คนเหล่านั้นยังคงร่ำร้องไม่หยุด คอยปลุกเร้าให้ชาวบ้านคนอื่น ๆ ด่าทอครอบครัวเยียนอ๋องให้ไสหัวออกไปจากแคว้นไท่ยวนแต่พวกเขาไม่กล้าโยนสิ่งของในมืออย่างแม่นยำเหมือนเดิมอีกแล้วพวกเจี่ยนอันอันถูกเหล่าทหารรักษาพระองค์ควบคุมตัวไปถึงนอกเมืองหลังออกไปนอกเมืองแล้วก็จะมีคนในครอบครัวที่มาบอกลารออยู่ที่นี่คนในครอบครัวเหล่านั้นจะนำอาหารและน้ำมาให้คนที่ถูกเนรเทศ เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่รับผิดชอบควบคุมตัวก็จะไม่ขัดขวางนี่เป็นกฎที่มีมาแต่ช้านาน ไม่เคยมีใครล่วงละเมิดมาก่อนเจี่ยนอันอันนึกว่าคงไม่มีคนจากจวนกั๋วกงมาส่ง แต่กลับเห็นรถม้าของจวนกั๋วกงคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทางสาวใช้คนหนึ่งจูงสุนัขดุร้ายตัวหนึ่งเดินลงมาจากรถม้าเจี่ยนอันอันจำได้ว่าสาวใช้ผู้นี้คอยรับใช้เจี่ยนหลิงเยว่เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว เจี่ยนหลิงเยว่คงส่งสาวใช้ผู้นี้มาแก้แค้นที่ทำให้ตนเองเสียโฉมเป็นแน่สาวใช้ลงมาจากรถม้าแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งให้สุนัขดุร้ายตัวนั้นเข้ามาขย้ำเจี่ยนอันอันทันทีเจ้าสุนัขตัวร้ายกระเหี้ยนกระหือรือมาแต่แรก ได้ยินคำสั่งของสาวใช้ก็กระโจนเข้าหาเจี่ยนอันอันทันทีเจี่ยนอันอันก้าวเท้าหลบการจู่โจมของสุนัขไ
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในจวนเยียนอ๋อง พวกเขาค้นไม่เจอทรัพย์สมบัติเลยสักชิ้นตอนไปรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ เขาจะต้องถูกฮ่องเต้ลงโทษอย่างแน่นอนหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผูกใจเจ็บคนในครอบครัวเยียนอ๋องเพราะเรื่องนี้เองเดิมนั้นพวกเขานำชุดผ้าป่านเนื้อหยาบสำหรับให้คนในตระกูลเยียนอ๋องผลัดเปลี่ยนมาด้วยแต่ตอนริบทรัพย์กลับค้นไม่เจออะไร หัวหน้าทหารรักษาพระองค์จึงเปลี่ยนใจเขาจะปล่อยให้คนในตระกูลเหล่านี้ถูกเนรเทศทั้งที่ยังสวมชุดหรูหราเช่นนี้แหละเขาต้องการให้ทุกคนได้เห็นว่าคนที่ถูกเนรเทศเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้นดีที่สุดคือเจอโจรดักปล้นระหว่างทาง ถึงตอนนั้นเขาก็มีเรื่องสนุกให้ดูแล้วอย่างไรเสียฮ่องเต้ก็บัญชาไว้แล้วว่าพวกเขาแค่คุมคนไปส่งก็พอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง พวกเขาไม่จำเป็นต้องออกโรงปกป้องรอจนไปถึงเมืองร้าง เขาค่อยให้คนเหล่านี้เปลี่ยนไปใส่ชุดผ้าป่านเนื้อหยาบให้พวกเขาใช้ชีวิตอันแสนลำเค็ญในถิ่นทุรกันดารไปเถอะในไม่ช้าเหล่าทหารรักษาพระองค์ก็เริ่มย่างเนื้อสุนัขกลิ่นหอมของเนื้อโชยมาเป็นระลอก ลอยมาเข้าจมูกของคนในตระกูลเยียนอ๋องพวกเขาเห็นทหารรักษาพระองค์กินเนื้อย่า
ฉู่จวินสิงในตอนนี้ราวกับศพศพหนึ่ง ทำได้เพียงปล่อยให้มือของเจี่ยนอันอันเคลื่อนไหวตามอำเภอใจไปบนร่างกายของตนเองหลังเจี่ยนอันอันทายาให้ฉู่จวินสิงอย่างรวดเร็วจนเสร็จ ก็นำยาแก้ปวดมาบดเป็นผงนางง้างปากฉู่จวินสิง เทผงยาแก้ปวดใส่ปากเขาฉู่จวินสิงอยากถ่มยาในปากทิ้งไป แต่กลับพบว่าการเคลื่อนไหวแค่นี้ยังกลายเป็นความยากเย็นแสนเข็ญสมองของเขาทำงานเร็วจี๋ สตรีผู้นี้ต้องการทำอันใดกันแน่ นางต้องการวางยาพิษเขาเช่นนั้นหรือ?หากเป็นเช่นนั้นจริง ถึงเขากลายเป็นผีก็จะไม่ยอมปล่อยนางไปแน่ขณะที่ฉู่จวินสิงคิดเหลวไหลอยู่ ก็เห็นว่ามือฉู่อันเจ๋อกำลังถือน้ำขวดหนึ่งเขากรอกน้ำในขวดใส่ปากฉู่จวินสิงน้ำและยาไหลผ่านลำคอลงไปในท้องของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงหรี่ตามองฉู่อันเจ๋อไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงร่วมมือกับสตรีผู้นี้มากรอกยาพิษให้เขาคนทั้งสองจดจ่ออยู่กับการป้อนยาให้ฉู่จวินสิงจนไม่ได้สังเกตว่าฉู่จวินสิงในตอนนี้ได้สติแล้ว ทั้งยังกำลังมองพวกตนอยู่หลังทำทั้งหมดนั้นเสร็จ เจี่ยนอันอันก็กล่าวกับฉู่อันเจ๋อว่า “เจ้าเฝ้าเขาไว้ให้ดี ไม่ว่าเขามีอาการอย่างไร เจ้าก็ต้องมาบอกข้าทันที”ฉู่อันเจ๋อพยักหน้าน้อย ๆ “ข้าเ
ภาพเหล่านี้ปรากฏเพียงไม่นานก็หายไปเจี่ยนอันอันรู้ว่านี่คือความสามารถในการล่วงรู้อนาคตของร่างเดิมตอนนี้นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ยังได้รับสืบทอดพลังของร่างเดิมแต่ความสามารถในการล่วงรู้อนาคตของร่างเดิมมีขีดจำกัด รู้ได้เพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสามวันข้างหน้าเท่านั้นภาพเมื่อครู่ทำให้เจี่ยนอันอันรู้ว่ากลุ่มคนชุดดำจะปรากฏตัวในค่ำคืนนี้แม้นางจะไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนส่งกลุ่มคนชุดดำนี้มา แต่พวกเขาต้องมีความเกี่ยวข้องกับทหารรักษาพระองค์พวกนี้แน่นอนหึ ทหารรักษาพระองค์พวกนี้ชอบแสร้งตายกันนักใช่หรือไม่ถ้าเช่นนั้นก็ให้พวกเขาได้ลิ้มรสความทรมานก่อนก็แล้วกันเจี่ยนอันอันแยกจากฮูหยินใหญ่แล้วมายังมุมที่ค่อนข้างมืดมุมหนึ่งครั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นตัวเอง เจี่ยนอันอันก็รำพึงในใจเงียบ ๆ ว่า ‘หายตัว’วินาทีถัดมานางก็หายไปแล้วเจี่ยนอันอันมายังกองทหารรักษาพระองค์ จากนั้นนำผงยาถ่ายออกมาจากช่องมิตินี่เป็นสิ่งที่นางใช้กับฮ่องเต้สุนัขไปเมื่อก่อนหน้านี้เดิมทีนางยังคิดระหว่างทางที่มาที่นี่อยู่เลยว่าจะอยู่ร่วมกับทหารรักษาพระองค์เหล่านี้แต่โดยดีทว่าดูจากตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วนางโรย
หากพวกผู้ใต้บังคับบัญชาพวกนั้นรู้เรื่องนี้เข้า วันหน้าเขาจะเป็นผู้นำของพวกเขาต่อไปได้อย่างไรเรื่องนี้จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาในยามว่างอย่างไม่ต้องสงสัยเกรงว่าแม้แต่ตอนนอนก็อาจสะดุ้งตื่นเพราะเสียงหัวเราะครั้นเห็นเหล่าทหารรักษาพระองค์วิ่งมาทางนี้ หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ต้องรีบโบกมือไล่โดยพลัน“ไปทำธุระกันที่อื่น อย่ามารบกวนข้า!”ทหารรักษาพระองค์คนอื่น ๆ ไม่ได้รู้ว่าหัวหน้าของตัวเองถ่ายราดกางเกงและไม่คิดจะสงสัยเช่นกัน พวกเขาพากันวิ่งไปปลดทุกข์ที่อีกฝั่งของป่ารกร้างไม่นานก็เกิดเสียงผายลมสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้นในป่ารกร้างแห่งนี้ หลังจากที่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์จัดการธุระเสร็จ เขากลับมีเรื่องกลัดกลุ้มใจตามมาเขาจะกลับไปอย่างไรดี จะให้สวมกางเกงที่มี ‘คราบทองคำ’ เปรอะเปื้อนก็คงไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ เสร็จธุระแล้วสวมกางเกงเพื่อเตรียมจะกลับไปทว่าพวกเขายังไม่ได้ทันจะได้เยื้องย่าง ท้องก็เริ่มปวดบิดขึ้นมาอีกครั้ง“ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าต้องทำธุระต่อ พวกเจ้ากลับไปเฝ้ายามก่อนเถอะ”“ข้านั่งจนขาชาไปหมดแล้ว แต่ท้องก็ยังไม่หายปวดสักที”“มันเพราะอะไรกันแน่ หรือว่าเนื้อสุนัขตัวนั้นจะ
เจี่ยนอันอันตอบหลังจากที่ป้อนน้ำตาลกลูโคสให้ฉู่จวินสิงเสร็จเรียบร้อย “บาดแผลของพี่รองเจ้าค่อนข้างสาหัส อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย กระดูกซี่โครงหักไปสี่ซี่”“หลังจากคืนนี้จะฟื้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว”ถ้อยคำของเจี่ยนอันอันทำให้ฉู่อันเจ๋อกังวลในทันที“ท่านหมายความว่าพี่รองกำลังจะตายหรือ?” ฉู่อันเจ๋อคว้าแขนของเจี่ยนอันอันอย่างตื่นตระหนก “พี่สะใภ้รอง ในเมื่อท่านเป็นคนสกุลฉู่ของเราแล้ว ข้าขอร้องท่านให้ช่วยพี่รองด้วยเถิด”เจี่ยนอันอันชักแขนออก และทำท่าทางพร้อมทำสียง “ชู่ว” เพื่อให้ฉู่อันเจ๋อใจเย็นลงเมื่อครู่นี้เขาพูดเสียงดังปานนั้น หากถูกฮูหยินใหญ่ได้ยินเข้าคงตกใจกลัวเป็นแน่แท้เจี่ยนอันอันกล่าวปลอบว่า “เจ้าวางใจเถิด มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะไม่ให้เขาตายไวขนาดนั้นแน่ แต่อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงไม่น้อยเลย ต้องขึ้นอยู่กับแรงใจของเขาด้วย หากเขามีแรงใจที่เข้มแข็ง พรุ่งนี้เช้าก็จะฟื้น หรือมิเช่นนั้นก็จะหลับใหลไปตลอดกาล”ฉู่อันเจ๋อเบาใจลงเมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าพี่รองจะไม่ตาย อย่างมากสุดก็แค่หลับไม่ฟื้นขอเพียงพี่รองยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ต้องมีหนทางรักษาเขาให้หายดีแน่นอน
เจี่ยนอันอันดีใจเป็นลิงโลดเมื่อเห็นมิติร้านค้าภายในมิติมีเงินตั้งมากมายถึงเพียงนั้น นางสามารถนำมาซื้อของในร้านค้าได้หลังจากนี้จะได้กินหลัวซือเฝิ่น[1]กับขนมให้สาแก่ใจได้แล้วไม่นึกเลยว่านางจะจับพลัดจับผลูทำเสร็จไปอีกภารกิจเจี่ยนอันอันมีความสุขจนเผลอยกยิ้มและฮัมเพลงออกมาโดยไม่รู้ตัวในยามนี้เอง ทหารรักษาพระองค์พวกนั้นก็ทยอยกันกลับมาเมื่อครู่นี้พวกเขาไปทำธุระมาอีกรอบ ยามนี้ท้องไส้จึงรู้สึกสงบลงในที่สุดพวกเขากลับมายังหน้ากองไฟและเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าไม่มีพวกเขาคนใดอยู่เฝ้าที่นี่แม้แต่คนเดียวโชคดีที่คนของจวนเยียนอ๋องต่างก็นั่งอยู่ที่นี่ มิมีผู้ใดเล็ดลอดหนีไปมิเช่นนั้นหากมีคนหนีไป พวกเขาคงกลับไปรายงานผลการปฏิบัติภารกิจไม่ได้เหล่าทหารรักษาพระองค์ต่างนึกกลัวผลที่จะตามมาพวกเขารอแล้วรอเล่า หัวหน้าก็ไม่กลับมาสักทีทหารที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับหัวหน้าทหารรักษาพระองค์นายหนึ่งเห็นว่าหัวหน้าไม่กลับมาสักที ก็ลุกขึ้นยืนอย่างสุดจะทนในท้ายที่สุดเขาบอกกับทหารรักษาพระองค์คนอื่น ๆ “พวกเจ้าเฝ้าคนพวกนี้ให้ดี ข้าจะไปหาท่านหัวหน้า”ทหารนายนี้ว่าจบก็วิ่งเข้าไปในป่าครั้นเจี่ยนอันอันเ
ทหารนายนั้นวิ่งกลับไปหัวหน้าทหารรักษาพระองค์แล้วดึงแขนของอีกฝ่ายเพื่อประคองให้ลุกขึ้น“เบาหน่อย ขาข้าชาจนไม่มีความรู้สึกแล้ว”หัวหน้าทหารองครักษ์ต้องพักอยู่นานจึงจะเปลี่ยนกางเกงชั้นในจากนั้นทหารนายนี้จึงประคองเขากลับไปยังจุดพักผ่อนอย่างเชื่องช้าเมื่อเจี่ยนอันอันเห็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ ในที่สุดนางก็หัวเราะ “พรืด” ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตวาด “หัวเราะอะไร อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนกั๋วกงแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรนะ” “ยามนี้เจ้าเป็นผู้ถูกเนรเทศ ต่อให้ตายระหว่างทางก็คงไม่มีผู้ใดช่วยเก็บศพ”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ทึกทักเอาเองว่าถ้อยคำของตัวเองจะทำให้เจี่ยนอันอันหวาดกลัวเจี่ยนอันอันเพียงแค่นเสียงแผ่วเบา ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายนางคร้านจะเสวนากับเขา อย่างไรเสีย การยั่วโมโหอีกฝ่ายก็รังแต่จะทำให้นำปัญหาที่ไม่จำเป็นมาให้คนในตระกูลเปล่า ๆนางไม่อยากสร้างปัญหาให้ผู้อื่นเพราะตัวนางเองเจี่ยนอันอันหันไปมองฉู่จวินสิงที่ยังคงหมดสติปราดหนึ่งที่นี่มีฉู่อันเจ๋อดูแลอยู่ นางต้องไปปกป้องฮูหยินใหญ่ให้ปลอดภัยเจี่ยนอันอันกล่าวกับหลี่อันเจ๋อ “จงฟังให้ดี ประเดี๋ยวจะมีกล
“แม่นางเจี่ยน โปรดอย่าได้ล้อข้าอีกเลย” ขณะที่ถังหมิงเซวียนเอ่ยปาก แม้แต่ติ่งหูก็ยังแดงเรื่อเจี่ยนอันอันเอามือปิดปากแอบอมยิ้มนางตบไหล่เหยียนซวงเบาๆ พลางยิ้มให้นาง “ถังหมิงเซวียนเป็นคนไม่เลวนัก เจ้าต้องถนอมน้ำใจคนอยู่เบื้องหน้าให้ดีล่ะ”“บ้านข้ายังมีงานต้องทำอีก เห็นทีคงไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว”กล่าวจบจึงลุกขึ้นเพื่อจะอำลา ฉู่จวินสิงจึงได้ลุกตาม เตรียมกล่าวลาเช่นกันเหยียนซวงเห็นดังนี้ จึงรีบลุกขึ้นน้อมส่ง“อันอัน ถ้าเจ้ามีเวลา เชิญมานั่งคุยที่นี่ได้นะ”เหยียนซวงซาบซึ้งในความช่วยเหลือของเจี่ยนอันอัน จนนางสามารถใช้ศักยภาพของตน ทำงานหาเลี้ยงชีพได้เองโดยมิต้องห่วงว่าอนาคตจะไม่มีเงินใช้อีกรอจนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจากไปแล้ว ถังหมิงเซวียนจึงได้บอกจุดประสงค์ที่มาให้รู้“วันนี้ข้ามีเรื่องจะบอกกล่าวให้รู้”เหยียนซวงและเหยี่ยนอวี่มองหน้าถังหมิงเซวียนด้วยความฉงน ไม่เข้าใจว่าเขาพูดเรื่องใด?“หลายวันนี้เพราะอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยม เงินที่ข้าติดตัวมาจึงใช้จ่ายจนเกือบไม่เหลือ”ถังหมิงเซวียนกล่าวถึงตรงนี้ เกรงว่าทั้งคู่จะเข้าใจผิดนึกว่าเขามาขอกู้เงินจึงรีบร้อนกล่าวต่อ “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่
“อนาคตเหยียนอวี่ก็ต้องมีครอบครัวเช่นกัน เงินส่วนที่เหลือก็เก็บไว้ให้ภรรยาและลูกเถิด”ทั้งเหยียนซวงและเหยียนอวี่ต่างซาบซึ้งในน้ำใจของเจี่ยนอันอัน ทั้งคู่ขอบตาแดงเรื่อ แล้วจึงนำตั๋วเงินส่วนที่เหลือสองพันห้าร้อยตำลึงเก็บขึ้นเจี่ยนอันอันหวังเป็นสื่อให้เหยียนซวงกับถังหมิงเซวียนมากกว่า เพราะพวกเขาต่างหากที่มีการหมั้นหมายมาก่อนหน้าเจี่ยนอันอันจึงได้ถามยิ้มๆ “เจ้าเห็นว่าถังหมิงเซวียนเป็นคนอย่างไร?”เหยียนซวงถูกถามจนตะลึง ด้วยไม่คิดว่าจู่ๆ เจี่ยนอันอันจะมาถามเช่นนี้“คุณชายถังเป็นคนดีมาก ซ้ำยังเป็นหมอเทวดาของเมืองหนิงชวนเรา”เหยียนซวงตอบไปตามจริง น้ำเสียงมิได้แฝงความรู้สึกใดเป็นพิเศษเหยียนอวี่เอ่ยปากกล่าวแทน “แต่ข้าว่า คุณชายถังให้ความสำคัญต่อพี่หญิงมากกว่าคุณชายเสิ่น”ทันทีที่เอ่ยปากออกไป เหยียนอวี่กลับถูกเหยียนซวงถลึงตาเข้าใส่“พี่หญิง ถึงจ้องข้า ข้าก็จะพูด คุณชายถังมีน้ำใจต่อท่าน เราต่างก็เห็นอยู่”“ตรงข้ามกับพี่เสิ่นที่ทำเย็นชากับท่านมาโดยตลอด ข้าเชื่อว่าท่านควรจะรับรู้ได้ว่าพี่เสิ่นไม่ได้ชอบท่านเลย”“เจ้าอย่าพูดเหลวไหล ข้าก็ไม่ได้รู้สึกพิเศษต่อพี่เสิ่นแต่อย่างใด”เหยียนซวงกล
เถี่ยต้านได้ยินดังนี้จึงรีบวิ่งกลับไปที่รูต่อเจี่ยนอันอันให้ฉู่จื่อซีเข้าบ้านไปก่อน นางจะไปหาเสิ่นจือเจิ้งฉู่จวินสิงมักตามติดเจี่ยนอันอันเป็นเงาตามตัว ครั้งนี้ก็ขอตามไปด้วยเช่นกันทั้งคู่เปิดประตูลานบ้านเข้าไป จึงเห็นกวนเจี๋ยซึ่งไม่ได้พบเจอมานาน พร้อมคนอีกหลายคน อยู่ในกลางลานบ้านของเสิ่นจือเจิ้งแต่ยามนี้เสิ่นจือเจิ้งไม่อยู่ลานบ้าน เพราะกำลังพูดคุยอยู่กับกวนเจี๋ยและพวกทุกคนเมื่อเห็นทั้งคู่เข้ามา จึงยุติการสนทนาโดยพลันเจี่ยนอันอันมองดูกวนเจี๋ยและพวก นึกสงสัยว่าหลายวันนี้พวกเขาไปอยู่ที่ใดมาเพราะนับแต่นางจัดแจงให้เสิ่นจือเจิ้งมาอยู่ที่นี่แล้ว ก็ไม่เห็นหน้าพวกเขาอีกเสิ่นจือเจิ้งแย้มยิ้มขณะเดินมาหาเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “แม่นางเจี่ยนมาหาพี่ใหญ่ข้าใช่หรือไม่ พี่ใหญ่เพิ่งไปเดินเล่น ยังไม่กลับมา”เจี่ยนอันอันกล่าวตอบอย่างรู้กาลเทศะ “เช่นนั้นข้าไม่รบกวนการพูดคุยของพวกเจ้าแล้ว”กล่าวพลางจึงพาฉู่จวินสิงเดินออกจากเรือนไปขณะทั้งคู่เดินออกมานั้น พลันเห็นเหยียนซวงก็ออกจากบ้านตนเองเช่นกัน“อันอัน พวกเจ้ากลับมาแล้วรึ” เหยียนซวงเห็นเจี่ยนอันอันมาพร้อมกับฉู่จวินสิง จึงเดินมาหาด้วยคว
เฉินอากงรู้สึกตื้นตันใจยิ่ง พลางคำนับเจี่ยนอันอันด้วยความนอบน้อมชาวบ้านทั้งหลายที่มาพร้อมกับเฉินอากง ก็ต่างคำนับเจี่ยนอันอันด้วยความดีใจเช่นกันสีหน้าทุกคนล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ตื้นตันใจพวกเขาล้วนเคยกินผักที่เจี่ยนอันอันปลูก รสชาติดีเหลือจะบรรยายเจี่ยนอันอันจึงกล่าวต่อชาวบ้านทั้งหลาย “ที่จริงวิธีปลูกผักของข้าง่ายดายมาก ไม่ต่างกับวิธีการปลูกของพวกท่าน”“เพียงแต่น้ำที่ข้าใช้ มิใช่น้ำในบ่อลึก ดังนั้นผักที่ออกมา จึงมีรสชาติแตกต่างจากที่เคยกิน”ชาวบ้านทุกคนต่างตั้งใจฟัง พร้อมพยักหน้าเป็นระยะเจี่ยนอันอันหยิบน้ำพุวิญญาณจากห้วงมิติมาขวดหนึ่ง แล้วมอบให้เฉินอากง“นี่คือสิ่งที่จะทำให้น้ำบ่อกลายเป็นน้ำแร่อันบริสุทธิ์ ซึ่งข้าไปเข้าเมืองครั้งนี้และซื้อกลับมา”“เฉินอากง งานนี้ขอมอบให้ท่าน เพียงเทลงบ่อน้ำของชาวบ้านสักเล็กน้อย”“ทีนี้น้ำในบ่อของแต่ละบ้านก็จะกลายเป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ทั้งสิ้น”“แล้วทุกคนก็เอาน้ำชนิดนี้ไปปลูกผัก รับรองว่าจะได้ผักที่รสชาติอร่อยอย่างแน่นอน”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้เฉินอากงและชาวบ้านอื่นๆ ล้วนมีรอยยิ้มด้วยความดีใจพวกเขาต่างขอบคุณเจี่ยนอันอันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อเห็นฉู่จื่อซีหยอกเย้ากับนกแร้งสองตัวอย่างสนุกสนาน คนในตระกูลฉู่จึงต่างมีสีหน้าแย้มยิ้มชื่นบานฉู่จวินสิงรู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย จึงลุกขึ้นแล้วกลับไปพักผ่อนในห้องฉู่จื่อซีก็เล่นกับนกสองตัวอยู่ครู่หนึ่ง จึงถูกฟางอิ๋งพากลับห้องไปนอนเช่นกันคนตระกูลฉู่ต่างเห็นว่าท้องฟ้ามืดค่ำแล้ว จึงแยกย้ายไปพักผ่อนในห้องของตนฉู่จวินสิงค่อยๆ ย่องมายังข้างเตียง หลังจากถอดเสื้อนอกออกแล้ว จึงเอนกายลงด้านข้างเจี่ยนอันอันเขาโอบเอวนางเบาๆ พร้อมห่มผ้าให้ตนเองและนางด้วยเจี่ยนอันอันรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหว จึงร้อง “อือ” ออกมาหนึ่งคำพร้อมพลิกตัวหันหลังให้ฉู่จวินสิงและนอนต่อไปอาจเพราะเหน็ดเหนื่อยมาจากการเดินทางรอนแรม คืนนี้ทั้งคู่จึงต่างนอนหลับสนิทรุ่งขึ้นถัดมา ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันยังคงนอนอยู่เขาไม่คิดจะรบกวนนาง จึงค่อยลุกขึ้นเงียบๆ ใส่เสื้อตัวนอกแล้วออกจากห้องไปเจี่ยนอันอันนอนต่ออีกครู่หนึ่ง พลางรู้สึกเหนียวตัวอย่างไรชอบกล จนทำให้ไม่สบายตัวยิ่งนางจึงลืมตาขึ้น ก็เห็นฉู่จวินสิงไม่อยู่แล้วนางจึงถือโอกาสนี้ รีบเข้าไปในห้วงมิติอาบน้ำอุ่นให้สบายเสียหน่อยเมื่อนางอาบน้ำเสร็จแล้วออกมา เหล
เขาเลียนแบบคำพูดของเจี่ยนอันอัน พลางกล่าวตอบ “บ๋าย!”แต่คำว่าบ๋ายนี้คือหมายความอย่างไร จะเป็นคำอำลายามค่ำคืนก็มิใช่ แล้วไฉนเจี่ยนอันอันจึงได้กล่าวเช่นนี้?ฉู่จวินสิงไม่คิดสนใจถังหมิงเซวียนอีก จึงรีบควบรถม้ามุ่งไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเร็วพลันเจี่ยนอันอันรู้สึกถึงความอ่อนเพลีย จึงงีบหลับในรถไปจวบจนรถม้ามาจอดอยู่หน้าลานบ้าน นางยังมิได้ตื่นขึ้นมาเมื่อคนตระกูลฉู่ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงรีบพากันออกมาต้อนรับครั้นเมื่อเห็นฉู่จวินสิงกลับมา เตรียมอ้าปากเพื่อจะถามไถ่ฉู่จวินสิงพลันรีบทำเสียงจุ๊ปาก เป็นสื่อว่าอย่าได้รบกวนเจี่ยนอันอันเขาเลิกผ้าม่านขึ้น พร้อมอุ้มนางออกจากรถม้าคนตระกูลฉู่รีบเปิดทางให้ เพื่อให้ฉู่จวินสิงได้อุ้มเจี่ยนอันอันเข้าห้องไปพักผ่อนเพราะต่างไม่เจอพวกเขามาหลายวัน ทุกคนจึงมีความห่วงใยยิ่งดีที่เห็นทั้งคู่ปลอดภัยกลับมา ทุกคนจึงดีใจเป็นอย่างมากพ่อบ้านหลิวนำรถม้าไปเก็บไว้ พร้อมปิดประตูแน่นหนาฉู่จวินสิงวางเจี่ยนอันอันลงบนเตียงนอน ห่มผ้าให้นางเรียบร้อย จึงเดินออกจากห้องมาฮูหยินใหญ่รีบเดินมาก่อน พลางมองดูฉู่จวินสิงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า น้ำตาคลอเบ้า“จวินสิง พวกเจ้ากลั
ขอเพียงเจี่ยงตงเฉิงมิได้โง่งมนัก เขาควรรู้พิษสงของนางบ้างและยามนี้เขายอมสวามิภักดิ์ต่อฉู่จวินสิง สำหรับพวกเขาแล้ว ก็มิได้เสียหายแต่อย่างใดเพราะถึงอย่างไรในอนาคต พวกเขาต้องกลับไปเมืองจิงโจว ช่วงชิงสิ่งที่เป็นของพวกเขากลับคืนอยู่แล้วยามนี้จึงต้องเร่งขยายอิทธิพล จึงจะมีกำลังเป็นฝ่ายตอบโต้กลับคืนเจี่ยนอันอันเคยได้ยินเซิ่งฟางกล่าวว่า ในเมืองอินเป่ยนอกจากราชเลขาธิการแล้ว ยังมีทหารระดับผู้บังคับกองร้อยและผู้บังคับกองพันอยู่ด้วยซึ่งพวกเขาเหล่านี้ล้วนขึ้นตรงต่อเจี่ยงตงเฉิง จึงอาจกล่าวได้ว่าเขามีทหารอยู่ในมือไม่น้อยเลยทีเดียวเดิมทีนางยังคิดหนักอยู่ว่า อนาคตจะขยายอิทธิพลได้อย่างไรบัดนี้ยิ่งดีใหญ่ เจี่ยงตงเฉิงมาขอสวามิภักดิ์เอง นับว่าได้มาโดยมิต้องเปลืองแรงโดยแท้รถม้ามาถึงอำเภอไถหยางอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากฟ้ามืดลงแล้ว ตามบ้านช่องห้องหอจึงเริ่มจุดตะเกียงและโคมไฟ พาให้ถนนหนทางสว่างไสวไปทั่วขณะที่รถม้ากำลังมุ่งไปทางหมู่บ้านชิงสุ่ย ถังหมิงเซวียนก็ได้ขี่ม้าสวนทางมาเมื่อเขาเห็นฉู่จวินสิงกำลังควบรถม้าคันหนึ่งมุ่งมาทางเขาอยู่ จึงรีบโบกมือให้ทันควัน“เราพบกันอีกแล้ว”ฉู่จวินสิงลงจาก
เจี่ยงตงเฉิงลูบหนวดเคราเบาๆ พลางกล่าวยิ้มแย้ม“ข้ากล่าวต่อสองคนนั้น ว่าพวกเจ้าทั้งครอบครัวล้วนเสียชีวิตหมด”“พวกเขารู้ว่าผลออกมาเช่นนี้ต่างพอใจมาก จึงไม่ได้อยู่ในจวนข้านาน พร้อมจากไปทันที”ขณะที่เจี่ยงตงเฉิงบอกกล่าวให้รู้ สายตายังคงจับจ้องท่าทีของเจี่ยนอันอันอยู่ตลอดคิดมองหาพิรุธบางอย่างจากสีหน้าของนางเจี่ยนอันอันทำเสียงฮึงในลำคอ “เพียงเท่านี้เองรึ? จึงต้องให้ท่านเสียเวลาวุ่นวายส่งคนไปตามหาเราน่ะ”เจี่ยนอันอันยังคงชักสีหน้าเช่นเดิม เพราะไม่คิดว่าเจี่ยงตงเฉิงจะช่วยนางกับฉู่จวินสิงได้เพราะเทียบกับพวกเขาแล้ว เจี่ยงตงเฉิงยังสนิทกับเจี่ยนกั๋วกงมากกว่าหลายเท่าเขาจะหวังดีช่วยเหลือพวกเขาพูดเท็จได้อย่างไร?อีกทั้งเรื่องที่เจี่ยนกั๋วกงหวังจะฆ่าพวกเขา เจี่ยนอันอันก็รู้อยู่นานแล้วหากไม่เพราะพวกเขาใช้เส้นทางลัด ทั้งยังมีนกแร้งสองตัวมาช่วยนำทาง ป่านนี้คงถูกคนที่เจี่ยนกั๋วกงส่งมา จัดการปลิดชีพอยู่ข้างทางนานแล้วกระมังเจี่ยงตงเฉิงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันคิดสิ่งใดอยู่ในใจ จึงได้พูดถึงความคิดของเขาแทน“ครั้งหนึ่งแม่นางเจี่ยนเคยช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าหวังจะตอบแทนนานแล้ว”“ข้าพอดูออกว่า แม่นา
ทหารผู้นั้นถูกคำพูดของเจี่ยนอันอันตอกจนหน้าหงาย อ้าปากพูดไม่ออกเขาเป็นเพียงทหารเล็กๆ ผู้หนึ่ง ใต้เท้าต้องการพบพวกเขาเพื่อหารือเรื่องอันใด ย่อมไม่บอกให้เขาล่วงรู้อยู่แล้วเขาจึงทำหน้าเจื่อน พลางกล่าววิงวอน “แม่นางเจี่ยนโปรดอย่าได้กลั่นแกล้งเราเลย เราเพียงทำตามหน้าที่เท่านั้น”“ส่วนใต้เท้าจะหารือเรื่องสำคัญประการใด เราคงมิอาจล่วงรู้ได้”เจี่ยนอันอันคิดจะปฏิเสธอีก กลับได้ยินฉู่จวินสิงกล่าวตอบ “เราไปดูก่อนแล้วค่อยว่าเถิด”“ก็ได้” เจี่ยนอันอันจึงยอมรับปากโดยง่ายรถม้าตามหลังทหารกลุ่มนั้น มุ่งไปทางจวนราชเลขาธิการทหารเหล่านี้ล้วนเคยไปหมู่บ้านชิงสุ่ย แต่ไม่เคยพบหน้าเจี่ยนอันอันพวกเขาตามหาแทบจะพลิกทั่วเมืองอินเป่ย ก็ยังไม่พบแม้แต่เงาของเจี่ยนอันอันเดิมคิดว่าคงจะคว้าน้ำเหลวกลับไปแน่แล้ว จู่ๆ กลับมาพบฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันที่นี่ได้ดีที่ทั้งคู่ยอมไปพบใต้เท้าแต่โดยดี หาไม่พวกเขาคงไม่รู้จะกลับไปรายงานอย่างไรไม่นานพวกเขาก็มาถึงจวนราชเลขาธิการ เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงลงจากรถม้า เดินตามเหล่าทหารเข้าไปในจวนพ่อบ้านเห็นพวกเขากลับมา ซ้ำมีคนติดตามมาข้างหลัง คือคนที่ใต้เท้าต้องการพบตัว