แชร์

บทที่ 16 แหวนเพชร 8กะรัต

ติ๊ง! ติ๊ง!

เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกให้นับดาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่

"อื้อ..เช้าแล้วเหรอเนี่ยเพิ่งนอนไปเอง" เธอส่งเสียงครวญครางออกมาเบา ๆ พลางปรือตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังง่วงจัด เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็ครึ่งค่อนคืนเพราะไม่คุ้นกับที่นอนใหม่เท่าไร

จะนอนต่อก็ไม่ได้มาอยู่บ้านคนอื่นในฐานะลูกสะใภ้ก็ควรตื่นเช้าทำตัวให้เหมาะสมสักหน่อยจะได้ไม่โดนว่า ถึงแม้ไม่ได้เป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ก็ตาม

เธอพาตัวเองลงจากเตียงอย่างขี้เกียจ จัดการอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่างในเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ

ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียวเพราะปกติตะวันไม่ชี้โด่เธอไม่มีทางลุกจากที่นอนแน่นอน นอกเสียจากวันไหนมีถ่ายงานเช้า

เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอจึงเดินเข้าไปร่วมแจม แม้รู้ว่าแม่สามีกับคนที่ได้ชื่อว่าสามีไม่อยากร่วมโต๊ะด้วย

ทำไมเธอถึงรู้น่ะเหรอก็มือค่ำของเมื่อวานทั้งสองคนไม่ยอมลงมาทานข้าว แต่กลับสั่งให้แม่บ้านยกขึ้นไปให้ในห้อง ทิ้งให้เธอนั่งทานกับพ่อสามีสองคน

ถามว่าเธอรู้สึกอะไรไหมตอบเลยว่าไม่กลับทานข้าวอร่อยด้วยซ้ำ

"สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณลุง คุณป้า" เธอปั้นหน้ายิ้ม ก่อนกล่าวทักทายพ่อแม่สามีพอเป็นพิธีพร้อมกับหย่อนก้นนั่งลงข้างชายหนุ่ม

เคร้ง!

อรอินที่กำลังทานข้าวต้มอยู่ถึงกับวางช้อนลงอย่างแรงจนเกิดเสียงกระทบสนั่น แสดงออกโดยไม่ปิดบังว่าเธอไม่ชอบ

"ฉันอิ่มแล้ว" เอ่ยบอกคนเป็นสามีเสียงเรียบ ขณะที่สายตาตวัดมองหน้านับดาวด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะลุกเดินออกไปทั้งที่เพิ่งทานได้ไม่กี่คำ

ทิ้งให้คนเป็นสามีกับลูกมองหน้ากันนิ่ง ๆ

"เพราะนับแท้ ๆ เลยค่ะทำให้คุณป้าทานข้าวไม่ลง" คนต้นเหตุอย่างนับดาวก็แสร้งทำเป็นหน้าเศร้าเอ่ยออกมาอย่างน่าสงสารราวกับนางเอกในนิยายทั้งที่ในใจไม่รู้สึกอะไรสักนิด

"อย่าคิดมากเลยหนูนับดาว ป้าเขาก็เป็นแบบนี้แหละคงต้องให้เวลาหน่อย" เหมือนการแสดงของเธอจะใช้ได้กับประมุขของบ้านเพราะท่านมีท่าทีเห็นใจเธออย่างเห็นได้ชัดเอ่ยปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงนุ่ม ซึ่งคำพูดของท่านทำให้นับดาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกพลันนึกถึงคนเป็นพ่อแท้ ๆ ที่ไม่เคยพูดจาดีกับเธอเลยสักครั้ง มีแต่ต่อว่าและด่าด้วยคำพูดแรง ๆ แม้กระทั่งน้ำเสียงยังแข็งกระด้าง

พอนึกแล้วก็น่าเศร้าเหมือนกันใบหน้าสวยเผลอแสดงความเศร้าออกมา แต่เพียงเสี้ยวนาทีเธอก็รีบสะบัดความรู้สึกนี้ออกไปยิ้มรับคำพูดประมุขของบ้านเล็กน้อย "ค่ะคุณลุง"

ขณะที่ติณณภัทรกลับไม่เชื่อสักนิดว่าหญิงสาวจะเศร้า และรู้สึกผิดจริง ๆ เพราะขนาดถูกพ่อตัวเองด่าด้วยคำพูดแรงจนถึงขั้นถูกตบก็ไม่เห็นว่าเธอจะสะทกสะท้าน แล้วนับภาษาอะไรกับเรื่องแค่นี้คงไม่ทำให้เธอรู้สึกรู้สาขึ้นมาได้หรอก แสแสร้งแกล้งทำเสียมากกว่า

เขาส่ายหน้าไปมาเบา ๆ อย่างเอือมระอา ก่อนจะบอกล่าวกับผู้เป็นพ่อ "ผมไปทำงานก่อนนะครับ" แล้วลุกออกจากโต๊ะอาหารไปเพราะหมดอารมณ์จะทานจริง ๆ เพียงเห็นหน้าของผู้หญิงร้ายกาจ

"งั้นหนูก็ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะคุณลุง" นับดาวรีบขอแยกตัวออกไปเช่นกัน เมื่อประมุขของบ้านพยักหน้ารับเธอจึงยกมือไหว้สวัสดี แล้วลุกเดินกึ่งวิ่งตามชายหนุ่มไป

"สามีจะไปไหนคะ เมียขอไปด้วยได้ไหม" เมื่อวิ่งทันร่างสูงก็ถามไถ่ไปทันที ความจริงเธอไม่ได้ต้องการตามเขาไปจริง ๆ หรอกเพียงแค่อยากแกล้งเท่านั้น

ติณณภัทรถึงกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะหยุดเดินหันกลับไปมองร่างบางที่เดินตามหลังติด ๆ ด้วยความรำคาญ "เธอไม่มีงานมีการทำรึไงถึงได้ตามฉันเป็นเงาแบบนี้"

"สามีพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีเลยค่ะ เพราะเมียว่างงานจริง ๆ นั่นแหละตั้งแต่มีข่าวออกไปผู้ว่าจ้างก็ทยอยยกเลิกงานไปหมดเลย แถมตอนนี้เมียก็ไม่มีเงินใช้เลยสามีข๋า" ได้ทีเธอก็ยกเรื่องเงินขึ้นมาพูดทันทียอมรับอย่างหน้าตาเฉย และมิวายแบมือขอเงินเขาด้วยพลางส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์ "เมียขอเงินสามีใช้หน่อยสิคะ"

"เธอนี่มันเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันนับดาว" ติณณภัทรต่อว่าร่างบางตรงหน้าที่กำลังแบมือขอเงินอย่างเหลืออด ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นสามีภรรยากันแค่ในทะเบียน แต่เธอก็ยังกล้าขอเงินเขาใช้อีกเห็นแล้วสมเพชสิ้นดี

ในเมื่อเธอกล้าขอเขาก็กล้าให้

ล้วงไปหยิบกระเป๋าเงินในกระเป๋ากางเกงออกมาหยิบบัตรเครดิตส่งให้เธอพร้อมกับคำพูดเจ็บแสบ "ถือว่าฉันทำบุญให้พวกสัมภเวสี เผื่อผลบุญจะส่งผลให้สิ่งไม่ดีหายไปจากชีวิตฉัน"

"อือหื้อ..ปากแซ่บจังนะคะคุณสามี" คำพูดของติณณภัทรไม่ได้ทำให้นับดาวเจ็บสักนิด หนำซ้ำยังมีหน้าส่งยิ้มหวานให้เขาอีก ยื่นมือไปคว้าบัตรเครดิตจากเขามาถือไว้

"ขอบคุณนะคะสามี เมียจะใช้เงินทุกบาทอย่างคุ้มค่าที่สุด" เอ่ยขอบคุณเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิกแก้มเกลี้ยงเกลาหนึ่งถึงจงใจยั่วอารมณ์ของเขา

จากนั้นก็เดินฮัมเพลงไปขึ้นรถอย่างสบายใจโดยมีสายตาอีกคนมองตามด้วยความเกรี้ยวกราด

เธอรู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ก็มิวายหันกลับไปโบกไม้โบกมือส่งจุ๊บให้เขาอีกที ก่อนขึ้นรถแล้วขับออกไป

@ห้าง

"หึ" เธอเค้นหัวเราะในลำคออย่างคนมีแผนร้ายหลังจากขับรถมาจอดลงยังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง มือเรียวล้วงไปหยิบบัตรเครดิตในกระเป๋าสะพายที่เพิ่งได้จากชายหนุ่มมาดูด้วยแววตาวาววับ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าดังเดิม  แล้วรถจากรถสาวเท้าเดินตรงเข้าไปยังร้านเพชรภายในห้างเพื่อดูแหวนเพชรสำหรับใส่ไปอวดให้สองแม่ลูกมหาภัยอิจฉาตาร้อน

เธอเลือกแหวนเพชรน้ำงามที่มีน้ำหนักถึงแปดกะรัต รูปแบบของแหวนเป็นทรงบ่าข้างตัวแหวนประกอบด้วยเพชรเม็ดใหญ่ตรงกลาง และเพชรเม็ดเล็กประกบซ้ายขวา ลักษณะตัวเรือนของแหวนทำจากทองขาว เพชรถูกเจียระไนอย่างสวยงามราคาถึงหกล้านทีเดียว

แต่แล้วยังไงในเมื่อเธอไม่ได้เป็นคนจ่าย เมื่อเลือกของตัวเองเสร็จเธอก็ไม่ลืมจะเลือกให้คุณสามีสุดที่เกลียดด้วยเป็นแหวนทองคำขาวดีไซน์เรียบตรงกลางฝังเพชรหนึ่งเม็ดราคาหนึ่งล้านต้น ๆ เมื่อได้ตามที่ต้องการก็ยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน "ฉันเอา 2วงนี้ค่ะ"

"ได้ค่ะคุณผู้หญิง รอสักครู่นะคะ"

เธอมองแหวนสองวงที่กำลังถูกพนักงานอีกคนจัดใสตลับด้วยแววตาร้าย เพียงนึกถึงหน้านีรนุชกับแม่เลี้ยงใจยักษ์ตอนเห็นแหวนเพชรบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ

ครืดดด~

ระหว่างนั้นเธอเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นดึงให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิด ก่อนล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาดู

รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นประดับมุมปากหยักอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือติณณภัทร ถ้าให้เดาเขาคงเห็นยอดบัตรเครดิตที่เธอรูดแล้วถึงได้โทรมา

ทว่าเธอเลือกจะปิดเสียงแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิมปล่อยให้อีกคนโทรอยู่แบบนั้น เมื่อรับแหวนเพชรเรียบร้อยจึงเดินออกจากห้างไปขึ้นรถขับตรงสู่บ้านจิระกาญ

ทันทีที่รถจอดลงหน้าบ้านจิระกาญนับดาวก็หยิบเม็ดเพชรเม็ดงามในตลับกำมะหยี่สีแดงออกมาสวมนิ้วนางซ้าย มองพินิศพิจารณาครู่หนึ่ง ก่อนเปิดประตูลงจากรถเดินนวยนาดเข้าไปภายในบ้าน

เหมือนสวรรค์จะเป็นใจเมื่อเดินมาถึงห้องโถงก็พบว่านีรนุชกับแม่ของเธอนั่งอยู่ ส่วนบิดาคงจะไปทำงาน

เธอแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามสองแม่ลูก เอ่ยทักทายด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม "สวัสดีค่ะคุณแม่เลี้ยง พี่นีรนุช"

"สวัสดีจ้ะน้องนับ" นีรนุชยิ้มรับด้วยความจำใจ ส่วนนิ่มเบะปากออกมาด้วยความหมั่นไส้ลูกเลี้ยงอย่างนับดาวพร้อมเบนหน้าไปทางอื่น

นับดาวหาได้แค่ไม่ว่าใครจะแสดงปฏิกิริยายังที่ทักทายไปพอเป็นพิธีเท่านั้น ก่อนจะตะเบ็งเสียงเรียกออย "พี่ออยคะนับขอน้ำเย็น ๆ สักแก้วสิคะ"

"น้ำเย็นมาแล้วค่ะคุณหนู" เพียงไม่ถึงนาทีออยก็วิ่งแจ้นนำน้ำมาเสิร์ฟให้ เธอยื่นมือด้านซ้ายที่สวมแหวนเพชรเม็ดโตไปรับน้ำมาดื่มจงใจให้ทุกคนเห็นแหวน

"ว้าว! คุณหนูแหวนสวยมากเลยค่ะ ใส่นิ้วนางข้างซ้ายแบบนี้แหวนแต่งงานใช่ไหมคะคุณหนู" ออยทำตาลุกวาวชื่นชมออกมาเสียงดังจงใจเอ่ยให้สองแม่ลูกได้ยินชัด ๆ เพราะก่อนนับดาวจะมาถึงที่นี่ได้โทรตะเตรียมกับออยไว้แล้วว่าต้องพูดอะไรบาง

"ใช่ค่ะ พี่ภัทรให้นับซื้อใส่คนอื่นจะได้รู้ว่าแต่งงานแล้ว" นับดาวเอ่ยกับออยด้วยท่าทางเคอะเขิน ทว่าสายตากลับแอบมองไปที่สองคนแม่ลูก

แวบหนึ่งเธอเห็นว่านีรนุชทำหน้าเจื่อน ส่วนแม่เลี้ยงใจยักษ์จ้องแหวนเธอตาเป็นมัน ใบหน้าฉายแววริษยาออกมาอย่างชัดเจนเป็นภาพที่เธอโคตรสะใจเลย

"เพชรเม็ดใหญ่ขนาดนี้คงแพงน่าดูใช่ไหมคะคุณหนู" ออยแสดงละครต่อทำเป็นถามไถ่ด้วยความอยากรู้

"แค่ 8กะรัต ราคา 6ล้านกว่า ๆ เองค่ะพี่ออย"

"โอ้โห้! คุณติณณภัทรนี่โคตรสายเปย์เลยนะคะ"

"ใช่ค่ะพี่ออย ตอนแรกนับก็มองเขาผิดไป แต่พอได้ใกล้ชิดเขาน่ารักมากเลยนะคะ นอกจากจะให้เงินนับซื้อแหวนแล้ว พอรู้ว่านับตกงานเพราะข่าวเสียหายนั่นเขาก็ยังให้บัตรเครดิตวงเงินไม่จำกัดมาใช้อีก"

นับดาวพูดคุยกับออยด้วยใบหน้าอิ่มเอมเหมือนคนมีความสุขตลอดเวลาแสดงให้เห็นว่าข่าวที่มีคนจงใจปล่อยทำให้เธอเสียหายไม่มีผลอะไรสักนิด หนำซ้ำยิ่งทำให้ชีวิตของเธอในตอนนี้แฮปปี้มากขึ้นไปอีก

และแน่นอนว่ามันทำให้นิ่มอิจฉาตาร้อนจนนั่งไม่ติด จ้องมองลูกเลี้ยงอย่างนับดาวที่ได้ดีเกินหน้าเกินตาลูกตัวเองด้วยความคับแค้นใจ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วเอื้อมไปดึงมือบุตรสาวให้เดินออกจากห้องโถงด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด

"หึ" นับดาวเค้นหัวเราะในลำคออย่างผู้ชนะมองตามหลังสองแม่ลูกด้วยความสะใจแผนยั่วอารมณ์ของเธอมันได้ผลเกินคาดจริง ๆ ป่านนี้ในใจของสองคนแม่มหาภัยคงร้อนระอุไปด้วยไฟริษยาแล้ว

เธออยากจะรู้นักว่านีรนุชจะทนแสดงเป็นนางเอกที่แสนดีได้นานเท่าไรกัน

"ป่านนี้สองคนแม่ลูกคงอิจฉาจนอกแตกตายแล้วมั้งคะ" ออยปิดปากหัวเราะด้วยความสะใจไม่ต่างจากผู้เป็นเจ้านายสักเท่าไร

"นับก็ว่างั้นแหละค่ะ" ว่าจบนับดาวก็กลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะลุกเดินขึ้นห้องนอนตัวเอง ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนุ่มพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

รอยยิ้มร้ายพลันผุดพรายขึ้นประดับมุมปากหยักเมื่อคิดว่าตอนนี้หน้าเจ้าของบัตรเครดิตเป็นยังไง เธอเชื่อว่าเขาคงโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ ใบหน้าบูดบึ้งเหมือนเศษอาหารค้างคืนที่เธอใช้เงินเขาภายในวันเดียวถึงเจ็ดล้านกว่า

เธอนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนผล็อยหลับไปในที่สุด รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ออยเข้ามาปลุก เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้วจึงรีบขับรถกลับบ้านอัครกุล

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status