เจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นจึงไม่รอช้า รีบหยิบเข็มเงินออกมาจากมิติและซัดไปยังชายชุดดำผู้นั้นทันทีเข็มเงินปักเข้าที่ลำคอของชายชุดดำ ก่อนที่เขาจะได้ตอบสนอง ร่างก็ล้มลงกับพื้นและสิ้นใจในทันทีเมื่อเสียงการต่อสู้ดังขึ้น เหล่าคนในตระกูลต่างก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นพวกเขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นกลุ่มคนชุดดำโผล่มาอย่างไม่คาดคิดเมื่อเห็นชายชุดดำคนหนึ่งตายอยู่ตรงหน้า บางคนก็ตกใจกลัวจนร้องไห้ออกมาทันทีชายชุดดำคนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ชะงักไปพวกเขาเห็นใบหน้าสหายของตนกลับกลายเป็นสีม่วงคล้ำไปแล้วเลือดสีดำไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขากลุ่มชายชุดดำรู้สึกตกใจอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าเข็มเงินที่ปักอยู่บนลำคอของสหายนั้นจะถูกอาบด้วยยาพิษแม้แต่ทหารรักษาพระองค์ก็ยังตกใจกับเข็มเงินของเจี่ยนอันอันทุกคนหันสายตามองมาทางเจี่ยนอันอันอย่างพร้อมเพรียงฉู่จวินสิงเห็นว่าที่มุมปากของเจี่ยนอันอันยกขึ้นเล็กน้อยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดและความโหดร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางหัวใจของฉู่จวินสิงถึงกับสั่นสะท้านสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ในยุคปัจจุบัน เจี่ยนอันอันชอบใช้เข็มเงินเป็นลูกดอกเล่นสนุกอยู่แล้วนางย
กลุ่มคนชุดดำเหล่านั้นเดิมคิดว่าภารกิจลอบสังหารครั้งนี้จะสำเร็จได้โดยง่ายกลับคาดไม่ถึงว่า ท่ามกลางญาติพี่น้องเหล่านี้ จะมีนางพญามัจจุราชผู้เชี่ยวชาญการใช้พิษเช่นนี้อยู่ด้วยกลุ่มคนชุดดำสิบกว่าคนต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครปริปากพูดพวกเขาล้วนปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางเปิดเผยตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังเด็ดขาดเจี่ยนอันอันมองดูท่าทีปากแข็งไม่ยอมแพ้ของพวกเขานางจึงยิ้มเย็น ก่อนจะขว้างเข็มเงินไปยังคนหนึ่งในกลุ่มนั้นอีกครั้งชายชุดดำคนนั้นไม่ทันได้ตอบสนอง เข็มเงินก็ปักเข้าที่หัวเข่าของเขาทันทีชายชุดดำร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นร่างกายของเขาเริ่มชาไปทั้งตัว แต่ในชั่วขณะต่อมากลับรู้สึกเหมือนมีแมลงนับล้านตัวกำลังกัดแทะชายชุดดำคิดในใจว่าคงจะพบจุดจบเช่นเดียวกับสหายหลายคนพวกนั้น ที่ตายภายใต้เงื้อมมือของหญิงสาวผู้นี้แน่แล้วเขาเงยหน้ามองเจี่ยนอันอันพร้อมกับแสยะยิ้มเย็นชาราวกับยอมรับความตาย“จะพูดหรือไม่พูด?” เสียงของเจี่ยนอันอันแผ่วเบาดุจเสียงกระซิบของภูตผีที่ล่องลอยเข้าโสตประสาทของชายชุดดำแม้เขาจะรู้สึกชาและเจ็บแปลบไปทั้งตัว แต่ยังคงกัดฟันแน่น ไ
เมื่อเห็นหลุมเล็ก ๆ บนพื้น เหล่าผู้คนในตระกูลต่างก็อดหวาดเสียวแทนเจี่ยนอันอันไม่ได้โชคดีที่เจี่ยนอันอันหลบได้ทัน จึงไม่โดนแส้ฟาดมิเช่นนั้นหากถูกแส้นี้ฟาดลงไปคงทำให้ผิวหนังแตกยับเยินหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ไม่คาดคิดว่าเจี่ยนอันอันจะหลบแส้ของเขาได้ เขาตวาดด้วยความโมโห “เจี่ยนอันอัน ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษเนรเทศ ห้ามพกของติดตัวเด็ดขาด”“ถ้าฉลาดก็รีบส่งเข็มเงินมา จะได้ไม่ต้องจะเจ็บตัว”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์พูดจบก็สะบัดแส้แล้วฟาดไปทางเจี่ยนอันอันอีกครั้งในขณะที่แส้กำลังจะฟาดลงบนตัวเจี่ยนอันอัน ฮูหยินใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ผลักนางหลบออกไปแส้จึงฟาดลงบนตัวฮูหยินใหญ่แทนฮูหยินใหญ่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลางกุมบริเวณที่ถูกแส้ฟาดแล้วทรุดตัวลงเจี่ยนอันอันไม่คาดคิดว่าฮูหยินใหญ่จะผลักนางออกแล้วรับแส้นั้นแทนเมื่อครู่นางแค่รอให้แส้ฟาดลงมาเพื่อที่จะคว้าแส้ไว้แล้วค่อยลงโทษหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ให้สาสมไม่คิดว่าจะกลับกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้“ฮูหยินใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง รีบนั่งลงมาให้ข้าดูเถิด” เจี่ยนอันอันรีบหันไปพยุงฮูหยินใหญ่ให้นั่งลงแล้วตรวจดูบาดแผลฮูหยินใหญ่รู้สึกเจ็บปวดจนตั
เจี่ยนอันอันกล่าวอีกครั้งว่า “หากท่านหัวหน้าทหารรักษาพระองค์อยากลองลิ้มรสการถูกเข็มพิษปักดู ก็เชิญมารับไปได้เลย”“ข้าคิดว่าท่านหัวหน้าคงทราบดีว่า อยู่ในป่ารกร้างเช่นนี้ หากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคน ฮ่องเต้ก็คงไม่สนใจอะไร”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เหล่าทหารรักษาพระองค์ตกใจไม่น้อยสิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง แม้พวกเขาจะเป็นทหารรักษาพระองค์แต่ในสายตาของฮ่องเต้ พวกเขาเทียบไม่ได้แม้แต่มดตัวหนึ่งยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างทางเนรเทศ ย่อมมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอหากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคนระหว่างทาง ก็ไม่มีใครสนใจและกลุ่มคนชุดดำเมื่อครู่ก็ถูกเจี่ยนอันอันฆ่าตายทั้งหมดไม่มีใครรู้ว่าในมือนางยังมีเข็มเงินอีกเท่าไร และไม่มีใครอยากเสี่ยงที่จะขัดใจเจี่ยนอันอันคำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตระหนักได้เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เมื่อนึกได้ว่าที่ผ่านมาเขาหงุดหงิดมากจนลืมไปว่าบนเข็มเงินนั้นมีพิษกลุ่มนักโทษเนรเทศเหล่านี้ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มโจรปล้นฆ่าหากไปยั่วยุพวกเขา ในป่ารกร้างเช่นนี้ แม้ทหารรักษาพระองค์ทั้งหมดจะถูกฆ่า เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ว่าเป็น
วังหลวงนั้นมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวดนางเป็นเพียงหญิงสาวที่อ่อนแอ หากต้องการเข้าไปในวังหลวง เกรงว่าคงถูกจับได้ตั้งแต่แรกแล้วแต่นางไม่เพียงไม่ถูกจับได้ ยังสามารถเดินเข้าคุกหลวงได้อย่างสบายใจนางไปที่คุกด้วยเหตุใด หรือจะไปปล้นตัวนักโทษหนีออกมา?แต่ในตอนนั้น ผู้คุมในคุกกลับทำเหมือนมองไม่เห็นนาง ปล่อยให้นางเดินไปมาได้ตามใจเรื่องนี้จะอธิบายได้อย่างไร?เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาใกล้ ฉู่จวินสิงจึงเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าฉู่จวินสิงโดยไม่พูดอะไร นางจับข้อมือของอ๋องหนุ่มขึ้นมาแล้วเริ่มตรวจชีพจรฉู่จวินสิงรู้สึกว่าข้อมือของตนถูกจับขึ้น และเห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังตรวจชีพจรของเขาอยู่ในใจของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เขาเปิดริมฝีปากบางเพียงเล็กน้อย แต่กลับไม่เอ่ยถามอะไรออกมาเลยสักคำเมื่อมองดูข้อมือของตนที่ถูกเจี่ยนอันอันจับไว้ พร้อมกับนิ้วเรียวเล็กที่แตะเบา ๆ บนเส้นชีพจรฉู่จวินสิงไม่ได้โกรธหรือไล่ให้เจี่ยนอันอันออกห่างจากเขาเขาปล่อยให้นางตรวจชีพจรของเขาต่อไปฉู่จวินหลุนและฉู่อันเจ๋อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างตกตะลึงกับการกระทำของทั้งสองค
การกระทำของเจี่ยนอันอัน ทำให้หัวใจของฉู่จวินสิงสั่นไหวเขาคิดที่จะดึงมือกลับมา แต่กลับพบว่าตนเองไม่อาจขยับเขยื้อนได้ดั่งเก่าเจี่ยนอันอันกลับไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ ทำเพียงแค่กุมมือเอาไว้เท่านั้น นี่เป็นเพียงแค่มารยาทเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงไม่คัดค้านอันใด เจี่ยนอันอันจึงเอ่ยต่อ “ท่านวางใจได้ ในเมื่อข้าเลือกที่จะแต่งกับท่านแล้ว”“ข้าก็ยินยอมที่จะเป็นเชลยถูกเนรเทศไปด้วยกันกับพวกท่าน ข้าไม่มีทางที่จะหลบหนีเอาตัวรอดไประหว่างทาง” “ข้าจะคอยอยู่ข้างกายท่านตลอด และจะคอยช่วยเหลือทุกคนให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ไปให้ได้”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้ฉู่จวินสิงขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัวฮ่องเต้พระราชทานงานอภิเษกสมรส ให้คุณหนูรองจวนกั๋วกงแต่งงานให้กับเขาแล้วเหตุใดผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาในตอนนี้ กลับเป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงเล่า?ฉู่จวินสิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่คุณหนูรอง เหตุใดจึงแต่งงานกับข้า?”“เจ้ารู้ว่าข้ากำลังจะกลายเป็นเพียงสามัญชนธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งยังถูกยึดจวนแล้วเนรเทศออกไป เหตุใดเจ้าถึงยังไม่หนีไป เจ้ามีจุดประสงค์ใดกั
ฉู่จวินสิงไม่เคยพบเห็นของสิ่งนี้มาก่อน แต่ว่าของสิ่งนี้กลับทำให้เขาหายใจได้สะดวกขึ้นอีกทั้งยังช่วยไม่ให้สูดดมกลิ่นเหม็นนี่ได้สายตาของฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย เขาเริ่มรู้สึกประหลาดใจในตัวเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเห็นเพียงเจี่ยนอันอันมองไปยังกลุ่มทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นอยู่มุมปากของนางยกขึ้น ดวงตาก็โค้งงอเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวใบหน้าที่เดิมงดงามน่ามองอยู่แล้ว ก็เปลี่ยนเป็นงดงามยิ่งขึ้นเพราะรอยยิ้มนี้เหล่าทหารองครักษ์เหล่านั้นที่กำลังท้องไส้ปั่นป่วนกันอยู่ เริ่มขออนุญาติหัวหน้าของพวกเขาไปขับถ่ายอีกครั้งครานี้หัวหน้าของพวกเขาไม่ได้มีอาการปวดท้องเขาจ้องไปยังทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น ก่อนจะโบกมือให้พวกเขาอย่างรำคาญ“ไป ๆ ๆ รีบไปจัดการเร็ว ๆ”“หากพวกเจ้ายังผายลมเหม็นเน่าอยู่ที่นี่อีก ข้าคงจะถูกพวกเจ้ารมกลิ่นเหม็นนี่จนตายแน่”หลังจากที่ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นได้รับอนุญาติแล้ว ทั้งหมดก็พากันกุมท้องแล้ววิ่งไปยังป่ารกร้างห่างไกลออกไปเมื่อมองดูทหารรักษาพระองค์ทางด้านนี้ ก็เหลือเพียงแค่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เท่านั้นในที่สุดเจี่ยนอันอันก็ลุกขึ้น ก้าวอาด ๆ
เนรเทศพวกเขาไปยังเมืองรกร้างยังไม่พอ ถึงขั้นยังจะส่งคนมาตามสังหารพวกเขาระหว่างทางอีกฉู่อันเจ๋อโมโหเสียจนแทบจะสบถด่าออกมา เจี่ยนอันอันรีบยื่นมือออกไปห้ามเอาไว้เสียก่อนใบหน้าของฉู่จวินสิงค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมาเขาควรจะเดาได้มาตั้งนานแล้ว!ชายผู้นั้นเป็นที่น่าสงสัยมาโดยตลอด ทั้งยังโหดร้ายไร้ปราณีเพื่อบัลลังก์มังกรของเขา เขาสามารถฆ่าใครก็ตามที่คุกคามสถานะของเขาคนในครอบครัวอะไรกัน ในสายตาของเขา ยังเทียบไม่ได้แม้แต่หมูหมาเจี่ยนอันอันถามออกต่อ “ที่ฮ่องเต้สุนัขนั่นส่งพวกเจ้ามาคุ้มกันพวกเรา ได้มอบหมายหน้าที่อื่นให้พวกเจ้าด้วยหรือไม่?”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เอ่ยอย่างเหม่อลอย “ฝ่าบาทไม่ได้มอบหมายหน้าที่ใดเพิ่มเติมให้กับพวกเรา”“เพียงแต่ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้พวกเราทำหน้าที่เพียงแค่คุมตัวไปส่งเท่านั้น ไม่ทรงอนุญาตให้ยื่นมือช่วยเหลือ”“ฝ่าบาทยังทรงรับสั่งอีกว่า พวกเจ้าล้วนแต่เป็นเพียงคนชั้นต่ำไร้ค่า ตลอดทางไปนี้ ห้ามมิให้อาหารหรือน้ำดื่ม”“ต่อให้พวกเจ้าจะไม่ถูกฆ่าตาย ก็ปล่อยให้พวกเจ้าอดตายไประหว่างทาง”เมื่อฉู่จวินหลุนได้ยินมาจนถึงตรงนี้ ก็โมโหเสียจนตบลงบนที่วางแขนรถเข็
เจี่ยนอันอันยิ้มกล่าว “พรุ่งนี้ข้าก็สามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว”ฉู่จวินสิงจึงตัดสินใจค้างคืนกับเจี่ยนอันอันที่นี่เขาไม่อยากกลับไปที่โรงเตี๊ยม ที่นั่นเสียงดังเกินไป บวกกับเขาคิดถึงเจี่ยนอันอันหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มเลยฉู่จวินสิงอยู่ค้างคืนด้วยได้ เจี่ยนอันอันย่อมดีใจอยู่แล้วอย่างไรเสียก็คงไม่มีใครบุกเข้ามาในห้องนี้อย่างปุบปับอยู่แล้วพอถึงพรุ่งนี้เช้า ฉู่จวินสิงค่อยทำเหมือนกับว่าเพิ่งมารับเจี่ยนอันอัน คนทั้งสองก็สามารถจากไปพร้อมกันได้แล้วทั้งคู่นอนอยู่บนเตียง เนื่องจากไม่ได้เจอกันหลายวันพวกเขาจึงเริ่มอิงแอบแนบชิดกัน ฉู่จวินสิงออกแรงอย่างนุ่มนวลด้วยกลัวว่าจะกระทบกระเทือนทารกในครรภ์เจี่ยนอันอันหลังเสร็จกิจแล้ว ทั้งคู่ก็สวมกอดกันนอนหลับไปจนถึงเช้าตรู่วันถัดมา ฉู่จวินสิงก็ทำให้ตัวเองล่องหนระหว่างที่เจี่ยนอันอันกำลังทำอาหารอยู่ ฉู่จวินสิงก็มาเคาะประตูเรือนโดยทำเหมือนกับว่าแวะมาเยี่ยมกะทันหันฮวาหลานเอ๋อร์ไปเปิดประตู เห็นว่าฉู่จวินสิงมาแล้ว คราวนี้นางไม่ได้เย็นชาเหมือนครั้งก่อน แต่ยิ้มแฉ่งให้ฉู่จวินสิง“เยียนอ๋องมาหาพี่หญิงเจี่ยนสินะ พี่หญิงเจี่ยนของข้าทำ
“หลังกินข้าวมื้อนี้เสร็จ เจ้าก็ไปจากที่นี่เสียเถอะ สิ่งที่ข้าควรสอนก็สอนไปหมดแล้ว เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”ซางหมิงกินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วลุกขึ้นก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องกินข้าวเจี่ยนอันอันรู้ว่าซางหมิงยังโกรธเรื่องเมื่อเย็นวาน นางเป็นฝ่ายผิดก่อนจึงไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของซางหมิงเพื่อชดเชยให้กับเรื่องเมื่อเย็นวาน เจี่ยนอันอันจึงรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วไปหาซางหมิงนางมาถึงสถานที่ที่ซางหมิงทำหน้ากากก็เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งทำหน้ากากอยู่ที่โต๊ะเจี่ยนอันอันหยิบยาถอนพิษที่ต้มไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานออกมาจากในมิติแล้ววางลงตรงหน้าซางหมิง“ผู้วิเศษซาง นี่คือยาถอนพิษที่ข้าต้มเอง ท่านดื่มยานี้ก่อนแล้วข้าค่อยไปก็ยังไม่สาย”ซางหมิงเหลือบมองยาถอนพิษสองถ้วยนั้นแล้วมองไปทางเจี่ยนอันอัน“เจ้าแน่ใจนะว่ายาสองถ้วยนี้สามารถกำจัดพิษในร่างข้าได้?”เห็นเจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มๆ เขาก็ไม่พูดมาก หยิบถ้วยยาขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ทันทีหลังดื่มยาสองถ้วยนั้นจนหมด ซางหมิงก็รู้สึกว่าพิษในร่างกำลังสลายไปอย่างรวดเร็วบริเวณที่เดิมทียังเจ็บปวดอยู่บ้างก็รู้สึกโล่งสบายหาใดเปรียบ เพราะได้ดื่มยาสอง
เรือนผมที่เคยยาวดกดำ ภายในคืนเดียวมลายหายไปสิ้นเห็นเพียงศีรษะที่โกร๋นโล่งเตียนไม่เหลือแม้แต่ผมเส้นเดียว!เจียงหวยตกใจจนหน้าซีดเผือด พลางทรุดร่างลง ‘โครม’ ที่หน้าพระแท่นมังกรฉู่ชางเหยีนมองดูสีหน้าตกตะลึงของเจียงหวย พลันยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้น“เจ้าถูกผีหลอกเข้าหรือไร?”เจียงหวยกลัวจนตัวสั่นงันงก พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฝ่า...ฝ่าบาท เส้นพระเกศา...”ทันใดนั้นเอง ฉู่ชางเหยียนเพิ่งตระหนักว่าศีรษะเย็นผิดปกติจึงรีบเอามือลูบศีรษะตนเองโดยพลันไม่ลูบยังพอว่า ลูบไปเจอแต่ศีรษะโล้นเลี่ยนนี่สิ!“เกิดเรื่องอันใดขึ้น ผมของข้าเล่า? บังอาจนัก ผู้ใดมาโกนผมของข้าไปหมด?”“ทหาร รีบไปจับคนที่เมื่อคืนแอบเข้ามาในตำหนักข้า ข้าจะจับมากุดหัวเสีย แล้วถลกหนังมันด้วย”เจียงหวยหัวใจหล่นไปถึงตาตุ่ม เคราะห์ดีเมื่อคืนเขาไม่ได้ถวายงานอยู่ในตำหนักหลงเหอแต่ไปเลี้ยงอาหารนกแร้งสองตัวนั้น กว่าจะป้อนจนอิ่มหนำก็ค่ำมืดเต็มทีเขาเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงมิได้กลับเข้าตำหนักหลงเหออีก ด้วยเกรงว่าจะรบกวนการบรรทมของฮ่องเต้ปรากฏว่าเพียงคืนเดียวที่เขาไม่ได้อยู่ถวายงาน กลับเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นเขากลัวว่าถ้าฮ
เมื่อเจี่ยนอันอันดูถึงตรงนี้ มุมปากได้เหยียดขึ้นนานแล้วนางเห็นเจี่ยนกั๋วกงหน้าไม่อายผู้นั้น เมื่อถูกฮ่องเต้ตวาดเข้า ก็ทำตัวหงอ หดคอราวกับลูกเต่าตัวหนึ่งเป็นสิ่งที่นางรู้สึกสะใจยิ่ง!เจี่ยนกั๋วกงยังคิดเอาหน้าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ คิดจะให้ส่งคนไปสืบสวนครอบครัวฉู่จวินสิงที่อยู่ในเมืองอินเป่ยอีกสุดท้ายลูกคิดรางแก้วของเขาก็พังทลาย ซ้ำยังถูกฮ่องเต้ชั่วด่าใส่หน้าอีก!เจี่ยนอันอันยังคิดว่าเจี่ยนกั๋วกงถูกด่าเบาไปด้วยซ้ำ ฮ่องเต้ชั่วน่าจะลงโทษฐานสร้างความวุ่นวายใจแก่เบื้องบนอีกกระทงหนึ่งเพราะอย่างไรก็ล้วนมิใช่คนดีทั้งคู่ ตายคนหนึ่งแผ่นดินจะได้สูงขึ้นบ้างแต่เสียดายฮ่องเต้ชั่วกลับมิได้ทำเช่นนั้น ข้อนี้ทำให้เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและถอนหายใจ“หากตอนนี้ข้าเป็นฮ่องเต้ชั่วนั่น คงไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่”หลังจากเจี่ยนอันอันแอบแช่งชักหักกระดูกในใจ พลันนึกไปถึงนกแร้งสองตัวนั้นตอนที่นางกับฉู่จวินสิงสังหารอิ่นเจียงนั้น ก็เคยเห็นนกแร้งสองตัวนี้แต่ไม่คิดว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของฉู่ชางเหยียนที่อยู่ในวังหลวงคราวก่อนที่ๆ พวกมันปรากฏตัว คงถูกฉู่ชางเหยียนส่งให้ไปสังเกตความเค
ฉู่ชางเหยียนหันมาทางเจี่ยนกั๋วกงต่อ น้ำเสียงเย็นชา “ท่านบอกว่าฉู่จวินสิงยังไม่ตาย แล้วนี่จะอธิบายอย่างไร?”เจี่ยนกั๋วกงรู้ดีว่า ฉู่ชางเหยียนได้เลี้ยงนกแร้งไว้สองตัวเมื่อครู่ขณะเห็นนก เขายังนึกว่าพวกมันคงหิวในเวลาค่ำคืน จึงออกมาหากินที่ไหนได้ แท้จริงแล้วพวกมันถูกฉู่ชางเหยียนส่งไปเมืองอินเป่ยต่างหากแม้แต่นกแร้งสองตัวนี้ยังยืนยันว่าครอบครัวฉู่จวินสิงได้เสียชีวิต แล้วเขาก็ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตนเองจึงหวาดกลัวจนรู้สึกขนหัวลุกชัน พร้อมรีบคุกเข่าลง“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเพียงสงสัยว่าฉู่จวินสิงและครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย”ฉู่ชางเหยียนทำเสียงฮึในลำคอ พลางตะโกนไปยังด้านนอก “ใครก็ได้!”ไม่นานจึงมีองครักษ์ผู้หนึ่งเข้ามา“ไปตามอิ่นเจียงมาพบข้า ข้าจะถามเขาให้รู้”องครักษ์รับบัญชา พร้อมรีบถอยออกไปเจี่ยนกั๋วกงยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม ในใจไม่สู้สบายนักถ้าอิ่นเจียงมาถึง พร้อมกล่าวยืนยันอีกครั้งว่าตนได้สังหารฉู่จวินสิงและครอบครัวไปแล้วจริงๆแล้วเขาจะทำอย่างไรให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อในคำสันนิษฐานของเขาได้?ซ้ำยังมีความรู้สึกว่า เรื่องนี้อ
เขารู้ว่าขุนนางกลุ่มนี้มิได้เห็นตนถูกปลดเป็นสามัญชน ซ้ำยังถูกเนรเทศไปอยู่เมืองอินเป่ย จนเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อฉู่ชางเหยียนแต่กลับวางแผนเงียบๆ ว่าจะล้างมลทินให้ตนได้อย่างไร เพื่อให้กลับมาเมืองจิงโจวอีกครั้ง ครองตำแหน่งเยียนอ๋องตามเดิมฉู่จวินสิงรู้สึกปลื้มใจยิ่ง เขาคิดว่าตนดูคนไม่ผิด ขุนนางเหล่านี้มีความภักดีที่จะอยู่กับเขาอย่างจริงใจเพียงแต่ฐานะเขาตอนนี้ยังไม่เหมาะจะเผยตัว จึงมิได้ปรากฏตัวให้เหล่าขุนนางได้เห็นฉู่จวินสิงด้านหนึ่งเป็นห่วงเจี่ยนอันอัน อีกด้านก็นึกถึงอนาคตว่าจะบุกเข้าเมืองจิงโจวได้อย่างไรและขุนนางเหล่านั้นต่างก็มีกำลังทหารอยู่ในมือรอจนเขากลับไปจิงโจวเมื่อใด จะเป็นเวลาที่จะได้ชิงอำนาจกลับคืนมาอีกครั้ง......เจี่ยนอันอันมองดูยาในหม้อที่ต้มเสร็จแล้ว จึงรินเอาน้ำออกมา ส่วนกากยาถูกเททิ้งไปยาสองชามนี้เพียงพอที่จะขจัดพิษในตัวซางหมิงได้หมดนางนำยาไปเก็บไว้ในห้วงมิติ รอเพียงพรุ่งนี้เช้าซางหมิงตื่นมา ก็จะให้เขาดื่มเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องนอน พร้อมนำแว่นตาล่องหนออกมาใส่ไม่นานจึงมองเห็นฉู่ชางเหยียนนั่งอยู่ในห้องทรงอักษรและในห้องนั้นไม่เพียงมีฉู่ชางเหยียนกับมหา
เป็นครั้งแรกที่ฮวาหลานเอ๋อร์ได้เห็นโจ๊กแปดสมบัติ นางมองดูกระป๋องนั้นด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าควรจะเปิดอย่างไรดีเจี่ยนอันอันตบหน้าผากตนเอง พลันฝากระป๋องจึงเปิดออกง่ายดาย นำช้อนที่อยู่ข้างในกางออกเรียบร้อย พร้อมส่งให้ฮวาหลานเอ๋อร์“นี่ก็คือโจ๊กแปดสมบัติ รสชาติหอมหวาน แม้จะเย็นชืดไปบ้าง แต่กินไม่ยาก”เจี่ยนอันอันกล่าวพลาง ยื่นโจ๊กให้แก่ฮวาหลานเอ๋อร์ฮวาหลานเอ๋อร์ได้กลิ่นหอมของโจ๊กมาเตะจมูก จึงรีบตักเข้าปากเร็วพลันรสชาติหอมหวานและเนียนนุ่ม อบอวลอยู่ในปากนางทันที“พี่เจี่ยน โจ๊กแปดสมบัตินี้ช่างอร่อยจริง”ฮวาหลานเอ๋อร์กล่าวพลาง รีบอ้าปากกินแล้วกินอีกไม่นานโจ๊กแปดสมบัติทั้งกระป๋องก็ถูกนางกินหมดเกลี้ยงนางมิได้ถามเจี่ยนอันอันเอาโจ๊กชนิดนี้มาจากที่ใด คิดแต่ว่าเจี่ยนอันอันคงจะทำเอง“อิ่มแล้วก็กลับไปพักผ่อนเสีย ข้าอยู่ทางนี้ยังต้องต้มยาอีกสักพัก”เจี่ยนอันอันไม่ต้องการให้ฮวาหวานเอ๋อร์มาอยู่ข้างกาย เพราะเป็นเด็กอายุยังน้อย ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ฮวาหลานเอ๋อร์ยิ้มให้เจี่ยนอันอันอย่างมีความสุข พลางยืนขึ้นแล้วกระโดดโลดเต้นเดินจากไปเจี่ยนอันอันอยู่ในครัวต้มยาต่อไปอีก จากนั้นจึงร
แน่นอนว่าซางหมิงไม่เชื่อคำพูดของเจี่ยนอันอันเพราะสมัยก่อนกู้มั่วหลีได้วางยาพิษในร่างของเขาไม่น้อย แต่กลับไม่ต้องการให้เขาถูกพิษจนเสียชีวิตทุกครั้งที่เห็นเขาทุกข์ทรมานด้วยยาพิษ มักบอกว่าพิษนั้นยังไม่เพียงพอกู้มั่วหลีคล้ายคนเสียสติ แทนที่จะใช้ร่างกายเขาหาวิธีถอนพิษ กลับใช้เป็นที่ลองยามากขึ้นอีกซึ่งทำให้ซางหมิงถูกทรมานไม่หยุดหย่อนบัดนี้เจี่ยนอันอันกลับบอกว่าพิษในตัวเขาสามารถถอนได้ เพียงแค่ลมปากลอยๆ เขาย่อมไม่เชื่อแน่นอนแม้ว่านางจะมีความกล้าเหนือผู้อื่น ถึงขั้นติดตามฉู่จวินสิงกลับมาเมืองจิงโจวอีกครั้งแต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า นางจะสามารถขจัดพิษในร่างกายของเขาได้อีกทั้งเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าพระชายาเยียนอ๋องรู้วิชาแพทย์ด้วย“ข้าว่าพระชายาเชิญกลับไปเสียดีกว่า ข้าต้องการพักผ่อน” ซางหมิงกล่าวพร้อมกับเอนกายลง “ก่อนออกไปอย่าลืมเป่าเทียนให้ดับด้วย”เจี่ยนอันอันเบะปากเล็กน้อย ถ้าตอนนี้เป็นผู้อื่น นางไม่สนใจนานแล้วแต่หลายวันนี้ซางหมิงสอนให้นางได้เรียนรู้หลายอย่าง จึงไม่อยากจากไปง่ายๆ เช่นนี้เจี่ยนอันอันกล่าวตอบเสียงเบา “ถ้าเช่นนั้นท่านพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ข้าจะถอนพิษในตัวให้”เจ
ซางหมิงได้ยินดังนี้กลับทำเสียงฮึในลำคอ สองมือกำเป็นหมัดแน่น“หากข้าเป็นพี่น้องกับกู้มั่วหลีจริง คนแรกที่จะเอาชีวิตก็คือมัน!”เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น เห็นทีซางหมิงก็น่าจะรู้จักกู้มั่วหลีเช่นกันและระหว่างเขากับกู้มั่วหลี ก็น่าจะมีเรื่องบาดหมางด้วยแต่ถ้าเขาไม่ใช่กู้มั่วหลี ก็อาจพูดง่ายขึ้นสักหน่อยซางหมิงเห็นเจี่ยนอันอันยังคงยืนเฉยอยู่ที่เดิม จึงกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ยังไม่รีบไปอีก จะให้ข้าเฉดหัวเจ้าหรืออย่างไร?”เจี่ยนอันอันแม้จะรู้สึกขัดแย้งในใจ แต่นางยังไม่ต้องการไปจากที่นี่เร็วนักจึงรีบร้อนกล่าวอธิบาย “ท่านผู้วิเศษซาง ที่ข้าพบว่าท่านผ่านการแปลงโฉมมา ก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต้องการดูใบหน้าที่แท้จริงของท่าน”“แต่มิคาดฝันว่าท่านจะมีใบหน้าคล้ายคลึงกับศัตรูของข้ากู้มั่วหลี่ถึงเพียงนี้”“เมื่อครู่ที่ล่วงเกินไป ต้องขออภัยด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางโค้งคำนับให้แก่ซางหมิงซางหมิงจึงเพิ่งเข้าใจว่าที่แท้เจี่ยนอันอันก็เหมือนเขา มีความแค้นกับกู้มั่วหลีเขากล่าวพร้อมกัดฟันกรอด “เจ้ากู้มั่วหลียังมีชีวิตอยู่ สวรรค์ช่างลำเอียงโดยแท้!”เมื่อเจี่ยงอันอันเห็นซางหมิงโกรธแค้นต่อกู้มั่ว