เจี่ยนอันอันรู้สึกได้ว่ามีสายตาจับจ้องมาจากด้านหลังของนางนางหันหลังกลับไปทันที ก็พบกับฉู่จวินสิงที่กำลังจ้องมองตนเองอยู่เจี่ยนอันอันแลบลิ้นให้ฉู่จวินสิง ก่อนจะทำหน้าทะเล้นใส่ฉู่จวินสิงตกตะลึงไปในตอนแรก ก่อนจะรีบหันหน้าหนีไปมองทางด้านอื่นเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ นางประคองฮูหยินใหญ่เดินมุ่งหน้าไปต่อจู่ ๆ ฮูหยินใหญ่ก็เหยียบลงบนก้อนหินก้อนหนึ่งเจ็บเสียจนต้องร้อง “โอ๊ย” ดังออกมา ร่างกายซวนเซจนแทบจะล้มลงบนพื้น“ฮูหยินใหญ่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” เจี่ยนอันอันรีบประคองฮูหยินใหญ่ขึ้นมาฮูหยินใหญ่กัดริมฝีปากล่างด้วยสีหน้าเจ็บปวด ก่อนจะส่ายหน้าให้กับเจี่ยนอันอันเบา ๆ“ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแต่รู้สึกเจ็บเท้ามาก” ฮูหยินใหญ่ทนต่อความเจ็บปวดรุนแรงที่เท้า ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าวความเจ็บปวดรุนแรงที่เท้า ทำให้ฮูหยินใหญ่ไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้ฮูหยินใหญ่ที่เดิมทีไม่เคยเดินไกลถึงขนาดนี้ เมื่อวานไม่เพียงเดินมาตลอดทั้งวันมาตอนนี้ยังเดินมาตลอดช่วงเช้าอีกนางพบว่าบนเท้านั้นมีตุ่มเลือดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทว่านางก็ไม่ได้เอ่ยออกมานางไม่ต้องการให้เพียงเพราะว่าอา
ถ้อยคำของฉู่จวินหลุนทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์โกรธจนหนวดสั่นและตาถลนเขารู้ว่าฝีมือการต่อสู้ของฉู่จวินหลุนนั้นกล้าแกร่ง ทำให้ตลอดทางมานี้เขาไม่กล้าทำอะไรคนในตระกูลเหล่านี้มากนักเดิมทีคิดว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนนอก ฉู่จวินหลุนคงไม่ออกหน้าแทนนางนึกไม่ถึงว่าฉู่จวินหลุนจะมองนางเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งไปแล้วหัวหน้าทหารรักษาพระองค์คับแค้นใจแต่กลับไร้ที่ระบายฉู่จวินหลุนกล่าวต่อ “ยามนี้ท่านแม่ข้ารู้สึกไม่สบาย จำเป็นต้องพักผ่อน”ถ้อยคำของเขาเจือน้ำเสียงสั่งการ ราวกับว่าเขาต่างหากที่เป็นนายของที่นี่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห แต่สุดท้ายก็ยอมสั่งให้ทุกคนหยุดพักอยู่ที่นี่อีกครึ่งชั่วยามค่อยเดินทางต่อเจี่ยนอันอันประคองฮูหยินใหญ่ไปนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่นางกล่าวอย่างห่วงใย “ฮูหยินใหญ่ รบกวนท่านถอดรองเท้าออก ข้าจะช่วยดูบาดแผลที่เท้าให้เจ้าค่ะ”ฮูหยินใหญ่ไม่อยากถอดรองเท้าต่อหน้าธารกำนัล แต่อาการเจ็บอย่างแสนสาหัสที่เท้าก็ทำให้นางยากจะทานทนเห็นถึงอาการลังเลของฮูหยินใหญ่ เจี่ยนอันอันก็ย่อตัวลงนั่งเบื้องหน้านางเพื่อบดบังสายตาของทุกคนฮูหยินใหญ่จึงยอมถอดรองเท้าออกด้ว
เจี่ยนอันอันไม่ได้สังเกตเห็นอาการผิดปกติของฉู่จวินสิง ยามนี้นางหิวจนหูอื้อตาลายไปหมดตั้งแต่ยามเช้าจนถึงตอนนี้ ทุกคนยังไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำแม้แต่นิดเดียวแม้ว่าภายในช่องมิติของนางจะมีขนมที่นำมาจากห้องครัวหลวงเยอะมากแต่นางไม่อาจนำขนมเหล่านี้ออกมาแจกจ่ายให้กับทุกคน โดยที่มีทหารรักษาพระองค์เฝ้ามองอยู่อีกทั้งหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ไม่เคยให้ทุกคนหยุดพักแม้เพียงชั่วครู่ ส่งผลให้คนในตระกูลหิวจนไส้กิ่วในทางกลับกัน เหล่าทหารรักษาพระองค์ได้กินอาหารอิ่มท้องเจี่ยนอันอันมองไปทางทหารรักษาพระองค์ พบว่าทหารนายหนึ่งกำลังนั่งดื่มน้ำอยู่ข้างต้นไม้ตามลำพังนางจำทหารนายนั้นได้ เขาคือทหารที่นำกางเกงชั้นในไปให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ดวงตาของเจี่ยนอันอันกลอกไปมา ไม่นานก็มีแผนในใจนางลุกขึ้นแล้วเดินไปหาทหารนายนั้นดวงตาของฉู่จวินสิงจ้องมาที่เจี่ยนอันอันอีกครั้งทหารผู้นี้มีนามว่า ‘หานซื่อ’ เมื่อเขาเห็นว่าเจี่ยนอันอันเดินมาทางตน ก็ชักดาบออกมาเตรียมพร้อมและร้องบอกว่า “หยุดนะ อย่าเข้ามาใกล้มากกว่านี้!”เจี่ยนอันอันไม่ถอยหนีเพราะคำพูดของเขาแต่อย่างใด นำสร้อยคอทองคำเส้นหนึ่งออกมาจากช่องมิติด
ทั้งสองเดินออกมาไม่ไกล ก็พบว่าข้างหน้ามีลำธารสายเล็กอยู่ฉู่อันเจ๋อกำลังจะวิ่งไปทางลำธารอย่างมีความสุขแต่กลับถูกเจี่ยนอันอันดึงตัวไว้“ที่นี่มีงูค่อนข้างมาก โรยผงไล่งูก่อนค่อยเข้าไปจะดีกว่า”ได้ยินเจี่ยนอันอันว่า ฉู่อันเจ๋อถึงเพิ่งมองเห็นว่าใกล้ ๆ มีงูสองสามตัวกำลังเลื้อยไปมาดูจากลวดลายแล้ว งูพวกนี้ล้วนเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมากฉู่อันเจ๋อรู้สึกนึกกลัวเหตุการณ์ที่จะตามมา หากถูกพวกมันสักตัวฉกเข้า ชีวิตของเขาคงจบสิ้นเพียงเท่านี้แน่เขามองเจี่ยนอันอันด้วยความซาบซึ้งใจ พบว่านางไม่มีท่าทีตื่นตระหนกตกใจแม้แต่น้อยหากเป็นผู้อื่นคงหวาดกลัวจนหน้าถอดสีไปนานแล้วฉู่อันเจ๋อชื่มชมในความกล้าหาญของเจี่ยนอันอันจากก้นบึ้งของหัวใจเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจสายตาของฉู่อันเจ๋อ นางนำผงไล่งูกำหนึ่งออกมาจากช่องมิติจากนั้นโรยลงบนตัวฉู่อันเจ๋อแล้วโรยลงบนร่างกายของตัวเองตามด้วยผงไล่งูเหล่านี้ งูพวกนั้นจะไม่เข้ามาใกล้พวกนางหลังจากโรยผงไล่งูเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็สาวเท้าก้าวใหญ่ไปยังลำธารทันทียามที่เจี่ยนอันอันเข้ามาใกล้ งูที่กำลังเลื้อยไปมาพวกนั้นก็รีบเลื้อยห่างไป ราวกับตรวจจับได้ถึงกลิ่นอะไรบา
ฮูหยินใหญ่ดื่มไปหลายอึกก่อนจะหยุดลงฉู่จวินสิงมองมารดาของตัวเองดื่มน้ำตาปริบ ๆ เขาเองก็อยากดื่มเช่นกันแต่กลับอายที่จะเอ่ยปากขอจากเจี่ยนอันอันแม้ว่าเจี่ยนอันอันจะเป็นภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าพิธีของเขา แต่ทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะมีความรู้สึกใด ๆ ต่อกันเขาไม่อาจลดศักดิ์ศรีไปขอน้ำดื่มจากสตรีแปลกหน้าได้ยามนี้ปากของฉู่จวินสิงแห้งผาก ริมฝีปากเริ่มแตกลอกเจี่ยนอันอันรับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมาเมื่อหันไปมองจึงพบว่าฉู่จวินสิงกำลังจ้องนางอย่างไม่ละสายตาจังหวะที่สายตาของทั้งสองสบเข้าด้วยกัน ฉู่จวินสิงก็รีบเบนศีรษะมองไปทางอื่นทันทีเจี่ยนอันอันพึมพำเสียงเบา “พิลึกคนชะมัด”นางถือถุงน้ำเดินไปนั่งข้างฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงรับรู้ได้ถึงการมาถึงของเจี่ยนอันอัน เขาหันไปกล่าวกับนางด้วยสุ้มเสียงเย็นชา “มีธุระอะไร?”เจี่ยนอันอันเขย่าถุงน้ำในมือ จนได้ยินเสียงน้ำกระทบกันจากด้านในดังออกมา “อยากดื่มหรือไม่ อยากดื่มก็ต้องเชื่อฟัง อย่าทำให้ข้าโมโห” เจี่ยนอันอันจงใจหยอกล้อฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแค่นเสียงเย็นชาแต่ไม่พูดอะไรเจี่ยนอันอันยกยิ้มมุมปากแล้วกล่าวต่อ “ร
ขณะที่บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนกำลังน่าอึดอัด ฮูหยินใหญ่ซึ่งนั่งอยู่อีกทางก็หันมามองเพราะได้ยินเสียงนางรู้ว่าบุตรชายตัวเองไม่ชอบการแตะเนื้อต้องตัว แต่ตอนที่เจี่ยนอันอันทายาให้ก่อนนี้ เขาไม่เคยมีปฏิกิริยาเช่นนี้มาก่อนนางหลงเข้าใจว่าฉู่จวินสิงยอมรับเจี่ยนอันอันแล้วเสียอีกแต่ดูจากตอนนี้ นางน่าจะคิดไปเองทั้งหมดฮูหยินใหญ่เผยอปาก หมายจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่จวินสิงอย่าปฏิบัติตนเช่นนี้กับเจี่ยนอันอันแต่เมื่อคำพูดมาจ่ออยู่ที่ปาก นางก็รู้สึกว่ามันไม่ดีนักที่จะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของสองคนนี้มากเกินควรยิ่งไปกว่านั้น ปล่อยให้พวกเขาสองคนมีปฏิสัมพันธ์และทำความรู้จักกันให้มากขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรฮูหยินใหญ่เลือกที่จะปิดปากเงียบในท้ายที่สุด ก่อนละสายตามองไปทางอื่นเจี่ยนอันอันคิดจะดึงมือกลับ ทว่าฉู่จวินสิงกลับจับข้อมือนางแน่นกว่าเดิม“นี่ ปล่อยนะ ท่านจับข้าเจ็บไปหมดแล้ว” เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่นบุรุษผู้นี้เป็นอะไรไป เหตุใดจึงเปลี่ยนสีหน้าเร็วกว่าพลิกหน้าตำราเช่นนี้ฉู่จวินสิงปล่อยมือในที่สุด เขาหันไปมองฉู่อันเจ๋อที่กำลังย่างปลา “อันเจ๋อ แบกข้าไปที่อื่นที”ฉู่อันเจ๋อหันมามองเจี่ยนอ
ฉู่อันเจ๋อกำปลาย่างในมือแน่นพลางมองไปทางหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ด้วยสีหน้าโมโหนี่เป็นปลาที่เขาย่างมาอย่างไม่ง่ายดาย เขายังไม่ทันได้กินสักคำ แล้วจะยกให้ทหารรักษาพระองค์กินได้อย่างไรเห็นฉู่อันเจ๋อไร้ท่าทีว่าจะส่งปลาย่างมาให้ หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็สะบัดแส้ฟาดใส่มืออีกฝ่ายเสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้น ปลาในมือฉู่อันเจ๋อถูกฟาดจนร่วงลงบนพื้นฉู่อันเจ๋อโมโหจนทำท่าจะปราดเข้าไปหาหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ แต่ถูกเจี่ยนอันอันดึงไว้เสียก่อน“พี่สะใภ้รอง ท่านอย่าดึงข้า ข้าจะอัดเขาให้ตาย!” ฉู่อันเจ๋อโกรธจนดวงตาแดงก่ำ เขาอดทนอดกลั้นต่อหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผู้นี้มานานแล้วเจี่ยนอันอันเอ่ยปลอบเสียงเบา “ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าย่างปลาให้ทุกคนกินต่อไปเถอะ”ฉู่อันเจ๋อกำหมัดแน่น แค่นเสียงเย็นอย่างหัวเสีย แล้วกลับไปย่างปลาที่เหลือหน้ากองไฟต่อหัวหน้าทหารรักษาพระองค์เห็นฉู่อันเจ๋อกลับไปย่างปลา ปราศจากท่าทีว่าจะส่งปลามาให้โดยสิ้นเชิงเขาขยับแส้อีกครั้ง ทำท่าจะหวดใส่ฉู่อันเจ๋ออีกคราเจี่ยนอันอันรีบเข้าไปคว้าข้อมือของหัวหน้าทหารรักษาพระองค์เอาไว้นางยิ้มพลางเอ่ยกับหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ “พี่ชาย ท่าน
เห็นภาพตรงหน้า ฉู่จวินสิงก็ฟาดมือลงกับพื้นด้วยความเดือดดาล ความเจ็บแปลบแล่นพล่านขึ้นมาจากกลางฝ่ามือฉู่จวินหลุนที่นั่งอยู่ข้างๆ มองตามทิศทางที่เจี่ยนอันอันจากไปด้วยแววตาลึกซึ้งโดยไม่พูดอะไรสักคำฟางอิ๋งพี่สะใภ้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยปลอบเสียงเบา “น้องรองอย่าเพิ่งโมโห ข้าคิดว่าอันอันไม่ใช่คนประเภทที่เจ้าคิด”แม้นางจะไม่ได้รู้จักเจี่ยนอันอันมากนัก ทว่าตลอดทางมานี้ เจี่ยนอันอันมีลักษณะนิสัยอย่างไร นางล้วนประจักษ์ด้วยสายตาตัวเองนางรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันไม่เหมือนคนที่จะทำเรื่องนอกลู่นอกทางกับหัวหน้าทหารรักษาพระองค์อย่างที่ทุกคนเห็นฮูหยินใหญ่กับฉู่อันเจ๋อมองดูเจี่ยนอันอันนำทางหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตรงไปยังริมลำธารตาไม่กะพริบฮูหยินใหญ่กล่าวกับฉู่อันเจ๋อ “เจ้ารีบตามไปเร็วเข้า อย่าให้เกิดเรื่องกับอันอัน”ฉู่อันเจ๋อรีบตามหลังคนทั้งสองไปทันทีเขาเคลื่อนไหวอย่างเบามือเบาเท้า เก็บงำลมหายใจ ไม่ให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์สัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของเขาแต่เจี่ยนอันอันกลับรู้แต่แรกแล้วว่าฉู่อันเจ๋อตามหลังมานางพาหัวหน้าทหารรักษาพระองค์มาจนถึงริมลำธารแล้วจึงหยุดเดิน“พี่ชาย ก่อนหน้านี้ข้าจับปล
ใบหน้ากู้มั่วหลีผุดรอยยิ้มราวกับคนกระหายเลือดเขาพลิกตัวกลับ นอนทับบนร่างเจี่ยนหลิงเยว่แทนมือข้างหนึ่งจับสองมือนางกดไว้เหนือศีรษะ ส่วนอีกข้างเร่งรีบปลดเปลื้องเสื้อผ้านางออกจากตัว“จงบอกข้ามา เจ้าเจ็บตรงไหนบ้าง? ตรงนี้ หรือว่าตรงนี้?”มือของกู้มั่วหลีเหมือนดั่งงูตัวเล็ก เลื้อยไปทั่วร่างกายเจี่ยนหลิงเยว่ฝ่ามือเขาทำให้เจี่ยนหลิงเยว่หวั่นไหวไปทั่ว ร่างกายสั่นระริกยิ่งคำพูดของเขา ทำให้นางรู้สึกประหนึ่งมีสายฟ้าผ่าลงที่กลางหัวใจ“คุณชายกู้ ข้า...”“ชู่ อย่าพูดมาก เพียงแค่เสพสุขก็พอ”น้ำเสียงกู้มั่วหลีเหมือนดั่งเสียงปีศาจ ทำให้เจี่ยนหลิงเยว่ต้องหุบปากโดยพลันไม่นานนางเริ่มรู้สึกเนื้อตัวหนาวเย็น เมื่อก้มหน้าลงไปดู จึงเห็นเสื้อตัวนอกถูกถอดไปเสียแล้ว เหลือเพียงตัวในซึ่งเป็นผ้าแพรบางเจี่ยนหลิงเยว่เขินอายจนหน้าแดงอีกครั้ง นางหลับตาลง ริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อยนางกำลังรอคอยให้กู้มั่วหลีประทับริมฝีปากลงมาแต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ กลับรู้สึกว่าคนที่ทับร่างนางอยู่ เขาได้ถอยห่างออกไปกู้มั่วหลีลุกขึ้นแล้วยืนที่ข้างเตียง นัยน์ตาส่อแววรังเกียจการให้ท่าของเจี่ยนหลิงเยว่ ทำให้เขานึกถึงมารดาขอ
ฮูหยินรองเห็นฮูหยินใหญ่มีสีหน้ากลัดกลุ้ม แต่นางก็ไม่รู้จะปลอบใจอย่างไรเพราะหากตอนนี้เป็นนาง ก็คงห่วงใยความปลอดภัยของฉู่อันเจ๋อเช่นกันดีที่การไปเมืองจิงโจวครั้งนี้ ฉู่อันเจ๋อไม่คิดติดตามไปด้วยข้อนี้จึงทำให้ฮูหยินถอนหายใจโล่งอกหน่อยเจี่ยนอันอันกลับมาที่ห้อง และแวะไปดูห้วงมิติเห็นยาวิเศษสามเม็ดนั้นยังคงอยู่ในระหว่างเพิ่มสรรพคุณอยู่และตอนนี้ดูแล้ว ปุบปับคงยังไม่อาจปรุงได้สำเร็จเมื่อครู่หลังจากกินข้าวเสร็จ นางนำยาถอนพิษที่ปรุงออกมาวันนี้ แจกจ่ายให้แก่ทุกคนพร้อมบอกทุกคนว่า ถ้ากู้มั่วหลีคิดมาวางยาพวกเขาอีก ก็ให้กินยาถอนพิษที่อยู่ในขวดเสียและยาตัวนี้จะกินมากก็ไม่ได้ ครั้งละหนึ่งเม็ดก็เพียงพอกินมากไปจะเป็นผลเสียต่อสุขภาพมากกว่า......ยามนี้กู้มั่วหลีกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง รอยแผลที่หน้าผากได้ตกสะเก็ดแล้วใบหน้าอันหล่อเหลานั้น เพราะมีรอยแผลนี้ จึงกลายเป็นตำหนิที่ทำให้ไม่สมบูรณ์แบบค่ำคืนเงียบสงัด มีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไรนอกหน้าต่างเท่านั้นไม่นานพลันได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบา และมีเงาคนปรากฏที่หน้าประตู“คุณชายกู้ ข้าเข้าไปได้หรือไม่?”ร่างกายเจี่ยนหลิงเยว่เพิ่งได
“พี่รอง ท่านคิดกลับไปเมืองจิงโจวจริงรึ? แต่พวกเราถูกเนรเทศมาอยู่เมืองอินเป่ย จะไม่อาจไปไหนได้อีก แล้วท่านจะกลับไปได้อย่างไร?”“อีกอย่างฮ่องเต้ต้องส่งทหารมาเฝ้าประตูเมืองจิงโจวไว้ หากท่านกลับไปเช่นนี้ อาจถูกคนของฮ่องเต้พบเห็นเข้า”“แล้วถึงตอนนั้น ท่านอาจไม่ได้รอดชีวิตกลับมาอีก”ฉู่อันเจ๋อเพิ่งกล่าวจบ กลับถูกฉู่จวินหลุนตบเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง“อย่าพูดเหลวไหล พี่รองเจ้าไม่ตายง่ายๆ หรอก”ฉู่อันเจ๋อกุมท้ายทอยที่ถูกตีจนเจ็บ พลางก้มหน้าก้มตาไม่กล้าพูดจาอีกฟางอิ๋งนึกถึงเมื่อคืนวันก่อน ฉู่จวินสิงไปที่ห้องของนางกับฉู่จวินหลุนคาดว่าสองคนคงจะหารือเรื่องนี้กระมังตอนนั้นฉู่จื่อซีได้นอนหลับไปแล้ว จึงไม่ได้ยินการพูดคุยของพวกเขาส่วนฟางอิ๋งก็ออกจากห้องไปอย่างรู้กาลเทศะ ไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูดคุยเช่นกันที่แท้ฉู่จวินหลุนรู้แต่แรกแล้วว่า ฉู่จวินสิงมีความคิดจะกลับไปเมืองจิงโจวอีกซึ่งนอกจากเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเองแล้ว ผู้อื่นล้วนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ฉู่จวินหลุนก็เป็นห่วงว่าการไปของฉู่จวินสิงครั้งนี้ จะเสี่ยงเกินไปหรือไม่แต่เขาก็รู้นิสัยฉู่จวินสิงดี สิ่งที่เขาคิดจะทำ อย่างไรก็ต้อ
งูดำอีกตัวเตรียมจะพุ่งเข้าฉกร่างกายของฉู่จวินสิง แต่กลับถูกเขาจับเข้าที่ตำแหน่งหัวใจของมันงูดำไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน ได้แต่ปล่อยให้ฉู่จวินสิงจับตัวไว้ พร้อมฟาดกับพื้นรุนแรงซ้ำผลก็คืองูตัวที่สามก็ขดตัวเป็นวงกลมเช่นกัน และแน่นิ่งไร้การขยับเขยื้อนอีกจนถึงเวลานี้ เจี่ยนอันอันจึงกล้าเดินมาใกล้นางก้มลงไปพิจารณางูดำทั้งสามตัว จึงพบว่าพวกมันล้วนตายด้วยน้ำมือฉู่จวินสิงทั้งสิ้นสายตาที่นางจ้องมองฉู่จวินสิงจึงเพิ่มความชื่นชมขึ้นมาอีกปกติเจี่ยนอันอันไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่กลัวงูตัวใหญ่สีดำประเภทนี้ที่สุดหากไม่เพราะมีฉู่จวินสิงตามมาด้วย ป่านนี้นางคงกลัวจนยืนตัวแข็งไปแล้วเจี่ยนอันอันจับงูดำขึ้นมาตัวหนึ่ง พร้อมบีบที่หัวมัน บังคับให้อ้าปากกว้างเขี้ยวแหลมคมสองซี่ปรากฏออกมาในบัดดล ดูแล้วยังคล้ายเคลือบด้วยพิษร้ายแรงอีกเจี่ยนอันอันกำลังคิดหนักอยู่ว่าจะหาอะไรมาปรุงยาพิษดี เขี้ยวพิษของงูสามตัวนี้ มาได้จังหวะเหมาะมาก“วันนี้มาเจอสามีของข้า นับว่าพวกเจ้าเคราะห์ร้ายเอง”เจี่ยนอันอันกล่าว พลางดึงเขี้ยวพิษของงูออกมา ใส่ลงในขวดเล็กและใช้วิธีเดียวกัน ถอนเขี้ยวพิษจากงูอีกสองตัว ใส่ลงในขวดก
เจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “ผ้าพวกนั้นล้วนได้มาจากจวนกั๋วกง”“ท่านพ่อไร้ยางอายของข้าให้ข้าออกเรือนแทนน้องสาว แม้แต่ผ้าสักผืนยังไม่ยอมให้ข้า”“ท่านก็รู้นิสัยข้าดี ผู้ใดดีต่อข้า ข้าจะตอบแทนเป็นร้อยเท่า แต่หากผู้ใดทำไม่ดี ข้าจะเอาคืนเป็นพันเท่าเช่นกัน”“ผ้าเหล่านี้จึงถือเป็นสินสมรสของข้า ในเมื่อท่านพ่อไร้ยางอายไม่ยอมให้ข้าสักผืน ถ้าเช่นนั้นข้าจึงขนมาทั้งหมด”สายตาที่ฉู่จวินสิงมองเจี่ยนอันอัน ยิ่งเพิ่มความรักมากขึ้นอีกนิสัยบุญคุณต้องทดแทน แค้นต้องชำระของนาง ในสายตาฉู่จวินสิงช่างน่ารักเป็นที่สุดและเจี่ยนกั๋วกงในสายตาของฉู่จวินสิง ก็ไม่เคยมีภาพลักษณ์ที่ดีเลยสมัยก่อนเจี่ยนกั๋วกงทำตัวสนิทสนมใกล้ชิดกับฉู่ชางเหยียนเป็นอย่างมาก ซ้ำยังมุ่งมั่นหนุนให้เขาได้ขึ้นครองราชย์บัดนี้ฉู่ชางเหยียนได้บรรลุเป้าหมายแล้ว คาดว่าเจี่ยนกั๋วกงน่าจะได้ผลตอบแทนไม่น้อยแต่เจี่ยนกั๋วกงก็ได้ทำความดีอยู่เรื่องหนึ่ง ก็คือยกเจี่ยนอันอันให้แต่งงานกับเขาฉู่จวินสิงเห็นปากบางของเจี่ยนอันอันยังคงเจื้อยแจ้วไม่หยุด จึงรีบดึงตัวนางมาเข้าใกล้โดยไม่สนใจรอบข้าง พร้อมประทับจุมพิตลงไป“อึ้ม...”เจี่ยนอันอันยังพูดไม่จบดี กลั
เหยียนอวี่คิดด้วยความตื้นตัน เจี่ยนอันอันช่างดีต่อพวกเขาสองพี่น้องนักหญิงสาวที่ดีเลิศถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงได้แต่งงานเร็วนักนะ?หากมาแต่งงานกับเขาแทน คงจะดีไม่น้อยเจี่ยนอันอันปรายตามองดูเหยียนอวี่ พลางกล่าวสัพยอก “เจ้าอ้าปากกว้างมากกว่านี้ คางคงยื่นถึงพื้นแล้วกระมัง”เหยียนอวี่เพิ่งตั้งสติกลับมา แล้วรีบหุบปากเร็วพลันแต่สายตาที่จ้องมองเจี่ยนอันอันนั้นมีความแน่วแน่มากขึ้นความตั้งใจที่อยากแต่งงานกับนางก็มากขึ้นเป็นทวีคูณยามนี้เขารอเพียงเมื่อใดเจี่ยนอันอันจะมองเห็นความดีของเขา แล้วเลิกรากับฉู่จวินสิง จากนั้นก็มาแต่งงานกับเขาแทนเจี่ยนอันอันไม่รู้ทันความคิดของเหยียนอวี่ แต่หากนางรู้เข้า คงได้หัวเราะจนฟันร่วงแน่เพราะนางเห็นเหยียนอวี่เป็นเพียงอดีตผู้ป่วยคนหนึ่ง ไม่ได้คิดเลยเถิดกับเขาแม้แต่น้อยเหยียนซวงตั้งสติกลับมา พลางรีบขอบคุณเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมาก“อันอัน เจ้าช่างดีต่อข้าและเหยียนอวี่นัก จนข้าไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี”เหยียนซวงไม่เคยคาดคิดว่า เงินที่หามาได้จะต้องแบ่งหกสี่กับเจี่ยนอันอันนางรู้เพียงหาเงินได้ครบห้าสิบตำลึงเมื่อใด เอาไปคืนให้ถังหมิงเซวียนก็เพียงพอแล้วหลั
เหยียนซวงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าจะรีบไปหาเงิน แล้วนำห้าสิบตำลึงชดใช้คืนให้ถังหมิงเซวียน”เจี่ยนอันอันไม่คิดก้าวก่าย เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเหยียนซวง ปล่อยให้นางจัดการเองจะดีกว่าส่วนพี่ใหญ่นั้น นางย่อมรู้นิสัยของเขาดีพี่ใหญ่ไม่นิยมใกล้ชิดอิสตรี หญิงสาวโดยทั่วไปแทบไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลยเจี่ยนอันอันมองดูใบหน้าแน่วแน่ของเหยียนซวง จึงได้แต่ยิ้มและไม่พูดอะไรอีกเหยียนซวงเป็นคนเถรตรง ว่าไปก็นับว่าถูกชะตากับนางอีกทั้งเหยียนซวงพอรู้วรยุทธ์ เวลาทำงานไม่เคยอิดออด ข้อนี้นับว่าเหนือกว่าเจียงหว่านเอ๋อร์มากนักตอนนี้ก็ดูเพียงว่าเหยียนซวงจะเอาชนะความเย็นชาของพี่ใหญ่ได้หรือไม่?เจี่ยนอันอันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าวันหน้าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ในแง่ไหนส่วนถังหมิงเซวียนนั้น นางกลับคิดว่าเขายังไม่เป็นผู้ใหญ่พอจึงดูไม่คู่ควรกับเหยียนซวงเมื่อนึกถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันจึงได้ถาม “เจ้าคิดจะใช้วิธีใดไปหาเงิน?”นางเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่า เพราะยามนี้เหยียนซวงยังพำนักอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ยหากนางคิดหาเงินจริง ก็ต้องไปอำเภอไถหยางระยะทางไปกลับค่อนข้างไกลอยู่ ดีที่นางได้ซื้อรถม้าไว้ค
เมื่อเจี่ยนอันอันเห็นเหยียนซวงและเหยียนอวี่เดินมา จึงยิ้มเล็กน้อยแล้วชี้ไปทางชามด้านข้าง“พวกเจ้าช่วยหยิบชามมาอีกสองใบ”เดิมงานเช่นนี้ให้ฉู่จวินสิงทำก็ได้ แต่บังเอิญสองคนนี้ยืนอยู่ข้างโต๊ะนางจึงให้พวกเขาช่วยเหลือเล็กน้อยเหยียนซวงดีใจยิ่งที่จะได้ทำอะไรเพื่อเจี่ยนอันอันบ้าง นางจึงรีบไปเอาชามสองใบมาให้เจี่ยนอันอันทันทีเหยียนอวี่ก็กำลังคิดจะไปหยิบ แต่ถูกพี่สาวชิงตัดหน้าเสียก่อนเขาจึงชักมือกลับ ยืนอยู่ด้านข้างไม่พูดจา สายตายังคงจับจ้องที่ร่างของเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันรับเอาชามมา พร้อมเอาเตาต้มยามาอยู่ใกล้ แล้วรินยาในนั้นออกมาบอกให้เหยียนซวงนำชามไปวางไว้มุมหนึ่ง รอผึ่งให้เย็นเหยียนซวงกำลังจะรับชามยา ครั้งนี้เหยี่ยนอวี่รีบยื่นมือออกไป ชิงรับไปเสียก่อนมุมปากเหยียดขึ้นเล็กน้อย การได้ทำงานเพื่อเจี่ยนอันอัน เป็นสิ่งที่เขายินดีอย่างยิ่งเหยียนอวี่เดินไปที่ห้องครัว วางชามยาลงที่โต๊ะหินหันกลับมากล่าว “แม่นางเจี่ยน หากมีอะไรให้ข้ารับใช้อีก เชิญสั่งมาได้เลย”เจี่ยนอันอันโบกมือ “ตอนนี้ยังไม่มีสิ่งใดให้ทำ พวกเจ้าไปรอข้าที่เรือนก่อน”เดิมเหยียนอวี่ยังคิดว่าจะได้อยู่รับใช้เจี่ยนอัน
ไม่รู้ว่าเจ้าคนบ้าคนนั้นจะใช้วิธีการอะไรมาจัดการกับคนในตระกูลฉู่อีกครั้งนี้ นางมิใช่เพียงต้องปรุงยาวิเศษที่สามารถเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาเท่านั้น แต่ยังต้องเตรียมยาถอนพิษไว้ให้ทุกคนด้วยกู้มั่วหลีถนัดการใช้พิษ หากนางกับฉู่จวินสิงเดินทางไปแล้ว กู้มั่วหลีมาวางยาคนในตระกูลฉู่อีก นั่นย่อมเป็นปัญหาเพราะนอกจากนางแล้ว ที่นี่ไม่มีผู้ใดสามารถทำยาแก้พิษได้เจี่ยนอันอันรีบไปยังห้องครัว หยิบเตาหลอมยาสองเตาออกมานางตั้งใจปรุงยาเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาและยาถอนพิษไปพร้อม ๆ กันขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจดจ่อกับการหลอมยา เหยียนซวงและเหยียนอวี่ก็มาถึงบ้านตคระกูลฉู่เดิมทีทั้งสองตั้งใจจะมาชวนเจี่ยนอันอันไปตลาดเพื่อขายผักด้วยกัน แต่รออยู่นานก็ไม่เห็นนางออกจากลานเรือนเสียทีสุดท้ายสองพี่น้องจึงต้องมาหาเจี่ยนอันอันถึงที่นี่นางอยากเล่าให้เจี่ยนอันอันฟังเกี่ยวกับเรื่องที่นางเจอเสิ่นจือเจิ้งเมื่อวาน หลังจากพวกนางกลับถึงบ้าน เหยียนซวงก็ลงมือก่อไฟทำอาหารตั้งแต่ตอนที่พวกนางอาศัยอยู่ที่อำเภอไถหยาง ได้ซื้อตุนข้าวสารไว้จำนวนหนึ่งซึ่งยังเหลืออยู่เมื่อย้ายมาที่หมู่บ้านชิงสุ่ย เหยียนซวงก็นำข้าวสารเหล่านั้