@บ้านอัครกุล
ติณณภัทรทิ้งเตียงตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนุ่ม หลับตาลงด้วยอาการหนักอึ้งในสมองเพราะคิดไม่ตกกับเรื่องในวันนี้ นี่เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงร้ายกาจอย่างนับดาวจริงหรือแค่คิดก็หนักใจตั้งไว้แล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ต้องเจอกับอะไรอีก ไหนจะนีรนุชที่ยังไม่ได้คุยกันสักนิด เธอคงโกรธและเกลียดเขามากขนาดเขาขอคุยกับเธอก่อนกลับเธอยังปฏิเสธแล้ววิ่งหนีขึ้นห้องไป ไหนจะพ่อกับแม่ตัวเองอีกไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อเขาบอกเรื่องนี้ไป ที่ผ่านมาผู้เป็นแม่ก็ดูจะไม่ชอบนับดาวอย่างชัดเจน ส่วนผู้เป็นพ่อเขาเดาไม่ถูกจริง ๆ ว่าท่านคิดยังไง "แม่ง! เพราะเธอคนเดียวนับดาว" เสียงทุ้มสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนเขาดีดตัวลุกลงจากเตียงถอดเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำหวังให้น้ำช่วยบรรเทาอารมณ์คุกรุ่นในร่างกายให้เย็นลง ทว่าเหมือนน้ำเย็น ๆ จะไม่ได้ช่วยอะไรเพราะภาพความร้ายกาจของหญิงสาวยังคงวนเวียนในสมองเขาไม่เลิก "บ้าชะมัด!" เขาสบถออกมาอีกครั้งพร้อมกับปิดฝักบัว เอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวแล้วเดินออกไปแต่งตัว ก็อก! ก็อก! ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเขาจึงรีบสวมเสื้อผ้าแล้วเดินไปเปิดประตู "มันเกิดอะไรขึ้นบอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะตาภัทร ทำไมลุงทนงศักดิ์จึงโทรมาขอถอนหมั้นให้หนูนุช" ทันทีที่เปิดประตูออกไปเสียงของผู้เป็นแม่ก็แวด ๆ ใส่เขายาวเหยียดแถมยังจ้องเขม็งราวกับเขาไปฆ่าใครตายอย่างนั้น "ใจเย็น ๆ สิครับแม่" เขาจึงต้องหยิบลูกอ้อนออกมาใช้พุ่งเข้าโอบกอดท่านไว้ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มหวังให้ท่านใจเย็นลง "เรื่องนี้แม่ใจเย็นไม่ได้หรอกนะ บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าลูกไปทำอะไรให้ทางนั้นเขาไม่พอใจ" ครั้งนี้อรอินหาได้ใจอ่อนไม่ยังคงจ้องหน้าถามบุตรชายอย่างคาดคั้น "ว่ายังไงฮึ" "ผมบอกก็ได้ครับ" เมื่อเลี่ยงไม่ได้ติณณภัทรจึงจำใจต้องบอก เขาลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเอ่ยต่อ "งานเลี้ยงวันเกิดนุชเมื่อคืนผมเมาจนพลาดมีอะไรกับนับดาวครับ ผมเลยต้องรับผิดชอบเขา" "ห๊ะ!" คำพูดของบุตรชายทำเอาอรอินถึงกับตาเบิกกว้าง ร้องอุทานออกด้วยความตกใจแทบอยากจะเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอดทำไมบุตรชายของเธอถึงได้สร้างเรื่องแบบนี้กันนะ "โอ้ย! ตาภัทรทำไมแกทำแบบนี้ห๊ะ ฉันจะเป็นลม" "ผมขอโทษครับมันพลาดไปแล้วจริง ๆ" ติณณภัทรก็รู้สึกสงสารคนเป็นแม่อยู่หรอกแต่จะให้ทำยังไงในเมื่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้วทำได้เพียงเอ่ยคำขอโทษด้วยความรู้สึกผิด "ไม่รู้แหละถึงยังไงแม่ก็ไม่รับนับดาวมาเป็นสะใภ้แน่ ๆ ถึงจะไม่ได้หนูนุชมาเป็นสะใภ้ก็เถอะ" อรอินยืนยันเสียงแข็งเธอรับไม่ได้จริง ๆ ที่จะมีลูกสะใภ้สำส่อนอย่างนับดาว ข่าวออกโครม ๆ คนรู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองว่านับดาวเป็นผู้หญิงยังไงหากได้เป็นลูกสะใภ้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น "ลูกไปมีอะไรกับเธอไม่รู้ว่าเป็นโรครึเปล่า" ติณณภัทรได้แต่ส่ายหน้ากับคำพูดจาแสนร้ายกาจของผู้เป็นแม่ แต่ก็ทำให้เขาอดคิดตามไม่ได้จริงเมื่อคืนเขาดันไม่ได้ป้องกันด้วยสิ พอพูดถึงเรื่องนี้เขาก็สงสัยเรื่องรอยเลือดขึ้นมาอีกครั้ง บวกกับความรู้สึกที่มันยังเจือจางอยู่เหมือนเมื่อคืนเขามีอะไรกับสาวบริสุทธิ์ไม่ใช่ผู้หญิงที่ผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอนคงเป็นเพราะฤทธิ์น้ำเมาผสมฤทธิ์ยาเลยทำให้เขารู้สึกแบบนั้น "เพื่อความสบายใจผมจะไปตรวจร่างกายครับ" เขาสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมอง แล้วเอ่ยบอกผู้เป็นแม่ไปเพื่อให้ท่านสบายใจ และเพื่อความสบายใจของตัวเองด้วย "ดีรีบไปตรวจเลยนะ" อรอินพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะประกาศเสียงกล่าวในประโยคต่อมา "ส่วนเรื่องรับผิดชอบนับดาวแม่ไม่เห็นด้วย หัวเด็ดตีนขาดยังไงแม่ก็ไม่ยอม" "ถ้าผมไม่รับผิดชอบ ครอบครัวเราอาจผิดใจกับคุณลุงศักดิ์ได้นะครับ" ติณณภัทรยกทนงศักดิ์มาอ้างหวังว่าผู้เป็นแม่จะยอมเพราะไม่ว่ายังไงเขาจะต้องทำตามที่ลั่นวาจาไว้ให้ได้ จะไม่ยอมให้ผู้หญิงร้ายกาจแถมมีอายุน้อยกว่าเขาตั้งหลายปีมาดูหมิ่นได้ จดทะเบียนแล้วค่อยหย่ากันทีหลังก็ไม่เห็นเป็นไรยังไงเขาเป็นผู้ชายไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว "นี่แม่ต้องทำใจยอมรับนับดาวมาเป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ใช่ไหม" อรอินพรูลมหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ พอพูดถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองตระกูลเธอก็ปฏิเสธไม่ออกจริง ๆ เพราะทนงศักดิ์ถือเป็นผู้มีพระคุณเลยก็ว่าได้ ครั้งที่พ่อเธอมีปัญหาเรื่องบริษัทจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลก็ได้ทนงศักดิ์นี่แหละช่วยเหลือโดยการแอบใช้เส้นสายทำให้พ่อของเธอชนะคดีทั้ง ๆ ที่เป็นฝ่ายผิด แล้วแบบนี้เธอจะปฏิเสธยังไง "แม่ให้ลูกรับผิดชอบก็ได้ แต่ลูกห้ามมีความสัมพันธ์เกินเลยกับเธออีกพอครบหนึ่งปีค่อยเลิกกัน" "ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ" "งั้นก็ตามนี้แหละ แม่ไม่อยากคิดเรื่องนี้แล้วปวดหัว เครียด รับไม่ได้" อรอินเอ่ยตัดบท ก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้ติณณภัทรมองตามหลังด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มเพราะนึกสงสาร และตลกผู้เป็นแม่ในเวลาเดียวกันกับท่าทางของท่าน ยืนมองจนท่านเดินลับสาตจึงกลับเข้ามาล้มตัวลงนอนบนเตียง จากนั้นไม่นานก็ผล็อยหลับไป ครืดดด~ นอนหลับไปกว่าสองชั่วโมงเขาก็ต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังอย่างต่อเนื่อง มือหนายกขึ้นขยี้ตาเบา ๆ ไล่อาการงัวเงีย ก่อนเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมาดู คิ้วเข้มขมวดชนกันเป็นปมด้วยความสงสัยเพราะเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอไม่คุ้นตาเลยสักนิด แต่ก็ตัดสินใจรับสาย (สวัสดีค่ะว่าที่คุณสามี) เพียงได้ยินคำพูดปลายสายก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร เขาถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ด้วยความอารมณ์เสีย ก่อนตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงห้วน "ก่อนจะเรียกฉันว่าผัว ควรถามฉันก่อนไหมว่าว่าอยากเป็นรึเปล่า หรืออยากได้ผัวจนตัวสั่นเลยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น" (หว่า..ว่าที่คุณสามีรู้ทันเสียด้วย แสนรู้จังเลยนะคะ) ปลายสายยอมรับยังไม่สะทกสะท้านกับคำพูดแรง ๆ ของเขา หนำซ้ำยังเปรียบเขาแสนรู้เหมือนหมาอีกทำเอาอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่แล้วถึงกับพุ่งปรี๊ด ตวาดปลายสายดังลั่น "มันจะมากไปแล้วนะนับดาว อย่าให้ฉันหมดความอดทนกับเธอไปมากกว่านี้" (ไม่เอาไม่โกรธสิคะว่าที่คุณสามี ว่าที่เมียคนนี้ก็แค่จะโทรมาบอกว่าฤกษ์จดทะเบียนเป็นวันพรุ่งนี้นะคะ เจอกันที่อำเภอพรุ่งนี้เวลา 10โมงนะคะ หวังว่าว่าที่คุณสามีจะเป็นลูกผู้ชายพอไม่ปัดความรับผิดชอบนะคะ) คนปลายสายอย่างนับดาวยังคงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี เสียงตวาดของติณณภัทร และคำพูดของเขาไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกกลัวสักนิด กลับกันยิ่งเขาแสดงออกมาว่าโกรธมากเท่าไรเธอก็ยิ่งพอใจ "เธอนี่มันไร้ยางอายสิ้นดีนับดาว อยากจดทะเบียนกับฉันมากฉันก็จะจัดให้ แต่เธอจะเป็นเมียฉันแค่ในทะเบียนสมรสเท่านั้น อย่าหวังว่าเรื่องคืนนั้นจะเกิดขึ้นอีก และอย่าหวังอะไรไปไกล" (ฉันจะคอยดูว่าคุณทำได้ตามที่พูดไหม อย่ามาเป็นหมาทีหลังแล้วกันนะคะว่าที่คุณสามี) นับดาวสวนกลับปลายสายด้วยความหมั่นไส้ ก่อนกดวางสาย ความจริงเธอก็ไม่ได้พิศวาสอะไรในตัวชายหนุ่มสักนิด ไม่คิดว่าจะมีอะไรกับเขาเป็นครั้งที่สองด้วยซ้ำ ฤกษ์จดทะเบียนที่บอกเธอก็ไม่ได้ไปดูที่ไหนทั้งนั้นเพียงพูดเยาะเย้ยนีรนุชกับนิ่มเท่านั้นเอง เธอกับเขาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันเพราะรักจะดูฤกษ์ ไม่ดูฤกษ์ จดในวันดี หรือไม่ดีก็ไม่เห็นสำคัญสุดท้ายวันหนึ่งเธอกับเขาก็ต้องแยกทางกันอยู่ดี แต่พอได้ยินคำพูดมั่นหน้ามั่นโหนกของชายหนุ่มในวันนี้ต่อมอยากเอาชนะของเธอมันก็ทำงานขึ้นมาทันที คอยดูเถอะเธอจะทำให้เขากลายเป็นหมาให้ได้วันต่อมานับดาวเดินฮั่มเพลงลงมาจากชั้นบนของบ้านอย่างสบายใจ เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโต๊ะอาหารที่มีบิดา แม่เลี้ยงใจยักษ์ และนีรนุชนั่งอยู่ด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขมากแค่ไหน เธอมองหน้าแม่เลี้ยงใจยักษ์พร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากให้อย่างผู้ชนะ ก่อนเลื่อนสายตาไปบอกกล่าวกับบิดาเสียงดังฟังชัดจงใจให้ทุกคนได้ยินกันทั่วถึง "นับจดทะเบียนสมรสกับติณณภัทรววันนี้นะคะ ตอน 10โมง"ทุกคนที่นั่งบนโต๊ะอาหารไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคน กลับหันไปมองนีรนุชที่นั่งหน้าเศร้าด้วยความเป็นห่วงทำให้เธออดหมั่นไส้ไม่ได้จึงจงใจพูดตอกย้ำให้นีรนุชเสียใจเข้าไปอีก "พี่นุชช่วยไปเป็นพยานรักให้นับกับติณณภัทร เอ้ย! ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าพี่ภัทรเพราะเรากำลังจะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พี่นุชช่วยไปเป็นสักขีพยานให้ได้ไหมคะ" ว่าจบเธอก็ลอบยิ้มออกมาอย่างสะใจกับสีหน้าของนีรนุชที่ดูจะแย่มากกว่าเก่า โดยเฉพาะแม่เลี้ยงใจยักษ์ที่มองเธอเขม็งคงโกรธเธอมากสินะที่ทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของตัวเอง ไหนจะผิดหวังที่ไม่ได้ลูกเขยรวยอย่างติณณภัทรอีก"แกจะพอได้หรือยังนับดาว จะตอกย้ำให้พี่เขาเสียใจไปถึงไหน" ทนงศักดิ์ที่นั่ง
@คอนโดนับดาวนับดาวทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงทันทีที่มาถึงคอนโดที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ ทว่าเธอหลับตาลงได้ไม่ทิ้งห้านาทีก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจกับเสียงโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังขึ้นระรัว รีบเอื้อมมือไปหยิบมาดูปรากฏว่าเป็นเบอร์ส้มจึงกดรับสาย(เห็นข่าวตัวเองรึยังนับ ตอนนี้เต็มโซเชียลไปหมด แล้วแกก็อธิบายมาด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมในข่าวถึงแกถึงย่องจดทะเบียนสมรสกับคุณติณณภัทร)ทันทีที่เธอกดรับปลายสายก็พ่นคำพูดใส่จนไฟแลบ ทว่านั่นไม่ได้ทำให้เธอตกใจเท่ากับประโยคที่เพื่อนสาวบอกในที่สุดเรื่องของเธอกับติณณภัทรก็เป็นข่าวจนได้ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนตอบเพื่อนสาวไป "แกมาหาฉันที่คอนโดสิ เดี๋ยวจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง"(โอเคฉันจะรีบไป) ว่าจบปลายสายก็วางไป นับดาวจึงรีบเปิดเฟสบุ๊คเพื่อดูข่าวของตัวเองซึ่งมันเป็นไปตามที่เพื่อนสาวบอกไม่มีผิด หน้าฝืดเต็มไปด้วยข่าวของเธอกับติณณภัทรที่คนนับพันต่างพากันแชร์ รีบกดเข้าไปอ่านเนื้อหาข่าวด้วยความอยากรู้ว่างานนี้นักข่าวจะตีสีใส่ไข่ไปมากแค่ไหนเป็นประเด็นร้อนแรงอีกแล้วนะคะสำหรับนางแบบสาวคนดังอย่าง 'นับดาว พรนับพัน จิระกาญ' ที่ย่องไปจดทะเบียนสมรสแบบเงียบ
วันต่อมาหลังจากทำธุรส่วนตัวเสร็จนับดาวก็หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาติณณภัทรทันทีเพื่อบอกล่าวว่าเธอจะไปหาพ่อแม่เขาที่บ้าน ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ(มีอะไร)"เมียแค่จะโทรมาบอกสามีนะคะ ว่าตอนนี้กำลังจะขับรถไปไหว้พ่อกับแม่สามีที่บ้าน พร้อมกับขนเสื้อผ้าไปอยู่กับสามีแล้ว" เธอเอ่ยบอกปลายสายอย่างอารมณ์ดี(หยุดเลยนะนับดาว ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไรหยุดคิดเดี๋ยวนี้) ปลายสายกดเสียงพูดอย่างดุดัน ทว่านับดาวหาได้สนใจไม่ ตอบกลับอย่างท้าทาย "ไม่หยุดค่ะ เจอกันที่บ้านนะคะคุณสามี บ๊ายบาย" ว่าจบก็กดวางสายเธอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเพียงคิดว่าตอนนี้อีกคนกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ก่อนจะรีบขับรถตรงไปยังบ้านของเขาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงบ้านอัครกุลปรากฏว่าเห็นรถชายหนุ่มจอดอยู่แล้วไม่รู้ว่าตอนที่เธอโทรมาเขาอยู่บ้านอยู่แล้ว หรือพอรู้ว่าเธอจะมาเลยรีบกลับบ้านก่อนกันแน่ ที่สำคัญตอนนี้เขากำลังเดินหน้าบอกบุญไม่รับตรงมายังรถของเธอราวกับว่ากำลังรอการมาของเธออยู่ เธอกระตุกยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่า ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถยืนมองเขาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ "สามีมารับเมียเหรอคะ""ฉันมาไล่ต่างหาก กลับไปบ้านนี้ไม่มีใครต้อนรับเธ
"โอ้ย! คุณทำบ้าอะไรเนี่ยติณณภัทร" นับดาวร้องโวยวายออกมาเสียงดังลั่นเมื่ออีกคนเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ แล้วจับแขนดึงให้เธอลงจากรถ เธอพยายามขืนตัวใช้อีกมือเหนี่ยวรั้งเบาะสุดแรงไม่ให้ตัวลอยไปตามแรงดึง แต่ก็ไม่อาจต้านกำลังคนตัวโตกว่าได้ สุดท้ายก็ถูกเขาดึงออกจากรถได้สำเร็จทันทีที่ดึงหญิงสาวออกจากรถได้สำเร็จติณณภัทรก็รีบเดินกลับไปขึ้นรถฝั่งคนขับจัดการล็อกประตูรถด้วยความเร็วไม่ต้องการให้อีกคนขึ้นรถได้ จากนั้นก็ขับออกไปโดยไม่สนใจสักนิดว่าเธอจะกลับยังไง "อ๊าย! ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย" นับดาวส่งเสียงกรีดในลำคอกระโดดเต้นเร่า ๆ ด้วยความโมโห สายตามองตามรถคันหรูที่เคลื่อนจากไปอย่างคับแค้นใจ ก่อนจะกลับมาสนใจสภาพตัวเองต่อว่าจะกลับไปที่บ้านชายหนุ่มยังไงตอนนี้เธอไม่มีทั้งกระเป๋าเงิน และโทรศัพท์ติดตัวเลยเพราะอยู่ในรถยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ความแค้นนี้เธอจะต้องได้ชำระคิดว่าทำแบบนี้จะล้มเลิกความตั้งใจเธอได้เหรอบอกเลยว่าไม่ ยิ่งเขาทำแบบนี้ก็ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะเธอพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนหันซ้ายแลขวามองหารถแท็กซี่เผื่อว่าจะขับผ่านมาบ้างเธอจะได้กลับที่บ้านชายหนุ่มอีกคร
หลังจากเอาของเครื่องใช้ในกระเป๋าสัมภาระใบเล็กที่พกมาด้วยวางในห้องเรียบร้อยแล้ว นับดาวก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ก่อนจะพบกับติณณภัทรที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปหา หย่อนก้นนั่งจนตัวแทบสิงกับเขา"เมียขอนั่งด้วยนะคะสามี" จงใจยั่วอารมณ์ของเขา และมันก็ได้ผลอีกคนรีบขยับตัวออกห่างทำเหมือนรังเกียจเธอมาก ๆ สายตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงยังงั้น กดเสียงพูดอย่างดุดัน"เลิกวุ่นวายกับฉันสักทีนับดาว""เมียคงทำไม่ได้ผัวค่ะผัวข๋า" ไม่ว่าเปล่าคราวนี้เธอขยับขึ้นไปนั่งบนตักของเขาพร้อมกับใช้มือโอบลำคอแกร่งไว้"เธอจะท้าทายฉันมากไปแล้วนะ" ติณณภัทรถึงกับความอดทนขาดผึ่งไม่คิดหยั่งมืออีกต่อไป ผลักร่างบางอย่างแรงจนเธอกระเด็นออกจากตักล้มลงไปนั่งกองที่พื้น เขาชายตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลุกเดินออกไปไม่คิดสนใจใยดีแรงกระแทกกับพื้นแข็งทำเอานับดาวเจ็บไม่น้อย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจ มองตามหลังร่างสูงที่เดินจากไปด้วยแววตาโกรธเคือง พร้อมกับสบถออกมาเบา ๆ "ไอ้บ้าเอ้ย! เจ็บชะมัด" ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังศาลาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ครืดดด~เ
ติ๊ง! ติ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกให้นับดาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่"อื้อ..เช้าแล้วเหรอเนี่ยเพิ่งนอนไปเอง" เธอส่งเสียงครวญครางออกมาเบา ๆ พลางปรือตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังง่วงจัด เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็ครึ่งค่อนคืนเพราะไม่คุ้นกับที่นอนใหม่เท่าไรจะนอนต่อก็ไม่ได้มาอยู่บ้านคนอื่นในฐานะลูกสะใภ้ก็ควรตื่นเช้าทำตัวให้เหมาะสมสักหน่อยจะได้ไม่โดนว่า ถึงแม้ไม่ได้เป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ก็ตามเธอพาตัวเองลงจากเตียงอย่างขี้เกียจ จัดการอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่างในเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียวเพราะปกติตะวันไม่ชี้โด่เธอไม่มีทางลุกจากที่นอนแน่นอน นอกเสียจากวันไหนมีถ่ายงานเช้าเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอจึงเดินเข้าไปร่วมแจม แม้รู้ว่าแม่สามีกับคนที่ได้ชื่อว่าสามีไม่อยากร่วมโต๊ะด้วย ทำไมเธอถึงรู้น่ะเหรอก็มือค่ำของเมื่อวานทั้งสองคนไม่ยอมลงมาทานข้าว แต่กลับสั่งให้แม่บ้านยกขึ้นไปให้ในห้อง ทิ้งให้เธอนั่งทานกับพ่อสามีสองคน ถามว่าเธอรู้สึกอะไรไหมตอบเลยว่าไม่กลับทานข้าวอร
"ว๊าย!"เอี๊ยดดด!นับดาวกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับเหยียบเบรกกะทันหันจนเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังสนั่นทั่วบริเวณเมื่อจู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาปาดหน้าหลังงจากขับรถออกจากบ้านจิระกาญได้เพียงสิบกิโลเมตรส่งผลให้เธอหน้าคะมำชนพวงมาลัยรถเต็ม ๆ แต่นับว่าโชคยังดีที่รัดเข็มขัดนิรภัยไม่อยากนั้นอาจเจ็บตัวมากกว่านี้ก็ได้"บ้าเอ๊ยขับรถภาษาอะไรว่ะ" เธอสบถออกมาด้วยโกรธ เมื่อตั้งสติได้ก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาคู่กรณีสองคนที่จอดรถขว้างอยู่"พวกคุณขับรถภาษาอะไรกัน เกิดฉันเบรกไม่ทันโดนชนขึ้นมาจะทำยังไง" ต่อว่าไปด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด"กรี๊ด!" ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ต้องร้องกรี๊ดด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อจู่ ๆ คู่กรณีซึ่งน่าจะเป็นผู้หญิงกับผู้ชายปาไข่ไก่ดิบเข้าใส่ ซึ่งมันพุ่งโดนหน้าผากเต็ม ๆ ทำเอาเธอเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า ก่อนไข่จะแตกลงชะโลมใบหน้าของเธอจนเละแทะ กลิ่นคาวของมันแทบทำให้เธออาเจียนออกมา"กรี๊ด! พวกคุณทำบ้าอะไร มาปาไข่ใส่ฉันทำไม" เธอกรี๊ดออกมาอย่างรับไม่ได้พลางยกมือขึ้นลูบไข่ออกจากใบหน้า ทว่าสองคนนั้นก็ยังปาไข่ใส่ไม่หยุดราวกับห่าฝนทำให้เธอโดนไข่เข้าไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แรงกระแ
ติณณภัทรไม่คิดจะผลักหญิงสาวออกเหมือนครั้งที่ผ่านมาในเมื่อเธออยากเล่นแบบนี้เขาก็จะเล่นด้วยเพราะถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรมือหนายกขึ้นกดท้ายทอยเล็กทุยไว้มั่น แล้วบดจูบกลีบปากนุ่มหยุ่นตอบอย่างหนักหน่วง จูบราวกับจะกระชากวิญญาณอีกคนออกจากร่าง ใช้ฟันขบเม้มฝากรอยแผลบนกลีบปากทำให้เธอรู้ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่าเจ้าของริมฝีปากอิ่มถึงกับประมวลผลไม่ทันกับการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของชายหนุ่มทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีรังเกียจกันอยู่เลย เธอเผลอจิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงในตอนที่อีกคนขบกัดกลีบปากซ้ำ ๆ จนรู้สึกเจ็บแปลบ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ กลิ่นคาวเลือดลอยแตะจมูกจนเธอแทบอยากจะอาเจียน แค่นั้นไม่พอเขายังบดขยี้บนแผลอย่างรุนแรงจนร้าวระบมไปหมดตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบเขาเสียแล้วคล้ายกับตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้จูบตอบ ขบกัดริมฝีปากหนาฝากรอยแผลให้เขาเช่นกันภายในห้องนอนคุกรุ่นไปด้วยแรงอารมณ์ของทั้งสอง ต่างคนต่างอยากเอาชนะ ติณณภัทรใช้ความช่ำชองเล่นงานหญิงสาวทั้งบดขยี้ ขบกัดกลีบปากนุ่มซ้ำ ๆ เรียวลิ้นกวาดต้อนในโพรงปากฉ่ำต้องการ