ทั้งคู่หามร่างหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ขึ้นมาแล้วโยนลงไปในลำธารหลังจัดการทั้งหมดนี้เสร็จ เจี่ยนอันอันก็แสดงท่าทางประหวั่นลนลานออกมาแล้ววิ่งไปยังสถานที่ที่ทุกคนพักผ่อนกันอยู่นางวิ่งพลางร่ำร้องเสียงดัง “แย่แล้ว หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตกน้ำ รีบมาช่วยคนเร็วเข้า!”ฉู่อันเจ๋อโคจรกำลังภายใน เขาแตะปลายเท้าเบาๆ ก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ได้แล้วพรางตัวท่ามกลางใบไม้ คนข้างล่างยากจะค้นพบการดำรงอยู่ของเขาทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นได้ยินเสียงตะโกนของเจี่ยนอันอันดังมาแต่ไกลพวกเขาล้วนผุดลุกพรวดพราดเมื่อเจี่ยนอันอันวิ่งกลับมาถึงจุดพักผ่อน นางเอ่ยเสียงกระหืดกระหอบว่า “รีบ...รีบไปช่วยหัวหน้าของพวกเจ้าเร็วเข้า”หานซื่อเห็นว่ามีแค่เจี่ยนอันอันกลับมาคนเดียว นางยังพร่ำบอกให้พวกเขาไปช่วยหัวหน้าเขาก้าวยาวๆ ไม่กี่ก้าวมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอัน ชักกระบี่จากหว่างเอวมาขวางไว้เหนือลำคอของนาง“พูดมา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ หัวหน้าของพวกข้าเล่า?”เจี่ยนอันอันแสดงท่าทางหวาดกลัวออกมา นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว “หัว...หัวหน้าเขาตกน้ำไปแล้ว พวกเจ้ารีบไปช่วยเขาเร็วเข้า ชักช้ากว่านี้จะไม่ทันการแล้วนะ”หานซื่อขมวดคิ้
หานซื่อหาได้เชื่อคำพูดของเจี่ยนอันอันไม่ รอจนทุกคนช่วยกันหามหัวหน้าของพวกเขาขึ้นมาบนฝั่งหนึ่งในทหารรักษาพระองค์ร้องเสียงดัง “พวกเจ้าดูนั่น ตรงข้อเท้าของหัวหน้ามีงูอยู่ตัวหนึ่ง”หานซื่อได้ยินคำพูดนั้นก็เก็บกระบี่ในมือกลับเข้าฝัก เดินไปทางร่างของหัวหน้าหานซื่อมองไปที่ข้อเท้าของหัวหน้าก็พบว่ามีงูพิษสีดำตัวหนึ่งพันอยู่จริงๆขณะที่สีหน้าของหัวหน้ากลายเป็นสีดำอมม่วงร่างกายเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ หมดลมหายใจไปนานแล้วแค่เห็นก็รู้ว่าตายเพราะถูกพิษหานซื่อใช้กระบี่แทงงูพิษ ดึงมันออกจากร่างหัวหน้าแล้วสะบัดลงบนพื้นครั้นทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นปราศจากหัวหน้าก็ระส่ำระสายดุจทรายในกระบะต่างคนต่างเริ่มส่งเสียงขึ้นมา“หัวหน้าตายแล้ว พวกเราควรทำอย่างไรดี?”“นั่นสิ แล้วพวกเรายังต้องคุมตัวคนของจวนเยียนอ๋องไปส่งอยู่หรือไม่?”“ทำอย่างไรดี ข้ายังไม่ได้เบี้ยหวัดของเดือนนี้เลยนะ หัวหน้าของพวกเราตายแล้ว ใครจะจ่ายเบี้ยหวัดรายเดือนให้ข้ากันเล่า?”“ถึงเวลานี้แล้วยังคิดถึงเบี้ยหวัดรายเดือนอันใดอีก รีบคิดว่าหลังจากนี้พวกเราควรทำอย่างไรดีกว่า”หานซื่อมองทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นเล็กน้อย เขาไม่ได้เข้าไป
ตอนหัวหน้าจากไปพร้อมกับเจี่ยนอันอัน หานซื่อมองเห็นความกระสันในแววตาของเขาตอนนั้นหานซื่อก็เดาได้แล้วว่าหัวหน้าคงปรารถนาในความงามของเจี่ยนอันอันหัวหน้าคงคิดจะพาเจี่ยนอันอันมาที่นี่เพื่อขืนใจนางเห็นหานซื่อไม่พูดไม่จา เจี่ยนอันอันก็แค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่งนางกล่าวต่อว่า “จากที่เจ้าพูด ข้ายังต้องนำยาถอนพิษมาช่วยคนที่คิดจะทำมิดีมิร้ายข้าด้วยงั้นหรือ?”วาจาของเจี่ยนอันอันทำให้ทหารรักษาพระองค์บริเวณนั้นมองไปทางหัวหน้าที่สิ้นลมไปนานแล้วเป็นตาเดียวมือที่กุมด้ามกระบี่ของพวกเขาก็ปล่อยลงมาด้วยเช่นกันถึงหานซื่อจะสนิทสนมกับหัวหน้า แต่เขาก็รู้ว่าการข่มขืนนักโทษเนรเทศคนหนึ่งเป็นเรื่องไร้ยางอายมากเพียงใดนับประสาอะไรกับที่เขายังเคยเกลี้ยกล่อมหัวหน้าว่าอย่ามัวเมาในนารีแต่หัวหน้าไม่เคยฟังคำแนะนำของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า หัวหน้าได้รับผลจากการกระทำของตัวเองจนตัวตายเพราะพิษงูส่วนทหารรักษาพระองค์ที่ควบคุมนักโทษเนรเทศมาอย่างพวกเขาก็พลอยสูญเสียผู้นำไปด้วยทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นตกลงสู่ความสับสนกระวนกระวายใจอีกคราทุกคนถกกันขึ้นมาอีกครั้งว่า“หัวหน้าตายแล้ว ต่อจากนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี?”
เจี่ยนอันอันถาม “เจ้ามีนามว่าอะไร เป็นทหารรักษาพระองค์มากี่ปีแล้ว?”หานซื่ออึ้งไป แต่เขายังคงตอบตามความจริง “ข้ามีนามว่าหานซื่อ เป็นทหารรักษาพระองค์มาได้เจ็ดปีแล้ว”เจี่ยนอันอันพยักหน้า ในใจใคร่ครวญแผนการหนึ่งขึ้นมาได้นางเอ่ยกับหานซื่อว่า “ข้ารู้สึกว่าเจ้าเป็นคนซื่อสัตย์เที่ยงธรรม ก่อนหน้านี้เจ้ายังเคยให้น้ำข้ามาสองถุง เพื่อตอบแทนเจ้า ข้าคิดจะเสนอเจ้าเป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์”หานซื่อได้ยินอย่างนั้นก็นิ่งอึ้งอยู่กับที่“เจ้าพูดล้อเล่นกับข้างั้นรึ เจ้าจะเสนอให้ข้าเป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์?”ตำแหน่งหัวหน้าทหารรักษาพระองค์มีแต่ต้องให้ทหารรักษาพระองค์ด้วยกันคัดเลือกมาเท่านั้นนางซึ่งเป็นนักโทษที่ถูกเนรเทศคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมาเสนอเขาเป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์เจี่ยนอันอันมองหานซื่อพลางเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “หากข้าบอกว่าข้ามีความสามารถพอที่จะเสนอชื่อเจ้าเป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์เล่า วันหน้าเจ้าจะตอบแทนข้าอย่างไร?”หานซื่อก้มหน้า หลังนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็ตอบว่า “หากข้าได้เป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์จริงๆ ต่อไปหากมีอะไรเรียกใช้ข้า ข้าย่อมจะช่วยเหลือโดยไม่อิดออด”เจี่ยนอันอัน
ผ่านไปไม่นาน น้ำร้อนก็ถูกยกมาเจี่ยนอันอันนำยาถอนพิษมาละลายในน้ำนางฉีกผ้าจากบนร่างทหารรักษาพระองค์ผู้นั้นมาชิ้นหนึ่ง จุ่มจนชุ่มแล้วนำมาเช็ดปากแผลให้เขาเมื่อผ้าชุบน้ำยาเช็ดไปบนปากแผล ปากแผลก็มีฟองสีขาวฟอดขึ้นมาทันทีหลังฟองสีขาวหายไป ปากแผลก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว กระดูกโผล่มาให้เห็นทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็อดจะสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บไม่ได้พวกเขามุงอยู่รอบๆ มองดูเจี่ยนอันอันช่วยรักษาสหายของพวกตนหานซื่อก็นั่งอยู่ข้างๆ คอยมองเจี่ยนอันอันตาไม่กะพริบน้ำในอ่างเปลี่ยนเป็นน้ำเลือดสีดำอย่างรวดเร็วหลังเจี่ยนอันอันโยนเศษผ้าชิ้นนั้นทิ้งไปแล้ว ก็โรยผงยาใส่ปากแผลอีกครั้งนางเงยหน้าขึ้นกล่าวกับทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น “ใครมีผ้าสำหรับพันแผลบ้าง?”ในไม่ช้าก็มีทหารรักษาพระองค์คนหนึ่งนำผ้าป่านสีขาวมาส่งให้เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันพันแผลให้ทหารรักษาพระองค์ที่ถูกงูกัดผู้นั้นเสร็จ นางก็ให้เขากินยาถอนพิษหนึ่งเม็ดกินยาถอนพิษติดต่อกันสองเม็ด บวกกับกรีดเนื้อเน่าที่มีพิษทิ้งให้เขาชีวิตของทหารรักษาพระองค์ผู้นี้ก็นับว่ารักษาไว้ได้แล้วเจี่ยนอันอันลุกขึ้นยืน กล่าวกับทุกคนว่า “อีกหนึ
ฮูหยินใหญ่หยิบปลาที่ย่างเสร็จแล้วส่งมาให้เจี่ยนอันอัน“หิวแย่แล้วสินะ รีบกินปลาเถิด”เจี่ยนอันอันรับปลาย่างมาอย่างดีใจ แล้วกินทีละคำโตๆแม้ปลาย่างนี้จะไม่ได้ใส่เกลือ แต่กินแล้วก็ยังสดใหม่มากฮูหยินใหญ่มองเจี่ยนอันอันด้วยแววตานิยมชมเชยอย่างยิ่งเมื่อครู่ตอนฉู่อันเจ๋อแบกทหารรักษาพระองค์ที่ถูกงูกัดกลับมา นางก็ถามฉู่อันเจ๋อแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นฉู่อันเจ๋อจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฮูหยินใหญ่ฟังฮูหยินใหญ่ได้ยินแล้วก็อึ้งไปนางคิดไม่ถึงเลยว่าเจี่ยนอันอันจะฉลาดเกินคนเช่นนี้เจี่ยนอันอันไม่เพียงวางแผนสังหารหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ที่ยโสโอหังผู้นั้นนางยังสามารถทำให้ทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ ไม่กล้าแคลงใจในตัวนางอีกด้วยน่าเสียดายที่นางเป็นสตรีผู้หนึ่ง หากเป็นบุรุษ ในอนาคตนางจะต้องเป็นผู้ปกครองที่ดีได้อย่างแน่นอนฉู่อันเจ๋อเล่าเรื่องราวให้ฮูหยินใหญ่ฟังเสร็จก็วิ่งไปหาฉู่จวินสิงกับฉู่จวินหลุน บอกเล่าเรื่องนี้ต่อพวกเขาฉู่จวินสิงที่เดิมทียังเข้าใจเจี่ยนอันอันผิด หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ในใจก็บังเกิดระลอกบางอย่างที่ต่างไปจากเดิมจนกระทั่งเขาเห็นเจี่ยนอันอันประคองหานซื่อกลับมา แล้วเห
ทุกคนเข้าไปในเมืองเฉาซานแล้ว หานซื่อก็ตั้งใจว่าจะหาโรงเตี๊ยมสักแห่งให้ทุกคนพักผ่อนสักคืนแล้วค่อยเดินทางต่อทหารรักษาพระองค์ที่ถูกงูกัดผู้นั้นได้สติคืนมานานแล้วเขาพบว่าตนเองนอนอยู่บนหลังม้า และรู้จากทหารรักษาพระองค์คนอื่นว่าอดีตหัวหน้าตายแล้วพวกเขาสนับสนุนให้หานซื่อเป็นหัวหน้าคนใหม่ของพวกตนเห็นหานซื่อหัวหน้าคนใหม่เดินนำทางอยู่ข้างหน้า เขาก็รู้สึกเกรงใจยิ่งนักจึงจะลงมาจากบนหลังม้าหานซื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็หันกลับมาพูดว่า “เจ้านอนบนหลังม้าไปเถอะ รอพวกเราหาโรงเตี๊ยมได้แล้วค่อยพักผ่อนดีๆ สักคืน”ทหารรักษาพระองค์ผู้นั้นพยักหน้าอย่างเกรงอกเกรงใจ หมอบลงไปบนหลังม้าตามเดิมเจี่ยนอันอันเดินเข้ามามอบยาถอนพิษให้ทหารรักษาพระองค์ผู้นั้นกินอีกเม็ดรอให้ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม พิษในร่างกายเขาก็นับว่ากำจัดออกหมดสิ้นแล้วเดิมนั้นนักโทษเนรเทศไม่สามารถเดินทางบนทางหลวงได้ ทำได้แค่เดินทางอ้อมไปเมืองอินเป่ยแต่หานซื่อเห็นแก่บุญคุณของเจี่ยนอันอัน เขาจึงตัดสินใจไม่ทำตามธรรมเนียม แต่เปลี่ยนไปเดินทางบนทางหลวงขณะที่เมืองเฉาซานแห่งนี้คือเส้นทางที่จำเป็นต้องผ่านเพื่อไปยังเมืองอินเป่ยอย่างไรเส
ฉู่จื่อซีเงียบมากจริงๆ เจี่ยนอันอันจึงไม่เคยสังเกตเขาอย่างจริงๆ จังๆสายฟ้าสว่างวาบอีกครา ทำให้ใบหน้าของฉู่จื่อซีชัดเจนขึ้นมาเจี่ยนอันอันค่อยสังเกตว่าสีหน้าของฉู่จื่อซีไม่สู้ดีนัก ค่อนข้างจะหมองคล้ำนางนั่งยองลงมากุมมือฉู่จื่อซีพลางเอ่ย “จื่อซีเด็กดี ให้ข้าจับชีพจรหน่อยได้หรือไม่?”ฉู่จื่อซีหันหน้าไปมองฟางอิ๋งมารดาของตนเองฟางอิ๋งพยักหน้าให้เขา ฉู่จื่อซีค่อยยื่นมือน้อยออกมาข้างหนึ่งเจี่ยนอันอันแย้มยิ้มให้ฉู่จื่อซี คิดในใจว่าเด็กคนนี้ว่าง่ายดีจริงๆนางเริ่มจับชีพจรให้ฉู่จื่อซีครั้นได้จับชีพจร คิ้วของเจี่ยนอันอันก็ขมวดแน่นขึ้นทุกทีใบหน้าที่เดิมทียิ้มแย้มก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมฟางอิ๋งเห็นเช่นนั้นก็รีบถามว่า “เป็นอะไรไป ร่างกายจื่อซีลูกข้ามีปัญหาหรือ?”คำพูดของนางดึงดูดความสนใจของญาติคนอื่นๆฉู่จวินสิงก็มองมาทางนี้ด้วยเช่นกันฉู่จวินหลุนหมุนล้อรถเข็นตรงมาทางนี้เจี่ยนอันอันวางมือฉู่จื่อซีลง เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “มีปัญหาจริงๆ”คำพูดของนางทำให้จิตใจฟางอิ๋งเขม็งเกลียวขึ้นมา“ลูกข้าป่วยเป็นอะไรหรือ?” ฟางอิ๋งรีบร้อนถามนางประจักษ์ในความสามารถของเจี่ยนอันอันแล้ว ทราบว่าอีกฝ
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค
เจียงหว่านเอ๋อร์ยกมือขึ้น ตบไปยังใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งทว่ามือของนางเพิ่งจะยื่นออกไปได้เพียงแค่กลางอากาศเท่านั้น ก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งคว้าเอาไว้แน่น“เจ้าพอได้แล้ว หากว่ายังมาบ้าคลั่งต่อหน้าของข้าอีก ก็เก็บข้าวของแล้วออกไปซะ!”สีหน้าของเสิ่นจือเจิ้งดูเย็น จ้องมองไปยังเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนเกือบจะบ้าด้วยความโกรธดวงตาทั้งคู่ของเจียงหว่านเอ๋อร์แดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุดสีหน้าของนางซีดขาว ความขุ่นเคืองในใจอันหนักหน่วง ทว่ากลับไม่มีที่ให้ระบายออกมาได้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเข้ามา เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ถือว่าเจี่ยนอันอันเป็นศัตรูนางดึงมือออกจากเสิ่นจือเจิ้ง แล้วเดินมาทางด้านเจี่ยนอันอัน“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเอาดวงวิญญาณของจือเจิ้งออกไป แล้วเขาจะทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์นำความโกรธทั้งหมด ระบายใส่เจี่ยนอันอันทั้งหมดล้วนแต่เป็นความผิดของเจี่ยนอันอันหากไม่ใช่เจี่ยนอันอันที่คลายคุณไสยร้ายให้เสิ่นจือเจิ้ง เขาก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมาและไม่มีทางที่จะจำนางไม่ได้นางยินยอมให้เสิ่นจือเจิ้งตอนนี้ ยังคงอยู่ในอาการสลบไสลไม่ตื่นขึ้น
“เจ้านำหนังสือหย่านี้ไปให้เจียงหว่านเอ๋อร์ แล้วบอกนางว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราสิ้นสุดแล้ว”“ต่อไปนางจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นอิสระของนาง ข้าไม่สนใจและไม่คิดจะสนใจ”เจี่ยนอันอันมองหนังสือหย่าในมือ ดูท่าแล้วพี่ชายของนางคงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะหย่าเจียงหว่านเอ๋อร์เจี่ยนอันอันมิได้กล่าวสิ่งใดอีก เมื่อพี่ชายคิดเช่นนี้ นางก็พร้อมเคารพการตัดสินใจนั้นยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เจียงหว่านเอ๋อร์เป็นฝ่ายผิดก่อน จึงมิอาจโทษพี่ชายได้เจี่ยนอันอันถือหนังสือหย่า เดินออกไป นางเคาะประตูห้องของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจียงหว่านเอ๋อร์รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินมาเปิดประตูเมื่อนางเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”เจี่ยนอันอันผลักเจียงหว่านเอ๋อร์ออกไป แล้วก้าวเข้าไปในห้อง“ข้ามิได้เชิญเจ้าเข้ามา เจ้าไม่มีสิทธิ์บุกรุกเข้ามาในห้องของข้าโดยพลการ!”เจียงหว่านเอ๋อร์กล่าว พลางยื่นมือจะดึงตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันหมุนตัวก้าวหลบอย่างคล่องแคล่วนางยกหนังสือหย่าในมือขึ้นแสดงต่อหน้าเจียงหว่านเอ๋อร์“พี่ชายของข้าได้เขียน
เจียงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก รีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้ววิ่งออกไปเมื่อมาถึงหน้าห้อง นางเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ซีดขาวพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำบทสนทนาระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้งเมื่อครู่ เกรงว่าเจี่ยนอันอันจะได้ยินหมดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้าลง รีบวิ่งกลับไปยังห้องถัดไปแล้วปิดประตูแน่นสนิทนางไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้นางผิดที่ตรงไหนกันแน่?นางคือคนที่ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเสิ่นจือเจิ้งมาแล้ว ต่อให้จะทำอะไรกับเขา ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องทั้งสิ้น แต่เมื่อครู่ ตอนที่นางเห็นเจี่ยนอันอัน นางกลับสังเกตเห็นแววรังเกียจบนใบหน้าของอีกฝ่ายสายตานั้นราวกับมองนางเป็นหญิงชั่วที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมอยู่บนเตียงยิ่งเจียงหว่านเอ๋อร์คิด นางก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางทำผิดอะไรกันแน่ ถึงต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้เหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงไม่ยอมให้นางแตะต้อง เขาเกลียดนางขนาดนั้นเชียวหรือ?หรือว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ได้มองเจี่ยนอันอันเป็นเพียงน้องสาว แต่ชอบนางในฐานะสตรีคนหนึ่งมีคำกล่าวว่า เมื่อบุรุษเปลี่ยนใจ ย่อมไม่สนใจภรรยาคนแรกของตนอีกต่อไ
“ท่านพี่ หลายวันมานี้ท่านไม่ยอมให้ข้าแตะต้องท่านเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด”“วันนี้ข้าจำต้องใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ วางยาสลบในอาหารของท่าน หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือโทษโกรธเคือง”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดพลางเดินมาที่ข้างเตียงอุ่น มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าเรียบเนียนของเสิ่นจือเจิ้งบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอยากจะใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน บัดนี้กำลังนอนอยู่เบื้องหน้านางใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์พลันขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจของนางเต้นแรง ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้นมือที่หยาบกร้านเล็กน้อย ลูบไล้จากใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งอย่างแผ่วเบา เรื่อยมาจนถึงลำคอมือนั้นไล้ลงต่ำเรื่อยๆ ลงไปที่แผ่นอกของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งอดทนต่อสัมผัสของเจียงหว่านเอ๋อร์ เขายังไม่รีบร้อนลืมตา เพียงแต่อยากดูว่าต่อไป เจียงหว่านเอ๋อร์จะทำอะไรอีกเจียงหว่านเอ๋อร์กำลังจะสอดมือเข้าไปในเสื้อของเสิ่นจือเจิ้งแต่ในจังหวะนั้นเอง เสิ่นจือเจิ้งกลับพลิกตัวหันหลังให้นางเจียงหว่านเอ๋อร์ตกใจจนรีบดึงมือกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงยาสลบที่นางใช้เป็นยาที่นางเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ นางคิดจะใช้มันจัดการกับท่านย่าเล็กแต่คิดไม้ถึงว่า
เจียงหว่านเอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไปพอนางส่งถาดอาหารในมือให้เจี่ยนอันอัน ก็หันหลังเดินจากไปด้วยขอบตาที่แดงเรื่อนับแต่เสิ่นจือเจิ้งฟื้นขึ้นมา ก็เอาแต่พูดจาเย็นชากับนางไม่เคยมีคำพูดใดที่แสดงความห่วงใยต่อนางเลยแม้แต่คำเดียวนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงปฏิบัติต่อนางเช่นนี้หรือว่าเป็นเพราะเขาสูญเสียความทรงจำ นิสัยถึงได้เปลี่ยนไปและเย็นชาต่อนางถึงเพียงนี้?เจี่ยนอันอันมองตามแผ่นหลังของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่เดินจากไป ร่างบอบบางนั้นเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจนางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถือถาดอาหารเดินมาข้างหน้าเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ ท่านจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ข้าว่าเจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่ใช่คนไม่ดีสักหน่อย”“ต่างก็เป็นคนที่ถูกโชคชะตาเล่นตลก ถูกเนรเทศมาไกลถึงที่นี่ เผชิญความลำบากมากมาย”“จะอย่างไรตอนนี้นางเป็นภรรยาของท่านแล้ว ท่านให้โอกาสนางได้ใกล้ชิดกับท่านมากขึ้นหน่อยเถิด”เสิ่นจือเจิ้งยังคงทำหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรจนกระทั่งเห็นเจี่ยนอันอันนำอาหารในถาดออกมา เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามีเข็มเงินอยู่ใช่หรือไม่ ลองตรวจดูส
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น “พี่ใหญ่หมายความว่าอย่างไร?”“ต่อไปเจ้าก็จะเข้าใจเอง” เสิ่นจือเจิ้งไม่คิดจะอธิบายเพิ่มเติม ก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “สองวันมานี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเจี่ยนอันอันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ นางก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมานางเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนประสบพบเจอในช่วงสองวันนี้ให้เสิ่นจือเจิ้งฟังเสิ่นจือเจิ้งดึงตัวเจี่ยนอันอันเข้ามาหา พลางสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า“ชายที่ชื่อกู้มั่วหลีผู้นั้นไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงในลำคอ ดวงตาเผยจิตสังหารอันเหี้ยมโหด“กู้มั่วหลีน่าชังผู้นั้นพยายามจะลวนลามข้าหลายครั้ง น่าชิงชังเสียจริง!”“หากข้าเอาชนะเขาได้ ข้าคงแล่เนื้อเขาเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาไปทำปุ๋ยเสีย”เจี่ยนอันอันยิ่งพูดยิ่งโกรธ มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดผงสลายศพที่นางคิดค้นขึ้นเองกลับไร้ผลต่อกู้มั่วหลีนางไม่เข้าใจเลยว่าเขากินยาแก้พิษอะไรเข้าไปนางต้องไปคิดค้นวิจัยยาพิษใหม่ที่สามารถใช้กับกู้มั่วหลี่โดยเฉพาะให้ได้แววตาของเสิ่นจือเจิ้งฉายประกายอำมหิตกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับน้องสาวของเขา หากเขาได้เจอ เขาจะไม่มีวันปล่อยกู้มั่วห
ซ่างตงเยว่เป็นคนนำน้ำมาส่งให้พวกเขาตลอดสองวันมานี้และน้ำที่บ้านของซ่างตงเยว่ก็รสชาติดีกว่าน้ำที่บ้านพวกเขาไม่รู้กี่เท่าน้ำนี้หวานและอร่อย ทำให้จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วดื่มแล้วหยุดไม่ได้ซ่างตงเยว่เห็นทั้งสองคนดื่มติดต่อกันสองกระบวยใหญ่ก็ร้องว่า “พวกท่านดื่มน้อยหน่อย ท่านพ่อกับอาอวี๋ยังไม่ได้ดื่มเลย”ทั้งสองคนได้ยินดังนี้ก็รีบวางกระบวยตักน้ำลงพวกเขาเช็ดปากก่อนจะหัวเราะแหะๆ ให้ซ่างตงเยว่จ้าวลิ่วยิ้มว่า “นังหนูอย่าคิดมากขนาดนั้นสิ พวกข้าทำงานให้ท่านพ่อของเจ้าไม่น้อยเลยนะ”ซ่างตงเยว่กลอกตามองบนใส่จ้าวลิ่ว คิดในใจว่างานเล็กน้อยที่เจ้าทำเทียบกับที่ท่านพ่อของข้าทำไม่ได้เลยจ้าวอู่มองน้ำในถัง เขาอดถามไม่ได้ว่า “ตงเยว่ เหตุใดน้ำของบ้านเจ้าจึงรสชาติดีเช่นนี้ ไม่ได้เปรี้ยวและฝาดเหมือนน้ำที่บ้านข้า ดื่มยากสุดๆ”ซ่างตงเยว่หันไปมองเจี่ยนอันอันปราดหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรนางไม่มีทางบอกจ้าวอู่ว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนช่วยจัดการบ่อน้ำที่บ้านของนางตอนนั้นเจี่ยนอันอันเห็นบ่อน้ำที่บ้านของนางทั้งเหลืองทั้งขุ่นจึงทำการเทน้ำพุวิญญาณลงไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นน้ำที่บ้านนางก็ใสสะอาดและมีรสชาติดีนี่เป็นความล
ยิ่งไปกว่านั้น ที่พวกเขายอมตอบตกลงที่จะไปตามหาคลังสมบัติด้วยกันก็เกิดจากความละโมบของพวกเขาเองหากไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นเริ่มสังหารเฉียวว่านหลินก่อน พวกเขาก็คงไม่สู้กันในช่องทางลับไม่ต้องมาตายอยู่ในนั้นโดยที่ยังหาคลังสมบัติไม่เจอท่านปู่เฉินมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมด และก็ด้วยเหตุนี้เช่นกัน เขาถึงได้ต้องจมอยู่กับความทรมานทุกวันขณะที่ท่านปู่เฉินกำลังคิดว่าจะแก้ตัวอย่างไร เจี่ยนอันอันก็พูดว่า “มาถึงขั้นนี้ ข้าว่าท่านอย่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอีกเลย”ท่านปู่เฉินเงยหน้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อเขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านชิงสุ่ยมาหลายสิบปี จะต้องมาถูกปลดออกจากตำแหน่งทั้งอย่างนี้หรือ?“แม่นางเจี่ยน ข้าขอโอกาสไถ่โทษสักครั้งได้หรือไม่?”“ข้ายินดีมอบเงินออมทั้งหมดให้ภรรยาและลูกชายของเฉียวว่านหลิน”สิ่งที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่นี้ในบรรดาสี่คนนั้น มีแค่เฉียวว่านหลินที่มีลูกและภรรยา ส่วนอีกสามคนเป็นพวกกล้าตายถึงแม้จะตายไปก็ไม่มีผู้ใดช่วยเก็บศพ เจี่ยนอันอันมองว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางมากนักนางเป็นแค่คนที่ถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่ หากบีบให้ท่านป