"ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ" นับดาวพึมพำออกมาด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในสมองหลังจากก้าวขึ้นมานับบนรถแล้ว อารมณ์หมองมนในทันตา ใบหน้าสวยฉายแววอ่อนล้าออกมาอย่างชัดเจน
เธอรู้สึกเหนื่อยมากจริง ๆ กับการต้องปั้นหน้าเหมือนไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับเรื่องที่เกิดขึ้นต่อหน้าทุกคนทั้งที่ในใจมันไม่ใช่เลย จนถึงตอนนี้ยังคงมีคำถามมากมายติดค้างอยู่ในใจว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ทำไมทุกอย่างถึงได้กลับตาลปัตรแบบนี้ ทำไมถึงรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลก ๆ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาอุงอิงเพื่อสอบถามเหตุการณ์เมื่อคืน ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ (สวัสดีค่ะคุณนับดาว) "ค่ะ ฉันจะโทรมาถามเรื่องเมื่อคืนหน่อยค่ะ" (ค่ะ ฉันก็ว่าจะโทรหาคุณอยู่พอดีเลย) "เมื่อคืนคุณจำอะไรได้บางไหมคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกอย่างมันถึงผิดแผนไปหมด ส่วนฉันจำได้แค่ว่านั่งดื่มกับคุณอยู่จากนั้นภาพก็ตัดไปเลย" (ฉันก็เหมือนกันค่ะภาพสุดท้ายที่จำได้คือนั่งดื่มอยู่กับคุณ แต่พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็นอนอยู่ในห้องที่บ้านคุณแล้ว ฉันถามออยแม่บ้านของคุณแล้วเธอก็บอกว่าเหมือนกัน เป็นไปได้ไหมคะว่าพวกเราจะเผลอดื่มแก้วที่มียานอนหลับเขาไปด้วย) ปลายสายออกความคิดเห็น "ก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ ยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ ส่วนค่าจ้างฉันยกให้ค่ะ" (ขอบคุณค่ะ) หลังจากวางสายอุงอิงนับดาวก็ต่อสายหาออยต่อเพื่อสอบถามให้มั่นใจว่าเมื่อคืนมีอะไรผิดพลาดไหมเพราะเธอยังไม่ค่อยเชื่อเต็มร้อยว่าจะเผลอดื่มแก้วที่มียานอนหลับผสมเข้าไป "พี่ออยเมื่อคืนพี่ออยไม่ได้เสิร์ฟเครื่องดื่มสลับกันใช่ไหมคะ" (ไม่สลับกันแน่นอนค่ะ พี่แยกกันวางคนละที่ไม่พลาดแน่ ๆ) "น่าแปลก" เธอพึมพำออกมาเบา ๆ ด้วยความแปลกใจ ก่อนจะวางสายจากออย แล้วขับรถออกจากบ้านตรงไปคลินิกของเพื่อนชายเพื่อตรวจเลือดให้แน่ใจว่าในร่างกายมีสารแปลกปลอมไหม พอได้ฟังคำยืนยันจากออยมันทำให้เธอสงสัยมากขึ้นไปอีกว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หากตรวจร่างกายแล้วพบว่ามีสารของยานอนหลับจริง ๆ แล้วเมื่อคืนเธอไปนอนห้องเดียวกับติณณภัทรได้ยังไงหากไม่มีคนพาไป@คลินิกแบงค์ "อ้าว! นับวันนี้ลมอะไรหอบมาถึงนี่" แบงค์ หมอหนุ่มหน้าตาหล่อที่กำลังยืนคุยกับพนักงานหน้าเคาวน์เตอร์เอ่ยทักทายเพื่อนสาวคนสนิทด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังมากนักทันทีที่เห็นเธอเดินหน้าสล่อนเข้ามา "มาคลินิกก็ต้องมาหาหมอป่ะ ถามแปลก " นับดาวเลิกคิ้วตอบด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท ทว่าแบงค์กลับมีสีหน้าเคร่งขรึมลงรีบถามไถ่พลางเดินเข้าไปวางมือบนหน้าผากเพื่อนสาวด้วยความเป็นห่วง "ไม่สบายเหรอ" ยิ่งเป็นห่วงมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นแผลบนมุมปากของเพื่อนสาว "แล้วมุมปากไปโดนอะไรมา" เอ่ยถามอย่างคาดคั้น "สบายดี แค่อยากให้แกตรวจเลือดหาสารแปลกปลอมในร่างกายหน่อย ส่วนแผลมุมปากฉันกัดปากตัวเองเองแหละ" นับดาวเลือกโกหกเพื่อนชายเพราะถ้าบอกว่าโดนตบเขาคงซักไซร้ไม่เลิก "ตรวจเลือด มีอะไรหรือเปล่า" ได้ยินคำบอกกล่าวเพื่อนสาวแบงค์ก็ยิ่งแปลกใจ แต่ก็เลือกจะไม่ซักไซร้ต่อเพราะรู้นิสัยเพื่อนดี ถ้าเธอไม่อยากบอกต่อให้ง้างปากก็ไร้ผล "ก็เมื่อคืนน่ะสิ ฉันรู้สึกเหมือนดื่มเครื่องดื่มที่ผสมยานอนหลับเข้าไปเลย" นับดาวตอบแบบปัด ๆ "แกไปเที่ยวมาอีกแล้วเหรอ โดนยาปลุกเซ็กซ์คืนนั้นยังไม่หลาบจำอีกเหรอ" แบงค์อดบ่นเพื่อนสาวไม่ได้คิดว่าที่เธอโดนยานอนหลับคงไปเที่ยวกลางคืนมาอีกแล้ว เขาล่ะเป็นห่วงเพื่อนสาวจริง ๆ แต่พูดเท่าไรเพื่อนสาวก็ไม่เคยฟัง คืนนั้นที่เพื่อนสาวโดนยาปลุกเซ็กซ์ส้มก็โทรตามให้เขาไปช่วยครั้งหนึ่งแล้ว แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่จนเขาต้องฉีดยานอนหลับให้ "แกเลิกบ่นเถอะน่า ตอนนี้ว่างใช่ไหมรีบตรวจเลือดให้ฉันเถอะ" นับดาวรีบเปลี่ยนเรื่องคุยไม่อยากฟังเสียงบ่นของเพื่อนชาย ซึ่งแบงค์รู้ทันเขาเพียงส่ายหน้าถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินนำเพื่อนสาวเข้าไปในห้องตรวจ แล้วทำการเจาะเลือดทันที "อีกสามวันถึงจะรู้ผลนะ" เขาบอกกล่าวหลังจากทำการเก็บเลือดเสร็จแล้ว นับดาวพยักหน้ารับแล้วนิ่งเงียบไปคล้ายกำลังคิดอะไรอยู่ทำให้แบงค์อดสงสัยไม่ได้ "มีอะไรรึเปล่านับ ปกติแกไม่ใช่คนนั่งเหม่อลอยแบบนี้" "มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยน่ะ" คนถูกถามตอบโดยไม่ปิดบัง แต่ก็บอกไม่หมด เธอกำลังคิดไม่ตกเรื่องเมื่อคืนยังไงล่ะเพราะไม่ว่ามองทางไหนมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไปนอนกับติณณภัทรทั้งที่ยังมีสติ และหากหลับก็เดินไปเองไม่ได้เช่นกัน "เล่าให้เราฟังได้นะ" "ไม่มีอะไรหรอก งั้นเรากลับก่อนนะรู้ผลแล้วอย่าลืมโทรบอกด้วย" นับดาวฝืนระบายยิ้มให้เพื่อนชายบาง ๆ ก่อนจะขอแยกตัวกลับ เธอขับรถไปเรื่อย ๆ พลางครุ่นคิดอะไรไปด้วยกระทั่งรถมาจอดยังวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นวัดที่ไว้อัฐิมารดา เวลามีอะไรไม่สบายใจเธอมักมาระบายให้ท่านฟังเสมอ เธอวางดอกทิวลิปสีขาวหน้าที่เก็บอัฐิของมารดาพร้อมกับย่อตัวลงนั่งคุกเข่า ยื่นมือไปแตะรูปท่านด้วยความรัก และคิดถึงสุดหัวใจ ก่อนจะเริ่มระบายความอัดอั้นตันใจให้ท่านฟัง "แม่คะเมื่อคืนนับทำสิ่งที่พลาดที่สุด แต่นับไม่ได้อยากให้มันเกิดขึ้นเลย นับไม่รู้ว่าทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ นับคิดถึงแม่เหลือเกินค่ะ หากแม่ยังอยู่นับเชื่อว่าแม่จะเข้าใจ และปกป้องนับไม่เหมือนพ่อ.." พอพูดมาถึงตรงนี้เธอถึงกับสะอึก ขอบตาร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่ได้ คำพูดทุกคำของบิดาในวันนี้มันยังดังก้องอยู่ในโสตประสาท สิ่งที่ฝังใจยิ่งกว่าคือรอยตบบนแก้มขวาที่ท่านฝากเอาไว้ วันนี้เธอมั่นใจแล้วว่าบิดาไม่เคยรักเธอเลยสักนิด "หรือจริง ๆ แล้วนับเป็นลูกที่คุณพ่อเก็บมาเลี้ยงคะ" เธอเค้นหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยันพลางแหงนหน้าขึ้นฟ้าเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา น้ำตาของเธอมีค่าเกินกว่าจะเสียให้คนที่ไม่ได้รัก และไม่เคยเห็นค่าเธอ.. และเธอก็ไม่มีเวลามานั่งดราม่ากับอะไรทั้งนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบิดา หรือเรื่องเสียพรหมจรรย์ให้ติณณภัทรเพราะยังไงเธอก็ไม่สามารถเรียกมันกลับมาได้ สู้เดินหน้าต่อไป แล้วปล่อยให้เรื่องบ้า ๆ นี่เป็นแค่อดีต@บ้านอัครกุลติณณภัทรทิ้งเตียงตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงนุ่ม หลับตาลงด้วยอาการหนักอึ้งในสมองเพราะคิดไม่ตกกับเรื่องในวันนี้ นี่เขาต้องแต่งงานกับผู้หญิงร้ายกาจอย่างนับดาวจริงหรือแค่คิดก็หนักใจตั้งไว้แล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ต้องเจอกับอะไรอีก ไหนจะนีรนุชที่ยังไม่ได้คุยกันสักนิด เธอคงโกรธและเกลียดเขามากขนาดเขาขอคุยกับเธอก่อนกลับเธอยังปฏิเสธแล้ววิ่งหนีขึ้นห้องไป ไหนจะพ่อกับแม่ตัวเองอีกไม่รู้ว่าท่านทั้งสองจะมีปฏิกิริยายังไงเมื่อเขาบอกเรื่องนี้ไป ที่ผ่านมาผู้เป็นแม่ก็ดูจะไม่ชอบนับดาวอย่างชัดเจน ส่วนผู้เป็นพ่อเขาเดาไม่ถูกจริง ๆ ว่าท่านคิดยังไง"แม่ง! เพราะเธอคนเดียวนับดาว" เสียงทุ้มสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนเขาดีดตัวลุกลงจากเตียงถอดเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำหวังให้น้ำช่วยบรรเทาอารมณ์คุกรุ่นในร่างกายให้เย็นลง ทว่าเหมือนน้ำเย็น ๆ จะไม่ได้ช่วยอะไรเพราะภาพความร้ายกาจของหญิงสาวยังคงวนเวียนในสมองเขาไม่เลิก"บ้าชะมัด!" เขาสบถออกมาอีกครั้งพร้อมกับปิดฝักบัว เอื้อมมือไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวแล้วเดินออกไปแต่งตัวก็อก! ก็อก!ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเขาจึงรีบสวมเสื้อผ้าแล้วเดินไปเปิดประตู"มันเกิดอ
วันต่อมานับดาวเดินฮั่มเพลงลงมาจากชั้นบนของบ้านอย่างสบายใจ เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโต๊ะอาหารที่มีบิดา แม่เลี้ยงใจยักษ์ และนีรนุชนั่งอยู่ด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้มแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังมีความสุขมากแค่ไหน เธอมองหน้าแม่เลี้ยงใจยักษ์พร้อมกับแสยะยิ้มมุมปากให้อย่างผู้ชนะ ก่อนเลื่อนสายตาไปบอกกล่าวกับบิดาเสียงดังฟังชัดจงใจให้ทุกคนได้ยินกันทั่วถึง "นับจดทะเบียนสมรสกับติณณภัทรววันนี้นะคะ ตอน 10โมง"ทุกคนที่นั่งบนโต๊ะอาหารไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคน กลับหันไปมองนีรนุชที่นั่งหน้าเศร้าด้วยความเป็นห่วงทำให้เธออดหมั่นไส้ไม่ได้จึงจงใจพูดตอกย้ำให้นีรนุชเสียใจเข้าไปอีก "พี่นุชช่วยไปเป็นพยานรักให้นับกับติณณภัทร เอ้ย! ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าพี่ภัทรเพราะเรากำลังจะเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว พี่นุชช่วยไปเป็นสักขีพยานให้ได้ไหมคะ" ว่าจบเธอก็ลอบยิ้มออกมาอย่างสะใจกับสีหน้าของนีรนุชที่ดูจะแย่มากกว่าเก่า โดยเฉพาะแม่เลี้ยงใจยักษ์ที่มองเธอเขม็งคงโกรธเธอมากสินะที่ทำร้ายลูกสาวสุดที่รักของตัวเอง ไหนจะผิดหวังที่ไม่ได้ลูกเขยรวยอย่างติณณภัทรอีก"แกจะพอได้หรือยังนับดาว จะตอกย้ำให้พี่เขาเสียใจไปถึงไหน" ทนงศักดิ์ที่นั่ง
@คอนโดนับดาวนับดาวทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงทันทีที่มาถึงคอนโดที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพ ทว่าเธอหลับตาลงได้ไม่ทิ้งห้านาทีก็ต้องสะดุ้งด้วยความตกใจกับเสียงโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังขึ้นระรัว รีบเอื้อมมือไปหยิบมาดูปรากฏว่าเป็นเบอร์ส้มจึงกดรับสาย(เห็นข่าวตัวเองรึยังนับ ตอนนี้เต็มโซเชียลไปหมด แล้วแกก็อธิบายมาด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมในข่าวถึงแกถึงย่องจดทะเบียนสมรสกับคุณติณณภัทร)ทันทีที่เธอกดรับปลายสายก็พ่นคำพูดใส่จนไฟแลบ ทว่านั่นไม่ได้ทำให้เธอตกใจเท่ากับประโยคที่เพื่อนสาวบอกในที่สุดเรื่องของเธอกับติณณภัทรก็เป็นข่าวจนได้ เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนตอบเพื่อนสาวไป "แกมาหาฉันที่คอนโดสิ เดี๋ยวจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง"(โอเคฉันจะรีบไป) ว่าจบปลายสายก็วางไป นับดาวจึงรีบเปิดเฟสบุ๊คเพื่อดูข่าวของตัวเองซึ่งมันเป็นไปตามที่เพื่อนสาวบอกไม่มีผิด หน้าฝืดเต็มไปด้วยข่าวของเธอกับติณณภัทรที่คนนับพันต่างพากันแชร์ รีบกดเข้าไปอ่านเนื้อหาข่าวด้วยความอยากรู้ว่างานนี้นักข่าวจะตีสีใส่ไข่ไปมากแค่ไหนเป็นประเด็นร้อนแรงอีกแล้วนะคะสำหรับนางแบบสาวคนดังอย่าง 'นับดาว พรนับพัน จิระกาญ' ที่ย่องไปจดทะเบียนสมรสแบบเงียบ
วันต่อมาหลังจากทำธุรส่วนตัวเสร็จนับดาวก็หยิบโทรศัพท์มาต่อสายหาติณณภัทรทันทีเพื่อบอกล่าวว่าเธอจะไปหาพ่อแม่เขาที่บ้าน ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ(มีอะไร)"เมียแค่จะโทรมาบอกสามีนะคะ ว่าตอนนี้กำลังจะขับรถไปไหว้พ่อกับแม่สามีที่บ้าน พร้อมกับขนเสื้อผ้าไปอยู่กับสามีแล้ว" เธอเอ่ยบอกปลายสายอย่างอารมณ์ดี(หยุดเลยนะนับดาว ไม่ว่าคุณคิดจะทำอะไรหยุดคิดเดี๋ยวนี้) ปลายสายกดเสียงพูดอย่างดุดัน ทว่านับดาวหาได้สนใจไม่ ตอบกลับอย่างท้าทาย "ไม่หยุดค่ะ เจอกันที่บ้านนะคะคุณสามี บ๊ายบาย" ว่าจบก็กดวางสายเธอหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเพียงคิดว่าตอนนี้อีกคนกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ก่อนจะรีบขับรถตรงไปยังบ้านของเขาด้วยความเร็ว เมื่อมาถึงบ้านอัครกุลปรากฏว่าเห็นรถชายหนุ่มจอดอยู่แล้วไม่รู้ว่าตอนที่เธอโทรมาเขาอยู่บ้านอยู่แล้ว หรือพอรู้ว่าเธอจะมาเลยรีบกลับบ้านก่อนกันแน่ ที่สำคัญตอนนี้เขากำลังเดินหน้าบอกบุญไม่รับตรงมายังรถของเธอราวกับว่ากำลังรอการมาของเธออยู่ เธอกระตุกยิ้มมุมปากอย่างคนเหนือกว่า ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถยืนมองเขาพร้อมกับส่งยิ้มหวานไปให้ "สามีมารับเมียเหรอคะ""ฉันมาไล่ต่างหาก กลับไปบ้านนี้ไม่มีใครต้อนรับเธ
"โอ้ย! คุณทำบ้าอะไรเนี่ยติณณภัทร" นับดาวร้องโวยวายออกมาเสียงดังลั่นเมื่ออีกคนเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ แล้วจับแขนดึงให้เธอลงจากรถ เธอพยายามขืนตัวใช้อีกมือเหนี่ยวรั้งเบาะสุดแรงไม่ให้ตัวลอยไปตามแรงดึง แต่ก็ไม่อาจต้านกำลังคนตัวโตกว่าได้ สุดท้ายก็ถูกเขาดึงออกจากรถได้สำเร็จทันทีที่ดึงหญิงสาวออกจากรถได้สำเร็จติณณภัทรก็รีบเดินกลับไปขึ้นรถฝั่งคนขับจัดการล็อกประตูรถด้วยความเร็วไม่ต้องการให้อีกคนขึ้นรถได้ จากนั้นก็ขับออกไปโดยไม่สนใจสักนิดว่าเธอจะกลับยังไง "อ๊าย! ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย" นับดาวส่งเสียงกรีดในลำคอกระโดดเต้นเร่า ๆ ด้วยความโมโห สายตามองตามรถคันหรูที่เคลื่อนจากไปอย่างคับแค้นใจ ก่อนจะกลับมาสนใจสภาพตัวเองต่อว่าจะกลับไปที่บ้านชายหนุ่มยังไงตอนนี้เธอไม่มีทั้งกระเป๋าเงิน และโทรศัพท์ติดตัวเลยเพราะอยู่ในรถยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ความแค้นนี้เธอจะต้องได้ชำระคิดว่าทำแบบนี้จะล้มเลิกความตั้งใจเธอได้เหรอบอกเลยว่าไม่ ยิ่งเขาทำแบบนี้ก็ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะเธอพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนหันซ้ายแลขวามองหารถแท็กซี่เผื่อว่าจะขับผ่านมาบ้างเธอจะได้กลับที่บ้านชายหนุ่มอีกคร
หลังจากเอาของเครื่องใช้ในกระเป๋าสัมภาระใบเล็กที่พกมาด้วยวางในห้องเรียบร้อยแล้ว นับดาวก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ก่อนจะพบกับติณณภัทรที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปหา หย่อนก้นนั่งจนตัวแทบสิงกับเขา"เมียขอนั่งด้วยนะคะสามี" จงใจยั่วอารมณ์ของเขา และมันก็ได้ผลอีกคนรีบขยับตัวออกห่างทำเหมือนรังเกียจเธอมาก ๆ สายตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงยังงั้น กดเสียงพูดอย่างดุดัน"เลิกวุ่นวายกับฉันสักทีนับดาว""เมียคงทำไม่ได้ผัวค่ะผัวข๋า" ไม่ว่าเปล่าคราวนี้เธอขยับขึ้นไปนั่งบนตักของเขาพร้อมกับใช้มือโอบลำคอแกร่งไว้"เธอจะท้าทายฉันมากไปแล้วนะ" ติณณภัทรถึงกับความอดทนขาดผึ่งไม่คิดหยั่งมืออีกต่อไป ผลักร่างบางอย่างแรงจนเธอกระเด็นออกจากตักล้มลงไปนั่งกองที่พื้น เขาชายตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลุกเดินออกไปไม่คิดสนใจใยดีแรงกระแทกกับพื้นแข็งทำเอานับดาวเจ็บไม่น้อย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจ มองตามหลังร่างสูงที่เดินจากไปด้วยแววตาโกรธเคือง พร้อมกับสบถออกมาเบา ๆ "ไอ้บ้าเอ้ย! เจ็บชะมัด" ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังศาลาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ครืดดด~เ
ติ๊ง! ติ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกให้นับดาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่"อื้อ..เช้าแล้วเหรอเนี่ยเพิ่งนอนไปเอง" เธอส่งเสียงครวญครางออกมาเบา ๆ พลางปรือตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังง่วงจัด เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็ครึ่งค่อนคืนเพราะไม่คุ้นกับที่นอนใหม่เท่าไรจะนอนต่อก็ไม่ได้มาอยู่บ้านคนอื่นในฐานะลูกสะใภ้ก็ควรตื่นเช้าทำตัวให้เหมาะสมสักหน่อยจะได้ไม่โดนว่า ถึงแม้ไม่ได้เป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ก็ตามเธอพาตัวเองลงจากเตียงอย่างขี้เกียจ จัดการอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่างในเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียวเพราะปกติตะวันไม่ชี้โด่เธอไม่มีทางลุกจากที่นอนแน่นอน นอกเสียจากวันไหนมีถ่ายงานเช้าเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอจึงเดินเข้าไปร่วมแจม แม้รู้ว่าแม่สามีกับคนที่ได้ชื่อว่าสามีไม่อยากร่วมโต๊ะด้วย ทำไมเธอถึงรู้น่ะเหรอก็มือค่ำของเมื่อวานทั้งสองคนไม่ยอมลงมาทานข้าว แต่กลับสั่งให้แม่บ้านยกขึ้นไปให้ในห้อง ทิ้งให้เธอนั่งทานกับพ่อสามีสองคน ถามว่าเธอรู้สึกอะไรไหมตอบเลยว่าไม่กลับทานข้าวอร
"ว๊าย!"เอี๊ยดดด!นับดาวกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับเหยียบเบรกกะทันหันจนเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังสนั่นทั่วบริเวณเมื่อจู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาปาดหน้าหลังงจากขับรถออกจากบ้านจิระกาญได้เพียงสิบกิโลเมตรส่งผลให้เธอหน้าคะมำชนพวงมาลัยรถเต็ม ๆ แต่นับว่าโชคยังดีที่รัดเข็มขัดนิรภัยไม่อยากนั้นอาจเจ็บตัวมากกว่านี้ก็ได้"บ้าเอ๊ยขับรถภาษาอะไรว่ะ" เธอสบถออกมาด้วยโกรธ เมื่อตั้งสติได้ก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาคู่กรณีสองคนที่จอดรถขว้างอยู่"พวกคุณขับรถภาษาอะไรกัน เกิดฉันเบรกไม่ทันโดนชนขึ้นมาจะทำยังไง" ต่อว่าไปด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด"กรี๊ด!" ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ต้องร้องกรี๊ดด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อจู่ ๆ คู่กรณีซึ่งน่าจะเป็นผู้หญิงกับผู้ชายปาไข่ไก่ดิบเข้าใส่ ซึ่งมันพุ่งโดนหน้าผากเต็ม ๆ ทำเอาเธอเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า ก่อนไข่จะแตกลงชะโลมใบหน้าของเธอจนเละแทะ กลิ่นคาวของมันแทบทำให้เธออาเจียนออกมา"กรี๊ด! พวกคุณทำบ้าอะไร มาปาไข่ใส่ฉันทำไม" เธอกรี๊ดออกมาอย่างรับไม่ได้พลางยกมือขึ้นลูบไข่ออกจากใบหน้า ทว่าสองคนนั้นก็ยังปาไข่ใส่ไม่หยุดราวกับห่าฝนทำให้เธอโดนไข่เข้าไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แรงกระแ