หลังจากที่คนในตระกูลคนอื่นได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ก็รู้สึกประหลาดใจในตัวตนคุณหนูใหญ่ของเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมากนางไม่ใช่คุณหนูรองที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้หรอกหรือนี่แต่หลังจากได้ยินเจี่ยนอันอันยืนกรานว่าจะไม่แต่งด้วยหากไม่ใช่เยียนอ๋อง พวกเขาก็รู้สึกประทับใจในความจริงใจของเจี่ยนอันอันช่างเป็นแม่นางที่จิตใจดีงามเหลือเกิน ยอมออกเรือนแทนน้องสาวของตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เลือกแต่งเข้ามาในจวนเยียนอ๋องของพวกเขายอมรับโทษเนรเทศไปตกระกำลำบากกับพวกตนอาศัยเพียงความจริงใจนี้ของนาง พวกเขาก็จะปฏิบัติต่อนางเสมือนสมาชิกในครอบครัวของตัวเองแล้วขณะนั้นเอง เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจค้นก็กลับมากันแล้วพวกเขายืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ รายงานต่อหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ว่า “รายงานท่านหัวหน้า คลังสมบัติในจวนเยียนอ๋องว่างเปล่าขอรับ”“ในห้องของเยียนอ๋องก็ว่างเปล่าเช่นกัน”“ในห้องของคนอื่นๆ ในตระกูลก็ว่างเปล่าเช่นกันขอรับ”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์นิ่งอึ้งไป คนในจวนเยียนอ๋องต่างก็อึ้งเช่นกันนี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาเก็บทรัพย์สินไว้ที่เดิมโดยไม่ได้ไปแตะต้องเลยนี่ แต่กลับไม่
ฮูหยินใหญ่เห็นดังนั้นก็คิดจะปราดเข้าไปขวางตรงหน้าฉู่จวินสิงนั่นคือลูกชายคนเล็กของนาง ยามนี้ถูกฮ่องเต้ทำร้ายจนถึงขนาดนี้แล้วตอนนี้แม้แต่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาช่างเหมือนดังคำกล่าวที่ว่าเสือตกที่นั่งลำบากยังถูกสุนัขรังแกโดยแท้ตอนนี้ถึงต้องแลกด้วยชีวิต นางก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำร้ายลูกชายนางเด็ดขาดเจี่ยนอันอันเห็นฮูหยินใหญ่จะพุ่งเข้าไปก็รีบดึงตัวอีกฝ่ายไว้“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นเจ้าค่ะ” เจี่ยนอันอันกระซิบข้างหูฮูหยินใหญ่ฮูหยินใหญ่หันกลับมามองเจี่ยนอันอัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงขัดขวางตนเองขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังพูดอยู่นั้นก็ตั้งท่าเตรียมจะซัดเข็มเงินอีกเล่มใส่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เข็มเงินในมือนางเล่มนี้เคลือบยาพิษเอาไว้ พอทิ่มแทงลงไปก็จะทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผู้นี้เป็นอัมพาตทั่วร่างทันทีถึงตอนนั้นนางก็สามารถใช้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์มาบีบบังคับทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ได้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ในยามนั้นเห็นว่ายังคงไม่มีใครก้าวออกมาเขาเงื้อดาบในมือขึ้นแล้วฟันลงบนร่างฉู่จวินสิงทันทีเห็นกับตาว่าคมดาบกำลังจะฟันล
คนเหล่านั้นยังคงร่ำร้องไม่หยุด คอยปลุกเร้าให้ชาวบ้านคนอื่น ๆ ด่าทอครอบครัวเยียนอ๋องให้ไสหัวออกไปจากแคว้นไท่ยวนแต่พวกเขาไม่กล้าโยนสิ่งของในมืออย่างแม่นยำเหมือนเดิมอีกแล้วพวกเจี่ยนอันอันถูกเหล่าทหารรักษาพระองค์ควบคุมตัวไปถึงนอกเมืองหลังออกไปนอกเมืองแล้วก็จะมีคนในครอบครัวที่มาบอกลารออยู่ที่นี่คนในครอบครัวเหล่านั้นจะนำอาหารและน้ำมาให้คนที่ถูกเนรเทศ เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่รับผิดชอบควบคุมตัวก็จะไม่ขัดขวางนี่เป็นกฎที่มีมาแต่ช้านาน ไม่เคยมีใครล่วงละเมิดมาก่อนเจี่ยนอันอันนึกว่าคงไม่มีคนจากจวนกั๋วกงมาส่ง แต่กลับเห็นรถม้าของจวนกั๋วกงคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทางสาวใช้คนหนึ่งจูงสุนัขดุร้ายตัวหนึ่งเดินลงมาจากรถม้าเจี่ยนอันอันจำได้ว่าสาวใช้ผู้นี้คอยรับใช้เจี่ยนหลิงเยว่เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว เจี่ยนหลิงเยว่คงส่งสาวใช้ผู้นี้มาแก้แค้นที่ทำให้ตนเองเสียโฉมเป็นแน่สาวใช้ลงมาจากรถม้าแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งให้สุนัขดุร้ายตัวนั้นเข้ามาขย้ำเจี่ยนอันอันทันทีเจ้าสุนัขตัวร้ายกระเหี้ยนกระหือรือมาแต่แรก ได้ยินคำสั่งของสาวใช้ก็กระโจนเข้าหาเจี่ยนอันอันทันทีเจี่ยนอันอันก้าวเท้าหลบการจู่โจมของสุนัขไ
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในจวนเยียนอ๋อง พวกเขาค้นไม่เจอทรัพย์สมบัติเลยสักชิ้นตอนไปรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ เขาจะต้องถูกฮ่องเต้ลงโทษอย่างแน่นอนหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผูกใจเจ็บคนในครอบครัวเยียนอ๋องเพราะเรื่องนี้เองเดิมนั้นพวกเขานำชุดผ้าป่านเนื้อหยาบสำหรับให้คนในตระกูลเยียนอ๋องผลัดเปลี่ยนมาด้วยแต่ตอนริบทรัพย์กลับค้นไม่เจออะไร หัวหน้าทหารรักษาพระองค์จึงเปลี่ยนใจเขาจะปล่อยให้คนในตระกูลเหล่านี้ถูกเนรเทศทั้งที่ยังสวมชุดหรูหราเช่นนี้แหละเขาต้องการให้ทุกคนได้เห็นว่าคนที่ถูกเนรเทศเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้นดีที่สุดคือเจอโจรดักปล้นระหว่างทาง ถึงตอนนั้นเขาก็มีเรื่องสนุกให้ดูแล้วอย่างไรเสียฮ่องเต้ก็บัญชาไว้แล้วว่าพวกเขาแค่คุมคนไปส่งก็พอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง พวกเขาไม่จำเป็นต้องออกโรงปกป้องรอจนไปถึงเมืองร้าง เขาค่อยให้คนเหล่านี้เปลี่ยนไปใส่ชุดผ้าป่านเนื้อหยาบให้พวกเขาใช้ชีวิตอันแสนลำเค็ญในถิ่นทุรกันดารไปเถอะในไม่ช้าเหล่าทหารรักษาพระองค์ก็เริ่มย่างเนื้อสุนัขกลิ่นหอมของเนื้อโชยมาเป็นระลอก ลอยมาเข้าจมูกของคนในตระกูลเยียนอ๋องพวกเขาเห็นทหารรักษาพระองค์กินเนื้อย่า
ฉู่จวินสิงในตอนนี้ราวกับศพศพหนึ่ง ทำได้เพียงปล่อยให้มือของเจี่ยนอันอันเคลื่อนไหวตามอำเภอใจไปบนร่างกายของตนเองหลังเจี่ยนอันอันทายาให้ฉู่จวินสิงอย่างรวดเร็วจนเสร็จ ก็นำยาแก้ปวดมาบดเป็นผงนางง้างปากฉู่จวินสิง เทผงยาแก้ปวดใส่ปากเขาฉู่จวินสิงอยากถ่มยาในปากทิ้งไป แต่กลับพบว่าการเคลื่อนไหวแค่นี้ยังกลายเป็นความยากเย็นแสนเข็ญสมองของเขาทำงานเร็วจี๋ สตรีผู้นี้ต้องการทำอันใดกันแน่ นางต้องการวางยาพิษเขาเช่นนั้นหรือ?หากเป็นเช่นนั้นจริง ถึงเขากลายเป็นผีก็จะไม่ยอมปล่อยนางไปแน่ขณะที่ฉู่จวินสิงคิดเหลวไหลอยู่ ก็เห็นว่ามือฉู่อันเจ๋อกำลังถือน้ำขวดหนึ่งเขากรอกน้ำในขวดใส่ปากฉู่จวินสิงน้ำและยาไหลผ่านลำคอลงไปในท้องของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงหรี่ตามองฉู่อันเจ๋อไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงร่วมมือกับสตรีผู้นี้มากรอกยาพิษให้เขาคนทั้งสองจดจ่ออยู่กับการป้อนยาให้ฉู่จวินสิงจนไม่ได้สังเกตว่าฉู่จวินสิงในตอนนี้ได้สติแล้ว ทั้งยังกำลังมองพวกตนอยู่หลังทำทั้งหมดนั้นเสร็จ เจี่ยนอันอันก็กล่าวกับฉู่อันเจ๋อว่า “เจ้าเฝ้าเขาไว้ให้ดี ไม่ว่าเขามีอาการอย่างไร เจ้าก็ต้องมาบอกข้าทันที”ฉู่อันเจ๋อพยักหน้าน้อย ๆ “ข้าเ
ภาพเหล่านี้ปรากฏเพียงไม่นานก็หายไปเจี่ยนอันอันรู้ว่านี่คือความสามารถในการล่วงรู้อนาคตของร่างเดิมตอนนี้นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ยังได้รับสืบทอดพลังของร่างเดิมแต่ความสามารถในการล่วงรู้อนาคตของร่างเดิมมีขีดจำกัด รู้ได้เพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสามวันข้างหน้าเท่านั้นภาพเมื่อครู่ทำให้เจี่ยนอันอันรู้ว่ากลุ่มคนชุดดำจะปรากฏตัวในค่ำคืนนี้แม้นางจะไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนส่งกลุ่มคนชุดดำนี้มา แต่พวกเขาต้องมีความเกี่ยวข้องกับทหารรักษาพระองค์พวกนี้แน่นอนหึ ทหารรักษาพระองค์พวกนี้ชอบแสร้งตายกันนักใช่หรือไม่ถ้าเช่นนั้นก็ให้พวกเขาได้ลิ้มรสความทรมานก่อนก็แล้วกันเจี่ยนอันอันแยกจากฮูหยินใหญ่แล้วมายังมุมที่ค่อนข้างมืดมุมหนึ่งครั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นตัวเอง เจี่ยนอันอันก็รำพึงในใจเงียบ ๆ ว่า ‘หายตัว’วินาทีถัดมานางก็หายไปแล้วเจี่ยนอันอันมายังกองทหารรักษาพระองค์ จากนั้นนำผงยาถ่ายออกมาจากช่องมิตินี่เป็นสิ่งที่นางใช้กับฮ่องเต้สุนัขไปเมื่อก่อนหน้านี้เดิมทีนางยังคิดระหว่างทางที่มาที่นี่อยู่เลยว่าจะอยู่ร่วมกับทหารรักษาพระองค์เหล่านี้แต่โดยดีทว่าดูจากตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วนางโรย
หากพวกผู้ใต้บังคับบัญชาพวกนั้นรู้เรื่องนี้เข้า วันหน้าเขาจะเป็นผู้นำของพวกเขาต่อไปได้อย่างไรเรื่องนี้จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาในยามว่างอย่างไม่ต้องสงสัยเกรงว่าแม้แต่ตอนนอนก็อาจสะดุ้งตื่นเพราะเสียงหัวเราะครั้นเห็นเหล่าทหารรักษาพระองค์วิ่งมาทางนี้ หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ต้องรีบโบกมือไล่โดยพลัน“ไปทำธุระกันที่อื่น อย่ามารบกวนข้า!”ทหารรักษาพระองค์คนอื่น ๆ ไม่ได้รู้ว่าหัวหน้าของตัวเองถ่ายราดกางเกงและไม่คิดจะสงสัยเช่นกัน พวกเขาพากันวิ่งไปปลดทุกข์ที่อีกฝั่งของป่ารกร้างไม่นานก็เกิดเสียงผายลมสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้นในป่ารกร้างแห่งนี้ หลังจากที่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์จัดการธุระเสร็จ เขากลับมีเรื่องกลัดกลุ้มใจตามมาเขาจะกลับไปอย่างไรดี จะให้สวมกางเกงที่มี ‘คราบทองคำ’ เปรอะเปื้อนก็คงไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ เสร็จธุระแล้วสวมกางเกงเพื่อเตรียมจะกลับไปทว่าพวกเขายังไม่ได้ทันจะได้เยื้องย่าง ท้องก็เริ่มปวดบิดขึ้นมาอีกครั้ง“ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าต้องทำธุระต่อ พวกเจ้ากลับไปเฝ้ายามก่อนเถอะ”“ข้านั่งจนขาชาไปหมดแล้ว แต่ท้องก็ยังไม่หายปวดสักที”“มันเพราะอะไรกันแน่ หรือว่าเนื้อสุนัขตัวนั้นจะ
เจี่ยนอันอันตอบหลังจากที่ป้อนน้ำตาลกลูโคสให้ฉู่จวินสิงเสร็จเรียบร้อย “บาดแผลของพี่รองเจ้าค่อนข้างสาหัส อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย กระดูกซี่โครงหักไปสี่ซี่”“หลังจากคืนนี้จะฟื้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว”ถ้อยคำของเจี่ยนอันอันทำให้ฉู่อันเจ๋อกังวลในทันที“ท่านหมายความว่าพี่รองกำลังจะตายหรือ?” ฉู่อันเจ๋อคว้าแขนของเจี่ยนอันอันอย่างตื่นตระหนก “พี่สะใภ้รอง ในเมื่อท่านเป็นคนสกุลฉู่ของเราแล้ว ข้าขอร้องท่านให้ช่วยพี่รองด้วยเถิด”เจี่ยนอันอันชักแขนออก และทำท่าทางพร้อมทำสียง “ชู่ว” เพื่อให้ฉู่อันเจ๋อใจเย็นลงเมื่อครู่นี้เขาพูดเสียงดังปานนั้น หากถูกฮูหยินใหญ่ได้ยินเข้าคงตกใจกลัวเป็นแน่แท้เจี่ยนอันอันกล่าวปลอบว่า “เจ้าวางใจเถิด มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะไม่ให้เขาตายไวขนาดนั้นแน่ แต่อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงไม่น้อยเลย ต้องขึ้นอยู่กับแรงใจของเขาด้วย หากเขามีแรงใจที่เข้มแข็ง พรุ่งนี้เช้าก็จะฟื้น หรือมิเช่นนั้นก็จะหลับใหลไปตลอดกาล”ฉู่อันเจ๋อเบาใจลงเมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าพี่รองจะไม่ตาย อย่างมากสุดก็แค่หลับไม่ฟื้นขอเพียงพี่รองยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ต้องมีหนทางรักษาเขาให้หายดีแน่นอน
ถึงตอนนั้นเมื่อใด ยิ่งได้รับความช่วยเหลือจากแคว้นหนิงชวน การจะชิงอำนาจปกครองกลับคืนมาก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายดายขึ้นเพียงแต่พวกเขาจะไปหาป้ายประกาศิตสวรรค์ได้จากที่ใด?หากกวนซินยอมเปิดเผยเรื่องป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาให้รู้ ก่อนที่พวกเขาจะไปเมืองจิงโจว พวกเขาก็อาจจะไปคุกหลวง ซักถามรัชทายาทฉู่เทียนหัวได้บ้างแต่บัดนี้พวกเขาได้กลับมาแล้ว คงไม่อาจย้อนกลับไปเมืองจิงโจวภายในเวลาอันสั้นอีกซ้ำที่นั่นก็กำลังวุ่นวายอยู่ หลังเกิดเหตุคลังหลวงถูกโจรกรรม ได้ทำให้ฉู่ชางเหยียนโกรธกริ้วเป็นอย่างมากบวกกับพวกเขาได้ช่วยเหลือบริวารที่อยู่ในคุกหลวงออกมาหมดผ่านไปหลายวัน ป่านนี้ฉู่ชางเหยียนคงรับรู้เรื่องราวแล้วย่อมต้องเพิ่มความเข้มงวดในการคุ้มกันคุกหลวงให้มากขึ้นอีกหากทั้งคู่บุ่มบ่ามกลับไปยังคุกหลวงอีกครั้ง ดีไม่ดีอาจถูกฉู่ชางเหยียนจับกุมตัวได้เรื่องนี้เห็นทีจะต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงต่างสบตากัน ทั้งคู่ล้วนเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายจากสายตาที่จ้องมองเจี่ยนอันอันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่ง ยื่นส่งให้กวนซิน“พี่กวนซินวางใจได้ เรื่องนี้ข้ากับจวินสิงจะไม่เปิดเผยแม้แต่คำเดียว”
หลังจากบริวารถอยออกไปไกลแล้ว อดีตฮ่องเต้จึงตรัสอย่างมีนัยลึกซึ้งว่า “สุขภาพของเราไม่เหมือนวันวานอีกแล้ว เกรงว่าคงมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน”ฉู่เทียนหัวได้ยินดังนั้นก็ลงมาจากหลังม้า คุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์อดีตฮ่องเต้ทันที“เสด็จพ่อ สุขภาพท่านแข็งแรงมาโดยตลอด อย่าพูดเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”อดีตฮ่องเต้โบกมือเบาๆ “ร่างกายเรา เรารู้ดีที่สุด”“สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ ด้วยนิสัยของฉู่ชางเหยียน จะต้องแสร้งเป็นมาเยี่ยมเราในวังในยามที่เราป่วยหนักเป็นแน่”“เจ้าจะปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนยึดอำนาจชิงบัลลังก์ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด หากเขากล้าคิดก่อกบฏชิงบัลลังก์”“เจ้าห้ามเมตตาใจอ่อนต่อเขาเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”ฉู่เทียนหัวรีบตอบรับว่า “เสด็จพ่อ ลูกเข้าใจแล้ว”อดีตฮ่องเต้ดูออกว่ารัชทายาทฉู่เทียนหัวหาได้มีจิตใจโหดเหี้ยมเหมือนฉู่ชางเหยียนไม่เขากังวลเหลือเกินว่าภายภาคหน้าฉู่เทียนหัวจะรับมือฉู่ชางเหยียนไม่ได้อดีตฮ่องเต้ล้วงป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาจากในอกเสื้อแล้วกล่าวกับฉู่เทียนหัวว่า “หากวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เจ้าจะต้องรักษาบัลลังก์เอาไว้ให้ได้ ห้ามปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนแย่งชิงไปได้โดยเด็ดขาด”
“อันอัน พวกเจ้าทำเพื่อข้ากับรัชทายาทมามากพอแล้ว ข้าไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณเจ้ากับคุณชายฉู่อย่างไรดี”กวนซินว่าแล้วก็ลุกขึ้น คุกเข่าลงตรงหน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเสียงดัง“ข้าไม่อาจทำอันใดเพื่อพวกเจ้าได้เลย ทำได้แค่โขกศีรษะไม่กี่ครั้งเพื่อตอบแทนบุญคุณของพวกเจ้า”กวนซินว่าแล้วก็ตั้งท่าจะโขกศีรษะให้คนทั้งสองอย่างหนักหน่วงเจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาประคองกวนซิน“พี่หญิงกวน ท่านอย่าทำเช่นนี้ ท่านโขกศีรษะให้พวกข้า จะทำให้พวกข้าอายุสั้นเอานะ”กวนซินได้เจี่ยนอันอันช่วยประคองขึ้นมา จมูกแสบร้อน น้ำตาไหลพรากลงมาอีกครั้งแม้ว่ารัชทายาทจะถูกขังไว้ในคุกหลวง แต่ยังดีที่เขายังไม่ถูกบั่นศีรษะส่วนสาเหตุที่เขาแกล้งเสียสติ จะต้องเป็นเพราะไม่ต้องการบอกความลับเรื่องนั้นต่อฉู่ชางเหยียนเป็นแน่ขณะที่คนที่รัชทายาทรักมากที่สุดก็คือกวนซิน ความลับอันใดล้วนบอกนางจนหมดสิ้นน่าเสียดายที่รัชทายาทไม่ใช่คนโหดร้ายอำมหิตเหมือนฉู่ชางเหยียนที่คิดแต่จะแย่งชิงอำนาจและก็เป็นเพราะรัชทายาทใจไม่เหี้ยมพอนี่เอง จึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพปัจจุบันเรื่องมาถึงขั้นนี้ กวนซินก็ไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไปนางนั่งลงข้างกา
เมื่อกวนซินได้ยินอาการเสียสติของรัชทายาท น้ำตาก็พลันไหลพรากลงมาทรวงอกนางเหมือนถูกก้อนหินขนาดใหญ่อุดเอาไว้ ทำให้นางหายใจได้ค่อนข้างลำบาก“อันอัน ทุกสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ?”กวนซินยังไม่ค่อยกล้าเชื่อนัก แต่เห็นสีหน้าจริงจังของเจี่ยนอันอันแล้ว นางก็ยิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเองหลายคืนที่ผ่านมานางเอาแต่ฝันร้าย มักฝันเห็นภาพที่รัชทายาทถูกบั่นศีรษะนางเป็นห่วงความปลอดภัยของรัชทายาทเป็นอย่างมากมาโดยฃตลอด แต่ยามนี้นางถูกเนรเทศมาที่เมืองอินเป่ย ไม่อาจกลับไปอยู่เคียงข้างรัชทายาทได้เลยหากทำได้ นางหวังจริงๆ ว่าคนที่ถูกขังไว้ในคุกหลวงคือนาง ไม่ใช่รัชทายาทเห็นกวนซินยืนน้ำตานองหน้าด้วยความโศกเศร้าอยู่ตรงนั้น เจี่ยนอันอันดึงนางมานั่งลงข้างๆ ตนเองฉู่ตั๋วตั่วเห็นกวนซินร้องไห้ นางก็เสียใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาเพื่อไม่ให้ฉู่ตั๋วตั่วรู้เรื่องมากเกินไป เจี่ยนอันอันจึงให้สี่เอ๋อร์พาฉู่ตั๋วตั่วไปที่ครัว ให้นางฝึกปรุงยาพิษด้วยตนเองอย่างไรเสียมีนางอยู่ด้วย ต่อให้ฉู่ตั๋วตั่วไม่ระวังไปถูกพิษเข้า นางก็มีวิธีรักษาฉู่ตั๋วตั่วฉู่ตั๋วตั่วตามสี่เอ๋อร์ไปที่ห้องครัว มีหม้อต้มยาสองใบวางอยู่ที่นั่น
คำพูดของกู้มั่วหลีดึงดูดความสนใจของเหวยป๋อจื่อได้สำเร็จเขาอยากรู้นักว่าเจี่ยนอันอันมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นกันแน่ถึงได้ทำให้ฉู่จวินสิงและกู้มั่วหลีหลงใหลนางถึงเพียงนี้หลังจากเหวยป๋อจื่อนำยามาส่งแล้วก็ไม่ได้คิดจะรั้งอยู่นานเขาบอกให้กู้มั่วหลีพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนตะวันออกให้ดีแล้วหมุนกายก้าวยาวๆ จากไป……เจี่ยนอันอันนั่งตากลมเย็นอยู่ในลานเรือน มองดูฉู่จื่อซีวิ่งไล่ตามนกแร้งสองตัวไปมาอยู่ในลานเรือนนกแร้งสองตัวนั้นบินจนเหนื่อยแล้วก็บินมาเกาะบนไหล่ของเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงกลัวว่าเจี่ยนอันอันจะถูกกรงเล็บของนกแร้งขยุ้มจนบาดเจ็บ ขณะกำลังจะเข้ามาไล่นกแร้งก็ถูกเจี่ยนอันอันแสดงท่าทางบอกเป็นเชิงว่าอย่าเคลื่อนไหวส่งเดชอย่างไรเสีย นกแร้งสองตัวนี้ก็ได้ฉู่ชางเหยียนเลี้ยงมา นิสัยย่อมจะชั่วร้ายเจ้าเล่ห์เหมือนฉู่ชางเหยียนไม่มากก็น้อยแม้ว่าพวกมันจะถูกฉู่จื่อซีทำให้เชื่องลงแล้ว แต่ธาตุแท้ก็หาได้เปลี่ยนไปไม่หากฉู่จวินสิงเข้ามาไล่ปุบปับ เกรงว่าอาจทำให้พวกมันตกใจและจะต้องโจมตีนางกับฉู่จวินสิงแน่นอนนางไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอกนะตอนนี้นกแร้งสองตัวนี้ยอมบินมาเกาะบนไหล่นางก็ถือว่า
“ที่ใด?” เจี่ยนหลิงเยว่กะพริบดวงตากลมโตรูปเมล็ดซิ่งพลางมองเหวยป๋อจื่อเหวยป๋อจื่อพูด “เจ้าไม่สามารถไปห้องที่ลึกที่สุดของเรือนตะวันออก ยามนี้คุณชายกู้กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น”ครั้นได้ยินว่ากู้มั่วหลีพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น เจี่ยนหลิงเยว่ก็รีบพยักหน้าหงึกหงักทันที“ข้าเข้าใจแล้ว พี่เหวยวางใจได้ ข้าจะไม่ไปทางนั้นแน่นอน”พูดเป็นเล่น ตอนนี้นางหลบกู้มั่วหลียังแทบไม่ทัน แล้วจะเป็นฝ่ายไปหาเขาที่นั่นได้อย่างไรเล่าถ้าเกิดเหวยป๋อจื่อรู้เรื่องระหว่างนางกับกู้มั่วหลีขึ้นมา เขาจะต้องรังเกียจนางเดียดฉันท์นางอย่างมากเป็นแน่ดังนั้น นางจะปล่อยให้เหวยป๋อจื่อรู้เรื่องนั้นไม่ได้เด็ดขาดหวังว่ากู้มั่วหลีจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นด้วยเหมือนกันเหวยป๋อจื่อหัวเราะเบาๆ แล้วเปิดประตูก้าวยาวๆ จากไปเจี่ยนหลิงเยว่ก็ออกไปเช่นกัน นางไม่ได้เดินตามเหวยป๋อจื่อ แต่เดินไปอีกทิศทางหนึ่งนางต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นี่เสียก่อน อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่นางจะพักอยู่ต่อไปในวันหน้าเหวยป๋อจื่อประคองถาดเข้าไปในครัวแล้วก็เทสิ่งของในถาดลงในกองไฟจนมอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีในไม่ช้า เขาก็ไปที่เรือนตะวั
แต่เนื่องจากเมื่อคืนเหวยป๋อจื่อจากไปอย่างเร่งรีบ จึงทำให้นางไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากแต่บัดนี้เมื่อเขามาถามอีก นางจึงคิดบอกกล่าวความในใจให้เขารู้เสียนางมองหน้าเขาด้วยดวงตาหวานซึ้ง หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ในที่สุดจึงรวบรวมความกล้าแล้วกล่าวออกมา“พี่เหวย เมื่อคืนข้าได้คิดดูแล้ว ข้ายินดีใช้ชีวิตอยู่กับท่าน”“ขอเพียงท่านไม่รังเกียจข้า ข้าพร้อมจะอยู่กับท่านตลอดไป”“แล้ววันหน้าข้าจะมีทายาทให้ท่าน เชื่อว่าอาจเพิ่มความสุขให้ชีวิตเรามากขึ้นอีก”เหวยป๋อจื่อได้ยินดังนี้ จึงหลุดปากหัวเราะลั่นออกมาเจี่ยนหลิงเยว่เพิ่งตระหนักว่าตนคงพูดสิ่งใดผิดไป จึงเขินอายจนก้มหน้าลงงุด จนคางแทบจะมุดเข้าหน้าอกอยู่แล้วสองมือยังบิดชายเสื้อเป็นพัลวัน หัวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆยามนี้นางนึกอยากกัดลิ้นตนเองตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด เหตุใดกระทั่งการมีลูกยังพูดออกจากปากได้นะพี่เหวยคงเห็นว่านางเป็นหญิงใจง่ายใฝ่ต่ำเป็นแน่แท้“พี่เหวย ท่านอย่าหัวเราะได้หรือไม่? ข้าจะถอนคำพูดโง่ๆ เมื่อครู่นี้ก็ได้”เจี่ยนหลิงเยว่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เสียงพูดยิ่งเบาราวกับยุงบินนางนึกว่าคงจะถูกเหวยป๋อจื่อตำหนิด้วยคำพูดรุนแรง ที่ไหนได้เขากลั
เหวยป๋อจื่อริมฝีปากเชิดขึ้น “ในเมื่อแม่นางเจี่ยนมีน้ำใจเชื้อเชิญ เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอปฏิเสธ”กล่าวพลางนั่งลงตรงข้ามเจี่ยนหลิงเยว่ในถาดนั้นได้วางชามสองใบและตะเกียบสองคู่มาอยู่แล้ว ความคิดของเจี่ยนป๋อจื่อ มีหรือเจี่ยนหลิงเยว่จะดูไม่ออกนางจึงยินดีที่จะไปตามน้ำ เชื้อเชิญเขาให้มาร่วมกินข้าวด้วยเมื่อเห็นเหวยป๋อจื่อนั่งอยู่ตรงข้ามตน แต่มิได้หยิบชามและตะเกียบขึ้นกินข้าวก่อน กลับจ้องมองนางไม่ละสายตาอยู่เช่นเดิมเจี่ยนหลิงเยว่ถูกสายตาอีกฝ่ายจ้องมองจนเขินอาย ต้องก้มหน้าลง“ท่านหมอดูเหวยเชิญกินก่อนเถิด อย่าได้มองข้าเช่นนี้เลย ข้าเขินจะแย่แล้ว”น้ำเสียงเจี่ยนหลิงเยว่ยิ่งพูดก็ยิ่งแผ่วเบา จนคำสุดท้ายคงมีแต่นางได้ยินเพียงผู้เดียวเหวยป๋อจื่อหัวเราะเบาๆ “แม่นางเจี่ยนอย่าได้เรียกข้าว่าหมอดูเหวยอีก ให้เรียกว่าพี่เหวยก็พอ”เจี่ยนหลิงเยว่พยักหน้าเล็กน้อยด้วยความขวยเขิน ในขณะที่เสียงหัวใจเต้น ‘โครมคราม’ ดังลั่น“ได้เจ้าค่ะ พี่เหวย”“มา อย่ามัวแต่พูดเลย รีบกินข้าวเถิด”เหวยป๋อจื่อกล่าว พร้อมคีบเนื้อชิ้นหนึ่งใส่ในชามเจี่ยนหลิงเยว่เจี่ยนหลิงเยว่ตื่นเต้นจนลนลาน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีบุรุษมาคีบ
จวบจนเวลานี้ พวกเขาจึงได้รู้ว่า ที่แท้ในหมู่บ้านชิงสุ่ยมิได้มีตาน้ำเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่นี่ก็มีตาน้ำเช่นกันเพียงแต่ภัยแล้งที่มีมาหลายปี ทำให้ตาน้ำถูกฝังอยู่ในใต้ดินลึกน้ำจึงไม่อาจผุดขึ้นมาเหนือดินเท่านั้นหากไม่เพราะฉู่จวินสิงบอกให้พวกเขาขุดหลุม เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีผู้ใดได้รู้ ว่าบริเวณนี้มีตาน้ำที่ผุดจากใต้ดินขึ้นมาทุกคนต้องจ้องมองไปที่หลุมแทบไม่กะพริบตา แต่เนื่องจากหลุมที่ชาวบ้านขุดมาค่อนข้างใหญ่ หลังจากน้ำผุดขึ้นมาแล้ว จึงถูกดินในหลุมนั้นกลบทับซ้ำอีกแต่พวกเขาก็ไม่เป็นกังวล เพราะขอเพียงขุดพบตาน้ำ น้ำในหลุมนี้ก็จะผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อนใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเค่อเท่านั้น น้ำใต้ดินก็ได้ผุดขึ้นมาสะสมจนเกือบครึ่งหลุมแล้วชาวบ้านต่างพากันโห่ร้องดีใจ และสายตาที่มองฉู่จวินสิงก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งยิ่งอวี๋ว่านเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ เขารีบหันไปคารวะต่อฉู่จวินสิง“ขอบคุณคุณชายฉู่ที่ช่วยเหลือ ทำให้หมู่บ้านชิงสุ่ยมีแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่ง”“เช่นนี้นับว่าดีมาก ต่อไปไม่ว่าเราจะปลูกผักหรือทำอาหาร จะได้มาใช้น้ำที่นี่อย่างสะดวก”ชาวบ้านต่างพากันโค้งคำนับขอบคุณฉู่จวิน