เนรเทศพวกเขาไปยังเมืองรกร้างยังไม่พอ ถึงขั้นยังจะส่งคนมาตามสังหารพวกเขาระหว่างทางอีกฉู่อันเจ๋อโมโหเสียจนแทบจะสบถด่าออกมา เจี่ยนอันอันรีบยื่นมือออกไปห้ามเอาไว้เสียก่อนใบหน้าของฉู่จวินสิงค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมาเขาควรจะเดาได้มาตั้งนานแล้ว!ชายผู้นั้นเป็นที่น่าสงสัยมาโดยตลอด ทั้งยังโหดร้ายไร้ปราณีเพื่อบัลลังก์มังกรของเขา เขาสามารถฆ่าใครก็ตามที่คุกคามสถานะของเขาคนในครอบครัวอะไรกัน ในสายตาของเขา ยังเทียบไม่ได้แม้แต่หมูหมาเจี่ยนอันอันถามออกต่อ “ที่ฮ่องเต้สุนัขนั่นส่งพวกเจ้ามาคุ้มกันพวกเรา ได้มอบหมายหน้าที่อื่นให้พวกเจ้าด้วยหรือไม่?”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เอ่ยอย่างเหม่อลอย “ฝ่าบาทไม่ได้มอบหมายหน้าที่ใดเพิ่มเติมให้กับพวกเรา”“เพียงแต่ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้พวกเราทำหน้าที่เพียงแค่คุมตัวไปส่งเท่านั้น ไม่ทรงอนุญาตให้ยื่นมือช่วยเหลือ”“ฝ่าบาทยังทรงรับสั่งอีกว่า พวกเจ้าล้วนแต่เป็นเพียงคนชั้นต่ำไร้ค่า ตลอดทางไปนี้ ห้ามมิให้อาหารหรือน้ำดื่ม”“ต่อให้พวกเจ้าจะไม่ถูกฆ่าตาย ก็ปล่อยให้พวกเจ้าอดตายไประหว่างทาง”เมื่อฉู่จวินหลุนได้ยินมาจนถึงตรงนี้ ก็โมโหเสียจนตบลงบนที่วางแขนรถเข็
“มารดามันเถอะ รนหาที่ตาย!” ทหารรักษาพระองค์หยัดกายลุกขึ้น สบถด่าและพยายามแย่งแส้กลับมา “ปล่อย มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”เจี่ยนอันอันคว้าแส้แล้วลุกขึ้นยืน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยันพลางเอ่ยว่า “หัวหน้าของพวกเจ้ายังไม่กล้าฆ่าข้า แล้วเจ้าเป็นใครถึงได้กล้าเอ่ยเรื่องไร้สาระเช่นนี้”“ข้าว่าเจ้ารนหาที่ตายมากกว่า เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้เจ้าก็แล้วกัน เป็นอย่างไร!”ขณะที่เจี่ยนอันอันพูด ในมือก็มีเข็มเงินปรากฏออกมาในตอนที่ทหารรักษาพระองค์มองเห็นเข็มเงินนั้น ในใจพลันกระตุกทีหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวเหตุใดพวกเขาถึงได้ลืมเรื่องเข็มเงินนี้ไปได้นะหากว่าสิ่งนี้แทงทะลุลงบนกายของเขา ชีวิตของพวกเขาก็คงจะไม่เหลือแล้วเมื่อคืนนี้ เพราะพวกเขาท้องเสีย ร่างกายจึงอ่อนแรงในตอนนี้ที่ต้องเดินทาง ก็รู้สึกเหมือนเหยียบลงบนปุยฝ้ายที่โยกไปมาทว่าหัวหน้าให้พวกเขาใช้แส้ปลุกให้คนในตระกูลเหล่านี้ตื่นขึ้นมา คำสั่งของหัวหน้าเขาจะไม่ฟังก็ไม่ได้และแส้เมื่อครู่นี้ เขาเองก็ต้องการจะเลี่ยงเจี่ยนอันอันไป คิดจะฟาดไปที่ฮูหยินใหญ่อันที่จริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้ใช้แรงมากนัก เกรงว่าแส้ฟาดไปบนกายของฮ
เจี่ยนอันอันรู้สึกได้ว่ามีสายตาจับจ้องมาจากด้านหลังของนางนางหันหลังกลับไปทันที ก็พบกับฉู่จวินสิงที่กำลังจ้องมองตนเองอยู่เจี่ยนอันอันแลบลิ้นให้ฉู่จวินสิง ก่อนจะทำหน้าทะเล้นใส่ฉู่จวินสิงตกตะลึงไปในตอนแรก ก่อนจะรีบหันหน้าหนีไปมองทางด้านอื่นเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ นางประคองฮูหยินใหญ่เดินมุ่งหน้าไปต่อจู่ ๆ ฮูหยินใหญ่ก็เหยียบลงบนก้อนหินก้อนหนึ่งเจ็บเสียจนต้องร้อง “โอ๊ย” ดังออกมา ร่างกายซวนเซจนแทบจะล้มลงบนพื้น“ฮูหยินใหญ่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” เจี่ยนอันอันรีบประคองฮูหยินใหญ่ขึ้นมาฮูหยินใหญ่กัดริมฝีปากล่างด้วยสีหน้าเจ็บปวด ก่อนจะส่ายหน้าให้กับเจี่ยนอันอันเบา ๆ“ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแต่รู้สึกเจ็บเท้ามาก” ฮูหยินใหญ่ทนต่อความเจ็บปวดรุนแรงที่เท้า ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าวความเจ็บปวดรุนแรงที่เท้า ทำให้ฮูหยินใหญ่ไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้ฮูหยินใหญ่ที่เดิมทีไม่เคยเดินไกลถึงขนาดนี้ เมื่อวานไม่เพียงเดินมาตลอดทั้งวันมาตอนนี้ยังเดินมาตลอดช่วงเช้าอีกนางพบว่าบนเท้านั้นมีตุ่มเลือดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทว่านางก็ไม่ได้เอ่ยออกมานางไม่ต้องการให้เพียงเพราะว่าอา
ถ้อยคำของฉู่จวินหลุนทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์โกรธจนหนวดสั่นและตาถลนเขารู้ว่าฝีมือการต่อสู้ของฉู่จวินหลุนนั้นกล้าแกร่ง ทำให้ตลอดทางมานี้เขาไม่กล้าทำอะไรคนในตระกูลเหล่านี้มากนักเดิมทีคิดว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนนอก ฉู่จวินหลุนคงไม่ออกหน้าแทนนางนึกไม่ถึงว่าฉู่จวินหลุนจะมองนางเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งไปแล้วหัวหน้าทหารรักษาพระองค์คับแค้นใจแต่กลับไร้ที่ระบายฉู่จวินหลุนกล่าวต่อ “ยามนี้ท่านแม่ข้ารู้สึกไม่สบาย จำเป็นต้องพักผ่อน”ถ้อยคำของเขาเจือน้ำเสียงสั่งการ ราวกับว่าเขาต่างหากที่เป็นนายของที่นี่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห แต่สุดท้ายก็ยอมสั่งให้ทุกคนหยุดพักอยู่ที่นี่อีกครึ่งชั่วยามค่อยเดินทางต่อเจี่ยนอันอันประคองฮูหยินใหญ่ไปนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่นางกล่าวอย่างห่วงใย “ฮูหยินใหญ่ รบกวนท่านถอดรองเท้าออก ข้าจะช่วยดูบาดแผลที่เท้าให้เจ้าค่ะ”ฮูหยินใหญ่ไม่อยากถอดรองเท้าต่อหน้าธารกำนัล แต่อาการเจ็บอย่างแสนสาหัสที่เท้าก็ทำให้นางยากจะทานทนเห็นถึงอาการลังเลของฮูหยินใหญ่ เจี่ยนอันอันก็ย่อตัวลงนั่งเบื้องหน้านางเพื่อบดบังสายตาของทุกคนฮูหยินใหญ่จึงยอมถอดรองเท้าออกด้ว
เจี่ยนอันอันไม่ได้สังเกตเห็นอาการผิดปกติของฉู่จวินสิง ยามนี้นางหิวจนหูอื้อตาลายไปหมดตั้งแต่ยามเช้าจนถึงตอนนี้ ทุกคนยังไม่ได้กินอาหารหรือดื่มน้ำแม้แต่นิดเดียวแม้ว่าภายในช่องมิติของนางจะมีขนมที่นำมาจากห้องครัวหลวงเยอะมากแต่นางไม่อาจนำขนมเหล่านี้ออกมาแจกจ่ายให้กับทุกคน โดยที่มีทหารรักษาพระองค์เฝ้ามองอยู่อีกทั้งหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ไม่เคยให้ทุกคนหยุดพักแม้เพียงชั่วครู่ ส่งผลให้คนในตระกูลหิวจนไส้กิ่วในทางกลับกัน เหล่าทหารรักษาพระองค์ได้กินอาหารอิ่มท้องเจี่ยนอันอันมองไปทางทหารรักษาพระองค์ พบว่าทหารนายหนึ่งกำลังนั่งดื่มน้ำอยู่ข้างต้นไม้ตามลำพังนางจำทหารนายนั้นได้ เขาคือทหารที่นำกางเกงชั้นในไปให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ดวงตาของเจี่ยนอันอันกลอกไปมา ไม่นานก็มีแผนในใจนางลุกขึ้นแล้วเดินไปหาทหารนายนั้นดวงตาของฉู่จวินสิงจ้องมาที่เจี่ยนอันอันอีกครั้งทหารผู้นี้มีนามว่า ‘หานซื่อ’ เมื่อเขาเห็นว่าเจี่ยนอันอันเดินมาทางตน ก็ชักดาบออกมาเตรียมพร้อมและร้องบอกว่า “หยุดนะ อย่าเข้ามาใกล้มากกว่านี้!”เจี่ยนอันอันไม่ถอยหนีเพราะคำพูดของเขาแต่อย่างใด นำสร้อยคอทองคำเส้นหนึ่งออกมาจากช่องมิติด
ทั้งสองเดินออกมาไม่ไกล ก็พบว่าข้างหน้ามีลำธารสายเล็กอยู่ฉู่อันเจ๋อกำลังจะวิ่งไปทางลำธารอย่างมีความสุขแต่กลับถูกเจี่ยนอันอันดึงตัวไว้“ที่นี่มีงูค่อนข้างมาก โรยผงไล่งูก่อนค่อยเข้าไปจะดีกว่า”ได้ยินเจี่ยนอันอันว่า ฉู่อันเจ๋อถึงเพิ่งมองเห็นว่าใกล้ ๆ มีงูสองสามตัวกำลังเลื้อยไปมาดูจากลวดลายแล้ว งูพวกนี้ล้วนเป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมากฉู่อันเจ๋อรู้สึกนึกกลัวเหตุการณ์ที่จะตามมา หากถูกพวกมันสักตัวฉกเข้า ชีวิตของเขาคงจบสิ้นเพียงเท่านี้แน่เขามองเจี่ยนอันอันด้วยความซาบซึ้งใจ พบว่านางไม่มีท่าทีตื่นตระหนกตกใจแม้แต่น้อยหากเป็นผู้อื่นคงหวาดกลัวจนหน้าถอดสีไปนานแล้วฉู่อันเจ๋อชื่มชมในความกล้าหาญของเจี่ยนอันอันจากก้นบึ้งของหัวใจเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจสายตาของฉู่อันเจ๋อ นางนำผงไล่งูกำหนึ่งออกมาจากช่องมิติจากนั้นโรยลงบนตัวฉู่อันเจ๋อแล้วโรยลงบนร่างกายของตัวเองตามด้วยผงไล่งูเหล่านี้ งูพวกนั้นจะไม่เข้ามาใกล้พวกนางหลังจากโรยผงไล่งูเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็สาวเท้าก้าวใหญ่ไปยังลำธารทันทียามที่เจี่ยนอันอันเข้ามาใกล้ งูที่กำลังเลื้อยไปมาพวกนั้นก็รีบเลื้อยห่างไป ราวกับตรวจจับได้ถึงกลิ่นอะไรบา
ฮูหยินใหญ่ดื่มไปหลายอึกก่อนจะหยุดลงฉู่จวินสิงมองมารดาของตัวเองดื่มน้ำตาปริบ ๆ เขาเองก็อยากดื่มเช่นกันแต่กลับอายที่จะเอ่ยปากขอจากเจี่ยนอันอันแม้ว่าเจี่ยนอันอันจะเป็นภรรยาที่ยังไม่ได้เข้าพิธีของเขา แต่ทั้งสองไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องจะมีความรู้สึกใด ๆ ต่อกันเขาไม่อาจลดศักดิ์ศรีไปขอน้ำดื่มจากสตรีแปลกหน้าได้ยามนี้ปากของฉู่จวินสิงแห้งผาก ริมฝีปากเริ่มแตกลอกเจี่ยนอันอันรับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องมองมาเมื่อหันไปมองจึงพบว่าฉู่จวินสิงกำลังจ้องนางอย่างไม่ละสายตาจังหวะที่สายตาของทั้งสองสบเข้าด้วยกัน ฉู่จวินสิงก็รีบเบนศีรษะมองไปทางอื่นทันทีเจี่ยนอันอันพึมพำเสียงเบา “พิลึกคนชะมัด”นางถือถุงน้ำเดินไปนั่งข้างฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงรับรู้ได้ถึงการมาถึงของเจี่ยนอันอัน เขาหันไปกล่าวกับนางด้วยสุ้มเสียงเย็นชา “มีธุระอะไร?”เจี่ยนอันอันเขย่าถุงน้ำในมือ จนได้ยินเสียงน้ำกระทบกันจากด้านในดังออกมา “อยากดื่มหรือไม่ อยากดื่มก็ต้องเชื่อฟัง อย่าทำให้ข้าโมโห” เจี่ยนอันอันจงใจหยอกล้อฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแค่นเสียงเย็นชาแต่ไม่พูดอะไรเจี่ยนอันอันยกยิ้มมุมปากแล้วกล่าวต่อ “ร
ขณะที่บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนกำลังน่าอึดอัด ฮูหยินใหญ่ซึ่งนั่งอยู่อีกทางก็หันมามองเพราะได้ยินเสียงนางรู้ว่าบุตรชายตัวเองไม่ชอบการแตะเนื้อต้องตัว แต่ตอนที่เจี่ยนอันอันทายาให้ก่อนนี้ เขาไม่เคยมีปฏิกิริยาเช่นนี้มาก่อนนางหลงเข้าใจว่าฉู่จวินสิงยอมรับเจี่ยนอันอันแล้วเสียอีกแต่ดูจากตอนนี้ นางน่าจะคิดไปเองทั้งหมดฮูหยินใหญ่เผยอปาก หมายจะเกลี้ยกล่อมให้ฉู่จวินสิงอย่าปฏิบัติตนเช่นนี้กับเจี่ยนอันอันแต่เมื่อคำพูดมาจ่ออยู่ที่ปาก นางก็รู้สึกว่ามันไม่ดีนักที่จะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของสองคนนี้มากเกินควรยิ่งไปกว่านั้น ปล่อยให้พวกเขาสองคนมีปฏิสัมพันธ์และทำความรู้จักกันให้มากขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรฮูหยินใหญ่เลือกที่จะปิดปากเงียบในท้ายที่สุด ก่อนละสายตามองไปทางอื่นเจี่ยนอันอันคิดจะดึงมือกลับ ทว่าฉู่จวินสิงกลับจับข้อมือนางแน่นกว่าเดิม“นี่ ปล่อยนะ ท่านจับข้าเจ็บไปหมดแล้ว” เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่นบุรุษผู้นี้เป็นอะไรไป เหตุใดจึงเปลี่ยนสีหน้าเร็วกว่าพลิกหน้าตำราเช่นนี้ฉู่จวินสิงปล่อยมือในที่สุด เขาหันไปมองฉู่อันเจ๋อที่กำลังย่างปลา “อันเจ๋อ แบกข้าไปที่อื่นที”ฉู่อันเจ๋อหันมามองเจี่ยนอ
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ
“นี่คือสัญญาฉบับใหม่ที่ข้าเพิ่งเขียนขึ้นมา ทั้งเฝิงซานกวงและเฉียวซื่อต่างได้ลงชื่อเรียบร้อย”“จึงอยากให้ท่านเจ้าเมืองได้ลงชื่ออีกคน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วันหน้าเฝิงซานกวงจะได้ไม่กล้าบิดพลิ้วไปล่วงเกินเฉียวซื่ออีก”เจ้าเมืองตานมองดูข้อความในสัญญาฉบับใหม่ เห็นเนื้อหาล้วนสมเหตุสมผลดีอีกทั้งเรื่องนี้ก็ถือเป็นความผิดของเฝิงซานกวงก่อน จึงยอมรับพู่กันมา พร้อมทั้งเขียนชื่อตนเองลงไปเจี่ยนอันอันยิ้มๆ พร้อมนำแป้นประทับตรา มอบให้เจ้าเมืองตานได้ประทับลายนิ้วอีกซ้ำอีกสัญญาชุดเดียวกันแต่มีสองแผ่น เจี่ยนอันอันจึงแบ่งให้เจ้าเมืองตานและเฝิงซานกวงต่างถือไว้คนละแผ่น“มีเจ้าเมืองตานเป็นพยานอีกคน หากวันหน้าเฝิงซานกวงกล้าไปล่วงเกินเฉียวซื่อสองแม่ลูกอีก ให้ข้ารู้เข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้”เฝิงซานกวงแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากหักคอเจี่ยนอันอันให้ตายคามือไปเสียเยียนอ๋องพระชายาบ้าบออันใดกัน ยามนี้ล้วนถูกฮ่องเต้ปลดเป็นสามัญชนทั้งสิ้น ซ้ำยังถูกเนรเทศมาอยู่เมืองอินเป่ยต่างหากบัดนี้ฐานะของพวกเขา จะต่างจากเขาที่ตรงไหน?แต่พอมาอยู่นี่แล้ว ยังกล้ามาทำเหิมเกริมอีกรอให้เรื่องนี้จบสิ้นเมื่อใด ต้องหาวิ
แต่หากเป็นความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาในฐานะอารอง ก็จะไม่ละเว้นผู้ทำร้ายเฝิงซานกวงเช่นกันแต่ไม่คาดคิดว่า เพียงลงจากรถม้า ก็ได้เห็นเยียนอ๋องและพระชายาอยู่ที่นี่ด้วยเจ้าเมืองตานนึกหวั่นใจขึ้น คงไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงไปทำความผิดอันใดเข้าอีกหรอกนะเจี่ยนอันอันใบหน้าแฝงรอยยิ้ม พร้อมนำสัญญาเผด็จการที่เฝิงซานกวงและเฉียวซื่อทำไว้ฉบับแรกให้เจ้าเมืองตานได้ดูเจ้าเมืองตานดูแล้วจึงเกิดความสงสัย “ในสัญญาได้ลงชื่อทั้งสองฝ่ายไว้ แสดงว่าอีกฝ่ายก็ยินยอมพร้อมใจ แล้วจะผิดอย่างไร?”แม้ว่าเงื่อนไขที่ระบุไว้จะมีแต่ความเอารัดเอาเปรียบ แต่ก็มิได้บ่งบอกถึงสิ่งใดไฉนจึงต้องบาดหมางจนให้เขามาด้วยตนเอง?และเจ้าเมืองตานก็เห็นลูกน้องของเฝิงซานกวง ต่างถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมเขามองหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางกับฉู่จวินสิงจึงต้องทำร้ายลูกน้องเฝิงซานกวงเช่นนี้เจี่ยนอันอันดึงตัวแม่ลูกตระกูลเฉียวมาเข้าใกล้ พลางกล่าวต่อเจ้าเมืองตาน “เจ้าเมืองตาน คนนี้ก็คือผู้ทำสัญญากับเฝิงซานกวง”“นางไม่รู้หนังสือ ข้อความในสัญญาล้วนเป็นเฝิงซานกวงอ่านให้ฟังทั้งสิ้น”“แต่เท่าที่ข้ารู้ เฝิงซานกวงมิได้อ่านเนื้อ
เจี่ยนอันอันแม้ถูกด่าว่าก็หาโกรธเคืองไม่ กลับกลายเป็นฉู่จวินสิงที่เดินขึ้นหน้า พลางต่อยเข้าที่ปากเฝิงซานกวงหนึ่งหมัด“เจ้ากล้าด่าเหนียงจื่อของข้า เห็นทีอยากถูกเลาะฟันออกจากปากเสียแล้ว”หมัดนี้ของฉู่จวินสิงหนักหน่วงยิ่ง ถึงขั้นทำให้ฟันหน้าของเฝิงซานกวงร่วงสองซี่ในบัดดลแต่เพราะเฝิงซานกวงถูกผ้าพันแผลปิดหน้าไว้หมด ฟันหน้าจึงค้างอยู่ในปาก จะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้ กลืนลงคอก็ไม่กล้าอีกฟันหน้าถูกค่อยจนร่วง ริมฝีปากก็ยังแตกซ้ำความเจ็บปวดในปากนั้น แทบทำให้เฝิงซานกวงอยากด่าไปถึงบุพการีแต่ภายหลังได้ลิ้มลองหมัดของฉู่จวินสิง เขากลับไม่กล้าใช้คำพูดดุเดือดออกมาอีกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นเอง มีเสียงรถม้าแว่วมาแต่ไกลทุกคนหันมองไปตามเสียงนั้น จึงเห็นรถม้าของทางการวิ่งตรงมาคันหนึ่งและผู้ที่ไปส่งข่าวยังจวนเจ้าเมืองตาน ก็วิ่งตามหลังรถม้ามาเจี่ยนอันอันผุดรอยยิ้มที่มุมปาก ดูท่าเจ้าเมืองตานมาได้รวดเร็วดีแท้รถม้ามาหยุดที่เบื้องหน้าทุกคนเร็วพลัน โดยมีเจ้าเมืองตานเปิดผ้าม่านแล้วก้าวเดินลงมาทันทีที่เห็นเฝิงซานกวงใบหน้าห่อด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะ ซ้ำมุมปากยังมีคราบโลหิตซึมออกมา“เจ้าไปก่อกรรมทำเข็ญเรื่อง
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”