ทั้งสองเดินออกมาไม่ไกล ก็พบว่าข้างหน้ามีลำธารสายเล็กอยู่ฉู่อันเจ๋อกำลังจะวิ่งไปทางลำธารอย่างมีความสุขแต่กลับถูกเจี่ยนอันอันดึงตัวไว้“ที่นี่มีงูค่อนข้างมาก โรยผงไล่งูก่อนค่อยเข้าไปจะดีกว่า”ได้ยินเจี่ยนอันอันว่า ฉู่อันเจ๋อถึงเพิ่งมองเห็นว่าใกล้ ๆ มีงูสองสามตัวกำลังเลื้อยไปมาดูจากลวดลายแล้ว งูพวกนี้ล้วนเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมากฉู่อันเจ๋อรู้สึกนึกกลัวเหตุการณ์ที่จะตามมา หากถูกพวกมันสักตัวฉกเข้า ชีวิตของเขาคงจบสิ้นเพียงเท่านี้แน่เขามองเจี่ยนอันอันด้วยความซาบซึ้งใจ พบว่านางไม่มีท่าทีตื่นตระหนกตกใจแม้แต่น้อยหากเป็นผู้อื่นคงหวาดกลัวจนหน้าถอดสีไปนานแล้วฉู่อันเจ๋อชื่มชมในความกล้าหาญของเจี่ยนอันอันจากก้นบึ้งของหัวใจเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจสายตาของฉู่อันเจ๋อ นางนำผงไล่งูกำหนึ่งออกมาจากช่องมิติจากนั้นโรยลงบนตัวฉู่อันเจ๋อแล้วโรยลงบนร่างกายของตัวเองตามด้วยผงไล่งูเหล่านี้ งูพวกนั้นจะไม่เข้ามาใกล้พวกนางหลังจากโรยผงไล่งูเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็สาวเท้าก้าวใหญ่ไปยังลำธารทันทียามที่เจี่ยนอันอันเข้ามาใกล้ งูที่กำลังเลื้อยไปมาพวกนั้นก็รีบเลื้อยห่างไป ราวกับตรวจจับได้ถึงกลิ่นอะไรบา
ฮูหยินใหญ่ดื่มไปหลายอึกก่อนจะหยุดลงฉู่จวินสิงมองมารดาของตัวเองดื่มน้ำตาปริบ ๆ เขาเองก็อยากดื่มเช่นกันแต่กลับอายที่จะเอ่ยปากขอจากเจี่ยนอันอันแม้ว่าเจี่ยนอันอันจะเป็นภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าพิธีของเขา แต่ทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะมีความรู้สึกใด ๆ ต่อกันเขาไม่อาจลดศักดิ์ศรีไปขอน้ำดื่มจากสตรีแปลกหน้าได้ยามนี้ปากของฉู่จวินสิงแห้งผาก ริมฝีปากเริ่มแตกลอกเจี่ยนอันอันรับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมาเมื่อหันไปมองจึงพบว่าฉู่จวินสิงกำลังจ้องนางอย่างไม่ละสายตาจังหวะที่สายตาของทั้งสองสบเข้าด้วยกัน ฉู่จวินสิงก็รีบเบนศีรษะมองไปทางอื่นทันทีเจี่ยนอันอันพึมพำเสียงเบา “พิลึกคนชะมัด”นางถือถุงน้ำเดินไปนั่งข้างฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงรับรู้ได้ถึงการมาถึงของเจี่ยนอันอัน เขาหันไปกล่าวกับนางด้วยสุ้มเสียงเย็นชา “มีธุระอะไร?”เจี่ยนอันอันเขย่าถุงน้ำในมือ จนได้ยินเสียงน้ำกระทบกันจากด้านในดังออกมา “อยากดื่มหรือไม่ อยากดื่มก็ต้องเชื่อฟัง อย่าทำให้ข้าโมโห” เจี่ยนอันอันจงใจหยอกล้อฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแค่นเสียงเย็นชาแต่ไม่พูดอะไรเจี่ยนอันอันยกยิ้มมุมปากแล้วกล่าวต่อ “ร
ขณะที่บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนกำลังน่าอึดอัด ฮูหยินใหญ่ซึ่งนั่งอยู่อีกทางก็หันมามองเพราะได้ยินเสียงนางรู้ว่าบุตรชายตัวเองไม่ชอบการแตะเนื้อต้องตัว แต่ตอนที่เจี่ยนอันอันทายาให้ก่อนนี้ เขาไม่เคยมีปฏิกิริยาเช่นนี้มาก่อนนางหลงเข้าใจว่าฉู่จวินสิงยอมรับเจี่ยนอันอันแล้วเสียอีกแต่ดูจากตอนนี้ นางน่าจะคิดไปเองทั้งหมดฮูหยินใหญ่เผยอปาก หมายจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่จวินสิงอย่าปฏิบัติตนเช่นนี้กับเจี่ยนอันอันแต่เมื่อคำพูดมาจ่ออยู่ที่ปาก นางก็รู้สึกว่ามันไม่ดีนักที่จะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของสองคนนี้มากเกินควรยิ่งไปกว่านั้น ปล่อยให้พวกเขาสองคนมีปฏิสัมพันธ์และทำความรู้จักกันให้มากขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรฮูหยินใหญ่เลือกที่จะปิดปากเงียบในท้ายที่สุด ก่อนละสายตามองไปทางอื่นเจี่ยนอันอันคิดจะดึงมือกลับ ทว่าฉู่จวินสิงกลับจับข้อมือนางแน่นกว่าเดิม“นี่ ปล่อยนะ ท่านจับข้าเจ็บไปหมดแล้ว” เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่นบุรุษผู้นี้เป็นอะไรไป เหตุใดจึงเปลี่ยนสีหน้าเร็วกว่าพลิกหน้าตำราเช่นนี้ฉู่จวินสิงปล่อยมือในที่สุด เขาหันไปมองฉู่อันเจ๋อที่กำลังย่างปลา “อันเจ๋อ แบกข้าไปที่อื่นที”ฉู่อันเจ๋อหันมามองเจี่ยนอ
ฉู่อันเจ๋อกำปลาย่างในมือแน่นพลางมองไปทางหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ด้วยสีหน้าโมโหนี่เป็นปลาที่เขาย่างมาอย่างไม่ง่ายดาย เขายังไม่ทันได้กินสักคำ แล้วจะยกให้ทหารรักษาพระองค์กินได้อย่างไรเห็นฉู่อันเจ๋อไร้ท่าทีว่าจะส่งปลาย่างมาให้ หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็สะบัดแส้ฟาดใส่มืออีกฝ่ายเสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้น ปลาในมือฉู่อันเจ๋อถูกฟาดจนร่วงลงบนพื้นฉู่อันเจ๋อโมโหจนทำท่าจะปราดเข้าไปหาหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ แต่ถูกเจี่ยนอันอันดึงไว้เสียก่อน“พี่สะใภ้รอง ท่านอย่าดึงข้า ข้าจะอัดเขาให้ตาย!” ฉู่อันเจ๋อโกรธจนดวงตาแดงก่ำ เขาอดทนอดกลั้นต่อหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผู้นี้มานานแล้วเจี่ยนอันอันเอ่ยปลอบเสียงเบา “ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง เจ้าย่างปลาให้ทุกคนกินต่อไปเถอะ”ฉู่อันเจ๋อกำหมัดแน่น แค่นเสียงเย็นอย่างหัวเสีย แล้วกลับไปย่างปลาที่เหลือหน้ากองไฟต่อหัวหน้าทหารรักษาพระองค์เห็นฉู่อันเจ๋อกลับไปย่างปลา ปราศจากท่าทีว่าจะส่งปลามาให้โดยสิ้นเชิงเขาขยับแส้อีกครั้ง ทำท่าจะหวดใส่ฉู่อันเจ๋ออีกคราเจี่ยนอันอันรีบเข้าไปคว้าข้อมือของหัวหน้าทหารรักษาพระองค์เอาไว้นางยิ้มพลางเอ่ยกับหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ “พี่ชาย ท่าน
เห็นภาพตรงหน้า ฉู่จวินสิงก็ฟาดมือลงกับพื้นด้วยความเดือดดาล ความเจ็บแปลบแล่นพล่านขึ้นมาจากกลางฝ่ามือฉู่จวินหลุนที่นั่งอยู่ข้างๆ มองตามทิศทางที่เจี่ยนอันอันจากไปด้วยแววตาลึกซึ้งโดยไม่พูดอะไรสักคำฟางอิ๋งพี่สะใภ้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ เอ่ยปลอบเสียงเบา “น้องรองอย่าเพิ่งโมโห ข้าคิดว่าอันอันไม่ใช่คนประเภทที่เจ้าคิด”แม้นางจะไม่ได้รู้จักเจี่ยนอันอันมากนัก ทว่าตลอดทางมานี้ เจี่ยนอันอันมีลักษณะนิสัยอย่างไร นางล้วนประจักษ์ด้วยสายตาตัวเองนางรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันไม่เหมือนคนที่จะทำเรื่องนอกลู่นอกทางกับหัวหน้าทหารรักษาพระองค์อย่างที่ทุกคนเห็นฮูหยินใหญ่กับฉู่อันเจ๋อมองดูเจี่ยนอันอันนำทางหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตรงไปยังริมลำธารตาไม่กะพริบฮูหยินใหญ่กล่าวกับฉู่อันเจ๋อ “เจ้ารีบตามไปเร็วเข้า อย่าให้เกิดเรื่องกับอันอัน”ฉู่อันเจ๋อรีบตามหลังคนทั้งสองไปทันทีเขาเคลื่อนไหวอย่างเบามือเบาเท้า เก็บงำลมหายใจ ไม่ให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์สัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่ของเขาแต่เจี่ยนอันอันกลับรู้แต่แรกแล้วว่าฉู่อันเจ๋อตามหลังมานางพาหัวหน้าทหารรักษาพระองค์มาจนถึงริมลำธารแล้วจึงหยุดเดิน“พี่ชาย ก่อนหน้านี้ข้าจับปล
ทั้งคู่หามร่างหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ขึ้นมาแล้วโยนลงไปในลำธารหลังจัดการทั้งหมดนี้เสร็จ เจี่ยนอันอันก็แสดงท่าทางประหวั่นลนลานออกมาแล้ววิ่งไปยังสถานที่ที่ทุกคนพักผ่อนกันอยู่นางวิ่งพลางร่ำร้องเสียงดัง “แย่แล้ว หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตกน้ำ รีบมาช่วยคนเร็วเข้า!”ฉู่อันเจ๋อโคจรกำลังภายใน เขาแตะปลายเท้าเบาๆ ก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ได้แล้วพรางตัวท่ามกลางใบไม้ คนข้างล่างยากจะค้นพบการดำรงอยู่ของเขาทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นได้ยินเสียงตะโกนของเจี่ยนอันอันดังมาแต่ไกลพวกเขาล้วนผุดลุกพรวดพราดเมื่อเจี่ยนอันอันวิ่งกลับมาถึงจุดพักผ่อน นางเอ่ยเสียงกระหืดกระหอบว่า “รีบ...รีบไปช่วยหัวหน้าของพวกเจ้าเร็วเข้า”หานซื่อเห็นว่ามีแค่เจี่ยนอันอันกลับมาคนเดียว นางยังพร่ำบอกให้พวกเขาไปช่วยหัวหน้าเขาก้าวยาวๆ ไม่กี่ก้าวมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอัน ชักกระบี่จากหว่างเอวมาขวางไว้เหนือลำคอของนาง“พูดมา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หัวหน้าของพวกข้าเล่า?”เจี่ยนอันอันแสดงท่าทางหวาดกลัวออกมา นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว “หัว...หัวหน้าเขาตกน้ำไปแล้ว พวกเจ้ารีบไปช่วยเขาเร็วเข้า ชักช้ากว่านี้จะไม่ทันการแล้วนะ”หานซื่อขมวดคิ้
หานซื่อหาได้เชื่อคำพูดของเจี่ยนอันอันไม่ รอจนทุกคนช่วยกันหามหัวหน้าของพวกเขาขึ้นมาบนฝั่งหนึ่งในทหารรักษาพระองค์ร้องเสียงดัง “พวกเจ้าดูนั่น ตรงข้อเท้าของหัวหน้ามีงูอยู่ตัวหนึ่ง”หานซื่อได้ยินคำพูดนั้นก็เก็บกระบี่ในมือกลับเข้าฝัก เดินไปทางร่างของหัวหน้าหานซื่อมองไปที่ข้อเท้าของหัวหน้าก็พบว่ามีงูพิษสีดำตัวหนึ่งพันอยู่จริงๆขณะที่สีหน้าของหัวหน้ากลายเป็นสีดำอมม่วงร่างกายเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ หมดลมหายใจไปนานแล้วแค่เห็นก็รู้ว่าตายเพราะถูกพิษหานซื่อใช้กระบี่แทงงูพิษ ดึงมันออกจากร่างหัวหน้าแล้วสะบัดลงบนพื้นครั้นทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นปราศจากหัวหน้าก็ระส่ำระสายดุจทรายในกระบะต่างคนต่างเริ่มส่งเสียงขึ้นมา“หัวหน้าตายแล้ว พวกเราควรทำอย่างไรดี?”“นั่นสิ แล้วพวกเรายังต้องคุมตัวคนของจวนเยียนอ๋องไปส่งอยู่หรือไม่?”“ทำอย่างไรดี ข้ายังไม่ได้เบี้ยหวัดของเดือนนี้เลยนะ หัวหน้าของพวกเราตายแล้ว ใครจะจ่ายเบี้ยหวัดรายเดือนให้ข้ากันเล่า?”“ถึงเวลานี้แล้วยังคิดถึงเบี้ยหวัดรายเดือนอันใดอีก รีบคิดว่าหลังจากนี้พวกเราควรทำอย่างไรดีกว่า”หานซื่อมองทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นเล็กน้อย เขาไม่ได้เข้าไป
ตอนหัวหน้าจากไปพร้อมกับเจี่ยนอันอัน หานซื่อมองเห็นความกระสันในแววตาของเขาตอนนั้นหานซื่อก็เดาได้แล้วว่าหัวหน้าคงปรารถนาในความงามของเจี่ยนอันอันหัวหน้าคงคิดจะพาเจี่ยนอันอันมาที่นี่เพื่อขืนใจนางเห็นหานซื่อไม่พูดไม่จา เจี่ยนอันอันก็แค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่งนางกล่าวต่อว่า “จากที่เจ้าพูด ข้ายังต้องนำยาถอนพิษมาช่วยคนที่คิดจะทำมิดีมิร้ายข้าด้วยงั้นหรือ?”วาจาของเจี่ยนอันอันทำให้ทหารรักษาพระองค์บริเวณนั้นมองไปทางหัวหน้าที่สิ้นลมไปนานแล้วเป็นตาเดียวมือที่กุมด้ามกระบี่ของพวกเขาก็ปล่อยลงมาด้วยเช่นกันถึงหานซื่อจะสนิทสนมกับหัวหน้า แต่เขาก็รู้ว่าการข่มขืนนักโทษเนรเทศคนหนึ่งเป็นเรื่องไร้ยางอายมากเพียงใดนับประสาอะไรกับที่เขายังเคยเกลี้ยกล่อมหัวหน้าว่าอย่ามัวเมาในนารีแต่หัวหน้าไม่เคยฟังคำแนะนำของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า หัวหน้าได้รับผลจากการกระทำของตัวเองจนตัวตายเพราะพิษงูส่วนทหารรักษาพระองค์ที่ควบคุมนักโทษเนรเทศมาอย่างพวกเขาก็พลอยสูญเสียผู้นำไปด้วยทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นตกลงสู่ความสับสนกระวนกระวายใจอีกคราทุกคนถกกันขึ้นมาอีกครั้งว่า“หัวหน้าตายแล้ว ต่อจากนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี?”
จนกระทั่งม้าที่เจี่ยนอันอันขี่อยู่ได้กลิ่นควันของกระดาษเงินกระดาษทองที่กำลังเผา มันอดไม่ได้ที่จะจามออกมาเสียงดังชายหนุ่มพลันคว้ากระบี่ข้างกายขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตัว หันมองไปยังเบื้องหลังทว่าไม่มีผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว ในศาลบรรพชนแห่งนี้ นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีแม้แต่เงาของผู้ใดชายหนุ่มลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่มีทหารที่ถูกส่งมาไล่ล่าทว่าในตอนที่เขาหันหน้ามานั้น เจี่ยนอันอันกลับต้องสะดุ้งในใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่งบนใบหน้าของชายหนุ่ม ผิวหนังส่วนหนึ่งหลอมละลายจนติดกันบางจุดยังมีน้ำหนองไหลออกมา ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักเจี่ยนอันอันคิดในใจว่า ชายผู้นี้คงเคยถูกไฟคลอกมาก่อน และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันทวงทีเขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนด้วยใบหน้าเช่นนี้ เกรงว่าหากบิดามารดาในโลงศพของเขาได้เห็นเข้าก็คงจะตกใจจนสะดุ้งลุกขึ้นมาเป็นแน่เมื่อฉู่จวินสิงเห็นใบหน้าของชายผู้นี้ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิมบัดนี้ ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังคงอยู่ในสภาวะล่องหนทำให้ชายหนุ่มไม่อาจล่วงรู้ถึงการมาของพวกเขา“เหตุใดจึงเป็นเขา?” ฉู่จวินสิงเผลอพึมพำออกมาเจี่ยนอันอันมอง
ฉู่จวินสิงเอ่ยว่า “พวกเขามีนามว่าหม่าลู่ เฉินเช่อ เจียงหลิว ลู่ซาน และหลิ่วหยวน”เจี่ยนอันอันจดจำชื่อของทั้งห้าคนไว้ในใจนางให้ฉู่จวินสิงจับบังเหียนม้าให้แน่น เช่นนี้แล้วพวกเขาจะได้เคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาไปถึงจุดหมายพร้อมกับม้าที่ขี่อยู่ได้ทั้งสองตั้งจิตแน่วแน่ นึกถึงชื่อของเหล่าทหารใต้บัญชาพวกนั้น ในชั่วพริบตาพวกเขาก็อันตรธานหายไปจากที่เดิมเมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครา ก็พบว่าตนมาอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งบ้านเรือนโดยรอบล้วนปิดประตูสนิท ไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่พวกเขาตามหาจะอยู่ที่นี่หรือไม่เจี่ยนอันอันกระตุกมุมปากเล็กน้อย คิดในใจว่าคุณสมบัติของยาเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาว่ายังไม่สมบูรณ์พอเห็นทีว่าจะเป็นเพราะเมื่อตอนนางหลอมยา นางรีบร้อนเกินไป หากมีเวลาเพิ่มอีกสักหน่อย นางคงจะหลอมยาเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาที่สมบูรณ์แบบกว่านี้ได้บัดนี้ต้องหาทางพัฒนาประสิทธิภาพของยาให้มากขึ้น มิฉะนั้น หากต้องใช้การเคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาอีกครั้ง ก็ไม่รู้เลยว่าจะถูกส่งไปยังที่ใดอีกแต่ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี หรือจะให้พวกเขาเดินเคาะประตูไปทีละบ้าน ถามชาวบ้านว่ามีผู้ใดพบเห็นคนที่พวกเขาตามหาบ้างหรือไม่กระนั้นหรือ
เจี่ยนอันอันไม่เคยบอกฉู่จวินสิงเกี่ยวกับภารกิจของมิตินางจึงแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา “ข้าไม่เคยแปลงโฉมมาก่อน พอได้คิดว่ากลับไปถึงเมืองจิงโจวแล้วจะได้ลองดูแปลงโฉมดู ข้าก็ตื่นเต้นขึ้นมา”คิ้วของฉู่จวินสิงที่ขมวดมุ่นอยู่ก่อนหน้านี้ ค่อย ๆ คลายลงเล็กน้อยสำหรับเขาวิชาแปลงโฉมง่ายดายไม่ต่างจากการกินข้าวแต่สำหรับเจี่ยนอันอัน กลับเป็นสิ่งแปลกใหม่และน่าตื่นเต้น“ในโลกของเจ้า ไม่มีผู้ใดที่รู้วิชาแปลงโฉมหรือ?”ฉู่จวินสิงพลันรู้สึกสงสัย โลกของเจี่ยนอันอันเป็นเช่นไรกันแน่?เจี่ยนอันอันส่ายศีรษะเบา ๆ “วิชาแปลงโฉมข้าเคยเห็นแค่ในละครเท่านั้น แต่ก็เป็นของปลอม”“ศาสตร์แปลงโฉมที่แท้จริง สูญหายไปนานแล้ว”เจี่ยนอันอันกล่าวถึงตรงนี้ ก็นึกถึงการแสดงเปลี่ยนหน้ากากเสฉวนขึ้นมาได้นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชมขึ้นว่า “แต่ในโลกของข้าก็มีศาสตร์แปลกใหม่เช่นกัน เรียกว่าวิชาเปลี่ยนหน้า”ฉู่จวินสิงเกิดความสนใจขึ้นมาทันที เขาอยากรู้ว่าวิชาเปลี่ยนหน้าที่นางพูดถึง จะเหมือนกับวิชาแปลงโฉมของเขาหรือไม่เขาไม่ได้ถามออกมา เพียงรอให้เจี่ยนอันอันเล่าต่อไปเองเจี่ยนอันอันกล่าวต่อด้วยความตื่นเต้นว่า “วิชาเปลี่ยนหน้าของพวกเราก็
ฉู่จวินสิงถือหน้ากากหนังมนุษย์สองผืนไว้ในมือ ก่อนยิ้มบาง ๆ “พวกเราปลอมตัวเป็นพวกมันแล้วกลับเข้าเมืองจิงโจวกันเถิด”เจี่ยนอันอันมองดูหน้ากากหนังมนุษย์ทั้งสองแผ่น แล้วเข้าใจถึงจุดประสงค์ของฉู่จวินสิงทันทีนางเคยเห็นในละครหรืออ่านในนิยายว่า มีคนในยุคโบราณไม่น้อยที่เชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉมนางไม่คาดคิดเลยว่าฉู่จวินสิงก็มีความสามารถด้านการแปลงโฉมนี่เป็นศาสตร์ที่นางหลงใหลมาโดยตลอดสายตาของเจี่ยนอันอันที่มองฉู่จวินสิง เปล่งประกายไปด้วยความชื่มชมฉู่จวินสิงจัดเก็บหน้ากากหนังมนุษย์อย่างระมัดระวัง แล้วส่งให้เจี่ยนอันอัน ให้นางช่วยเก็บไว้ในมิติก่อนเจี่ยนอันอันรับหน้ากากหนังมนุษย์มาเก็บเข้าไปในมิติ หลังล้างทำความสะอาดแล้วก็นำไปแช่ในน้ำพุวิญญาณ“แล้วจากนี้พวกเราควรทำเช่นไรต่อ?”“ในเมื่อจะปลอมตัวเป็นอิ่นเจียงกับหน่วยกล้าตายเพื่อแฝงตัวเข้าไปในเมืองจิงโจว ก็ไม่ควรกลับไปเร็วเกินไปนัก”“พวกเราจะขี่ม้าไปอย่างช้า ๆ เมื่อใกล้ถึงเมืองจิงโจว ข้าจะช่วยเจ้าแปลงโฉมเอง”ฉู่จวินสิงเอ่ยพลางเดินไปเลือกม้าที่ดีที่สุดสองตัวเขาถอดอานม้าที่เหลืออีกสี่ตัวออก ก่อนจะฟาดลงบนบั้นท้ายของพวกมันอย่างแรงม้าทั้งสี่ร
เขาพยายามเพ่งมองใบหน้าของเจี่ยนอันอันให้ชัดเจน ทว่าโลหิตทำให้ดวงตาพร่ามัวจนเขามองอะไรไม่ชัดเลยมองเห็นแค่ร่างหญิงสาวบอบบางผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขาเสียงของเจี่ยนอันอันไพเราะเสนาะหู ทว่าคำที่นางพูดออกมากลับทำให้ผู้คนขนลุกไปถึงปลายเท้า“ท่านพี่ ท่านลงมือถลกหนังหน้าเขาแล้ว ข้าว่าถลกหนังมันทั้งตัวไปเลยดีหรือไม่”“ข้าไม่เคยเห็นการถลกหนังคนทั้งเป็นมาก่อน คิดดูแล้วน่าตื่นเต้นไม่น้อย”หน่วยกล้าตายได้ยินก็รู้สึกขนลุกทันที สตรีผู้นี้เหตุใดจึงโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้นางยังเป็นสตรีอยู่หรือไม่?หน่วยกล้าตายกัดฟันแน่น ดวงตาสีเลือดซึ่งไร้เปลือกตาจ้องเขม็งไปที่เจี่ยนอันอันด้วยแรงอาฆาตฉู่จวินสิงกระชับวงแขนที่โอบรัดเอวของเจี่ยนอันอันแน่นขึ้น หญิงสาวผู้นี้ช่างกล้าพูดเสียจริงเจี่ยนอันอันหันมายิ้มกว้างให้ฉู่จวินสิงแล้วกล่าวว่า “ข้าพูดเล่นเท่านั้น การถลกหนังทั้งเป็นมันนองเลือดเกินไป ข้ากลัวว่าเห็นมากเกินไปแล้วจะฝันร้ายเอาได้”หน่วยกล้าตายที่ได้ยินเช่นนั้นแอบถอนหายใจโล่งอกบัดนี้เขาเพียงหวังให้ตนตายอย่างรวดเร็ว ไม่อยากทนรับความเจ็บปวดอันแสนทรมานนี้อีกต่อไปเจี่ยนอันอันมองดูสภาพของหน่วยกล้าตายที่ก
“เรื่องที่เจ้าพูดมาพวกนี้ ข้าคาดเดาได้แต่แรกแล้ว”คำพูดของฉู่จวินสิงทำให้หัวใจอิ่นเจียงพลันกระตุกวูบนี่หมายความว่าข้อมูลที่เขาให้ไปยังไม่สามารถทำให้ฉู่จวินสิงพอใจได้น่ะสิ?อิ่นเจียงเค้นสมองคิดหาวิธีเอาชีวิตรอดแต่แม้เขาจะเป็นคนของฉู่ชางเหยียน แต่เรื่องที่รู้กลับมีไม่มากนักหากไม่ใช่เพราะฉู่ชางเหยียนส่งพวกเขามาสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงที่เมืองอินเป่ย เกรงว่าเขาก็คงไม่รู้เรื่องนี้ละเอียดเช่นนี้เหมือนกันฉู่จวินสิงมองอิ่นเจียงด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าเจ้าไม่มีข้อมูลอย่างอื่นอีก ข้าจะลงมือแล้วนะ”ฉู่จวินสิงว่าพลาง มีดสั้นในมือก็แทงมายังใบหน้าอิ่นเจียงอีกครั้งอิ่นเจียงตกใจจนหัวใจแทบกระดอนออกมาจากคอหอยในที่สุดเขาก็นึกถึงความลับที่สำคัญกว่านั้นขึ้นมาได้จึงโพล่งออกมาว่า “เยียนอ๋องโปรดไว้ชีวิตด้วย ข้ายังรู้อีกเรื่อง”ฉู่จวินสิงหยุดมือ มองอิ่นเจียงด้วยสายตาเย็นเฉียบ รอให้อีกฝ่ายพูดต่อไปอิ่นเจียงรีบพูดออกมาว่า “หลังจากรัชทายาทถูกทำลายวรยุทธ์ก็ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวง”“แต่ครึ่งเดือนก่อน อยู่ดีๆ รัชทายาทก็เสียสติ บัดเดี๋ยวร้องไห้บัดเดี๋ยวหัวเราะอยู่ในคุกหลวงทั้งวัน ทั้งยังใช้ศีรษะโขกกำแพง
มือฉู่จวินสิงหยุดชะงัก อิ่นเจียงเข้าใจว่าฉู่จวินสิงถูกเขาโน้มน้าวได้แล้วเขารีบคุกเข่าลงตรงหน้าฉู่จวินสิง โขกศีรษะอย่างหนักหน่วงสามครั้งเลือดสดๆ ไหลลงมาตามปากแผล หยดลงบนสาบเสื้อ“ขอเพียงเยียนอ๋องยอมละเว้นข้า ข้าจะบอกความลับทุกอย่างต่อเยียนอ๋อง”อิ่นเจียงโขกศีรษะพลางพร่ำพูดอ้อนวอนฉู่จวินสิงไม่ได้คิดจะเถือหนังหน้าอิ่นเจียงเร็วปานนั้นเขารู้ว่าอิ่นเจียงอยู่ข้างกายฉู่ชางเหยียนมานานปีย่อมรู้ความลับเกี่ยวกับฉู่ชางเหยียนมากมายหลายเรื่องเขาจะรอจนอิ่นเจียงบอกความลับทั้งหมดออกมาแล้วค่อยเถือหนังหน้าของอีกฝ่ายฉู่จวินสิงกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ทางที่ดีเจ้าจงบอกข้ามาทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเจ้าก็รู้ฝีมือข้าดี”คราวนี้อิ่นเจียงไม่กล้าปิดบังอีกแล้ว บอกแผนการของฉู่ชางเหยียนออกมาจนหมดเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทหารรักษาพระองค์ที่ควบคุมครอบครัวฉู่จวินสิงมาแดนเนรเทศกลับไปถึงเมืองจิงโจวฉู่ชางเหยียนรู้จากปากหานซื่อว่า ที่แท้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ถูกหมีดำกัดตายระหว่างทางส่งตัวนักโทษเนรเทศพวกเขายังได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเพราะเหตุนี้ ส่วนฉู่จวินสิงเสียชีวิตกะทันหันระหว่างทางฉู่ชางเหยียนพอใจอย่างมาก ตกร
อิ่นเจียงเบิกตามองหนังหน้าของหน่วยกล้าตายผู้นั้นถูกฉู่จวินสิงเถือออกมาหัวใจเขาเต้นกระหน่ำกล่าวกันว่าเยียนอ๋องโหดเหี้ยมอำมหิต ปฏิบัติต่อศัตรูโดยไม่เลือกวิธีการแต่การได้มาเห็นภาพนี้ด้วยตาตัวเองทำให้หนังศีรษะของอิ่นเจียงชาหนึบเจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่บนต้นไม้เห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ต้องนึกเลื่อมใสฉู่จวินสิงในใจนี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นด้านที่โหดร้ายเช่นนี้ของฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงว่าพอฉู่จวินสิงจะโหดขึ้นมา เทียบกับนางแล้วยังโหดกว่าเสียอีกฉู่จวินสิงถือหนังหน้าที่สมบูรณ์ดีแผ่นนั้นพลางก้าวยาวๆ มาทางอิ่นเจียงอิ่นเจียงตกใจถอยหลังกรูด เขากล่าวอย่างลนลานว่า “เจ้าจะทำอะไร เจ้าอย่าเข้ามานะ”ฉู่จวินสิงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชะงักฝีเท้าแม้แต่น้อย เขาเดินมาถึงตรงหน้าอิ่นเจียง ก้มตัวลงจ้องมองอีกฝ่าย“ถ้าเจ้ายังไม่พูดความจริงอีกก็จะมีจุดจบเหมือนเขา”อิ่นเจียงมองหน่วยกล้าตายที่ถูกถลกหนังหน้าพร้อมกับรู้สึกหนังศีรษะชาวาบลักษณะที่เลือดเนื้อเลอะเลือนแบบนั้น ถึงจะเป็นอิ่นเจียงที่โหดเหี้ยมอำมหิตก็ยังหวาดกลัวจนทำใจมองตรงๆ ไม่ลงหน่วยกล้าตายอีกสามคนเห็นอย่างนั้นก็ล้วนตกใจกลัวจนตัวสั่นความตายหาได้น่
ฉู่จวินสิงหยิบกระบี่บนพื้นขึ้นมาแล้วก้าวเท้ายาวๆ ตรงมาหาอิ่นเจียงอิ่นเจียงกัดฟันตวาดว่า “ฉู่จวินสิง เจ้าฆ่าข้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นถ้าฝ่าบาททรงทราบจะต้องไม่ปล่อยเจ้ากับครอบครัวเจ้าไปแน่!”ฉู่จวินสิงหัวเราะเสียงเย็น กระบี่ในมือชี้ไปยังใบหน้าอิ่นเจียง“เจ้าคิดว่าฉู่ชางเหยียนจะรู้ว่าเจ้าถูกข้าสังหารงั้นรึ?”“อย่าลืมสิว่าตอนที่เจ้าทรมานข้า ในสายตาฉู่ชางเหยียน ข้าเป็นคนที่ใกล้จะตายแล้ว”อิ่นเจียงถูกคำพูดของฉู่จวินสิงทำให้โมโหจนกระอักเลือดออกมาคำหนึ่งฉู่จวินสิงพูดถูก ตอนนั้นเขาถูกทรมานจนเหลือแค่ลมหายใจสุดท้ายประกอบกับความลำบากตรากตรำจากการเดินทาง หากพิจารณาจากสภาพของฉู่จวินสิงในยามนั้น เกรงว่าคงตายไปตั้งแต่ระหว่างทางแล้วส่วนที่เขานำหน่วยกล้าตายมาเมืองอินเป่ยในครั้งนี้ก็เป็นคำสั่งของฉู่ชางเหยียนฉู่ชางเหยียนให้พวกเขามาที่เมืองอินเป่ยอย่างลับๆ เพื่อสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงฉู่ชางเหยียนไม่คิดจะปล่อยให้ครอบครัวของฉู่จวินสิงรอดไปแม้แต่คนเดียวอยู่แล้ว แต่เขาไม่อยากถูกครหาว่าสังหารพี่น้องร่วมสายเลือดตั้งแต่เพิ่งขึ้นครองราชย์ครอบครัวฉู่จวินสิงถูกเนรเทศมาที่เมืองอินเป่ยนานปานนี้ ต่อให้พ