เจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นจึงไม่รอช้า รีบหยิบเข็มเงินออกมาจากมิติและซัดไปยังชายชุดดำผู้นั้นทันทีเข็มเงินปักเข้าที่ลำคอของชายชุดดำ ก่อนที่เขาจะได้ตอบสนอง ร่างก็ล้มลงกับพื้นและสิ้นใจในทันทีเมื่อเสียงการต่อสู้ดังขึ้น เหล่าคนในตระกูลต่างก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นพวกเขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นกลุ่มคนชุดดำโผล่มาอย่างไม่คาดคิดเมื่อเห็นชายชุดดำคนหนึ่งตายอยู่ตรงหน้า บางคนก็ตกใจกลัวจนร้องไห้ออกมาทันทีชายชุดดำคนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ชะงักไปพวกเขาเห็นใบหน้าสหายของตนกลับกลายเป็นสีม่วงคล้ำไปแล้วเลือดสีดำไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขากลุ่มชายชุดดำรู้สึกตกใจอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าเข็มเงินที่ปักอยู่บนลำคอของสหายนั้นจะถูกอาบด้วยยาพิษแม้แต่ทหารรักษาพระองค์ก็ยังตกใจกับเข็มเงินของเจี่ยนอันอันทุกคนหันสายตามองมาทางเจี่ยนอันอันอย่างพร้อมเพรียงฉู่จวินสิงเห็นว่าที่มุมปากของเจี่ยนอันอันยกขึ้นเล็กน้อยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดและความโหดร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางหัวใจของฉู่จวินสิงถึงกับสั่นสะท้านสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ในยุคปัจจุบัน เจี่ยนอันอันชอบใช้เข็มเงินเป็นลูกดอกเล่นสนุกอยู่แล้วนางย
กลุ่มคนชุดดำเหล่านั้นเดิมคิดว่าภารกิจลอบสังหารครั้งนี้จะสำเร็จได้โดยง่ายกลับคาดไม่ถึงว่า ท่ามกลางญาติพี่น้องเหล่านี้ จะมีนางพญามัจจุราชผู้เชี่ยวชาญการใช้พิษเช่นนี้อยู่ด้วยกลุ่มคนชุดดำสิบกว่าคนต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครปริปากพูดพวกเขาล้วนปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางเปิดเผยตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังเด็ดขาดเจี่ยนอันอันมองดูท่าทีปากแข็งไม่ยอมแพ้ของพวกเขานางจึงยิ้มเย็น ก่อนจะขว้างเข็มเงินไปยังคนหนึ่งในกลุ่มนั้นอีกครั้งชายชุดดำคนนั้นไม่ทันได้ตอบสนอง เข็มเงินก็ปักเข้าที่หัวเข่าของเขาทันทีชายชุดดำร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นร่างกายของเขาเริ่มชาไปทั้งตัว แต่ในชั่วขณะต่อมากลับรู้สึกเหมือนมีแมลงนับล้านตัวกำลังกัดแทะชายชุดดำคิดในใจว่าคงจะพบจุดจบเช่นเดียวกับสหายหลายคนพวกนั้น ที่ตายภายใต้เงื้อมมือของหญิงสาวผู้นี้แน่แล้วเขาเงยหน้ามองเจี่ยนอันอันพร้อมกับแสยะยิ้มเย็นชาราวกับยอมรับความตาย“จะพูดหรือไม่พูด?” เสียงของเจี่ยนอันอันแผ่วเบาดุจเสียงกระซิบของภูตผีที่ล่องลอยเข้าโสตประสาทของชายชุดดำแม้เขาจะรู้สึกชาและเจ็บแปลบไปทั้งตัว แต่ยังคงกัดฟันแน่น ไ
เมื่อเห็นหลุมเล็ก ๆ บนพื้น เหล่าผู้คนในตระกูลต่างก็อดหวาดเสียวแทนเจี่ยนอันอันไม่ได้โชคดีที่เจี่ยนอันอันหลบได้ทัน จึงไม่โดนแส้ฟาดมิเช่นนั้นหากถูกแส้นี้ฟาดลงไปคงทำให้ผิวหนังแตกยับเยินหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ไม่คาดคิดว่าเจี่ยนอันอันจะหลบแส้ของเขาได้ เขาตวาดด้วยความโมโห “เจี่ยนอันอัน ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษเนรเทศ ห้ามพกของติดตัวเด็ดขาด”“ถ้าฉลาดก็รีบส่งเข็มเงินมา จะได้ไม่ต้องจะเจ็บตัว”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์พูดจบก็สะบัดแส้แล้วฟาดไปทางเจี่ยนอันอันอีกครั้งในขณะที่แส้กำลังจะฟาดลงบนตัวเจี่ยนอันอัน ฮูหยินใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ผลักนางหลบออกไปแส้จึงฟาดลงบนตัวฮูหยินใหญ่แทนฮูหยินใหญ่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลางกุมบริเวณที่ถูกแส้ฟาดแล้วทรุดตัวลงเจี่ยนอันอันไม่คาดคิดว่าฮูหยินใหญ่จะผลักนางออกแล้วรับแส้นั้นแทนเมื่อครู่นางแค่รอให้แส้ฟาดลงมาเพื่อที่จะคว้าแส้ไว้แล้วค่อยลงโทษหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ให้สาสมไม่คิดว่าจะกลับกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้“ฮูหยินใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง รีบนั่งลงมาให้ข้าดูเถิด” เจี่ยนอันอันรีบหันไปพยุงฮูหยินใหญ่ให้นั่งลงแล้วตรวจดูบาดแผลฮูหยินใหญ่รู้สึกเจ็บปวดจนตั
เจี่ยนอันอันกล่าวอีกครั้งว่า “หากท่านหัวหน้าทหารรักษาพระองค์อยากลองลิ้มรสการถูกเข็มพิษปักดู ก็เชิญมารับไปได้เลย”“ข้าคิดว่าท่านหัวหน้าคงทราบดีว่า อยู่ในป่ารกร้างเช่นนี้ หากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคน ฮ่องเต้ก็คงไม่สนใจอะไร”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เหล่าทหารรักษาพระองค์ตกใจไม่น้อยสิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง แม้พวกเขาจะเป็นทหารรักษาพระองค์แต่ในสายตาของฮ่องเต้ พวกเขาเทียบไม่ได้แม้แต่มดตัวหนึ่งยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างทางเนรเทศ ย่อมมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอหากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคนระหว่างทาง ก็ไม่มีใครสนใจและกลุ่มคนชุดดำเมื่อครู่ก็ถูกเจี่ยนอันอันฆ่าตายทั้งหมดไม่มีใครรู้ว่าในมือนางยังมีเข็มเงินอีกเท่าไร และไม่มีใครอยากเสี่ยงที่จะขัดใจเจี่ยนอันอันคำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตระหนักได้เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เมื่อนึกได้ว่าที่ผ่านมาเขาหงุดหงิดมากจนลืมไปว่าบนเข็มเงินนั้นมีพิษกลุ่มนักโทษเนรเทศเหล่านี้ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มโจรปล้นฆ่าหากไปยั่วยุพวกเขา ในป่ารกร้างเช่นนี้ แม้ทหารรักษาพระองค์ทั้งหมดจะถูกฆ่า เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ว่าเป็น
วังหลวงนั้นมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวดนางเป็นเพียงหญิงสาวที่อ่อนแอ หากต้องการเข้าไปในวังหลวง เกรงว่าคงถูกจับได้ตั้งแต่แรกแล้วแต่นางไม่เพียงไม่ถูกจับได้ ยังสามารถเดินเข้าคุกหลวงได้อย่างสบายใจนางไปที่คุกด้วยเหตุใด หรือจะไปปล้นตัวนักโทษหนีออกมา?แต่ในตอนนั้น ผู้คุมในคุกกลับทำเหมือนมองไม่เห็นนาง ปล่อยให้นางเดินไปมาได้ตามใจเรื่องนี้จะอธิบายได้อย่างไร?เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาใกล้ ฉู่จวินสิงจึงเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าฉู่จวินสิงโดยไม่พูดอะไร นางจับข้อมือของอ๋องหนุ่มขึ้นมาแล้วเริ่มตรวจชีพจรฉู่จวินสิงรู้สึกว่าข้อมือของตนถูกจับขึ้น และเห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังตรวจชีพจรของเขาอยู่ในใจของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เขาเปิดริมฝีปากบางเพียงเล็กน้อย แต่กลับไม่เอ่ยถามอะไรออกมาเลยสักคำเมื่อมองดูข้อมือของตนที่ถูกเจี่ยนอันอันจับไว้ พร้อมกับนิ้วเรียวเล็กที่แตะเบา ๆ บนเส้นชีพจรฉู่จวินสิงไม่ได้โกรธหรือไล่ให้เจี่ยนอันอันออกห่างจากเขาเขาปล่อยให้นางตรวจชีพจรของเขาต่อไปฉู่จวินหลุนและฉู่อันเจ๋อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างตกตะลึงกับการกระทำของทั้งสองค
การกระทำของเจี่ยนอันอัน ทำให้หัวใจของฉู่จวินสิงสั่นไหวเขาคิดที่จะดึงมือกลับมา แต่กลับพบว่าตนเองไม่อาจขยับเขยื้อนได้ดั่งเก่าเจี่ยนอันอันกลับไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ ทำเพียงแค่กุมมือเอาไว้เท่านั้น นี่เป็นเพียงแค่มารยาทเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงไม่คัดค้านอันใด เจี่ยนอันอันจึงเอ่ยต่อ “ท่านวางใจได้ ในเมื่อข้าเลือกที่จะแต่งกับท่านแล้ว”“ข้าก็ยินยอมที่จะเป็นเชลยถูกเนรเทศไปด้วยกันกับพวกท่าน ข้าไม่มีทางที่จะหลบหนีเอาตัวรอดไประหว่างทาง” “ข้าจะคอยอยู่ข้างกายท่านตลอด และจะคอยช่วยเหลือทุกคนให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ไปให้ได้”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้ฉู่จวินสิงขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัวฮ่องเต้พระราชทานงานอภิเษกสมรส ให้คุณหนูรองจวนกั๋วกงแต่งงานให้กับเขาแล้วเหตุใดผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาในตอนนี้ กลับเป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงเล่า?ฉู่จวินสิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่คุณหนูรอง เหตุใดจึงแต่งงานกับข้า?”“เจ้ารู้ว่าข้ากำลังจะกลายเป็นเพียงสามัญชนธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งยังถูกยึดจวนแล้วเนรเทศออกไป เหตุใดเจ้าถึงยังไม่หนีไป เจ้ามีจุดประสงค์ใดกั
ฉู่จวินสิงไม่เคยพบเห็นของสิ่งนี้มาก่อน แต่ว่าของสิ่งนี้กลับทำให้เขาหายใจได้สะดวกขึ้นอีกทั้งยังช่วยไม่ให้สูดดมกลิ่นเหม็นนี่ได้สายตาของฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย เขาเริ่มรู้สึกประหลาดใจในตัวเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเห็นเพียงเจี่ยนอันอันมองไปยังกลุ่มทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นอยู่มุมปากของนางยกขึ้น ดวงตาก็โค้งงอเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวใบหน้าที่เดิมงดงามน่ามองอยู่แล้ว ก็เปลี่ยนเป็นงดงามยิ่งขึ้นเพราะรอยยิ้มนี้เหล่าทหารองครักษ์เหล่านั้นที่กำลังท้องไส้ปั่นป่วนกันอยู่ เริ่มขออนุญาติหัวหน้าของพวกเขาไปขับถ่ายอีกครั้งครานี้หัวหน้าของพวกเขาไม่ได้มีอาการปวดท้องเขาจ้องไปยังทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น ก่อนจะโบกมือให้พวกเขาอย่างรำคาญ“ไป ๆ ๆ รีบไปจัดการเร็ว ๆ”“หากพวกเจ้ายังผายลมเหม็นเน่าอยู่ที่นี่อีก ข้าคงจะถูกพวกเจ้ารมกลิ่นเหม็นนี่จนตายแน่”หลังจากที่ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นได้รับอนุญาติแล้ว ทั้งหมดก็พากันกุมท้องแล้ววิ่งไปยังป่ารกร้างห่างไกลออกไปเมื่อมองดูทหารรักษาพระองค์ทางด้านนี้ ก็เหลือเพียงแค่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เท่านั้นในที่สุดเจี่ยนอันอันก็ลุกขึ้น ก้าวอาด ๆ
เนรเทศพวกเขาไปยังเมืองรกร้างยังไม่พอ ถึงขั้นยังจะส่งคนมาตามสังหารพวกเขาระหว่างทางอีกฉู่อันเจ๋อโมโหเสียจนแทบจะสบถด่าออกมา เจี่ยนอันอันรีบยื่นมือออกไปห้ามเอาไว้เสียก่อนใบหน้าของฉู่จวินสิงค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมาเขาควรจะเดาได้มาตั้งนานแล้ว!ชายผู้นั้นเป็นที่น่าสงสัยมาโดยตลอด ทั้งยังโหดร้ายไร้ปราณีเพื่อบัลลังก์มังกรของเขา เขาสามารถฆ่าใครก็ตามที่คุกคามสถานะของเขาคนในครอบครัวอะไรกัน ในสายตาของเขา ยังเทียบไม่ได้แม้แต่หมูหมาเจี่ยนอันอันถามออกต่อ “ที่ฮ่องเต้สุนัขนั่นส่งพวกเจ้ามาคุ้มกันพวกเรา ได้มอบหมายหน้าที่อื่นให้พวกเจ้าด้วยหรือไม่?”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เอ่ยอย่างเหม่อลอย “ฝ่าบาทไม่ได้มอบหมายหน้าที่ใดเพิ่มเติมให้กับพวกเรา”“เพียงแต่ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้พวกเราทำหน้าที่เพียงแค่คุมตัวไปส่งเท่านั้น ไม่ทรงอนุญาตให้ยื่นมือช่วยเหลือ”“ฝ่าบาทยังทรงรับสั่งอีกว่า พวกเจ้าล้วนแต่เป็นเพียงคนชั้นต่ำไร้ค่า ตลอดทางไปนี้ ห้ามมิให้อาหารหรือน้ำดื่ม”“ต่อให้พวกเจ้าจะไม่ถูกฆ่าตาย ก็ปล่อยให้พวกเจ้าอดตายไประหว่างทาง”เมื่อฉู่จวินหลุนได้ยินมาจนถึงตรงนี้ ก็โมโหเสียจนตบลงบนที่วางแขนรถเข็
นอกจากนี้แล้ว ขนมไหว้พระจันทร์มากขนาดนี้ จะอบอย่างไรกัน?นางคิดอยากจะซื้อเตาอบมาจากร้านค้าทว่าเตาอบยังต้องการเสียบปลั๊กถึงจะใช้ได้ยุคโบราณเช่นนี้ไม่มีไฟฟ้า ของสิ่งนั้นซื้อมาก็ไม่อาจใช้ได้นางมองไปยังขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำออกมาเสร็จแล้วบนโต๊ะ ก็ถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ขนมไหว้พระจันทร์ที่จวนเยียนอ๋องของพวกเจ้ากิน คงไม่ใช่ว่าไม่มีลวดลายหรอกกระมัง”สี่เอ๋อร์หัวเราะ “คิกๆ” ออกมา แล้วนำแม่พิมพ์ไม้ออกมาจากด้านล่างโต๊ะบนนั้นสลักลวดลายงดงามเอาไว้มากมายเจี่ยนอันอันเองก็ยินดี แล้วลอบตำหนิตนเองที่เมื่อครู่ถามคำถามโง่ๆ ออกไป“สี่เอ๋อร์ แม่พิมพ์พวกนี้เจ้าเอามาจากที่ใดกัน?”คงจะไม่ใช่สี่เอ๋อร์ที่สลักออกมาเองหรอกกระมังสี่เอ๋อร์มองไปยังซ่างชิวที่อยู่ด้านนอก แล้วพูด “ข้าขอให้พี่ซ่างชิวช่วยแกะสลักให้เจ้าค่ะ”เจี่ยนอันอันรู้ว่าฝีมืองานของซ่างชิวนั้นดีมาก ประตูเรือนที่เคยอยู่อาศัยก่อนหน้านั้นก็ล้วนเป็นเขาที่ช่วยติดตั้งให้ซ่างชิวเป็นช่างฝีมือที่มีทักษะจริงๆ ไม่แน่ว่างานฝีมือของเขา ในภายหน้ายังคงจะมีประโยชน์ให้ได้ใช้สี่เอ๋อร์นำขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำเสร็จแล้ว วางใส่ในแม่พิมพ์แล้วกดลงไปไม่น
ฉู่จวินหลุนยิ้มเศร้าออกมา หัวลูกธนูนี้อยู่ในร่างกายของเขามานาน ในที่สุดก็ถูกนำออกมาแล้วดูเหมือนว่าในที่สุด ก็จะมีวันที่เขาจะสามารถลุกขึ้นยืนได้ ไม่ต้องนั่งเคลื่อนไหวไปมาอยู่บนเก้าอี้รถเข็นแล้วเวินอี๋และเหยียนเซ่ากำลังสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับพวกจ้าวอู่ทั้งสามคนอยู่ในลานบ้านพวกเขาเรียนรู้อย่างรวดเร็ว เสียงเตะต่อยของพวกเขาลอยดังเข้ามาในหูของฉู่จวินหลุนเขาอยากจะลุกขึ้นให้ได้ในเร็ววัน แล้วไปฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้เช่นเดียวกับพวกเขาเพียงแต่สองขาเป็นอัมพาตมานานหลายปี และก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเป็นเหมือนกับก่อนหน้านั้นได้หรือไม่ ที่แต่ละกระบวนท่าล้วนแต่เตะเข้าเป้าฉู่จวินสิงมองความคิดของพี่ใหญ่ออก เขาตบลงไปบนไหล่ของฉู่จวินหลุน“พี่ใหญ่พักผ่อนให้สบายใจเถิด วันหน้าท่านจะต้องเป็นเหมือนกับก่อนหน้านั้นที่แข็งแกร่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังได้แน่”ฉู่จวินหลุนยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาตอนนี้เขากำลังอดทนต่อความเจ็บปวดของร่างกาย และไม่คิดที่จะพูดอะไรมากความฉู่จวินสิงมองไปยังหน้าผากของพี่ใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหงื่อเขารู้ว่าพี่ใหญ่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวด เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินออกมาเขาเรียกเจี่ยนอันอัน
ถังหมิงเซวียนบอกเจี่ยนอันอันว่าตอนนี้เขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในอำเภอไถหยางหากว่าเจี่ยนอันอันคิดดีแล้ว ก็ให้ไปหาเขาที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้น ถังหมิงเซวียนขึ้นขี่ม้า แล้วออกไปจากหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างรวดเร็วเขายังคงตามหาเบาะแสของเหยียนซวงต่อไป ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อเจี่ยนอันอันเก็บล่วมยาเข้าไปในห้วงมิติ ก็เห็นฉู่จื่อซีกำลังวิ่งไล่แม่ไก่ตัวหนึ่งอยู่ในสวนแม่ไก่ตัวนั้นวิ่งมาข้างเท้าของเจี่ยนอันอัน แล้วหลบอยู่ด้านหลังของนางฉู่จื่อซีชี้ไปยังแม่ไก่ที่ส่งเสียงขันออกมา“ท่านป้า เสี่ยวฮวาบอกว่ามันกำลังจะออกไข่ ข้าอยากดูมันออกไข่ แต่มันกลับไม่ยอมให้ข้าดู”เจี่ยนอันอันนึกถึงไก่พวกนั้นที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน มีแม่ไก่หกตัว ไก่ตัวผู้ตัวใหญ่หนึ่งตัวพวกมันล้วนแต่ได้ดื่มน้ำพุวิญญาณ ทำให้อ้วนท้วนเป็นอย่างมากเมื่อแม่ไก่ได้ยินคำของฉู่จื่อซี ก็รีบวิ่งออกจากข้างเท้าของเจี่ยนอันอันกลับไปยังรังของมันตอนนี้มันรอไม่ไหวที่จะออกไข่แล้ว และจำเป็นต้องไปออกที่รังของมันเท่านั้นเมื่อแม่ไก่ส่งเสียงร้อง “กะต๊าก” ดังขึ้น ไข่ฟองหนึ่งก็ถูกเบ่งออกมาฉู่จื่อซีปิดปากเล็กๆ ส่งเสียงหัวเราะออกมา “ท่านป้า เ
โชคดีที่ฝีมือของเขานั้นแม่นยำ เพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็เย็บปิดบาดแผลของฉู่จวินหลุนเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เขาเช็ดคราบเลือดออกจากบาดแผลแล้ว ถึงได้ขอให้ฉู่จวินสิงช่วยสวมกางเกงให้ฉู่จวินหลุน หัวลูกธนูที่หักนั้นถูกถังหมิงเซวียนห่อเอาไว้ในผ้าพันแผล ก่อนจะส่งให้กับฉู่จวินสิง “อีกเดี๋ยวคุณชายฉู่ฟื้นขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นร่างกายจะต้องมีความรู้สึกเจ็บปวดเป็นแน่ ท่านต้องให้เขากินยาแก้ปวด ข้าคิดว่าที่แม่นางเจี่ยนจะต้องมีแน่นอน”ฉู่จวินสิงรับผ้าพันแผลที่ห่อหัวลูกธนูอยู่มา รอให้ฉู่จวินหลุนฟื้นขึ้นมา เขายังต้องนำออกมาให้อีกฝ่ายดู“หลังจากนำหัวลูกธนูออกมาแล้ว พี่ใหญ่ของข้าก็จะเดินได้แล้วใช่หรือไม่?” สายตาของฉู่จวินสิงจ้องเขม็งไปยังถังหมิงเซวียนหากว่าเป็นเจี่ยนอันอันที่มารักษาให้ฉู่จวินหลุน เขาไม่มีทางถามคำถามเช่นนี้ออกมาถังหมิงเซวียนถอนหายใจยาว ถึงได้พูดออกมา “หัวลูกธนูถูกนำออกมาแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าต่อไปจะสามารถเดินได้หรือไม่นั้น ยังต้องดูความตั้งใจของเขาเองด้วย”“เพราะอย่างไรแล้วเขาก็เป็นอัมพาตมานาน กล้ามเนื้อขาทั้งคู่ก็ฝ่อไปหมดแล้ว บวกกับการผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก หากไม่ร
โชคดีที่วันนี้เขาบังเอิญพบกับเจี่ยนอันอันเข้า จึงรู้ว่าเจี่ยนอันอันรู้จักอีกฝ่ายเขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปถังหมิงเซวียนพูดต่อ “หากว่าข้านำล่วมยามาด้วย ก็มีความมั่นใจมากถึงเจ็ดส่วนที่จะสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ท่านให้หายดีได้”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ในใจคิดว่าเจ้าหมอนี่กำลังคุยโวอีกแล้วนางอยากจะลองดูว่าถังหมิงเซวียนกำลังคุยโวใหญ่โตหรือไม่“ที่ข้ามีล่วมยาอยู่ หากว่าเจ้าสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ข้าได้จริง ข้าก็จะบอกเบาะแสของคนที่เจ้ากำลังตามหาอยู่ให้”“หากว่าเจ้ารักษาไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าลงมือโหดเหี้ยม”เจี่ยนอันอันพูดพลางหักกระดูกนิ้วจนส่งเสียง “กร๊อบแกร็บ” ดังออกมาเมื่อเห็นว่านางกำลังกำหมัดเตรียมพร้อม ในใจถังหมิงเซวียนก็เป็นกังวลขึ้นมาเขานึกถึงภาพที่เจี่ยนอันอันตบปากกุ้ยเหมยขึ้นมา ก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขาชายหนุ่มคนหนึ่ง เป็นถึงผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอเทวดาของแคว้นหนิงชวน คงไม่อาจถูกเจี่ยนอันอันตบปากได้หากว่าเรื่องนี้แพร่ไปถึงแคว้นหนิงชวน จะต้องเป็นที่ขบขันของทุกคนเป็นแน่“ท่านวางใจได้ ขอเพียงแค่มีล่วมยา ข้าก็จะไม่ให้
เดิมทีเขาก็เป็นพวกที่ยิ่งมีคนมาคอยมองอยู่ด้านข้างก็ยิ่งอยากแสดงฝีมือออกมาต่อหน้าพวกเขาอยู่แล้วมือของถังหมิงเซวียนคลำไปยังบริเวณก้นกบของฉู่จวินหลุนแล้วก็คลำไปเจอตรงจุดหนึ่งมีของแหลมคมอยู่ดูเหมือนว่าคงจะเป็นหัวลูกธนูที่ไม่ได้ดึงออกมาตำแหน่งของหัวลูกธนูนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก หากคิดจะเอาออกมา คิดว่าคงจะกระทบเข้ากับเส้นประสาทตรงก้นกบเข้าหากว่าไม่ระวัง เกรงว่าคนผู้นี้อาจจะเจ็บปวดจนร่างกายเป็นอัมพาตก็ไม่น่าแปลกที่ไม่มีใครกล้าดึงหัวลูกธนูนี่ออกมา หมอทั่วไปแน่นอนว่าย่อมไม่มีความสามารถนี้ทว่าเขาแตกต่างออกไป เขาคือหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงไปทั่วแคว้นหนิงชวนการผ่าตัดนี้สำหรับเขาแล้วนั้น ถือว่าเป็นเพียงแค่การผ่าตัดเล็กๆ เท่านั้นเพียงแต่เขาไม่ได้นำมีดผ่าตัดติดตัวมาด้วย จึงต้องขอยืมจากเจี่ยนอันอันถังหมิงเซวียนมาถึงด้านหน้าประตูห้อง แล้วพูดกับเจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่ด้านนอก “แม่นางเจี่ยน ที่นี่มีมีดที่ใช้ผ่าตัดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ช่างกล้าหาญเสียจริงเกรงว่าเขาคงไม่รู้ว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือจิ้นอ๋องของแคว้นไท่ยวนหากว่าเขารู้แล้ว เกรงว่าก็คงไม
สำหรับถังหมิงเซวียนแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงฝีมือเขาอยากให้เจี่ยนอันอันได้เห็นจริงๆ ว่า ทักษะการแพทย์ของเขานั้นยอดเยี่ยม ไม่ได้ด้อยไปกว่านางเจี่ยนอันอันเองก็ไม่พูดพล่ามต่อไป ให้ฉู่จวินสิงขับรถม้ากลับไปยังหมู่บ้านชิงสุ่ยถังหมิงเซวียนเองก็ขี่ม้าตามอยู่ด้านหลังรถม้าไม่นานนักทั้งสามคนก็กลับมาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ย เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน เจี่ยนอันอันก็ลงจากรถม้าเป็นคนแรกนางผลักประตูใหญ่ของเรือนออกแล้วเดินเข้าไปวันนี้ขายผักไปได้ไม่น้อย อีกทั้งยังตามหาคนที่มีทักษะทางการแพทย์ได้ คราวนี้ขาของฉู่จวินหลุน ในที่สุดก็จะสามารถรักษาได้แล้วนางวิ่งไปหน้าห้องของฉู่จวินหลุน แล้วเคาะประตูไม่นาน ด้านในห้องก็มีเสียงรถเข็นดังเลื่อนออกมาฉู่จวินหลุนเปิดประตูห้อง เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันกลับมาแล้ว เขาก็ยิ้มให้“วันนี้เจ้ากับจวินสิงกลับมาเร็วนัก”เจี่ยนอันอันยิ้มพลางว่า “ข้าหาหมอให้พี่ใหญ่ได้แล้วเจ้าค่ะ ให้เขารักษาขาให้ท่าน”ฉู่จวินหลุนมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายท่าทางดูอายุเพียงแค่ยี่สิบปีเท่านั้น สวมชุดสีขาว ใบหน้าอ่อนโยนราวกับหยกคนผู้นี้จะส
ถังหมิงเซวียนไม่อยากบอกว่าตนเองแย่งหนังสือผ่านทางมาจากผู้อื่นเขายิ้มบางๆ แล้วพูดเสียงเรียบ “ข้าย่อมมีวิธีการของตนเอง”เจี่ยนอันอันแค่นเสียง คิดในใจว่าหากเจ้าไม่พูด ข้าก็จะไม่บอกเบาะแสของเหยียนซวงกับเจ้า“ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะ” เจี่ยนอันอันไม่คิดจะเสวนากับถังหมิงเซวียนต่อ จึงเร่งให้ฉู่จวินสิงขับรถม้าออกไปเมื่อถังหมิงเซวียนเห็นทั้งสองคนกำลังจะจากไป ก็รีบควบม้าไปด้านหน้าของรถม้า บังคับให้รถม้าหยุดสีหน้าของฉู่จวินสิงเย็นชา ท่าทางราวกับจะลงมือกับถังหมิงเซวียน“หากเจ้ายังไม่ยอมไปอีก ก็อย่าโทษที่ข้าไร้ปรานี”ถังหมิงเซวียนถูกพลังอำนาจของฉู่จวินสิงทำให้ตกใจจนหัวใจบีบรัด ทว่าเขาก็ไม่อยากละทิ้งโอกาสอันดีนี้ไปเขามองออกว่าสองคนนี้จะต้องรู้จักแม่นางที่ยังไม่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับเขาผู้นั้นแน่นอนเขารีบพูด “ทั้งสองท่านอย่าเพิ่งรีบไป ข้ายอมพูดก็ได้”ที่แท้แล้ว เมื่อถังหมิงเซวียนมาถึงด้านนอกเมืองอินเป่ย เขาก็เห็นประตูเมืองเปิดออก มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากในเมืองขณะที่เขากำลังจะวิ่งเข้าไป กลับพบว่าประตูเมืองปิดสนิทอีกแล้วทหารที่อยู่ด้านบนหอประตูเมืองตะโกนเสียงดังใส่เขา “หากไม่มีหนังสือผ
มาถึงเมืองอินเป่ยหลายวันแล้ว ถังหมิงเซวียนก็ได้เรียนรู้กฎระเบียบของที่นี่ดีแล้วผู้ใดที่เข้าสู่เมืองอินเป่ย จะไม่สามารถออกจากที่นี่ได้โดยง่ายเขาเพียงแค่ต้องค้นหาอย่างละเอียด ก็จะพบอีกฝ่ายอย่างแน่นอนในขณะเดียวกัน เจี่ยนอันอันที่นั่งอยู่ในรถม้าก็ได้นำถุงเงินและเห็ดหูหนูทั้งหมดเก็บเข้าไปในมิติจากนั้นนางกระซิบที่ข้างหูฉู่จวินสิงว่า “ท่านหิวหรือไม่ พวกเราไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันดีหรือไม่?”ฉู่จวินสิงหันมายิ้มบาง ๆ “เจ้าอยากกินอะไร หรืออยากกลับไปกินที่โรงเตี๊ยมเดิมอีก?”เจี่ยนอันอันส่ายหัวเบา ๆ อาหารที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นอร่อยก็จริง แต่ก็ยังไม่ถูกปากนางนัก“ข้าอยากกินเนื้อย่างเสียบไม้ ไม่รู้ว่าในอำเภอไถหยางจะมีร้านขายเนื้อย่างหรือไม่”ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังมาจากด้านหลังเจี่ยนอันอันหันกลับไปมอง ก็เห็นถังหมิงเซวียนควบม้ามุ่งหน้ามาทางพวกนางเจี่ยนอันอันคิดในใจ ไม่ใช่ว่าเจ้าหมอนี้ไปอีกทางแล้วหรือ เหตุใดถึงได้ตามมาอีกเล่า?ไม่นานนัก ถังหมิงเซวียนก็ตามมาทัน เขาจงใจควบม้าให้ช้าลง เพื่อให้เดินขนาบข้างกับรถม้าเขาหันไปกล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “แม่นางเจี่ย