หากพวกผู้ใต้บังคับบัญชาพวกนั้นรู้เรื่องนี้เข้า วันหน้าเขาจะเป็นผู้นำของพวกเขาต่อไปได้อย่างไรเรื่องนี้จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาในยามว่างอย่างไม่ต้องสงสัยเกรงว่าแม้แต่ตอนนอนก็อาจสะดุ้งตื่นเพราะเสียงหัวเราะครั้นเห็นเหล่าทหารรักษาพระองค์วิ่งมาทางนี้ หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ต้องรีบโบกมือไล่โดยพลัน“ไปทำธุระกันที่อื่น อย่ามารบกวนข้า!”ทหารรักษาพระองค์คนอื่น ๆ ไม่ได้รู้ว่าหัวหน้าของตัวเองถ่ายราดกางเกงและไม่คิดจะสงสัยเช่นกัน พวกเขาพากันวิ่งไปปลดทุกข์ที่อีกฝั่งของป่ารกร้างไม่นานก็เกิดเสียงผายลมสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้นในป่ารกร้างแห่งนี้ หลังจากที่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์จัดการธุระเสร็จ เขากลับมีเรื่องกลัดกลุ้มใจตามมาเขาจะกลับไปอย่างไรดี จะให้สวมกางเกงที่มี ‘คราบทองคำ’ เปรอะเปื้อนก็คงไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ เสร็จธุระแล้วสวมกางเกงเพื่อเตรียมจะกลับไปทว่าพวกเขายังไม่ได้ทันจะได้เยื้องย่าง ท้องก็เริ่มปวดบิดขึ้นมาอีกครั้ง“ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าต้องทำธุระต่อ พวกเจ้ากลับไปเฝ้ายามก่อนเถอะ”“ข้านั่งจนขาชาไปหมดแล้ว แต่ท้องก็ยังไม่หายปวดสักที”“มันเพราะอะไรกันแน่ หรือว่าเนื้อสุนัขตัวนั้นจะ
เจี่ยนอันอันตอบหลังจากที่ป้อนน้ำตาลกลูโคสให้ฉู่จวินสิงเสร็จเรียบร้อย “บาดแผลของพี่รองเจ้าค่อนข้างสาหัส อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย กระดูกซี่โครงหักไปสี่ซี่”“หลังจากคืนนี้จะฟื้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว”ถ้อยคำของเจี่ยนอันอันทำให้ฉู่อันเจ๋อกังวลในทันที“ท่านหมายความว่าพี่รองกำลังจะตายหรือ?” ฉู่อันเจ๋อคว้าแขนของเจี่ยนอันอันอย่างตื่นตระหนก “พี่สะใภ้รอง ในเมื่อท่านเป็นคนสกุลฉู่ของเราแล้ว ข้าขอร้องท่านให้ช่วยพี่รองด้วยเถิด”เจี่ยนอันอันชักแขนออก และทำท่าทางพร้อมทำสียง “ชู่ว” เพื่อให้ฉู่อันเจ๋อใจเย็นลงเมื่อครู่นี้เขาพูดเสียงดังปานนั้น หากถูกฮูหยินใหญ่ได้ยินเข้าคงตกใจกลัวเป็นแน่แท้เจี่ยนอันอันกล่าวปลอบว่า “เจ้าวางใจเถิด มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะไม่ให้เขาตายไวขนาดนั้นแน่ แต่อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงไม่น้อยเลย ต้องขึ้นอยู่กับแรงใจของเขาด้วย หากเขามีแรงใจที่เข้มแข็ง พรุ่งนี้เช้าก็จะฟื้น หรือมิเช่นนั้นก็จะหลับใหลไปตลอดกาล”ฉู่อันเจ๋อเบาใจลงเมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าพี่รองจะไม่ตาย อย่างมากสุดก็แค่หลับไม่ฟื้นขอเพียงพี่รองยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ต้องมีหนทางรักษาเขาให้หายดีแน่นอน
เจี่ยนอันอันดีใจเป็นลิงโลดเมื่อเห็นมิติร้านค้าภายในมิติมีเงินตั้งมากมายถึงเพียงนั้น นางสามารถนำมาซื้อของในร้านค้าได้หลังจากนี้จะได้กินหลัวซือเฝิ่น[1]กับขนมให้สาแก่ใจได้แล้วไม่นึกเลยว่านางจะจับพลัดจับผลูทำเสร็จไปอีกภารกิจเจี่ยนอันอันมีความสุขจนเผลอยกยิ้มและฮัมเพลงออกมาโดยไม่รู้ตัวในยามนี้เอง ทหารรักษาพระองค์พวกนั้นก็ทยอยกันกลับมาเมื่อครู่นี้พวกเขาไปทำธุระมาอีกรอบ ยามนี้ท้องไส้จึงรู้สึกสงบลงในที่สุดพวกเขากลับมายังหน้ากองไฟและเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าไม่มีพวกเขาคนใดอยู่เฝ้าที่นี่แม้แต่คนเดียวโชคดีที่คนของจวนเยียนอ๋องต่างก็นั่งอยู่ที่นี่ มิมีผู้ใดเล็ดลอดหนีไปมิเช่นนั้นหากมีคนหนีไป พวกเขาคงกลับไปรายงานผลการปฏิบัติภารกิจไม่ได้เหล่าทหารรักษาพระองค์ต่างนึกกลัวผลที่จะตามมาพวกเขารอแล้วรอเล่า หัวหน้าก็ไม่กลับมาสักทีทหารที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับหัวหน้าทหารรักษาพระองค์นายหนึ่งเห็นว่าหัวหน้าไม่กลับมาสักที ก็ลุกขึ้นยืนอย่างสุดจะทนในท้ายที่สุดเขาบอกกับทหารรักษาพระองค์คนอื่น ๆ “พวกเจ้าเฝ้าคนพวกนี้ให้ดี ข้าจะไปหาท่านหัวหน้า”ทหารนายนี้ว่าจบก็วิ่งเข้าไปในป่าครั้นเจี่ยนอันอันเ
ทหารนายนั้นวิ่งกลับไปหัวหน้าทหารรักษาพระองค์แล้วดึงแขนของอีกฝ่ายเพื่อประคองให้ลุกขึ้น“เบาหน่อย ขาข้าชาจนไม่มีความรู้สึกแล้ว”หัวหน้าทหารองครักษ์ต้องพักอยู่นานจึงจะเปลี่ยนกางเกงชั้นในจากนั้นทหารนายนี้จึงประคองเขากลับไปยังจุดพักผ่อนอย่างเชื่องช้าเมื่อเจี่ยนอันอันเห็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ ในที่สุดนางก็หัวเราะ “พรืด” ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตวาด “หัวเราะอะไร อย่าคิดว่าเจ้าเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนกั๋วกงแล้วข้าจะไม่กล้าทำอะไรนะ” “ยามนี้เจ้าเป็นผู้ถูกเนรเทศ ต่อให้ตายระหว่างทางก็คงไม่มีผู้ใดช่วยเก็บศพ”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ทึกทักเอาเองว่าถ้อยคำของตัวเองจะทำให้เจี่ยนอันอันหวาดกลัวเจี่ยนอันอันเพียงแค่นเสียงแผ่วเบา ไม่ได้สนใจอีกฝ่ายนางคร้านจะเสวนากับเขา อย่างไรเสีย การยั่วโมโหอีกฝ่ายก็รังแต่จะทำให้นำปัญหาที่ไม่จำเป็นมาให้คนในตระกูลเปล่า ๆนางไม่อยากสร้างปัญหาให้ผู้อื่นเพราะตัวนางเองเจี่ยนอันอันหันไปมองฉู่จวินสิงที่ยังคงหมดสติปราดหนึ่งที่นี่มีฉู่อันเจ๋อดูแลอยู่ นางต้องไปปกป้องฮูหยินใหญ่ให้ปลอดภัยเจี่ยนอันอันกล่าวกับหลี่อันเจ๋อ “จงฟังให้ดี ประเดี๋ยวจะมีกล
เจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นจึงไม่รอช้า รีบหยิบเข็มเงินออกมาจากมิติและซัดไปยังชายชุดดำผู้นั้นทันทีเข็มเงินปักเข้าที่ลำคอของชายชุดดำ ก่อนที่เขาจะได้ตอบสนอง ร่างก็ล้มลงกับพื้นและสิ้นใจในทันทีเมื่อเสียงการต่อสู้ดังขึ้น เหล่าคนในตระกูลต่างก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นพวกเขาลืมตาขึ้นมาก็เห็นกลุ่มคนชุดดำโผล่มาอย่างไม่คาดคิดเมื่อเห็นชายชุดดำคนหนึ่งตายอยู่ตรงหน้า บางคนก็ตกใจกลัวจนร้องไห้ออกมาทันทีชายชุดดำคนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ต่างก็ชะงักไปพวกเขาเห็นใบหน้าสหายของตนกลับกลายเป็นสีม่วงคล้ำไปแล้วเลือดสีดำไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเขากลุ่มชายชุดดำรู้สึกตกใจอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าเข็มเงินที่ปักอยู่บนลำคอของสหายนั้นจะถูกอาบด้วยยาพิษแม้แต่ทหารรักษาพระองค์ก็ยังตกใจกับเข็มเงินของเจี่ยนอันอันทุกคนหันสายตามองมาทางเจี่ยนอันอันอย่างพร้อมเพรียงฉู่จวินสิงเห็นว่าที่มุมปากของเจี่ยนอันอันยกขึ้นเล็กน้อยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดและความโหดร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางหัวใจของฉู่จวินสิงถึงกับสั่นสะท้านสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ในยุคปัจจุบัน เจี่ยนอันอันชอบใช้เข็มเงินเป็นลูกดอกเล่นสนุกอยู่แล้วนางย
กลุ่มคนชุดดำเหล่านั้นเดิมคิดว่าภารกิจลอบสังหารครั้งนี้จะสำเร็จได้โดยง่ายกลับคาดไม่ถึงว่า ท่ามกลางญาติพี่น้องเหล่านี้ จะมีนางพญามัจจุราชผู้เชี่ยวชาญการใช้พิษเช่นนี้อยู่ด้วยกลุ่มคนชุดดำสิบกว่าคนต่างนิ่งเงียบ ไม่มีใครปริปากพูดพวกเขาล้วนปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางเปิดเผยตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลังเด็ดขาดเจี่ยนอันอันมองดูท่าทีปากแข็งไม่ยอมแพ้ของพวกเขานางจึงยิ้มเย็น ก่อนจะขว้างเข็มเงินไปยังคนหนึ่งในกลุ่มนั้นอีกครั้งชายชุดดำคนนั้นไม่ทันได้ตอบสนอง เข็มเงินก็ปักเข้าที่หัวเข่าของเขาทันทีชายชุดดำร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะทรุดตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้นร่างกายของเขาเริ่มชาไปทั้งตัว แต่ในชั่วขณะต่อมากลับรู้สึกเหมือนมีแมลงนับล้านตัวกำลังกัดแทะชายชุดดำคิดในใจว่าคงจะพบจุดจบเช่นเดียวกับสหายหลายคนพวกนั้น ที่ตายภายใต้เงื้อมมือของหญิงสาวผู้นี้แน่แล้วเขาเงยหน้ามองเจี่ยนอันอันพร้อมกับแสยะยิ้มเย็นชาราวกับยอมรับความตาย“จะพูดหรือไม่พูด?” เสียงของเจี่ยนอันอันแผ่วเบาดุจเสียงกระซิบของภูตผีที่ล่องลอยเข้าโสตประสาทของชายชุดดำแม้เขาจะรู้สึกชาและเจ็บแปลบไปทั้งตัว แต่ยังคงกัดฟันแน่น ไ
เมื่อเห็นหลุมเล็ก ๆ บนพื้น เหล่าผู้คนในตระกูลต่างก็อดหวาดเสียวแทนเจี่ยนอันอันไม่ได้โชคดีที่เจี่ยนอันอันหลบได้ทัน จึงไม่โดนแส้ฟาดมิเช่นนั้นหากถูกแส้นี้ฟาดลงไปคงทำให้ผิวหนังแตกยับเยินหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ไม่คาดคิดว่าเจี่ยนอันอันจะหลบแส้ของเขาได้ เขาตวาดด้วยความโมโห “เจี่ยนอันอัน ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษเนรเทศ ห้ามพกของติดตัวเด็ดขาด”“ถ้าฉลาดก็รีบส่งเข็มเงินมา จะได้ไม่ต้องจะเจ็บตัว”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์พูดจบก็สะบัดแส้แล้วฟาดไปทางเจี่ยนอันอันอีกครั้งในขณะที่แส้กำลังจะฟาดลงบนตัวเจี่ยนอันอัน ฮูหยินใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ผลักนางหลบออกไปแส้จึงฟาดลงบนตัวฮูหยินใหญ่แทนฮูหยินใหญ่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด พลางกุมบริเวณที่ถูกแส้ฟาดแล้วทรุดตัวลงเจี่ยนอันอันไม่คาดคิดว่าฮูหยินใหญ่จะผลักนางออกแล้วรับแส้นั้นแทนเมื่อครู่นางแค่รอให้แส้ฟาดลงมาเพื่อที่จะคว้าแส้ไว้แล้วค่อยลงโทษหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ให้สาสมไม่คิดว่าจะกลับกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้“ฮูหยินใหญ่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง รีบนั่งลงมาให้ข้าดูเถิด” เจี่ยนอันอันรีบหันไปพยุงฮูหยินใหญ่ให้นั่งลงแล้วตรวจดูบาดแผลฮูหยินใหญ่รู้สึกเจ็บปวดจนตั
เจี่ยนอันอันกล่าวอีกครั้งว่า “หากท่านหัวหน้าทหารรักษาพระองค์อยากลองลิ้มรสการถูกเข็มพิษปักดู ก็เชิญมารับไปได้เลย”“ข้าคิดว่าท่านหัวหน้าคงทราบดีว่า อยู่ในป่ารกร้างเช่นนี้ หากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคน ฮ่องเต้ก็คงไม่สนใจอะไร”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เหล่าทหารรักษาพระองค์ตกใจไม่น้อยสิ่งที่นางพูดนั้นถูกต้อง แม้พวกเขาจะเป็นทหารรักษาพระองค์แต่ในสายตาของฮ่องเต้ พวกเขาเทียบไม่ได้แม้แต่มดตัวหนึ่งยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างทางเนรเทศ ย่อมมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอหากทหารรักษาพระองค์ตายไปสักสองสามคนระหว่างทาง ก็ไม่มีใครสนใจและกลุ่มคนชุดดำเมื่อครู่ก็ถูกเจี่ยนอันอันฆ่าตายทั้งหมดไม่มีใครรู้ว่าในมือนางยังมีเข็มเงินอีกเท่าไร และไม่มีใครอยากเสี่ยงที่จะขัดใจเจี่ยนอันอันคำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตระหนักได้เขาเริ่มรู้สึกหวาดกลัว เมื่อนึกได้ว่าที่ผ่านมาเขาหงุดหงิดมากจนลืมไปว่าบนเข็มเงินนั้นมีพิษกลุ่มนักโทษเนรเทศเหล่านี้ ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับกลุ่มโจรปล้นฆ่าหากไปยั่วยุพวกเขา ในป่ารกร้างเช่นนี้ แม้ทหารรักษาพระองค์ทั้งหมดจะถูกฆ่า เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ว่าเป็น
เจี่ยนอันอันได้ยินเสียงใส่เสื้อผ้าของฉู่จวินสิง จึงพลอยตื่นมาด้วยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อคืนนี้ คล้ายดั่งความฝันแต่ลูกธนูที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น ทำให้เจี่ยนอันอันอดวิเคราะห์อีกครั้งไม่ได้ว่า ผู้ที่ยิงมาคือใครกันแน่?และข้อความในกระดาษเขียนว่ามีคนจะมาเมืองอินเป่ยนั่นคือผู้ใดที่จะมาเมืองนี้ จึงทำให้มีคนต้องใช้วิธีนี้ส่งข่าวให้นางกับฉู่จวินสิงได้รู้เจี่ยนอันอันนอนคิดอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ก็ยังหาคำตอบไม่ได้นางจึงไม่อยากคิดมากต่อไปอีก เพราะอย่างไรถึงเวลาก็จะรู้เอง ว่าคือผู้ใดจะมาเมืองอินเป่ยเจี่ยนอันอันแต่งกายเรียบร้อยพร้อมลงจากเตียง ล้างหน้าล้างตาแล้วจึงไปกินอาหารเช้าที่ลานวันนี้นางยังต้องไปอำเภอไถหยางสักครั้ง ตั้งว่าจะซื้อลูกเป็ดลูกไก่มาให้เสิ่นจือเจิ้งเลี้ยงผักที่ปลูกได้เมื่อวาน จะได้นำไปขายในตลาดด้วยหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เจี่ยนอันอันจึงให้บ่าวไพร่นำผักไปไว้ในรถม้า จากนั้นจึงเตรียมตัวออกเดินทางไปอำเภอไถหยางพร้อมกับฉู่จวินสิงทั้งคู่เพิ่งขึ้นนั่งในรถม้าไม่ทันไร พลันเห็นเหยียนซวงเดินมา“พวกท่านจะไปอำเภอไถหยางหรือ พาข้าไปด้วยได้หรือไม่”เหยียนซวงกำลังคิดจะไปอำเภอไถ
เจี่ยนอันอันพยักหน้า นางเห็นด้วยกับความคิดของฉู่จวินสิง“ท่านกล่าวถูกต้อง ตอนนี้เมืองจิงโจวคงวุ่นวายยิ่งกว่าแต่ก่อน”“หากเราย้อนกลับไปตอนนี้ ไม่แน่อาจตกหลุมพรางฉู่ชางเหยียนก็เป็นได้”“บวกกับเจี่ยนกั๋วกงที่คิดปองร้ายเราอยู่ คงจะหาหนทางส่งคนมาอีก เพื่อตรวจสอบดูว่าพวกเราเสียชีวิตแล้วหรือยังกันแน่”เมื่อเจี่ยนอันอันกล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาพลันหรี่เล็กน้อย“ถ้าให้ดีคือเขามาด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นข้าจะให้เขามาได้ แต่กลับไปไม่ได้อีก”ฉู่จวินสิงมองดูเจี่ยนอันอันแสดงท่าทีคล้ายถือคติคุณธรรมประหารญาติ จึงเอื้อมมือไปขยับผ้าห่มให้นาง“อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย ต่อให้เจี่ยนกั๋วกงส่งคนมาจริง ก็คงสืบไม่ได้ความอะไร”ทั้งคู่พูดคุยอีกครู่หนึ่ง จึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อนจวบจนถึงเวลายามสาม จู่ๆ เจี่ยนอันอันก็รู้สึกปวดท้องนางลืมตาขึ้นเร็วพลัน พร้อมรีบร้อนใส่เสื้อคลุมแล้วลงจากเตียง“เจ้าจะไปไหนกัน?” การเคลื่อนไหวของเจี่ยนอันอัน ทำให้ฉู่จวินสิงพลอยตื่นขึ้นเจี่ยนอันอันตอบโดยแทบไม่หันหน้ามา “ไปห้องปลดทุกข์”ฉู่จวินสิงก็รีบใส่เสื้อคลุมแล้วลงจากเตียงเช่นกัน เดินตามหลังเจี่ยนอันอันไปเพราะเขาไม่อยากให้นางถูกก
ถึงตอนนั้นเมื่อใด ยิ่งได้รับความช่วยเหลือจากแคว้นหนิงชวน การจะชิงอำนาจปกครองกลับคืนมาก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายดายขึ้นเพียงแต่พวกเขาจะไปหาป้ายประกาศิตสวรรค์ได้จากที่ใด?หากกวนซินยอมเปิดเผยเรื่องป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาให้รู้ ก่อนที่พวกเขาจะไปเมืองจิงโจว พวกเขาก็อาจจะไปคุกหลวง ซักถามรัชทายาทฉู่เทียนหัวได้บ้างแต่บัดนี้พวกเขาได้กลับมาแล้ว คงไม่อาจย้อนกลับไปเมืองจิงโจวภายในเวลาอันสั้นอีกซ้ำที่นั่นก็กำลังวุ่นวายอยู่ หลังเกิดเหตุคลังหลวงถูกโจรกรรม ได้ทำให้ฉู่ชางเหยียนโกรธกริ้วเป็นอย่างมากบวกกับพวกเขาได้ช่วยเหลือบริวารที่อยู่ในคุกหลวงออกมาหมดผ่านไปหลายวัน ป่านนี้ฉู่ชางเหยียนคงรับรู้เรื่องราวแล้วย่อมต้องเพิ่มความเข้มงวดในการคุ้มกันคุกหลวงให้มากขึ้นอีกหากทั้งคู่บุ่มบ่ามกลับไปยังคุกหลวงอีกครั้ง ดีไม่ดีอาจถูกฉู่ชางเหยียนจับกุมตัวได้เรื่องนี้เห็นทีจะต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงต่างสบตากัน ทั้งคู่ล้วนเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายจากสายตาที่จ้องมองเจี่ยนอันอันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่ง ยื่นส่งให้กวนซิน“พี่กวนซินวางใจได้ เรื่องนี้ข้ากับจวินสิงจะไม่เปิดเผยแม้แต่คำเดียว”
หลังจากบริวารถอยออกไปไกลแล้ว อดีตฮ่องเต้จึงตรัสอย่างมีนัยลึกซึ้งว่า “สุขภาพของเราไม่เหมือนวันวานอีกแล้ว เกรงว่าคงมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน”ฉู่เทียนหัวได้ยินดังนั้นก็ลงมาจากหลังม้า คุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์อดีตฮ่องเต้ทันที“เสด็จพ่อ สุขภาพท่านแข็งแรงมาโดยตลอด อย่าพูดเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”อดีตฮ่องเต้โบกมือเบาๆ “ร่างกายเรา เรารู้ดีที่สุด”“สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ ด้วยนิสัยของฉู่ชางเหยียน จะต้องแสร้งเป็นมาเยี่ยมเราในวังในยามที่เราป่วยหนักเป็นแน่”“เจ้าจะปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนยึดอำนาจชิงบัลลังก์ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด หากเขากล้าคิดก่อกบฏชิงบัลลังก์”“เจ้าห้ามเมตตาใจอ่อนต่อเขาเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”ฉู่เทียนหัวรีบตอบรับว่า “เสด็จพ่อ ลูกเข้าใจแล้ว”อดีตฮ่องเต้ดูออกว่ารัชทายาทฉู่เทียนหัวหาได้มีจิตใจโหดเหี้ยมเหมือนฉู่ชางเหยียนไม่เขากังวลเหลือเกินว่าภายภาคหน้าฉู่เทียนหัวจะรับมือฉู่ชางเหยียนไม่ได้อดีตฮ่องเต้ล้วงป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาจากในอกเสื้อแล้วกล่าวกับฉู่เทียนหัวว่า “หากวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เจ้าจะต้องรักษาบัลลังก์เอาไว้ให้ได้ ห้ามปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนแย่งชิงไปได้โดยเด็ดขาด”
“อันอัน พวกเจ้าทำเพื่อข้ากับรัชทายาทมามากพอแล้ว ข้าไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณเจ้ากับคุณชายฉู่อย่างไรดี”กวนซินว่าแล้วก็ลุกขึ้น คุกเข่าลงตรงหน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเสียงดัง“ข้าไม่อาจทำอันใดเพื่อพวกเจ้าได้เลย ทำได้แค่โขกศีรษะไม่กี่ครั้งเพื่อตอบแทนบุญคุณของพวกเจ้า”กวนซินว่าแล้วก็ตั้งท่าจะโขกศีรษะให้คนทั้งสองอย่างหนักหน่วงเจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาประคองกวนซิน“พี่หญิงกวน ท่านอย่าทำเช่นนี้ ท่านโขกศีรษะให้พวกข้า จะทำให้พวกข้าอายุสั้นเอานะ”กวนซินได้เจี่ยนอันอันช่วยประคองขึ้นมา จมูกแสบร้อน น้ำตาไหลพรากลงมาอีกครั้งแม้ว่ารัชทายาทจะถูกขังไว้ในคุกหลวง แต่ยังดีที่เขายังไม่ถูกบั่นศีรษะส่วนสาเหตุที่เขาแกล้งเสียสติ จะต้องเป็นเพราะไม่ต้องการบอกความลับเรื่องนั้นต่อฉู่ชางเหยียนเป็นแน่ขณะที่คนที่รัชทายาทรักมากที่สุดก็คือกวนซิน ความลับอันใดล้วนบอกนางจนหมดสิ้นน่าเสียดายที่รัชทายาทไม่ใช่คนโหดร้ายอำมหิตเหมือนฉู่ชางเหยียนที่คิดแต่จะแย่งชิงอำนาจและก็เป็นเพราะรัชทายาทใจไม่เหี้ยมพอนี่เอง จึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพปัจจุบันเรื่องมาถึงขั้นนี้ กวนซินก็ไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไปนางนั่งลงข้างกา
เมื่อกวนซินได้ยินอาการเสียสติของรัชทายาท น้ำตาก็พลันไหลพรากลงมาทรวงอกนางเหมือนถูกก้อนหินขนาดใหญ่อุดเอาไว้ ทำให้นางหายใจได้ค่อนข้างลำบาก“อันอัน ทุกสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ?”กวนซินยังไม่ค่อยกล้าเชื่อนัก แต่เห็นสีหน้าจริงจังของเจี่ยนอันอันแล้ว นางก็ยิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเองหลายคืนที่ผ่านมานางเอาแต่ฝันร้าย มักฝันเห็นภาพที่รัชทายาทถูกบั่นศีรษะนางเป็นห่วงความปลอดภัยของรัชทายาทเป็นอย่างมากมาโดยฃตลอด แต่ยามนี้นางถูกเนรเทศมาที่เมืองอินเป่ย ไม่อาจกลับไปอยู่เคียงข้างรัชทายาทได้เลยหากทำได้ นางหวังจริงๆ ว่าคนที่ถูกขังไว้ในคุกหลวงคือนาง ไม่ใช่รัชทายาทเห็นกวนซินยืนน้ำตานองหน้าด้วยความโศกเศร้าอยู่ตรงนั้น เจี่ยนอันอันดึงนางมานั่งลงข้างๆ ตนเองฉู่ตั๋วตั่วเห็นกวนซินร้องไห้ นางก็เสียใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาเพื่อไม่ให้ฉู่ตั๋วตั่วรู้เรื่องมากเกินไป เจี่ยนอันอันจึงให้สี่เอ๋อร์พาฉู่ตั๋วตั่วไปที่ครัว ให้นางฝึกปรุงยาพิษด้วยตนเองอย่างไรเสียมีนางอยู่ด้วย ต่อให้ฉู่ตั๋วตั่วไม่ระวังไปถูกพิษเข้า นางก็มีวิธีรักษาฉู่ตั๋วตั่วฉู่ตั๋วตั่วตามสี่เอ๋อร์ไปที่ห้องครัว มีหม้อต้มยาสองใบวางอยู่ที่นั่น
คำพูดของกู้มั่วหลีดึงดูดความสนใจของเหวยป๋อจื่อได้สำเร็จเขาอยากรู้นักว่าเจี่ยนอันอันมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นกันแน่ถึงได้ทำให้ฉู่จวินสิงและกู้มั่วหลีหลงใหลนางถึงเพียงนี้หลังจากเหวยป๋อจื่อนำยามาส่งแล้วก็ไม่ได้คิดจะรั้งอยู่นานเขาบอกให้กู้มั่วหลีพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนตะวันออกให้ดีแล้วหมุนกายก้าวยาวๆ จากไป……เจี่ยนอันอันนั่งตากลมเย็นอยู่ในลานเรือน มองดูฉู่จื่อซีวิ่งไล่ตามนกแร้งสองตัวไปมาอยู่ในลานเรือนนกแร้งสองตัวนั้นบินจนเหนื่อยแล้วก็บินมาเกาะบนไหล่ของเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงกลัวว่าเจี่ยนอันอันจะถูกกรงเล็บของนกแร้งขยุ้มจนบาดเจ็บ ขณะกำลังจะเข้ามาไล่นกแร้งก็ถูกเจี่ยนอันอันแสดงท่าทางบอกเป็นเชิงว่าอย่าเคลื่อนไหวส่งเดชอย่างไรเสีย นกแร้งสองตัวนี้ก็ได้ฉู่ชางเหยียนเลี้ยงมา นิสัยย่อมจะชั่วร้ายเจ้าเล่ห์เหมือนฉู่ชางเหยียนไม่มากก็น้อยแม้ว่าพวกมันจะถูกฉู่จื่อซีทำให้เชื่องลงแล้ว แต่ธาตุแท้ก็หาได้เปลี่ยนไปไม่หากฉู่จวินสิงเข้ามาไล่ปุบปับ เกรงว่าอาจทำให้พวกมันตกใจและจะต้องโจมตีนางกับฉู่จวินสิงแน่นอนนางไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอกนะตอนนี้นกแร้งสองตัวนี้ยอมบินมาเกาะบนไหล่นางก็ถือว่า
“ที่ใด?” เจี่ยนหลิงเยว่กะพริบดวงตากลมโตรูปเมล็ดซิ่งพลางมองเหวยป๋อจื่อเหวยป๋อจื่อพูด “เจ้าไม่สามารถไปห้องที่ลึกที่สุดของเรือนตะวันออก ยามนี้คุณชายกู้กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น”ครั้นได้ยินว่ากู้มั่วหลีพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น เจี่ยนหลิงเยว่ก็รีบพยักหน้าหงึกหงักทันที“ข้าเข้าใจแล้ว พี่เหวยวางใจได้ ข้าจะไม่ไปทางนั้นแน่นอน”พูดเป็นเล่น ตอนนี้นางหลบกู้มั่วหลียังแทบไม่ทัน แล้วจะเป็นฝ่ายไปหาเขาที่นั่นได้อย่างไรเล่าถ้าเกิดเหวยป๋อจื่อรู้เรื่องระหว่างนางกับกู้มั่วหลีขึ้นมา เขาจะต้องรังเกียจนางเดียดฉันท์นางอย่างมากเป็นแน่ดังนั้น นางจะปล่อยให้เหวยป๋อจื่อรู้เรื่องนั้นไม่ได้เด็ดขาดหวังว่ากู้มั่วหลีจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นด้วยเหมือนกันเหวยป๋อจื่อหัวเราะเบาๆ แล้วเปิดประตูก้าวยาวๆ จากไปเจี่ยนหลิงเยว่ก็ออกไปเช่นกัน นางไม่ได้เดินตามเหวยป๋อจื่อ แต่เดินไปอีกทิศทางหนึ่งนางต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นี่เสียก่อน อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่นางจะพักอยู่ต่อไปในวันหน้าเหวยป๋อจื่อประคองถาดเข้าไปในครัวแล้วก็เทสิ่งของในถาดลงในกองไฟจนมอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีในไม่ช้า เขาก็ไปที่เรือนตะวั
แต่เนื่องจากเมื่อคืนเหวยป๋อจื่อจากไปอย่างเร่งรีบ จึงทำให้นางไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากแต่บัดนี้เมื่อเขามาถามอีก นางจึงคิดบอกกล่าวความในใจให้เขารู้เสียนางมองหน้าเขาด้วยดวงตาหวานซึ้ง หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ในที่สุดจึงรวบรวมความกล้าแล้วกล่าวออกมา“พี่เหวย เมื่อคืนข้าได้คิดดูแล้ว ข้ายินดีใช้ชีวิตอยู่กับท่าน”“ขอเพียงท่านไม่รังเกียจข้า ข้าพร้อมจะอยู่กับท่านตลอดไป”“แล้ววันหน้าข้าจะมีทายาทให้ท่าน เชื่อว่าอาจเพิ่มความสุขให้ชีวิตเรามากขึ้นอีก”เหวยป๋อจื่อได้ยินดังนี้ จึงหลุดปากหัวเราะลั่นออกมาเจี่ยนหลิงเยว่เพิ่งตระหนักว่าตนคงพูดสิ่งใดผิดไป จึงเขินอายจนก้มหน้าลงงุด จนคางแทบจะมุดเข้าหน้าอกอยู่แล้วสองมือยังบิดชายเสื้อเป็นพัลวัน หัวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆยามนี้นางนึกอยากกัดลิ้นตนเองตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด เหตุใดกระทั่งการมีลูกยังพูดออกจากปากได้นะพี่เหวยคงเห็นว่านางเป็นหญิงใจง่ายใฝ่ต่ำเป็นแน่แท้“พี่เหวย ท่านอย่าหัวเราะได้หรือไม่? ข้าจะถอนคำพูดโง่ๆ เมื่อครู่นี้ก็ได้”เจี่ยนหลิงเยว่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เสียงพูดยิ่งเบาราวกับยุงบินนางนึกว่าคงจะถูกเหวยป๋อจื่อตำหนิด้วยคำพูดรุนแรง ที่ไหนได้เขากลั