ติ๊ง! ติ๊ง!
เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกให้นับดาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่ "อื้อ..เช้าแล้วเหรอเนี่ยเพิ่งนอนไปเอง" เธอส่งเสียงครวญครางออกมาเบา ๆ พลางปรือตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังง่วงจัด เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็ครึ่งค่อนคืนเพราะไม่คุ้นกับที่นอนใหม่เท่าไร จะนอนต่อก็ไม่ได้มาอยู่บ้านคนอื่นในฐานะลูกสะใภ้ก็ควรตื่นเช้าทำตัวให้เหมาะสมสักหน่อยจะได้ไม่โดนว่า ถึงแม้ไม่ได้เป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ก็ตาม เธอพาตัวเองลงจากเตียงอย่างขี้เกียจ จัดการอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่างในเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียวเพราะปกติตะวันไม่ชี้โด่เธอไม่มีทางลุกจากที่นอนแน่นอน นอกเสียจากวันไหนมีถ่ายงานเช้า เมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอจึงเดินเข้าไปร่วมแจม แม้รู้ว่าแม่สามีกับคนที่ได้ชื่อว่าสามีไม่อยากร่วมโต๊ะด้วย ทำไมเธอถึงรู้น่ะเหรอก็มือค่ำของเมื่อวานทั้งสองคนไม่ยอมลงมาทานข้าว แต่กลับสั่งให้แม่บ้านยกขึ้นไปให้ในห้อง ทิ้งให้เธอนั่งทานกับพ่อสามีสองคน ถามว่าเธอรู้สึกอะไรไหมตอบเลยว่าไม่กลับทานข้าวอร่อยด้วยซ้ำ "สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณลุง คุณป้า" เธอปั้นหน้ายิ้ม ก่อนกล่าวทักทายพ่อแม่สามีพอเป็นพิธีพร้อมกับหย่อนก้นนั่งลงข้างชายหนุ่ม เคร้ง! อรอินที่กำลังทานข้าวต้มอยู่ถึงกับวางช้อนลงอย่างแรงจนเกิดเสียงกระทบสนั่น แสดงออกโดยไม่ปิดบังว่าเธอไม่ชอบ "ฉันอิ่มแล้ว" เอ่ยบอกคนเป็นสามีเสียงเรียบ ขณะที่สายตาตวัดมองหน้านับดาวด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะลุกเดินออกไปทั้งที่เพิ่งทานได้ไม่กี่คำ ทิ้งให้คนเป็นสามีกับลูกมองหน้ากันนิ่ง ๆ "เพราะนับแท้ ๆ เลยค่ะทำให้คุณป้าทานข้าวไม่ลง" คนต้นเหตุอย่างนับดาวก็แสร้งทำเป็นหน้าเศร้าเอ่ยออกมาอย่างน่าสงสารราวกับนางเอกในนิยายทั้งที่ในใจไม่รู้สึกอะไรสักนิด "อย่าคิดมากเลยหนูนับดาว ป้าเขาก็เป็นแบบนี้แหละคงต้องให้เวลาหน่อย" เหมือนการแสดงของเธอจะใช้ได้กับประมุขของบ้านเพราะท่านมีท่าทีเห็นใจเธออย่างเห็นได้ชัดเอ่ยปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงนุ่ม ซึ่งคำพูดของท่านทำให้นับดาวรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกพลันนึกถึงคนเป็นพ่อแท้ ๆ ที่ไม่เคยพูดจาดีกับเธอเลยสักครั้ง มีแต่ต่อว่าและด่าด้วยคำพูดแรง ๆ แม้กระทั่งน้ำเสียงยังแข็งกระด้าง พอนึกแล้วก็น่าเศร้าเหมือนกันใบหน้าสวยเผลอแสดงความเศร้าออกมา แต่เพียงเสี้ยวนาทีเธอก็รีบสะบัดความรู้สึกนี้ออกไปยิ้มรับคำพูดประมุขของบ้านเล็กน้อย "ค่ะคุณลุง" ขณะที่ติณณภัทรกลับไม่เชื่อสักนิดว่าหญิงสาวจะเศร้า และรู้สึกผิดจริง ๆ เพราะขนาดถูกพ่อตัวเองด่าด้วยคำพูดแรงจนถึงขั้นถูกตบก็ไม่เห็นว่าเธอจะสะทกสะท้าน แล้วนับภาษาอะไรกับเรื่องแค่นี้คงไม่ทำให้เธอรู้สึกรู้สาขึ้นมาได้หรอก แสแสร้งแกล้งทำเสียมากกว่า เขาส่ายหน้าไปมาเบา ๆ อย่างเอือมระอา ก่อนจะบอกล่าวกับผู้เป็นพ่อ "ผมไปทำงานก่อนนะครับ" แล้วลุกออกจากโต๊ะอาหารไปเพราะหมดอารมณ์จะทานจริง ๆ เพียงเห็นหน้าของผู้หญิงร้ายกาจ "งั้นหนูก็ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะคุณลุง" นับดาวรีบขอแยกตัวออกไปเช่นกัน เมื่อประมุขของบ้านพยักหน้ารับเธอจึงยกมือไหว้สวัสดี แล้วลุกเดินกึ่งวิ่งตามชายหนุ่มไป "สามีจะไปไหนคะ เมียขอไปด้วยได้ไหม" เมื่อวิ่งทันร่างสูงก็ถามไถ่ไปทันที ความจริงเธอไม่ได้ต้องการตามเขาไปจริง ๆ หรอกเพียงแค่อยากแกล้งเท่านั้น ติณณภัทรถึงกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ก่อนจะหยุดเดินหันกลับไปมองร่างบางที่เดินตามหลังติด ๆ ด้วยความรำคาญ "เธอไม่มีงานมีการทำรึไงถึงได้ตามฉันเป็นเงาแบบนี้" "สามีพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีเลยค่ะ เพราะเมียว่างงานจริง ๆ นั่นแหละตั้งแต่มีข่าวออกไปผู้ว่าจ้างก็ทยอยยกเลิกงานไปหมดเลย แถมตอนนี้เมียก็ไม่มีเงินใช้เลยสามีข๋า" ได้ทีเธอก็ยกเรื่องเงินขึ้นมาพูดทันทียอมรับอย่างหน้าตาเฉย และมิวายแบมือขอเงินเขาด้วยพลางส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์ "เมียขอเงินสามีใช้หน่อยสิคะ" "เธอนี่มันเป็นผู้หญิงประเภทไหนกันนับดาว" ติณณภัทรต่อว่าร่างบางตรงหน้าที่กำลังแบมือขอเงินอย่างเหลืออด ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเป็นสามีภรรยากันแค่ในทะเบียน แต่เธอก็ยังกล้าขอเงินเขาใช้อีกเห็นแล้วสมเพชสิ้นดี ในเมื่อเธอกล้าขอเขาก็กล้าให้ ล้วงไปหยิบกระเป๋าเงินในกระเป๋ากางเกงออกมาหยิบบัตรเครดิตส่งให้เธอพร้อมกับคำพูดเจ็บแสบ "ถือว่าฉันทำบุญให้พวกสัมภเวสี เผื่อผลบุญจะส่งผลให้สิ่งไม่ดีหายไปจากชีวิตฉัน" "อือหื้อ..ปากแซ่บจังนะคะคุณสามี" คำพูดของติณณภัทรไม่ได้ทำให้นับดาวเจ็บสักนิด หนำซ้ำยังมีหน้าส่งยิ้มหวานให้เขาอีก ยื่นมือไปคว้าบัตรเครดิตจากเขามาถือไว้ "ขอบคุณนะคะสามี เมียจะใช้เงินทุกบาทอย่างคุ้มค่าที่สุด" เอ่ยขอบคุณเสียงอ่อนเสียงหวานพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิกแก้มเกลี้ยงเกลาหนึ่งถึงจงใจยั่วอารมณ์ของเขา จากนั้นก็เดินฮัมเพลงไปขึ้นรถอย่างสบายใจโดยมีสายตาอีกคนมองตามด้วยความเกรี้ยวกราด เธอรู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ก็มิวายหันกลับไปโบกไม้โบกมือส่งจุ๊บให้เขาอีกที ก่อนขึ้นรถแล้วขับออกไป@ห้าง "หึ" เธอเค้นหัวเราะในลำคออย่างคนมีแผนร้ายหลังจากขับรถมาจอดลงยังห้างสรรพสินค้าชื่อดัง มือเรียวล้วงไปหยิบบัตรเครดิตในกระเป๋าสะพายที่เพิ่งได้จากชายหนุ่มมาดูด้วยแววตาวาววับ ก่อนจะเก็บใส่กระเป๋าดังเดิม แล้วรถจากรถสาวเท้าเดินตรงเข้าไปยังร้านเพชรภายในห้างเพื่อดูแหวนเพชรสำหรับใส่ไปอวดให้สองแม่ลูกมหาภัยอิจฉาตาร้อน เธอเลือกแหวนเพชรน้ำงามที่มีน้ำหนักถึงแปดกะรัต รูปแบบของแหวนเป็นทรงบ่าข้างตัวแหวนประกอบด้วยเพชรเม็ดใหญ่ตรงกลาง และเพชรเม็ดเล็กประกบซ้ายขวา ลักษณะตัวเรือนของแหวนทำจากทองขาว เพชรถูกเจียระไนอย่างสวยงามราคาถึงหกล้านทีเดียว แต่แล้วยังไงในเมื่อเธอไม่ได้เป็นคนจ่าย เมื่อเลือกของตัวเองเสร็จเธอก็ไม่ลืมจะเลือกให้คุณสามีสุดที่เกลียดด้วยเป็นแหวนทองคำขาวดีไซน์เรียบตรงกลางฝังเพชรหนึ่งเม็ดราคาหนึ่งล้านต้น ๆ เมื่อได้ตามที่ต้องการก็ยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน "ฉันเอา 2วงนี้ค่ะ" "ได้ค่ะคุณผู้หญิง รอสักครู่นะคะ" เธอมองแหวนสองวงที่กำลังถูกพนักงานอีกคนจัดใสตลับด้วยแววตาร้าย เพียงนึกถึงหน้านีรนุชกับแม่เลี้ยงใจยักษ์ตอนเห็นแหวนเพชรบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ ครืดดด~ ระหว่างนั้นเธอเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นดึงให้เธอหลุดออกจากห้วงความคิด ก่อนล้วงไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายออกมาดู รอยยิ้มร้ายผุดขึ้นประดับมุมปากหยักอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาคือติณณภัทร ถ้าให้เดาเขาคงเห็นยอดบัตรเครดิตที่เธอรูดแล้วถึงได้โทรมา ทว่าเธอเลือกจะปิดเสียงแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าเหมือนเดิมปล่อยให้อีกคนโทรอยู่แบบนั้น เมื่อรับแหวนเพชรเรียบร้อยจึงเดินออกจากห้างไปขึ้นรถขับตรงสู่บ้านจิระกาญ ทันทีที่รถจอดลงหน้าบ้านจิระกาญนับดาวก็หยิบเม็ดเพชรเม็ดงามในตลับกำมะหยี่สีแดงออกมาสวมนิ้วนางซ้าย มองพินิศพิจารณาครู่หนึ่ง ก่อนเปิดประตูลงจากรถเดินนวยนาดเข้าไปภายในบ้าน เหมือนสวรรค์จะเป็นใจเมื่อเดินมาถึงห้องโถงก็พบว่านีรนุชกับแม่ของเธอนั่งอยู่ ส่วนบิดาคงจะไปทำงาน เธอแสยะยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้ามสองแม่ลูก เอ่ยทักทายด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม "สวัสดีค่ะคุณแม่เลี้ยง พี่นีรนุช" "สวัสดีจ้ะน้องนับ" นีรนุชยิ้มรับด้วยความจำใจ ส่วนนิ่มเบะปากออกมาด้วยความหมั่นไส้ลูกเลี้ยงอย่างนับดาวพร้อมเบนหน้าไปทางอื่น นับดาวหาได้แค่ไม่ว่าใครจะแสดงปฏิกิริยายังที่ทักทายไปพอเป็นพิธีเท่านั้น ก่อนจะตะเบ็งเสียงเรียกออย "พี่ออยคะนับขอน้ำเย็น ๆ สักแก้วสิคะ" "น้ำเย็นมาแล้วค่ะคุณหนู" เพียงไม่ถึงนาทีออยก็วิ่งแจ้นนำน้ำมาเสิร์ฟให้ เธอยื่นมือด้านซ้ายที่สวมแหวนเพชรเม็ดโตไปรับน้ำมาดื่มจงใจให้ทุกคนเห็นแหวน "ว้าว! คุณหนูแหวนสวยมากเลยค่ะ ใส่นิ้วนางข้างซ้ายแบบนี้แหวนแต่งงานใช่ไหมคะคุณหนู" ออยทำตาลุกวาวชื่นชมออกมาเสียงดังจงใจเอ่ยให้สองแม่ลูกได้ยินชัด ๆ เพราะก่อนนับดาวจะมาถึงที่นี่ได้โทรตะเตรียมกับออยไว้แล้วว่าต้องพูดอะไรบาง "ใช่ค่ะ พี่ภัทรให้นับซื้อใส่คนอื่นจะได้รู้ว่าแต่งงานแล้ว" นับดาวเอ่ยกับออยด้วยท่าทางเคอะเขิน ทว่าสายตากลับแอบมองไปที่สองคนแม่ลูก แวบหนึ่งเธอเห็นว่านีรนุชทำหน้าเจื่อน ส่วนแม่เลี้ยงใจยักษ์จ้องแหวนเธอตาเป็นมัน ใบหน้าฉายแววริษยาออกมาอย่างชัดเจนเป็นภาพที่เธอโคตรสะใจเลย "เพชรเม็ดใหญ่ขนาดนี้คงแพงน่าดูใช่ไหมคะคุณหนู" ออยแสดงละครต่อทำเป็นถามไถ่ด้วยความอยากรู้ "แค่ 8กะรัต ราคา 6ล้านกว่า ๆ เองค่ะพี่ออย" "โอ้โห้! คุณติณณภัทรนี่โคตรสายเปย์เลยนะคะ" "ใช่ค่ะพี่ออย ตอนแรกนับก็มองเขาผิดไป แต่พอได้ใกล้ชิดเขาน่ารักมากเลยนะคะ นอกจากจะให้เงินนับซื้อแหวนแล้ว พอรู้ว่านับตกงานเพราะข่าวเสียหายนั่นเขาก็ยังให้บัตรเครดิตวงเงินไม่จำกัดมาใช้อีก" นับดาวพูดคุยกับออยด้วยใบหน้าอิ่มเอมเหมือนคนมีความสุขตลอดเวลาแสดงให้เห็นว่าข่าวที่มีคนจงใจปล่อยทำให้เธอเสียหายไม่มีผลอะไรสักนิด หนำซ้ำยิ่งทำให้ชีวิตของเธอในตอนนี้แฮปปี้มากขึ้นไปอีก และแน่นอนว่ามันทำให้นิ่มอิจฉาตาร้อนจนนั่งไม่ติด จ้องมองลูกเลี้ยงอย่างนับดาวที่ได้ดีเกินหน้าเกินตาลูกตัวเองด้วยความคับแค้นใจ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน แล้วเอื้อมไปดึงมือบุตรสาวให้เดินออกจากห้องโถงด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด "หึ" นับดาวเค้นหัวเราะในลำคออย่างผู้ชนะมองตามหลังสองแม่ลูกด้วยความสะใจแผนยั่วอารมณ์ของเธอมันได้ผลเกินคาดจริง ๆ ป่านนี้ในใจของสองคนแม่มหาภัยคงร้อนระอุไปด้วยไฟริษยาแล้ว เธออยากจะรู้นักว่านีรนุชจะทนแสดงเป็นนางเอกที่แสนดีได้นานเท่าไรกัน "ป่านนี้สองคนแม่ลูกคงอิจฉาจนอกแตกตายแล้วมั้งคะ" ออยปิดปากหัวเราะด้วยความสะใจไม่ต่างจากผู้เป็นเจ้านายสักเท่าไร "นับก็ว่างั้นแหละค่ะ" ว่าจบนับดาวก็กลั้วหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะลุกเดินขึ้นห้องนอนตัวเอง ทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนุ่มพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย รอยยิ้มร้ายพลันผุดพรายขึ้นประดับมุมปากหยักเมื่อคิดว่าตอนนี้หน้าเจ้าของบัตรเครดิตเป็นยังไง เธอเชื่อว่าเขาคงโกรธจนเป็นฟืนเป็นไฟ ใบหน้าบูดบึ้งเหมือนเศษอาหารค้างคืนที่เธอใช้เงินเขาภายในวันเดียวถึงเจ็ดล้านกว่า เธอนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนผล็อยหลับไปในที่สุด รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ออยเข้ามาปลุก เมื่อเห็นว่าเป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้วจึงรีบขับรถกลับบ้านอัครกุล"ว๊าย!"เอี๊ยดดด!นับดาวกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับเหยียบเบรกกะทันหันจนเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังสนั่นทั่วบริเวณเมื่อจู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาปาดหน้าหลังงจากขับรถออกจากบ้านจิระกาญได้เพียงสิบกิโลเมตรส่งผลให้เธอหน้าคะมำชนพวงมาลัยรถเต็ม ๆ แต่นับว่าโชคยังดีที่รัดเข็มขัดนิรภัยไม่อยากนั้นอาจเจ็บตัวมากกว่านี้ก็ได้"บ้าเอ๊ยขับรถภาษาอะไรว่ะ" เธอสบถออกมาด้วยโกรธ เมื่อตั้งสติได้ก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาคู่กรณีสองคนที่จอดรถขว้างอยู่"พวกคุณขับรถภาษาอะไรกัน เกิดฉันเบรกไม่ทันโดนชนขึ้นมาจะทำยังไง" ต่อว่าไปด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด"กรี๊ด!" ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ต้องร้องกรี๊ดด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อจู่ ๆ คู่กรณีซึ่งน่าจะเป็นผู้หญิงกับผู้ชายปาไข่ไก่ดิบเข้าใส่ ซึ่งมันพุ่งโดนหน้าผากเต็ม ๆ ทำเอาเธอเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า ก่อนไข่จะแตกลงชะโลมใบหน้าของเธอจนเละแทะ กลิ่นคาวของมันแทบทำให้เธออาเจียนออกมา"กรี๊ด! พวกคุณทำบ้าอะไร มาปาไข่ใส่ฉันทำไม" เธอกรี๊ดออกมาอย่างรับไม่ได้พลางยกมือขึ้นลูบไข่ออกจากใบหน้า ทว่าสองคนนั้นก็ยังปาไข่ใส่ไม่หยุดราวกับห่าฝนทำให้เธอโดนไข่เข้าไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แรงกระแ
ติณณภัทรไม่คิดจะผลักหญิงสาวออกเหมือนครั้งที่ผ่านมาในเมื่อเธออยากเล่นแบบนี้เขาก็จะเล่นด้วยเพราะถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรมือหนายกขึ้นกดท้ายทอยเล็กทุยไว้มั่น แล้วบดจูบกลีบปากนุ่มหยุ่นตอบอย่างหนักหน่วง จูบราวกับจะกระชากวิญญาณอีกคนออกจากร่าง ใช้ฟันขบเม้มฝากรอยแผลบนกลีบปากทำให้เธอรู้ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่าเจ้าของริมฝีปากอิ่มถึงกับประมวลผลไม่ทันกับการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของชายหนุ่มทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีรังเกียจกันอยู่เลย เธอเผลอจิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงในตอนที่อีกคนขบกัดกลีบปากซ้ำ ๆ จนรู้สึกเจ็บแปลบ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ กลิ่นคาวเลือดลอยแตะจมูกจนเธอแทบอยากจะอาเจียน แค่นั้นไม่พอเขายังบดขยี้บนแผลอย่างรุนแรงจนร้าวระบมไปหมดตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบเขาเสียแล้วคล้ายกับตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้จูบตอบ ขบกัดริมฝีปากหนาฝากรอยแผลให้เขาเช่นกันภายในห้องนอนคุกรุ่นไปด้วยแรงอารมณ์ของทั้งสอง ต่างคนต่างอยากเอาชนะ ติณณภัทรใช้ความช่ำชองเล่นงานหญิงสาวทั้งบดขยี้ ขบกัดกลีบปากนุ่มซ้ำ ๆ เรียวลิ้นกวาดต้อนในโพรงปากฉ่ำต้องการ
"อึก" นับดาวรู้สึกปวดร้าวระบมตรงกลางกลายเป็นอย่างมากเมื่อคนด้านบนเริ่มสอบสะโพกกระแทกกระทั้นท่อนเนื้อใหญ่โตเข้าออกในร่องสาวแห้งฝืด ความเจ็บทำเอาเธอเผลอหุบขาเข้าอย่างลืมตัว แต่ก็โดนมือหนาจับให้ถ่างออกอีกครั้ง ทั้งที่เป็นครั้งที่สองแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเจ็บมากขนาดนี้กันนะ ไหนใครบอกว่าเซ็กซ์ทำให้มีความสุขไงนั่นมันคงจะใช้ได้กับคนที่เป็นคู่รักกันเท่านั้นแหละ มือเรียวขยำผ้าปูที่นอนจนเส้นเลือดหลังมือปูดนูนข่มความรวดร้าวในกาย หลับตาเชิดหน้ากัดริมฝีปากเบา ๆ ทำเหมือนว่าเธอรู้สึกดีกับมันแค่ไหน ทั้งที่ในใจร้องตะโกนว่าเจ็บจะตายแล้วโว้ยเพราะคนด้านบนถาโถมแรงกายเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ไร้ความปราณีทุกแรงกระทำติณณภัทรจงใจทำให้หญิงสาวเจ็บ ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าสวยไปด้วยเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ มุมปากหนาแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันที่ได้เห็นเศษเสี้ยวความเจ็บปวดบนใบหน้าสวยที่เธอเผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนเคลื่อนมือไปดึงบราเซียร์ออกทำให้สองเต้าอวบดีดเด้งออกมาโชว์ความใหญ่โต ฝ่ามือนุ่มกอบกำสองเต้าแล้วบีบเคล้นแรง ๆ พร้อมทั้งโน้มหน้าลงไปซุกไซ้ลำคอระหงฝังเขี้ยวคมบนผิวเนื้อขาวเรียบเนียน ขณะเอวสอบยังส่งแรงเข้าออกไม่
เช้าวันต่อมา"วันนี้แม่นับดาวไปไหนล่ะ ปกติจะมาเสนอหน้าแล้วนิ" อรอินที่กำลังเดินเข้าไปในห้องอาหารเอ่ยถามบุตรชายอย่างประชดประชันเมื่อเห็นแค่สองพ่อลูกนั่งทานอาหารอยู่โดยไร้เงาของอีกคน"ยังไม่ตื่นมั้งครับ" ติณณภัทรตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนักพลางนึกถึงสภาพของหญิงสาวในเมื่อคืนที่โดนเอาจนสลบคาอกของเขา หลังจากเธอสลบเขาก็ไม่คิดจะดูดำดูดีสักนิด สวมเสื้อผ้าแล้วกลับไปยังห้องนอนตัวเองเลย เช้านี้เธอไม่ตื่นก็คงไม่แปลกโดนเล่นงานหนักเสียขนาดนั้น เผลอ ๆ ระบมจนลงจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ในเมื่อเธออวดเก่งเอง"ใช้ไม่ได้ ผู้หญิงอะไรตื่นหลังสามี ตื่นหลังพ่อแม่สามีแทนที่จะลุกขึ้นมาเตรียมอาหารให้" อรอินอดค่อนแขวะไม่ได้อะไรที่เป็นนับดาวเธอก็ไม่ชอบหมดนั่นแหละ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ซึ่งประมุขของบ้านนกับคนเป็นบุตรชายเพียงมองหน้ากันนิ่ง ๆ ไม่ออกความคิดเห็นด้วยเพราะเกรงว่าจะยืดยาวไม่รู้จบอรอินนึกขัดใจไม่น้อยที่สองพ่อลูกไม่คุยกับเธอ ตวัดดสายตามองหน้าทั้งสองอย่างอารมณ์เสีย ก่อนหันไปสั่งให้แม่บ้านตักข้าวต้มให้ จากนั้นก็นั่งทานไปเงียบ ๆ ติณณภัทรเมื่อทานอาหารเช้าเสร็จก็ลุกเดินออกไปขึ้นรถขับตรงไปยัง
วันต่อมาครืดดด~เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้นับดาวที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกหยุดชะงัก ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางบนเตียงมาดู เห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนสาวจึงกดรับสาย"ว่าไงส้มโทรมาแต่เช้าเชียว" (ฉันอยู่พัทยาแล้วนะ เมื่อกี้ตอนฉันเข้าเช็คอินที่โรงแรม ฉันเห็นนีรนุชด้วยมากับผู้ชายคนหนึ่งท่าทางสนิทสนมกันมากเหมือนเป็นคู่รักกันเลย)"จริงเหรอ แล้วนีรนุชเห็นแกรึเปล่า" คำบอกล่าวจากปลายสายทำเอานับดาวหูผึ่ง (ไม่น่าจะเห็นเพราะพอฉันเห็นนีรนุชก็รีบวิ่งหลบมุมเลย)"นีรนุชพักอยู่โรงแรมนั้นเหมือนกันเหรอ"(ฉันว่าน่าจะใช่นะเพราะเห็นเดินออกมาจากลิฟต์) "งั้นแกช่วยจับตาดูไว้ให้หน่อยนะ ฉันจะรีบตามไป"(ได้ ๆ)เมื่อวางสายจากเพื่อนสาวนับดาวก็รีบแต่งตัวให้เสร็จแล้วคว้ารีโมทรถกับกระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องเพื่อเดินทางไปพัทยาตามจับตาดูนีรนุช ฟังจากที่เพื่อนสาวเล่ามาเธอว่ามันมีอะไรแปลก ๆ นีรนุชเพิ่งเสียใจจากติณณภัทรได้ไม่กี่วันจะทำใจ และมีคนรักใหม่ได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ เธอชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อยขณะกำลังเดินถึงห้องอาหารซึ่งคาดว่าตอนนี้ทุกคนคงนั่งทานอาหารกันอยู่ ปรายตามองไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทุกคนตั้งใจอยู่กับการทานอ
3 วันต่อมา"สรุปรู้รึยังว่านับดาวอยู่ไหน" ติณณภัทรเอ่ยถามกำพลผู้ช่วยคนสนิททันทีที่เดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งในห้องทำงาน ที่เขาให้กำพลตามหาหญิงสาวไม่ใช่อะไรหรอกต้องการตามเธอกลับมาเซ็นใบหย่าให้ก่อนเพราะนี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วที่เธอไม่กลับบ้าน วันนั้นเขารอให้เธอกลับมาเพื่อจะคุยเรื่องหย่าแต่รอจนแล้วจนเล่าก็ไม่มีวี่แววสรุปคืนนั้นคือเธอไม่กลับ พอเขาโทรไปก็ไม่รับสาย ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่านหากจะหายไปก็ควรจัดการเรื่องหย่าให้เสร็จก่อนไม่ใช่ทิ้งไปดื้อ ๆ ปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้"ยังไม่รู้ครับ""อย่าให้เจอนะนับดาวโดนดีแน่" คำตอบจากปากกำพลทำเอาติณณภัทรถึงกับกัดกรามกรอด แววตาฉายแววแข็งกร้าวด้วยความโมโหหากตอนนี้หญิงสาวอยู่ตรงหน้าเขาคงจับเธอฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ แล้วผู้หญิงอะไรใช้ไม่ได้ ตอนนั้นแสดงออกว่าอยากได้เขาจนตัวสั่นพอมาวันนี้กลับหนีหายไปดื้อ ๆ ลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่งสันครั้งแล้วครั้งเล่าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้อารมณ์ของเขามันพุ่งถึงขีดสุดแล้วทำเอากำพลพลอยหายใจไม่ทั่วท้องไปด้วยเพราะรู้ดีว่าเวลาเจ้านายหนุ่มโกรธมันน่ากลัวแค่ไหนเรียกได้ว่าเหมือนพายุทอร์นาโดที่พร้อมถล่มทุกอย่างให้ราบคาบ เขาพ
พรึ่บ!ติณณภัทรทุ่มร่างบางบนบ่าลงบนเตียงอย่างไม่ใยดีทำเหมือนเธอเป็นสิ่งของ "อึก!"คนถูกโยนถึงกับจุกจนตัวงอ ใบหน้าสวยเหยเกด้วยความจุกปนเจ็บที่แล่นพล่านไปทั่วแผ่นหลัง และท้องน้อย แต่นั่นเทียบไม่ได้กับความโกรธที่กำลังปะทุขึ้นมาเธอรู้สึกโกรธกับการกระทำรุนแรงของชายหนุ่มมาก พยายามข่มความเจ็บไว้ หยัดกายลุกขึ้นนั่งหันกลับไปต่อว่าเสียงดังลั่น "คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชายชอบใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง""เพราะผู้หญิงอย่างเธอมันดื้อด้าน ปากดีไง" ติณณภัทรตอกกลับเสียงแข็งจ้องมองเจ้าของคำต่อว่าเขม็ง ขณะที่มือก็เริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตลงทีละเม็ดอย่างใจเย็น ซึ่งสวนทางกับคนบนเตียงที่รู้สึกหวั่นใจเป็นอย่างมาก แววตาโกรธเคืองไหวระริกอย่างห้ามไม่ได้เมื่อร่างสูงตรงหน้าเคลื่อนมือลงไปถอดผ้าท่อนล่างต่อ หลังจากถอดเสื้อพาดริมเตียงแล้วเกิดใจเสาะขึ้นมาดื้อ ๆ ครั้นส่วนกลางกายอันใหญ่โตที่โอบล้อมด้วยเส้นเอ็นปูดนูนของร่างสูงดีดผึ่งออกมาปะทะสายตา ลำคอพานแห้งผากจนต้องลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ร่างกายขยับถอยหลังไปเองอัตโนมัติเมื่อหวนนึกถึงสัมผัสหยาบโลนในคืนนั้น"ไหนบอกว่าของฉันมันเล็ก และไม่ได้เรื่องแล้วถอยหนีทำไม เก่งให้เหมือนปากหน
"อึก" นับดาวเริ่มหอบหายใจขาดห้วงเนื้อตัวแดงก่ำ และสั่นระริก เหงื่อผุดพรายเคลือบไปทั่วร่างเพราะพยายามเก็บกลั้นเสียงครางข่มความรู้สึกเสียวซ่านที่แทรกไปทุกอณูของผิวเนื้อโดยเฉพาะร่องสาวที่ถูกท่อนลำแข็งขืนตอกอัดด้วยจังหวะเนิบนาบ ขยับเข้าออกสั้น ๆ แต่เน้นหนักมันแผ่วพริ้วแต่สร้างความซ่านสยิวให้เธออย่างหนักเซ็กซ์ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเจ็บสักนิดกลับมีความรู้สึกแปลกใหม่เข้ามาแทนที่คงเป็นเพราะถูกอีกคนปลุกเร้าจนเกิดอารมณ์ ช่องทางรักมีน้ำเป็นตัวหล่อลื่น อีกทั้งเขายังนุมนวลกว่าครั้งก่อนเป็นไหน ๆ มันรู้สึกดีและทรมานในเวลาเดียวกัน เธอกำลังพ่ายแพ้ให้เขาอีกครั้งแล้วใช่ไหม"อึก..อื้อ" ริมฝีปากอิ่มเผลอหลุดเสียงครางแผ่วออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ในตอนที่คนด้านบนถอนกายออกไปจนเกือบสุดแล้วหมุนควงส่วนปลายมนที่ค้างคาข้างในร่องหลืบ"ซี๊ดด" เช่นเดียวกับเจ้าของท่อนลำแข็งขืนที่หลุดเสียงต่ำในลำคอ แรงบีบรัดจากร่องคับแน่นสร้างความเสียวซ่านให้เขาไม่น้อยจนต้องขบกรามกรอด แล้วค่อย ๆ ดันกายกลับเข้าไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างบางได้ซึมซาบความเสียวซ่านจากแรงเสียดสีของผนังอ่อนนุ่มกับท่อนลำมหึมาของเขาสายตาจับจ้องท่อนลำที่ผล