เจี่ยนอันอันกล่าวอีกครั้งว่า “หากท่านหัวหน้าทหารรักษาพระองค์อยากลองลิ้มรสการถูกเข็มพิษปักดู ก็เชิญมารับไปได้เลย”“ข้าคิดว่าท่านหัวหน้าคงทราบดีว่า อยู่ในป่ารกร้างเช่นนี้ หากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคน ฮ่องเต้ก็คงไม่สนใจอะไร”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เหล่าทหารรักษาพระองค์ตกใจไม่น้อยสิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง แม้พวกเขาจะเป็นทหารรักษาพระองค์แต่ในสายตาของฮ่องเต้ พวกเขาเทียบไม่ได้แม้แต่มดตัวหนึ่งยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างทางเนรเทศ ย่อมมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอหากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคนระหว่างทาง ก็ไม่มีใครสนใจและกลุ่มคนชุดดำเมื่อครู่ก็ถูกเจี่ยนอันอันฆ่าตายทั้งหมดไม่มีใครรู้ว่าในมือนางยังมีเข็มเงินอีกเท่าไร และไม่มีใครอยากเสี่ยงที่จะขัดใจเจี่ยนอันอันคำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตระหนักได้เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เมื่อนึกได้ว่าที่ผ่านมาเขาหงุดหงิดมากจนลืมไปว่าบนเข็มเงินนั้นมีพิษกลุ่มนักโทษเนรเทศเหล่านี้ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มโจรปล้นฆ่าหากไปยั่วยุพวกเขา ในป่ารกร้างเช่นนี้ แม้ทหารรักษาพระองค์ทั้งหมดจะถูกฆ่า เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ว่าเป็น
วังหลวงนั้นมีการคุ้มกันอย่างเข้มงวดนางเป็นเพียงหญิงสาวที่อ่อนแอ หากต้องการเข้าไปในวังหลวง เกรงว่าคงถูกจับได้ตั้งแต่แรกแล้วแต่นางไม่เพียงไม่ถูกจับได้ ยังสามารถเดินเข้าคุกหลวงได้อย่างสบายใจนางไปที่คุกด้วยเหตุใด หรือจะไปปล้นตัวนักโทษหนีออกมา?แต่ในตอนนั้น ผู้คุมในคุกกลับทำเหมือนมองไม่เห็นนาง ปล่อยให้นางเดินไปมาได้ตามใจเรื่องนี้จะอธิบายได้อย่างไร?เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาใกล้ ฉู่จวินสิงจึงเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาเจี่ยนอันอันเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าฉู่จวินสิงโดยไม่พูดอะไร นางจับข้อมือของอ๋องหนุ่มขึ้นมาแล้วเริ่มตรวจชีพจรฉู่จวินสิงรู้สึกว่าข้อมือของตนถูกจับขึ้น และเห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังตรวจชีพจรของเขาอยู่ในใจของฉู่จวินสิงเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เขาเปิดริมฝีปากบางเพียงเล็กน้อย แต่กลับไม่เอ่ยถามอะไรออกมาเลยสักคำเมื่อมองดูข้อมือของตนที่ถูกเจี่ยนอันอันจับไว้ พร้อมกับนิ้วเรียวเล็กที่แตะเบา ๆ บนเส้นชีพจรฉู่จวินสิงไม่ได้โกรธหรือไล่ให้เจี่ยนอันอันออกห่างจากเขาเขาปล่อยให้นางตรวจชีพจรของเขาต่อไปฉู่จวินหลุนและฉู่อันเจ๋อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างตกตะลึงกับการกระทำของทั้งสองค
การกระทำของเจี่ยนอันอัน ทำให้หัวใจของฉู่จวินสิงสั่นไหวเขาคิดที่จะดึงมือกลับมา แต่กลับพบว่าตนเองไม่อาจขยับเขยื้อนได้ดั่งเก่าเจี่ยนอันอันกลับไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ ทำเพียงแค่กุมมือเอาไว้เท่านั้น นี่เป็นเพียงแค่มารยาทเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงไม่คัดค้านอันใด เจี่ยนอันอันจึงเอ่ยต่อ “ท่านวางใจได้ ในเมื่อข้าเลือกที่จะแต่งกับท่านแล้ว”“ข้าก็ยินยอมที่จะเป็นเชลยถูกเนรเทศไปด้วยกันกับพวกท่าน ข้าไม่มีทางที่จะหลบหนีเอาตัวรอดไประหว่างทาง” “ข้าจะคอยอยู่ข้างกายท่านตลอด และจะคอยช่วยเหลือทุกคนให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ไปให้ได้”คำพูดของเจี่ยนอันอัน ทำให้ฉู่จวินสิงขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัวฮ่องเต้พระราชทานงานอภิเษกสมรส ให้คุณหนูรองจวนกั๋วกงแต่งงานให้กับเขาแล้วเหตุใดผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาในตอนนี้ กลับเป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกงเล่า?ฉู่จวินสิงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่คุณหนูรอง เหตุใดจึงแต่งงานกับข้า?”“เจ้ารู้ว่าข้ากำลังจะกลายเป็นเพียงสามัญชนธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งยังถูกยึดจวนแล้วเนรเทศออกไป เหตุใดเจ้าถึงยังไม่หนีไป เจ้ามีจุดประสงค์ใดกั
ฉู่จวินสิงไม่เคยพบเห็นของสิ่งนี้มาก่อน แต่ว่าของสิ่งนี้กลับทำให้เขาหายใจได้สะดวกขึ้นอีกทั้งยังช่วยไม่ให้สูดดมกลิ่นเหม็นนี่ได้สายตาของฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย เขาเริ่มรู้สึกประหลาดใจในตัวเจี่ยนอันอันมากยิ่งขึ้นเห็นเพียงเจี่ยนอันอันมองไปยังกลุ่มทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นอยู่มุมปากของนางยกขึ้น ดวงตาก็โค้งงอเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวใบหน้าที่เดิมงดงามน่ามองอยู่แล้ว ก็เปลี่ยนเป็นงดงามยิ่งขึ้นเพราะรอยยิ้มนี้เหล่าทหารองครักษ์เหล่านั้นที่กำลังท้องไส้ปั่นป่วนกันอยู่ เริ่มขออนุญาติหัวหน้าของพวกเขาไปขับถ่ายอีกครั้งครานี้หัวหน้าของพวกเขาไม่ได้มีอาการปวดท้องเขาจ้องไปยังทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น ก่อนจะโบกมือให้พวกเขาอย่างรำคาญ“ไป ๆ ๆ รีบไปจัดการเร็ว ๆ”“หากพวกเจ้ายังผายลมเหม็นเน่าอยู่ที่นี่อีก ข้าคงจะถูกพวกเจ้ารมกลิ่นเหม็นนี่จนตายแน่”หลังจากที่ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นได้รับอนุญาติแล้ว ทั้งหมดก็พากันกุมท้องแล้ววิ่งไปยังป่ารกร้างห่างไกลออกไปเมื่อมองดูทหารรักษาพระองค์ทางด้านนี้ ก็เหลือเพียงแค่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เท่านั้นในที่สุดเจี่ยนอันอันก็ลุกขึ้น ก้าวอาด ๆ
เนรเทศพวกเขาไปยังเมืองรกร้างยังไม่พอ ถึงขั้นยังจะส่งคนมาตามสังหารพวกเขาระหว่างทางอีกฉู่อันเจ๋อโมโหเสียจนแทบจะสบถด่าออกมา เจี่ยนอันอันรีบยื่นมือออกไปห้ามเอาไว้เสียก่อนใบหน้าของฉู่จวินสิงค่อย ๆ ปรากฏรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมาเขาควรจะเดาได้มาตั้งนานแล้ว!ชายผู้นั้นเป็นที่น่าสงสัยมาโดยตลอด ทั้งยังโหดร้ายไร้ปราณีเพื่อบัลลังก์มังกรของเขา เขาสามารถฆ่าใครก็ตามที่คุกคามสถานะของเขาคนในครอบครัวอะไรกัน ในสายตาของเขา ยังเทียบไม่ได้แม้แต่หมูหมาเจี่ยนอันอันถามออกต่อ “ที่ฮ่องเต้สุนัขนั่นส่งพวกเจ้ามาคุ้มกันพวกเรา ได้มอบหมายหน้าที่อื่นให้พวกเจ้าด้วยหรือไม่?”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เอ่ยอย่างเหม่อลอย “ฝ่าบาทไม่ได้มอบหมายหน้าที่ใดเพิ่มเติมให้กับพวกเรา”“เพียงแต่ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้พวกเราทำหน้าที่เพียงแค่คุมตัวไปส่งเท่านั้น ไม่ทรงอนุญาตให้ยื่นมือช่วยเหลือ”“ฝ่าบาทยังทรงรับสั่งอีกว่า พวกเจ้าล้วนแต่เป็นเพียงคนชั้นต่ำไร้ค่า ตลอดทางไปนี้ ห้ามมิให้อาหารหรือน้ำดื่ม”“ต่อให้พวกเจ้าจะไม่ถูกฆ่าตาย ก็ปล่อยให้พวกเจ้าอดตายไประหว่างทาง”เมื่อฉู่จวินหลุนได้ยินมาจนถึงตรงนี้ ก็โมโหเสียจนตบลงบนที่วางแขนรถเข็
“มารดามันเถอะ รนหาที่ตาย!” ทหารรักษาพระองค์หยัดกายลุกขึ้น สบถด่าและพยายามแย่งแส้กลับมา “ปล่อย มิฉะนั้นข้าจะฆ่าเจ้า!”เจี่ยนอันอันคว้าแส้แล้วลุกขึ้นยืน ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเย้ยหยันพลางเอ่ยว่า “หัวหน้าของพวกเจ้ายังไม่กล้าฆ่าข้า แล้วเจ้าเป็นใครถึงได้กล้าเอ่ยเรื่องไร้สาระเช่นนี้”“ข้าว่าเจ้ารนหาที่ตายมากกว่า เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะช่วยสงเคราะห์ให้เจ้าก็แล้วกัน เป็นอย่างไร!”ขณะที่เจี่ยนอันอันพูด ในมือก็มีเข็มเงินปรากฏออกมาในตอนที่ทหารรักษาพระองค์มองเห็นเข็มเงินนั้น ในใจพลันกระตุกทีหนึ่ง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวเหตุใดพวกเขาถึงได้ลืมเรื่องเข็มเงินนี้ไปได้นะหากว่าสิ่งนี้แทงทะลุลงบนกายของเขา ชีวิตของพวกเขาก็คงจะไม่เหลือแล้วเมื่อคืนนี้ เพราะพวกเขาท้องเสีย ร่างกายจึงอ่อนแรงในตอนนี้ที่ต้องเดินทาง ก็รู้สึกเหมือนเหยียบลงบนปุยฝ้ายที่โยกไปมาทว่าหัวหน้าให้พวกเขาใช้แส้ปลุกให้คนในตระกูลเหล่านี้ตื่นขึ้นมา คำสั่งของหัวหน้าเขาจะไม่ฟังก็ไม่ได้และแส้เมื่อครู่นี้ เขาเองก็ต้องการจะเลี่ยงเจี่ยนอันอันไป คิดจะฟาดไปที่ฮูหยินใหญ่อันที่จริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้ใช้แรงมากนัก เกรงว่าแส้ฟาดไปบนกายของฮ
เจี่ยนอันอันรู้สึกได้ว่ามีสายตาจับจ้องมาจากด้านหลังของนางนางหันหลังกลับไปทันที ก็พบกับฉู่จวินสิงที่กำลังจ้องมองตนเองอยู่เจี่ยนอันอันแลบลิ้นให้ฉู่จวินสิง ก่อนจะทำหน้าทะเล้นใส่ฉู่จวินสิงตกตะลึงไปในตอนแรก ก่อนจะรีบหันหน้าหนีไปมองทางด้านอื่นเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ นางประคองฮูหยินใหญ่เดินมุ่งหน้าไปต่อจู่ ๆ ฮูหยินใหญ่ก็เหยียบลงบนก้อนหินก้อนหนึ่งเจ็บเสียจนต้องร้อง “โอ๊ย” ดังออกมา ร่างกายซวนเซจนแทบจะล้มลงบนพื้น“ฮูหยินใหญ่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?” เจี่ยนอันอันรีบประคองฮูหยินใหญ่ขึ้นมาฮูหยินใหญ่กัดริมฝีปากล่างด้วยสีหน้าเจ็บปวด ก่อนจะส่ายหน้าให้กับเจี่ยนอันอันเบา ๆ“ข้าไม่เป็นอะไร เพียงแต่รู้สึกเจ็บเท้ามาก” ฮูหยินใหญ่ทนต่อความเจ็บปวดรุนแรงที่เท้า ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าอีกสองก้าวความเจ็บปวดรุนแรงที่เท้า ทำให้ฮูหยินใหญ่ไม่อาจก้าวเดินต่อไปได้ฮูหยินใหญ่ที่เดิมทีไม่เคยเดินไกลถึงขนาดนี้ เมื่อวานไม่เพียงเดินมาตลอดทั้งวันมาตอนนี้ยังเดินมาตลอดช่วงเช้าอีกนางพบว่าบนเท้านั้นมีตุ่มเลือดขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นทว่านางก็ไม่ได้เอ่ยออกมานางไม่ต้องการให้เพียงเพราะว่าอา
ถ้อยคำของฉู่จวินหลุนทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์โกรธจนหนวดสั่นและตาถลนเขารู้ว่าฝีมือการต่อสู้ของฉู่จวินหลุนนั้นกล้าแกร่ง ทำให้ตลอดทางมานี้เขาไม่กล้าทำอะไรคนในตระกูลเหล่านี้มากนักเดิมทีคิดว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนนอก ฉู่จวินหลุนคงไม่ออกหน้าแทนนางนึกไม่ถึงว่าฉู่จวินหลุนจะมองนางเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งไปแล้วหัวหน้าทหารรักษาพระองค์คับแค้นใจแต่กลับไร้ที่ระบายฉู่จวินหลุนกล่าวต่อ “ยามนี้ท่านแม่ข้ารู้สึกไม่สบาย จำเป็นต้องพักผ่อน”ถ้อยคำของเขาเจือน้ำเสียงสั่งการ ราวกับว่าเขาต่างหากที่เป็นนายของที่นี่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโห แต่สุดท้ายก็ยอมสั่งให้ทุกคนหยุดพักอยู่ที่นี่อีกครึ่งชั่วยามค่อยเดินทางต่อเจี่ยนอันอันประคองฮูหยินใหญ่ไปนั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่นางกล่าวอย่างห่วงใย “ฮูหยินใหญ่ รบกวนท่านถอดรองเท้าออก ข้าจะช่วยดูบาดแผลที่เท้าให้เจ้าค่ะ”ฮูหยินใหญ่ไม่อยากถอดรองเท้าต่อหน้าธารกำนัล แต่อาการเจ็บอย่างแสนสาหัสที่เท้าก็ทำให้นางยากจะทานทนเห็นถึงอาการลังเลของฮูหยินใหญ่ เจี่ยนอันอันก็ย่อตัวลงนั่งเบื้องหน้านางเพื่อบดบังสายตาของทุกคนฮูหยินใหญ่จึงยอมถอดรองเท้าออกด้ว
มาถึงเมืองอินเป่ยหลายวันแล้ว ถังหมิงเซวียนก็ได้เรียนรู้กฎระเบียบของที่นี่ดีแล้วผู้ใดที่เข้าสู่เมืองอินเป่ย จะไม่สามารถออกจากที่นี่ได้โดยง่ายเขาเพียงแค่ต้องค้นหาอย่างละเอียด ก็จะพบอีกฝ่ายอย่างแน่นอนในขณะเดียวกัน เจี่ยนอันอันที่นั่งอยู่ในรถม้าก็ได้นำถุงเงินและเห็ดหูหนูทั้งหมดเก็บเข้าไปในมิติจากนั้นนางกระซิบที่ข้างหูฉู่จวินสิงว่า “ท่านหิวหรือไม่ พวกเราไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันดีหรือไม่?”ฉู่จวินสิงหันมายิ้มบาง ๆ “เจ้าอยากกินอะไร หรืออยากกลับไปกินที่โรงเตี๊ยมเดิมอีก?”เจี่ยนอันอันส่ายหัวเบา ๆ อาหารที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นอร่อยก็จริง แต่ก็ยังไม่ถูกปากนางนัก“ข้าอยากกินเนื้อย่างเสียบไม้ ไม่รู้ว่าในอำเภอไถหยางจะมีร้านขายเนื้อย่างหรือไม่”ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังมาจากด้านหลังเจี่ยนอันอันหันกลับไปมอง ก็เห็นถังหมิงเซวียนควบม้ามุ่งหน้ามาทางพวกนางเจี่ยนอันอันคิดในใจ ไม่ใช่ว่าเจ้าหมอนี้ไปอีกทางแล้วหรือ เหตุใดถึงได้ตามมาอีกเล่า?ไม่นานนัก ถังหมิงเซวียนก็ตามมาทัน เขาจงใจควบม้าให้ช้าลง เพื่อให้เดินขนาบข้างกับรถม้าเขาหันไปกล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “แม่นางเจี่ย
ครอบครัวของนางหาได้มั่งคั่งไม่ เงินเหล่านี้ล้วนเป็นเงินที่นางหาได้จากการออกไปขายเห็ดหูหนูในบ้านก็เหลือเงินเพียงเท่านี้ แต่แม่ของอวี้ซินก็ยอมยื่นส่งเงินทั้งหมดให้เจี่ยนอันอันโดยไม่เสียดายแม้แต่น้อย“แม่นาง บ้านข้าเหลือเงินเพียงเท่านี้ ขอแม่นางอย่ารังเกียจที่มันน้อยเกินไป”เจี่ยนอันอันรับเศษเงินมา หยิบออกมาเพียงก้อนเดียว แล้วส่งส่วนที่เหลือคืนให้แม่ของอวี้ซิน“เงินแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ส่วนที่เหลือท่านเก็บไว้ใช้จ่ายในครอบครัวเถิด”แม่ของอวี้ซินมองเศษเงินที่ถูกส่งคืนให้ นางตื้นตันจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี“แม่นาง ท่านช่วยชีวิตหลานข้า และยังช่วยชีวิตบุตรสาวของข้าอีก ไฉนท่านจึงรับเงินเพียงเท่านี้เล่า”ก่อนหน้านี้ นางเคยจ้างหมอมา แต่กลับไม่อาจช่วยรักษาพวกเขาให้หายได้ ทั้งยังเรียกค่ารักษาถึงสิบห้าตำลึงเงินในคราวเดียวแต่แม่นางที่อยู่ตรงหน้า ไม่ได้เพียงรักษาชีวิตคนในครอบครัวของนางให้หายดี ยังรับเงินเพียงห้าตำลึงเท่านั้นนี่มันช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลยแม่ของอวี้ซินพลันคิดขึ้นได้ว่า ในบ้านของนางยังมีเห็ดหูหนูจำนวนมาก บางทีนางอาจจะมอบเห็ดหูหนูเหล่านั้นให้แม่นางผู้นี้ไปเลยก็ได้เมื่อคิ
เจี่ยนอันอันไม่คิดอยากจะฟังคำอธิบายจากถังก่วง นางหันไปกล่าวกับพ่อและแม่ของอวี้ซินว่า “ตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่ที่ใด ข้าจะไปรักษาเขา”แม่ของอวี้ซินที่เดิมทีไม่ประสงค์ให้ผู้ใดล่วงรู้ถึงเรื่องอัปยศในครอบครัว ครั้นได้ยินคำของเจี่ยนอันอันนางจึงรีบตอบ “แม่นาง เชิญตามข้ามา”แม่ของอวี้ซินนำทางเจี่ยนอันอันพร้อมทั้งอีกสองคนไปยังห้องอีกห้องหนึ่งห้องนั้นไม่กว้างขวาง มีเพียงเตียงหนึ่งเตียงและโต๊ะหนึ่งตัวเท่านั้นเมื่อเจี่ยนอันอันมองไปบนเตียง ก็เห็นเด็กชายวัยราวสิบขวบนอนอยู่ดวงตาของเขาปิดสนิท ดวงหน้าเล็กซีดขาวเจี่ยนอันอันก้าวเข้าไปใกล้ พลางจับชีพจรให้ถังเสี่ยวซานเด็กผู้นี้ไม่ได้มีโรคอื่นติดตัว เพียงแต่สำลักน้ำเข้าไปมาก ทำให้ปอดเต็มไปด้วยน้ำชีพจรของเขาเต้นช้ามาก หากไม่ได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงที เกรงว่าเด็กคนนี้อาจสิ้นใจได้ไม่รู้ว่าแพทย์ที่รักษาก่อนหน้าทำอย่างไร แต่กลับไม่ได้ใช้วิธีปั๊มหัวใจให้เด็กโชคยังดีที่แพทย์คนก่อนให้ยารักษาบางชนิดแก่ถังเสี่ยวซาน ซึ่งช่วยชะลอการหยุดเต้นของหัวใจเป็นการชั่วคราวเป็นเหตุให้เขายังคงอยู่ในสภาพหมดสติ โดยไม่ได้สิ้นลมไปเจี่ยนอันอันยืนอยู่ต่อหน้าแม่ของอ
หากต้องการให้อวี้ซินฟื้นฟูร่างกาย จำเป็นต้องคลายปมในใจของนางก่อนถึงจะสำเร็จเจี่ยนอันอันหยิบเข็มเงินออกมา แทงลงที่จุดไป่ฮุ่ยและจุดอิ้นถังของอวี้ซินฝีมือของนางทั้งมั่นคง แม่นยำ และเฉียบขาด จนทำให้พ่อและแม่ของอวี้ซินที่ดูอยู่ตกใจกลัวก่อนหน้านี้ก็มีหมอคนอื่นมารักษาและฝังเข็มให้อวี้ซินเช่นกันทว่าฝีมือการฝังเข็มของพวกเขา กลับไม่เฉียบคมเท่าเจี่ยนอันอันแม่ของอวี้ซินบีบแขนของผู้เป็นสามีไว้แน่น รู้สึกประหม่าจนมือสั่นเจี่ยนอันอันหยิบยาสงบจิตออกมา และยัดเข้าไปในปากของอวี้ซินนางค่อย ๆ หมุนเข็มเงินอย่างแผ่วเบา ไม่นานก็ได้ยินเสียงอืมเบา ๆ ในลำคอจากอวี้ซินเปลือกตาของนางขยับเล็กน้อย ดูเหมือนจะมีท่าทีว่าใกล้จะฟื้นขึ้นมาแล้วพ่อและแม่ของอวี้ซินเห็นดังนั้น ใจก็เหมือนจะออกมาเต้นนอกอกขณะที่ถังหมิงเซวียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองดูวิธีการฝังเข็มของเจี่ยนอันอัน เขาอดที่จะอุทานเบา ๆ ไม่ได้ฝีมือระดับนี้เทียบเท่ากับเขาเลยทีเดียวเจี่ยนอันอันไม่สนใจคำอุทานของถังหมิงเซวียน นางดึงเข็มเงินออก ทำความสะอาดเล็กน้อยก่อนจะเก็บมันเข้าไปในมิติจากนั้นนางหยิบยารักษาโรคจิตเวชออกมา ป้อนใส่ปากอวี้ซิน“พวกท่าน
ถังก่วงตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบวิ่งไปหาอวี้ซินพร้อมจะช่วยพยุง“อวี้ซิน เจ้าเป็นอะไรไป อย่าทำให้ข้าตกใจสิ!”บิดาของอวี้ซินก้าวพรวดเข้ามา ผลักถังก่วงออกไปทันที“เจ้าอย่าแตะต้องลูกสาวข้า หากนางเป็นอะไรไป ข้าจะไม่มีวันปล่อยเจ้าไปแน่”ถังก่วงถูกผลักจนเซไปข้างหนึ่ง ยังคิดจะเข้าไปช่วยอวี้ซินอีก แต่ก็ถูกสายตาเย็นชาของบิดาอวี้ซินข่มจนต้องถอยกลับเจี่ยนอันอันไม่รู้เรื่องของถังก่วง นางเพียงคิดว่านี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของคนอื่น และไม่อยากยุ่งเกี่ยวขณะกำลังจะก้าวออกไป ประตูเรือนก็ถูกผลักเปิดออกแม่ของอวี้ซินกลับมาแล้ว นางเห็นว่าในเรือนมีคนเพิ่มขึ้นมาสี่คน ซึ่งหนึ่งในนั้นมีถังก่วงนางทิ้งสิ่งที่ถืออยู่ลงแล้ววิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ“เจ้ามาทำไมอีก ยังทำร้ายลูกสาวข้าไม่พออีกหรือ?”ถังก่วงเห็นมารดาของอวี้ซินกลับมาแล้ว เขาก็รีบบอกว่าพาคนมาเพื่อรักษาอวี้ซินและถังเสี่ยวซานแม่ของอวี้ซินเหลือบมองเจี่ยนอันอันและคนอื่นอีกสองคน แล้วก็มองอวี้ซินที่ศีรษะบาดเจ็บนางรู้สึกเศร้าจากใจ ดวงตาพลันแดงก่ำ“ทั้งสามคนนี้มาเพื่อรักษาเสี่ยวซานและซินเอ๋อร์จริง ๆ หรือ?”แม่ของอวี้ซินยังคงมีเหตุผลบ้าง ไม่เหมือนก
พ่อตาตวาดลั่นด้วยความโมโห “เจ้าคิดจะหลอกพาตัวอวี้ซินกลับไปละสิ ข้าจะบอกให้นะ ฝันไปเถอะ”“ที่อวี้ซินกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะเจ้า จงรีบไสหัวไปให้พ้น ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าอีก”พ่อตาว่าจบก็จะปิดประตูถังก่วงเห็นดังนี้ก็รีบก้าวเข้าไปดันประตู หยุดยั้งการกระทำขั้นต่อไปของพ่อตาในตอนนี้เอง มีเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังมาจากในบ้านพ่อตาหันกลับไปมองปราดหนึ่ง สีหน้าไม่สู้ดีทันทีเขารีบเดินเข้าไปแย่งกรรไกรจากมืออวี้ซิน“เจ้าบ้าพอหรือยัง เสี่ยวซานยังหมดสติไม่ฟื้น เจ้าจะบ้าจนถึงเมื่อไร!”พ่อตาขว้างกรรไกรในมือลงพื้นอย่างเดือดดาลถังก่วงรีบวิ่งเข้าไปเมื่อได้ยินเสียงเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงเดินตามเข้าไปเช่นกันประตูลานบ้านไม่ได้ปิด ถังหมิงเซวียนจึงตามเข้ามาด้วยทั้งยังช่วยหันไปปิดประตูอย่างมีน้ำใจถังก่วงวิ่งไปที่ด้านหลังอวี้ซินและกอดนางไว้ พยายามหยุดยั้งอาการคลุ้มคลั่งของนางแต่อวี้ซินจำถังก่วงไม่ได้แม้แต่น้อย นางกรีดร้องและกัดเข้าที่แขนของถังก่วง“โอ๊ย!” ถังก่วงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่ยอมปล่อยตัวนางแต่อย่างใดเจี่ยนอันอันมองเห็นว่าตอนนี้ภรรยาของถังก่วงมีผมเผ้ายุ่งเหยิงและหลุดลุ่ย
ถังก่วงเห็นเจี่ยนอันอันกินเสร็จแล้วก็ทำการเก็บผักที่เหลือลงบนรถเข็นเขาลากรถเข็นและรอให้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงขึ้นรถม้าถังก่วงพูดว่า “แม่นางเจี่ยน ตัวข้าเดินค่อนข้างช้า หากพวกท่านรีบก็ไปรอที่ปากทางเข้าหมู่ซีโข่วก่อนได้ ข้าจะรีบตามไปให้เร็วที่สุด”เจี่ยนอันอันพยักหน้าแล้วบอกให้ฉู่จวินสิงควบรถม้าจากไปถังก่วงเห็นรถม้าของทั้งคู่มุ่งไปทางหมู่บ้านซีโข่วจริงๆ ก็เบาใจลงในที่สุดถังหมิงเซวียนขี่ม้าตามอยู่ด้านหลังรถม้าอย่างไม่เร็วไม่ช้าฉู่จวินสิงได้ยินเสียงฝีเท้าม้าด้านหลังก็หันไปมอง เห็นว่าถังหมิงเซวียนกำลังตามมาเขาจะหยุดรถม้าเพื่อซักถามถังหมิงเซวียนแต่แล้วกลับได้ยินเจี่ยนอันอันพูดว่า “ไม่ต้องสนใจเขา เขาอยากตามก็ปล่อยให้เขาตามไป”นางอยากเห็นเหมือนกันว่าบุรุษผู้นี้คิดจะทำอะไรรถม้ามาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านซีโข่วอย่างรวดเร็ว ฉู่จวินสิงดึงบังเหียนรถม้า รอให้ถังก่วงตามมาถังหมิงเซวียนหยุดอยู่ห่างออกไปไม่ไกลเช่นกันดวงตาของเขาจับจ้องเจี่ยนอันอันไม่ละสายตา รู้สึกสงสัยใคร่รู้ในตัวนางมากขึ้นเรื่อยๆแม่นางผู้นี้ดูแล้วท่าทางแค่อายุสิบสี่สิบห้าปี แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูกลับมีความเ
เจี่ยนอันอันหันตัวกลับไปด้วยความสงสัย “เจ้ายังมีธุระอะไรหรือ?”ถังก่วงพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “ไม่ทราบว่าแม่นางแซ่เจี่ยนใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันคิดในใจ บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการต่างเรียกนางว่าแม่นางเจี่ยน นางก็ต้องแซ่เจี่ยนอยู่แล้วสิถังก่วงรู้ตัวว่าตัวเองถามอะไรไม่เข้าท่า เขากระแอมไอเบาๆ “แม่นางเจี่ยน ไม่ทราบว่าท่านรู้จักอวี๋ผิงเหลียงหรือไม่?”เจี่ยนอันอันนึกเรื่องที่ตัวเองซื้อสมุนไพรทั้งภูเขาจากครอบครัวของอวี๋ผิงเหลียงขึ้นได้ทันทีนางพยักหน้า “รู้จัก ทำไมหรือ?”ถังก่วงรู้สึกยินดี ดูเหมือนว่าอวี๋ผิงเหลียงจะไม่ได้พูดโกหกเขารีบประสานมือพูดว่า “อวี๋ผิงเหลียงอยู่บ้านติดกับข้า เขาเคยชมท่านให้ข้าฟัง บอกว่าท่านไม่เพียงช่วยเหลือน้องสาวของเขา แต่ยังรับซื้อสมุนไพรของครอบครัวเขาด้วย”เจี่ยนอันอันขานตอบว่า “อ้อ” นางเข้าใจแล้วว่าถังก่วงต้องการผูกมิตรกับนางถังก่วงเห็นเจี่ยนอันอันไม่พูดอะไรก็ยิ่งขาดความมั่นใจเขาอยากบอกเจี่ยนอันอันเหลือเกินว่าที่บ้านเขาก็มีคนป่วยหนักเช่นกัน อยากให้เจี่ยนอันอันช่วยรักษาก่อนหน้านี้ภรรยาของเขาพาลูกกลับไปที่บ้านแม่ แต่แล้วลูกกลับตกลงไปในบ่อ หลังจากช่วยขึ้นมา
เวลานี้พวกเขากลายเป็นคนใบ้กินหวงเหลียน แม้จะขมแต่กลับพูดอะไรไม่ออก[1]หนึ่งในเจ้าหน้าที่ทางการคนหนึ่งหันไปพูดกับเจี่ยนอันอัน “แม่นางเจี่ยน เงินสิบล้านตำลึงนี้ดูจะมากเกินไปหน่อย”“ท่านลดจำนวนลงหน่อยได้หรือไม่และเลิกแล้วเรื่องนี้ต่อกันไป”บรรดาเจ้าของแผงเห็นเจ้าหน้าที่ทางการพูดเข้าข้างตัวเองในที่สุดก็พากันแสดงท่าทีเห็นด้วยเจ้าของแผงที่เอ่ยปากพูดเมื่อครู่ก็เอ่ยเช่นกัน “แม่นาง ก่อนหน้านี้พวกข้าทำผิดไป ท่านช่วยยกโทษให้ได้หรือไม่?”“พวกข้าหาเงินสิบล้านตำลึงมาให้ไม่ได้จริงๆ ข้าขอยกผักทั้งหมดให้ท่านได้หรือไม่ รวมกับเงินทั้งหมดที่มอบให้ก่อนหน้านี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกันเถิด”เจ้าของแผงคนอื่นๆ แสดงท่าทีเห็นด้วย พวกเขาแย่งกันพูดอ้อนวอน หวังว่าเจี่ยนอันอันจะใจกว้างยอมยกโทษให้เจี่ยนอันอันยิ้มเยาะว่า “ผักของพวกเจ้าเหี่ยวหมดแล้ว ต่อให้ข้าเอาไปให้หมูกิน เกรงว่าหมูก็คงไม่อยากกินด้วยซ้ำ”บรรดาเจ้าของแผงเห็นเจี่ยนอันอันหัวรั้นและยังคงไม่ยอมปล่อยพวกตัวเองไป พวกเขาก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีในตอนนี้เอง มีเสียงปรบมือดังขึ้นทุกคนหันไปมองทางต้นเสียง เห็นบุรุษชุดขาวหน้าตาอ่อนโยนสง่างามดุจหยกผู้หนึ่งสื