หลังจากที่คนในตระกูลคนอื่นได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ก็รู้สึกประหลาดใจในตัวตนคุณหนูใหญ่ของเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมากนางไม่ใช่คุณหนูรองที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้หรอกหรือนี่แต่หลังจากได้ยินเจี่ยนอันอันยืนกรานว่าจะไม่แต่งด้วยหากไม่ใช่เยียนอ๋อง พวกเขาก็รู้สึกประทับใจในความจริงใจของเจี่ยนอันอันช่างเป็นแม่นางที่จิตใจดีงามเหลือเกิน ยอมออกเรือนแทนน้องสาวของตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เลือกแต่งเข้ามาในจวนเยียนอ๋องของพวกเขายอมรับโทษเนรเทศไปตกระกำลำบากกับพวกตนอาศัยเพียงความจริงใจนี้ของนาง พวกเขาก็จะปฏิบัติต่อนางเสมือนสมาชิกในครอบครัวของตัวเองแล้วขณะนั้นเอง เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจค้นก็กลับมากันแล้วพวกเขายืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ รายงานต่อหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ว่า “รายงานท่านหัวหน้า คลังสมบัติในจวนเยียนอ๋องว่างเปล่าขอรับ”“ในห้องของเยียนอ๋องก็ว่างเปล่าเช่นกัน”“ในห้องของคนอื่นๆ ในตระกูลก็ว่างเปล่าเช่นกันขอรับ”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์นิ่งอึ้งไป คนในจวนเยียนอ๋องต่างก็อึ้งเช่นกันนี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาเก็บทรัพย์สินไว้ที่เดิมโดยไม่ได้ไปแตะต้องเลยนี่ แต่กลับไม่
ฮูหยินใหญ่เห็นดังนั้นก็คิดจะปราดเข้าไปขวางตรงหน้าฉู่จวินสิงนั่นคือลูกชายคนเล็กของนาง ยามนี้ถูกฮ่องเต้ทำร้ายจนถึงขนาดนี้แล้วตอนนี้แม้แต่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาช่างเหมือนดังคำกล่าวที่ว่าเสือตกที่นั่งลำบากยังถูกสุนัขรังแกโดยแท้ตอนนี้ถึงต้องแลกด้วยชีวิต นางก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำร้ายลูกชายนางเด็ดขาดเจี่ยนอันอันเห็นฮูหยินใหญ่จะพุ่งเข้าไปก็รีบดึงตัวอีกฝ่ายไว้“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นเจ้าค่ะ” เจี่ยนอันอันกระซิบข้างหูฮูหยินใหญ่ฮูหยินใหญ่หันกลับมามองเจี่ยนอันอัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงขัดขวางตนเองขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังพูดอยู่นั้นก็ตั้งท่าเตรียมจะซัดเข็มเงินอีกเล่มใส่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เข็มเงินในมือนางเล่มนี้เคลือบยาพิษเอาไว้ พอทิ่มแทงลงไปก็จะทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผู้นี้เป็นอัมพาตทั่วร่างทันทีถึงตอนนั้นนางก็สามารถใช้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์มาบีบบังคับทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ได้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ในยามนั้นเห็นว่ายังคงไม่มีใครก้าวออกมาเขาเงื้อดาบในมือขึ้นแล้วฟันลงบนร่างฉู่จวินสิงทันทีเห็นกับตาว่าคมดาบกำลังจะฟันล
คนเหล่านั้นยังคงร่ำร้องไม่หยุด คอยปลุกเร้าให้ชาวบ้านคนอื่น ๆ ด่าทอครอบครัวเยียนอ๋องให้ไสหัวออกไปจากแคว้นไท่ยวนแต่พวกเขาไม่กล้าโยนสิ่งของในมืออย่างแม่นยำเหมือนเดิมอีกแล้วพวกเจี่ยนอันอันถูกเหล่าทหารรักษาพระองค์ควบคุมตัวไปถึงนอกเมืองหลังออกไปนอกเมืองแล้วก็จะมีคนในครอบครัวที่มาบอกลารออยู่ที่นี่คนในครอบครัวเหล่านั้นจะนำอาหารและน้ำมาให้คนที่ถูกเนรเทศ เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่รับผิดชอบควบคุมตัวก็จะไม่ขัดขวางนี่เป็นกฎที่มีมาแต่ช้านาน ไม่เคยมีใครล่วงละเมิดมาก่อนเจี่ยนอันอันนึกว่าคงไม่มีคนจากจวนกั๋วกงมาส่ง แต่กลับเห็นรถม้าของจวนกั๋วกงคันหนึ่งจอดอยู่ข้างทางสาวใช้คนหนึ่งจูงสุนัขดุร้ายตัวหนึ่งเดินลงมาจากรถม้าเจี่ยนอันอันจำได้ว่าสาวใช้ผู้นี้คอยรับใช้เจี่ยนหลิงเยว่เจี่ยนอันอันเข้าใจแล้ว เจี่ยนหลิงเยว่คงส่งสาวใช้ผู้นี้มาแก้แค้นที่ทำให้ตนเองเสียโฉมเป็นแน่สาวใช้ลงมาจากรถม้าแล้วก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งให้สุนัขดุร้ายตัวนั้นเข้ามาขย้ำเจี่ยนอันอันทันทีเจ้าสุนัขตัวร้ายกระเหี้ยนกระหือรือมาแต่แรก ได้ยินคำสั่งของสาวใช้ก็กระโจนเข้าหาเจี่ยนอันอันทันทีเจี่ยนอันอันก้าวเท้าหลบการจู่โจมของสุนัขไ
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ในจวนเยียนอ๋อง พวกเขาค้นไม่เจอทรัพย์สมบัติเลยสักชิ้นตอนไปรายงานผลการปฏิบัติหน้าที่ เขาจะต้องถูกฮ่องเต้ลงโทษอย่างแน่นอนหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผูกใจเจ็บคนในครอบครัวเยียนอ๋องเพราะเรื่องนี้เองเดิมนั้นพวกเขานำชุดผ้าป่านเนื้อหยาบสำหรับให้คนในตระกูลเยียนอ๋องผลัดเปลี่ยนมาด้วยแต่ตอนริบทรัพย์กลับค้นไม่เจออะไร หัวหน้าทหารรักษาพระองค์จึงเปลี่ยนใจเขาจะปล่อยให้คนในตระกูลเหล่านี้ถูกเนรเทศทั้งที่ยังสวมชุดหรูหราเช่นนี้แหละเขาต้องการให้ทุกคนได้เห็นว่าคนที่ถูกเนรเทศเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งสิ้นดีที่สุดคือเจอโจรดักปล้นระหว่างทาง ถึงตอนนั้นเขาก็มีเรื่องสนุกให้ดูแล้วอย่างไรเสียฮ่องเต้ก็บัญชาไว้แล้วว่าพวกเขาแค่คุมคนไปส่งก็พอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างทาง พวกเขาไม่จำเป็นต้องออกโรงปกป้องรอจนไปถึงเมืองร้าง เขาค่อยให้คนเหล่านี้เปลี่ยนไปใส่ชุดผ้าป่านเนื้อหยาบให้พวกเขาใช้ชีวิตอันแสนลำเค็ญในถิ่นทุรกันดารไปเถอะในไม่ช้าเหล่าทหารรักษาพระองค์ก็เริ่มย่างเนื้อสุนัขกลิ่นหอมของเนื้อโชยมาเป็นระลอก ลอยมาเข้าจมูกของคนในตระกูลเยียนอ๋องพวกเขาเห็นทหารรักษาพระองค์กินเนื้อย่า
ฉู่จวินสิงในตอนนี้ราวกับศพศพหนึ่ง ทำได้เพียงปล่อยให้มือของเจี่ยนอันอันเคลื่อนไหวตามอำเภอใจไปบนร่างกายของตนเองหลังเจี่ยนอันอันทายาให้ฉู่จวินสิงอย่างรวดเร็วจนเสร็จ ก็นำยาแก้ปวดมาบดเป็นผงนางง้างปากฉู่จวินสิง เทผงยาแก้ปวดใส่ปากเขาฉู่จวินสิงอยากถ่มยาในปากทิ้งไป แต่กลับพบว่าการเคลื่อนไหวแค่นี้ยังกลายเป็นความยากเย็นแสนเข็ญสมองของเขาทำงานเร็วจี๋ สตรีผู้นี้ต้องการทำอันใดกันแน่ นางต้องการวางยาพิษเขาเช่นนั้นหรือ?หากเป็นเช่นนั้นจริง ถึงเขากลายเป็นผีก็จะไม่ยอมปล่อยนางไปแน่ขณะที่ฉู่จวินสิงคิดเหลวไหลอยู่ ก็เห็นว่ามือฉู่อันเจ๋อกำลังถือน้ำขวดหนึ่งเขากรอกน้ำในขวดใส่ปากฉู่จวินสิงน้ำและยาไหลผ่านลำคอลงไปในท้องของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงหรี่ตามองฉู่อันเจ๋อไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงร่วมมือกับสตรีผู้นี้มากรอกยาพิษให้เขาคนทั้งสองจดจ่ออยู่กับการป้อนยาให้ฉู่จวินสิงจนไม่ได้สังเกตว่าฉู่จวินสิงในตอนนี้ได้สติแล้ว ทั้งยังกำลังมองพวกตนอยู่หลังทำทั้งหมดนั้นเสร็จ เจี่ยนอันอันก็กล่าวกับฉู่อันเจ๋อว่า “เจ้าเฝ้าเขาไว้ให้ดี ไม่ว่าเขามีอาการอย่างไร เจ้าก็ต้องมาบอกข้าทันที”ฉู่อันเจ๋อพยักหน้าน้อย ๆ “ข้าเ
ภาพเหล่านี้ปรากฏเพียงไม่นานก็หายไปเจี่ยนอันอันรู้ว่านี่คือความสามารถในการล่วงรู้อนาคตของร่างเดิมตอนนี้นางทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้ ยังได้รับสืบทอดพลังของร่างเดิมแต่ความสามารถในการล่วงรู้อนาคตของร่างเดิมมีขีดจำกัด รู้ได้เพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสามวันข้างหน้าเท่านั้นภาพเมื่อครู่ทำให้เจี่ยนอันอันรู้ว่ากลุ่มคนชุดดำจะปรากฏตัวในค่ำคืนนี้แม้นางจะไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นคนส่งกลุ่มคนชุดดำนี้มา แต่พวกเขาต้องมีความเกี่ยวข้องกับทหารรักษาพระองค์พวกนี้แน่นอนหึ ทหารรักษาพระองค์พวกนี้ชอบแสร้งตายกันนักใช่หรือไม่ถ้าเช่นนั้นก็ให้พวกเขาได้ลิ้มรสความทรมานก่อนก็แล้วกันเจี่ยนอันอันแยกจากฮูหยินใหญ่แล้วมายังมุมที่ค่อนข้างมืดมุมหนึ่งครั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นตัวเอง เจี่ยนอันอันก็รำพึงในใจเงียบ ๆ ว่า ‘หายตัว’วินาทีถัดมานางก็หายไปแล้วเจี่ยนอันอันมายังกองทหารรักษาพระองค์ จากนั้นนำผงยาถ่ายออกมาจากช่องมิตินี่เป็นสิ่งที่นางใช้กับฮ่องเต้สุนัขไปเมื่อก่อนหน้านี้เดิมทีนางยังคิดระหว่างทางที่มาที่นี่อยู่เลยว่าจะอยู่ร่วมกับทหารรักษาพระองค์เหล่านี้แต่โดยดีทว่าดูจากตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วนางโรย
หากพวกผู้ใต้บังคับบัญชาพวกนั้นรู้เรื่องนี้เข้า วันหน้าเขาจะเป็นผู้นำของพวกเขาต่อไปได้อย่างไรเรื่องนี้จะกลายเป็นหัวข้อสนทนาในยามว่างอย่างไม่ต้องสงสัยเกรงว่าแม้แต่ตอนนอนก็อาจสะดุ้งตื่นเพราะเสียงหัวเราะครั้นเห็นเหล่าทหารรักษาพระองค์วิ่งมาทางนี้ หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ต้องรีบโบกมือไล่โดยพลัน“ไปทำธุระกันที่อื่น อย่ามารบกวนข้า!”ทหารรักษาพระองค์คนอื่น ๆ ไม่ได้รู้ว่าหัวหน้าของตัวเองถ่ายราดกางเกงและไม่คิดจะสงสัยเช่นกัน พวกเขาพากันวิ่งไปปลดทุกข์ที่อีกฝั่งของป่ารกร้างไม่นานก็เกิดเสียงผายลมสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้นในป่ารกร้างแห่งนี้ หลังจากที่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์จัดการธุระเสร็จ เขากลับมีเรื่องกลัดกลุ้มใจตามมาเขาจะกลับไปอย่างไรดี จะให้สวมกางเกงที่มี ‘คราบทองคำ’ เปรอะเปื้อนก็คงไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ เสร็จธุระแล้วสวมกางเกงเพื่อเตรียมจะกลับไปทว่าพวกเขายังไม่ได้ทันจะได้เยื้องย่าง ท้องก็เริ่มปวดบิดขึ้นมาอีกครั้ง“ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าต้องทำธุระต่อ พวกเจ้ากลับไปเฝ้ายามก่อนเถอะ”“ข้านั่งจนขาชาไปหมดแล้ว แต่ท้องก็ยังไม่หายปวดสักที”“มันเพราะอะไรกันแน่ หรือว่าเนื้อสุนัขตัวนั้นจะ
เจี่ยนอันอันตอบหลังจากที่ป้อนน้ำตาลกลูโคสให้ฉู่จวินสิงเสร็จเรียบร้อย “บาดแผลของพี่รองเจ้าค่อนข้างสาหัส อวัยวะภายในได้รับความเสียหาย กระดูกซี่โครงหักไปสี่ซี่”“หลังจากคืนนี้จะฟื้นหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาแล้ว”ถ้อยคำของเจี่ยนอันอันทำให้ฉู่อันเจ๋อกังวลในทันที“ท่านหมายความว่าพี่รองกำลังจะตายหรือ?” ฉู่อันเจ๋อคว้าแขนของเจี่ยนอันอันอย่างตื่นตระหนก “พี่สะใภ้รอง ในเมื่อท่านเป็นคนสกุลฉู่ของเราแล้ว ข้าขอร้องท่านให้ช่วยพี่รองด้วยเถิด”เจี่ยนอันอันชักแขนออก และทำท่าทางพร้อมทำสียง “ชู่ว” เพื่อให้ฉู่อันเจ๋อใจเย็นลงเมื่อครู่นี้เขาพูดเสียงดังปานนั้น หากถูกฮูหยินใหญ่ได้ยินเข้าคงตกใจกลัวเป็นแน่แท้เจี่ยนอันอันกล่าวปลอบว่า “เจ้าวางใจเถิด มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะไม่ให้เขาตายไวขนาดนั้นแน่ แต่อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงไม่น้อยเลย ต้องขึ้นอยู่กับแรงใจของเขาด้วย หากเขามีแรงใจที่เข้มแข็ง พรุ่งนี้เช้าก็จะฟื้น หรือมิเช่นนั้นก็จะหลับใหลไปตลอดกาล”ฉู่อันเจ๋อเบาใจลงเมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าพี่รองจะไม่ตาย อย่างมากสุดก็แค่หลับไม่ฟื้นขอเพียงพี่รองยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ต้องมีหนทางรักษาเขาให้หายดีแน่นอน
ขณะที่ถังหมิงเซวียนได้ยินเจี่ยนอันอันเอ่ยชื่อสมุนไพรหลายชนิดนั้น เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าสมุนไพรเหล่านี้จะนำมาปรุงเป็นยาเม็ดได้หรืออาจกล่าวได้ว่าสรรพคุณของสมุนไพรเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะปรุงเป็นยาชนิดใดได้ต่อให้นำมาผสมรวมกัน ก็ไม่เกิดสรรพคุณในการรักษาโรคใดๆแต่เมื่อเห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของเจี่ยนอันอัน ถังหมิงเซวียนก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะอย่างน้อยเขาก็เห็นกับตา ยาที่เมื่อครู่เจี่ยนอันอันมอบให้ชาวบ้านกินนั้น ล้วนเห็นผลอย่างชัดเจนทุกคนหลังจากกินยาแล้ว ต่างก็ไม่มีอาการไออีกเขาจึงถือโอกาสที่สวีจงฉือกลับไปเอาสมุนไพร ตรวจชีพจรให้ชาวบ้านไปพลางนั่นยิ่งทำให้เขาประหลาดใจ ที่อาการของวัณโรคเริ่มดีขึ้นตามลำดับทั้งคู่จึงนั่งยองๆ ที่ข้างทาง คอยคุมไฟเอาไว้ เพื่อปรุงยาให้ชาวบ้านผู้คนที่ยืนรออยู่ด้านข้าง ต่างก็จ้องมองหม้อต้มยาสองใบตาไม่กะพริบเช่นกันมีคนแอบพูดเสียงเบา “ทีนี้ยิ่งดีใหญ่ มีหมอเทวดาสองคนมาช่วยเรา โรคของพวกเรามีหวังหายแล้ว”เจี่ยนอันอันต้มยาไปพลาง เงยหน้าขึ้นมองสวีจงฉือ“รบกวนคุณชายสวีไปเรียกคนมาเพิ่มอีก”เจี่ยนอันอันกล่าวพร้อมยื่นลำโพงขยายเสียงให้แก่
บางคนปิดจมูกเดินออกมา พลางคิดในใจ ผู้หญิงที่ไหนหนอช่างมีเสียงดังถึงเพียงนี้ขนาดพวกเขาอยู่ในบ้านแท้ๆ ยังได้ยินชัดเจนและแม่นางผู้นั้นยังกล่าวอะไรอีก บอกว่าหากไม่รีบรักษา อีกสามวันจะต้องเสียชีวิตแน่นอนทำเอาผู้คนอกสั่นขวัญแขวนจนต้องรีบวิ่งออกจากบ้านมา จึงได้เห็นในมือเจี่ยนอันอันถือสิ่งของที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตและเสียงก้องกังวานก็มาจากสิ่งนี้นี่เองทุกคนที่ออกมานั้นต่างมีอาการไอเกิดขึ้นบางคนไอจนหน้าดำหน้าแดง คล้ายเจียนสำลักตายอยู่รอมร่อ“ท่านแม่ เราจะตายจริงหรือ?” มีเด็กชายผู้หนึ่งเดินออกมา แต่เพิ่งกล่าวจบก็ไอหนักเช่นกันใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผู้เป็นมารดารีบก้มตัวลง พร้อมตบหลังของเด็กชายแต่อาการนางก็ใช่ว่าจะดีกว่า ตบได้ไม่กี่ที ตนเองก็ไอตามลูกบ้างเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ผล เริ่มมีคนทยอยออกจากบ้านมาเรื่อยๆและต่างก็รุมล้อมเข้ามา เพื่อจะดูว่าเจี่ยนอันอันจะพูดอะไรต่อเจี่ยนอันอันปิดเสียงลำโพงก่อน จึงได้ตะโกนต่อหน้าทุกคน “ข้ากับคุณชายท่านนี้ล้วนเป็นหมอ มาเพื่อช่วยรักษาโรคของพวกท่าน”หลายคนต่างไม่เชื่อ เพราะพวกเขาไอมาหลายวันแล้ว อีกทั้งเข้าเมือง
และเมื่อพวกเขาไปถึงห้องลับที่เจี่ยนอันอันบอก กลับพบร่างผู้ตายสิบกว่าศพที่เริ่มเน่าเหม็นแล้วอีกทั้งในส่วนหน้าอกตรงหัวใจของทุกศพ ก็กลายเป็นรูโบ๋เต็มไปด้วยเลือดคั่งด้านบนยังมีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยดูจากการแต่งกายของศพสิบกว่าศพนั้น ฉู่จวินสิงค่อนข้างมั่นใจว่าพวกนางคงเป็นคนในครอบครัวผู้ว่าการแห่งจงโจวเป็นแน่โชคดีที่พวกเขากลับมาอำเภอไถหยางก็เห็นเจี่ยนอันอันกลับมาก่อนแล้วเพียงแต่ไม่นึกว่า สุดท้ายยังเกิดเรื่องที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นนั่นคือเจี่ยนอันอันหลงกลกู้มั่วหลีเข้า จนเกือบถูกเขาวางยาพิษจนเสียชีวิตเจี่ยนอันอันตั้งใจฟังคำบอกเล่าของฉู่จวินสิงแม้ว่าเขาจะพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่นางก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายมีร่างกายที่สั่นระริก นั่นเพราะเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้นางประสบเคราะห์ร้ายฉู่จวินสิงกุบมือเจี่ยนอันอันไว้แน่น ด้วยเกรงว่าหากปล่อยมือ นางจะอันตรธานหายไปจากเขาอีกเจี่ยนอันอันเอาศีรษะซบที่ไหล่ฉู่จวินสิง มืออีกข้างหนึ่งยังโอบตัวเขาไว้ด้วยภาพที่ทั้งคู่อิงแอบแนบชิด ทำเอาถังหมิงเซวียนนึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาว่าแล้วก็หันหน้าไปทางอื่น ไม่กล้ามองพวกเขาตรงๆ อีกรถม้าวิ่งไปในระยะท
เกิดทำให้พวกเขาติดเชื้อด้วย คงจะยิ่งไม่ดีหนำซ้ำยาป้องกันของนางก็มีไม่มากนัก ควรต้องใช้อย่างประหยัดหน่อยนางจึงหันไปมองฉู่จวินสิง พร้อมหารือกับเขา “ให้เหยียนเซ่ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยก่อน พวกเราเข้าเมืองกันเองก็พอ”ฉู่จวินสิงไม่คัดค้าน เพราะถ้าไปกันหลายคนก็วุ่นวายเช่นกันโดยเฉพาะยังมีพวกจ้าวอู่ ยิ่งไม่ควรติดตามไปด้วยเพราะหากพบเจอกู้มั่วหลีเข้า ไม่แน่พวกเขาอาจจะถูกปองร้ายอีกฉู่จวินสิงจึงกล่าวต่อเหยียนเซ่า “เจ้าขับรถม้าพาคนเหล่านี้กลับไปก่อน พวกข้าจะเข้าเมืองไปสักครั้ง”เหยียนเซ่าไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะไปทำอะไรในเมือง จึงคิดติดตามไปด้วย แต่กลับถูกฉู่จวินสิงยกมือขึ้นห้ามไว้“ทำตามคำสั่งข้า!” ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงเย็นชา เหยียนเซ่าจึงไม่กล้าพูดต่ออีกทุกคนพากันขึ้นรถม้า โดยมีเหยียนเซ่าเป็นคนขับ แล้วเดินทางจากไปเจี่ยนอันอันให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมไปนำรถม้ามาอีกคัน และนางก็ให้เงินเถ้าแก่ไปก้อนหนึ่งเถ้าแก่โรงเตี๊ยมรับเงินไปด้วยความดีใจ เพียงไม่นานก็นำรถม้ามาคันหนึ่ง“ท่านต้องการสิ่งใดอีก เชิญสั่งข้ามาได้เลยขอรับ” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมมองเจี่ยนอันอันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มถ้าเจี่ยนอันอันมีงานใช้ใ
สวีจงฉือเห็นสภาพอ่อนแอของเจี่ยนอันอัน พร้อมใบหน้าซีดเซียวของนาง พลันรู้สึกปวดใจยิ่งหากว่าผู้ที่อยู่เคียงข้างคอยดูแลนางตลอดก็คือเขา คงจะดีไม่น้อยยามนี้เขารู้สึกริษยาฉู่จวินสิงเป็นอย่างมาก แต่ภายนอกไม่กล้าแสดงสีหน้าผิดปกติออกมาให้ใครเห็นเจี่ยนอันอันเหลียวมองสวีจงฉือ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงตามมาด้วยแต่ตอนนี้นางไม่อยากคิดอะไรทั้งสิ้น เพียงต้องการพักผ่อนสักครู่รอให้ร่างกายฟื้นฟูเป็นปกติดีแล้ว ค่อยไปคิดบัญชีกับกู้มั่วหลีใหม่เพราะตอนนี้นางรู้แล้วว่า ตราบใดที่กู้มั่วหลียังอยู่ บัญชีนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสะสางกับเขาให้ดีแน่เจี่ยนอันอันค่อยๆ ปิดตาลง นางบอกให้พวกฉู่จวินสิงสามคนอย่าได้รบกวนนางชายหนุ่มทั้งสามจึงได้แต่ยืนอยู่ในห้องเงียบๆผ่านไปครู่ใหญ่ เจี่ยนอันอันจึงค่อยลืมตาขึ้นมานางรู้สึกฟื้นฟูกำลังแล้ว จึงรีบลุกขึ้นนั่ง“ข้าจะเข้าเมืองไปคิดบัญชีกับกู้มั่วหลี!”บังอาจใช้ยาพิษร้ายแรงกับนาง นางจะไม่ยอมปล่อยเขาเด็ดขาดเจี่ยนอันอันพูดพลางกัดฟันกรอด พร้อมลงจากเตียงถังหมิงเซวียนเพิ่งสบโอกาสได้เอ่ยปากพูดบ้าง “แม่นางเจี่ยน ก่อนหน้านี้ข้าไปซื้อสมุนไพรในตัวเมือง เห็นผู้คนที่นั่นล้ว
เจี่ยนหลิงเยว่ตกใจจนหน้าซีดเผือด ใบหน้าซึ่งเดิมก็ถูกเกาจนผิวแตกเป็นริ้วๆ บัดนี้ยิ่งดูน่าเกลียดเข้าไปใหญ่เจี่ยนอันอันมิได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย เพราะคนบ้าคลั่งเช่นกู้มั่วหลี เป็นไปไม่ได้ที่จะดีต่อเจี่ยนหลิงเยว่อยู่แล้วและตอนนี้นางก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดกู้มั่วหลีจึงพาเจี่ยนหลิงเยว่มาที่นี่สาเหตุเพราะเจี่ยนหลิงเยว่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับนาง จึงถูกกู้มั่วหลีหมายปองเข้าเมื่อเจี่ยนอันอันมองไปยังกู้มั่วหลี ก็สังเกตเห็นว่าดูเหมือนเขาจะถอนพิษในตัวได้แล้วซึ่งข้อนี้ทำให้นางไม่สบายใจเป็นอย่างมากนั่นแสดงว่ายาพิษที่นางปรุงออกมา สำหรับกู้มั่วหลีแล้ว ฤทธิ์ยายังเบาเกินไปและทันใดนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็ได้เสียงฉู่จวินสิงเรียกนางอยู่“อันอัน รีบตื่นขึ้นมาเถิด อย่านอนอีกเลย”เจี่ยนอันอันได้ยินเสียงเรียกของฉู่จวินสิง พลันร่างกายคล้ายถูกผลักดันด้วยพลังบางอย่างนางยังคิดจะอยู่ดูเรื่องสนุกต่ออีก แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟังคำสั่งเสียแล้วนางจึงรีบออกจากห้องนั้นมา ฉับพลันเบื้องหน้าก็เห็นแสงสว่างจ้าเจี่ยนอันอันต้องรีบหลับตาลง จนกระทั่งลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จึงพบว่าได้กลับมาสู่ร่างกายของตนอีกครั้ง
เจี่ยนอันอันไม่ได้กรีดร้อง นางหยิบตะบันไฟออกมาเพื่อส่องแสงสว่างอย่างสงบนิ่งนางเห็นว่าตนเองกำลังยืนอยู่บนสะพานแห่งหนึ่ง ใต้สะพานมีสายน้ำไหลเอื่อย พร้อมเสียงน้ำที่กระทบดังซ่า ๆในหัวของเจี่ยนอันอันปรากฏคำว่า ‘สะพานไน่เหอ[1]’ ขึ้นมาในทันทีแต่นางก็รีบปัดความคิดนั้นออกไปเจี่ยนอันอันเดินลงจากสะพาน มุ่งหน้าไปยังเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วไม่นาน นางก็เห็นแสงสว่างส่องอยู่ไกล ๆนางรีบเดินไปยังทิศทางของแสงนั้น เมื่อไปถึงจุดสว่าง ก็เห็นประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิทอยู่แสงสว่างทั้งหมดส่องลอดออกมาจากด้านในของประตูเจี่ยนอันอันดีใจ นางคิดว่าหากเปิดประตูบานนี้ได้ อาจจะสามารถออกจากที่แห่งนี้ได้เจี่ยนอันอันรวบรวมแรงทั้งหมดผลักประตู เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นก่อนที่ประตูบานใหญ่จะเปิดออกภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือลานเรือนกว้างใหญ่เจี่ยนอันอันรู้สึกว่าลานเรือนแห่งนี้ดูคุ้นตา ราวกับว่านางเคยมาเยือนที่นี่ไม่นานนางก็ได้ยินเสียงของเจี่ยนหลิงเยว่ดังขึ้น“คุณชายกู้ ข้ารู้ว่าผิดไปแล้ว ท่านได้โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด”เจี่ยนอันอันเดินตามเสียงนั้นไป นางพบว่าตัวเองสามารถเดินทะลุกำแพงได้ไม่นานนางก็เข้าไปในห้องแห่งหนึ่
ถังหมิงเซวียนมาถึงเรือนหลัง เขานำหม้อต้มยาออกมาวางลงบนพื้นจากนั้นหยิบห่อสมุนไพรหลายห่อออกมา ใส่ลงในหม้อต้มยา แล้วจุดไฟใต้เตาเพื่อเริ่มการต้มยาเจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นถังหมิงเซวียนต้มยาที่เรือนหลัง จึงเอ่ยว่า “เจ้าต้มยาก็ระวัง ๆ หน่อยนะ อย่าให้โรงเตี๊ยมของข้าติดไฟ”ถังหมิงเซวียนเหลือบตามองเจ้าของโรงเตี๊ยมโดยไม่พูดอะไรกระบวนการต้มยานั้นยุ่งยากและซับซ้อน เขาต้องแบ่งสมุนไพรใส่ทีละส่วนความร้อนก็ต้องควบคุมให้พอเหมาะ หากไม่ระวังเพียงนิดเดียว ยาจะไหม้ได้อากาศที่ร้อนอบอ้าว เมื่อรวมกับไอร้อนจากกองไฟ ผ่านไปไม่นานหน้าผากของถังหมิงเซวียนมีเหงื่อไหลซึมออกมาเขาใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อไม่ละสายตาจากหม้อต้มยาแม้แต่น้อยหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดยาถอนพิษก็ปรุงสำเร็จถังหมิงเซวียนขอถ้วยใบหนึ่งจากเจ้าของโรงเตี๊ยม แล้วเทยาถอนพิษลงในถ้วยเขาจัดเก็บหม้อต้มยา ใช้น้ำดับไฟให้สนิท แล้วเตะกองไฟที่ดับแล้วไปที่มุมหนึ่งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็ถือถ้วยยาขึ้นไปยังชั้นสองสวีจงฉือเห็นถังหมิงเซวียนกลับมาแล้ว ในมือของเขาถือถ้วยยาสีดำสนิทสวีจงฉือช่วยเคาะประตูเรียกเมื่อฉู่จวินสิงเปิดประตูออก
สวีจงฉือเห็นถังหมิงเซวียนไม่พูดอะไร เพียงแต่มองไปที่สมุนไพรเขาจึงคิดไปเองว่าถังหมิงเซวียนอาจกังวลว่าสมุนไพรแพงเกินไป ไม่มีเงินพอที่จะซื้อสมุนไพรมากขนาดนั้นเขารีบพูดขึ้นว่า “คุณชายไม่ต้องกังวลเรื่องค่ายา ร้านยาจี้เฉ่าถังแห่งนี้เป็นของเจี่ยนอันอัน ท่านเพียงบอกชื่อสมุนไพรมาข้าจะจัดให้”ถังหมิงเซวียนไม่คาดคิดเลยว่าร้านขายยาจี้เฉ่าถังที่ใหญ่ขนาดนี้จะเป็นของเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าสวีจงฉือกำลังจะหยิบสมุนไพรเพิ่ม เขาจึงรีบกล่าวว่า “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว มากไปจะเป็นการสิ้นเปลือง”ถังหมิงเซวียนร้อนใจอยากจะนำสมุนไพรกลับไป จึงไม่ได้พูดคุยอะไรกับสวีจงฉือเพิ่มเติมเขาหยิบห่อสมุนไพรหลายห่อแล้วหันหลังเตรียมจะออกไป“คุณชายโปรดรอก่อน” สวีจงฉือรีบรุดออกมาจากด้านหลังโต๊ะคิดเงินเขาเรียกถังหมิงเซวียนไว้ กล่าวอย่างไม่แน่ใจนักว่า “คุณชายช่วยพาข้าไปยังอำเภอไถหยางด้วยได้หรือไม่ ข้าอยากไปดูว่าเถ้าแก่ของข้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”ถังหมิงเซวียนคิดในใจว่าร้านจี้เฉ่าถังเป็นของเจี่ยนอันอัน แถมสมุนไพรทั้งหมดนี้เขายังไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะเดียวเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอของอีกฝ่าย“ได้สิ ถ้าเช่นนั้