"เฮ้อ.."นับดาวทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างสบายใจหลังจากกลับมาจากบ้านจิระกาญเพราะว่าเธอสามารถทำให้จอยเปิดปากพูดออกมาได้สำเร็จยังไงล่ะ กลิ่นเงินนี่มันช่างหอมหวานเสียจริงขนาดทาสผู้จงรักภักดีอย่างจอยยังยอมสยบให้กับมันจอยเล่าทุกอย่างในคืนวันเกิดนีรนุชให้เธอฟังหมด มันเป็นดั่งที่คิดไว้ไม่มีผิดคืนนั้นนีรนุชเป็นคนสั่งให้จอยใส่ยานอนหลับในเครื่องดื่มทุกคน แต่มีของติณณภัทรคนเดียวที่นีรนุชสั่งให้ใส่ยาปลุกเซ็กซ์ และหลังจากทุกคนหลับไปจอยกับนีรนุชซึ่งไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มผสมยานอนหลับก็จัดการพาเธอที่ไม่ได้สติไปยังห้องนอนแขก จากนั้นก็พาติณณภัทรที่ถูกฤทธิ์ยาปลุกเซ็กซ์ครอบงำสติสัมปชัญญะเข้าไปด้วยตั้งใจให้เธอกับติณณภัทรมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน พอเช้ามาก็เป็นอย่างที่เห็นนีรนุชเล่นละครตบตาทุกคนฉากใหญ่รวมถึงนิ่มแม่ของตัวเองด้วย ดังนั้นเรื่องนี้จึงมีคนรู้แค่สองคนคือจอยกับนีรนุช"ทุกคนจะได้รู้ธาตุแท้ของเธอนีรนุช" เธอยกยิ้มร้ายออกมาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมาเปิดคลิปที่เธอแอบตั้งกล้องถ่ายไว้ในห้องตอนจอยสารภาพทุกอย่างดู อยากจะเห็นแล้วสิว่านีรนุชจะตีหน้ายังไงเมื่อรู้ว่าทุกคนรู้ธาตุแท้ของตัวเอง เธอดีดตัว
วันต่อมาข่าวเรื่องไฮโซหนุ่มเปรมศักดิ์สุ่มขอแฟนสาวที่คบกันมานานหลายปีอย่างนีรนุชพี่สาวนางแบบสาวพรนับพัน จิระกาญ ดังกระฉ่อนไปทั่วโซเชียล มีภาพสวีทหวานทั้งตอนไปเที่ยวทะเลด้วยกัน และตอนไฮโซหนุ่มคุกเข่าขอแต่งงานให้ผู้คนได้ชื่นชมเต็มไปหมด รวมถึงครอบครัวอัครกุลด้วยที่ตอนนี้กำลังนั่งดูข่าวในทีวีกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตานับดาวที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความสะใจเมื่อเห็นว่าติณณภัทรกับพ่อแม่ของเขากำลังนั่งดูข่าวอยู่ สีหน้าของอรอินกับพิภพดูตกใจมากซึ่งไม่ผิดจากที่เธอคาดไว้เท่าไร แต่ที่น่าแปลกคือติณณภัทรเขาดูไม่ตกใจ หรือแสดงท่าทางใด ๆ ออกมาเลยราวกับว่ารู้เรื่องแล้วยังไงยังงั้น เธอได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้แล้วเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเขา มองข่าวในจอทีวีด้วยท่าทางเรียบนิ่ง"ในข่าวบอกว่านีรนุชคบกับเปรมศักดิ์มาสามปีกว่าแล้ว แต่หากตอนนี้นีรนุชยังหมั้นกับตาภัทรอยู่ก็ประมาณสองปีเองไม่ใช่เหรอแบบนี้ก็หมายความว่านีรนุชคบซ่อนอย่างนั้นเหรอ" อรอินมองหน้าถามคนเป็นสามีสลับกับบุตรชายด้วยความงุนงงหลังจากดูข่าวจบ เธองงเป็นไก่ตาแตกจริง ๆ"ก็ตามที่คุณคิดนั่นแหละ" พิภพตอบแบบไม่ใส่ใจมา
หลังจากทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา และนั่งลงเรียบร้อยแล้วโดยพิภพนั่งคู่กับอรอิน ติณณภัทรนั่งคู่กับนับดาว ทนงศักดิ์ นิ่มและนีรนุชนั่งด้วยกัน ทนงศักดิ์ก็เปิดประเด็นคุยทันที "ที่ผมมาวันก็เพื่อจะมาขอโทษเรื่องนีรนุช""จะขอโทษยังไงมันก็ทดแทนความรู้สึกที่เสียไปไม่ได้หรอกศักดิ์ ฉันผิดหวังในตัวหนูนุชมากจริง ๆ ที่ผ่านมาฉันคิดมาตลอดว่าหนูนุชเป็นเด็กดี แต่ที่ไหนได้.." อรอินสวนกลับทันควันเพราะเธอรู้สึกผิดหวัง และเจ็บใจมากกับเรื่องนีรนุชเอ่ยออกไปไม่คิดจะรักษาน้ำใจใครสักนิด ขณะที่สายตามองนีรนุชอย่างตำหนิ แววตาเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้สิ้นเชิง นีรนุชได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความรู้สึกอับอายที่ภาพลักษณ์ความแสนดีของตัวเองถูกทะลายลงหาได้มีความรู้สึกผิด หรือสำนึกกับสิ่งที่ตัวเองทำสักนิดไม่ หนำซ้ำตอนนี้ในใจของเธอมันคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งความโกรธ เธอโกรธคนที่ปล่อยข่าวนี้ออกไปทำให้ความลับที่เธอปกปิดพ่อกับแม่มาตลอดโดยคิดไว้ว่าจะบอกเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพังทลายลง แค่นั้นไม่พอเธอยังโดนท่านทั้งสองตำหนิ โดนผู้เป็นแม่ตบหน้าฉาดใหญ่ทั้งที่ตั้งแต่จำความได้เธอไม่เคยโดนท่านตบเลยสักครั้ง ร้ายแรงไปกว่านั้นคือทำให้เธอทะเลาะกับเปร
หลายวันต่อมาวันนี้เป็นวันเกิดของผู้เป็นแม่นับดาวจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่เช้ามืดลงมาตะเตรียมของใส่บาตรทำบุญให้ท่านโดยมีแม่บ้านคอยช่วยด้วย เมื่อได้เวลาก็ออกไปยืนรอพระหน้าบ้าน"ทำบุญใส่บาตรเป็นด้วยเหรอ" เสียงพูดจาประชดประชันดังขึ้นด้านหลังทำให้นับดาวที่ตั้งหน้าตั้งตารอพระต้องหันควับไปมองด้วยความไม่พอคนที่หาเรื่องทำให้เธออารมณ์เสียได้ตลอดคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากติณณภัทร และมันก็ใช่จริง ๆ คนอุตส่าห์อารมณืดีอยู่แท้ดันมีมารมาผจญเสียงั้นเธอสูดลมหายใจเข้าปอดยาว ๆ พยายามข่มอารมณ์ตัวเองไว้แล้วเปล่งเสียงพูดไปอย่างในเย็นที่สุด อย่างที่บอกวันนี้เป็นวันดีเธอไม่อยากทำให้ตัวเองขุ่นข้องหม่นใจ "วันนี้เป็นวันดีฉันไม่อยากมาอารมณ์เสียกับคุณ"ติณณภัทรไม่ได้ตอบโต้อะไรเพียงไหวไหล่เบา ๆ จริง ๆ เขาก็รู้มาตลอดว่าเธอชอบทำบุญเพราะนักสืบที่คอยตามเธอส่งรูปส่งคลิปมาให้ดูบ่อย ๆ เวลาเธอไปทำบุญที่วัด หรือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ที่พูดไปก็แค่อยากแกล้งเท่านั้นไม่รู้ทำไมเหมือนกันวันไหนไม่ได้ยินเสียงแวดของเธอมันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ก็เธอมันน่าแกล้งหยอกนิดหยอกหน่อยก็อารมณ์ขึ้นเป็นอึ่งอ่างพองลมทั้งสองมองสบตากันนิ่ง ๆ
นับดาวนั่งมองที่ตรวจครรภ์ในมือทั้งสามอันด้วยหัวใจสั่นไหว ตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเธอก็เอาแต่นั่งมองที่ตรวจครรภ์อย่างคิดหนัก จากคนที่ใจกล้าก็เกิดใจเสาะขึ้นมาดื้อ ๆ กลัวว่าตรวจไปแล้วจะเจอความผิดปกติ ให้ตายสิเธอไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลยแกร็ก!ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เธอนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นกระทั่งประตูถูกเปิด ดวงตาคมพลันเบิกกว้างด้วยความตกใจ หัวใจดวงน้อย ๆ กระตุกวูบเมื่อเห็นว่าคนที่อยูาหลังประตูคือติณณภัทร รีบเอาที่ตรวจครรภ์ซ่อนใต้ผ้าห่มพัลวัน แล้วนั่งทับเอาไว้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หัวใจดวงน้อยยิ่งกระหน่ำเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ครั้นร่างสูงเดินมาหยุดยืนตรงหน้า จับจ้องเธอด้วยสายตาจับผิดไม่ใช่ว่าเขาเห็นอะไรเข้าใช่ไหม พยายามตีสีหน้าเรียบนิ่งเก็บอาการเอาไว้ เปล่งเสียงถามไปด้วยท่าทางไม่พอใจตามสไตล์ "เข้ามาทำไมไม่รู้จักเคาะประตูก่อน ไม่มีมารยาท" "เป็นอะไรหน้าซีด ๆ" ติณณภัทรยิงคำถามใส่แทนที่จะตอบคำถามเพราะใบหน้าของหญิงสาวซีดผิดปกติเหมือนกับคนไม่สบายจนอดสงสัยไม่ได้ สายตาจับจ้องใบหน้าสวยอย่างจับพิรุธ"ไม่ได้เป็นอะไร" คนถูกจับพิรุธตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน ก่อนจะย้อนถามหวังเบี่ยงเบนความสนใจของเขา "ตกล
เมื่อลากชายหนุ่มออกมาพ้นห้องแล้วนับดาวก็ปล่อยมือหนาออกจากการจับกุมทันที ปรายตามองใบหน้าหล่อเหลาเล็กน้อย ก่อนจะเดินลงบันใดไปยังชั้นล่าง มาถึงห้องโถงก็พบว่านีรนุชนั่งรออยู่ใบหน้าบอกบุญไม่รับ แต่แล้วยังไงเธอไม่ได้แคร์สักนิดเดินไปหยุดยืนตรงหน้า แล้วถามไถ่ไปด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง "อยากพบฉันเหรอ มีอะไรล่ะ""ออกไปคุยกันที่สวนหน้าบ้านได้ไหม" นีรนุชไม่ได้ตอบคำถามของนับดาว แต่เลือกจะชวนนับดาวออกไปคุยกันด้านนอกเพราะแอบเหลือบเห็นว่าติณณภัทรยืนมองอยู่จากชั้นสองจึงไม่สะดวกใจจะคุยเท่าไรนัก เธออยากเคลียร์บางอย่างกับนับดาวสองคนเท่านั้น"ก็ไปสิ" นับดาวพยักเพยิดไหล่เชิงบอกนีรนุชว่าให้เดินออกไป เมื่อนีรนุชเดินนำออกไปเธอก็เดินตามไปติด ๆ อยากจะรู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงทำให้นีรนุชบากหน้ามาหาเธอเองถึงที่นี่ ครั้นเดินมาถึงสนามหญ้าหน้าบ้านก็ถามออกไปอีกครั้ง "มีอะไรก็ว่ามะ.." เพียะ!!ทว่าไม่ทันจะได้เอ่ยจบหน้าเธอก็หันไปตามแรงมือเพราะจู่ ๆ นีรนุชก็หันกลับมาตบหน้าโดยไม่มีสัญญาณเตือนใด ๆ สักนิดเธอไม่ได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ"แกทำให้ชีวิตฉันพังนางนับดาว เพราะแกคนเดียวฉันอุตส่าห์ทำดีกับแก แต่แกก็ยังทำร้ายฉัน ทำให้ทุ
ติณณภัทรอุ้มหญิงสาวมาวางลงบนโซฟาในห้องโถง ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงข้าง ๆ แล้วเรียกแม่บ้านให้เอากล่องปฐมพยาบาล ผ้ากับน้ำแข็งสำหรับประคบมาให้"ฉันทำเองก็ได้" นับดาวรีบบอกกล่าวพลางขยับหน้าหนีในตอนที่ชายหนุ่มทำท่านำน้ำแข็งที่ห่อด้วยผ้าขนหนูผืนเล็กมาประคบที่แก้ม ไม่ใช่ว่าเธอเล่นตัวแต่เกรงใจ และรู้สึกกระดากอายมากกว่ากับการกระทำแสนอ่อนโยนของเขา ปกติไม่เคยมีผู้ชายคนไหน หรือใครทำแบบนี้ให้เลย"อย่าดื้อได้ไหม นั่งนิ่ง ๆ ก็พอ" ติณณภัทรส่งสายตาดุคนดื้อรั้น ก่อนจะใช้มือด้านซ้ายจับท้ายทอยเล็กทุยไว้ แล้วเริ่มนำน้ำแข็งห่อผ้าขนหนูประคบลงบนพวงแก้มที่เป็นรอยช้ำตลอดจนถึงมุมปากอิ่มอย่างเบามือที่สุดเพราะกลัวจะทำให้เจ้าของเจ็บ ปากก็ถามไถ่ไปด้วย "เจ็บไหม ถ้าเจ็บก็บอก"นับดาวส่ายหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ แล้วเลือกจะนั่งนิ่ง ๆ เงียบ ๆ ปล่อยให้เขาทำไป สายตาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างเพียงคืบด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายได้ วันนี้ชายหนุ่มทำให้เธอประหลาดใจซ้ำ ๆ เขาไม่เหมือนติณณภัทรคนที่เธอรู้จักสักนิดเพราะคนที่เธอรู้จักมีแต่กวนประสาท และคอยหาเรื่องแกล้ง แต่ติณณภัทรในตอนนี้เขาอ่อนโยนและดูอบอุ่นมาก ๆ มันอบอุ่นจนเธอสัมผัสไ
"นับแกจะไม่บอกเรื่องท้องกับคุณติณณภัทรจริง ๆ เหรอ ยังไงเขาก็เป็นพ่อของลูกในท้องแกนะเว้ย เขาควรได้รู้สิ ผลจะออกมาเป็นยังไงก็ช่างมัน หากเขาไม่รับผิดชอบฉันจะช่วยเลี้ยงเอง"นับดาวถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่กับคำพูดของเพื่อนสาวเพราะตั้งแต่โทรให้เพื่อนสาวอย่างส้มมารับพาไปหมอแล้วได้รู้ว่าเธอท้องจนถึงตอนนี้ที่กำลังขับรถกลับมาส่งที่บ้านเพื่อนสาวก็เอาแต่พูดโน้มน้าวใจให้เธอบอกติณณภัทรเรื่องท้องไม่เลิกส่วนเรื่องอาการที่เป็นอยู่หมอบอกว่าเธอตั้งครรภ์ได้เพียงสามสัปดาห์กว่า ๆ ถือว่ายังอยู่ในช่วงต้องระวังเพราะเกิดภาวะเสี่ยงแท้งได้ง่าย ที่เธอปวดท้องเพราะได้รับการกระทบกระเทือน ช่วงนี้หมอจึงให้เธอระวังตัวเองให้มากขึ้น ห้ามให้อะไรมากระทบกระเทือนอีก"ฉันบอกแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ขอดูอะไรต่อไปอีกสักหน่อย" เธอนิ่งเงียบไปนานนับนาทีก่อนตอบไป เธอคิดอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่ใช่ตอบสง ๆ หากเป็นเมื่อก่อนเธอตอบได้แบบเต็มปากเต็มคำว่าเรื่องลูกจะเป็นความลับตลอดไปติณณภัทรจะไม่มีทางได้รู้ว่าเธอท้องลูกของเขา แต่สิ่งที่เขาปฏิบัติกับเธอในวันนี้ทำให้เธอเปลี่ยนความคิดจากการได้สัมผัสอีกมุมของเขาในวันนี้เธอมั่นใจว่าหนึ่งอยากที่เขาจะไม่ทำค
นับดาวให้กำเนิดบุตรสาวในวันเกิดของตัวเองพอดิบพอดีเพียงแต่คนละเวลากันเท่านั้น วันเกิดเธอปีนี้จึงกลายเป็นสุขสันต์วันคลอดแทนทุกคนต่างปลื้มปิติ โดยเฉพาะติณณภัทรวินาทีที่ได้เห็นหน้าบุตรสาวถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่"ได้เจอกันสักทีนะลูกสาวพ่อ" ก้มจูบบนฝ่าเท้าน้อย ๆ ของบุตรสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนเลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างพินิศ คิ้วเข้มขมวดชนกันเล็กน้อยเพราะทุกส่วนบนใบหน้าบุตรสาวเหมือนผู้เป็นแม่ไม่มีผิด แทบไม่มีส่วนไหนที่ได้เขามาเลยมันน่าน้อยใจชะมัด"นับคุณดูสิลูกลำเอียงชะมัดเลย คิ้วก็เอาของแม่มา ตาก็เอาของแม่มา จมูกก็เอาของแม่มา ปากก็เอาของแม่มาไม่มีส่วนไหนที่เหมือนผมเลย อุตส่าห์ทำแทบตาย" เขาแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับเมียสาวทีเล่นทีจริงทำเอาทุกคนอดยิ้มตามไม่ได้"แสดงว่าลูกรักแม่มากกว่าพ่อไงคะ" นับดาวตอบกลับยิ้ม ๆ อีกคนหาได้ยอมน้อยหน้าไม่เอ่ยประกาศเสียงกร้าว เชิดหน้าขึ้นอย่างมาดหมาย "แบบนี้ยอมไม่ได้นะ ลูกคนต่อไปต้องเหมือนผมแล้วแหละ"คำพูดของชายหนุ่มเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้อีกระลอกหนึ่ง คงจะมีแต่แบงค์ที่ต้องกลำกลืนฝืนทนมองภาพทั้งสองหยอกล้อกันทั้งที่ในใจมันชอกช้ำอย่างหนัก ส้มซึ่งรู้ดีทำได
แสงแดดสีทองยามสี่โมงเย็นตกกระทบผิวน้ำทะเลสีเขียวมรกตทอประกายระยิบระยับ สายลมเอื่อย ๆ พัดโชยพากลิ่นอายทะเลลอยตลบอบอวลทำให้ผู้ได้กลิ่นรู้สึกผ่อนคลาย"อากาศดีจังเลยค่ะ นานแล้วสิที่ไม่ได้พักผ่อนแบบนี้" นับดาวหันบอกกล่าวกับร่างสูงที่เดินเคียงข้าง จับมือพากันเดินเลียบไปตามแนวชายหาดด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มาเที่ยวทะเล และดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบนี้ต้องขอบคุณผู้ชายข้าง ๆ ที่ทำให้เธอได้สัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้อีกครั้งด้วยความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเมื่อก่อนสิ้นเชิงทุกครั้งที่มาเที่ยวทะเลเธอจะมาเพราะต้องการแก้เบื่อแก้เซ็ง มาด้วยอารมณ์โดดเดี่ยว แต่ครั้งนี้มันเต็มไปด้วยความสุขจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้"ใช่ครับ" ติณณภัทรระบายยิ้มตอบเขาเองก็ไม่ได้เที่ยวแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน ได้มาเที่ยวพักผ่อนแบบนี้กับคนที่รักจึงมีความสุขไม่น้อย "ได้มาพักผ่อนกับคนที่รักมันดีกว่าคนเดียวเป็นไหน ๆ เลยว่าไหม""ใช่ค่ะ นับไม่เคยรู้เลยว่าการมีความรัก มีครอบครัวมันดีขนาดนี้ต้องขอบคุณคุณนะคะที่เข้ามาในชีวิตของนับ" เสียงหวานเอื้อนเอ่ยมาจากก้นบึ้งของหัวใจ"ผมก็ขอบคุณคุณเช่นกันที่เข้ามา
วันต่อมาหลังจากเรื่องร้าย ๆ ผ่านไปวันนี้ติณณภัทรจึงตั้งใจพานับดาวไปทำบุญ และไหว้แม่ของเธอ"จะไปไหนกันฮึสองคนนี้" อรอินเอ่ยทักบุตรชายกับลูกสะใภ้ที่เดินเข้ามานั่งบนโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มเพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนจะออกไปไหนกัน"ผมกับนับจะไปทำบุญกันครับ" ติณณภัทรตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันมองหน้าเมียสาวพร้อมยื่นมือไปกอบกุมมือเรียวไว้หลวม ๆ นับดาวส่งยิ้มหวานให้คนเป็นสามีบาง ๆ "ก็ดีเหมือนกันนะจะได้เป็นมงคลให้กับชีวิต แม่ขอให้ชีวิตคู่หลังจากนี้ของลูกทั้งสองพบแต่ความสุขนะ" อรอินเห็นดีเห็นงามด้วย และก็อวยพรให้เด็กทั้งสองพบเจอแต่ความสุขในชีวิตคู่หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มามากมาย"พ่อก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุขมาก ๆ นะ จะเป็นพ่อแม่คนแล้วทำอะไรก็นึกถึงจิตใจกันและกันให้มาก ๆ อย่าเอาอารมณ์เข้าว่า อย่าละเลยความรู้สึกกัน รักและดูแลกันให้เหมือนวันแรกที่รักกัน ความสม่ำเสมอและเสมอต้นเสมอปลายเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตคู่มาก พ่อหวังว่าลูกทั้งสองคนจะมีชีวิตคู่ที่มีความสุขไปจนแก่จนเฒ่า" พิภพอวยพรเด็กทั้งสองต่อหลังจากภรรยาเอ่ยจบ และไม่ลืมจะให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตคู่กับทั้งสองด้วย"ขอบคุณคุ
นับดาวกำแหวนในมือแน่น แล้วเดินกลับไปยังห้องชายหนุ่มอีกครั้ง คาดว่าตอนนี้เขาคงขึ้นมาจากชั้นล่างแล้ว ยืนรวบรวมความกล้าข่มความตื่นเต้นอยู่หน้าห้องนานนับนาที ก่อนค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปเสียงเปิดประตูทำให้ติณณภัทรที่ทำท่าจะตามหาหญิงสาวหลังจากเข้ามาในห้องแล้วไม่พบเธอรีบหันไปมอง ครั้นเห็นคนตัวเล็กก็รีบเดินเข้าไปถามไถ่ "ไปไหนมาฮึ""ฉันมีอะไรจะมอบให้คุณค่ะ" นับดาวไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม แต่กลับจับมือข้างซ้ายของเขาขึ้นมา แล้วจัดการเอาแหวนที่กำไว้บรรจงสวมบนนิ้วนางของเขา "คุณมอบแหวนแต่งงานให้ฉันแล้ว ถึงคราวฉันมอบแหวนแต่งงานให้คุณบ้างแล้ว แหวนวงนี้แทนความรักจากฉันนะคะ""นะ..นี่มันอะไรกัน เธอความทรงจำกับมาแล้วเหรอ" ติณณภัทรถึงกับประมวลผลไม่ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความรู้สึกในตอนนี้คือทั้งดีใจ สับสนงุนงง และไม่เข้าใจ ดวงตาคมกริบปริ่มไปด้วยน้ำสีใสจ้องมองใบหน้าสวยเชิงตั้งคำถาม "ฉันรักคุณนะคะ" นับดาวตอบคำถามของเขาแทนด้วยการบอกความรู้สึกออกไปพร้อมกับก้มจูบหลังมือของเขา ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปคล้องลำคอแกร่งเอาไว้หลวม ๆ แล้วเขย่งเท้าขึ้นประทับริมฝีปากจูบริมฝีปากหนาติณณภัทรไม่ได้ปฏิเสธถึงแม้ตอนนี้จะยั
หลังจากนับดาวฟื้นขึ้นมาหมอก็ให้นอนดูอาการอีกสองวันจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้เพราะร่างกาย และผลการสแกนสมองปกติดีทุกอย่าง ส่วนเรื่องที่เธอจำอะไรไม่ได้หมอประเมินว่าอาจเป็นอาการความทรงจำหายไปชั่วคราว อีกไม่นานความทรงจำน่าจะกลับมาเหมือนหลาย ๆ เคสที่ผ่านมา"บ้านของเราจำได้ไหม" ติณณภัทรเอ่ยถามคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเมื่อรถจอดลงหน้าบ้านอัครกุลสิ้นเสียงทุ้มนับดาวก็ทอดสายตามองเข้าบ้านหลังใหญ่โตตรงหน้า คิ้วสวยขมวดเป็นปมคล้ายกับว่าจำอะไรไม่ได้เลย"ฉันจำไม่ได้เลย" เปล่งเสียงตอบด้วยใบหน้าเศร้า แววตาหม่นหมองจนติณณภัทรต้องรีบรั้งเธอมากอดใช้มือลูบศีรษะเล็กทุยปลอบประโลม "จำไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็จำได้เองไม่ต้องรีบร้อน""ค่ะ""เข้าบ้านกันดีกว่าป่านนี้พ่อกับแม่คงรออยู่ ท่านดีใจมากเลยนะที่รู้ว่าเธอได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว" "ค่ะ" คนที่อิงแอบหน้ากับไหล่กว้างพยักรับ แล้วผละตัวออกจากอ้อมกอดคนตัวโต ซึ่งติณณภัทรก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมาเปิดประตูให้เธอ"เชิญครับ" บอกกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพลางยื่นมือไปให้เธอจับ อีกคนยื่นมือไปวางบนมือหนาแล้วพาตัวลุกจากรถโดยไม่ลืมจะเอ่ยขอบคุณคนตัวโต "ขอบคุณนะคะ
วันต่อมาวันนี้ติณณภัทรตั้งใจว่าจะสวมแหวนแต่งงานให้นับดาวถึงแม้เธอจะยังไม่รู้สึกตัวก็ตาม เขาโทรไปยังร้านดอกไม้สั่งให้ทางร้านจัดช่อดอกกุหลาบสีแดงซึ่งเป็นดอกไม้ที่เธอชอบจำนวนหนึ่งร้อยดอก แล้วให้นำมาส่งที่โรงพยาบาลหลังจากได้รับช่อดอกไม้เขาก็นำมันไปวางข้างเตียงหญิงสาว เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มองใบหน้าสวยอย่างสื่อความหมาย "ฉันเอาดอกไม้ที่เธอชอบมาให้ตื่นมาดูสิสวยมากเลยนะ และวันนี้ฉันก็มีบางอย่างจะให้เธอด้วยนะ"เขาว่าแล้วนิ่งเงียบไป ก่อนล้วงกล่องกำมะหยี่สีแดงออกมาจากกระเป๋ากางเกงเปิดออกแล้วหยิบแหวนมาถือไว้ "แหวนวงนี้เป็นแหวนที่ฉันตั้งใจสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อเป็นแหวนแต่งงานสำหรับเธอเลยนะ หวังว่าเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นเธอจะชอบมันนะ"ว่าจบก็จับมือด้านซ้ายของเธอมาบรรจงสวมแหวนเพชรลงบนนิ้วนาง จากนั้นก็ประทับจูบลงบนหลังมือนิ่มแช่ค้างไว้แบบนั้นและในจังหวะนั้นเองนิ้วเรียวทั้งห้าก็ขยับขึ้นเบา ๆ ทำให้ติณณภัทรต้องรีบผละดูให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง และใช่นิ้วของเธอขยับจริง ๆ เขาค่อย ๆ เลื่อนสายตาขึ้นมองใบหน้าสวยด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ ๆ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยลุ้น และตื่นเต้นกับอะไรเท่านี้มาก่อนเลย"
"นับดาวเมื่อไรเธอจะตื่นขึ้นมาคุยกับฉันสักที ฉันคิดถึงเสียงพูดของเธอ คิดถึงรอยยิ้มของเธอ อยากกอดเธอจนใจจะขาดแล้ว เลิกทรมานกันสักทีได้ไหม"ติณณภัทรเอ่ยเสียงเศร้าจ้องมองหน้าคนบนเตียงที่นอนหลับมานานนับเดือนด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยว ใช่เวลาผ่านไปเป็นเดือนแล้วแต่หญิงสาวก็ไม่รู้สึกตัวสักทีอาการทางร่ายกายของเธอหายดีหมดแล้ว หมอทำการสแกนสมองก็ปกติดีแต่ทำไมเธอถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาก็ไม่รู้ คนรออย่างเขามันโคตรทรมานหัวใจมือหนายื่นไปจับมือเรียวมากอบกุมไว้แน่นส่งผ่านความรู้สึกมากมายที่อยู่ในใจให้เธอได้รับรู้ หากเธอตื่นขึ้นมาเขามีคำพูดมากมายที่อยากบอก โดยเฉพาะคำว่ารักระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันทำให้เขารู้ว่าเธอมีความสำคัญกับชีวิตของเขามากแค่ไหน ในแต่วันที่ผ่านไปโดยไม่ได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเธอเหมือนกับชีวิตขาดอะไรไป มันเหงามันเคว้งคว้างไร้สีสันในวันที่คิดว่ากำลังจะเสียเธอไปเขายิ่งมั่นใจในความรู้สึกตัวเองว่าหลงรักเธอเข้าเต็มหัวใจแล้ว เธอเป็นความสุขของเขา ชีวิตในทุก ๆ วันที่มีเธอมันโคตรดีมาก ๆ แล้วแบบนี้เขาจะขาดเธอได้ยังไงกันครืดด~สายเรียกเข้าของโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เขาห
หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จติณณภัทรก็มาโรงพยาบาลทันที นั่งรอที่หน้าห้องไอซียูด้วยหัวใจมีความหวัง"เธอกับลูกต้องสู้นะฉันรออยู่" เสียงทุ้มพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาเศร้ามองประตูห้องไอซียูพร่ำภาวนาขอให้คนด้านในปลอดภัย ก่อนล้วงไปหยิบกล่องแหวนกำมะหยี่สีแดงที่เอาติดมาด้วยออกจากกระเป๋ากางเกงมาเปิดดู พร่ำรำพันออกมาแผ่วพริ้ว "ฉันรอสวมแหวนแต่งงานให้เธออยู่นะนับดาว"ดวงตาคมกริบจ้องมองแหวนเพชรในกล่องกำมะหยี่ด้วยความรู้สึกเศร้า แหวนเพชรวงนี้เขาตั้งใจสั่งทำให้หญิงสาวตั้งแต่รู้ว่าเธอท้องโดยสลักชื่อเขากับเธอเอาไว้ข้างในวงแหวนเพราะเขามั่นใจแล้วว่าจะร่วมเรียงเคียงหมอนไปกับเธอจนแก่เฒ่าเขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะปิดกล่องแหวน แล้วใส่ไว้ในกระเป๋าทอดสายตามองไปที่หน้าห้องไอซียูเหมือนเดิม แม้ตอนนี้เวลาจะล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืนแล้วเขาก็ไม่มีท่าว่าจะง่วงนอน และหิวสักนิดทั้งที่ตั้งแต่ไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่ตอนเที่ยง ในสถานการณ์แบบนี้เขานอนและทานอะไรไม่ลงจริง ๆ จนกว่าจะรู้ว่าลูกเมียปลอดภัยแล้วหลายชั่วโมงต่อมาก็เข้าสู่เช้าของวันใหม่ ติณณภัทรก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยอาการเหนื่อยล้า ใจจดใจจ่อเฝ้ารอว่า
"เกิดอะไรขึ้นกับเธอนับดาว" ติณณภัทรที่ได้ยินเสียงกรีดของนับดาวผ่านสาย ก่อนจะได้ยินเสียงเหมือนอะไรชนกันสักอย่างดังสนั่นแล้วสายก็ตัดไปทำให้เขาใจคอไม่ดีเป็นอย่างมาก พยายามติดต่อหาเธอหลายครั้งก็ปิดเครื่องได้แต่ภาวนาขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอพร้อมกับเร่งความเร็วของรถเพื่อกลับไปดูที่บ้านว่าเธอกลับไปหรือยังขับรถมาได้สักพักคิ้วเข้มก็ต้องขมวดเป็นปมด้วยความโมโหเพราะข้างหน้ารถติดยาวเหยียดทำไมต้องมาติดตอนนี้ตอนที่เขากำลังรีบ ดูเหมือนว่าข้างหน้าจะเกิดอุบัติเหตุเมื่อมองไปที่ริมถนนไกล ๆ ก็เห็นว่ามีคนจำนวนมากกำลังมุงดูอะไรกันอยู่ แวบหนึ่งที่เขานึกถึงหญิงสาวแต่ก็พยายามคิดว่ามันไม่ใช่ ยังคงขับรถต่อกระทั่งสายตาเหลือบเห็นรถคันที่เกิดอุบัติเหตุเหมือนจะชนกับเสาไฟฟ้า เท้าใหญ่เหยียบเบรกฉับพลันพร้อมกับหัวใจที่กระตุกวูบอย่างหนักรถที่เกิดอุบัติเหตุเป็นคันสีขาว และยี่ห้อเดียวกับของนับดาวไม่มีผิด จึงตัดสินใจตีไฟเลี้ยวจอดรถริมถนนแล้วเปิดประตูลงไปดู "ขอทางหน่อยครับ ขอทางหน่อยครับ" พยายามขอทางฝ่าวงล้อมผู้คนที่ยืนดูเข้าไปด้านใน ร่างกายชาวาบชั่วขณะเข่าอ่อนยวบแทบทรงตัวไม่อยู่ในตอนที่เห็นป้ายทะเบียนรถ เขาจำได้