เจี่ยนอันอันกล่าวอีกครั้งว่า “หากท่านหัวหน้าทหารรักษาพระองค์อยากลองลิ้มรสการถูกเข็มพิษปักดู ก็เชิญมารับไปได้เลย”“ข้าคิดว่าท่านหัวหน้าคงทราบดีว่า อยู่ในป่ารกร้างเช่นนี้ หากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคน ฮ่องเต้ก็คงไม่สนใจอะไร”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เหล่าทหารรักษาพระองค์ตกใจไม่น้อยสิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง แม้พวกเขาจะเป็นทหารรักษาพระองค์แต่ในสายตาของฮ่องเต้ พวกเขาเทียบไม่ได้แม้แต่มดตัวหนึ่งยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างทางเนรเทศ ย่อมมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอหากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคนระหว่างทาง ก็ไม่มีใครสนใจและกลุ่มคนชุดดำเมื่อครู่ก็ถูกเจี่ยนอันอันฆ่าตายทั้งหมดไม่มีใครรู้ว่าในมือนางยังมีเข็มเงินอีกเท่าไร และไม่มีใครอยากเสี่ยงที่จะขัดใจเจี่ยนอันอันคำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตระหนักได้เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เมื่อนึกได้ว่าที่ผ่านมาเขาหงุดหงิดมากจนลืมไปว่าบนเข็มเงินนั้นมีพิษกลุ่มนักโทษเนรเทศเหล่านี้ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มโจรปล้นฆ่าหากไปยั่วยุพวกเขา ในป่ารกร้างเช่นนี้ แม้ทหารรักษาพระองค์ทั้งหมดจะถูกฆ่า เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ว่าเป็น
วังหลวงนั้นมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวดนางเป็นเพียงหญิงสาวที่อ่อนแอ หากต้องการเข้าไปในวังหลวง เกรงว่าคงถูกจับได้ตั้งแต่แรกแล้วแต่นางไม่เพียงไม่ถูกจับได้ ยังสามารถเดินเข้าคุกหลวงได้อย่างสบายใจนางไปที่คุกด้วยเหตุใด หรือจะไปปล้นตัวนักโทษหนีออกมา?แต่ในตอนนั้น ผู้คุมในคุกกลับทำเหมือนมองไม่เห็นนาง ปล่อยให้นางเดินไปมาได้ตามใจเรื่องนี้จะอธิบายได้อย่างไร?เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาใกล้ ฉู่จวินสิงจึงเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าฉู่จวินสิงโดยไม่พูดอะไร นางจับข้อมือของอ๋องหนุ่มขึ้นมาแล้วเริ่มตรวจชีพจรฉู่จวินสิงรู้สึกว่าข้อมือของตนถูกจับขึ้น และเห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังตรวจชีพจรของเขาอยู่ในใจของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เขาเปิดริมฝีปากบางเพียงเล็กน้อย แต่กลับไม่เอ่ยถามอะไรออกมาเลยสักคำเมื่อมองดูข้อมือของตนที่ถูกเจี่ยนอันอันจับไว้ พร้อมกับนิ้วเรียวเล็กที่แตะเบา ๆ บนเส้นชีพจรฉู่จวินสิงไม่ได้โกรธหรือไล่ให้เจี่ยนอันอันออกห่างจากเขาเขาปล่อยให้นางตรวจชีพจรของเขาต่อไปฉู่จวินหลุนและฉู่อันเจ๋อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างตกตะลึงกับการกระทำของทั้งสองค
การกระทำของเจี่ยนอันอัน ทำให้หัวใจของฉู่จวินสิงสั่นไหวเขาคิดที่จะดึงมือกลับมา แต่กลับพบว่าตนเองไม่อาจขยับเขยื้อนได้ดั่งเก่าเจี่ยนอันอันกลับไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ ทำเพียงแค่กุมมือเอาไว้เท่านั้น นี่เป็นเพียงแค่มารยาทเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงไม่คัดค้านอันใด เจี่ยนอันอันจึงเอ่ยต่อ “ท่านวางใจได้ ในเมื่อข้าเลือกที่จะแต่งกับท่านแล้ว”“ข้าก็ยินยอมที่จะเป็นเชลยถูกเนรเทศไปด้วยกันกับพวกท่าน ข้าไม่มีทางที่จะหลบหนีเอาตัวรอดไประหว่างทาง” “ข้าจะคอยอยู่ข้างกายท่านตลอด และจะคอยช่วยเหลือทุกคนให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ไปให้ได้”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้ฉู่จวินสิงขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัวฮ่องเต้พระราชทานงานอภิเษกสมรส ให้คุณหนูรองจวนกั๋วกงแต่งงานให้กับเขาแล้วเหตุใดผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาในตอนนี้ กลับเป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงเล่า?ฉู่จวินสิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่คุณหนูรอง เหตุใดจึงแต่งงานกับข้า?”“เจ้ารู้ว่าข้ากำลังจะกลายเป็นเพียงสามัญชนธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งยังถูกยึดจวนแล้วเนรเทศออกไป เหตุใดเจ้าถึงยังไม่หนีไป เจ้ามีจุดประสงค์ใดกั
ฉู่จวินสิงไม่เคยพบเห็นของสิ่งนี้มาก่อน แต่ว่าของสิ่งนี้กลับทำให้เขาหายใจได้สะดวกขึ้นอีกทั้งยังช่วยไม่ให้สูดดมกลิ่นเหม็นนี่ได้สายตาของฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย เขาเริ่มรู้สึกประหลาดใจในตัวเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเห็นเพียงเจี่ยนอันอันมองไปยังกลุ่มทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นอยู่มุมปากของนางยกขึ้น ดวงตาก็โค้งงอเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวใบหน้าที่เดิมงดงามน่ามองอยู่แล้ว ก็เปลี่ยนเป็นงดงามยิ่งขึ้นเพราะรอยยิ้มนี้เหล่าทหารองครักษ์เหล่านั้นที่กำลังท้องไส้ปั่นป่วนกันอยู่ เริ่มขออนุญาติหัวหน้าของพวกเขาไปขับถ่ายอีกครั้งครานี้หัวหน้าของพวกเขาไม่ได้มีอาการปวดท้องเขาจ้องไปยังทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น ก่อนจะโบกมือให้พวกเขาอย่างรำคาญ“ไป ๆ ๆ รีบไปจัดการเร็ว ๆ”“หากพวกเจ้ายังผายลมเหม็นเน่าอยู่ที่นี่อีก ข้าคงจะถูกพวกเจ้ารมกลิ่นเหม็นนี่จนตายแน่”หลังจากที่ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นได้รับอนุญาติแล้ว ทั้งหมดก็พากันกุมท้องแล้ววิ่งไปยังป่ารกร้างห่างไกลออกไปเมื่อมองดูทหารรักษาพระองค์ทางด้านนี้ ก็เหลือเพียงแค่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เท่านั้นในที่สุดเจี่ยนอันอันก็ลุกขึ้น ก้าวอาด ๆ
เนรเทศพวกเขาไปยังเมืองรกร้างยังไม่พอ ถึงขั้นยังจะส่งคนมาตามสังหารพวกเขาระหว่างทางอีกฉู่อันเจ๋อโมโหเสียจนแทบจะสบถด่าออกมา เจี่ยนอันอันรีบยื่นมือออกไปห้ามเอาไว้เสียก่อนใบหน้าของฉู่จวินสิงค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมาเขาควรจะเดาได้มาตั้งนานแล้ว!ชายผู้นั้นเป็นที่น่าสงสัยมาโดยตลอด ทั้งยังโหดร้ายไร้ปราณีเพื่อบัลลังก์มังกรของเขา เขาสามารถฆ่าใครก็ตามที่คุกคามสถานะของเขาคนในครอบครัวอะไรกัน ในสายตาของเขา ยังเทียบไม่ได้แม้แต่หมูหมาเจี่ยนอันอันถามออกต่อ “ที่ฮ่องเต้สุนัขนั่นส่งพวกเจ้ามาคุ้มกันพวกเรา ได้มอบหมายหน้าที่อื่นให้พวกเจ้าด้วยหรือไม่?”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เอ่ยอย่างเหม่อลอย “ฝ่าบาทไม่ได้มอบหมายหน้าที่ใดเพิ่มเติมให้กับพวกเรา”“เพียงแต่ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้พวกเราทำหน้าที่เพียงแค่คุมตัวไปส่งเท่านั้น ไม่ทรงอนุญาตให้ยื่นมือช่วยเหลือ”“ฝ่าบาทยังทรงรับสั่งอีกว่า พวกเจ้าล้วนแต่เป็นเพียงคนชั้นต่ำไร้ค่า ตลอดทางไปนี้ ห้ามมิให้อาหารหรือน้ำดื่ม”“ต่อให้พวกเจ้าจะไม่ถูกฆ่าตาย ก็ปล่อยให้พวกเจ้าอดตายไประหว่างทาง”เมื่อฉู่จวินหลุนได้ยินมาจนถึงตรงนี้ ก็โมโหเสียจนตบลงบนที่วางแขนรถเข็
“มารดามันเถอะ รนหาที่ตาย!” ทหารรักษาพระองค์หยัดกายลุกขึ้น สบถด่าและพยายามแย่งแส้กลับมา “ปล่อย มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”เจี่ยนอันอันคว้าแส้แล้วลุกขึ้นยืน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยันพลางเอ่ยว่า “หัวหน้าของพวกเจ้ายังไม่กล้าฆ่าข้า แล้วเจ้าเป็นใครถึงได้กล้าเอ่ยเรื่องไร้สาระเช่นนี้”“ข้าว่าเจ้ารนหาที่ตายมากกว่า เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้เจ้าก็แล้วกัน เป็นอย่างไร!”ขณะที่เจี่ยนอันอันพูด ในมือก็มีเข็มเงินปรากฏออกมาในตอนที่ทหารรักษาพระองค์มองเห็นเข็มเงินนั้น ในใจพลันกระตุกทีหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวเหตุใดพวกเขาถึงได้ลืมเรื่องเข็มเงินนี้ไปได้นะหากว่าสิ่งนี้แทงทะลุลงบนกายของเขา ชีวิตของพวกเขาก็คงจะไม่เหลือแล้วเมื่อคืนนี้ เพราะพวกเขาท้องเสีย ร่างกายจึงอ่อนแรงในตอนนี้ที่ต้องเดินทาง ก็รู้สึกเหมือนเหยียบลงบนปุยฝ้ายที่โยกไปมาทว่าหัวหน้าให้พวกเขาใช้แส้ปลุกให้คนในตระกูลเหล่านี้ตื่นขึ้นมา คำสั่งของหัวหน้าเขาจะไม่ฟังก็ไม่ได้และแส้เมื่อครู่นี้ เขาเองก็ต้องการจะเลี่ยงเจี่ยนอันอันไป คิดจะฟาดไปที่ฮูหยินใหญ่อันที่จริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้ใช้แรงมากนัก เกรงว่าแส้ฟาดไปบนกายของฮ
เจี่ยนอันอันรู้สึกได้ว่ามีสายตาจับจ้องมาจากด้านหลังของนางนางหันหลังกลับไปทันที ก็พบกับฉู่จวินสิงที่กำลังจ้องมองตนเองอยู่เจี่ยนอันอันแลบลิ้นให้ฉู่จวินสิง ก่อนจะทำหน้าทะเล้นใส่ฉู่จวินสิงตกตะลึงไปในตอนแรก ก่อนจะรีบหันหน้าหนีไปมองทางด้านอื่นเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ นางประคองฮูหยินใหญ่เดินมุ่งหน้าไปต่อจู่ ๆ ฮูหยินใหญ่ก็เหยียบลงบนก้อนหินก้อนหนึ่งเจ็บเสียจนต้องร้อง “โอ๊ย” ดังออกมา ร่างกายซวนเซจนแทบจะล้มลงบนพื้น“ฮูหยินใหญ่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” เจี่ยนอันอันรีบประคองฮูหยินใหญ่ขึ้นมาฮูหยินใหญ่กัดริมฝีปากล่างด้วยสีหน้าเจ็บปวด ก่อนจะส่ายหน้าให้กับเจี่ยนอันอันเบา ๆ“ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแต่รู้สึกเจ็บเท้ามาก” ฮูหยินใหญ่ทนต่อความเจ็บปวดรุนแรงที่เท้า ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าวความเจ็บปวดรุนแรงที่เท้า ทำให้ฮูหยินใหญ่ไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้ฮูหยินใหญ่ที่เดิมทีไม่เคยเดินไกลถึงขนาดนี้ เมื่อวานไม่เพียงเดินมาตลอดทั้งวันมาตอนนี้ยังเดินมาตลอดช่วงเช้าอีกนางพบว่าบนเท้านั้นมีตุ่มเลือดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทว่านางก็ไม่ได้เอ่ยออกมานางไม่ต้องการให้เพียงเพราะว่าอา
ถ้อยคำของฉู่จวินหลุนทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์โกรธจนหนวดสั่นและตาถลนเขารู้ว่าฝีมือการต่อสู้ของฉู่จวินหลุนนั้นกล้าแกร่ง ทำให้ตลอดทางมานี้เขาไม่กล้าทำอะไรคนในตระกูลเหล่านี้มากนักเดิมทีคิดว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนนอก ฉู่จวินหลุนคงไม่ออกหน้าแทนนางนึกไม่ถึงว่าฉู่จวินหลุนจะมองนางเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งไปแล้วหัวหน้าทหารรักษาพระองค์คับแค้นใจแต่กลับไร้ที่ระบายฉู่จวินหลุนกล่าวต่อ “ยามนี้ท่านแม่ข้ารู้สึกไม่สบาย จำเป็นต้องพักผ่อน”ถ้อยคำของเขาเจือน้ำเสียงสั่งการ ราวกับว่าเขาต่างหากที่เป็นนายของที่นี่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห แต่สุดท้ายก็ยอมสั่งให้ทุกคนหยุดพักอยู่ที่นี่อีกครึ่งชั่วยามค่อยเดินทางต่อเจี่ยนอันอันประคองฮูหยินใหญ่ไปนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่นางกล่าวอย่างห่วงใย “ฮูหยินใหญ่ รบกวนท่านถอดรองเท้าออก ข้าจะช่วยดูบาดแผลที่เท้าให้เจ้าค่ะ”ฮูหยินใหญ่ไม่อยากถอดรองเท้าต่อหน้าธารกำนัล แต่อาการเจ็บอย่างแสนสาหัสที่เท้าก็ทำให้นางยากจะทานทนเห็นถึงอาการลังเลของฮูหยินใหญ่ เจี่ยนอันอันก็ย่อตัวลงนั่งเบื้องหน้านางเพื่อบดบังสายตาของทุกคนฮูหยินใหญ่จึงยอมถอดรองเท้าออกด้ว
แม่นางผู้นี้เป็นคนบ้านใดกัน ไยพวกเขาไม่เคยพบมาก่อนเลย?เพราะดูท่าแล้วไม่เหมือนคนในหมู่บ้านชิงสุ่ยเลยเมื่อทุกคนนั่งประจำที่ เจี่ยนอันอันจึงแนะนำเหยียนซวงให้รู้จักทุกคนจึงได้ทราบว่าเหยียนซวงมาตามหาเจี่ยนอันอันเพื่อให้รักษาคนป่วยทุกคนก็พร้อมใจกันเอ่ยชมฝีมือวิชาแพทย์ที่ล้ำเลิศของเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถูกทุกคนเอ่ยชมจนหน้าแดงเรื่อเล็กน้อยฉู่จวินสิงมองเห็นท่าทางเขินอายของเจี่ยนอันอัน เขาก็เม้มปากยิ้มบาง ๆ ก่อนคีบเนื้อกระต่ายชิ้นหนึ่งใส่ลงในถ้วยของเจี่ยนอันอันเขาชอบมองเจี่ยนอันอันยามที่นางเขินอาย เพราะทุกครั้งที่นางเขิน แก้มของนางจะปรากฏสีแดงระเรื่อเจี่ยนอันอันเดิมก็มีรูปโฉมงดงามอยู่แล้ว พอมีสีแดงเรื่อบนใบหน้า ยิ่งเพิ่มความอ่อนโยนละมุนละไมให้นางหลายส่วนขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังเคี้ยวเนื้อกระต่ายในปาก ในใจกลับคิดถึงพี่ชายคนโตของนางตอนนี้พี่ชายยังพักอยู่ที่บ้านของกวนซิน แม้ว่าที่นั่นจะได้รับเสบียงอาหารที่นางส่งไปให้แต่กลับไม่มีผักหรืออาหารสดที่เพียงพอตัวนางกำลังกินเนื้อกระต่ายอยู่ที่นี่ แต่พี่ชายอาจกำลังอดอยู่อีกที่หนึ่งเมื่อคิดเช่นนั้น เจี่ยนอันอันก็ลุกพรวดขึ้นทันที“ข
เหยียนซวงเดินตรงเข้าไปแล้วฟาดหัวหานซื่อจนสลบ ก่อนจะล้วงเอาหนังสือผ่านด่านออกมา จากนั้นให้เหยียนอวี่ทำการคัดลอกมาเหยียนอวี่มีความสามารถในการเลียนแบบลายมือของผู้อื่นได้อย่างยอดเยี่ยมเขาหยิบกระดาษและพู่กันพร้อมหมึกออกมาจากห่อสัมภาระ แล้วเริ่มต้นลงมือคัดลอกเมื่อเหยียนอวี่ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เหยียนซวงก็นำหนังสือผ่านด่านฉบับจริงกลับไปใส่คืนในอกเสื้อของหานซื่อด้วยหนังสือผ่านด่านฉบับปลอมนี้ พวกเขาสองคนจึงสามารถปลอมตัวปะปนเข้าไปในเมืองอินเป่ยได้โชคดีที่ในเวลานั้นเป็นเวลากลางคืน ทหารเฝ้ายามที่กำแพงเมืองไม่ได้สังเกตว่าหนังสือผ่านด่านฉบับนั้นเป็นของปลอมพวกเขาจึงปล่อยให้ทั้งสองคนผ่านเข้าไปในเมืองทันทีเมื่อทั้งสองคนเข้าสู่เมืองอินเป่ยแล้ว ก็ไม่กล้าหยุดพักนาน จึงรีบเดินทางต่อจนมาถึงอำเภอไถหยางในเวลานั้น สองพี่น้องเหนื่อยล้าจนขาอ่อนแรง ศีรษะมึนงง ดวงตาพร่ามัวไปหมดอีกทั้งยังไม่คุ้นเคยกับเส้นทางในเมืองอินเป่ย จึงเดินผิดเดินถูกไปเคาะประตูบ้านของจงซิ่นโดยบังเอิญโชคดีที่จงซิ่นเป็นคนมีน้ำใจ เขาช่วยเหลือสองพี่น้องเป็นอย่างมาก ทั้งยังจัดหาห้องว่างให้พวกเขาได้พักอาศัยทว่าสภาพร่างกายข
เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันไม่พูดอะไร เหยียนซวงเกรงว่าเจี่ยนอันอันจะปฏิเสธไม่รักษาน้องชายของนางนางจึงรีบร้อนกล่าวว่า “ข้าได้ยินท่านลุงจงบอกว่า ในหมู่บ้านชิงสุ่ยนี้ มีแม่นางผู้หนึ่งชื่อเจี่ยนอันอัน”“อีกทั้งเขายังเอ่ยชมว่าเจ้ามีวิชาแพทย์อันเลิศล้ำ พี่เวินฟื้นขึ้นมาได้ก็เพราะเจ้าเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้”เมื่อได้ยินดังนี้ เจี่ยนอันอันจึงเข้าใจว่า ที่แท้ลุงจงซิ่นเป็นผู้แนะนำให้พวกเขามาหานางเหยียนซวงถือกระต่ายป่าตัวหนึ่งไว้ในมือ ซึ่งนางจับมาได้ในระหว่างเดินทางมายังหมู่บ้านชิงสุ่ยนางรู้ตัวดีว่าไม่ได้มีเงินทองติดตัว และไม่มีสิ่งใดจะใช้เป็นของขวัญในการพบหน้ายิ่งไปกว่านั้น นางกับเจี่ยนอันอันก็มิได้สนิทสนมกัน การมาหาอย่างบุ่มบ่ามเช่นนี้ ทำให้นางกลัวว่าเจี่ยนอันอันจะปฏิเสธไม่รักษาน้องชายนางในยามนี้ นางยังดีที่มีกระต่ายป่าในมือที่พอ ใช้เป็นของขวัญพบหน้าได้ขณะเอ่ยวาจา เหยียนซวงยื่นกระต่ายป่าในมือตรงไปยังเจี่ยนอันอัน“ข้าไม่มีเงินติดตัว และมิรู้ว่าจะสามารถมอบสิ่งใดให้เจ้าได้”“กระต่ายป่าตัวนี้ข้าจับมาได้ระหว่างเดินทางมา หวังเพียงว่าแม่นางเจี่ยนจะไม่รังเกียจ”“อีกทั้งอยากขอร้องให้แม่นางเจี่
เหยียนซวงเดินไปในหมู่บ้านชิงสุ่ย การปรากฏกายของนางดึงดูดสายตาของชาวบ้านหลายคนหลิวซื่อซึ่งเป็นภรรยาของอวี๋ว่านทำอาหารเสร็จแล้วจะนำไปส่งให้อวี๋ว่านทว่าเพิ่งจะเดินออกจากบ้านมาก็เห็นเหยียนซวงเดินอยู่ข้างนอกคนเดียวนางเดินเข้าไปทักทายอย่างเป็นมิตร “แม่นาง เจ้าไม่ใช่คนหมู่บ้านชิงสุ่ย ไม่ทราบว่ามาทำอะไรที่นี่?”เหยียนซวงได้ยินหลิวซื่อถามก็หันไปส่งยิ้มให้อีกฝ่าย“ข้าอยากพบคนที่ชื่อเจี่ยนอันอัน ไม่ทราบว่านางอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยใช่หรือไม่”หลิวซื่อเห็นว่าเหยียนซวงหน้าตางดงาม ยิ้มแล้วมีลักยิ้มสองข้าง มองแล้วสวยมากนอกจากนี้อีกฝ่ายก็กำลังตามหาเจี่ยนอันอัน หลิวซื่อตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “เจ้าถามถูกคนแล้วล่ะ”“ให้ข้าพาไปก็แล้วกัน บ้านของเจี่ยนอันอันอยู่ห่างจากบ้านข้าไม่ไกล”เหยียนซวงได้ยินว่าหลิวซื่อรู้จักบ้านของเจี่ยนอันอันก็ดีใจมาก“เช่นนั้นคงต้องรบกวนแล้ว”หลิวซื่อพาเหยียนซวงเดินไปทางบ้านของเจี่ยนอันอันหลิวซื่อชมเจี่ยนอันอันตลอดทาง ชมว่านางเป็นคนจิตใจดีการมาถึงของเจี่ยนอันอันทำให้ความเป็นอยู่ของคนในหมู่บ้านชิงสุ่ยดีขึ้นมากเหยียนซวงไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่รับฟังอยู่เงียบๆไม่นาน ทั
แม่นมหลี่ได้ยินอีกฝ่ายถามถึงหมู่บ้านชิงสุ่ยก็รีบชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้“แม่นาง หมู่บ้านชิงสุ่ยอยู่ทางนั้น เดินไปอีกแค่ชั่วยามเดียวก็ถึงแล้ว”แม่นางหลี่อยากรีบไปจากที่นี่ ย่อมตอบไปตามความจริงเหยียนซวงมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ นางหรี่ตาลงเล็กน้อยและจดจำเส้นทางไว้“ข้าถามอีกเรื่อง ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนชื่อเจี่ยนอันอันหรือไม่?”แม่นมหลี่อดชะงักงันไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของเจี่ยนอันอันนางนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวนางนี้จะถามถึงเจี่ยนอันอันดูจากท่าทีแล้ว หรือว่าจะมีความแค้นกับเจี่ยนอันอัน?เหยียนซวงเห็นแม่นมหลี่ไม่ตอบก็ออกแรงบีบข้อมือของแม่นางหลี่แรงขึ้น“ตอบมา!”แม่นมหลี่ถูกบีบข้อมืออย่างแรง เจ็บจนตัวงอ“ข้าตอบ ข้าตอบแล้ว แม่นางเบามือหน่อย สังขารของข้ารับไม่ไหวหรอกนะ”แม่นมหลี่คิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายผ่อนแรงลงคิดไม่ถึงว่าเหยียนซวงจะบีบแรงกว่าเดิมแม่นมหลี่รู้ว่าหากยังไม่พูดอีก เกรงว่าข้อมือนางคงได้ถูกบีบจนหักนางรีบตอบว่า “ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนที่ชื่อว่าเจี่ยนอันอันอยู่ ไม่ทราบว่าแม่นางมีความแค้นอะไรกับนางหรือ?”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง”เหยียนซวงไม่คิดจะบอกจ
แม่นมหลี่ว่าจบก็ข่วนหน้าเตียวเฉียงไปหลายครั้งเดิมทีเตียวเฉียงก็ต้องอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่ท่อนล่าง ไม่ทันได้หลบมือของแม่นมหลี่ใบหน้าของเขาถูกข่วนจนเลือดออกหลายแผลทันที“มารดามันเถอะ นี่กล้าข่วนข้างั้นรึ วันนี้ข้าจะสั่งสอนให้เจ้าได้รู้จักกับจุดจบของการทำให้ข้าโมโห!”เตียวเฉียงว่าแล้วก็จะยกเท้าถีบแม่นมหลี่แม่นมหลี่ตกใจหน้าถอดสี นางรีบไปหลบที่ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังลูกเตะของเตียวเฉียงถีบเข้าที่ต้นไม้ใหญ่กิ่งไม้ส่ายไปมาและส่งเสียงซู่ซ่าในตอนนี้เอง มีเสียงตวาดลั่นด้วยความโมโหดังมาจากบนต้นไม้ “ผู้ใดกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้าดีอย่างไรมาเตะต้นไม้ รบกวนการนอนของข้า”เตียวเฉียงกับแม่นมหลี่รีบมองขึ้นไปบนต้นไม้เมื่อได้ยินเสียงพบว่ามีหญิงสาวในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนนางหนึ่งกำลังนอนอยู่บนกิ่งก้านที่ใหญ่หนานางมองลงมาด้านล่างด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ สายตาจับจ้องไปที่หน้าของเตียวเฉียงเตียวเฉียวไม่เคยพบหญิงสาวนางนี้มาก่อน รู้ว่านางไม่ใช่คนในหมู่บ้านชิงสุ่ย“เจ้าเป็นผู้ใด เป็นสาวเป็นนางแต่มานอนทำอะไรบนต้นไม้?”เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนางนี้หน้าตาพอใช้ได้ เตียวเฉียงพลันบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น
ดูท่าว่าก่อนที่จะถูกเนรเทศ คนตระกูลเจี่ยนน่าจะให้เงินเจี่ยนอันอันไม่น้อยเลยแต่ไม่รู้ว่าเงินพวกนี้ถูกเจี่ยนอันอันเก็บไว้ที่ใดหลายวันมานี้เขามาที่หมู่บ้านชิงสุ่ย คอยแอบดูทุกความเคลื่อนไหวของเจี่ยนอันอันและตระกูลฉู่ลำพังแค่อาหารที่กินก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยแล้วหากไม่ใช่เพราะแม่นมหลี่กับเตียวเฉียงทำงานไม่ได้เรื่อง เขาก็คงไม่ต้องมาเสียเงินค่าอาหารให้สองคนนั้นอีกหนิงเจิ้นแค่นเสียงเย็น แววตาเผยประกายละโมบเขาตัดสินใจที่จะให้เตียวเฉียงลักลอบเข้าไปในห้องของเจี่ยนอันอันคืนนี้ให้เตียวเฉียงขโมยทรัพย์สินของเจี่ยนอันอันมาปลอบโยนความยากลำบากของเขาในช่วงหลายวันมานี้หนิงเจิ้นเฝ้ามองอีกสักพักแล้วจากไปเขากลับไปยังที่พักก็เห็นเตียวเฉียงนอนยกเท้าไขว่ห้างอย่างสบายๆ อยู่บนเตียงส่วนแม่นมหลี่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด เตียวเฉิงเห็นหนิงเจิ้นกลับมาก็รีบลดขาลงและร้องโอดโอยว่าเจ็บช่วงล่างหนิงเจิ้นแค่นเสียงเย็นก่อนจะถีบเตียวเฉียงตกเตียง“กล้าแสร้งทำเป็นป่วยต่อหน้าข้า สงสัยจะอยากตายสินะ”หลังจากที่เตียวเฉียงร่วงตกพื้นก็ทำให้แผลที่ร่างกายท่อนล่างฉีกขาดความเจ็บปวดแสนสาหัสถาโถมเข้ามา เขาเจ็บจนตัว
กวนซินยังคงมองทุกคนด้วยสีหน้ารู้สึกผิดนางไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนั้นฟางอิ๋งเห็นกวนซินมีสีหน้ารู้สึกผิดก็ลุกขึ้นพูดกับอีกฝ่าย “น้องหญิงอย่าได้ตำหนิตัวเองอีกเลย”“ตอนนี้จื่อซีไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ทั้งยังทำให้พวกข้าได้รู้ด้วยว่าเขาต้านทานพิษได้”“ถือได้ว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย”โชคดีที่คนตระกูลฉู่ไม่คิดจะเอาเรื่องนางและไม่คิดจะโทษฉู่ตั๋วตั่วภายในใจกวนซินรู้สึกอบอุ่นโดยพลันนางไม่รู้ว่าควรขอบคุณในความใจกว้างของคนตระกูลฉู่อย่างไรดีเนื่องจากเจี่ยนอันอันจะสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นในหมู่บ้านชิงสุ่ยเรื่องนี้จึงทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่พอใจเดิมทีแล้วภายในหมู่บ้านเงียบสงบ แต่แล้วตอนนี้กลับมีคนนอกย้ายเข้ามาอยู่อย่างไม่ขาดสายเรื่องนี้พวกเขาไม่ได้ถือสาอะไรแต่หากจะสร้างบ้านใหม่แล้วล่ะก็ พวกเขาไม่พอใจถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นที่ดินของพวกเขา เพียงแค่คนนอกบอกว่าจะสร้างบ้านก็จะปล่อยให้สร้างตามใจชอบได้อย่างไรหากเป็นแบบนั้น พวกเขาเองก็อยากสร้างบ้านอีกหลายหลังให้กับตัวเองไม่ต้องเอาแต่อยู่ในบ้านหลังเล็กคับแคบและอยู่มาเป็นสิบๆ ปี ข่าวนี้ลอยไปถึงหูท่านปู่เฉินซึ่
ทว่าฉู่จื่อซีกลับสามารถลุกขึ้นนั่ง เรื่องนี้อยู่เหนือความเข้าใจของทุกคนเจี่ยนอันอันรีบจับชีพจรให้ฉู่จื่อซีอีกครั้งดูจากชีพจรของเขา พิษสองชนิดที่อยู่ในตัวเขาได้สงบลงแล้วสามารถพูดได้ว่าฉู่จื่อซีใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเอาชนะพิษทั้งสองชนิด ฉู่ตั๋วตั๋วเห็นฉู่จื่อซีฟื้นแล้วก็หยุดร้องไห้ในที่สุดนางคว้ามือน้อยๆ ของฉู่จื่อซีพลางพูดด้วยเสียงเด็กน้อย “พี่จื่อซี ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่”ฉู่จื่อซีส่งยิ้มให้ฉู่ตั๋วตั่ว “ข้าสบายดี ยาพวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”ฉู่ตั๋วตั่วยิ้มด้วยสีหน้าไร้เดียงสาทั้งสองคนยิ้มอย่างไร้เดียงสา ทว่าผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างกลับเป็นกังวลฮูหยินใหญ่รีบซักถาม “อันอัน จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วจริงหรือ?”เจี่ยนอันอันลุกขึ้น นางมองฉู่จื่อซีอีกครั้งจากนั้นพยักหน้าเบาๆ “จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่า…”“แต่ว่าอะไร?” ทุกคนถามพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดต่อนางเองก็สงสัยเช่นกัน ตามหลักแล้ว หากวิธีต้มยาพิษของฉู่ตั๋วตั่วถูกต้องหลังจากที่ฉู่จื่อซีดื่มเข้าไปแล้ว พิษก็จะออกฤทธิ์ทันทีและทำให้เป็นอัมพาตทั้งร่างทว่าเมื่อดูอาการของ