แต่เนื่องจากเมื่อคืนเหวยป๋อจื่อจากไปอย่างเร่งรีบ จึงทำให้นางไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากแต่บัดนี้เมื่อเขามาถามอีก นางจึงคิดบอกกล่าวความในใจให้เขารู้เสียนางมองหน้าเขาด้วยดวงตาหวานซึ้ง หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ในที่สุดจึงรวบรวมความกล้าแล้วกล่าวออกมา“พี่เหวย เมื่อคืนข้าได้คิดดูแล้ว ข้ายินดีใช้ชีวิตอยู่กับท่าน”“ขอเพียงท่านไม่รังเกียจข้า ข้าพร้อมจะอยู่กับท่านตลอดไป”“แล้ววันหน้าข้าจะมีทายาทให้ท่าน เชื่อว่าอาจเพิ่มความสุขให้ชีวิตเรามากขึ้นอีก”เหวยป๋อจื่อได้ยินดังนี้ จึงหลุดปากหัวเราะลั่นออกมาเจี่ยนหลิงเยว่เพิ่งตระหนักว่าตนคงพูดสิ่งใดผิดไป จึงเขินอายจนก้มหน้าลงงุด จนคางแทบจะมุดเข้าหน้าอกอยู่แล้วสองมือยังบิดชายเสื้อเป็นพัลวัน หัวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆยามนี้นางนึกอยากกัดลิ้นตนเองตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด เหตุใดกระทั่งการมีลูกยังพูดออกจากปากได้นะพี่เหวยคงเห็นว่านางเป็นหญิงใจง่ายใฝ่ต่ำเป็นแน่แท้“พี่เหวย ท่านอย่าหัวเราะได้หรือไม่? ข้าจะถอนคำพูดโง่ๆ เมื่อครู่นี้ก็ได้”เจี่ยนหลิงเยว่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เสียงพูดยิ่งเบาราวกับยุงบินนางนึกว่าคงจะถูกเหวยป๋อจื่อตำหนิด้วยคำพูดรุนแรง ที่ไหนได้เขากลั
“ที่ใด?” เจี่ยนหลิงเยว่กะพริบดวงตากลมโตรูปเมล็ดซิ่งพลางมองเหวยป๋อจื่อเหวยป๋อจื่อพูด “เจ้าไม่สามารถไปห้องที่ลึกที่สุดของเรือนตะวันออก ยามนี้คุณชายกู้กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น”ครั้นได้ยินว่ากู้มั่วหลีพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น เจี่ยนหลิงเยว่ก็รีบพยักหน้าหงึกหงักทันที“ข้าเข้าใจแล้ว พี่เหวยวางใจได้ ข้าจะไม่ไปทางนั้นแน่นอน”พูดเป็นเล่น ตอนนี้นางหลบกู้มั่วหลียังแทบไม่ทัน แล้วจะเป็นฝ่ายไปหาเขาที่นั่นได้อย่างไรเล่าถ้าเกิดเหวยป๋อจื่อรู้เรื่องระหว่างนางกับกู้มั่วหลีขึ้นมา เขาจะต้องรังเกียจนางเดียดฉันท์นางอย่างมากเป็นแน่ดังนั้น นางจะปล่อยให้เหวยป๋อจื่อรู้เรื่องนั้นไม่ได้เด็ดขาดหวังว่ากู้มั่วหลีจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นด้วยเหมือนกันเหวยป๋อจื่อหัวเราะเบาๆ แล้วเปิดประตูก้าวยาวๆ จากไปเจี่ยนหลิงเยว่ก็ออกไปเช่นกัน นางไม่ได้เดินตามเหวยป๋อจื่อ แต่เดินไปอีกทิศทางหนึ่งนางต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นี่เสียก่อน อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่นางจะพักอยู่ต่อไปในวันหน้าเหวยป๋อจื่อประคองถาดเข้าไปในครัวแล้วก็เทสิ่งของในถาดลงในกองไฟจนมอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีในไม่ช้า เขาก็ไปที่เรือนตะวั
คำพูดของกู้มั่วหลีดึงดูดความสนใจของเหวยป๋อจื่อได้สำเร็จเขาอยากรู้นักว่าเจี่ยนอันอันมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นกันแน่ถึงได้ทำให้ฉู่จวินสิงและกู้มั่วหลีหลงใหลนางถึงเพียงนี้หลังจากเหวยป๋อจื่อนำยามาส่งแล้วก็ไม่ได้คิดจะรั้งอยู่นานเขาบอกให้กู้มั่วหลีพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนตะวันออกให้ดีแล้วหมุนกายก้าวยาวๆ จากไป……เจี่ยนอันอันนั่งตากลมเย็นอยู่ในลานเรือน มองดูฉู่จื่อซีวิ่งไล่ตามนกแร้งสองตัวไปมาอยู่ในลานเรือนนกแร้งสองตัวนั้นบินจนเหนื่อยแล้วก็บินมาเกาะบนไหล่ของเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงกลัวว่าเจี่ยนอันอันจะถูกกรงเล็บของนกแร้งขยุ้มจนบาดเจ็บ ขณะกำลังจะเข้ามาไล่นกแร้งก็ถูกเจี่ยนอันอันแสดงท่าทางบอกเป็นเชิงว่าอย่าเคลื่อนไหวส่งเดชอย่างไรเสีย นกแร้งสองตัวนี้ก็ได้ฉู่ชางเหยียนเลี้ยงมา นิสัยย่อมจะชั่วร้ายเจ้าเล่ห์เหมือนฉู่ชางเหยียนไม่มากก็น้อยแม้ว่าพวกมันจะถูกฉู่จื่อซีทำให้เชื่องลงแล้ว แต่ธาตุแท้ก็หาได้เปลี่ยนไปไม่หากฉู่จวินสิงเข้ามาไล่ปุบปับ เกรงว่าอาจทำให้พวกมันตกใจและจะต้องโจมตีนางกับฉู่จวินสิงแน่นอนนางไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอกนะตอนนี้นกแร้งสองตัวนี้ยอมบินมาเกาะบนไหล่นางก็ถือว่า
เมื่อกวนซินได้ยินอาการเสียสติของรัชทายาท น้ำตาก็พลันไหลพรากลงมาทรวงอกนางเหมือนถูกก้อนหินขนาดใหญ่อุดเอาไว้ ทำให้นางหายใจได้ค่อนข้างลำบาก“อันอัน ทุกสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ?”กวนซินยังไม่ค่อยกล้าเชื่อนัก แต่เห็นสีหน้าจริงจังของเจี่ยนอันอันแล้ว นางก็ยิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเองหลายคืนที่ผ่านมานางเอาแต่ฝันร้าย มักฝันเห็นภาพที่รัชทายาทถูกบั่นศีรษะนางเป็นห่วงความปลอดภัยของรัชทายาทเป็นอย่างมากมาโดยฃตลอด แต่ยามนี้นางถูกเนรเทศมาที่เมืองอินเป่ย ไม่อาจกลับไปอยู่เคียงข้างรัชทายาทได้เลยหากทำได้ นางหวังจริงๆ ว่าคนที่ถูกขังไว้ในคุกหลวงคือนาง ไม่ใช่รัชทายาทเห็นกวนซินยืนน้ำตานองหน้าด้วยความโศกเศร้าอยู่ตรงนั้น เจี่ยนอันอันดึงนางมานั่งลงข้างๆ ตนเองฉู่ตั๋วตั่วเห็นกวนซินร้องไห้ นางก็เสียใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาเพื่อไม่ให้ฉู่ตั๋วตั่วรู้เรื่องมากเกินไป เจี่ยนอันอันจึงให้สี่เอ๋อร์พาฉู่ตั๋วตั่วไปที่ครัว ให้นางฝึกปรุงยาพิษด้วยตนเองอย่างไรเสียมีนางอยู่ด้วย ต่อให้ฉู่ตั๋วตั่วไม่ระวังไปถูกพิษเข้า นางก็มีวิธีรักษาฉู่ตั๋วตั่วฉู่ตั๋วตั่วตามสี่เอ๋อร์ไปที่ห้องครัว มีหม้อต้มยาสองใบวางอยู่ที่นั่น
“อันอัน พวกเจ้าทำเพื่อข้ากับรัชทายาทมามากพอแล้ว ข้าไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณเจ้ากับคุณชายฉู่อย่างไรดี”กวนซินว่าแล้วก็ลุกขึ้น คุกเข่าลงตรงหน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเสียงดัง“ข้าไม่อาจทำอันใดเพื่อพวกเจ้าได้เลย ทำได้แค่โขกศีรษะไม่กี่ครั้งเพื่อตอบแทนบุญคุณของพวกเจ้า”กวนซินว่าแล้วก็ตั้งท่าจะโขกศีรษะให้คนทั้งสองอย่างหนักหน่วงเจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาประคองกวนซิน“พี่หญิงกวน ท่านอย่าทำเช่นนี้ ท่านโขกศีรษะให้พวกข้า จะทำให้พวกข้าอายุสั้นเอานะ”กวนซินได้เจี่ยนอันอันช่วยประคองขึ้นมา จมูกแสบร้อน น้ำตาไหลพรากลงมาอีกครั้งแม้ว่ารัชทายาทจะถูกขังไว้ในคุกหลวง แต่ยังดีที่เขายังไม่ถูกบั่นศีรษะส่วนสาเหตุที่เขาแกล้งเสียสติ จะต้องเป็นเพราะไม่ต้องการบอกความลับเรื่องนั้นต่อฉู่ชางเหยียนเป็นแน่ขณะที่คนที่รัชทายาทรักมากที่สุดก็คือกวนซิน ความลับอันใดล้วนบอกนางจนหมดสิ้นน่าเสียดายที่รัชทายาทไม่ใช่คนโหดร้ายอำมหิตเหมือนฉู่ชางเหยียนที่คิดแต่จะแย่งชิงอำนาจและก็เป็นเพราะรัชทายาทใจไม่เหี้ยมพอนี่เอง จึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพปัจจุบันเรื่องมาถึงขั้นนี้ กวนซินก็ไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไปนางนั่งลงข้างกา
หลังจากบริวารถอยออกไปไกลแล้ว อดีตฮ่องเต้จึงตรัสอย่างมีนัยลึกซึ้งว่า “สุขภาพของเราไม่เหมือนวันวานอีกแล้ว เกรงว่าคงมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน”ฉู่เทียนหัวได้ยินดังนั้นก็ลงมาจากหลังม้า คุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์อดีตฮ่องเต้ทันที“เสด็จพ่อ สุขภาพท่านแข็งแรงมาโดยตลอด อย่าพูดเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”อดีตฮ่องเต้โบกมือเบาๆ “ร่างกายเรา เรารู้ดีที่สุด”“สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ ด้วยนิสัยของฉู่ชางเหยียน จะต้องแสร้งเป็นมาเยี่ยมเราในวังในยามที่เราป่วยหนักเป็นแน่”“เจ้าจะปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนยึดอำนาจชิงบัลลังก์ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด หากเขากล้าคิดก่อกบฏชิงบัลลังก์”“เจ้าห้ามเมตตาใจอ่อนต่อเขาเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”ฉู่เทียนหัวรีบตอบรับว่า “เสด็จพ่อ ลูกเข้าใจแล้ว”อดีตฮ่องเต้ดูออกว่ารัชทายาทฉู่เทียนหัวหาได้มีจิตใจโหดเหี้ยมเหมือนฉู่ชางเหยียนไม่เขากังวลเหลือเกินว่าภายภาคหน้าฉู่เทียนหัวจะรับมือฉู่ชางเหยียนไม่ได้อดีตฮ่องเต้ล้วงป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาจากในอกเสื้อแล้วกล่าวกับฉู่เทียนหัวว่า “หากวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เจ้าจะต้องรักษาบัลลังก์เอาไว้ให้ได้ ห้ามปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนแย่งชิงไปได้โดยเด็ดขาด”
ถึงตอนนั้นเมื่อใด ยิ่งได้รับความช่วยเหลือจากแคว้นหนิงชวน การจะชิงอำนาจปกครองกลับคืนมาก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายดายขึ้นเพียงแต่พวกเขาจะไปหาป้ายประกาศิตสวรรค์ได้จากที่ใด?หากกวนซินยอมเปิดเผยเรื่องป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาให้รู้ ก่อนที่พวกเขาจะไปเมืองจิงโจว พวกเขาก็อาจจะไปคุกหลวง ซักถามรัชทายาทฉู่เทียนหัวได้บ้างแต่บัดนี้พวกเขาได้กลับมาแล้ว คงไม่อาจย้อนกลับไปเมืองจิงโจวภายในเวลาอันสั้นอีกซ้ำที่นั่นก็กำลังวุ่นวายอยู่ หลังเกิดเหตุคลังหลวงถูกโจรกรรม ได้ทำให้ฉู่ชางเหยียนโกรธกริ้วเป็นอย่างมากบวกกับพวกเขาได้ช่วยเหลือบริวารที่อยู่ในคุกหลวงออกมาหมดผ่านไปหลายวัน ป่านนี้ฉู่ชางเหยียนคงรับรู้เรื่องราวแล้วย่อมต้องเพิ่มความเข้มงวดในการคุ้มกันคุกหลวงให้มากขึ้นอีกหากทั้งคู่บุ่มบ่ามกลับไปยังคุกหลวงอีกครั้ง ดีไม่ดีอาจถูกฉู่ชางเหยียนจับกุมตัวได้เรื่องนี้เห็นทีจะต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงต่างสบตากัน ทั้งคู่ล้วนเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายจากสายตาที่จ้องมองเจี่ยนอันอันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่ง ยื่นส่งให้กวนซิน“พี่กวนซินวางใจได้ เรื่องนี้ข้ากับจวินสิงจะไม่เปิดเผยแม้แต่คำเดียว”
เจี่ยนอันอันยังคงงัวเงีย รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับมือของนางและบังคับให้นางกดนิ้วลงบนบางสิ่งบางอย่างนางตอบสนองทันทีด้วยการฟาดฝ่ามือกลับไปเต็มแรงทันใดนั้นก็มีเสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้นตามด้วยเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของชายวัยกลางคน“นังเด็กอกตัญญู กล้าดียังไงมาทำร้ายบิดาของเจ้า! ข้าจะส่งเจ้าไปหามารดาที่ตายไปแล้วของเจ้าเดี๋ยวนี้!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของนางพลันเย็นเยียบทันทีคนบ้าอะไรกล้าด่าแม่ของนางเช่นนี้ รนหาที่ตาย!เจี่ยนอันอันลืมตาขึ้นทันที เห็นชายแปลกหน้าในชุดโบราณกำลังเงื้อมมือขึ้นหมายจะฟาดหน้านางเจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของชายคนนั้นเต็มแรงชายคนนั้นถูกเตะจนถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะหยุดลงได้ในฐานะที่เป็นกั๋วกงแห่งแคว้นไท่ยวน ถูกบุตรีแท้ ๆ ทำร้าย ซ้ำยังถูกทำร้ายต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้อีกใบหน้าของเจี่ยนกั๋วกงเขียวคล้ำด้วยความโกรธ เขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยดวงตาแดงก่ำเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หมายจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้ตายทันใดนั้น ฮูหยินรองก็รีบพูดขึ้นว่า “นายท่าน ตอนนี้ยังฆ่านางไม่ได้นะเจ้าคะ”“หากนางตาย ใครจะไปแต่งกับเยียน
ถึงตอนนั้นเมื่อใด ยิ่งได้รับความช่วยเหลือจากแคว้นหนิงชวน การจะชิงอำนาจปกครองกลับคืนมาก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายดายขึ้นเพียงแต่พวกเขาจะไปหาป้ายประกาศิตสวรรค์ได้จากที่ใด?หากกวนซินยอมเปิดเผยเรื่องป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาให้รู้ ก่อนที่พวกเขาจะไปเมืองจิงโจว พวกเขาก็อาจจะไปคุกหลวง ซักถามรัชทายาทฉู่เทียนหัวได้บ้างแต่บัดนี้พวกเขาได้กลับมาแล้ว คงไม่อาจย้อนกลับไปเมืองจิงโจวภายในเวลาอันสั้นอีกซ้ำที่นั่นก็กำลังวุ่นวายอยู่ หลังเกิดเหตุคลังหลวงถูกโจรกรรม ได้ทำให้ฉู่ชางเหยียนโกรธกริ้วเป็นอย่างมากบวกกับพวกเขาได้ช่วยเหลือบริวารที่อยู่ในคุกหลวงออกมาหมดผ่านไปหลายวัน ป่านนี้ฉู่ชางเหยียนคงรับรู้เรื่องราวแล้วย่อมต้องเพิ่มความเข้มงวดในการคุ้มกันคุกหลวงให้มากขึ้นอีกหากทั้งคู่บุ่มบ่ามกลับไปยังคุกหลวงอีกครั้ง ดีไม่ดีอาจถูกฉู่ชางเหยียนจับกุมตัวได้เรื่องนี้เห็นทีจะต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงต่างสบตากัน ทั้งคู่ล้วนเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายจากสายตาที่จ้องมองเจี่ยนอันอันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่ง ยื่นส่งให้กวนซิน“พี่กวนซินวางใจได้ เรื่องนี้ข้ากับจวินสิงจะไม่เปิดเผยแม้แต่คำเดียว”
หลังจากบริวารถอยออกไปไกลแล้ว อดีตฮ่องเต้จึงตรัสอย่างมีนัยลึกซึ้งว่า “สุขภาพของเราไม่เหมือนวันวานอีกแล้ว เกรงว่าคงมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน”ฉู่เทียนหัวได้ยินดังนั้นก็ลงมาจากหลังม้า คุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์อดีตฮ่องเต้ทันที“เสด็จพ่อ สุขภาพท่านแข็งแรงมาโดยตลอด อย่าพูดเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”อดีตฮ่องเต้โบกมือเบาๆ “ร่างกายเรา เรารู้ดีที่สุด”“สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ ด้วยนิสัยของฉู่ชางเหยียน จะต้องแสร้งเป็นมาเยี่ยมเราในวังในยามที่เราป่วยหนักเป็นแน่”“เจ้าจะปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนยึดอำนาจชิงบัลลังก์ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด หากเขากล้าคิดก่อกบฏชิงบัลลังก์”“เจ้าห้ามเมตตาใจอ่อนต่อเขาเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”ฉู่เทียนหัวรีบตอบรับว่า “เสด็จพ่อ ลูกเข้าใจแล้ว”อดีตฮ่องเต้ดูออกว่ารัชทายาทฉู่เทียนหัวหาได้มีจิตใจโหดเหี้ยมเหมือนฉู่ชางเหยียนไม่เขากังวลเหลือเกินว่าภายภาคหน้าฉู่เทียนหัวจะรับมือฉู่ชางเหยียนไม่ได้อดีตฮ่องเต้ล้วงป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาจากในอกเสื้อแล้วกล่าวกับฉู่เทียนหัวว่า “หากวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เจ้าจะต้องรักษาบัลลังก์เอาไว้ให้ได้ ห้ามปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนแย่งชิงไปได้โดยเด็ดขาด”
“อันอัน พวกเจ้าทำเพื่อข้ากับรัชทายาทมามากพอแล้ว ข้าไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณเจ้ากับคุณชายฉู่อย่างไรดี”กวนซินว่าแล้วก็ลุกขึ้น คุกเข่าลงตรงหน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเสียงดัง“ข้าไม่อาจทำอันใดเพื่อพวกเจ้าได้เลย ทำได้แค่โขกศีรษะไม่กี่ครั้งเพื่อตอบแทนบุญคุณของพวกเจ้า”กวนซินว่าแล้วก็ตั้งท่าจะโขกศีรษะให้คนทั้งสองอย่างหนักหน่วงเจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาประคองกวนซิน“พี่หญิงกวน ท่านอย่าทำเช่นนี้ ท่านโขกศีรษะให้พวกข้า จะทำให้พวกข้าอายุสั้นเอานะ”กวนซินได้เจี่ยนอันอันช่วยประคองขึ้นมา จมูกแสบร้อน น้ำตาไหลพรากลงมาอีกครั้งแม้ว่ารัชทายาทจะถูกขังไว้ในคุกหลวง แต่ยังดีที่เขายังไม่ถูกบั่นศีรษะส่วนสาเหตุที่เขาแกล้งเสียสติ จะต้องเป็นเพราะไม่ต้องการบอกความลับเรื่องนั้นต่อฉู่ชางเหยียนเป็นแน่ขณะที่คนที่รัชทายาทรักมากที่สุดก็คือกวนซิน ความลับอันใดล้วนบอกนางจนหมดสิ้นน่าเสียดายที่รัชทายาทไม่ใช่คนโหดร้ายอำมหิตเหมือนฉู่ชางเหยียนที่คิดแต่จะแย่งชิงอำนาจและก็เป็นเพราะรัชทายาทใจไม่เหี้ยมพอนี่เอง จึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพปัจจุบันเรื่องมาถึงขั้นนี้ กวนซินก็ไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไปนางนั่งลงข้างกา
เมื่อกวนซินได้ยินอาการเสียสติของรัชทายาท น้ำตาก็พลันไหลพรากลงมาทรวงอกนางเหมือนถูกก้อนหินขนาดใหญ่อุดเอาไว้ ทำให้นางหายใจได้ค่อนข้างลำบาก“อันอัน ทุกสิ่งที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ?”กวนซินยังไม่ค่อยกล้าเชื่อนัก แต่เห็นสีหน้าจริงจังของเจี่ยนอันอันแล้ว นางก็ยิ่งแน่ใจในความคิดของตัวเองหลายคืนที่ผ่านมานางเอาแต่ฝันร้าย มักฝันเห็นภาพที่รัชทายาทถูกบั่นศีรษะนางเป็นห่วงความปลอดภัยของรัชทายาทเป็นอย่างมากมาโดยฃตลอด แต่ยามนี้นางถูกเนรเทศมาที่เมืองอินเป่ย ไม่อาจกลับไปอยู่เคียงข้างรัชทายาทได้เลยหากทำได้ นางหวังจริงๆ ว่าคนที่ถูกขังไว้ในคุกหลวงคือนาง ไม่ใช่รัชทายาทเห็นกวนซินยืนน้ำตานองหน้าด้วยความโศกเศร้าอยู่ตรงนั้น เจี่ยนอันอันดึงนางมานั่งลงข้างๆ ตนเองฉู่ตั๋วตั่วเห็นกวนซินร้องไห้ นางก็เสียใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาเพื่อไม่ให้ฉู่ตั๋วตั่วรู้เรื่องมากเกินไป เจี่ยนอันอันจึงให้สี่เอ๋อร์พาฉู่ตั๋วตั่วไปที่ครัว ให้นางฝึกปรุงยาพิษด้วยตนเองอย่างไรเสียมีนางอยู่ด้วย ต่อให้ฉู่ตั๋วตั่วไม่ระวังไปถูกพิษเข้า นางก็มีวิธีรักษาฉู่ตั๋วตั่วฉู่ตั๋วตั่วตามสี่เอ๋อร์ไปที่ห้องครัว มีหม้อต้มยาสองใบวางอยู่ที่นั่น
คำพูดของกู้มั่วหลีดึงดูดความสนใจของเหวยป๋อจื่อได้สำเร็จเขาอยากรู้นักว่าเจี่ยนอันอันมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่นกันแน่ถึงได้ทำให้ฉู่จวินสิงและกู้มั่วหลีหลงใหลนางถึงเพียงนี้หลังจากเหวยป๋อจื่อนำยามาส่งแล้วก็ไม่ได้คิดจะรั้งอยู่นานเขาบอกให้กู้มั่วหลีพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนตะวันออกให้ดีแล้วหมุนกายก้าวยาวๆ จากไป……เจี่ยนอันอันนั่งตากลมเย็นอยู่ในลานเรือน มองดูฉู่จื่อซีวิ่งไล่ตามนกแร้งสองตัวไปมาอยู่ในลานเรือนนกแร้งสองตัวนั้นบินจนเหนื่อยแล้วก็บินมาเกาะบนไหล่ของเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงกลัวว่าเจี่ยนอันอันจะถูกกรงเล็บของนกแร้งขยุ้มจนบาดเจ็บ ขณะกำลังจะเข้ามาไล่นกแร้งก็ถูกเจี่ยนอันอันแสดงท่าทางบอกเป็นเชิงว่าอย่าเคลื่อนไหวส่งเดชอย่างไรเสีย นกแร้งสองตัวนี้ก็ได้ฉู่ชางเหยียนเลี้ยงมา นิสัยย่อมจะชั่วร้ายเจ้าเล่ห์เหมือนฉู่ชางเหยียนไม่มากก็น้อยแม้ว่าพวกมันจะถูกฉู่จื่อซีทำให้เชื่องลงแล้ว แต่ธาตุแท้ก็หาได้เปลี่ยนไปไม่หากฉู่จวินสิงเข้ามาไล่ปุบปับ เกรงว่าอาจทำให้พวกมันตกใจและจะต้องโจมตีนางกับฉู่จวินสิงแน่นอนนางไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นหรอกนะตอนนี้นกแร้งสองตัวนี้ยอมบินมาเกาะบนไหล่นางก็ถือว่า
“ที่ใด?” เจี่ยนหลิงเยว่กะพริบดวงตากลมโตรูปเมล็ดซิ่งพลางมองเหวยป๋อจื่อเหวยป๋อจื่อพูด “เจ้าไม่สามารถไปห้องที่ลึกที่สุดของเรือนตะวันออก ยามนี้คุณชายกู้กำลังพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น”ครั้นได้ยินว่ากู้มั่วหลีพักรักษาตัวอยู่ที่นั่น เจี่ยนหลิงเยว่ก็รีบพยักหน้าหงึกหงักทันที“ข้าเข้าใจแล้ว พี่เหวยวางใจได้ ข้าจะไม่ไปทางนั้นแน่นอน”พูดเป็นเล่น ตอนนี้นางหลบกู้มั่วหลียังแทบไม่ทัน แล้วจะเป็นฝ่ายไปหาเขาที่นั่นได้อย่างไรเล่าถ้าเกิดเหวยป๋อจื่อรู้เรื่องระหว่างนางกับกู้มั่วหลีขึ้นมา เขาจะต้องรังเกียจนางเดียดฉันท์นางอย่างมากเป็นแน่ดังนั้น นางจะปล่อยให้เหวยป๋อจื่อรู้เรื่องนั้นไม่ได้เด็ดขาดหวังว่ากู้มั่วหลีจะไม่พูดถึงเรื่องนั้นด้วยเหมือนกันเหวยป๋อจื่อหัวเราะเบาๆ แล้วเปิดประตูก้าวยาวๆ จากไปเจี่ยนหลิงเยว่ก็ออกไปเช่นกัน นางไม่ได้เดินตามเหวยป๋อจื่อ แต่เดินไปอีกทิศทางหนึ่งนางต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นี่เสียก่อน อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นสถานที่ที่นางจะพักอยู่ต่อไปในวันหน้าเหวยป๋อจื่อประคองถาดเข้าไปในครัวแล้วก็เทสิ่งของในถาดลงในกองไฟจนมอดไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีในไม่ช้า เขาก็ไปที่เรือนตะวั
แต่เนื่องจากเมื่อคืนเหวยป๋อจื่อจากไปอย่างเร่งรีบ จึงทำให้นางไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากแต่บัดนี้เมื่อเขามาถามอีก นางจึงคิดบอกกล่าวความในใจให้เขารู้เสียนางมองหน้าเขาด้วยดวงตาหวานซึ้ง หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ในที่สุดจึงรวบรวมความกล้าแล้วกล่าวออกมา“พี่เหวย เมื่อคืนข้าได้คิดดูแล้ว ข้ายินดีใช้ชีวิตอยู่กับท่าน”“ขอเพียงท่านไม่รังเกียจข้า ข้าพร้อมจะอยู่กับท่านตลอดไป”“แล้ววันหน้าข้าจะมีทายาทให้ท่าน เชื่อว่าอาจเพิ่มความสุขให้ชีวิตเรามากขึ้นอีก”เหวยป๋อจื่อได้ยินดังนี้ จึงหลุดปากหัวเราะลั่นออกมาเจี่ยนหลิงเยว่เพิ่งตระหนักว่าตนคงพูดสิ่งใดผิดไป จึงเขินอายจนก้มหน้าลงงุด จนคางแทบจะมุดเข้าหน้าอกอยู่แล้วสองมือยังบิดชายเสื้อเป็นพัลวัน หัวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆยามนี้นางนึกอยากกัดลิ้นตนเองตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด เหตุใดกระทั่งการมีลูกยังพูดออกจากปากได้นะพี่เหวยคงเห็นว่านางเป็นหญิงใจง่ายใฝ่ต่ำเป็นแน่แท้“พี่เหวย ท่านอย่าหัวเราะได้หรือไม่? ข้าจะถอนคำพูดโง่ๆ เมื่อครู่นี้ก็ได้”เจี่ยนหลิงเยว่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เสียงพูดยิ่งเบาราวกับยุงบินนางนึกว่าคงจะถูกเหวยป๋อจื่อตำหนิด้วยคำพูดรุนแรง ที่ไหนได้เขากลั
เหวยป๋อจื่อริมฝีปากเชิดขึ้น “ในเมื่อแม่นางเจี่ยนมีน้ำใจเชื้อเชิญ เช่นนั้นข้าก็ไม่ขอปฏิเสธ”กล่าวพลางนั่งลงตรงข้ามเจี่ยนหลิงเยว่ในถาดนั้นได้วางชามสองใบและตะเกียบสองคู่มาอยู่แล้ว ความคิดของเจี่ยนป๋อจื่อ มีหรือเจี่ยนหลิงเยว่จะดูไม่ออกนางจึงยินดีที่จะไปตามน้ำ เชื้อเชิญเขาให้มาร่วมกินข้าวด้วยเมื่อเห็นเหวยป๋อจื่อนั่งอยู่ตรงข้ามตน แต่มิได้หยิบชามและตะเกียบขึ้นกินข้าวก่อน กลับจ้องมองนางไม่ละสายตาอยู่เช่นเดิมเจี่ยนหลิงเยว่ถูกสายตาอีกฝ่ายจ้องมองจนเขินอาย ต้องก้มหน้าลง“ท่านหมอดูเหวยเชิญกินก่อนเถิด อย่าได้มองข้าเช่นนี้เลย ข้าเขินจะแย่แล้ว”น้ำเสียงเจี่ยนหลิงเยว่ยิ่งพูดก็ยิ่งแผ่วเบา จนคำสุดท้ายคงมีแต่นางได้ยินเพียงผู้เดียวเหวยป๋อจื่อหัวเราะเบาๆ “แม่นางเจี่ยนอย่าได้เรียกข้าว่าหมอดูเหวยอีก ให้เรียกว่าพี่เหวยก็พอ”เจี่ยนหลิงเยว่พยักหน้าเล็กน้อยด้วยความขวยเขิน ในขณะที่เสียงหัวใจเต้น ‘โครมคราม’ ดังลั่น“ได้เจ้าค่ะ พี่เหวย”“มา อย่ามัวแต่พูดเลย รีบกินข้าวเถิด”เหวยป๋อจื่อกล่าว พร้อมคีบเนื้อชิ้นหนึ่งใส่ในชามเจี่ยนหลิงเยว่เจี่ยนหลิงเยว่ตื่นเต้นจนลนลาน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีบุรุษมาคีบ
จวบจนเวลานี้ พวกเขาจึงได้รู้ว่า ที่แท้ในหมู่บ้านชิงสุ่ยมิได้มีตาน้ำเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่นี่ก็มีตาน้ำเช่นกันเพียงแต่ภัยแล้งที่มีมาหลายปี ทำให้ตาน้ำถูกฝังอยู่ในใต้ดินลึกน้ำจึงไม่อาจผุดขึ้นมาเหนือดินเท่านั้นหากไม่เพราะฉู่จวินสิงบอกให้พวกเขาขุดหลุม เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีผู้ใดได้รู้ ว่าบริเวณนี้มีตาน้ำที่ผุดจากใต้ดินขึ้นมาทุกคนต้องจ้องมองไปที่หลุมแทบไม่กะพริบตา แต่เนื่องจากหลุมที่ชาวบ้านขุดมาค่อนข้างใหญ่ หลังจากน้ำผุดขึ้นมาแล้ว จึงถูกดินในหลุมนั้นกลบทับซ้ำอีกแต่พวกเขาก็ไม่เป็นกังวล เพราะขอเพียงขุดพบตาน้ำ น้ำในหลุมนี้ก็จะผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อนใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเค่อเท่านั้น น้ำใต้ดินก็ได้ผุดขึ้นมาสะสมจนเกือบครึ่งหลุมแล้วชาวบ้านต่างพากันโห่ร้องดีใจ และสายตาที่มองฉู่จวินสิงก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งยิ่งอวี๋ว่านเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ เขารีบหันไปคารวะต่อฉู่จวินสิง“ขอบคุณคุณชายฉู่ที่ช่วยเหลือ ทำให้หมู่บ้านชิงสุ่ยมีแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่ง”“เช่นนี้นับว่าดีมาก ต่อไปไม่ว่าเราจะปลูกผักหรือทำอาหาร จะได้มาใช้น้ำที่นี่อย่างสะดวก”ชาวบ้านต่างพากันโค้งคำนับขอบคุณฉู่จวิน