ผ่านไปไม่นาน น้ำร้อนก็ถูกยกมาเจี่ยนอันอันนำยาถอนพิษมาละลายในน้ำนางฉีกผ้าจากบนร่างทหารรักษาพระองค์ผู้นั้นมาชิ้นหนึ่ง จุ่มจนชุ่มแล้วนำมาเช็ดปากแผลให้เขาเมื่อผ้าชุบน้ำยาเช็ดไปบนปากแผล ปากแผลก็มีฟองสีขาวฟอดขึ้นมาทันทีหลังฟองสีขาวหายไป ปากแผลก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว กระดูกโผล่มาให้เห็นทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็อดจะสูดลมหายใจอย่างหนาวเหน็บไม่ได้พวกเขามุงอยู่รอบๆ มองดูเจี่ยนอันอันช่วยรักษาสหายของพวกตนหานซื่อก็นั่งอยู่ข้างๆ คอยมองเจี่ยนอันอันตาไม่กะพริบน้ำในอ่างเปลี่ยนเป็นน้ำเลือดสีดำอย่างรวดเร็วหลังเจี่ยนอันอันโยนเศษผ้าชิ้นนั้นทิ้งไปแล้ว ก็โรยผงยาใส่ปากแผลอีกครั้งนางเงยหน้าขึ้นกล่าวกับทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น “ใครมีผ้าสำหรับพันแผลบ้าง?”ในไม่ช้าก็มีทหารรักษาพระองค์คนหนึ่งนำผ้าป่านสีขาวมาส่งให้เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันพันแผลให้ทหารรักษาพระองค์ที่ถูกงูกัดผู้นั้นเสร็จ นางก็ให้เขากินยาถอนพิษหนึ่งเม็ดกินยาถอนพิษติดต่อกันสองเม็ด บวกกับกรีดเนื้อเน่าที่มีพิษทิ้งให้เขาชีวิตของทหารรักษาพระองค์ผู้นี้ก็นับว่ารักษาไว้ได้แล้วเจี่ยนอันอันลุกขึ้นยืน กล่าวกับทุกคนว่า “อีกหนึ
ฮูหยินใหญ่หยิบปลาที่ย่างเสร็จแล้วส่งมาให้เจี่ยนอันอัน“หิวแย่แล้วสินะ รีบกินปลาเถิด”เจี่ยนอันอันรับปลาย่างมาอย่างดีใจ แล้วกินทีละคำโตๆแม้ปลาย่างนี้จะไม่ได้ใส่เกลือ แต่กินแล้วก็ยังสดใหม่มากฮูหยินใหญ่มองเจี่ยนอันอันด้วยแววตานิยมชมเชยอย่างยิ่งเมื่อครู่ตอนฉู่อันเจ๋อแบกทหารรักษาพระองค์ที่ถูกงูกัดกลับมา นางก็ถามฉู่อันเจ๋อแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นฉู่อันเจ๋อจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฮูหยินใหญ่ฟังฮูหยินใหญ่ได้ยินแล้วก็อึ้งไปนางคิดไม่ถึงเลยว่าเจี่ยนอันอันจะฉลาดเกินคนเช่นนี้เจี่ยนอันอันไม่เพียงวางแผนสังหารหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ที่ยโสโอหังผู้นั้นนางยังสามารถทำให้ทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ ไม่กล้าแคลงใจในตัวนางอีกด้วยน่าเสียดายที่นางเป็นสตรีผู้หนึ่ง หากเป็นบุรุษ ในอนาคตนางจะต้องเป็นผู้ปกครองที่ดีได้อย่างแน่นอนฉู่อันเจ๋อเล่าเรื่องราวให้ฮูหยินใหญ่ฟังเสร็จก็วิ่งไปหาฉู่จวินสิงกับฉู่จวินหลุน บอกเล่าเรื่องนี้ต่อพวกเขาฉู่จวินสิงที่เดิมทียังเข้าใจเจี่ยนอันอันผิด หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ในใจก็บังเกิดระลอกบางอย่างที่ต่างไปจากเดิมจนกระทั่งเขาเห็นเจี่ยนอันอันประคองหานซื่อกลับมา แล้วเห
ทุกคนเข้าไปในเมืองเฉาซานแล้ว หานซื่อก็ตั้งใจว่าจะหาโรงเตี๊ยมสักแห่งให้ทุกคนพักผ่อนสักคืนแล้วค่อยเดินทางต่อทหารรักษาพระองค์ที่ถูกงูกัดผู้นั้นได้สติคืนมานานแล้วเขาพบว่าตนเองนอนอยู่บนหลังม้า และรู้จากทหารรักษาพระองค์คนอื่นว่าอดีตหัวหน้าตายแล้วพวกเขาสนับสนุนให้หานซื่อเป็นหัวหน้าคนใหม่ของพวกตนเห็นหานซื่อหัวหน้าคนใหม่เดินนำทางอยู่ข้างหน้า เขาก็รู้สึกเกรงใจยิ่งนักจึงจะลงมาจากบนหลังม้าหานซื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็หันกลับมาพูดว่า “เจ้านอนบนหลังม้าไปเถอะ รอพวกเราหาโรงเตี๊ยมได้แล้วค่อยพักผ่อนดีๆ สักคืน”ทหารรักษาพระองค์ผู้นั้นพยักหน้าอย่างเกรงอกเกรงใจ หมอบลงไปบนหลังม้าตามเดิมเจี่ยนอันอันเดินเข้ามามอบยาถอนพิษให้ทหารรักษาพระองค์ผู้นั้นกินอีกเม็ดรอให้ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม พิษในร่างกายเขาก็นับว่ากำจัดออกหมดสิ้นแล้วเดิมนั้นนักโทษเนรเทศไม่สามารถเดินทางบนทางหลวงได้ ทำได้แค่เดินทางอ้อมไปเมืองอินเป่ยแต่หานซื่อเห็นแก่บุญคุณของเจี่ยนอันอัน เขาจึงตัดสินใจไม่ทำตามธรรมเนียม แต่เปลี่ยนไปเดินทางบนทางหลวงขณะที่เมืองเฉาซานแห่งนี้คือเส้นทางที่จำเป็นต้องผ่านเพื่อไปยังเมืองอินเป่ยอย่างไรเส
ฉู่จื่อซีเงียบมากจริงๆ เจี่ยนอันอันจึงไม่เคยสังเกตเขาอย่างจริงๆ จังๆสายฟ้าสว่างวาบอีกครา ทำให้ใบหน้าของฉู่จื่อซีชัดเจนขึ้นมาเจี่ยนอันอันค่อยสังเกตว่าสีหน้าของฉู่จื่อซีไม่สู้ดีนัก ค่อนข้างจะหมองคล้ำนางนั่งยองลงมากุมมือฉู่จื่อซีพลางเอ่ย “จื่อซีเด็กดี ให้ข้าจับชีพจรหน่อยได้หรือไม่?”ฉู่จื่อซีหันหน้าไปมองฟางอิ๋งมารดาของตนเองฟางอิ๋งพยักหน้าให้เขา ฉู่จื่อซีค่อยยื่นมือน้อยออกมาข้างหนึ่งเจี่ยนอันอันแย้มยิ้มให้ฉู่จื่อซี คิดในใจว่าเด็กคนนี้ว่าง่ายดีจริงๆนางเริ่มจับชีพจรให้ฉู่จื่อซีครั้นได้จับชีพจร คิ้วของเจี่ยนอันอันก็ขมวดแน่นขึ้นทุกทีใบหน้าที่เดิมทียิ้มแย้มก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมฟางอิ๋งเห็นเช่นนั้นก็รีบถามว่า “เป็นอะไรไป ร่างกายจื่อซีลูกข้ามีปัญหาหรือ?”คำพูดของนางดึงดูดความสนใจของญาติคนอื่นๆฉู่จวินสิงก็มองมาทางนี้ด้วยเช่นกันฉู่จวินหลุนหมุนล้อรถเข็นตรงมาทางนี้เจี่ยนอันอันวางมือฉู่จื่อซีลง เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “มีปัญหาจริงๆ”คำพูดของนางทำให้จิตใจฟางอิ๋งเขม็งเกลียวขึ้นมา“ลูกข้าป่วยเป็นอะไรหรือ?” ฟางอิ๋งรีบร้อนถามนางประจักษ์ในความสามารถของเจี่ยนอันอันแล้ว ทราบว่าอีกฝ
ฉู่จวินสิงที่ไม่ได้เอ่ยวาจามานานข่มความเจ็บปวดเอาไว้ แล้วกล่าวขึ้นว่า “พิษนี้พอจะมีทางแก้หรือไม่?”เพียงหนึ่งประโยคนี้ก็ทำให้ความหวังของทุกคนถูกจุดประกายขึ้นอีกครั้งเหล่าสมาชิกจวนเยียนอ๋องล้วนหันไปมองเจี่ยนอันอันด้วยสายตาเต็มไปด้วยความคาดหวังเจี่ยนอันอันตรวจชีพจรของฉู่จื่อซีอีกครั้ง ในวัดร้างพลันเงียบสนิท แม้กระทั่งกองทหารรักษาพระองค์ยังหยุดพูดพวกเขาต่างจับจ้องไปยังเจี่ยนอันอันเพื่อรอฟังคำตอบจากนางหลังจากตรวจชีพจรอยู่ครู่หนึ่ง นางถึงได้กล่าวขึ้นว่า “แม้พิษนี้จะเป็นพิษเรื้อรังที่ร้ายแรง แต่ข้ามีวิธีแก้ได้”คำนี้ทำให้ใบหน้าของเหล่าญาติพี่น้องได้คลายความกังวลและเผยรอยยิ้มเบาใจออกมาหัวใจของทุกคนที่เคยหนักอึ้งก็เบาลงทันทีพวกเขาล้วนเชื่อมั่นในเจี่ยนอันอัน หากนางกล่าวว่าสามารถรักษาได้ ก็ย่อมเป็นจริงตามนั้นฉู่จวินหลุนเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ว่าวิธีใดก็ตาม ขอแค่เจ้ารักษาบุตรข้าให้หายดี ต่อให้ต้องแลกด้วยเลือดของข้า ข้าก็ยินดี”เจี่ยนอันอันโบกมือเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ไม่จำเป็นถึงเพียงนั้น ข้าจะใช้วิธีอื่นเพื่อรักษาร่างกายของจื่อซี”ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนาอยู่ จู่ๆ ฉู่จื่อซีก็เบิกตากว้าง
เจี่ยนอันอันกล่าวจบ ก็ถือถุงน้ำเดินกลับไปนั่งยังตำแหน่งเดิมนางหาได้ส่งคืนถุงน้ำให้หานซื่อไม่ และหานซื่อเองก็ไม่ได้เอ่ยปากขอคืน เพราะเขายังมีถุงน้ำอีกหลายใบที่ใส่น้ำจนเต็ม เพียงพอให้ดื่มสำหรับตลอดการเดินทางส่วนน้ำถุงนั้นก็เก็บไว้ให้เป็นของเด็กน้อยใช้รักษาโรคไปเถิดเจี่ยนอันอันนั่งลงได้ไม่นาน ก็ปรากฏร่างสองร่างเข้ามาใกล้นางเมื่อเจี่ยนอันอันหันไป นางเห็นฉู่อันเจ๋อแบกฉู่จวินสิงมาถึงข้างกายนางไม่ได้ใส่ใจฉู่จวินสิงเลย เพราะในยามนี้นางไม่ได้มีกะจิตกะใจจะพูดคุยกับเขาฉู่จวินสิงเห็นท่าทีเช่นนี้ของเจี่ยนอันอัน เขาอ้าปากเหมือนจะกล่าววาจา แต่สุดท้ายกลับไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งใดออกมาฉู่อันเจ๋อรู้สถานการณ์ดี จึงผละไปคุยกับมารดาของตนแทนทั้งสองคน คนหนึ่งนั่ง อีกคนหนึ่งนอน ต่างจมอยู่ในความเงียบงันภายนอกฝนตกหนักราวกับฟ้ารั่ว เสียงเม็ดฝนกระทบชายคาดัง ‘เปาะแปะ’ อย่างต่อเนื่องในขณะนั้นเอง ภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเจี่ยนอันอันภาพนั้นคือภาพที่พวกเขากำลังจะเดินทางออกจากเมืองเฉาซานในวันพรุ่ง เพื่อมุ่งหน้าสู่ตีนเขาแห่งหนึ่งเมื่อข้ามเขาลูกนั้นไป เดินต่ออีกหนึ่งวัน ก็จะถึงจุดหมายปลายทาง ซึ่
เจี่ยนอันอันหย่อนเม็ดยาสีส้มลงในถุงน้ำ หลังจากเขย่าถุงน้ำเบาๆ แล้ว นางก็ลุกขึ้นเดินไปหาฟางอิ๋งนางส่งถุงน้ำให้ฟางอิ๋งพร้อมกล่าวกำชับว่า “อีกหนึ่งชั่วยาม ให้จื่อซีดื่มเพียงอึกเดียว ยานี้ไม่ควรดื่มมากไป ดื่มอึกเดียวก็เพียงพอแล้ว”ฟางอิ๋งรับถุงน้ำไว้ด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจพลางกล่าวขอบคุณเจี่ยนอันอันเมื่อเจี่ยนอันอันกลับมานั่งที่เดิม นางก็เห็นฉู่จวินสิงนั่งกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวดความเจ็บสาหัสในร่างกายของเขากำเริบขึ้นอีกครั้งครั้งนี้เขารู้สึกว่าแม้แต่การหายใจก็เริ่มยากลำบากขึ้นเจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นจึงรีบย่อตัวลงเพื่อตรวจชีพจรเขาโชคดีที่อาการของฉู่จวินสิงเกิดจากการที่ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ประกอบกับบาดแผลภายนอกที่อาการหนักขึ้น ถึงได้ทำให้เขารู้สึกทรมานเช่นนี้นางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “ข้าจะต้องเปิดเสื้อของท่าน เพื่อใส่ยารักษาบาดแผล หากท่านยังขัดขืนการรักษาของข้าเหมือนคราก่อน เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้ข้าจะไม่สนใจว่าท่านจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรอีก”ฉู่จวินสิงพยักหน้าเบาๆ โดยมิได้เอ่ยคำใด เจี่ยนอันอันจึงค่อยๆ เปิดเสื้อคลุมของเขาออก พบว่าบาดแผลบางจุดอักเสบและเริ่มเน่าแล้วบางจุดยังมีหน
เมื่อหานซื่อเห็นเจี่ยนอันอันหยิบตะบันไฟขึ้นมา เขาก็ลุกขึ้นยืนในทันที“คุณหนูใหญ่เจี่ยน นี่ท่านกำลังจะทำอะไร?”หานซื่อไม่ได้ถามเจี่ยนอันอันว่าตะบันไฟนี้มาจากไหนเขาคิดว่าเมื่อเจี่ยนอันอันสามารถหยิบยาแก้พิษออกมาได้ ก็คงไม่แปลกที่นางจะมีสิ่งของอย่างตะบันไฟติดตัวทั้งนี้เพราะตะบันไฟมีขนาดเล็ก เก็บซ่อนไว้ในเสื้อผ้าก็ไม่เป็นที่สังเกตนอกจากนี้ ตอนที่มีการค้นตัว พวกเขาก็ไม่ได้ค้นตัวของเจี่ยนอันอัน คิดว่าไม่แน่นางอาจจะนำมาจากบ้านเดิมของตนเจี่ยนอันอันกล่าวว่า “ข้าจำเป็นต้องหาไม้สองท่อนมาทำเปลหาม สามีของข้าเดิมก็มีบาดแผลอยู่แล้ว การเดินทางที่ยาวนานเช่นนี้ เขาเริ่มทนไม่ไหวแล้ว หากมีเปลคอยหามเขา ก็จะช่วยให้เขาได้พักรักษาตัวดีๆ”หานซื่อพยักหน้าแล้วไปตามหาไม้กับทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ พร้อมกับเจี่ยนอันอันนางแบ่งตะบันไฟให้พวกทหารรักษาพระองค์คนอื่นอีกสองอันไม่นานก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากทหารรักษาพระองค์ว่า “ตรงนี้มีท่อนไม้”เจี่ยนอันอันกับหานซื่อรีบเดินไปที่ห้องทางนั้น เห็นว่าที่นั่นมีท่อนไม้กองอยู่หลายท่อนทุกคนเริ่มเข้าใจแล้วว่า พระที่เคยอาศัยอยู่ที่นี่น่าจะเป็นพระฝ่ายบู๊ ไม้เหล่านี้เ
ขณะที่เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากเจี่ยนอันอันถูกเนรเทศไปพร้อมกับครอบครัวฉู่จวินสิงหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันต้องติดตามครอบครัวฉู่จวินสิงเดินทางไปยังแดนเนรเทศ ไม่สามารถนำสิ่งของล้ำค่ามากมายขนาดนั้นติดตัวไปด้วยเจี่ยนกั๋วกงคงสงสัยไปแล้วว่าเงินเหล่านั้นถูกเจี่ยนอันอันขโมยไปแต่เรื่องที่คลังหลวงถูกปล้นก็ทำให้เจี่ยนกั๋วกงรู้สึกถึงความผิดปกติของเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งคราวก่อนเขาเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เดิมตั้งใจว่าจะกราบทูลเรื่องนี้ด้วยแต่คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องที่ว่าครอบครัวฉู่จวินสิงอาจยังไม่ตายก็ถูกฉู่ชางเหยียนตำหนิเอาอีกแล้วเขาไหนเลยจะมีความกล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้กับฉู่ชางเหยียนอีกแต่ตอนนี้พอมาใคร่ครวญดีๆ แล้ว โจรที่ปล้นจวนกั๋วกงผู้นี้มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นโจรที่ปล้นคลังหลวงเดิมนั้น เจี่ยนกั๋วกงอยากสืบสวนเรื่องที่บ้านตนเองถูกปล้นอย่างเงียบๆอย่างไรเสียเรื่องนี้พูดออกมาแล้วก็มีแต่จะทำให้พวกขุนนางที่เป็นอริกับเขาหัวเราะเยาะแต่เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขากลับจับไม่ได้กระทั่งเงาของเจ้าโจรร้ายผู้นั้นยามนี้คลังหลวงถูกปล้นมานานขนาดนี้ก็ยังไม่มีใครจับตัวโจรผู้นั
จังหวะที่พวกเขาเพิ่งเดินออกมาจากคุกหลวง ทหารรักษาการณ์กลุ่มหนึ่งก็ลาดตระเวนผ่านมาพอดีเมื่อพวกเขาเห็นพวกฉู่จวินสิงก็ล้วนประหลาดใจ“พวกเจ้าเข้าไปทำอะไรในคุกหลวง?” ทหารรักษาการณ์ที่นำหน้ามาถามด้วยความประหลาดใจเขาเห็นว่าทหารรักษาการณ์สิบกว่าคนนี้ล้วนไม่คุ้นหน้า แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากอย่างไรเสียทหารรักษาการณ์ในวังหลวงก็มีอยู่จำนวนมาก ถึงมีคนหน้าไม่คุ้นปรากฏตัวขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกฉู่จวินสิงกล่าวเสียงขรึม “ตอนพวกข้าลาดตระเวนมาถึงที่นี่ ได้ยินเสียงร้องดังมาจากข้างในจึงเข้าไปตรวจดู”“ดีที่ข้างในมีแค่คนที่ถูกทรมานส่งเสียงร้อง แต่ไม่เจอตัวโจรร้ายที่โกนหัวฝ่าบาท”ทหารรักษาการณ์เหล่านั้นได้ยินแล้วก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงเข้าใจ“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ลาดตระเวนต่อกันเถอะ”“พวกเจ้าไปลาดตระเวนทางนั้น พวกข้าจะไปลาดตระเวนทางนี้”ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็แยกจากทหารรักษาการณ์กลุ่มนั้นฉู่จวินสิงนำทหารเหล่านั้นตรงไปยังทางออกของวังหลวงเมื่อเจอกับทหารรักษาการณ์กลุ่มอื่นระหว่างทาง ต่างฝ่ายก็เพียงแต่พยักหน้าให้กันเล็กน้อยเท่านั้นไม่มีใครสังเกตว่าพวกเขาเป็นคนที่ปลอมตัวเป็นทหารรักษาการณ
เจี่ยนอันอันยิ้มกล่าว “พรุ่งนี้ข้าก็สามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว”ฉู่จวินสิงจึงตัดสินใจค้างคืนกับเจี่ยนอันอันที่นี่เขาไม่อยากกลับไปที่โรงเตี๊ยม ที่นั่นเสียงดังเกินไป บวกกับเขาคิดถึงเจี่ยนอันอันหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มเลยฉู่จวินสิงอยู่ค้างคืนด้วยได้ เจี่ยนอันอันย่อมดีใจอยู่แล้วอย่างไรเสียก็คงไม่มีใครบุกเข้ามาในห้องนี้อย่างปุบปับอยู่แล้วพอถึงพรุ่งนี้เช้า ฉู่จวินสิงค่อยทำเหมือนกับว่าเพิ่งมารับเจี่ยนอันอัน คนทั้งสองก็สามารถจากไปพร้อมกันได้แล้วทั้งคู่นอนอยู่บนเตียง เนื่องจากไม่ได้เจอกันหลายวันพวกเขาจึงเริ่มอิงแอบแนบชิดกัน ฉู่จวินสิงออกแรงอย่างนุ่มนวลด้วยกลัวว่าจะกระทบกระเทือนทารกในครรภ์เจี่ยนอันอันหลังเสร็จกิจแล้ว ทั้งคู่ก็สวมกอดกันนอนหลับไปจนถึงเช้าตรู่วันถัดมา ฉู่จวินสิงก็ทำให้ตัวเองล่องหนระหว่างที่เจี่ยนอันอันกำลังทำอาหารอยู่ ฉู่จวินสิงก็มาเคาะประตูเรือนโดยทำเหมือนกับว่าแวะมาเยี่ยมกะทันหันฮวาหลานเอ๋อร์ไปเปิดประตู เห็นว่าฉู่จวินสิงมาแล้ว คราวนี้นางไม่ได้เย็นชาเหมือนครั้งก่อน แต่ยิ้มแฉ่งให้ฉู่จวินสิง“เยียนอ๋องมาหาพี่หญิงเจี่ยนสินะ พี่หญิงเจี่ยนของข้าทำ
“หลังกินข้าวมื้อนี้เสร็จ เจ้าก็ไปจากที่นี่เสียเถอะ สิ่งที่ข้าควรสอนก็สอนไปหมดแล้ว เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”ซางหมิงกินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วลุกขึ้นก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องกินข้าวเจี่ยนอันอันรู้ว่าซางหมิงยังโกรธเรื่องเมื่อเย็นวาน นางเป็นฝ่ายผิดก่อนจึงไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของซางหมิงเพื่อชดเชยให้กับเรื่องเมื่อเย็นวาน เจี่ยนอันอันจึงรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วไปหาซางหมิงนางมาถึงสถานที่ที่ซางหมิงทำหน้ากากก็เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งทำหน้ากากอยู่ที่โต๊ะเจี่ยนอันอันหยิบยาถอนพิษที่ต้มไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานออกมาจากในมิติแล้ววางลงตรงหน้าซางหมิง“ผู้วิเศษซาง นี่คือยาถอนพิษที่ข้าต้มเอง ท่านดื่มยานี้ก่อนแล้วข้าค่อยไปก็ยังไม่สาย”ซางหมิงเหลือบมองยาถอนพิษสองถ้วยนั้นแล้วมองไปทางเจี่ยนอันอัน“เจ้าแน่ใจนะว่ายาสองถ้วยนี้สามารถกำจัดพิษในร่างข้าได้?”เห็นเจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มๆ เขาก็ไม่พูดมาก หยิบถ้วยยาขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ทันทีหลังดื่มยาสองถ้วยนั้นจนหมด ซางหมิงก็รู้สึกว่าพิษในร่างกำลังสลายไปอย่างรวดเร็วบริเวณที่เดิมทียังเจ็บปวดอยู่บ้างก็รู้สึกโล่งสบายหาใดเปรียบ เพราะได้ดื่มยาสอง
เรือนผมที่เคยยาวดกดำ ภายในคืนเดียวมลายหายไปสิ้นเห็นเพียงศีรษะที่โกร๋นโล่งเตียนไม่เหลือแม้แต่ผมเส้นเดียว!เจียงหวยตกใจจนหน้าซีดเผือด พลางทรุดร่างลง ‘โครม’ ที่หน้าพระแท่นมังกรฉู่ชางเหยีนมองดูสีหน้าตกตะลึงของเจียงหวย พลันยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้น“เจ้าถูกผีหลอกเข้าหรือไร?”เจียงหวยกลัวจนตัวสั่นงันงก พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฝ่า...ฝ่าบาท เส้นพระเกศา...”ทันใดนั้นเอง ฉู่ชางเหยียนเพิ่งตระหนักว่าศีรษะเย็นผิดปกติจึงรีบเอามือลูบศีรษะตนเองโดยพลันไม่ลูบยังพอว่า ลูบไปเจอแต่ศีรษะโล้นเลี่ยนนี่สิ!“เกิดเรื่องอันใดขึ้น ผมของข้าเล่า? บังอาจนัก ผู้ใดมาโกนผมของข้าไปหมด?”“ทหาร รีบไปจับคนที่เมื่อคืนแอบเข้ามาในตำหนักข้า ข้าจะจับมากุดหัวเสีย แล้วถลกหนังมันด้วย”เจียงหวยหัวใจหล่นไปถึงตาตุ่ม เคราะห์ดีเมื่อคืนเขาไม่ได้ถวายงานอยู่ในตำหนักหลงเหอแต่ไปเลี้ยงอาหารนกแร้งสองตัวนั้น กว่าจะป้อนจนอิ่มหนำก็ค่ำมืดเต็มทีเขาเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงมิได้กลับเข้าตำหนักหลงเหออีก ด้วยเกรงว่าจะรบกวนการบรรทมของฮ่องเต้ปรากฏว่าเพียงคืนเดียวที่เขาไม่ได้อยู่ถวายงาน กลับเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นเขากลัวว่าถ้าฮ
เมื่อเจี่ยนอันอันดูถึงตรงนี้ มุมปากได้เหยียดขึ้นนานแล้วนางเห็นเจี่ยนกั๋วกงหน้าไม่อายผู้นั้น เมื่อถูกฮ่องเต้ตวาดเข้า ก็ทำตัวหงอ หดคอราวกับลูกเต่าตัวหนึ่งเป็นสิ่งที่นางรู้สึกสะใจยิ่ง!เจี่ยนกั๋วกงยังคิดเอาหน้าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ คิดจะให้ส่งคนไปสืบสวนครอบครัวฉู่จวินสิงที่อยู่ในเมืองอินเป่ยอีกสุดท้ายลูกคิดรางแก้วของเขาก็พังทลาย ซ้ำยังถูกฮ่องเต้ชั่วด่าใส่หน้าอีก!เจี่ยนอันอันยังคิดว่าเจี่ยนกั๋วกงถูกด่าเบาไปด้วยซ้ำ ฮ่องเต้ชั่วน่าจะลงโทษฐานสร้างความวุ่นวายใจแก่เบื้องบนอีกกระทงหนึ่งเพราะอย่างไรก็ล้วนมิใช่คนดีทั้งคู่ ตายคนหนึ่งแผ่นดินจะได้สูงขึ้นบ้างแต่เสียดายฮ่องเต้ชั่วกลับมิได้ทำเช่นนั้น ข้อนี้ทำให้เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและถอนหายใจ“หากตอนนี้ข้าเป็นฮ่องเต้ชั่วนั่น คงไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่”หลังจากเจี่ยนอันอันแอบแช่งชักหักกระดูกในใจ พลันนึกไปถึงนกแร้งสองตัวนั้นตอนที่นางกับฉู่จวินสิงสังหารอิ่นเจียงนั้น ก็เคยเห็นนกแร้งสองตัวนี้แต่ไม่คิดว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของฉู่ชางเหยียนที่อยู่ในวังหลวงคราวก่อนที่ๆ พวกมันปรากฏตัว คงถูกฉู่ชางเหยียนส่งให้ไปสังเกตความเค
ฉู่ชางเหยียนหันมาทางเจี่ยนกั๋วกงต่อ น้ำเสียงเย็นชา “ท่านบอกว่าฉู่จวินสิงยังไม่ตาย แล้วนี่จะอธิบายอย่างไร?”เจี่ยนกั๋วกงรู้ดีว่า ฉู่ชางเหยียนได้เลี้ยงนกแร้งไว้สองตัวเมื่อครู่ขณะเห็นนก เขายังนึกว่าพวกมันคงหิวในเวลาค่ำคืน จึงออกมาหากินที่ไหนได้ แท้จริงแล้วพวกมันถูกฉู่ชางเหยียนส่งไปเมืองอินเป่ยต่างหากแม้แต่นกแร้งสองตัวนี้ยังยืนยันว่าครอบครัวฉู่จวินสิงได้เสียชีวิต แล้วเขาก็ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตนเองจึงหวาดกลัวจนรู้สึกขนหัวลุกชัน พร้อมรีบคุกเข่าลง“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเพียงสงสัยว่าฉู่จวินสิงและครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย”ฉู่ชางเหยียนทำเสียงฮึในลำคอ พลางตะโกนไปยังด้านนอก “ใครก็ได้!”ไม่นานจึงมีองครักษ์ผู้หนึ่งเข้ามา“ไปตามอิ่นเจียงมาพบข้า ข้าจะถามเขาให้รู้”องครักษ์รับบัญชา พร้อมรีบถอยออกไปเจี่ยนกั๋วกงยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม ในใจไม่สู้สบายนักถ้าอิ่นเจียงมาถึง พร้อมกล่าวยืนยันอีกครั้งว่าตนได้สังหารฉู่จวินสิงและครอบครัวไปแล้วจริงๆแล้วเขาจะทำอย่างไรให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อในคำสันนิษฐานของเขาได้?ซ้ำยังมีความรู้สึกว่า เรื่องนี้อ
เขารู้ว่าขุนนางกลุ่มนี้มิได้เห็นตนถูกปลดเป็นสามัญชน ซ้ำยังถูกเนรเทศไปอยู่เมืองอินเป่ย จนเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อฉู่ชางเหยียนแต่กลับวางแผนเงียบๆ ว่าจะล้างมลทินให้ตนได้อย่างไร เพื่อให้กลับมาเมืองจิงโจวอีกครั้ง ครองตำแหน่งเยียนอ๋องตามเดิมฉู่จวินสิงรู้สึกปลื้มใจยิ่ง เขาคิดว่าตนดูคนไม่ผิด ขุนนางเหล่านี้มีความภักดีที่จะอยู่กับเขาอย่างจริงใจเพียงแต่ฐานะเขาตอนนี้ยังไม่เหมาะจะเผยตัว จึงมิได้ปรากฏตัวให้เหล่าขุนนางได้เห็นฉู่จวินสิงด้านหนึ่งเป็นห่วงเจี่ยนอันอัน อีกด้านก็นึกถึงอนาคตว่าจะบุกเข้าเมืองจิงโจวได้อย่างไรและขุนนางเหล่านั้นต่างก็มีกำลังทหารอยู่ในมือรอจนเขากลับไปจิงโจวเมื่อใด จะเป็นเวลาที่จะได้ชิงอำนาจกลับคืนมาอีกครั้ง......เจี่ยนอันอันมองดูยาในหม้อที่ต้มเสร็จแล้ว จึงรินเอาน้ำออกมา ส่วนกากยาถูกเททิ้งไปยาสองชามนี้เพียงพอที่จะขจัดพิษในตัวซางหมิงได้หมดนางนำยาไปเก็บไว้ในห้วงมิติ รอเพียงพรุ่งนี้เช้าซางหมิงตื่นมา ก็จะให้เขาดื่มเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องนอน พร้อมนำแว่นตาล่องหนออกมาใส่ไม่นานจึงมองเห็นฉู่ชางเหยียนนั่งอยู่ในห้องทรงอักษรและในห้องนั้นไม่เพียงมีฉู่ชางเหยียนกับมหา
เป็นครั้งแรกที่ฮวาหลานเอ๋อร์ได้เห็นโจ๊กแปดสมบัติ นางมองดูกระป๋องนั้นด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าควรจะเปิดอย่างไรดีเจี่ยนอันอันตบหน้าผากตนเอง พลันฝากระป๋องจึงเปิดออกง่ายดาย นำช้อนที่อยู่ข้างในกางออกเรียบร้อย พร้อมส่งให้ฮวาหลานเอ๋อร์“นี่ก็คือโจ๊กแปดสมบัติ รสชาติหอมหวาน แม้จะเย็นชืดไปบ้าง แต่กินไม่ยาก”เจี่ยนอันอันกล่าวพลาง ยื่นโจ๊กให้แก่ฮวาหลานเอ๋อร์ฮวาหลานเอ๋อร์ได้กลิ่นหอมของโจ๊กมาเตะจมูก จึงรีบตักเข้าปากเร็วพลันรสชาติหอมหวานและเนียนนุ่ม อบอวลอยู่ในปากนางทันที“พี่เจี่ยน โจ๊กแปดสมบัตินี้ช่างอร่อยจริง”ฮวาหลานเอ๋อร์กล่าวพลาง รีบอ้าปากกินแล้วกินอีกไม่นานโจ๊กแปดสมบัติทั้งกระป๋องก็ถูกนางกินหมดเกลี้ยงนางมิได้ถามเจี่ยนอันอันเอาโจ๊กชนิดนี้มาจากที่ใด คิดแต่ว่าเจี่ยนอันอันคงจะทำเอง“อิ่มแล้วก็กลับไปพักผ่อนเสีย ข้าอยู่ทางนี้ยังต้องต้มยาอีกสักพัก”เจี่ยนอันอันไม่ต้องการให้ฮวาหวานเอ๋อร์มาอยู่ข้างกาย เพราะเป็นเด็กอายุยังน้อย ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ฮวาหลานเอ๋อร์ยิ้มให้เจี่ยนอันอันอย่างมีความสุข พลางยืนขึ้นแล้วกระโดดโลดเต้นเดินจากไปเจี่ยนอันอันอยู่ในครัวต้มยาต่อไปอีก จากนั้นจึงร