"โอ้ย! คุณทำบ้าอะไรเนี่ยติณณภัทร" นับดาวร้องโวยวายออกมาเสียงดังลั่นเมื่ออีกคนเปิดประตูลงจากรถเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่เธอนั่งอยู่ แล้วจับแขนดึงให้เธอลงจากรถ เธอพยายามขืนตัวใช้อีกมือเหนี่ยวรั้งเบาะสุดแรงไม่ให้ตัวลอยไปตามแรงดึง แต่ก็ไม่อาจต้านกำลังคนตัวโตกว่าได้ สุดท้ายก็ถูกเขาดึงออกจากรถได้สำเร็จ
ทันทีที่ดึงหญิงสาวออกจากรถได้สำเร็จติณณภัทรก็รีบเดินกลับไปขึ้นรถฝั่งคนขับจัดการล็อกประตูรถด้วยความเร็วไม่ต้องการให้อีกคนขึ้นรถได้ จากนั้นก็ขับออกไปโดยไม่สนใจสักนิดว่าเธอจะกลับยังไง "อ๊าย! ไอ้บ้า ไอ้ผู้ชายเฮงซวย" นับดาวส่งเสียงกรีดในลำคอกระโดดเต้นเร่า ๆ ด้วยความโมโห สายตามองตามรถคันหรูที่เคลื่อนจากไปอย่างคับแค้นใจ ก่อนจะกลับมาสนใจสภาพตัวเองต่อว่าจะกลับไปที่บ้านชายหนุ่มยังไงตอนนี้เธอไม่มีทั้งกระเป๋าเงิน และโทรศัพท์ติดตัวเลยเพราะอยู่ในรถ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ความแค้นนี้เธอจะต้องได้ชำระคิดว่าทำแบบนี้จะล้มเลิกความตั้งใจเธอได้เหรอบอกเลยว่าไม่ ยิ่งเขาทำแบบนี้ก็ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากเอาชนะ เธอพยายามสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง ก่อนหันซ้ายแลขวามองหารถแท็กซี่เผื่อว่าจะขับผ่านมาบ้างเธอจะได้กลับที่บ้านชายหนุ่มอีกครั้ง ทว่ายืนรอจนตัวจะไหม้เกียมเพราะแดดประเทศไทยอันร้อนแรง ร่างกายเริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อจนถึงห่ามขาก็ไม่มีทีท่าว่ารถแท็กซี่จะวิ่งผ่านพานทำให้รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง "แม่งเอ้ย!" เสียงห้วนสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนเธอจะตัดสินใจเดินไปเรื่อย ๆ ดีกว่ายืนรอโดยไม่มีจุดหมายแบบนี้ ขณะที่สายตาก็หันมองถนนเป็นระยะ ๆ เหมือนสวรรค์ยังเมตตาเธออยู่ส่งรถแท็กซี่มาให้ก่อนที่เธอจะเป็นลมล้มพับไปเสียก่อน รีบโบกมือเรียกรถแท็กซี่ที่กำลังแล่นผ่านมือเป็นระวิง "อ่า..ค่อยยังชั่วหน่อย" เธอครางออกมาเสียงแผ่วหลังจากขึ้นมานั่งบนรถแท็กซี่แล้ว แอร์เย็นฉ่ำภายในรถพอปลอบประโลมร่างกาย และอารมณ์อันร้อนฉ่าของเธอให้เย็นลงบ้าง "จะไปไหนครับ" เสียงของคนขับรถแท็กซี่วัยห้าสิบต้น ๆ ดังขึ้น "บ้านอัครกุลค่ะ" นับดาวตอบไปแค่นั้น แล้วเอนกายพิงเบาะพร้อมหลับตาลงดื่มด่ำกับแอร์เย็นฉ่ำ ในสมองก็ครุ่นคิดอะไรบางอย่างเห็นทีตอนนี้เธอคงไปพบพ่อแม่ของชายหนุ่มไม่ได้แล้วเพราะรู้สึกเหนี่ยวตัวเป็นบ้า คงต้องกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ทว่าพอคิดอีกทีจะกลับไปให้เสียเวลาทำไมในเมื่อเธอก็เตรียมเสื้อมาพร้อมสำหรับอยู่บ้านเขาแล้ว สู้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้านเขาเลยดีกว่าให้มันรู้เสียบ้างว่าใครแน่กว่ากัน "ถึงแล้วครับ" เสียงของคนขับแท็กซี่ดังขึ้นทำให้เธอหลุดจากห้วงความคิด ก่อนปรือตาขึ้นตอบ "ค่ะ ลุงรอแป๊บนะคะหนูเข้าไปเอาเงินให้" ว่าจบก็เปิดประตูลงจากรถเดินไปกดกริ่งหน้าบ้านอัครกุล รอไม่ถึงนาทีแม่บ้านก็วิ่งมาเปิดประตู ก่อนจะถามไถ่เธอด้วยความสงสัย "มาพบใครคะ" "ฉันเป็นภรรยาติณณภัทรค่ะ" นับดาวตอบอย่างสุภาพ ซึ่งแม่บ้านพอรู้ก็ผายมือเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปข้างใน เธอจึงเดินเข้าไปหยิบเงินในรถออกมาให้แท็กซี่ จากนั้นก็เดินตามแม่บ้านเข้าไปในบ้าน เมื่อเดินมาถึงห้องโถงก็เห็นติณณภัทรกับพ่อแม่นั่งอยู่ทำให้อารมณ์ของเธอพุ่งปรี๊ดอีกครั้งเพียงเห็นหน้าของคนที่ทิ้งเธอไว้ข้างทาง ส่วนเขากลับนั่งตากแอร์อย่างสบายใจ อยากจะกระโดดงับหัวเขาสักทีสองทีให้หายแค้นใจ แต่ก็ทำได้แค่คิดเพราะอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ ส่วนติณณภัทรพ่อเห็นหน้าหญิงสาวถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่คิดว่าเธอจะกล้าเสนอหน้ามาอีก รีบลุกเดินเข้าไปหา แล้วกดเสียงพูดพอได้ยินสองคน "เธอนี่มันดื้อด้านจริง ๆ กลับไปเดี๋ยวนี้อย่ามารบกวนพ่อแม่ฉัน" นับดาวหาได้แคร์คำพูดชายหนุ่มไม่เบะปากใส่เขา ทีหนึ่ง ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าไปหาผู้ใหญ่ทั้งสองยกมือขึ้นไหว้ทักทายอย่างนอบน้อม "สวัสดีคะคุณลุง คุณป้า" อรอินไม่คิดจะตอบรับคำทักทายเด็กสาวสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นแสงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่ต้อนรับ จนคนเป็นสามีต้องออกหน้าแทนเพราะไม่อยากทำลายน้ำใจเด็กสาว "อืม นั่งก่อนสิหนูนับดาว" "ค่ะ" นับดาวยิ้มบาง ๆ พร้อมกับหย่อนก้นนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีติณณภัทรเดินมานั่งลงข้าง ๆ "หนูต้องขอโทษด้วยนะคะเรื่องจดทะเบียนสมรสกับกับพี่ภัทร พอดีมันกะทันหันเลยไม่ได้มาบอกคุณลุงคุณป้า" เธอเริ่มเปิดประเด็นคุยทันที เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลสรรพนามที่ใช้เรียกชายหนุ่มก็เปลี่ยนไป ถึงเธอจะมีนิสัยแรง ๆ แต่ก็ใช้กับคนที่สมควรแรงด้วยเท่านั้น เธอแยกแยะได้ว่าอะไรควรไม่ควร หรือใครควรเคารพไม่ควรเคารพ ท่าทางที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนของนับดาวทำเอาติณณภัทรฉงนไม่น้อย ไม่คิดว่าเธอจะมีมารยาทกับชาวบ้านเขาด้วย แต่คงต้องรอดูต่อไปเพราะตอนนี้เธอยังไม่เจอฤทธิ์ของแม่เขา หากเจออาจจะเผยธาตุแท้ออกมาก็ได้ เขาเชื่อว่าคนอย่างเธอแสแสร้งได้ไม่นานหรอก "สมใจเธอแล้วไม่ใช่เหรอที่จับลูกชายฉันได้สำเร็จ" ว่าไม่ทันขาดคำแม่ของเขาก็เริ่มแปลงอิทธิฤทธิ์แล้ว ทีนี่ก็ต้องรอดูอีกคนแล้วล่ะว่าจะตอบโต้ยังไง "..." ทว่าเขากลับคิดผิดหญิงสาวยังคงนั่งนิ่งไม่ปริปากตอบโต้ใด ๆ ทั้งสิ้น "เบา ๆ หน่อยคุณหญิง" ประมุขของบ้านรีบห้ามปรามผู้เป็นภรรยา ก่อนเธอจะเอ่ยอะไรออกมาทำร้ายจิตใจเด็กสาวอีก "เอ๊ะ! คุณนี่ยังไง" สร้างความไม่พอใจอรอินไม่น้อย เธอมองค้อนสามีอย่างไม่พอใจ ก่อนเอ่ยกระแทกแดกดันเด็กสาวต่อ "ฉันขึ้นห้องนอนดีกว่า แถวนี้บรรยากาศเหม็นเน่ามาก" ว่าจบก็ลุกเดินสะบัดตูดออกไป นับดาวได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้เพราะเห็นว่าอรอินเป็นผู้ใหญ่ และเธออาจจะต้องอยู่ร่วมบ้านกันสักระยะจึงเลือกจะสงบปากสงบคำดีกว่า ท่าทางสงบเสงี่ยมของหญิงสาวสร้างความแปลกใจให้ติณณภัทรเป็นอย่างมากไม่น่าเชื่อ ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ "ในเมื่อจดทะเบียนสมรสกันแล้ว หนูนับก็ย้ายมาอยู่กับตาภัทรที่นี่เลยสิ" ประมุขของบ้านเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ทว่ากลับทำให้คนเป็นลูกอย่างติณณภัทรตาโต มองหน้าผู้เป็นพ่ออย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อท่านรู้แล้วว่าเขากับหญิงสาวแต่งงานกันเพราะความผิดพลาดไม่ได้รักกัน หนำซ้ำผู้เป็นแม่ก็ไม่ชอบเธอท่านจะชวนมาอยู่ด้วยกันทำไม "ค่ะคุณลุง" นับดาวน้อมรับด้วยใบหน้าเคลือบรอยยิ้ม ขณะที่ในใจกำลังหัวเราะเยาะคนข้าง ๆ ที่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ พ่อของเขาชวนมาอยู่แบบนี้ก็เข้าทางเธอน่ะสิ "พาน้องเขาขึ้นไปดูห้องสิตาภัทร" ประมุขของบ้านเร่งเร้าบุตรชายที่ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา เขารู้ว่าบุตรชายไม่พอใจ แต่เพราะทนงศักดิ์โทรมาขอไว้เขาจึงขัดไม่ได้ "ครับ" ติณณภัทรรับคำผู่เป็นพ่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะลุกเดินนำหญิงสาวขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน "อยู่ในบ้านหลังนี้กรุณาอย่านำนิสัยกร้าวร้าวมาใช้" เขาหันไปเอ่ยกับร่างบางที่เดินตามหลังมาด้วยน้ำเสียงดุดัน เมื่อเดินมาถึงห้องนอนซึ่งอยู่ติดกับห้องของเขาแล้ว นับดาวไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับแทรกตัวเข้าไปดูภายในห้อง คิ้วสวยพลันขมวดเป็นปมเมื่อไม่เห็นว่าภายในห้องมีของเครื่องใช้ชายหนุ่มวางอยู่ แสดงว่าไม่ใช่ห้องนอนของเขา ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยหันกลับเอ่ยกับคนที่อยู่หน้าห้องด้วยท่าทางกรุ่มกริ่ม "นี่ไม่ใช่ห้องนอนคุณสามีนิคะ เราเป็นผัวเมียกันก็ต้องอยู่ห้องเดียวกันสิคะสามีข๋า" "ฝันไปเถอะนับดาว เธอได้เป็นเมียแค่ในใบทะเบียนสมรสเท่านั้นแหละ นี่ก็ถือว่าบุณแค่ไหนแล้วที่ฉันให้เธอเสนอหน้าอยู่ในบ้านหลังนี้" ติณณตอบกลับอย่างเจ็บแสบ ว่าจบก็เดินจากไปทิ้งให้อีกคนยืนเบะปากก่นด่าในใจด้วยความไม่พอใจหลังจากเอาของเครื่องใช้ในกระเป๋าสัมภาระใบเล็กที่พกมาด้วยวางในห้องเรียบร้อยแล้ว นับดาวก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินลงไปยังชั้นล่าง ก่อนจะพบกับติณณภัทรที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปหา หย่อนก้นนั่งจนตัวแทบสิงกับเขา"เมียขอนั่งด้วยนะคะสามี" จงใจยั่วอารมณ์ของเขา และมันก็ได้ผลอีกคนรีบขยับตัวออกห่างทำเหมือนรังเกียจเธอมาก ๆ สายตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเธอยังไงยังงั้น กดเสียงพูดอย่างดุดัน"เลิกวุ่นวายกับฉันสักทีนับดาว""เมียคงทำไม่ได้ผัวค่ะผัวข๋า" ไม่ว่าเปล่าคราวนี้เธอขยับขึ้นไปนั่งบนตักของเขาพร้อมกับใช้มือโอบลำคอแกร่งไว้"เธอจะท้าทายฉันมากไปแล้วนะ" ติณณภัทรถึงกับความอดทนขาดผึ่งไม่คิดหยั่งมืออีกต่อไป ผลักร่างบางอย่างแรงจนเธอกระเด็นออกจากตักล้มลงไปนั่งกองที่พื้น เขาชายตามองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะลุกเดินออกไปไม่คิดสนใจใยดีแรงกระแทกกับพื้นแข็งทำเอานับดาวเจ็บไม่น้อย แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าคือใจ มองตามหลังร่างสูงที่เดินจากไปด้วยแววตาโกรธเคือง พร้อมกับสบถออกมาเบา ๆ "ไอ้บ้าเอ้ย! เจ็บชะมัด" ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นไปยังศาลาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ครืดดด~เ
ติ๊ง! ติ๊ง!เสียงนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องปลุกให้นับดาวที่นอนหลับอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าของวันใหม่"อื้อ..เช้าแล้วเหรอเนี่ยเพิ่งนอนไปเอง" เธอส่งเสียงครวญครางออกมาเบา ๆ พลางปรือตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ยังง่วงจัด เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ก็ครึ่งค่อนคืนเพราะไม่คุ้นกับที่นอนใหม่เท่าไรจะนอนต่อก็ไม่ได้มาอยู่บ้านคนอื่นในฐานะลูกสะใภ้ก็ควรตื่นเช้าทำตัวให้เหมาะสมสักหน่อยจะได้ไม่โดนว่า ถึงแม้ไม่ได้เป็นลูกสะใภ้จริง ๆ ก็ตามเธอพาตัวเองลงจากเตียงอย่างขี้เกียจ จัดการอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จก็เดินลงไปยังชั้นล่างในเวลาเจ็ดโมงกว่า ๆ ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์เลยทีเดียวเพราะปกติตะวันไม่ชี้โด่เธอไม่มีทางลุกจากที่นอนแน่นอน นอกเสียจากวันไหนมีถ่ายงานเช้าเมื่อเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เห็นทุกคนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เธอจึงเดินเข้าไปร่วมแจม แม้รู้ว่าแม่สามีกับคนที่ได้ชื่อว่าสามีไม่อยากร่วมโต๊ะด้วย ทำไมเธอถึงรู้น่ะเหรอก็มือค่ำของเมื่อวานทั้งสองคนไม่ยอมลงมาทานข้าว แต่กลับสั่งให้แม่บ้านยกขึ้นไปให้ในห้อง ทิ้งให้เธอนั่งทานกับพ่อสามีสองคน ถามว่าเธอรู้สึกอะไรไหมตอบเลยว่าไม่กลับทานข้าวอร
"ว๊าย!"เอี๊ยดดด!นับดาวกรี๊ดออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับเหยียบเบรกกะทันหันจนเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังสนั่นทั่วบริเวณเมื่อจู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งมาปาดหน้าหลังงจากขับรถออกจากบ้านจิระกาญได้เพียงสิบกิโลเมตรส่งผลให้เธอหน้าคะมำชนพวงมาลัยรถเต็ม ๆ แต่นับว่าโชคยังดีที่รัดเข็มขัดนิรภัยไม่อยากนั้นอาจเจ็บตัวมากกว่านี้ก็ได้"บ้าเอ๊ยขับรถภาษาอะไรว่ะ" เธอสบถออกมาด้วยโกรธ เมื่อตั้งสติได้ก็รีบเปิดประตูลงจากรถเดินไปหาคู่กรณีสองคนที่จอดรถขว้างอยู่"พวกคุณขับรถภาษาอะไรกัน เกิดฉันเบรกไม่ทันโดนชนขึ้นมาจะทำยังไง" ต่อว่าไปด้วยอารมณ์โกรธสุดขีด"กรี๊ด!" ทว่าเสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ต้องร้องกรี๊ดด้วยความตกใจอีกครั้งเมื่อจู่ ๆ คู่กรณีซึ่งน่าจะเป็นผู้หญิงกับผู้ชายปาไข่ไก่ดิบเข้าใส่ ซึ่งมันพุ่งโดนหน้าผากเต็ม ๆ ทำเอาเธอเจ็บจนน้ำตาคลอเบ้า ก่อนไข่จะแตกลงชะโลมใบหน้าของเธอจนเละแทะ กลิ่นคาวของมันแทบทำให้เธออาเจียนออกมา"กรี๊ด! พวกคุณทำบ้าอะไร มาปาไข่ใส่ฉันทำไม" เธอกรี๊ดออกมาอย่างรับไม่ได้พลางยกมือขึ้นลูบไข่ออกจากใบหน้า ทว่าสองคนนั้นก็ยังปาไข่ใส่ไม่หยุดราวกับห่าฝนทำให้เธอโดนไข่เข้าไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า แรงกระแ
ติณณภัทรไม่คิดจะผลักหญิงสาวออกเหมือนครั้งที่ผ่านมาในเมื่อเธออยากเล่นแบบนี้เขาก็จะเล่นด้วยเพราะถึงยังไงเขาก็เป็นผู้ชายไม่เสียหายอะไรอยู่แล้ว และเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรมือหนายกขึ้นกดท้ายทอยเล็กทุยไว้มั่น แล้วบดจูบกลีบปากนุ่มหยุ่นตอบอย่างหนักหน่วง จูบราวกับจะกระชากวิญญาณอีกคนออกจากร่าง ใช้ฟันขบเม้มฝากรอยแผลบนกลีบปากทำให้เธอรู้ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่าเจ้าของริมฝีปากอิ่มถึงกับประมวลผลไม่ทันกับการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของชายหนุ่มทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังมีท่าทีรังเกียจกันอยู่เลย เธอเผลอจิกเล็บลงบนไหล่กว้างอย่างแรงในตอนที่อีกคนขบกัดกลีบปากซ้ำ ๆ จนรู้สึกเจ็บแปลบ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บ กลิ่นคาวเลือดลอยแตะจมูกจนเธอแทบอยากจะอาเจียน แค่นั้นไม่พอเขายังบดขยี้บนแผลอย่างรุนแรงจนร้าวระบมไปหมดตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเสียเปรียบเขาเสียแล้วคล้ายกับตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้จูบตอบ ขบกัดริมฝีปากหนาฝากรอยแผลให้เขาเช่นกันภายในห้องนอนคุกรุ่นไปด้วยแรงอารมณ์ของทั้งสอง ต่างคนต่างอยากเอาชนะ ติณณภัทรใช้ความช่ำชองเล่นงานหญิงสาวทั้งบดขยี้ ขบกัดกลีบปากนุ่มซ้ำ ๆ เรียวลิ้นกวาดต้อนในโพรงปากฉ่ำต้องการ
"อึก" นับดาวรู้สึกปวดร้าวระบมตรงกลางกลายเป็นอย่างมากเมื่อคนด้านบนเริ่มสอบสะโพกกระแทกกระทั้นท่อนเนื้อใหญ่โตเข้าออกในร่องสาวแห้งฝืด ความเจ็บทำเอาเธอเผลอหุบขาเข้าอย่างลืมตัว แต่ก็โดนมือหนาจับให้ถ่างออกอีกครั้ง ทั้งที่เป็นครั้งที่สองแต่ทำไมเธอถึงรู้สึกเจ็บมากขนาดนี้กันนะ ไหนใครบอกว่าเซ็กซ์ทำให้มีความสุขไงนั่นมันคงจะใช้ได้กับคนที่เป็นคู่รักกันเท่านั้นแหละ มือเรียวขยำผ้าปูที่นอนจนเส้นเลือดหลังมือปูดนูนข่มความรวดร้าวในกาย หลับตาเชิดหน้ากัดริมฝีปากเบา ๆ ทำเหมือนว่าเธอรู้สึกดีกับมันแค่ไหน ทั้งที่ในใจร้องตะโกนว่าเจ็บจะตายแล้วโว้ยเพราะคนด้านบนถาโถมแรงกายเข้าใส่อย่างหนักหน่วง ไร้ความปราณีทุกแรงกระทำติณณภัทรจงใจทำให้หญิงสาวเจ็บ ขณะที่สายตาจับจ้องใบหน้าสวยไปด้วยเพื่อดูปฏิกิริยาของเธอ มุมปากหนาแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันที่ได้เห็นเศษเสี้ยวความเจ็บปวดบนใบหน้าสวยที่เธอเผลอแสดงออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนเคลื่อนมือไปดึงบราเซียร์ออกทำให้สองเต้าอวบดีดเด้งออกมาโชว์ความใหญ่โต ฝ่ามือนุ่มกอบกำสองเต้าแล้วบีบเคล้นแรง ๆ พร้อมทั้งโน้มหน้าลงไปซุกไซ้ลำคอระหงฝังเขี้ยวคมบนผิวเนื้อขาวเรียบเนียน ขณะเอวสอบยังส่งแรงเข้าออกไม่
เช้าวันต่อมา"วันนี้แม่นับดาวไปไหนล่ะ ปกติจะมาเสนอหน้าแล้วนิ" อรอินที่กำลังเดินเข้าไปในห้องอาหารเอ่ยถามบุตรชายอย่างประชดประชันเมื่อเห็นแค่สองพ่อลูกนั่งทานอาหารอยู่โดยไร้เงาของอีกคน"ยังไม่ตื่นมั้งครับ" ติณณภัทรตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนักพลางนึกถึงสภาพของหญิงสาวในเมื่อคืนที่โดนเอาจนสลบคาอกของเขา หลังจากเธอสลบเขาก็ไม่คิดจะดูดำดูดีสักนิด สวมเสื้อผ้าแล้วกลับไปยังห้องนอนตัวเองเลย เช้านี้เธอไม่ตื่นก็คงไม่แปลกโดนเล่นงานหนักเสียขนาดนั้น เผลอ ๆ ระบมจนลงจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ในเมื่อเธออวดเก่งเอง"ใช้ไม่ได้ ผู้หญิงอะไรตื่นหลังสามี ตื่นหลังพ่อแม่สามีแทนที่จะลุกขึ้นมาเตรียมอาหารให้" อรอินอดค่อนแขวะไม่ได้อะไรที่เป็นนับดาวเธอก็ไม่ชอบหมดนั่นแหละ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม ซึ่งประมุขของบ้านนกับคนเป็นบุตรชายเพียงมองหน้ากันนิ่ง ๆ ไม่ออกความคิดเห็นด้วยเพราะเกรงว่าจะยืดยาวไม่รู้จบอรอินนึกขัดใจไม่น้อยที่สองพ่อลูกไม่คุยกับเธอ ตวัดดสายตามองหน้าทั้งสองอย่างอารมณ์เสีย ก่อนหันไปสั่งให้แม่บ้านตักข้าวต้มให้ จากนั้นก็นั่งทานไปเงียบ ๆ ติณณภัทรเมื่อทานอาหารเช้าเสร็จก็ลุกเดินออกไปขึ้นรถขับตรงไปยัง
วันต่อมาครืดดด~เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้นับดาวที่กำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจกหยุดชะงัก ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางบนเตียงมาดู เห็นว่าเป็นเบอร์เพื่อนสาวจึงกดรับสาย"ว่าไงส้มโทรมาแต่เช้าเชียว" (ฉันอยู่พัทยาแล้วนะ เมื่อกี้ตอนฉันเข้าเช็คอินที่โรงแรม ฉันเห็นนีรนุชด้วยมากับผู้ชายคนหนึ่งท่าทางสนิทสนมกันมากเหมือนเป็นคู่รักกันเลย)"จริงเหรอ แล้วนีรนุชเห็นแกรึเปล่า" คำบอกล่าวจากปลายสายทำเอานับดาวหูผึ่ง (ไม่น่าจะเห็นเพราะพอฉันเห็นนีรนุชก็รีบวิ่งหลบมุมเลย)"นีรนุชพักอยู่โรงแรมนั้นเหมือนกันเหรอ"(ฉันว่าน่าจะใช่นะเพราะเห็นเดินออกมาจากลิฟต์) "งั้นแกช่วยจับตาดูไว้ให้หน่อยนะ ฉันจะรีบตามไป"(ได้ ๆ)เมื่อวางสายจากเพื่อนสาวนับดาวก็รีบแต่งตัวให้เสร็จแล้วคว้ารีโมทรถกับกระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องเพื่อเดินทางไปพัทยาตามจับตาดูนีรนุช ฟังจากที่เพื่อนสาวเล่ามาเธอว่ามันมีอะไรแปลก ๆ นีรนุชเพิ่งเสียใจจากติณณภัทรได้ไม่กี่วันจะทำใจ และมีคนรักใหม่ได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ เธอชะงักฝีเท้าลงเล็กน้อยขณะกำลังเดินถึงห้องอาหารซึ่งคาดว่าตอนนี้ทุกคนคงนั่งทานอาหารกันอยู่ ปรายตามองไปเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทุกคนตั้งใจอยู่กับการทานอ
3 วันต่อมา"สรุปรู้รึยังว่านับดาวอยู่ไหน" ติณณภัทรเอ่ยถามกำพลผู้ช่วยคนสนิททันทีที่เดินเข้ามาหย่อนก้นนั่งในห้องทำงาน ที่เขาให้กำพลตามหาหญิงสาวไม่ใช่อะไรหรอกต้องการตามเธอกลับมาเซ็นใบหย่าให้ก่อนเพราะนี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วที่เธอไม่กลับบ้าน วันนั้นเขารอให้เธอกลับมาเพื่อจะคุยเรื่องหย่าแต่รอจนแล้วจนเล่าก็ไม่มีวี่แววสรุปคืนนั้นคือเธอไม่กลับ พอเขาโทรไปก็ไม่รับสาย ส่งไลน์ไปก็ไม่อ่านหากจะหายไปก็ควรจัดการเรื่องหย่าให้เสร็จก่อนไม่ใช่ทิ้งไปดื้อ ๆ ปล่อยให้มันคาราคาซังแบบนี้"ยังไม่รู้ครับ""อย่าให้เจอนะนับดาวโดนดีแน่" คำตอบจากปากกำพลทำเอาติณณภัทรถึงกับกัดกรามกรอด แววตาฉายแววแข็งกร้าวด้วยความโมโหหากตอนนี้หญิงสาวอยู่ตรงหน้าเขาคงจับเธอฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ แล้วผู้หญิงอะไรใช้ไม่ได้ ตอนนั้นแสดงออกว่าอยากได้เขาจนตัวสั่นพอมาวันนี้กลับหนีหายไปดื้อ ๆ ลมหายใจหนัก ๆ ถูกพ่นออกจากจมูกโด่งสันครั้งแล้วครั้งเล่าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าตอนนี้อารมณ์ของเขามันพุ่งถึงขีดสุดแล้วทำเอากำพลพลอยหายใจไม่ทั่วท้องไปด้วยเพราะรู้ดีว่าเวลาเจ้านายหนุ่มโกรธมันน่ากลัวแค่ไหนเรียกได้ว่าเหมือนพายุทอร์นาโดที่พร้อมถล่มทุกอย่างให้ราบคาบ เขาพ