@โรงพยาบาลหลังจากพูดคุยกับป้าพิมเสร็จติณณภัทรก็ขับรถตรงไปโรงพยาบาลทันทีเพราะต้องเคลียร์กับนับดาวต่อเรื่องเปรมศักดิ์ เมื่อเดินมาถึงหน้าห้องพิเศษเขาไม่ได้เปิดประตูเข้าไปในทันที แต่แอบยืนสอดส่องมองคนด้านในผ่านช่องกระจกเพื่อดูว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ "หึ" เสียงเค้นหัวเราะดังกระหึ่มในลำคอหนาเมื่อเห็นว่าร่างบางบนเตียงกำลังพยายามพาตัวเองลงจากเตียงอย่างทุลักทุเลเห็นแล้วน่าเวทนายิ่งนักหมดคราบผู้หญิงแข็งกระด้างไปสิ้นเชิง ทว่าในวินาทีต่อมาเขาก็ต้องรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องเพราะคนที่พยายามลงจากเตียงร่วงลงไปนั่งกองบนพื้นทันทีที่เท้าแตะถึงพื้น"คุณ" นับดาวรู้สึกเสียหน้าไม่น้อยครั้นหันไปเห็นคนที่เปิดประตูเข้ามาคิดว่าเขาคงหัวเราะเยาะที่ได้เห็นเธออยู่ในสภาพนี้ พยายามกัดฟันข่มความปวดร้าวระบมตั้งแต่แผ่นหลังลงไปจนถึงขาเอาไว้ แล้วใช้มือเกาะขอบเตียงเป็นที่ยึดเหนี่ยวยันตัวลุกขึ้นยืน"ซี๊ด..!" ทว่าเธอก็ต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดซูดปากเบา ๆ ด้วยความรู้สึกปวดร้าวที่แล่นพล่านไปทั่วลุกได้แค่นิดเดียวขาก็สั่นพั่บ ๆ เหมือนเจ้าเข้า ให้ตายเถอะเธอได้แต่สบถอยู่ในใจทำไมต้องเป็นแบบนี้ตอนมีผู้ชายร้ายกาจอยู่ด้วยนะ"ไหวรึเปล่า" เธ
3 วันต่อมาแกร็ก!เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้นับดาวที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านหลังจากวันนี้หมออนุญาตให้กลับบ้านได้เพราะผลเอ็กซเรย์ที่หลังไม่พบอะไรผิดปกติ และอาการเจ็บปวดก็ดีขึ้นแล้วหยุดการกระทำ หันไปมองประตูด้วยความสงสัย"คุณลุง" ใบหน้าสวยระบายยิ้มออกมาจนตายีเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาคือพิภพพ่อของติณณภัทร รีบยกมือขึ้นไหว้ทักทายอย่างนอบน้อม "สวัสดีค่ะ"พิภพพยักหน้ารับด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ก่อนบอกล่าว "ลุงผ่านทางนี้พอดีน่ะเลยแวะมารับหนูนับแทนเจ้าภัทร เจ้าภัทรมันบินไปดูงานที่ต่างประเทศกลับมาอีกทีก็พรุ่งนี้แหละ ไม่รู้ว่าเขาบอกหนูรึยัง""อ๋อ..บอกแล้วค่ะ" นับดาวเออออตามทั้งที่เพิ่งรู้จากปากพิภพด้วยซ้ำว่าติณณภัทรบินไปดูงานที่ต่างประเทศ ก็ว่าอยู่ทำไมหลังจากวันที่เธอพูดเรื่องหย่าเขาก็หายไปเลยที่แท้ไปดูงานนี่เอง"หนูเตรียมตัวเสร็จแล้วใช่ไหม เราจะได้กลับบ้านกัน" พิภพยิ้มรับแล้วถามไถ่ต่อ เมื่อเด็กสาวพยักหน้ารับเขาก็หยิบสัมภาระในกระเป๋าใบเล็กของเธอมาถือให้"หนูถือเองก็ได้ค่ะ แค่คุณลุงมารับหนูก็เกรงใจมากแล้ว" นับดาวรีบบอกกล่าวเพราะรู้สึกเกรงใจพิภพมาก ๆ ท่านทั้งพามาส่งโรงพยา
นับดาวเดินเข้าไปยืนประจันหน้ากับร่างสูงที่นั่งปลายเตียง ก่อนล้วงซองเอกสารสีน้ำตาลในกระเป๋าสะพายข้างยื่นให้เขาโดยไม่พูดจา"หึ" ติณณภัทรเค้นหัวเราะในลำคอมองซองสีน้ำตาลในมือเรียวอย่างรู้ทันถ้าให้เดาคงเป็นเอกสารขอหย่าสินะ ก่อนจะไล่สายตาขึ้นมองใบหน้าสวยด้วยแววตาเจ้าเล่ห์พร้อมกับยื่นมือไปคว้าหมับเข้าข้อมือเล็กไม่ใช่ซองเอกสาร"อ๊ะ!" การกระทำของชายหนุ่มสร้างความตกใจให้นับสาวไม่น้อย มองใบหน้าหล่อเหลาด้วยสีหน้าบึ้งตึงพลางพยายามดึงมือออกจากการจับกุม เพราะสัญชาตญาณมันบอกว่าเขาไม่น่าไว้ใจแต่ทั้งดึงทั้งบิดออกก็ไม่สำเร็จมือหนายิ่งจับกุมแน่นขึ้น"ปล่อยนะติณณภัทร ทำบ้าอะไรฉันให้คุณเอาซองเอกสารไม่ชะ...ว้าย!" เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ตะเบ็งเสียงต่อว่าแทนหวังว่าเขาจะปล่อย ทว่าไม่ทันจะได้เอ่ยจบก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจในวินาทีที่ถูกอีกคนออกแรงกระตุกจนตัวถลาเข้าปะทะร่างสูงเต็ม ๆ ก่อนจะเสียหลักล้มลงนั่งบนตักแกร่ง ครั้นพยายามจะยันตัวลุกขึ้นก็ถูกวงแขนแกร่งกอดรัดเอวคอดแน่นจนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลยเธอไม่คิดจะดิ้นรนอีกต่อไปเพราะรู้ว่าเสียแรงเปล่าหลับตาพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ พยายามระงับสติอารมณ์ แล้วลืมตาขึ้นมอง
ก็อก! ก็อก!เสียงเคาะประตูดังขึ้นปลุกให้สองหนุ่มสาวที่นอนหลับไหลอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ หลังจากที่เมื่อคืนผ่านศึกรักมาอย่างหนักหน่วงจนต่างคนต่างหลับไปด้วยความเหนื่อยล้านับดาวตาเบิกกว้างเมื่อพบว่าตอนนี้เธอนอนอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ใบหน้าซุกซบอยู่กับอกแกร่งโดยมีลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดอยู่ตรงศีรษะ อ้อมกอดแบบนี้ไออุ่นแบบนี้ทำให้เธอรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเพิ่งรู้ว่าการถูกกอดมันดีมาก ๆ เลย มันเป็นความอบอุ่นที่เธอโหยหามาตลอดซึ่งตอนนี้มันกำลังโอบล้อมอยู่รอบกายเธอเธออยากจะซึมซับความอบอุ่นนี้ไว้นาน ๆ แต่ก็ต้องตัดใจค่อย ๆ พามือที่โอบกอดร่างกำยำออก แหงนหน้าขึ้นมองใบหน้าอีกคนที่อยู่เหนือศีรษะช้า ๆ นั่นทำให้เธอสบเข้ากับสายตาของอีกคนเต็มเพราะเขาก็กำลังก้มมองเธออยู่เช่นกันใบหน้าสวยพลันเห่อร้อนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เพียงเห็นหน้าเขาภาพสุดเร่าร้อนเมื่อคืนก็ฉายขึ้นในโสตประสาทอีกครั้ง ไหนจะแววตานั่นอีกที่มันอ่อนโยนไร้แววแข็งกร้าวเหมือนแต่ก่อน ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ สั่นไหวราวกับอาฟเตอร์ช็อคสองสายตามองสบประสานกัน และเหมือนมีแรงดึงดูดทำให้ทั้งสองค่อย ๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปประกบ
"เฮ้อ.."นับดาวทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างสบายใจหลังจากกลับมาจากบ้านจิระกาญเพราะว่าเธอสามารถทำให้จอยเปิดปากพูดออกมาได้สำเร็จยังไงล่ะ กลิ่นเงินนี่มันช่างหอมหวานเสียจริงขนาดทาสผู้จงรักภักดีอย่างจอยยังยอมสยบให้กับมันจอยเล่าทุกอย่างในคืนวันเกิดนีรนุชให้เธอฟังหมด มันเป็นดั่งที่คิดไว้ไม่มีผิดคืนนั้นนีรนุชเป็นคนสั่งให้จอยใส่ยานอนหลับในเครื่องดื่มทุกคน แต่มีของติณณภัทรคนเดียวที่นีรนุชสั่งให้ใส่ยาปลุกเซ็กซ์ และหลังจากทุกคนหลับไปจอยกับนีรนุชซึ่งไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มผสมยานอนหลับก็จัดการพาเธอที่ไม่ได้สติไปยังห้องนอนแขก จากนั้นก็พาติณณภัทรที่ถูกฤทธิ์ยาปลุกเซ็กซ์ครอบงำสติสัมปชัญญะเข้าไปด้วยตั้งใจให้เธอกับติณณภัทรมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน พอเช้ามาก็เป็นอย่างที่เห็นนีรนุชเล่นละครตบตาทุกคนฉากใหญ่รวมถึงนิ่มแม่ของตัวเองด้วย ดังนั้นเรื่องนี้จึงมีคนรู้แค่สองคนคือจอยกับนีรนุช"ทุกคนจะได้รู้ธาตุแท้ของเธอนีรนุช" เธอยกยิ้มร้ายออกมาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาเปิดคลิปที่เธอแอบตั้งกล้องถ่ายไว้ในห้องตอนจอยสารภาพทุกอย่างดู อยากจะเห็นแล้วสิว่านีรนุชจะตีหน้ายังไงเมื่อรู้ว่าทุกคนรู้ธาตุแท้ของตัวเอง เธอดีดตัว
วันต่อมาข่าวเรื่องไฮโซหนุ่มเปรมศักดิ์สุ่มขอแฟนสาวที่คบกันมานานหลายปีอย่างนีรนุชพี่สาวนางแบบสาวพรนับพัน จิระกาญ ดังกระฉ่อนไปทั่วโซเชียล มีภาพสวีทหวานทั้งตอนไปเที่ยวทะเลด้วยกัน และตอนไฮโซหนุ่มคุกเข่าขอแต่งงานให้ผู้คนได้ชื่นชมเต็มไปหมด รวมถึงครอบครัวอัครกุลด้วยที่ตอนนี้กำลังนั่งดูข่าวในทีวีกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตานับดาวที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจเมื่อเห็นว่าติณณภัทรกับพ่อแม่ของเขากำลังนั่งดูข่าวอยู่ สีหน้าของอรอินกับพิภพดูตกใจมากซึ่งไม่ผิดจากที่เธอคาดไว้เท่าไร แต่ที่น่าแปลกคือติณณภัทรเขาดูไม่ตกใจ หรือแสดงท่าทางใด ๆ ออกมาเลยราวกับว่ารู้เรื่องแล้วยังไงยังงั้น เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเขา มองข่าวในจอทีวีด้วยท่าทางเรียบนิ่ง"ในข่าวบอกว่านีรนุชคบกับเปรมศักดิ์มาสามปีกว่าแล้ว แต่หากตอนนี้นีรนุชยังหมั้นกับตาภัทรอยู่ก็ประมาณสองปีเองไม่ใช่เหรอแบบนี้ก็หมายความว่านีรนุชคบซ่อนอย่างนั้นเหรอ" อรอินมองหน้าถามคนเป็นสามีสลับกับบุตรชายด้วยความงุนงงหลังจากดูข่าวจบ เธองงเป็นไก่ตาแตกจริง ๆ"ก็ตามที่คุณคิดนั่นแหละ" พิภพตอบแบบไม่ใส่ใจมา
หลังจากทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา และนั่งลงเรียบร้อยแล้วโดยพิภพนั่งคู่กับอรอิน ติณณภัทรนั่งคู่กับนับดาว ทนงศักดิ์ นิ่มและนีรนุชนั่งด้วยกัน ทนงศักดิ์ก็เปิดประเด็นคุยทันที "ที่ผมมาวันก็เพื่อจะมาขอโทษเรื่องนีรนุช""จะขอโทษยังไงมันก็ทดแทนความรู้สึกที่เสียไปไม่ได้หรอกศักดิ์ ฉันผิดหวังในตัวหนูนุชมากจริง ๆ ที่ผ่านมาฉันคิดมาตลอดว่าหนูนุชเป็นเด็กดี แต่ที่ไหนได้.." อรอินสวนกลับทันควันเพราะเธอรู้สึกผิดหวัง และเจ็บใจมากกับเรื่องนีรนุชเอ่ยออกไปไม่คิดจะรักษาน้ำใจใครสักนิด ขณะที่สายตามองนีรนุชอย่างตำหนิ แววตาเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้สิ้นเชิง นีรนุชได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกอับอายที่ภาพลักษณ์ความแสนดีของตัวเองถูกทะลายลงหาได้มีความรู้สึกผิด หรือสำนึกกับสิ่งที่ตัวเองทำสักนิดไม่ หนำซ้ำตอนนี้ในใจของเธอมันคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งความโกรธ เธอโกรธคนที่ปล่อยข่าวนี้ออกไปทำให้ความลับที่เธอปกปิดพ่อกับแม่มาตลอดโดยคิดไว้ว่าจะบอกเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพังทลายลง แค่นั้นไม่พอเธอยังโดนท่านทั้งสองตำหนิ โดนผู้เป็นแม่ตบหน้าฉาดใหญ่ทั้งที่ตั้งแต่จำความได้เธอไม่เคยโดนท่านตบเลยสักครั้ง ร้ายแรงไปกว่านั้นคือทำให้เธอทะเลาะกับเปร
หลายวันต่อมาวันนี้เป็นวันเกิดของผู้เป็นแม่นับดาวจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืดลงมาตะเตรียมของใส่บาตรทำบุญให้ท่านโดยมีแม่บ้านคอยช่วยด้วย เมื่อได้เวลาก็ออกไปยืนรอพระหน้าบ้าน"ทำบุญใส่บาตรเป็นด้วยเหรอ" เสียงพูดจาประชดประชันดังขึ้นด้านหลังทำให้นับดาวที่ตั้งหน้าตั้งตารอพระต้องหันควับไปมองด้วยความไม่พอคนที่หาเรื่องทำให้เธออารมณ์เสียได้ตลอดคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากติณณภัทร และมันก็ใช่จริง ๆ คนอุตส่าห์อารมณืดีอยู่แท้ดันมีมารมาผจญเสียงั้นเธอสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ พยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้แล้วเปล่งเสียงพูดไปอย่างในเย็นที่สุด อย่างที่บอกวันนี้เป็นวันดีเธอไม่อยากทำให้ตัวเองขุ่นข้องหม่นใจ "วันนี้เป็นวันดีฉันไม่อยากมาอารมณ์เสียกับคุณ"ติณณภัทรไม่ได้ตอบโต้อะไรเพียงไหวไหล่เบา ๆ จริง ๆ เขาก็รู้มาตลอดว่าเธอชอบทำบุญเพราะนักสืบที่คอยตามเธอส่งรูปส่งคลิปมาให้ดูบ่อย ๆ เวลาเธอไปทำบุญที่วัด หรือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่พูดไปก็แค่อยากแกล้งเท่านั้นไม่รู้ทำไมเหมือนกันวันไหนไม่ได้ยินเสียงแวดของเธอมันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ก็เธอมันน่าแกล้งหยอกนิดหยอกหน่อยก็อารมณ์ขึ้นเป็นอึ่งอ่างพองลมทั้งสองมองสบตากันนิ่ง ๆ
นับดาวให้กำเนิดบุตรสาวในวันเกิดของตัวเองพอดิบพอดีเพียงแต่คนละเวลากันเท่านั้น วันเกิดเธอปีนี้จึงกลายเป็นสุขสันต์วันคลอดแทนทุกคนต่างปลื้มปิติ โดยเฉพาะติณณภัทรวินาทีที่ได้เห็นหน้าบุตรสาวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่"ได้เจอกันสักทีนะลูกสาวพ่อ" ก้มจูบบนฝ่าเท้าน้อย ๆ ของบุตรสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างพินิศ คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยเพราะทุกส่วนบนใบหน้าบุตรสาวเหมือนผู้เป็นแม่ไม่มีผิด แทบไม่มีส่วนไหนที่ได้เขามาเลยมันน่าน้อยใจชะมัด"นับคุณดูสิลูกลำเอียงชะมัดเลย คิ้วก็เอาของแม่มา ตาก็เอาของแม่มา จมูกก็เอาของแม่มา ปากก็เอาของแม่มาไม่มีส่วนไหนที่เหมือนผมเลย อุตส่าห์ทำแทบตาย" เขาแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับเมียสาวทีเล่นทีจริงทำเอาทุกคนอดยิ้มตามไม่ได้"แสดงว่าลูกรักแม่มากกว่าพ่อไงคะ" นับดาวตอบกลับยิ้ม ๆ อีกคนหาได้ยอมน้อยหน้าไม่เอ่ยประกาศเสียงกร้าว เชิดหน้าขึ้นอย่างมาดหมาย "แบบนี้ยอมไม่ได้นะ ลูกคนต่อไปต้องเหมือนผมแล้วแหละ"คำพูดของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกระลอกหนึ่ง คงจะมีแต่แบงค์ที่ต้องกลำกลืนฝืนทนมองภาพทั้งสองหยอกล้อกันทั้งที่ในใจมันชอกช้ำอย่างหนัก ส้มซึ่งรู้ดีทำได
แสงแดดสีทองยามสี่โมงเย็นตกกระทบผิวน้ำทะเลสีเขียวมรกตทอประกายระยิบระยับ สายลมเอื่อย ๆ พัดโชยพากลิ่นอายทะเลลอยตลบอบอวลทำให้ผู้ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลาย"อากาศดีจังเลยค่ะ นานแล้วสิที่ไม่ได้พักผ่อนแบบนี้" นับดาวหันบอกกล่าวกับร่างสูงที่เดินเคียงข้าง จับมือพากันเดินเลียบไปตามแนวชายหาดด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มาเที่ยวทะเล และดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ต้องขอบคุณผู้ชายข้าง ๆ ที่ทำให้เธอได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนสิ้นเชิงทุกครั้งที่มาเที่ยวทะเลเธอจะมาเพราะต้องการแก้เบื่อแก้เซ็ง มาด้วยอารมณ์โดดเดี่ยว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสุขจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"ใช่ครับ" ติณณภัทรระบายยิ้มตอบเขาเองก็ไม่ได้เที่ยวแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้กับคนที่รักจึงมีความสุขไม่น้อย "ได้มาพักผ่อนกับคนที่รักมันดีกว่าคนเดียวเป็นไหน ๆ เลยว่าไหม""ใช่ค่ะ นับไม่เคยรู้เลยว่าการมีความรัก มีครอบครัวมันดีขนาดนี้ต้องขอบคุณคุณนะคะที่เข้ามาในชีวิตของนับ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยมาจากก้นบึ้งของหัวใจ"ผมก็ขอบคุณคุณเช่นกันที่เข้ามา
วันต่อมาหลังจากเรื่องร้าย ๆ ผ่านไปวันนี้ติณณภัทรจึงตั้งใจพานับดาวไปทำบุญ และไหว้แม่ของเธอ"จะไปไหนกันฮึสองคนนี้" อรอินเอ่ยทักบุตรชายกับลูกสะใภ้ที่เดินเข้ามานั่งบนโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มเพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนจะออกไปไหนกัน"ผมกับนับจะไปทำบุญกันครับ" ติณณภัทรตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันมองหน้าเมียสาวพร้อมยื่นมือไปกอบกุมมือเรียวไว้หลวม ๆ นับดาวส่งยิ้มหวานให้คนเป็นสามีบาง ๆ "ก็ดีเหมือนกันนะจะได้เป็นมงคลให้กับชีวิต แม่ขอให้ชีวิตคู่หลังจากนี้ของลูกทั้งสองพบแต่ความสุขนะ" อรอินเห็นดีเห็นงามด้วย และก็อวยพรให้เด็กทั้งสองพบเจอแต่ความสุขในชีวิตคู่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามากมาย"พ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขมาก ๆ นะ จะเป็นพ่อแม่คนแล้วทำอะไรก็นึกถึงจิตใจกันและกันให้มาก ๆ อย่าเอาอารมณ์เข้าว่า อย่าละเลยความรู้สึกกัน รักและดูแลกันให้เหมือนวันแรกที่รักกัน ความสม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคู่มาก พ่อหวังว่าลูกทั้งสองคนจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขไปจนแก่จนเฒ่า" พิภพอวยพรเด็กทั้งสองต่อหลังจากภรรยาเอ่ยจบ และไม่ลืมจะให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่กับทั้งสองด้วย"ขอบคุณคุ
นับดาวกำแหวนในมือแน่น แล้วเดินกลับไปยังห้องชายหนุ่มอีกครั้ง คาดว่าตอนนี้เขาคงขึ้นมาจากชั้นล่างแล้ว ยืนรวบรวมความกล้าข่มความตื่นเต้นอยู่หน้าห้องนานนับนาที ก่อนค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปเสียงเปิดประตูทำให้ติณณภัทรที่ทำท่าจะตามหาหญิงสาวหลังจากเข้ามาในห้องแล้วไม่พบเธอรีบหันไปมอง ครั้นเห็นคนตัวเล็กก็รีบเดินเข้าไปถามไถ่ "ไปไหนมาฮึ""ฉันมีอะไรจะมอบให้คุณค่ะ" นับดาวไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม แต่กลับจับมือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา แล้วจัดการเอาแหวนที่กำไว้บรรจงสวมบนนิ้วนางของเขา "คุณมอบแหวนแต่งงานให้ฉันแล้ว ถึงคราวฉันมอบแหวนแต่งงานให้คุณบ้างแล้ว แหวนวงนี้แทนความรักจากฉันนะคะ""นะ..นี่มันอะไรกัน เธอความทรงจำกับมาแล้วเหรอ" ติณณภัทรถึงกับประมวลผลไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกในตอนนี้คือทั้งดีใจ สับสนงุนงง และไม่เข้าใจ ดวงตาคมกริบปริ่มไปด้วยน้ำสีใสจ้องมองใบหน้าสวยเชิงตั้งคำถาม "ฉันรักคุณนะคะ" นับดาวตอบคำถามของเขาแทนด้วยการบอกความรู้สึกออกไปพร้อมกับก้มจูบหลังมือของเขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปคล้องลำคอแกร่งเอาไว้หลวม ๆ แล้วเขย่งเท้าขึ้นประทับริมฝีปากจูบริมฝีปากหนาติณณภัทรไม่ได้ปฏิเสธถึงแม้ตอนนี้จะยั
หลังจากนับดาวฟื้นขึ้นมาหมอก็ให้นอนดูอาการอีกสองวันจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้เพราะร่างกาย และผลการสแกนสมองปกติดีทุกอย่าง ส่วนเรื่องที่เธอจำอะไรไม่ได้หมอประเมินว่าอาจเป็นอาการความทรงจำหายไปชั่วคราว อีกไม่นานความทรงจำน่าจะกลับมาเหมือนหลาย ๆ เคสที่ผ่านมา"บ้านของเราจำได้ไหม" ติณณภัทรเอ่ยถามคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อรถจอดลงหน้าบ้านอัครกุลสิ้นเสียงทุ้มนับดาวก็ทอดสายตามองเข้าบ้านหลังใหญ่โตตรงหน้า คิ้วสวยขมวดเป็นปมคล้ายกับว่าจำอะไรไม่ได้เลย"ฉันจำไม่ได้เลย" เปล่งเสียงตอบด้วยใบหน้าเศร้า แววตาหม่นหมองจนติณณภัทรต้องรีบรั้งเธอมากอดใช้มือลูบศีรษะเล็กทุยปลอบประโลม "จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็จำได้เองไม่ต้องรีบร้อน""ค่ะ""เข้าบ้านกันดีกว่าป่านนี้พ่อกับแม่คงรออยู่ ท่านดีใจมากเลยนะที่รู้ว่าเธอได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว" "ค่ะ" คนที่อิงแอบหน้ากับไหล่กว้างพยักรับ แล้วผละตัวออกจากอ้อมกอดคนตัวโต ซึ่งติณณภัทรก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมาเปิดประตูให้เธอ"เชิญครับ" บอกกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นมือไปให้เธอจับ อีกคนยื่นมือไปวางบนมือหนาแล้วพาตัวลุกจากรถโดยไม่ลืมจะเอ่ยขอบคุณคนตัวโต "ขอบคุณนะคะ
วันต่อมาวันนี้ติณณภัทรตั้งใจว่าจะสวมแหวนแต่งงานให้นับดาวถึงแม้เธอจะยังไม่รู้สึกตัวก็ตาม เขาโทรไปยังร้านดอกไม้สั่งให้ทางร้านจัดช่อดอกกุหลาบสีแดงซึ่งเป็นดอกไม้ที่เธอชอบจำนวนหนึ่งร้อยดอก แล้วให้นำมาส่งที่โรงพยาบาลหลังจากได้รับช่อดอกไม้เขาก็นำมันไปวางข้างเตียงหญิงสาว เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มองใบหน้าสวยอย่างสื่อความหมาย "ฉันเอาดอกไม้ที่เธอชอบมาให้ตื่นมาดูสิสวยมากเลยนะ และวันนี้ฉันก็มีบางอย่างจะให้เธอด้วยนะ"เขาว่าแล้วนิ่งเงียบไป ก่อนล้วงกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเปิดออกแล้วหยิบแหวนมาถือไว้ "แหวนวงนี้เป็นแหวนที่ฉันตั้งใจสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อเป็นแหวนแต่งงานสำหรับเธอเลยนะ หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นเธอจะชอบมันนะ"ว่าจบก็จับมือด้านซ้ายของเธอมาบรรจงสวมแหวนเพชรลงบนนิ้วนาง จากนั้นก็ประทับจูบลงบนหลังมือนิ่มแช่ค้างไว้แบบนั้นและในจังหวะนั้นเองนิ้วเรียวทั้งห้าก็ขยับขึ้นเบา ๆ ทำให้ติณณภัทรต้องรีบผละดูให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง และใช่นิ้วของเธอขยับจริง ๆ เขาค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวยด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยลุ้น และตื่นเต้นกับอะไรเท่านี้มาก่อนเลย"
"นับดาวเมื่อไรเธอจะตื่นขึ้นมาคุยกับฉันสักที ฉันคิดถึงเสียงพูดของเธอ คิดถึงรอยยิ้มของเธอ อยากกอดเธอจนใจจะขาดแล้ว เลิกทรมานกันสักทีได้ไหม"ติณณภัทรเอ่ยเสียงเศร้าจ้องมองหน้าคนบนเตียงที่นอนหลับมานานนับเดือนด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ใช่เวลาผ่านไปเป็นเดือนแล้วแต่หญิงสาวก็ไม่รู้สึกตัวสักทีอาการทางร่ายกายของเธอหายดีหมดแล้ว หมอทำการสแกนสมองก็ปกติดีแต่ทำไมเธอถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่รู้ คนรออย่างเขามันโคตรทรมานหัวใจมือหนายื่นไปจับมือเรียวมากอบกุมไว้แน่นส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในใจให้เธอได้รับรู้ หากเธอตื่นขึ้นมาเขามีคำพูดมากมายที่อยากบอก โดยเฉพาะคำว่ารักระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันทำให้เขารู้ว่าเธอมีความสำคัญกับชีวิตของเขามากแค่ไหน ในแต่วันที่ผ่านไปโดยไม่ได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอเหมือนกับชีวิตขาดอะไรไป มันเหงามันเคว้งคว้างไร้สีสันในวันที่คิดว่ากำลังจะเสียเธอไปเขายิ่งมั่นใจในความรู้สึกตัวเองว่าหลงรักเธอเข้าเต็มหัวใจแล้ว เธอเป็นความสุขของเขา ชีวิตในทุก ๆ วันที่มีเธอมันโคตรดีมาก ๆ แล้วแบบนี้เขาจะขาดเธอได้ยังไงกันครืดด~สายเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เขาห
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จติณณภัทรก็มาโรงพยาบาลทันที นั่งรอที่หน้าห้องไอซียูด้วยหัวใจมีความหวัง"เธอกับลูกต้องสู้นะฉันรออยู่" เสียงทุ้มพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาเศร้ามองประตูห้องไอซียูพร่ำภาวนาขอให้คนด้านในปลอดภัย ก่อนล้วงไปหยิบกล่องแหวนกำมะหยี่สีแดงที่เอาติดมาด้วยออกจากกระเป๋ากางเกงมาเปิดดู พร่ำรำพันออกมาแผ่วพริ้ว "ฉันรอสวมแหวนแต่งงานให้เธออยู่นะนับดาว"ดวงตาคมกริบจ้องมองแหวนเพชรในกล่องกำมะหยี่ด้วยความรู้สึกเศร้า แหวนเพชรวงนี้เขาตั้งใจสั่งทำให้หญิงสาวตั้งแต่รู้ว่าเธอท้องโดยสลักชื่อเขากับเธอเอาไว้ข้างในวงแหวนเพราะเขามั่นใจแล้วว่าจะร่วมเรียงเคียงหมอนไปกับเธอจนแก่เฒ่าเขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะปิดกล่องแหวน แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าทอดสายตามองไปที่หน้าห้องไอซียูเหมือนเดิม แม้ตอนนี้เวลาจะล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนแล้วเขาก็ไม่มีท่าว่าจะง่วงนอน และหิวสักนิดทั้งที่ตั้งแต่ไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่ตอนเที่ยง ในสถานการณ์แบบนี้เขานอนและทานอะไรไม่ลงจริง ๆ จนกว่าจะรู้ว่าลูกเมียปลอดภัยแล้วหลายชั่วโมงต่อมาก็เข้าสู่เช้าของวันใหม่ ติณณภัทรก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยอาการเหนื่อยล้า ใจจดใจจ่อเฝ้ารอว่า
"เกิดอะไรขึ้นกับเธอนับดาว" ติณณภัทรที่ได้ยินเสียงกรีดของนับดาวผ่านสาย ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนอะไรชนกันสักอย่างดังสนั่นแล้วสายก็ตัดไปทำให้เขาใจคอไม่ดีเป็นอย่างมาก พยายามติดต่อหาเธอหลายครั้งก็ปิดเครื่องได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอพร้อมกับเร่งความเร็วของรถเพื่อกลับไปดูที่บ้านว่าเธอกลับไปหรือยังขับรถมาได้สักพักคิ้วเข้มก็ต้องขมวดเป็นปมด้วยความโมโหเพราะข้างหน้ารถติดยาวเหยียดทำไมต้องมาติดตอนนี้ตอนที่เขากำลังรีบ ดูเหมือนว่าข้างหน้าจะเกิดอุบัติเหตุเมื่อมองไปที่ริมถนนไกล ๆ ก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากกำลังมุงดูอะไรกันอยู่ แวบหนึ่งที่เขานึกถึงหญิงสาวแต่ก็พยายามคิดว่ามันไม่ใช่ ยังคงขับรถต่อกระทั่งสายตาเหลือบเห็นรถคันที่เกิดอุบัติเหตุเหมือนจะชนกับเสาไฟฟ้า เท้าใหญ่เหยียบเบรกฉับพลันพร้อมกับหัวใจที่กระตุกวูบอย่างหนักรถที่เกิดอุบัติเหตุเป็นคันสีขาว และยี่ห้อเดียวกับของนับดาวไม่มีผิด จึงตัดสินใจตีไฟเลี้ยวจอดรถริมถนนแล้วเปิดประตูลงไปดู "ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อยครับ" พยายามขอทางฝ่าวงล้อมผู้คนที่ยืนดูเข้าไปด้านใน ร่างกายชาวาบชั่วขณะเข่าอ่อนยวบแทบทรงตัวไม่อยู่ในตอนที่เห็นป้ายทะเบียนรถ เขาจำได้