แชร์

บทที่ 10

ผู้แต่ง: ซินต้งหรูสุ่ย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ฉู่จวินสิงในตอนนี้ราวกับศพศพหนึ่ง ทำได้เพียงปล่อยให้มือของเจี่ยนอันอันเคลื่อนไหวตามอำเภอใจไปบนร่างกายของตนเอง

หลังเจี่ยนอันอันทายาให้ฉู่จวินสิงอย่างรวดเร็วจนเสร็จ ก็นำยาแก้ปวดมาบดเป็นผง

นางง้างปากฉู่จวินสิง เทผงยาแก้ปวดใส่ปากเขา

ฉู่จวินสิงอยากถ่มยาในปากทิ้งไป แต่กลับพบว่าการเคลื่อนไหวแค่นี้ยังกลายเป็นความยากเย็นแสนเข็ญ

สมองของเขาทำงานเร็วจี๋ สตรีผู้นี้ต้องการทำอันใดกันแน่ นางต้องการวางยาพิษเขาเช่นนั้นหรือ?

หากเป็นเช่นนั้นจริง ถึงเขากลายเป็นผีก็จะไม่ยอมปล่อยนางไปแน่

ขณะที่ฉู่จวินสิงคิดเหลวไหลอยู่ ก็เห็นว่ามือฉู่อันเจ๋อกำลังถือน้ำขวดหนึ่ง

เขากรอกน้ำในขวดใส่ปากฉู่จวินสิง

น้ำและยาไหลผ่านลำคอลงไปในท้องของฉู่จวินสิง

ฉู่จวินสิงหรี่ตามองฉู่อันเจ๋อ

ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงร่วมมือกับสตรีผู้นี้มากรอกยาพิษให้เขา

คนทั้งสองจดจ่ออยู่กับการป้อนยาให้ฉู่จวินสิงจนไม่ได้สังเกตว่าฉู่จวินสิงในตอนนี้ได้สติแล้ว ทั้งยังกำลังมองพวกตนอยู่

หลังทำทั้งหมดนั้นเสร็จ เจี่ยนอันอันก็กล่าวกับฉู่อันเจ๋อว่า “เจ้าเฝ้าเขาไว้ให้ดี ไม่ว่าเขามีอาการอย่างไร เจ้าก็ต้องมาบอกข้าทันที”

ฉู่อันเจ๋อพยักหน้าน้อย ๆ “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณพี่สะใภ้รองที่ช่วยเหลือ”

เจี่ยนอันอันเพียงยิ้มให้ฉู่อันเจ๋อ ไม่ได้พูดอะไรอีก แล้วลุกกลับไปอยู่ข้างกายฮูหยินใหญ่

ได้ยินฉู่อันเจ๋อเรียกอีกฝ่ายว่าพี่สะใภ้รอง ฉู่จวินสิงอยากถามเขานักว่าสตรีผู้นั้นเป็นใครกันแน่ เหตุใดเขาจึงเรียกนางว่าพี่สะใภ้รอง?

ฉู่จวินสิงไม่ได้ถามออกมา เขาในตอนนี้ไม่มีแม้กระทั่งแรงจะเอ่ยปากพูด

ในไม่ช้า เขาก็ต้องพกพาคำถามในใจดิ่งลงสู่ห้วงนิทราไปอีกครา

เจี่ยนอันอันกลับไปนั่งข้างกายฮูหยินใหญ่แล้วก็ได้ยินอีกฝ่ายพูดว่า “เด็กดี เจ้าตามพวกข้ามาเช่นนี้คงเหนื่อยแย่เลยสินะ หากตอนนี้เจ้านึกเสียใจก็สามารถบอกข้ามาตามตรง ข้าจะยกเลิกงานมงคลนี้ให้เจ้าแทนลูกชายข้า หลังไปถึงแดนเนรเทศแล้ว เจ้าก็สามารถไปสถานที่ที่เจ้าอยากไปได้ตามใจปรารถนา”

เจี่ยนอันอันดูออกว่าฮูหยินใหญ่เป็นคนที่มีเหตุมีผล

นางกล่าวกับฮูหยินใหญ่ด้วยสีหน้าหนักแน่น “ฮูหยินใหญ่ไม่ต้องคิดมากหรอกเจ้าค่ะ ข้าเคยบอกไว้แล้วว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งให้ใครนอกจากเยียนอ๋อง ต่อให้ไปถึงแดนเนรเทศแล้ว ข้าก็จะไม่จากไปไหน ข้าอยากแต่งให้เยียนอ๋องจากใจจริง ไม่ว่าในอนาคตจะต้องมีชีวิตที่ลำบากเพียงไร ข้าก็จะ ไม่เสียใจ”

เจี่ยนอันอันพูดจบก็เริ่มสะอึกอย่างรุนแรง

นางโกหกอีกแล้ว

ไม่แต่งให้ใครนอกจากเยียนอ๋องอะไรกัน คำพูดพรรค์นี้เกรงว่าแม้แต่ผีสางมาได้ยินก็ยังไม่เชื่อ

แต่ถ้านางดึงดันปลดชะตาที่ผูกติดกับฉู่จวินสิง ห้วงมิติก็จะระเบิดตามไปด้วย

เงินทองอัญมณีสุดล้ำค่ากับผ้าไหมแพรพรรณในห้วงมิติที่ถูกนางกวาดมาก็ต้องสูญสิ้นไปด้วยน่ะสิ

ถึงตอนนั้น นางได้กลายเป็นคนที่ถูกริบทรัพย์จนเหลือแต่ตัวจริง ๆ แน่

ไม่ต้องพูดถึงชีวิตโสดอันแสนสุข เกรงว่าแม้แต่ข้าวนางก็คงไม่มีจะกิน

ฮูหยินใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันยืนยันหนักแน่นเช่นนี้ นางค่อยวางใจได้เสียที

นางลูบหลังเจี่ยนอันอันเบา ๆ ต้องการใช้การกระทำนี้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้อีกฝ่าย

เจี่ยนอันอันกำลังสะอึกอยู่ดี ๆ ตรงหน้าพลันปรากฏภาพภาพหนึ่งขึ้นมา

ในภาพเป็นเวลากลางดึกที่เงียบสงัด

ทหารรักษาพระองค์คนอื่น ๆ ล้วนนอนหลับพักผ่อน มีแค่สองคนที่เฝ้ายามอยู่

ส่วนคนของจวนเยียนอ๋องก็นั่งงีบหลับอยู่ด้วยกัน

ไม่นานนัก คนชุดดำกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น

พวกเขาควงอาวุธในมือ ตรงเข้ามาลอบสังหารคนของจวนเยียนอ๋อง

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นไม่หยุด คนส่วนหนึ่งในครอบครัวเยียนอ๋องถูกสังหารในเวลาอันรวดเร็ว

เป้าหมายของคนชุดดำกลุ่มนั้นคือฉู่จวินสิง

แต่เนื่องจากข้างกายเขามีฉู่อันเจ๋อกับฉู่จวินหลุนคอยปกป้อง เป็นเหตุให้คนชุดดำเหล่านั้นไม่อาจสังหารฉู่จวินสิงได้

เมื่อทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นได้ยินเสียงร่ำไห้โศกาก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาตรวจสอบแต่อย่างใด

พวกเขาราวกับหลับเป็นตายไปแล้วกระนั้น นิ่งสนิทปราศจากความเคลื่อนไหว

ทหารรักษาพระองค์สองนายที่เฝ้ายามอยู่ก็ทำเหมือนไม่รู้เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 11

    ภาพเหล่านี้ปรากฏเพียงไม่นานก็หายไปเจี่ยนอันอันรู้ว่านี่คือความสามารถในการล่วงรู้อนาคตของร่างเดิมตอนนี้นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ยังได้รับสืบทอดพลังของร่างเดิมแต่ความสามารถในการล่วงรู้อนาคตของร่างเดิมมีขีดจำกัด รู้ได้เพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสามวันข้างหน้าเท่านั้นภาพเมื่อครู่ทำให้เจี่ยนอันอันรู้ว่ากลุ่มคนชุดดำจะปรากฏตัวในค่ำคืนนี้แม้นางจะไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนส่งกลุ่มคนชุดดำนี้มา แต่พวกเขาต้องมีความเกี่ยวข้องกับทหารรักษาพระองค์พวกนี้แน่นอนหึ ทหารรักษาพระองค์พวกนี้ชอบแสร้งตายกันนักใช่หรือไม่ถ้าเช่นนั้นก็ให้พวกเขาได้ลิ้มรสความทรมานก่อนก็แล้วกันเจี่ยนอันอันแยกจากฮูหยินใหญ่แล้วมายังมุมที่ค่อนข้างมืดมุมหนึ่งครั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นตัวเอง เจี่ยนอันอันก็รำพึงในใจเงียบ ๆ ว่า ‘หายตัว’วินาทีถัดมานางก็หายไปแล้วเจี่ยนอันอันมายังกองทหารรักษาพระองค์ จากนั้นนำผงยาถ่ายออกมาจากช่องมิตินี่เป็นสิ่งที่นางใช้กับฮ่องเต้สุนัขไปเมื่อก่อนหน้านี้เดิมทีนางยังคิดระหว่างทางที่มาที่นี่อยู่เลยว่าจะอยู่ร่วมกับทหารรักษาพระองค์เหล่านี้แต่โดยดีทว่าดูจากตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วนางโรย

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 12

    หากพวกผู้ใต้บังคับบัญชาพวกนั้นรู้เรื่องนี้เข้า วันหน้าเขาจะเป็นผู้นำของพวกเขาต่อไปได้อย่างไรเรื่องนี้จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาในยามว่างอย่างไม่ต้องสงสัยเกรงว่าแม้แต่ตอนนอนก็อาจสะดุ้งตื่นเพราะเสียงหัวเราะครั้นเห็นเหล่าทหารรักษาพระองค์วิ่งมาทางนี้ หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ต้องรีบโบกมือไล่โดยพลัน“ไปทำธุระกันที่อื่น อย่ามารบกวนข้า!”ทหารรักษาพระองค์คนอื่น ๆ ไม่ได้รู้ว่าหัวหน้าของตัวเองถ่ายราดกางเกงและไม่คิดจะสงสัยเช่นกัน พวกเขาพากันวิ่งไปปลดทุกข์ที่อีกฝั่งของป่ารกร้างไม่นานก็เกิดเสียงผายลมสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้นในป่ารกร้างแห่งนี้ หลังจากที่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์จัดการธุระเสร็จ เขากลับมีเรื่องกลัดกลุ้มใจตามมาเขาจะกลับไปอย่างไรดี จะให้สวมกางเกงที่มี ‘คราบทองคำ’ เปรอะเปื้อนก็คงไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ เสร็จธุระแล้วสวมกางเกงเพื่อเตรียมจะกลับไปทว่าพวกเขายังไม่ได้ทันจะได้เยื้องย่าง ท้องก็เริ่มปวดบิดขึ้นมาอีกครั้ง“ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าต้องทำธุระต่อ พวกเจ้ากลับไปเฝ้ายามก่อนเถอะ”“ข้านั่งจนขาชาไปหมดแล้ว แต่ท้องก็ยังไม่หายปวดสักที”“มันเพราะอะไรกันแน่ หรือว่าเนื้อสุนัขตัวนั้นจะ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 13

    เจี่ยนอันอันตอบหลังจากที่ป้อนน้ำตาลกลูโคสให้ฉู่จวินสิงเสร็จเรียบร้อย “บาดแผลของพี่รองเจ้าค่อนข้างสาหัส อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย กระดูกซี่โครงหักไปสี่ซี่”“หลังจากคืนนี้จะฟื้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว”ถ้อยคำของเจี่ยนอันอันทำให้ฉู่อันเจ๋อกังวลในทันที“ท่านหมายความว่าพี่รองกำลังจะตายหรือ?” ฉู่อันเจ๋อคว้าแขนของเจี่ยนอันอันอย่างตื่นตระหนก “พี่สะใภ้รอง ในเมื่อท่านเป็นคนสกุลฉู่ของเราแล้ว ข้าขอร้องท่านให้ช่วยพี่รองด้วยเถิด”เจี่ยนอันอันชักแขนออก และทำท่าทางพร้อมทำสียง “ชู่ว” เพื่อให้ฉู่อันเจ๋อใจเย็นลงเมื่อครู่นี้เขาพูดเสียงดังปานนั้น หากถูกฮูหยินใหญ่ได้ยินเข้าคงตกใจกลัวเป็นแน่แท้เจี่ยนอันอันกล่าวปลอบว่า “เจ้าวางใจเถิด มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะไม่ให้เขาตายไวขนาดนั้นแน่ แต่อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงไม่น้อยเลย ต้องขึ้นอยู่กับแรงใจของเขาด้วย หากเขามีแรงใจที่เข้มแข็ง พรุ่งนี้เช้าก็จะฟื้น หรือมิเช่นนั้นก็จะหลับใหลไปตลอดกาล”ฉู่อันเจ๋อเบาใจลงเมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าพี่รองจะไม่ตาย อย่างมากสุดก็แค่หลับไม่ฟื้นขอเพียงพี่รองยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ต้องมีหนทางรักษาเขาให้หายดีแน่นอน

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 14

    เจี่ยนอันอันดีใจเป็นลิงโลดเมื่อเห็นมิติร้านค้าภายในมิติมีเงินตั้งมากมายถึงเพียงนั้น นางสามารถนำมาซื้อของในร้านค้าได้หลังจากนี้จะได้กินหลัวซือเฝิ่น[1]กับขนมให้สาแก่ใจได้แล้วไม่นึกเลยว่านางจะจับพลัดจับผลูทำเสร็จไปอีกภารกิจเจี่ยนอันอันมีความสุขจนเผลอยกยิ้มและฮัมเพลงออกมาโดยไม่รู้ตัวในยามนี้เอง ทหารรักษาพระองค์พวกนั้นก็ทยอยกันกลับมาเมื่อครู่นี้พวกเขาไปทำธุระมาอีกรอบ ยามนี้ท้องไส้จึงรู้สึกสงบลงในที่สุดพวกเขากลับมายังหน้ากองไฟและเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าไม่มีพวกเขาคนใดอยู่เฝ้าที่นี่แม้แต่คนเดียวโชคดีที่คนของจวนเยียนอ๋องต่างก็นั่งอยู่ที่นี่ มิมีผู้ใดเล็ดลอดหนีไปมิเช่นนั้นหากมีคนหนีไป พวกเขาคงกลับไปรายงานผลการปฏิบัติภารกิจไม่ได้เหล่าทหารรักษาพระองค์ต่างนึกกลัวผลที่จะตามมาพวกเขารอแล้วรอเล่า หัวหน้าก็ไม่กลับมาสักทีทหารที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับหัวหน้าทหารรักษาพระองค์นายหนึ่งเห็นว่าหัวหน้าไม่กลับมาสักที ก็ลุกขึ้นยืนอย่างสุดจะทนในท้ายที่สุดเขาบอกกับทหารรักษาพระองค์คนอื่น ๆ “พวกเจ้าเฝ้าคนพวกนี้ให้ดี ข้าจะไปหาท่านหัวหน้า”ทหารนายนี้ว่าจบก็วิ่งเข้าไปในป่าครั้นเจี่ยนอันอันเ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 15

    ทหารนายนั้นวิ่งกลับไปหัวหน้าทหารรักษาพระองค์แล้วดึงแขนของอีกฝ่ายเพื่อประคองให้ลุกขึ้น“เบาหน่อย ขาข้าชาจนไม่มีความรู้สึกแล้ว”หัวหน้าทหารองครักษ์ต้องพักอยู่นานจึงจะเปลี่ยนกางเกงชั้นในจากนั้นทหารนายนี้จึงประคองเขากลับไปยังจุดพักผ่อนอย่างเชื่องช้าเมื่อเจี่ยนอันอันเห็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ ในที่สุดนางก็หัวเราะ “พรืด” ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตวาด “หัวเราะอะไร อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนกั๋วกงแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรนะ” “ยามนี้เจ้าเป็นผู้ถูกเนรเทศ ต่อให้ตายระหว่างทางก็คงไม่มีผู้ใดช่วยเก็บศพ”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ทึกทักเอาเองว่าถ้อยคำของตัวเองจะทำให้เจี่ยนอันอันหวาดกลัวเจี่ยนอันอันเพียงแค่นเสียงแผ่วเบา ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายนางคร้านจะเสวนากับเขา อย่างไรเสีย การยั่วโมโหอีกฝ่ายก็รังแต่จะทำให้นำปัญหาที่ไม่จำเป็นมาให้คนในตระกูลเปล่า ๆนางไม่อยากสร้างปัญหาให้ผู้อื่นเพราะตัวนางเองเจี่ยนอันอันหันไปมองฉู่จวินสิงที่ยังคงหมดสติปราดหนึ่งที่นี่มีฉู่อันเจ๋อดูแลอยู่ นางต้องไปปกป้องฮูหยินใหญ่ให้ปลอดภัยเจี่ยนอันอันกล่าวกับหลี่อันเจ๋อ “จงฟังให้ดี ประเดี๋ยวจะมีกล

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 16

    เจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นจึงไม่รอช้า รีบหยิบเข็มเงินออกมาจากมิติและซัดไปยังชายชุดดำผู้นั้นทันทีเข็มเงินปักเข้าที่ลำคอของชายชุดดำ ก่อนที่เขาจะได้ตอบสนอง ร่างก็ล้มลงกับพื้นและสิ้นใจในทันทีเมื่อเสียงการต่อสู้ดังขึ้น เหล่าคนในตระกูลต่างก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นพวกเขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นกลุ่มคนชุดดำโผล่มาอย่างไม่คาดคิดเมื่อเห็นชายชุดดำคนหนึ่งตายอยู่ตรงหน้า บางคนก็ตกใจกลัวจนร้องไห้ออกมาทันทีชายชุดดำคนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ชะงักไปพวกเขาเห็นใบหน้าสหายของตนกลับกลายเป็นสีม่วงคล้ำไปแล้วเลือดสีดำไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขากลุ่มชายชุดดำรู้สึกตกใจอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าเข็มเงินที่ปักอยู่บนลำคอของสหายนั้นจะถูกอาบด้วยยาพิษแม้แต่ทหารรักษาพระองค์ก็ยังตกใจกับเข็มเงินของเจี่ยนอันอันทุกคนหันสายตามองมาทางเจี่ยนอันอันอย่างพร้อมเพรียงฉู่จวินสิงเห็นว่าที่มุมปากของเจี่ยนอันอันยกขึ้นเล็กน้อยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดและความโหดร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางหัวใจของฉู่จวินสิงถึงกับสั่นสะท้านสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ในยุคปัจจุบัน เจี่ยนอันอันชอบใช้เข็มเงินเป็นลูกดอกเล่นสนุกอยู่แล้วนางย

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 17

    กลุ่มคนชุดดำเหล่านั้นเดิมคิดว่าภารกิจลอบสังหารครั้งนี้จะสำเร็จได้โดยง่ายกลับคาดไม่ถึงว่า ท่ามกลางญาติพี่น้องเหล่านี้ จะมีนางพญามัจจุราชผู้เชี่ยวชาญการใช้พิษเช่นนี้อยู่ด้วยกลุ่มคนชุดดำสิบกว่าคนต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครปริปากพูดพวกเขาล้วนปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางเปิดเผยตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังเด็ดขาดเจี่ยนอันอันมองดูท่าทีปากแข็งไม่ยอมแพ้ของพวกเขานางจึงยิ้มเย็น ก่อนจะขว้างเข็มเงินไปยังคนหนึ่งในกลุ่มนั้นอีกครั้งชายชุดดำคนนั้นไม่ทันได้ตอบสนอง เข็มเงินก็ปักเข้าที่หัวเข่าของเขาทันทีชายชุดดำร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นร่างกายของเขาเริ่มชาไปทั้งตัว แต่ในชั่วขณะต่อมากลับรู้สึกเหมือนมีแมลงนับล้านตัวกำลังกัดแทะชายชุดดำคิดในใจว่าคงจะพบจุดจบเช่นเดียวกับสหายหลายคนพวกนั้น ที่ตายภายใต้เงื้อมมือของหญิงสาวผู้นี้แน่แล้วเขาเงยหน้ามองเจี่ยนอันอันพร้อมกับแสยะยิ้มเย็นชาราวกับยอมรับความตาย“จะพูดหรือไม่พูด?” เสียงของเจี่ยนอันอันแผ่วเบาดุจเสียงกระซิบของภูตผีที่ล่องลอยเข้าโสตประสาทของชายชุดดำแม้เขาจะรู้สึกชาและเจ็บแปลบไปทั้งตัว แต่ยังคงกัดฟันแน่น ไ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 18

    เมื่อเห็นหลุมเล็ก ๆ บนพื้น เหล่าผู้คนในตระกูลต่างก็อดหวาดเสียวแทนเจี่ยนอันอันไม่ได้โชคดีที่เจี่ยนอันอันหลบได้ทัน จึงไม่โดนแส้ฟาดมิเช่นนั้นหากถูกแส้นี้ฟาดลงไปคงทำให้ผิวหนังแตกยับเยินหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ไม่คาดคิดว่าเจี่ยนอันอันจะหลบแส้ของเขาได้ เขาตวาดด้วยความโมโห “เจี่ยนอันอัน ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษเนรเทศ ห้ามพกของติดตัวเด็ดขาด”“ถ้าฉลาดก็รีบส่งเข็มเงินมา จะได้ไม่ต้องจะเจ็บตัว”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์พูดจบก็สะบัดแส้แล้วฟาดไปทางเจี่ยนอันอันอีกครั้งในขณะที่แส้กำลังจะฟาดลงบนตัวเจี่ยนอันอัน ฮูหยินใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ผลักนางหลบออกไปแส้จึงฟาดลงบนตัวฮูหยินใหญ่แทนฮูหยินใหญ่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลางกุมบริเวณที่ถูกแส้ฟาดแล้วทรุดตัวลงเจี่ยนอันอันไม่คาดคิดว่าฮูหยินใหญ่จะผลักนางออกแล้วรับแส้นั้นแทนเมื่อครู่นางแค่รอให้แส้ฟาดลงมาเพื่อที่จะคว้าแส้ไว้แล้วค่อยลงโทษหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ให้สาสมไม่คิดว่าจะกลับกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้“ฮูหยินใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง รีบนั่งลงมาให้ข้าดูเถิด” เจี่ยนอันอันรีบหันไปพยุงฮูหยินใหญ่ให้นั่งลงแล้วตรวจดูบาดแผลฮูหยินใหญ่รู้สึกเจ็บปวดจนตั

บทล่าสุด

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 281

    เจี่ยนอันอันไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วจึงก้าวยาวๆ ออกไปข้างนอกคนทั้งสี่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้วตรงไปยังจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวไม่ได้อยู่ในอำเภอไถหยาง แต่อยู่ในเมืองหลักระหว่างทางพวกเจี่ยนอันอันรู้สึกหิว แต่ตอนนี้พวกนางไม่มีกะจิตกะใจจะไปกินข้าวในร้านอาหารเลยสักนิดเจี่ยนอันอันซื้อขนมปังกับน้ำจากร้านค้าในมิติแล้วแจกจ่ายให้พวกฉู่จวินสิงสามคนพวกเขาไม่เคยเห็นขนมปังมาก่อน ต่างมองห่อขนมปังอย่างอึ้งงัน ไม่รู้ว่าควรกินอย่างไรเจี่ยนอันอันบอกพวกเขาว่าต้องฉีกซองออกเสียก่อนจึงจะสามารถกินอาหารที่อยู่ข้างในได้คนทั้งสามฉีกซองขนมปังโดยเลียนแบบท่าทางของเจี่ยนอันอันกลิ่นหอมของขนมปังลอยเข้าจมูก ประกอบกับคนทั้งสี่กำลังหิวจึงรีบกัดกินคำโตเซิ่งฟางกินพลางถามว่า “อันอัน นี่คืออะไรหรือ เหตุใดจึงนุ่มอร่อยเช่นนี้?”เจี่ยนอันอันดื่มน้ำคำหนึ่ง กลืนขนมปังในปากลงไป“นี่คือของว่างที่ข้าทำขึ้นมาในบ้าน ข้าตั้งชื่อให้มันว่าขนมปัง”“ที่ข้ายังมีอีกเยอะ พวกท่านกินให้เต็มที่”“ขนมปังค่อนข้างติดคอ พวกท่านกินน้ำตามไปด้วย”ฉู่จวินสิงเคยเห็นน้ำแร่มาก่อน เขารู้ว่าควรเปิดของสิ่งนี้อย่างไรเขาหมุน

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 280

    ในปีนั้นตอนที่เกิดการสังหารหมู่ขึ้น คนในครอบครัวของจงซิ่นเองก็ไม่รอดลูกชายลูกสะใภ้ของเขา ล้วนแต่ตายในน้ำมือของศัตรูจงซิ่นเพื่อที่จะแก้แค้นให้คนในครอบครัว ก็โวยวายที่จะไปฆ่าคนในราชวงศ์ในตอนนั้นเวินอี๋พยายามห้ามเอาไว้อย่างเต็มที่ แล้วยังบอกเขาว่าด้านนอกนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าเขาจะมีแรงพละกำลังเต็มที่ ทว่าเพียงแค่สองหมัดยากจะเอาชนะสี่มือได้เขาอยากจะแก้แค้นก็ไม่ควรจะรีบร้อนในตอนนี้รอจนเมื่อดึกสงัดผู้คนเงียบสงบลง ค่อยไปแก้แค้นก็ยังไม่สายทว่าจงซิ่นในตอนนั้นถูกความแค้นท่วมท้นทำให้ตาบอดไป เขายืนกรานจะไปแก้แค้นคนที่สังหารครอบครัวเขาจงซิ่นไม่ได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเวินอี๋ หยิบมีดเล่นยาวแล้วเดินออกไปเวินอี๋กังวลในความปลอดภัยของจงซิ่น แต่ก็ไม่อยากทิ้งจงหลานเอาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง พ่อแม่ของจงหลานเพื่อที่จะปกป้องนางแล้ว ถึงได้ตายไปภายใต้คมมีดของศัตรูหากว่านางถูกฆ่า เกรงว่าจงซิ่นคงไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างปกติไปตลอดเพื่อที่จะปกป้องจงหลาน เวินอี๋จึงรออยู่ที่บ้านรอจนเมื่อจงซิ่นกลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่างกาย ก็มองเห็นเวินอี๋นอนอยู่กลางลานบ้านแล้วจงหลานอายุสองขวบนั่งร้อ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 279

    และในตอนที่จงซิ่นกำลังสงสัยอยู่นั้น เซิ่งฟางก็เดินเข้ามาในตอนที่รู้ว่าจะไปบ้านของจงซิ่นเพื่อช่วยคน เซิ่งฟางเองก็ไม่ได้คัดค้านฉู่จวินสิงให้จงซิ่นขึ้นมานั่งบนรถม้า ไม่นานนักก็พากันเดินทางไปยังบ้านของจงซิ่นตลอดทาง จงซิ่นอดที่จะมองไปยังเจี่ยนอันอันเป็นระยะๆ ไม่ได้เขาพบว่าเจี่ยนอันอันเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง เหมือนว่าจะมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเวินอี๋เอาไว้ทว่าไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเจี่ยนอันอันอายุยังน้อย ไม่เหมือนกับคนที่มีทักษะทางการแพทย์เจี่ยนอันอันรู้ว่าจงซิ่นกำลังสงสัยในความสามารถขอองตน แต่นางไม่ใส่ใจนางแน่ใจว่าจะรักษาร่างกายเวินอี๋ได้ระหว่างทางไปยังบ้านของจงซิ่น จงซิ่นก็ได้รู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นภรรยาของฉู่จวินสิงรถม้าไม่นานนักก็มาถึงประตูบ้านจงซิ่น จงซิ่นลงมาจากรถม้าก่อน เคาะประตูดังขึ้นประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยอายุราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งโผล่หัวออกมาเมื่อนางเห็นว่าจงซิ่นกลับมาแล้ว ก็รีบเปิดประตูเรือนขึ้น“ท่านปู่ ท่านรีบไปดูเข้า ท่านลุงเวินไม่สบายอีกแล้ว”จงซิ่นได้ยินคำนี้เข้า ก็รีบเดินเข้าไปทว่าเขาเพิ่งจะเดินไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก็ค

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 278

    จงซิ่นจ้องมองฉู่จวินสิงขึ้นๆ ลงๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น“ท่านคือเยียนอ๋องคนนั้นที่ถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยหรือ?”ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจำตนเองได้ ก็พยักหน้าออกมา “เป็นข้าเอง”จงซิ่นที่เดิมขมวดคิ้วอยู่ก็ผ่อนคลายลงทันทีเขาเคยได้ยินเวินอี๋พูดออกมา เยียนอ๋องจากแคว้นไท่ยวนทั้งกล้าหาญและเก่งการสู้รบ ทำความดีความชอบให้แคว้นไท่ยวนมาไม่น้อย ส่วนวิชาลูกเตะทลายเมฆานั้น ก็เป็นเยียนอ๋องที่สร้างขึ้นมาจงซิ่นอยากจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับเขาได้ที่นี่จงซิ่นรีบกำหมัดโค้งกายทำความเคารพฉู่จวินสิง“ข้าน้อยจงซิ่น คารวะเยียนอ๋อง”ฉู่จวินสิงรีบพูดขึ้น “มาตอนนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอะไรนั่นอีกแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องทำความเคารพอะไรเช่นนี้อีก”จงซิ่นยืดตัวขึ้น ใบหน้าค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มยินดีขึ้นมา“ข้าอยางจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่า จะมาพบกับท่านที่นี่ได้”จงซิ่นตื่นเต้นมากเช่นนี้ ทำให้ฉู่จวินสิงประหลาดใจเล็กน้อย“ผู้เฒ่าจงไปเรียนลูกเตะทลายเมฆามาจากที่ใดกัน?”วิชาเตะนี้เขาเคยสอนไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และคนคนนั้นก็ตายไปในสนามรบเมื

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 277

    จ้าวลิ่วกอดความทะเยอทะยานมายังเมืองหลวง แต่ก็พบว่าที่นี้หาเงินได้ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร ในตอนที่อยู่ที่บ้านก็ไม่เคยไปทำงานที่ทุ่งนาอะไรเลยหลังจากที่มาในเมืองแล้ว เขาถึงกับอึ้งตะลึงไปโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม แตกต่างไปจากความสงบสุขของหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างสิ้นเชิงจ้าวลิ่วคลุกคลีอยู่ด้านนอกมาสองปี แต่กลับคลุกคลีจนกลายเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมหากว่าถูกครอบครัวจางต้าเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะดุด่าเขาว่าอย่างไรแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาจะรู้จักกับพี่ห้าของเขาได้ไม่นานจ้าวลิ่วก็โพล่งออกมา “ข้าไม่รู้จักจ้าวอู่”เขาเพิ่งจะพูดคำนี้ออกมาจบ ก็เสียใจเสียจนอยากจะกัดลิ้นของตนเองทิ้งเสียเมื่อครู่นี้เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดถึงชื่อของจ้าวอู่ แต่ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะสารภาพมันออกไปเองแล้วเจี่ยนอันอันกลอกตาไปมาให้จ้าวลิ่ว นางไม่ได้เปิดโปงเขา แต่พูดกับเซิ่งฟางออกมา“พี่เซิ่ง ท่านนำตัวเขากลับไปขังที่ว่าการอำเภอเสียก่อน”“รอจนเมื่อเรื่องของพวกเราจัดการกันเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมาสั่งสอนเขาให้ดีๆ”เซิ่งฟางพยักหน้า แล้วจ้อง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 276

    ผู้คนที่ผ่านไปมาจดจำเซิ่งฟางได้นานแล้ว แต่พวกเขาเพียงแต่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครช่วยพูดให้จ้าวลิ่วถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังโกรธแค้นอยู่ในใจเพราะเรื่องสังหารหมู่ในปีนั้นแต่พวกเขาก็ไม่ล่วงเกินเจ้าหน้าที่ทางการ ต่างก็พากันคอยเป็นผู้รับชมอยู่ด้านข้างจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าไม่มีใครคอยช่วยพูดแทนเขา ก็โมโหเป็นอย่างมาก คิดที่จะดิ้นรนให้หลุดรอดออกมาจากมือของจงซิ่นทว่ามือของจงซิ่นที่จับเขาเอาไว้ก็ยิ่งออกแรงมากยิ่งขึ้นจ้าวลิ่วเจ็บเสียจนต้องกัดฟัน ทั่วทั้งกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาขึ้นมาข้อมือของเขาแทบจะหัก ชายชราผู้นี้ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยเขาไปเซิ่งฟางยกมือขึ้น แล้วเหวี่ยงไปยังใบหน้าอีกด้านหนึ่งของจ้าวลิ่วสองฝ่ามือนี้ ทำเสียจนใบหน้าของจ้าวลิ่วบวมจนกลายเป็นหมูมุมปากของจ้าวลิ่วมีเลือดไหลซึมออกมาผู้คนที่ผ่านไปมาคอยดูอยู่ด้านข้าง ก็ตกใจเสียจนต้องก้าวถอยหลังไปพวกเขาต่างก็ลอบยินดีที่ตนเองไม่ได้ปากมากช่วยพูดให้กับจ้าวลิ่วมิฉะนั้นแล้วฝ่ามือนี้ เกรงว่าคงจะตกลงบนใบหน้าของพวกเขาแทนจ้าวลิ่วถูกตบเสียจนวิงเวียนดวงตาพร่ามัว ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆเขาควรจะหยิบเอาถุงเงินนั่น ไปร้านอาห

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 275

    เมื่อเห็นว่ากีบม้ากำลังจะตกลงบนกายของขอทาน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องดังขึ้น“จ้าวลิ่ว เจ้าบ้านี่ไม่ต้องการชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ!”คนนั้นเมื่อพูดจบ ก็รีบพุ่งเข้ามาเตะลงบนกายของจ้าวลิ่วจ้าวลิ่วที่เดิมทีผอมบางอ่อนแรง เมื่อถูกเตะเข้าก็กลิ้งไปริมถนนกีบม้าตกลงบนถนนอย่างแรง ม้าส่งเสียงร้องดังขึ้น หลังจากที่กีบม้าเหยียบลงบนพื้นอย่างแรงเพียงไม่กี่ครั้ง ถึงได้หยุดลง ในตอนที่เจี่ยนอันอันได้ยินคนผู้นั้นเรียกขอทานว่าจ้าวลิ่วนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้นางจำที่จ้าวอู่พูดได้ว่า เขามีน้องหกอยู่คนหนึ่งเข้ามาในเมืองเมื่อสองปีก่อนเขาตามหาน้องหกคนนั้นมาสองปีกว่า ก็ตามหาไม่พบส่วนน้องหกคนนั้นของเขา ชื่อว่าจ้าวลิ่วเจี่ยนอันอันมองไปยังจ้าวลิ่วด้วยความสงสัย พบเพียงใบหน้าของเขาสกปรกอย่างมากไม่มีทางที่จะมองรูปลักษณ์เดิมได้ชัดเจนจ้าวลิ่วลุกขึ้นมา แล้วรีบไปยังเบื้องหน้าของคนที่เตะเขาอย่างไม่ยินยอม“ตาเฒ่านี่ เตะข้าทำอะไรกัน?”“เจ้ารู้หรือไม่ที่เจ้าเพิ่งจะทำไปเมื่อครู่นี้ มาทำลายเรื่องดีๆ ของข้าไปอย่างสิ้นเชิง”เจี่ยนอันอันมองไปยังคนที่เตะจ้าวลิ่ว ก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชา

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 274

    “หวังว่าท่านจะรักษาคำพูด” เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็โบกมือขึ้น “ท่านไปได้แล้ว เรื่องที่ท่านมายังที่ว่าการอำเภอ ห้ามบอกผู้อื่น”เจ้าเมืองตานรีบตอบรับออกมา เขาหันไปมองยังเซิ่งฟาง ก็พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้กับเขาหลังจากที่เจ้าเมืองตานโค้งคำนับให้กับทั้งสี่คนแล้ว ก็รีบเดินออกไปในตอนที่เขามายังที่ว่าการอำเภอนั้น ไม่ได้นั่งเกี้ยว และก็ไม่ได้สวมเครื่องแบบทางการมา เพียงแต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาเท่านั้นเขาเองก็กลัวว่าตนเองจะสะดุดตาจนเกินไป แล้วถูกคนของผู้ว่ามณฑลจงโจวจดจำได้เข้าหลังจากที่เดินออกจากที่ว่าการอำเภอแล้วนั้น เจ้าเมืองตานก็รีบมุ่งหน้ากลับไปยังจวนของตนเองเขาก้มหน้าเดินอย่างเร่งรีบ จนชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเจ้าเมืองตานเงยหน้าขึ้น ก็พบกับขอทานที่ทั่วทั้งเนื้อตัวสกปรกมอมแมม ถูกเขาชนจนล้มลงกับพื้นขอทานล้มลงร้อง “โอ๊ย” ออกมา ใบหน้าที่สกปรกนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเจ้าเมืองตานรีบร้อนกลับไปยังจวน จึงไม่ได้สนใจขอทานนั่น เขาส่งเสียงเย็นชา ก่อนจะรีบจากไปที่เขาไม่รู้ก็คือ ในตอนที่เขาชนเข้ากับขอทานเมื่อครู่นี้นั้น ถุงเงินตรงเอวของเขา ได้ตกไปอยู่ในมือของขอทานนั่นแล้วขอทานส่งเสียงร้องดัง “โอ๊ย”

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 273

    สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของเจ้าเมืองตาน อย่างจะคิดมองหาท่าทีโกหกจากสีหน้าของเขาในตอนที่เจ้าเมืองพูดออกมานั้น สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม สายตาเผยให้เห็นความโกรธแค้นออกมาดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดโกหก สายตาของเจี่ยนอันอันดูเย็นชา จนทำให้ในใจของเจ้าเมืองตานที่มองดูเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเขาไม่กล้าที่จะสบสายตากับเจี่ยนอันอัน จึงทำได้เพียงมองไปยังทิศทางอื่นเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเย็นชา “ท่านเพิ่งจะพูดออกมาว่า ท่านสนิทชิดเชื้อกันท่านผู้ว่ามณฑลจงโจว”“แล้วทำไมท่านยังจะนำเรื่องนี้มาบอกพวกเราอีก”“ท่านไม่กลัวหรือว่าคำที่ท่านพูดออกมาเหล่านี้ จะลอยเข้าหูผู้ว่ามณฑลจงโจวเข้า?”แน่นอกว่าเจ้าเมืองตานย่อมหวาดกลัว เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากสมคบคิดกับคนชั่วอีกในตอนแรกที่เขามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ว่ามณฑลจงโจวนั้น ทั้งหมดก็เป็นเพียงเพราะว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นคนบ้านเกิดเดียวกัน เขาถือว่าผู้ว่ามณฑลเป็นคนสนิท ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะหารือกับอีกฝ่ายมาโดยตลอดเพียงแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงนั้น ผู้ว่ามณฑลจงโจวจะเข้าร่วมสมคบคิดกับคนที่มาเพื่อทำการสังหารหมู่ในปีนั้นไม่เพียงแต่เท่านี้ เขาเพื่

DMCA.com Protection Status