กลุ่มคนชุดดำเหล่านั้นเดิมคิดว่าภารกิจลอบสังหารครั้งนี้จะสำเร็จได้โดยง่ายกลับคาดไม่ถึงว่า ท่ามกลางญาติพี่น้องเหล่านี้ จะมีนางพญามัจจุราชผู้เชี่ยวชาญการใช้พิษเช่นนี้อยู่ด้วยกลุ่มคนชุดดำสิบกว่าคนต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครปริปากพูดพวกเขาล้วนปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางเปิดเผยตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังเด็ดขาดเจี่ยนอันอันมองดูท่าทีปากแข็งไม่ยอมแพ้ของพวกเขานางจึงยิ้มเย็น ก่อนจะขว้างเข็มเงินไปยังคนหนึ่งในกลุ่มนั้นอีกครั้งชายชุดดำคนนั้นไม่ทันได้ตอบสนอง เข็มเงินก็ปักเข้าที่หัวเข่าของเขาทันทีชายชุดดำร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นร่างกายของเขาเริ่มชาไปทั้งตัว แต่ในชั่วขณะต่อมากลับรู้สึกเหมือนมีแมลงนับล้านตัวกำลังกัดแทะชายชุดดำคิดในใจว่าคงจะพบจุดจบเช่นเดียวกับสหายหลายคนพวกนั้น ที่ตายภายใต้เงื้อมมือของหญิงสาวผู้นี้แน่แล้วเขาเงยหน้ามองเจี่ยนอันอันพร้อมกับแสยะยิ้มเย็นชาราวกับยอมรับความตาย“จะพูดหรือไม่พูด?” เสียงของเจี่ยนอันอันแผ่วเบาดุจเสียงกระซิบของภูตผีที่ล่องลอยเข้าโสตประสาทของชายชุดดำแม้เขาจะรู้สึกชาและเจ็บแปลบไปทั้งตัว แต่ยังคงกัดฟันแน่น ไ
เมื่อเห็นหลุมเล็ก ๆ บนพื้น เหล่าผู้คนในตระกูลต่างก็อดหวาดเสียวแทนเจี่ยนอันอันไม่ได้โชคดีที่เจี่ยนอันอันหลบได้ทัน จึงไม่โดนแส้ฟาดมิเช่นนั้นหากถูกแส้นี้ฟาดลงไปคงทำให้ผิวหนังแตกยับเยินหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ไม่คาดคิดว่าเจี่ยนอันอันจะหลบแส้ของเขาได้ เขาตวาดด้วยความโมโห “เจี่ยนอันอัน ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษเนรเทศ ห้ามพกของติดตัวเด็ดขาด”“ถ้าฉลาดก็รีบส่งเข็มเงินมา จะได้ไม่ต้องจะเจ็บตัว”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์พูดจบก็สะบัดแส้แล้วฟาดไปทางเจี่ยนอันอันอีกครั้งในขณะที่แส้กำลังจะฟาดลงบนตัวเจี่ยนอันอัน ฮูหยินใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ผลักนางหลบออกไปแส้จึงฟาดลงบนตัวฮูหยินใหญ่แทนฮูหยินใหญ่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลางกุมบริเวณที่ถูกแส้ฟาดแล้วทรุดตัวลงเจี่ยนอันอันไม่คาดคิดว่าฮูหยินใหญ่จะผลักนางออกแล้วรับแส้นั้นแทนเมื่อครู่นางแค่รอให้แส้ฟาดลงมาเพื่อที่จะคว้าแส้ไว้แล้วค่อยลงโทษหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ให้สาสมไม่คิดว่าจะกลับกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้“ฮูหยินใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง รีบนั่งลงมาให้ข้าดูเถิด” เจี่ยนอันอันรีบหันไปพยุงฮูหยินใหญ่ให้นั่งลงแล้วตรวจดูบาดแผลฮูหยินใหญ่รู้สึกเจ็บปวดจนตั
เจี่ยนอันอันกล่าวอีกครั้งว่า “หากท่านหัวหน้าทหารรักษาพระองค์อยากลองลิ้มรสการถูกเข็มพิษปักดู ก็เชิญมารับไปได้เลย”“ข้าคิดว่าท่านหัวหน้าคงทราบดีว่า อยู่ในป่ารกร้างเช่นนี้ หากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคน ฮ่องเต้ก็คงไม่สนใจอะไร”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เหล่าทหารรักษาพระองค์ตกใจไม่น้อยสิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง แม้พวกเขาจะเป็นทหารรักษาพระองค์แต่ในสายตาของฮ่องเต้ พวกเขาเทียบไม่ได้แม้แต่มดตัวหนึ่งยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างทางเนรเทศ ย่อมมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอหากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคนระหว่างทาง ก็ไม่มีใครสนใจและกลุ่มคนชุดดำเมื่อครู่ก็ถูกเจี่ยนอันอันฆ่าตายทั้งหมดไม่มีใครรู้ว่าในมือนางยังมีเข็มเงินอีกเท่าไร และไม่มีใครอยากเสี่ยงที่จะขัดใจเจี่ยนอันอันคำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตระหนักได้เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เมื่อนึกได้ว่าที่ผ่านมาเขาหงุดหงิดมากจนลืมไปว่าบนเข็มเงินนั้นมีพิษกลุ่มนักโทษเนรเทศเหล่านี้ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มโจรปล้นฆ่าหากไปยั่วยุพวกเขา ในป่ารกร้างเช่นนี้ แม้ทหารรักษาพระองค์ทั้งหมดจะถูกฆ่า เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ว่าเป็น
วังหลวงนั้นมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวดนางเป็นเพียงหญิงสาวที่อ่อนแอ หากต้องการเข้าไปในวังหลวง เกรงว่าคงถูกจับได้ตั้งแต่แรกแล้วแต่นางไม่เพียงไม่ถูกจับได้ ยังสามารถเดินเข้าคุกหลวงได้อย่างสบายใจนางไปที่คุกด้วยเหตุใด หรือจะไปปล้นตัวนักโทษหนีออกมา?แต่ในตอนนั้น ผู้คุมในคุกกลับทำเหมือนมองไม่เห็นนาง ปล่อยให้นางเดินไปมาได้ตามใจเรื่องนี้จะอธิบายได้อย่างไร?เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาใกล้ ฉู่จวินสิงจึงเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าฉู่จวินสิงโดยไม่พูดอะไร นางจับข้อมือของอ๋องหนุ่มขึ้นมาแล้วเริ่มตรวจชีพจรฉู่จวินสิงรู้สึกว่าข้อมือของตนถูกจับขึ้น และเห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังตรวจชีพจรของเขาอยู่ในใจของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เขาเปิดริมฝีปากบางเพียงเล็กน้อย แต่กลับไม่เอ่ยถามอะไรออกมาเลยสักคำเมื่อมองดูข้อมือของตนที่ถูกเจี่ยนอันอันจับไว้ พร้อมกับนิ้วเรียวเล็กที่แตะเบา ๆ บนเส้นชีพจรฉู่จวินสิงไม่ได้โกรธหรือไล่ให้เจี่ยนอันอันออกห่างจากเขาเขาปล่อยให้นางตรวจชีพจรของเขาต่อไปฉู่จวินหลุนและฉู่อันเจ๋อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างตกตะลึงกับการกระทำของทั้งสองค
การกระทำของเจี่ยนอันอัน ทำให้หัวใจของฉู่จวินสิงสั่นไหวเขาคิดที่จะดึงมือกลับมา แต่กลับพบว่าตนเองไม่อาจขยับเขยื้อนได้ดั่งเก่าเจี่ยนอันอันกลับไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ ทำเพียงแค่กุมมือเอาไว้เท่านั้น นี่เป็นเพียงแค่มารยาทเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงไม่คัดค้านอันใด เจี่ยนอันอันจึงเอ่ยต่อ “ท่านวางใจได้ ในเมื่อข้าเลือกที่จะแต่งกับท่านแล้ว”“ข้าก็ยินยอมที่จะเป็นเชลยถูกเนรเทศไปด้วยกันกับพวกท่าน ข้าไม่มีทางที่จะหลบหนีเอาตัวรอดไประหว่างทาง” “ข้าจะคอยอยู่ข้างกายท่านตลอด และจะคอยช่วยเหลือทุกคนให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ไปให้ได้”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้ฉู่จวินสิงขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัวฮ่องเต้พระราชทานงานอภิเษกสมรส ให้คุณหนูรองจวนกั๋วกงแต่งงานให้กับเขาแล้วเหตุใดผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาในตอนนี้ กลับเป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงเล่า?ฉู่จวินสิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่คุณหนูรอง เหตุใดจึงแต่งงานกับข้า?”“เจ้ารู้ว่าข้ากำลังจะกลายเป็นเพียงสามัญชนธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งยังถูกยึดจวนแล้วเนรเทศออกไป เหตุใดเจ้าถึงยังไม่หนีไป เจ้ามีจุดประสงค์ใดกั
ฉู่จวินสิงไม่เคยพบเห็นของสิ่งนี้มาก่อน แต่ว่าของสิ่งนี้กลับทำให้เขาหายใจได้สะดวกขึ้นอีกทั้งยังช่วยไม่ให้สูดดมกลิ่นเหม็นนี่ได้สายตาของฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย เขาเริ่มรู้สึกประหลาดใจในตัวเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเห็นเพียงเจี่ยนอันอันมองไปยังกลุ่มทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นอยู่มุมปากของนางยกขึ้น ดวงตาก็โค้งงอเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวใบหน้าที่เดิมงดงามน่ามองอยู่แล้ว ก็เปลี่ยนเป็นงดงามยิ่งขึ้นเพราะรอยยิ้มนี้เหล่าทหารองครักษ์เหล่านั้นที่กำลังท้องไส้ปั่นป่วนกันอยู่ เริ่มขออนุญาติหัวหน้าของพวกเขาไปขับถ่ายอีกครั้งครานี้หัวหน้าของพวกเขาไม่ได้มีอาการปวดท้องเขาจ้องไปยังทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น ก่อนจะโบกมือให้พวกเขาอย่างรำคาญ“ไป ๆ ๆ รีบไปจัดการเร็ว ๆ”“หากพวกเจ้ายังผายลมเหม็นเน่าอยู่ที่นี่อีก ข้าคงจะถูกพวกเจ้ารมกลิ่นเหม็นนี่จนตายแน่”หลังจากที่ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นได้รับอนุญาติแล้ว ทั้งหมดก็พากันกุมท้องแล้ววิ่งไปยังป่ารกร้างห่างไกลออกไปเมื่อมองดูทหารรักษาพระองค์ทางด้านนี้ ก็เหลือเพียงแค่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เท่านั้นในที่สุดเจี่ยนอันอันก็ลุกขึ้น ก้าวอาด ๆ
เนรเทศพวกเขาไปยังเมืองรกร้างยังไม่พอ ถึงขั้นยังจะส่งคนมาตามสังหารพวกเขาระหว่างทางอีกฉู่อันเจ๋อโมโหเสียจนแทบจะสบถด่าออกมา เจี่ยนอันอันรีบยื่นมือออกไปห้ามเอาไว้เสียก่อนใบหน้าของฉู่จวินสิงค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมาเขาควรจะเดาได้มาตั้งนานแล้ว!ชายผู้นั้นเป็นที่น่าสงสัยมาโดยตลอด ทั้งยังโหดร้ายไร้ปราณีเพื่อบัลลังก์มังกรของเขา เขาสามารถฆ่าใครก็ตามที่คุกคามสถานะของเขาคนในครอบครัวอะไรกัน ในสายตาของเขา ยังเทียบไม่ได้แม้แต่หมูหมาเจี่ยนอันอันถามออกต่อ “ที่ฮ่องเต้สุนัขนั่นส่งพวกเจ้ามาคุ้มกันพวกเรา ได้มอบหมายหน้าที่อื่นให้พวกเจ้าด้วยหรือไม่?”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เอ่ยอย่างเหม่อลอย “ฝ่าบาทไม่ได้มอบหมายหน้าที่ใดเพิ่มเติมให้กับพวกเรา”“เพียงแต่ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้พวกเราทำหน้าที่เพียงแค่คุมตัวไปส่งเท่านั้น ไม่ทรงอนุญาตให้ยื่นมือช่วยเหลือ”“ฝ่าบาทยังทรงรับสั่งอีกว่า พวกเจ้าล้วนแต่เป็นเพียงคนชั้นต่ำไร้ค่า ตลอดทางไปนี้ ห้ามมิให้อาหารหรือน้ำดื่ม”“ต่อให้พวกเจ้าจะไม่ถูกฆ่าตาย ก็ปล่อยให้พวกเจ้าอดตายไประหว่างทาง”เมื่อฉู่จวินหลุนได้ยินมาจนถึงตรงนี้ ก็โมโหเสียจนตบลงบนที่วางแขนรถเข็
“มารดามันเถอะ รนหาที่ตาย!” ทหารรักษาพระองค์หยัดกายลุกขึ้น สบถด่าและพยายามแย่งแส้กลับมา “ปล่อย มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”เจี่ยนอันอันคว้าแส้แล้วลุกขึ้นยืน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยันพลางเอ่ยว่า “หัวหน้าของพวกเจ้ายังไม่กล้าฆ่าข้า แล้วเจ้าเป็นใครถึงได้กล้าเอ่ยเรื่องไร้สาระเช่นนี้”“ข้าว่าเจ้ารนหาที่ตายมากกว่า เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้เจ้าก็แล้วกัน เป็นอย่างไร!”ขณะที่เจี่ยนอันอันพูด ในมือก็มีเข็มเงินปรากฏออกมาในตอนที่ทหารรักษาพระองค์มองเห็นเข็มเงินนั้น ในใจพลันกระตุกทีหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวเหตุใดพวกเขาถึงได้ลืมเรื่องเข็มเงินนี้ไปได้นะหากว่าสิ่งนี้แทงทะลุลงบนกายของเขา ชีวิตของพวกเขาก็คงจะไม่เหลือแล้วเมื่อคืนนี้ เพราะพวกเขาท้องเสีย ร่างกายจึงอ่อนแรงในตอนนี้ที่ต้องเดินทาง ก็รู้สึกเหมือนเหยียบลงบนปุยฝ้ายที่โยกไปมาทว่าหัวหน้าให้พวกเขาใช้แส้ปลุกให้คนในตระกูลเหล่านี้ตื่นขึ้นมา คำสั่งของหัวหน้าเขาจะไม่ฟังก็ไม่ได้และแส้เมื่อครู่นี้ เขาเองก็ต้องการจะเลี่ยงเจี่ยนอันอันไป คิดจะฟาดไปที่ฮูหยินใหญ่อันที่จริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้ใช้แรงมากนัก เกรงว่าแส้ฟาดไปบนกายของฮ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ
“พวกข้ากินมาแล้ว เจ้าเฝ้าศพต่อเถิด”เจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มให้หม่าจั๋วหม่าจั๋วขานรับแล้วนั่งคุกเข่าอีกครั้งเจี่ยนอันอันนำอาหารที่พกมาด้วยออกมาจากห้วงมิติเคราะห์ดีที่อาหารพวกนี้ถูกเก็บไว้ในห้วงมิติ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเมื่อครู่นี้นางได้ยืมใช้ห้องครัวของบ้านพ่อแม่หม่าจั๋วในการอุ่นอาหารนางกับฉู่จวินสิงทำความเคารพให้ร่างทั้งสองที่อยู่ในโลงศพ “รบกวนแล้ว”จากนั้นนั่งลงข้างหม่าจั๋วฉู่จวินสิงพูดกับหม่าจั๋ว “เจ้ากินข้าวก่อน ประเดี๋ยวข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”หม่าจั๋วมองอาหารเบื้องหน้าด้วยสีหน้างุนงง คิดในใจว่าอาหารพวกนี้มาจากที่ใด?เขาไม่เห็นว่าเจี่ยนอันอันจะถือกล่องอาหารมาด้วยแต่อย่างใด ทว่าอาหารพวกนี้กลับโผล่ออกมาจากอากาศฉู่จวินสิงเห็นหม่าจั๋วมองอาหารบนพื้นด้วยความงุนงงก็แต่งเรื่องโกหกว่าบอกว่าเขามอบถุงเฉียนคุนที่สามารถเก็บทุกอย่างให้เจี่ยนอันอัน และอาหารพวกนี้ก็ถูกเก็บในถุงเฉียนคุนหม่าจั๋วเข้าใจโดยพลัน คิดในใจว่ามิน่าเล่า ท่านอ๋องกับพระชายาถึงได้บอกว่ากินอาหารมาแล้วเขาไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป หยิบชามกับตะเกียบขึ้นมาทานอาหารเขาทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอันอันเก็บกล่อง
เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วแน่นก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรเจี่ยนอันอันถาม “บุตรชายของท่านถูกเจ้าหน้าที่คนใดทำร้าย?”หวังโหย่วเหอตอบโดยพลัน “บุตรชายของข้าถูกเจ้าหน้าที่เมืองหลี่จงทำร้าย ที่นั่นเป็นสถานที่จัดสอบจอหงวน”“เจ้าหน้าที่ที่นั่นไม่ฟังคำอธิบายของบุตรชายข้า ยืนกรานว่าเขาเป็นผู้ที่มาแอบอ้างคนอื่น”หวังโหย่วเหอกัดฟันพูดต่อเมื่อเล่าถึงตรงนี้ “ข้าได้ยินบุตรชายเล่าว่า ผู้ที่มาแทนที่เขาวางตัวเย่อหยิ่งอวดดีมาก ซ้ำยังบอกว่าบิดาของตนของเจ้าหน้าที่ทางการของที่ใดสักที่”“เจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรเขา ทำยังลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่งต่อเรื่องที่เขาโกงการสอบ”หวังโหย่วเหอเล่าถึงตรงนี้ก็โกรธจนตัวสั่นเทิ้มเขาโกรธที่ตัวเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการ ทำให้บุตรชายต้องมีจุดจบที่น่าเวทนาเช่นนี้ เจี่ยนอันอันไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับหวังโหย่วเหอ “ท่านกลับบ้านไปก่อน ขอเวลาพวกข้าคิดหาวิธีรับมือสักพัก”หวังโหย่วเหอเช็ดน้ำตาบนใบหน้า เขาโค้งคำนับให้ทั้งสองก่อนจะหันตัวเดินจากไปฉู่จวินสิงปิดประตูลงแล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้หินเขากำหมัดแน่น ไอเย็นแผ่ซ่านออกมารอบกายเป้าหมายของก
สีหน้าของฉู่จวินสิงยังคงเย็นชา ไม่ได้ลดความระแวดระวังลงเพราะอีกฝ่ายเป็นชาวบ้านที่นี่แต่อย่างใด“เจ้ามีธุระอะไรกับข้า?”บุรุษผู้นี้เห็นว่าฉู่จวินสิงคือเยียนอ๋องจริงๆ ก็ทิ้งตัวคุกเข่ากับพื้นโดยพลันเขาชูกระดาษในมือขึ้นเหนือศีรษะ ปากร้องว่า “ขอให้เยียนอ๋องช่วยล้างแค้นให้กับลูกชายข้าด้วยเถิด!”บุรุษผู้นี้พูดจบแล้วมีน้ำตาสองสายไหลออกมาฉู่จวินกับและเจี่ยนอันอันต่างก็ตกใจกับการกระทำของบุรุษผู้นี้ นี่เขากำลังทำอะไร?ฉู่จวินสิงรับกระดาษมากางออก ในนั้นเขียนไว้ว่า‘บุตรของข้าหวังหวยซู เดิมแล้วสอบได้ตำแหน่งจอหงวน แต่กลับถูกสวมรอยหลังจากที่หวังหวยซูทราบเรื่องก็ได้ไปต่อว่าคนที่สวมรอยทว่ากลับถูกเจ้าหน้าที่ทางการมองว่าเขาอยากได้ตำแหน่งจ้วงหยวนมากจนมาแอบอ้างตำแหน่งของคนอื่นหวังหวยซูถูกเจ้าหน้าที่ทางการทำร้ายบาดเจ็บสาหัสสุดท้ายก็สอบไม่ผ่าน หลังจากที่ถูกคนในหมู่บ้านพาตัวกลับมาก็เศร้าหมองทุกข์ระทมเขารับความจริงเรื่องนี้ไม่ไหว กระโดดน้ำจบชีวิตในท้ายที่สุดขอให้ใต้เท้าช่วยคืนความเป็นธรรม กลับคำพิพากษา จับกุมคนร้าย คืนเกียรติยศให้กับหวังหวยซู’บริเวณท้ายกระดาษมีชื่อกับรอยประทับฝ่ามือของชา
เพื่อความปลอดภัยของแคว้นไท่ยวนแล้ว ท่านอ๋องฝ่าอันตรายเสี่ยงชีวิตสังหารศัตรูในสนามรบแต่แล้วเมื่อกลับถึงเมืองหลวงจิงโจวกลับถูกยึดทรัพย์และเนรเทศตอนนี้หม่าลู่ผู้เป็นพี่ชายของเขาก็กำลังถูกทหารไล่สังหาร นี่ยิ่งทำให้หม่าจั๋วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถูกความโกรธแค้น อยากจะสังหารฮ่องเต้สุนัขให้รู้แล้วรู้รอดบัดนี้เขาเหลือหม่าลู่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียว มันทำให้เขาอยากรีบตามหาหม่าลู่ให้พบอยากตามเยียนอ๋องกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวเมื่อคิดถึงตรงนี้ หม่าจั๋วก็พูดว่า “เยียนอ๋อง ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะมีสถานะอะไร ท่านก็เป็นเยียนอ๋องสำหรับข้าเสมอ”“ถัดจากนี้พวกเราจะทำอย่างไร จะกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวหรือไม่?”ฉู่จวินสิงไตร่ตรองก่อนจะตอบว่า “ตอนนี้ยังกลับไปไม่ได้ ข้าจำเป็นต้องรวบรวมกำลังให้พร้อมก่อนจึงจะกลับไปได้”“เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ปรึกษากันให้ดีก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือตามหาพี่ชายของเจ้ากับผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ให้เจอ”หม่าจั๋วถอนหายใจ ท่ามกลางฝูงชนมากมายขนาดนี้ เขาจะไปตามหาพี่ชายกับคนอื่นที่เหลือจากที่ใด“ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่กับพวกเฉินเช่อหนีไปอยู่ที่ใด”หม่าจั๋วพูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกคร