเห็นภาพที่ไม่สมควรเห็นเท่าไร..) นีรนุชจงใจพูดให้ชายหนุ่มอยากรู้เข้าไปอีกซึ่งมันก็ได้ผล"มีอะไรที่มากกว่าในคลิปเหรอ" (อืม..นุชเปิดประตูเข้าไปเห็นน้องนับจูบกับเปรมศักดิ์พอดีอ่ะ นุชเป็นห่วงน้องนับกลัวว่าจะถูกเปรมศักดิ์ปองร้าย หรือถูกมองไม่ดี
@โรงพยาบาลหลังจากพูดคุยกับป้าพิมเสร็จติณณภัทรก็ขับรถตรงไปโรงพยาบาลทันทีเพราะต้องเคลียร์กับนับดาวต่อเรื่องเปรมศักดิ์ เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพิเศษเขาไม่ได้เปิดประตูเข้าไปในทันที แต่แอบยืนสอดส่องมองคนด้านในผ่านช่องกระจกเพื่อดูว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ "หึ" เสียงเค้นหัวเราะดังกระหึ่มในลำคอหนาเมื่อเห็นว่าร่างบางบนเตียงกำลังพยายามพาตัวเองลงจากเตียงอย่างทุลักทุเลเห็นแล้วน่าเวทนายิ่งนักหมดคราบผู้หญิงแข็งกระด้างไปสิ้นเชิง ทว่าในวินาทีต่อมาเขาก็ต้องรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องเพราะคนที่พยายามลงจากเตียงร่วงลงไปนั่งกองบนพื้นทันทีที่เท้าแตะถึงพื้น"คุณ" นับดาวรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยครั้นหันไปเห็นคนที่เปิดประตูเข้ามาคิดว่าเขาคงหัวเราะเยาะที่ได้เห็นเธออยู่ในสภาพนี้ พยายามกัดฟันข่มความปวดร้าวระบมตั้งแต่แผ่นหลังลงไปจนถึงขาเอาไว้ แล้วใช้มือเกาะขอบเตียงเป็นที่ยึดเหนี่ยวยันตัวลุกขึ้นยืน"ซี๊ด..!" ทว่าเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดซูดปากเบา ๆ ด้วยความรู้สึกปวดร้าวที่แล่นพล่านไปทั่วลุกได้แค่นิดเดียวขาก็สั่นพั่บ ๆ เหมือนเจ้าเข้า ให้ตายเถอะเธอได้แต่สบถอยู่ในใจทำไมต้องเป็นแบบนี้ตอนมีผู้ชายร้ายกาจอยู่ด้วยนะ"ไหวรึเปล่า" เธ
นับดาวให้กำเนิดบุตรสาวในวันเกิดของตัวเองพอดิบพอดีเพียงแต่คนละเวลากันเท่านั้น วันเกิดเธอปีนี้จึงกลายเป็นสุขสันต์วันคลอดแทนทุกคนต่างปลื้มปิติ โดยเฉพาะติณณภัทรวินาทีที่ได้เห็นหน้าบุตรสาวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่"ได้เจอกันสักทีนะลูกสาวพ่อ" ก้มจูบบนฝ่าเท้าน้อย ๆ ของบุตรสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างพินิศ คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยเพราะทุกส่วนบนใบหน้าบุตรสาวเหมือนผู้เป็นแม่ไม่มีผิด แทบไม่มีส่วนไหนที่ได้เขามาเลยมันน่าน้อยใจชะมัด"นับคุณดูสิลูกลำเอียงชะมัดเลย คิ้วก็เอาของแม่มา ตาก็เอาของแม่มา จมูกก็เอาของแม่มา ปากก็เอาของแม่มาไม่มีส่วนไหนที่เหมือนผมเลย อุตส่าห์ทำแทบตาย" เขาแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับเมียสาวทีเล่นทีจริงทำเอาทุกคนอดยิ้มตามไม่ได้"แสดงว่าลูกรักแม่มากกว่าพ่อไงคะ" นับดาวตอบกลับยิ้ม ๆ อีกคนหาได้ยอมน้อยหน้าไม่เอ่ยประกาศเสียงกร้าว เชิดหน้าขึ้นอย่างมาดหมาย "แบบนี้ยอมไม่ได้นะ ลูกคนต่อไปต้องเหมือนผมแล้วแหละ"คำพูดของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกระลอกหนึ่ง คงจะมีแต่แบงค์ที่ต้องกลำกลืนฝืนทนมองภาพทั้งสองหยอกล้อกันทั้งที่ในใจมันชอกช้ำอย่างหนัก ส้มซึ่งรู้ดีทำได
แสงแดดสีทองยามสี่โมงเย็นตกกระทบผิวน้ำทะเลสีเขียวมรกตทอประกายระยิบระยับ สายลมเอื่อย ๆ พัดโชยพากลิ่นอายทะเลลอยตลบอบอวลทำให้ผู้ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลาย"อากาศดีจังเลยค่ะ นานแล้วสิที่ไม่ได้พักผ่อนแบบนี้" นับดาวหันบอกกล่าวกับร่างสูงที่เดินเคียงข้าง จับมือพากันเดินเลียบไปตามแนวชายหาดด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มาเที่ยวทะเล และดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ต้องขอบคุณผู้ชายข้าง ๆ ที่ทำให้เธอได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนสิ้นเชิงทุกครั้งที่มาเที่ยวทะเลเธอจะมาเพราะต้องการแก้เบื่อแก้เซ็ง มาด้วยอารมณ์โดดเดี่ยว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสุขจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"ใช่ครับ" ติณณภัทรระบายยิ้มตอบเขาเองก็ไม่ได้เที่ยวแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้กับคนที่รักจึงมีความสุขไม่น้อย "ได้มาพักผ่อนกับคนที่รักมันดีกว่าคนเดียวเป็นไหน ๆ เลยว่าไหม""ใช่ค่ะ นับไม่เคยรู้เลยว่าการมีความรัก มีครอบครัวมันดีขนาดนี้ต้องขอบคุณคุณนะคะที่เข้ามาในชีวิตของนับ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยมาจากก้นบึ้งของหัวใจ"ผมก็ขอบคุณคุณเช่นกันที่เข้ามา
วันต่อมาหลังจากเรื่องร้าย ๆ ผ่านไปวันนี้ติณณภัทรจึงตั้งใจพานับดาวไปทำบุญ และไหว้แม่ของเธอ"จะไปไหนกันฮึสองคนนี้" อรอินเอ่ยทักบุตรชายกับลูกสะใภ้ที่เดินเข้ามานั่งบนโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มเพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนจะออกไปไหนกัน"ผมกับนับจะไปทำบุญกันครับ" ติณณภัทรตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันมองหน้าเมียสาวพร้อมยื่นมือไปกอบกุมมือเรียวไว้หลวม ๆ นับดาวส่งยิ้มหวานให้คนเป็นสามีบาง ๆ "ก็ดีเหมือนกันนะจะได้เป็นมงคลให้กับชีวิต แม่ขอให้ชีวิตคู่หลังจากนี้ของลูกทั้งสองพบแต่ความสุขนะ" อรอินเห็นดีเห็นงามด้วย และก็อวยพรให้เด็กทั้งสองพบเจอแต่ความสุขในชีวิตคู่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามากมาย"พ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขมาก ๆ นะ จะเป็นพ่อแม่คนแล้วทำอะไรก็นึกถึงจิตใจกันและกันให้มาก ๆ อย่าเอาอารมณ์เข้าว่า อย่าละเลยความรู้สึกกัน รักและดูแลกันให้เหมือนวันแรกที่รักกัน ความสม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคู่มาก พ่อหวังว่าลูกทั้งสองคนจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขไปจนแก่จนเฒ่า" พิภพอวยพรเด็กทั้งสองต่อหลังจากภรรยาเอ่ยจบ และไม่ลืมจะให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่กับทั้งสองด้วย"ขอบคุณคุ
นับดาวกำแหวนในมือแน่น แล้วเดินกลับไปยังห้องชายหนุ่มอีกครั้ง คาดว่าตอนนี้เขาคงขึ้นมาจากชั้นล่างแล้ว ยืนรวบรวมความกล้าข่มความตื่นเต้นอยู่หน้าห้องนานนับนาที ก่อนค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปเสียงเปิดประตูทำให้ติณณภัทรที่ทำท่าจะตามหาหญิงสาวหลังจากเข้ามาในห้องแล้วไม่พบเธอรีบหันไปมอง ครั้นเห็นคนตัวเล็กก็รีบเดินเข้าไปถามไถ่ "ไปไหนมาฮึ""ฉันมีอะไรจะมอบให้คุณค่ะ" นับดาวไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม แต่กลับจับมือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา แล้วจัดการเอาแหวนที่กำไว้บรรจงสวมบนนิ้วนางของเขา "คุณมอบแหวนแต่งงานให้ฉันแล้ว ถึงคราวฉันมอบแหวนแต่งงานให้คุณบ้างแล้ว แหวนวงนี้แทนความรักจากฉันนะคะ""นะ..นี่มันอะไรกัน เธอความทรงจำกับมาแล้วเหรอ" ติณณภัทรถึงกับประมวลผลไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกในตอนนี้คือทั้งดีใจ สับสนงุนงง และไม่เข้าใจ ดวงตาคมกริบปริ่มไปด้วยน้ำสีใสจ้องมองใบหน้าสวยเชิงตั้งคำถาม "ฉันรักคุณนะคะ" นับดาวตอบคำถามของเขาแทนด้วยการบอกความรู้สึกออกไปพร้อมกับก้มจูบหลังมือของเขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปคล้องลำคอแกร่งเอาไว้หลวม ๆ แล้วเขย่งเท้าขึ้นประทับริมฝีปากจูบริมฝีปากหนาติณณภัทรไม่ได้ปฏิเสธถึงแม้ตอนนี้จะยั
หลังจากนับดาวฟื้นขึ้นมาหมอก็ให้นอนดูอาการอีกสองวันจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้เพราะร่างกาย และผลการสแกนสมองปกติดีทุกอย่าง ส่วนเรื่องที่เธอจำอะไรไม่ได้หมอประเมินว่าอาจเป็นอาการความทรงจำหายไปชั่วคราว อีกไม่นานความทรงจำน่าจะกลับมาเหมือนหลาย ๆ เคสที่ผ่านมา"บ้านของเราจำได้ไหม" ติณณภัทรเอ่ยถามคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อรถจอดลงหน้าบ้านอัครกุลสิ้นเสียงทุ้มนับดาวก็ทอดสายตามองเข้าบ้านหลังใหญ่โตตรงหน้า คิ้วสวยขมวดเป็นปมคล้ายกับว่าจำอะไรไม่ได้เลย"ฉันจำไม่ได้เลย" เปล่งเสียงตอบด้วยใบหน้าเศร้า แววตาหม่นหมองจนติณณภัทรต้องรีบรั้งเธอมากอดใช้มือลูบศีรษะเล็กทุยปลอบประโลม "จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็จำได้เองไม่ต้องรีบร้อน""ค่ะ""เข้าบ้านกันดีกว่าป่านนี้พ่อกับแม่คงรออยู่ ท่านดีใจมากเลยนะที่รู้ว่าเธอได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว" "ค่ะ" คนที่อิงแอบหน้ากับไหล่กว้างพยักรับ แล้วผละตัวออกจากอ้อมกอดคนตัวโต ซึ่งติณณภัทรก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมาเปิดประตูให้เธอ"เชิญครับ" บอกกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นมือไปให้เธอจับ อีกคนยื่นมือไปวางบนมือหนาแล้วพาตัวลุกจากรถโดยไม่ลืมจะเอ่ยขอบคุณคนตัวโต "ขอบคุณนะคะ
วันต่อมาวันนี้ติณณภัทรตั้งใจว่าจะสวมแหวนแต่งงานให้นับดาวถึงแม้เธอจะยังไม่รู้สึกตัวก็ตาม เขาโทรไปยังร้านดอกไม้สั่งให้ทางร้านจัดช่อดอกกุหลาบสีแดงซึ่งเป็นดอกไม้ที่เธอชอบจำนวนหนึ่งร้อยดอก แล้วให้นำมาส่งที่โรงพยาบาลหลังจากได้รับช่อดอกไม้เขาก็นำมันไปวางข้างเตียงหญิงสาว เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มองใบหน้าสวยอย่างสื่อความหมาย "ฉันเอาดอกไม้ที่เธอชอบมาให้ตื่นมาดูสิสวยมากเลยนะ และวันนี้ฉันก็มีบางอย่างจะให้เธอด้วยนะ"เขาว่าแล้วนิ่งเงียบไป ก่อนล้วงกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเปิดออกแล้วหยิบแหวนมาถือไว้ "แหวนวงนี้เป็นแหวนที่ฉันตั้งใจสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อเป็นแหวนแต่งงานสำหรับเธอเลยนะ หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นเธอจะชอบมันนะ"ว่าจบก็จับมือด้านซ้ายของเธอมาบรรจงสวมแหวนเพชรลงบนนิ้วนาง จากนั้นก็ประทับจูบลงบนหลังมือนิ่มแช่ค้างไว้แบบนั้นและในจังหวะนั้นเองนิ้วเรียวทั้งห้าก็ขยับขึ้นเบา ๆ ทำให้ติณณภัทรต้องรีบผละดูให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง และใช่นิ้วของเธอขยับจริง ๆ เขาค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวยด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยลุ้น และตื่นเต้นกับอะไรเท่านี้มาก่อนเลย"
"นับดาวเมื่อไรเธอจะตื่นขึ้นมาคุยกับฉันสักที ฉันคิดถึงเสียงพูดของเธอ คิดถึงรอยยิ้มของเธอ อยากกอดเธอจนใจจะขาดแล้ว เลิกทรมานกันสักทีได้ไหม"ติณณภัทรเอ่ยเสียงเศร้าจ้องมองหน้าคนบนเตียงที่นอนหลับมานานนับเดือนด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ใช่เวลาผ่านไปเป็นเดือนแล้วแต่หญิงสาวก็ไม่รู้สึกตัวสักทีอาการทางร่ายกายของเธอหายดีหมดแล้ว หมอทำการสแกนสมองก็ปกติดีแต่ทำไมเธอถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่รู้ คนรออย่างเขามันโคตรทรมานหัวใจมือหนายื่นไปจับมือเรียวมากอบกุมไว้แน่นส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในใจให้เธอได้รับรู้ หากเธอตื่นขึ้นมาเขามีคำพูดมากมายที่อยากบอก โดยเฉพาะคำว่ารักระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันทำให้เขารู้ว่าเธอมีความสำคัญกับชีวิตของเขามากแค่ไหน ในแต่วันที่ผ่านไปโดยไม่ได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอเหมือนกับชีวิตขาดอะไรไป มันเหงามันเคว้งคว้างไร้สีสันในวันที่คิดว่ากำลังจะเสียเธอไปเขายิ่งมั่นใจในความรู้สึกตัวเองว่าหลงรักเธอเข้าเต็มหัวใจแล้ว เธอเป็นความสุขของเขา ชีวิตในทุก ๆ วันที่มีเธอมันโคตรดีมาก ๆ แล้วแบบนี้เขาจะขาดเธอได้ยังไงกันครืดด~สายเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เขาห
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จติณณภัทรก็มาโรงพยาบาลทันที นั่งรอที่หน้าห้องไอซียูด้วยหัวใจมีความหวัง"เธอกับลูกต้องสู้นะฉันรออยู่" เสียงทุ้มพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาเศร้ามองประตูห้องไอซียูพร่ำภาวนาขอให้คนด้านในปลอดภัย ก่อนล้วงไปหยิบกล่องแหวนกำมะหยี่สีแดงที่เอาติดมาด้วยออกจากกระเป๋ากางเกงมาเปิดดู พร่ำรำพันออกมาแผ่วพริ้ว "ฉันรอสวมแหวนแต่งงานให้เธออยู่นะนับดาว"ดวงตาคมกริบจ้องมองแหวนเพชรในกล่องกำมะหยี่ด้วยความรู้สึกเศร้า แหวนเพชรวงนี้เขาตั้งใจสั่งทำให้หญิงสาวตั้งแต่รู้ว่าเธอท้องโดยสลักชื่อเขากับเธอเอาไว้ข้างในวงแหวนเพราะเขามั่นใจแล้วว่าจะร่วมเรียงเคียงหมอนไปกับเธอจนแก่เฒ่าเขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะปิดกล่องแหวน แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าทอดสายตามองไปที่หน้าห้องไอซียูเหมือนเดิม แม้ตอนนี้เวลาจะล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนแล้วเขาก็ไม่มีท่าว่าจะง่วงนอน และหิวสักนิดทั้งที่ตั้งแต่ไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่ตอนเที่ยง ในสถานการณ์แบบนี้เขานอนและทานอะไรไม่ลงจริง ๆ จนกว่าจะรู้ว่าลูกเมียปลอดภัยแล้วหลายชั่วโมงต่อมาก็เข้าสู่เช้าของวันใหม่ ติณณภัทรก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยอาการเหนื่อยล้า ใจจดใจจ่อเฝ้ารอว่า
"เกิดอะไรขึ้นกับเธอนับดาว" ติณณภัทรที่ได้ยินเสียงกรีดของนับดาวผ่านสาย ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนอะไรชนกันสักอย่างดังสนั่นแล้วสายก็ตัดไปทำให้เขาใจคอไม่ดีเป็นอย่างมาก พยายามติดต่อหาเธอหลายครั้งก็ปิดเครื่องได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอพร้อมกับเร่งความเร็วของรถเพื่อกลับไปดูที่บ้านว่าเธอกลับไปหรือยังขับรถมาได้สักพักคิ้วเข้มก็ต้องขมวดเป็นปมด้วยความโมโหเพราะข้างหน้ารถติดยาวเหยียดทำไมต้องมาติดตอนนี้ตอนที่เขากำลังรีบ ดูเหมือนว่าข้างหน้าจะเกิดอุบัติเหตุเมื่อมองไปที่ริมถนนไกล ๆ ก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากกำลังมุงดูอะไรกันอยู่ แวบหนึ่งที่เขานึกถึงหญิงสาวแต่ก็พยายามคิดว่ามันไม่ใช่ ยังคงขับรถต่อกระทั่งสายตาเหลือบเห็นรถคันที่เกิดอุบัติเหตุเหมือนจะชนกับเสาไฟฟ้า เท้าใหญ่เหยียบเบรกฉับพลันพร้อมกับหัวใจที่กระตุกวูบอย่างหนักรถที่เกิดอุบัติเหตุเป็นคันสีขาว และยี่ห้อเดียวกับของนับดาวไม่มีผิด จึงตัดสินใจตีไฟเลี้ยวจอดรถริมถนนแล้วเปิดประตูลงไปดู "ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อยครับ" พยายามขอทางฝ่าวงล้อมผู้คนที่ยืนดูเข้าไปด้านใน ร่างกายชาวาบชั่วขณะเข่าอ่อนยวบแทบทรงตัวไม่อยู่ในตอนที่เห็นป้ายทะเบียนรถ เขาจำได้