กลุ่มคนชุดดำเหล่านั้นเดิมคิดว่าภารกิจลอบสังหารครั้งนี้จะสำเร็จได้โดยง่ายกลับคาดไม่ถึงว่า ท่ามกลางญาติพี่น้องเหล่านี้ จะมีนางพญามัจจุราชผู้เชี่ยวชาญการใช้พิษเช่นนี้อยู่ด้วยกลุ่มคนชุดดำสิบกว่าคนต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครปริปากพูดพวกเขาล้วนปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางเปิดเผยตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังเด็ดขาดเจี่ยนอันอันมองดูท่าทีปากแข็งไม่ยอมแพ้ของพวกเขานางจึงยิ้มเย็น ก่อนจะขว้างเข็มเงินไปยังคนหนึ่งในกลุ่มนั้นอีกครั้งชายชุดดำคนนั้นไม่ทันได้ตอบสนอง เข็มเงินก็ปักเข้าที่หัวเข่าของเขาทันทีชายชุดดำร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นร่างกายของเขาเริ่มชาไปทั้งตัว แต่ในชั่วขณะต่อมากลับรู้สึกเหมือนมีแมลงนับล้านตัวกำลังกัดแทะชายชุดดำคิดในใจว่าคงจะพบจุดจบเช่นเดียวกับสหายหลายคนพวกนั้น ที่ตายภายใต้เงื้อมมือของหญิงสาวผู้นี้แน่แล้วเขาเงยหน้ามองเจี่ยนอันอันพร้อมกับแสยะยิ้มเย็นชาราวกับยอมรับความตาย“จะพูดหรือไม่พูด?” เสียงของเจี่ยนอันอันแผ่วเบาดุจเสียงกระซิบของภูตผีที่ล่องลอยเข้าโสตประสาทของชายชุดดำแม้เขาจะรู้สึกชาและเจ็บแปลบไปทั้งตัว แต่ยังคงกัดฟันแน่น ไ
เมื่อเห็นหลุมเล็ก ๆ บนพื้น เหล่าผู้คนในตระกูลต่างก็อดหวาดเสียวแทนเจี่ยนอันอันไม่ได้โชคดีที่เจี่ยนอันอันหลบได้ทัน จึงไม่โดนแส้ฟาดมิเช่นนั้นหากถูกแส้นี้ฟาดลงไปคงทำให้ผิวหนังแตกยับเยินหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ไม่คาดคิดว่าเจี่ยนอันอันจะหลบแส้ของเขาได้ เขาตวาดด้วยความโมโห “เจี่ยนอันอัน ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษเนรเทศ ห้ามพกของติดตัวเด็ดขาด”“ถ้าฉลาดก็รีบส่งเข็มเงินมา จะได้ไม่ต้องจะเจ็บตัว”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์พูดจบก็สะบัดแส้แล้วฟาดไปทางเจี่ยนอันอันอีกครั้งในขณะที่แส้กำลังจะฟาดลงบนตัวเจี่ยนอันอัน ฮูหยินใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ผลักนางหลบออกไปแส้จึงฟาดลงบนตัวฮูหยินใหญ่แทนฮูหยินใหญ่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลางกุมบริเวณที่ถูกแส้ฟาดแล้วทรุดตัวลงเจี่ยนอันอันไม่คาดคิดว่าฮูหยินใหญ่จะผลักนางออกแล้วรับแส้นั้นแทนเมื่อครู่นางแค่รอให้แส้ฟาดลงมาเพื่อที่จะคว้าแส้ไว้แล้วค่อยลงโทษหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ให้สาสมไม่คิดว่าจะกลับกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้“ฮูหยินใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง รีบนั่งลงมาให้ข้าดูเถิด” เจี่ยนอันอันรีบหันไปพยุงฮูหยินใหญ่ให้นั่งลงแล้วตรวจดูบาดแผลฮูหยินใหญ่รู้สึกเจ็บปวดจนตั
เจี่ยนอันอันกล่าวอีกครั้งว่า “หากท่านหัวหน้าทหารรักษาพระองค์อยากลองลิ้มรสการถูกเข็มพิษปักดู ก็เชิญมารับไปได้เลย”“ข้าคิดว่าท่านหัวหน้าคงทราบดีว่า อยู่ในป่ารกร้างเช่นนี้ หากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคน ฮ่องเต้ก็คงไม่สนใจอะไร”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เหล่าทหารรักษาพระองค์ตกใจไม่น้อยสิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง แม้พวกเขาจะเป็นทหารรักษาพระองค์แต่ในสายตาของฮ่องเต้ พวกเขาเทียบไม่ได้แม้แต่มดตัวหนึ่งยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างทางเนรเทศ ย่อมมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอหากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคนระหว่างทาง ก็ไม่มีใครสนใจและกลุ่มคนชุดดำเมื่อครู่ก็ถูกเจี่ยนอันอันฆ่าตายทั้งหมดไม่มีใครรู้ว่าในมือนางยังมีเข็มเงินอีกเท่าไร และไม่มีใครอยากเสี่ยงที่จะขัดใจเจี่ยนอันอันคำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตระหนักได้เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เมื่อนึกได้ว่าที่ผ่านมาเขาหงุดหงิดมากจนลืมไปว่าบนเข็มเงินนั้นมีพิษกลุ่มนักโทษเนรเทศเหล่านี้ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มโจรปล้นฆ่าหากไปยั่วยุพวกเขา ในป่ารกร้างเช่นนี้ แม้ทหารรักษาพระองค์ทั้งหมดจะถูกฆ่า เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ว่าเป็น
วังหลวงนั้นมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวดนางเป็นเพียงหญิงสาวที่อ่อนแอ หากต้องการเข้าไปในวังหลวง เกรงว่าคงถูกจับได้ตั้งแต่แรกแล้วแต่นางไม่เพียงไม่ถูกจับได้ ยังสามารถเดินเข้าคุกหลวงได้อย่างสบายใจนางไปที่คุกด้วยเหตุใด หรือจะไปปล้นตัวนักโทษหนีออกมา?แต่ในตอนนั้น ผู้คุมในคุกกลับทำเหมือนมองไม่เห็นนาง ปล่อยให้นางเดินไปมาได้ตามใจเรื่องนี้จะอธิบายได้อย่างไร?เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาใกล้ ฉู่จวินสิงจึงเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าฉู่จวินสิงโดยไม่พูดอะไร นางจับข้อมือของอ๋องหนุ่มขึ้นมาแล้วเริ่มตรวจชีพจรฉู่จวินสิงรู้สึกว่าข้อมือของตนถูกจับขึ้น และเห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังตรวจชีพจรของเขาอยู่ในใจของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เขาเปิดริมฝีปากบางเพียงเล็กน้อย แต่กลับไม่เอ่ยถามอะไรออกมาเลยสักคำเมื่อมองดูข้อมือของตนที่ถูกเจี่ยนอันอันจับไว้ พร้อมกับนิ้วเรียวเล็กที่แตะเบา ๆ บนเส้นชีพจรฉู่จวินสิงไม่ได้โกรธหรือไล่ให้เจี่ยนอันอันออกห่างจากเขาเขาปล่อยให้นางตรวจชีพจรของเขาต่อไปฉู่จวินหลุนและฉู่อันเจ๋อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างตกตะลึงกับการกระทำของทั้งสองค
การกระทำของเจี่ยนอันอัน ทำให้หัวใจของฉู่จวินสิงสั่นไหวเขาคิดที่จะดึงมือกลับมา แต่กลับพบว่าตนเองไม่อาจขยับเขยื้อนได้ดั่งเก่าเจี่ยนอันอันกลับไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ ทำเพียงแค่กุมมือเอาไว้เท่านั้น นี่เป็นเพียงแค่มารยาทเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงไม่คัดค้านอันใด เจี่ยนอันอันจึงเอ่ยต่อ “ท่านวางใจได้ ในเมื่อข้าเลือกที่จะแต่งกับท่านแล้ว”“ข้าก็ยินยอมที่จะเป็นเชลยถูกเนรเทศไปด้วยกันกับพวกท่าน ข้าไม่มีทางที่จะหลบหนีเอาตัวรอดไประหว่างทาง” “ข้าจะคอยอยู่ข้างกายท่านตลอด และจะคอยช่วยเหลือทุกคนให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ไปให้ได้”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้ฉู่จวินสิงขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัวฮ่องเต้พระราชทานงานอภิเษกสมรส ให้คุณหนูรองจวนกั๋วกงแต่งงานให้กับเขาแล้วเหตุใดผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาในตอนนี้ กลับเป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงเล่า?ฉู่จวินสิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่คุณหนูรอง เหตุใดจึงแต่งงานกับข้า?”“เจ้ารู้ว่าข้ากำลังจะกลายเป็นเพียงสามัญชนธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งยังถูกยึดจวนแล้วเนรเทศออกไป เหตุใดเจ้าถึงยังไม่หนีไป เจ้ามีจุดประสงค์ใดกั
ฉู่จวินสิงไม่เคยพบเห็นของสิ่งนี้มาก่อน แต่ว่าของสิ่งนี้กลับทำให้เขาหายใจได้สะดวกขึ้นอีกทั้งยังช่วยไม่ให้สูดดมกลิ่นเหม็นนี่ได้สายตาของฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย เขาเริ่มรู้สึกประหลาดใจในตัวเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเห็นเพียงเจี่ยนอันอันมองไปยังกลุ่มทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นอยู่มุมปากของนางยกขึ้น ดวงตาก็โค้งงอเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวใบหน้าที่เดิมงดงามน่ามองอยู่แล้ว ก็เปลี่ยนเป็นงดงามยิ่งขึ้นเพราะรอยยิ้มนี้เหล่าทหารองครักษ์เหล่านั้นที่กำลังท้องไส้ปั่นป่วนกันอยู่ เริ่มขออนุญาติหัวหน้าของพวกเขาไปขับถ่ายอีกครั้งครานี้หัวหน้าของพวกเขาไม่ได้มีอาการปวดท้องเขาจ้องไปยังทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น ก่อนจะโบกมือให้พวกเขาอย่างรำคาญ“ไป ๆ ๆ รีบไปจัดการเร็ว ๆ”“หากพวกเจ้ายังผายลมเหม็นเน่าอยู่ที่นี่อีก ข้าคงจะถูกพวกเจ้ารมกลิ่นเหม็นนี่จนตายแน่”หลังจากที่ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นได้รับอนุญาติแล้ว ทั้งหมดก็พากันกุมท้องแล้ววิ่งไปยังป่ารกร้างห่างไกลออกไปเมื่อมองดูทหารรักษาพระองค์ทางด้านนี้ ก็เหลือเพียงแค่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เท่านั้นในที่สุดเจี่ยนอันอันก็ลุกขึ้น ก้าวอาด ๆ
เนรเทศพวกเขาไปยังเมืองรกร้างยังไม่พอ ถึงขั้นยังจะส่งคนมาตามสังหารพวกเขาระหว่างทางอีกฉู่อันเจ๋อโมโหเสียจนแทบจะสบถด่าออกมา เจี่ยนอันอันรีบยื่นมือออกไปห้ามเอาไว้เสียก่อนใบหน้าของฉู่จวินสิงค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมาเขาควรจะเดาได้มาตั้งนานแล้ว!ชายผู้นั้นเป็นที่น่าสงสัยมาโดยตลอด ทั้งยังโหดร้ายไร้ปราณีเพื่อบัลลังก์มังกรของเขา เขาสามารถฆ่าใครก็ตามที่คุกคามสถานะของเขาคนในครอบครัวอะไรกัน ในสายตาของเขา ยังเทียบไม่ได้แม้แต่หมูหมาเจี่ยนอันอันถามออกต่อ “ที่ฮ่องเต้สุนัขนั่นส่งพวกเจ้ามาคุ้มกันพวกเรา ได้มอบหมายหน้าที่อื่นให้พวกเจ้าด้วยหรือไม่?”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เอ่ยอย่างเหม่อลอย “ฝ่าบาทไม่ได้มอบหมายหน้าที่ใดเพิ่มเติมให้กับพวกเรา”“เพียงแต่ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้พวกเราทำหน้าที่เพียงแค่คุมตัวไปส่งเท่านั้น ไม่ทรงอนุญาตให้ยื่นมือช่วยเหลือ”“ฝ่าบาทยังทรงรับสั่งอีกว่า พวกเจ้าล้วนแต่เป็นเพียงคนชั้นต่ำไร้ค่า ตลอดทางไปนี้ ห้ามมิให้อาหารหรือน้ำดื่ม”“ต่อให้พวกเจ้าจะไม่ถูกฆ่าตาย ก็ปล่อยให้พวกเจ้าอดตายไประหว่างทาง”เมื่อฉู่จวินหลุนได้ยินมาจนถึงตรงนี้ ก็โมโหเสียจนตบลงบนที่วางแขนรถเข็
“มารดามันเถอะ รนหาที่ตาย!” ทหารรักษาพระองค์หยัดกายลุกขึ้น สบถด่าและพยายามแย่งแส้กลับมา “ปล่อย มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”เจี่ยนอันอันคว้าแส้แล้วลุกขึ้นยืน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยันพลางเอ่ยว่า “หัวหน้าของพวกเจ้ายังไม่กล้าฆ่าข้า แล้วเจ้าเป็นใครถึงได้กล้าเอ่ยเรื่องไร้สาระเช่นนี้”“ข้าว่าเจ้ารนหาที่ตายมากกว่า เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้เจ้าก็แล้วกัน เป็นอย่างไร!”ขณะที่เจี่ยนอันอันพูด ในมือก็มีเข็มเงินปรากฏออกมาในตอนที่ทหารรักษาพระองค์มองเห็นเข็มเงินนั้น ในใจพลันกระตุกทีหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวเหตุใดพวกเขาถึงได้ลืมเรื่องเข็มเงินนี้ไปได้นะหากว่าสิ่งนี้แทงทะลุลงบนกายของเขา ชีวิตของพวกเขาก็คงจะไม่เหลือแล้วเมื่อคืนนี้ เพราะพวกเขาท้องเสีย ร่างกายจึงอ่อนแรงในตอนนี้ที่ต้องเดินทาง ก็รู้สึกเหมือนเหยียบลงบนปุยฝ้ายที่โยกไปมาทว่าหัวหน้าให้พวกเขาใช้แส้ปลุกให้คนในตระกูลเหล่านี้ตื่นขึ้นมา คำสั่งของหัวหน้าเขาจะไม่ฟังก็ไม่ได้และแส้เมื่อครู่นี้ เขาเองก็ต้องการจะเลี่ยงเจี่ยนอันอันไป คิดจะฟาดไปที่ฮูหยินใหญ่อันที่จริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้ใช้แรงมากนัก เกรงว่าแส้ฟาดไปบนกายของฮ
ทว่าฉู่จื่อซีกลับสามารถลุกขึ้นนั่ง เรื่องนี้อยู่เหนือความเข้าใจของทุกคนเจี่ยนอันอันรีบจับชีพจรให้ฉู่จื่อซีอีกครั้งดูจากชีพจรของเขา พิษสองชนิดที่อยู่ในตัวเขาได้สงบลงแล้วสามารถพูดได้ว่าฉู่จื่อซีใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเอาชนะพิษทั้งสองชนิด ฉู่ตั๋วตั๋วเห็นฉู่จื่อซีฟื้นแล้วก็หยุดร้องไห้ในที่สุดนางคว้ามือน้อยๆ ของฉู่จื่อซีพลางพูดด้วยเสียงเด็กน้อย “พี่จื่อซี ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่”ฉู่จื่อซีส่งยิ้มให้ฉู่ตั๋วตั่ว “ข้าสบายดี ยาพวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”ฉู่ตั๋วตั่วยิ้มด้วยสีหน้าไร้เดียงสาทั้งสองคนยิ้มอย่างไร้เดียงสา ทว่าผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างกลับเป็นกังวลฮูหยินใหญ่รีบซักถาม “อันอัน จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วจริงหรือ?”เจี่ยนอันอันลุกขึ้น นางมองฉู่จื่อซีอีกครั้งจากนั้นพยักหน้าเบาๆ “จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่า…”“แต่ว่าอะไร?” ทุกคนถามพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดต่อนางเองก็สงสัยเช่นกัน ตามหลักแล้ว หากวิธีต้มยาพิษของฉู่ตั๋วตั่วถูกต้องหลังจากที่ฉู่จื่อซีดื่มเข้าไปแล้ว พิษก็จะออกฤทธิ์ทันทีและทำให้เป็นอัมพาตทั้งร่างทว่าเมื่อดูอาการของ
จู่ๆ เจี่ยนอันอันก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานตัวเองมัวแต่ซื้อท่อนซุง แต่ไม่ได้ซื้อตะปูมาด้วยลำพังแค่ท่อนซุงอย่างเดียวจะสร้างบ้านได้อย่างไร?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดแบบนี้ นางก็เห็นจ้าวอู่กับจ้าวลิ่ววางเครื่องมือในมือลงทั้งสองคนนำไม้ที่เลื่อยเสร็จเรียบร้อยจากข้างกายมาต่อเข้าด้วยกันภาพนี้ทำให้เจี่ยนอันอันได้เปิดหูเปิดตาพวกเขาทำการเลื่อยช่องสี่เหลี่ยมไว้ที่ปลายแต่ละด้านของไม้เพียงแค่ประกบไม้เข้าด้วยกันและยึดให้มั่นทั้งสองด้าน เท่านี้ก็จะได้เป็นโครงบ้านแล้วเจี่ยนอันอันรู้สึกว่าแค่นี้ยังไม่พอ ทางที่ดีนางควรจัดหาตะปูมาเสริมความแข็งแรงให้โครงไม้ด้วยเมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็ทำการซื้อตะปูยาวจำนวนมากจากร้านค้ามาวางไว้ข้างทั้งสอง“ข้ามีตะปูอยู่ เมื่อครู่นี้ลืมหยิบออกมา”“พวกเจ้าสองคนทำงานได้ไม่เลว เอาไว้สร้างบ้านเสร็จแล้วข้าจะจ่ายค่าแรงที่เหมาะสมให้”จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วได้ยินว่ามีค่าแรงให้ด้วยก็ยิ่งตั้งใจทำงานมากขึ้นเจี่ยนอันอันพูดแบบเดียวกันกับคนอื่นๆ ทุกคนต่างขานรับอย่างมีความสุขทุกคนทำงานกันอย่างขยันขันแข็งพวกเขารู้ว่าเจี่ยนอันอันใจกว้างมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางให้ค
นางยังบอกอีกว่าจะหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งและยกตำแหน่งเสิ่นฮูหยินให้เจี่ยนอันอันไม่สมควรเลยจริงๆ!“อันอัน ข้าขอเรียกเจ้าแบบนี้ได้หรือไม่?” เจียงหว่านเอ๋อร์มองเจี่ยนอันอันอย่างเขินอายเล็กน้อยเจี่ยนอันอันเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์รับฟังคำพูดของตัวเองก็มีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมากนางฉีกยิ้มว่า “พี่สะใภ้อยากเรียกข้าอย่างไรก็ได้เจ้าค่ะ”“อันอัน เมื่อครู่นี้พี่สะใภ้ผิดต่อเจ้า”“ไม่นึกเลยว่าข้าจะพูดแบบนี้กับเจ้า เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ?”เจียงหว่านเอ๋อร์หวังจากใจจริงว่าเจี่ยนอันอันจะไม่ถือโทษโกรธนางเจี่ยนอันอันตบหลังมือเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบาและยิ้มอย่างจริงใจ“พูดอะไรกันเจ้าคะ ข้าต้องไม่โกรธท่านอยู่แล้ว”“ข้ารู้ว่าเมื่อครู่เป็นคำพูดที่เกิดมาจากอารมณ์ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเจ้าค่ะ”เจียงหว่านเอ๋อร์มีรอยยิ้มในที่สุดนางรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันไม่เพียงแต่รูปโฉมงดงาม แต่ยังจิตใจดีมากด้วยต่อแต่นี้นางห้ามอิจฉาริษยาอีกเด็ดขาด หลังจากปลอบใจเจียงหว่านเอ๋อร์เรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็กลับไปยังห้องด้านข้างตอนนี้ยาในขวดยาใกล้จะหมดลงแล้ว เจี่ยนอันอันนำเข็มออกแล้วเก็บขวดยาเข้าสู่ห้วงมิติเสิ่นจือเจิ้งรู้สึ
“ข้าสัมผัสได้ว่าพี่สะใภ้เป็นสตรีที่ดี”“ท่านทุ่มเทเพื่อพี่ใหญ่มากถึงขนาดนั้น เขาไม่มีทางเย็นชาแบบนี้ตลอดไป”เจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกอัดอั้นในใจเมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันชมว่านางเป็นผู้หญิงที่ดี นางก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆระบายความอัดอั้นในใจออกไปให้หมด“แต่เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้ว จือเจิ้งไม่ได้คิดแบบนี้”เจียงหว่านเอ๋อร์ยังคงรู้สึกว่าการทุ่มเทของตัวเองเป็นสิ่งไร้ค่าในสายตาเสิ่นจือเจิ้งเจี่ยนอันอันตบหลังมือเจียงหว่านเอ๋อร์เบาๆ พลางปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน“พี่สะใภ้ต้องให้เวลาพี่ใหญ่สักหน่อย ตอนนี้เขาจำผู้ใดไม่ได้ทั้งนั้น ย่อมวางตัวเย็นชาเป็นธรรมดา”“เมื่อวานนี้ข้าเองก็ต้องพูดอยู่นานมาก เขาถึงได้เข้าใจว่าข้าไม่ใช่น้องหญิงที่ตายไปแล้วของเขา”“แต่ข้ามองออกว่าพี่ใหญ่คิดถึงน้องหญิงคนนั้นมาโดยตลอด”“ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงนับอีกฝ่ายเป็นพี่น้อง”เจียงหว่านเอ๋อร์ฟังถ้อยคำของเจี่ยนอันอัน ส่วนสายตาจับจ้องที่มือของอีกฝ่ายมือคู่นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ทั้งขาวกระจ่าง ทั้งนิ่มละเอียดเพียงมองก็รู้ว่าเป็นบุตรสาวจากตระกูลใหญ่ ถึงได้มีมือที่งดงามเช่นนี้ผิดกับมือของนางที่หยาบกร้านเพราะทำงานบ้านมาเป็นเ
มองดูร่างกายผอมบางของเจียงหว่านเอ๋อร์สั่นเทิ้มเบาๆ เพราะร้องไห้เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปนั่งด้านข้างนางยกมือตบหลังเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบา“พี่สะใภ้อย่าร้องไห้อีกเลย ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจข้าผิดเป็นแน่”ทว่าเจียงหว่านเอ๋อร์ฟังคำว่าพี่สะใภ้แล้วกลับรู้สึกว่าไม่รื่นหูเอาเสียเลยนางนึกถึงคำพูดที่เสิ่นจือเจิ้งบอกนางเมื่อวาน บอกว่าเจี่ยนอันอันเป็นน้องหญิงของเขา บอกให้นางดีต่อเจี่ยนอันอันบัดนี้เจี่ยนอันอันยังจะมาเรียกนางว่าพี่สะใภ้อีกหรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะแน่นแฟ้นใกล้ชิดมากกว่าเดิม!เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ตัวนางไม่ได้มีรูปโฉมงดงามอย่างเจี่ยนอันอันไม่ได้มีความสามารถแบบเจี่ยนอันอันที่สามารถถอนวิชาไสยศาสตร์ของเฉียนซื่อได้แต่ถึงอย่างไรนางก็ให้กำเนิดทายาทเพื่อเสิ่นจือเจิ้ง ซ้ำยังล้มป่วยเพราะเหตุนี้หรือว่าการทุ่มเททั้งหมดของนางจะไม่มากพอ?ในทางกลับกัน เจี่ยนอันอันแค่ช่วยถอนวิชาไสยศาสตร์ให้เสิ่นจือเจิ้งด้วยซ้ำไปหลังจากที่เสิ่นจือเจิ้งคืนสติก็รักและทะนุถนอมเจี่ยนอันอันมากจะไม่ให้นางน้อยใจและว้าวุ่นใจได้อย่างไรเจียงหว่านเอ๋อร์ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของนา
เจี่ยนอันอันรีบหยิบยาแก้อักเสบกระปุกหนึ่งออกมาจากในมิติเพื่อทำลายความอึดอัดนี้“พี่ใหญ่ วันนี้ข้ายังต้องให้ยาแก้อักเสบท่านอีก แบบนี้ร่างกายท่านจะได้ดีขึ้นเร็วหน่อย”เสิ่นจือเจิ้งไม่ได้พูดอะไร สายตายังคงจ้องมองฉู่จวินสิงอย่างเย็นชาเขายื่นมือข้างหนึ่งออกมารอให้เจี่ยนอันอันให้ยาแก้อักเสบเจี่ยนอันอันแทงเข็มให้ยาแก้อักเสบให้เสิ่นจือเจิ้งอย่างคล่องแคล่วเสียงเคาะประตูดังขึ้นเวลานั้นเองเสียงเจียงหว่านเอ๋อร์ดังมาจากข้างนอก“ท่านพี่ ข้าได้ยินคังเอ๋อร์บอกว่าแม่นางเจี่ยนมาหา”“ข้าเข้าไปได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันมองไปทางเสิ่นจือเจิ้ง เห็นเขาขมวดคิ้ว สีหน้าเผยความรำคาญใจออกมา“ห้ามเข้ามา ตอนนี้ข้าไม่อยากเห็นเจ้า” เสิ่นจือเจิ้งกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี“ท่านพี่ ข้า...”“ไปให้พ้น!”เจียงหว่านเอ๋อร์ที่ยืนอยู่หน้าประตูได้ยินคำพูดนี้ดังมาจากในห้องแล้วก็รู้สึกน้อยใจเหตุใดพอเจี่ยนอันอันมาแล้ว เสิ่นจือเจิ้งจึงมีท่าทีหงุดหงิดรำคาญนางเช่นนี้นางทำผิดอะไรกันแน่ ตอนนี้แค่อยากเห็นเสิ่นจือเจิ้งก็ยังกลายเป็นความเพ้อฝัน?เจียงหว่านเอ๋อร์หมุนตัวจากไปทั้งดวงตาแดงก่ำนางอัดอั้นตันใจเหลือจะกล่าวจึงวิ่ง
เจี่ยนอันอันโอดครวญอยู่บนเตียงอุ่นสักพักก็ลุกขึ้นนั่งวันนี้นางมีเรื่องต้องไปจัดการ เรือนของเสิ่นจือเจิ้งต้องสร้างไว้แต่เนิ่นๆ ถึงจะดีหลังคนทั้งสองอาบน้ำออกมาจากห้องก็เห็นชาวบ้านหลายคนมายืนอยู่ในลานเรือนแล้วพวกเขากำลังพูดอะไรบางเกี่ยวกับท่อนไม้เหล่านั้นฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่ายืนฟังชาวบ้านพูดอะไรอยู่หน้าท่อนไม้ซ่างชิวกล่าว “ท่อนไม้พวกนี้สามารถสร้างเรือนหลังใหญ่ได้เลยทีเดียว อย่างน้อยก็สร้างได้ห้าห้องเชียวละ”อวี๋ว่านพยักหน้าเอ่ยว่า “ท่อนไม้พวกนี้พอใช้งานจริงๆ เกรงแต่ว่าซื้อท่อนไม้มามากมายขนาดนี้ คงใช้เงินไปไม่น้อยเลยกระมัง”ยามนั้นเหล่าสาวใช้ทำอาหารเสร็จยกมาตั้งโต๊ะเรียบร้อย คนตระกูลฉู่มานั่งลงแล้วเริ่มรับประทานอาหารเจี่ยนอันอันมองคนในหมู่บ้านเหล่านั้นแล้วถามพวกเขาว่าจะกินข้าวด้วยกันหรือไม่?พวกชาวบ้านรีบโบกไม้โบกมือ บอกว่าพวกตนกินมื้อเช้ามาแล้วจ้าวลิ่วเห็นอาหารเต็มโต๊ะเหล่านั้นแล้วก็น้ำลายไหลอย่างอดไม่อยู่ใบหน้าของเขาแสดงความอิจฉาออกมาถ้าที่บ้านเขาสามารถกินอาหารอร่อยแบบนี้ได้ก็ดีน่ะสิหลังกินอาหารอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงก็พาพวกชาวบ้านไปยังที่พักของกวน
เห็นฉู่จวินสิงไม่พอใจจริงๆ เจี่ยนอันอันก็ดึงมือเขามาพลางแสดงท่าทางบอกให้เขานั่งลงข้างตนเอง“เอาละ ที่ข้าพูดไปเมื่อครู่ ความจริงก็แค่หลอกท่านเล่น”“ข้าจะบอกความจริงให้ท่านฟังก็แล้วกัน เสิ่นจือเจิ้งเป็นพี่ใหญ่ของข้า”พี่ใหญ่อะไรกัน เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่องั้นรึ?ฉู่จวินสิงมุ่นคิ้ว สายตาจ้องดวงตาเจี่ยนอันอันเขม็งหมายจะค้นหาพิรุธจากแววตาของนางเจี่ยนอันอันเห็นว่าเป้าหมายของตนเองบรรลุแล้วก็ไม่อยากแกล้งเขาอีกแต่เห็นท่าทางหึงหวงของเขาแล้วก็ชักรู้สึกกลัวขึ้นมาเจี่ยนอันอันแลบลิ้น เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ตอนนี้ข้าจะพูดเรื่องจริงจังแล้ว ท่านฟังแล้วก็อย่าตกใจเกินไปนะ”ฉู่จวินสิงไม่ส่งเสียง เขาอยากฟังเหมือนกันว่าเจี่ยนอันอันจะพูดอะไรออกมาเจี่ยนอันอันเก็บรอยยิ้มกลับไป กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เสิ่นจือเจิ้งคือพี่ใหญ่ของข้าจริงๆ”“ที่อยู่ในร่างกายเขาตอนนี้ ไม่ใช่เสิ่นจือเจิ้งคนเดิม แต่เป็นพี่ชายแท้ๆ ของข้า”เห็นฉู่จวินสิงมีท่าทางเหมือนฟังไม่เข้าใจ เจี่ยนอันอันก็เล่าเรื่องของคนทั้งสองออกมาจนหมดฉู่จวินสิงยืนยันว่าเจี่ยนอันอันไม่ได้โกหกเขาแล้ว ในที่สุดสีหน้าเย็นชาของเขาก็อ่อนโยนลงมากไอเย็นบนร่า
“ข้าเข้าไปดูได้หรือไม่?” ฉู่จวินสิงค่อนข้างสนใจห้องอาบน้ำนั่นมากทีเดียวเจี่ยนอันอันส่ายหน้าเบาๆ “ห้องอาบน้ำนี้มีแค่ข้าที่สามารถเข้าไปได้ คนนอกเข้าไปไม่ได้”ฉู่จวินสิงร้องอ้อคำหนึ่งแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเห็นฉู่จวินสิงมีท่าทางผิดหวังเช่นนั้น เจี่ยนอันอันก็ได้แต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนา“จวินสิง ข้ามีเรื่องอยากบอกท่าน ท่านฟังแล้วอย่าตกใจเกินไปนะ”ฉู่จวินสิงเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ เจี่ยนอันอันเป็นคนที่ทะลุมิติมาเขายังรับได้ตอนนี้ยังมีเรื่องไหนที่ทำให้เขาตกใจได้อีกหรือเจี่ยนอันอันนึกสนุกขึ้นมากะทันหัน ทันใดนั้นก็อยากแกล้งฉู่จวินสิงขึ้นมานางดึงมือฉู่จวินสิงมาอยู่ตรงหน้าตนเองแล้วก้มหน้าเล่นมือเขาไปมา“ท่านก็รู้เรื่องที่เสิ่นจือเจิ้งต้องคุณไสย หลังจากข้าแก้คุณไสยที่เฉียนซื่อทำใส่เขา เขาก็ได้สติคืนมา”“เขาจำคนในตระกูลเสิ่นไม่ได้ แต่เขากลับจำข้าได้”เจี่ยนอันอันกล่าวถึงตรงนี้ก็เงยหน้ามองฉู่จวินสิง อยากเห็นความเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าเขาฉู่จวินสิงขมวดคิ้วแน่น สีหน้าที่แต่เดิมอ่อนโยนก็ค่อยๆ บึ้งตึงขึ้นมาอดีตฮ่องเต้มีประสงค์จะประทานสมรสให้ทั้งสองครอบครัว เขาพอรู้มาบ้างไม่มากก็น้อยแต่ยามนั้นเจี