ในตอนนี้นายหัวบุรินทร์อุ้มน้องบลูเบลไปเล่นน้ำด้วยกันอยู่ที่สระว่ายน้ำหน้าบ้าน ทั้งสองคนอยู่ในชุดว่ายน้ำ ซึ่งตอนนี้กำลังสนุกสนานเสียงดังลั่น ส่วนคนเป็นแม่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งอยู่ขอบสระ จ้องมองไปทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วง ณ ขณะนี้เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ทว่าไม่มีวี่แววจะขึ้นมาเลย
"คุณบุรินทร์คะ ช่วยพาลูกของเนตรขึ้นมาหน่อยค่ะ นี่มันก็ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอกค่ะ"
"แค่ครึ่งชั่วโมงเองจะรีบไปไหน อย่ามาไร้สาระน่า เห็นไหมว่าเด็กกำลังสนุก"
"แต่ลูกของเนตรจะไม่สบายนะคะ คุณรับผิดชอบไหวหรือไง"
เนตรนภาเอ่ยออกมาเสียงดุ แต่ทว่าคนที่อยู่ในสระกลับทำเหมือนไม่สนใจ หันไปสาดน้ำเล่นสนุกสนานกับลูกชายของเธอ หญิงสาวถึงกับกุมขมับไม่รู้จะพูดกับเขายังไง ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจพาลูกมาอยู่ที่นี่
"คุณบุรินทร์คะ ถ้าเกิดว่าเล่นน้ำกันเสร็จเนตรจะพาลูกกลับบ้านแล้วนะ แล้วก็จะไม่ทำงานกับคุณแล้ว"
"ว่าไงนะ!"
เขาหันขวับไปมองหญิงสาวด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบว่ายน้ำเข้าไปอุ้มจอมแสบมาไว้ในอ้อมแขน รีบพากันขึ้นมาจากสระเพราะดูเหมือนว่าประโยคข่มขู่จะทำให้เขากลัว
"ไปเลยไอ้แสบเราเล่นน้ำกันนานแล้ว อาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเล่นกันใหม่"
"สนุกมากเลยครับคุณลุง"
"ไหนลองเรียกพ่อซิ"
"แม่บอกว่าไม่ให้เรียกครับ ให้เรียกว่าคุณลุง"
และเมื่อเนตรนภาถูกลูกชายจอมแสบแฉแบบนั้น ก็ถึงกับอึกอักอย่างพูดไม่ออก นายหัวบุรินทร์หันไปมองใบหน้าของเธอ ใช้นิ้วชี้ชี้ตรงไปยังหน้าเธอก่อนจะเอ่ยออกมา
"ให้ลูกหลับก่อน เดี๋ยวเราได้เคลียร์กันทั้งคืนแน่ ไปตัวแสบไปอาบน้ำกันดีกว่า"
"ได้ครับคุณลุง"
บลูเบลวิ่งไปกุมมือของบุรินทร์เอาไว้ จากนั้นก็พากันเดินกลับขึ้นไปชั้นบนของบ้าน โดยมีหญิงสาวถือผ้าเช็ดตัวเดินตามทั้งคู่เข้ามาข้างใน แม่บ้านทั้งหลายที่อยู่มานานจะรู้จักเนตรนภาดี เพราะเธอเป็นอดีตเด็กเลี้ยงของเจ้านายเมื่อนานมาแล้ว แต่การกลับมาครั้งนี้แถมยังมีเด็กน้อยจอมแสบตามมาด้วย มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ทุกคนจึงไม่กล้ายุ่งเรื่องของเจ้านาย เพราะถ้าเกิดคุณเนตรนภากลับเข้ามาอยู่ที่นี่ เท่ากับว่าจะกลายมาเป็นเจ้านายอีกคน
"อาบน้ำเสร็จเนตรจะพาลูกกลับแล้วค่ะ ถ้าขืนอยู่ที่นี่คงจะนิสัยเสีย เพราะคุณตามใจจนเสียคน"
"แล้วฉันเลี้ยงไม่ดีตรงไหน คุณภาพชีวิตดีสุด กินหรูอยู่สบาย มีคนทำให้ทุกอย่าง ที่สำคัญอยากเรียนแพงแค่ไหนก็ได้ สังคมไฮโซคอนเนคชั่นดี เธอคิดว่าการที่เด็กอยู่กับเธอมันดีกว่าอยู่กับฉันจริงดิ"
"ถึงหนูจะไม่มีเงินหรือร่ำรวยแบบคุณ แต่หนูมั่นใจค่ะว่าเลี้ยงดีที่สุด ไม่เสียคนแน่"
สองคนทะเลาะกันโดยที่ลูกยังอยู่ตรงนั้น และเมื่อบลูเบลเห็นพ่อแม่ดูเหมือนจะมีปัญหากันก็รีบเอ่ยร้องห้ามทันที
"อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ บลูเบลไม่ชอบเลย"
และเมื่อลูกชายเอ่ยออกมาแบบนั้น ก็ทำให้ทั้งคู่ได้สติรีบหยุดการทะเลาะกันทันที การที่ผู้ใหญ่มีปัญหากันต่อหน้าเด็กไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย ถ้าเกิดว่ามีอะไรควรจะไปคุยกันลับหลัง
"เดี๋ยวได้เคลียร์กันยาวแน่นอนไม่ต้องกลัว ตอนนี้พาลูกไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำที่ห้อง"
"ค่ะ ไปครับบลูเบล เราไปอาบน้ำกันนะ"
เธอจูงเหมือนลูกพาเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ในห้องรับแขกชั้นบนของบ้าน ส่วนนายหัวบุรินทร์เขากลับไปยังห้องนอนของตัวเอง ปล่อยให้สองแม่ลูกจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อน
"ตอนนี้เรามาคุยกันว่ายังไง ไหนลูกบอกว่าจะเก็บไว้เป็นความลับไง ทำไมไปบอกพ่อเขาแบบนั้นล่ะ"
บลูเบลทำหน้าตาใสซื่อจ้องมองมายังใบหน้าของคุณแม่ด้วยความมึนงง ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าห้ามเรียกคุณพ่อเด็ดขาด จะต้องเรียกว่าคุณลุงเท่านั้นซึ่งเขาก็ทำตามแต่โดยดี ไม่มีตรงไหนที่ผิดสัญญาเลยนะ
"ผมก็ไม่ได้พูดอะไรที่ผิดสัญญาเลยนะครับ"
"ไม่ผิดยังไง ลูกเป็นคนไปบอกพ่อเอง ว่าแม่ไม่ให้เรียกไม่ใช่เหรอ"
"ก็ผมบอกเฉย ๆ ครับ แต่ยังไม่ได้เรียกว่าพ่อเลยนะ ผมก็เรียกคุณลุงตลอดผิดสัญญาตรงไหนครับ"
"ก็มัน..."
หญิงสาวถึงกับเถียงไม่ออกเมื่อถูกลูกชายจอมแสบสวนกลับมาแบบนั้น มันก็จริงแหละที่เธอตกลงกับลูกแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว แต่ใครจะคิดว่าบลูเบลจะสารภาพความจริงออกไปแบบนั้น
"ช่างมันเถอะเรารีบอาบน้ำนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายอีกหรอก อยากจะไปนอนกินยาที่โรงพยาบาลหรือไง"
"ไม่เอาหรอกครับ บลูเบลไม่อยากใส่เต่าเลยมันเจ็บครับ"
เด็กน้อยทำท่ากลัวก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ และรู้สึกขยาดทุกครั้งเมื่อนึกถึงโรงพยาบาล
"สระผมด้วยนะรู้ไหม"
"ครับผม"
เธอเดินเข้ามาข้างในก่อนจะเปิดน้ำอุ่นให้ลูกชาย จากนั้นก็จัดการถูสบู่สระผมให้เสร็จเรียบร้อย ใช้ผ้าเช็ดตัวคลุมเจ้าตัวเล็กเอาไว้ จากนั้นก็อุ้มกลับเข้ามาในห้อง เปิดกระเป๋าที่แม่บ้านเอาขึ้นมาส่งให้ หยิบชุดของบลูเบลออกมาจากกระเป๋าเดินทาง จากนั้นก็เปลี่ยนชุดให้ลูกชายทันที
"หิวข้าวไหม ลูกเล่นน้ำเป็นครึ่งชั่วโมงคงจะเหนื่อยน่าดูสินะ"
"ผมง่วงนอนมากเลยครับคุณแม่ ขอนอนก่อนได้ไหมครับ"
"แล้วหนูไม่หิวเหรอลูก"
เธอยื่นมือเป็นลูบผมลูกชายด้วยความเอ็นดู ช่วงกลางวันนี้เด็กน้อยยังไม่ทันได้กินอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าเกิดว่าง่วงเธอก็จะให้พักผ่อนก่อน ตื่นมาก็คงจะพอดีกัน
"ยังไม่หิวเลยครับเพิ่งกินนมไปเอง"
บลูเบลยกมือขึ้นมาปิดปาก ก่อนจะทำตาปรือเพราะรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเล่นน้ำ เธออุ้มลูกชายขึ้นไปนอนลงบนเตียง เอาผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ ลูบผมไปมาเพียงแป๊บเดียวเด็กน้อยก็ผล็อยหลับไปในที่สุด
"หลับเร็วจริง ๆ เลยนะจอมแสบ ฝันดีนะครับ เดี๋ยวตื่นมาแม่หาของอะไรให้กินนะ"
เธอยิ้มออกมาก่อนจะสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่อมีเสียงประตูถูกเปิดออก ก่อนจะตาโตเมื่อเห็นใบหน้าของอดีตคนเลี้ยงดูเธอเข้ามาข้างใน
"คุณบุรินทร์เข้ามาทำไมคะ"
"บลูเบลหลับแล้วเหรอ"
"ใช่ค่ะ คงจะเหนื่อยมากเล่นน้ำนานไปหน่อย"
"ก็ดีงั้นให้ลูกหลับอยู่ที่นี่แหละ"
เขายิ้มมุมปากจากเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินเข้ามาดึงข้อมือของหญิงสาวลงมาจากเตียงให้เข้ามาประชิดตัว ใบหน้าสวยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะกอดเอวของเขาเอาไว้เพราะกลัวว่าตัวเองจะล้มลงไปที่พื้น
"คุณคิดที่จะทำอะไรคะ"
"ไปเคลียร์กันไง เดี๋ยวให้แม่บ้านมาเฝ้าลูกไว้ ส่วนเราสองคนควรจะไปเคลียร์กันบนเตียงนะ เพราะยืนคุยกันแบบนี้น่าจะไม่ค่อยเข้าใจ"
"กรี๊ด! คุณจะบ้าเหรอคะ หนูไม่ไปหรอกนะ"
"หึ... ฉันจะทบต้นทบดอก โทษฐานที่เธอพรากลูกไปจากฉันถึงห้าปี"
"คุณบุรินทร์!"
เขาดึงรั้งตัวหญิงสาวให้เดินออกมาจากห้องนอนของลูกชาย ตะโกนเรียกแม่บ้านให้ขึ้นมาคอยดูแลบลูเบล ในระหว่างที่เขาพาเนตรนภาไปเคลียร์กันให้เข้าใจอีกห้องหนึ่ง"มีใครอยู่ตรงนี้หรือเปล่าขึ้นมาหน่อย""มีอะไรหรือเปล่าคะนายหัว""เข้าไปเฝ้าบลูเบลในห้องให้หน่อย ถ้าเกิดว่าตื่นก็มาเรียกที่ห้องแล้วกันนะ ผมจะพาเนตรไปคุยด้วย"แม่บ้านได้ยินแบบนั้นก็โค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้อง เพื่อทำตามที่นายหัวบุรินทร์สั่ง ส่วนเขานั้นดึงมือหญิงสาวให้ตามไปที่ห้องนอน และเมื่อทั้งสองคนเข้ามาถึง ชายหนุ่มก็ทำการปิดล็อกประตูให้แน่นหนา จากนั้นก็หันมามองสบตากับอดีตเด็กเลี้ยงที่เขาทั้งรักทั้งหลงเมื่อ 5 ปีก่อน"รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าตัวเองท้อง""คุณจะรู้ไปทำไมคะ""ตอบ!"เขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่หญิงถามกลับ จ้องมองไปยังใบหน้าของเธอเพื่อกดดันคาดคั้นเอาคำตอบ เนตรนภากำมือตัวเองเอาไว้แน่น มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องพูดความจริงทุกอย่างออกไป"รู้หลังจากที่ไปเมืองนอกได้เดือนเดียวค่ะ""แสดงว่าตอนที่อยู่ด้วยกันไม่รู้ใช่ไหมว่าตัวเองท้อง""ไม่รู้ค่ะ"เขาถอนหายใจออกมาทันที รู้ถัดจากนั้นเพียงแค่เดือนเดียวเอง ทำไมถึงไม่โทรศัพท์มาหาแล้วก็บ
หลังจากที่เขาพูดจบก็ดันตัวหญิงสาวให้ล้มลงบนเตียงนอน จากนั้นก็ขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวของเธอ ใบหน้าแสดงออกว่าหื่นกระหายอย่างเต็มที่ เขาไม่มีอะไรกับผู้หญิงมาเลยประมาณ 5 ปี ตั้งแต่ที่ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายกลับอดีตเด็กเลี้ยงซึ่งก็คือเนตรนภา อาจจะเพราะว่ายังไม่เจอคนที่ถูกใจเท่าเธอ จึงทำให้กลายเป็นคนปิดกั้นตัวเอง จนไปรับปากสัญญากับเพื่อนไหมว่าจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต"เราเพิ่งเจอกันเองนะคะ คุณจะมานอนกับหนูแบบนี้ไม่ได้นะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาก่อนจะพยายามดันตัวเขาให้ออกห่าง ยังไม่ได้เคลียร์เรื่องที่มีผู้หญิงรับโทรศัพท์ก่อนหน้านั้นประมาณ 5 ปีที่แล้ว เขาก็คิดที่จะกินเธอแบบนี้มันไม่ได้หรอก"ทำไมจะนอนไม่ได้ ฉันเป็นผัวเธอ ไม่ใช่สิ... พี่เป็นผัวเธอ แล้วก็เป็นพ่อของลูกเธอ ทำไมจะทำไม่ได้"เขาจ้องมองใบหน้านั้นอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ แต่ทว่ารู้สึกว่าช่วงล่างเริ่มแข็งตัว ปวดหนึบไปหมดจึงทำให้เขาไม่สามารถอยู่นิ่งเฉย และคุยกับเธอได้"อื้อ! อย่าสิคะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาก่อนจะหลับตาลงกับสัมผัสที่ชายหนุ่มมอบให้ ถึงปากจะขับไล่แต่ทว่าร่างกายกลับตอบสนองได้เป็นอย่างดี"หึ... เบียดเข้าหาขนาดนี้หยุดพูดเถอะ พี่รู้ว่าเธออยาก""พูดอะไรก
ทั้งสองคนนอนกอดกันอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ใบหน้าของทั้งคู่เอิบอิ่มไปด้วยความสุข ใครจะคิดว่าอดีตเด็กเลี้ยงที่เขาเคยเลี้ยงดู จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่เป็นทายาท มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา และคนที่คิดว่าตัวเองจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคนพ่อลูกหนึ่งเสียแล้ว"อย่าไปไหนจากพี่อีกนะรู้ไหม"ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ดึงเธอเข้ามาสวมกอดแนบอก ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขอร้องอ้อนวอน เขารู้ว่าเธอสามารถดูแลลูกได้ ไม่งั้นคงไม่อดทนดูแลด้วยตัวเองมาเป็นห้าปีหรอก ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอกลับมา"ก็ถ้าเกิดว่าคุณบุรินทร์ยอมรับเนตรกับลูกได้ และก็ไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่น หนูก็จะไม่ไปไหนค่ะ""พี่ไม่มีผู้หญิงคนอื่นจริง ๆ ก็บอกแล้วไงว่าตั้งแต่เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน พี่ก็ไม่เคยมีคนอื่นอีก"เขาไม่ได้แก้ตัวเพื่อให้เธอสบายใจ แต่ทว่าทุกอย่างที่พูดออกมามันคือความสัตย์จริง ตั้งแต่ที่เราเลิกลากันไปเขาก็ไม่เคยมีคนอื่น คิดจะครองตัวเป็นโสดจนตายเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเธอกลับมาพร้อมกับลูก ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องปฏิเสธ เพราะใบหน้าของบลูเบลมันชัดเจนแล้วว่าเป็นลูกของใคร"เนตรก็ไม
หลังจากนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง สองพ่อลูกก็พากันเดินกลับขึ้นมาชั้นบน เข้าไปในห้องนอนของนายหัวบุรินทร์ จนตอนนี้เนตรนภาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว"คุณแม่ตื่นแล้วเหรอครับ"เด็กน้อยเห็นคุณแม่กำลังหวีผมอยู่ตรงหน้ากระจก ก็รีบปล่อยมือคุณพ่อก่อนจะวิ่งเข้าไปหาทันที เนตรนภาอุ้มลูกชายขึ้นมานั่งลงบนตัก ลูบผมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามเสียงหวาน"แม่ตื่นแล้วครับ ลูกกินข้าวแล้วใช่ไหม อิ่มหรือเปล่า""อิ่มมากเลยครับ กับข้าวที่บ้านคุณพ่ออร่อยมากเลย ว่าแต่คุณแม่ไม่กินข้าวเหรอครับ""ยังหรอกลูก แม่ยังไม่หิวเลย เมื่อกี้หนูเรียกคุณลุงเขาว่าอะไรนะ"เธอเอ่ยถามลูกชายด้วยความแปลกใจ เมื่อกี้ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม ลูกชายเรียกนายหัวบุรินทร์ว่าคุณพ่อใช่หรือเปล่า"ไม่ต้องไปดุลูกเลยนะ กว่าจะบอกให้เรียกได้รู้หรือเปล่าว่าต้องตะล่อมขนาดไหน เราสองคนน่าจะได้เคลียร์กันอีกยาวไม่ต้องกลัวหรอก เฮ้อ!"นายหัวบุรินทร์ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์สำหรับเขามาก อยู่เป็นโสดมาห้าปี ตั้งใจว่าจะอยู่คนเดียวไปจนแก่เฒ่า สรุปได้เมียกับลูกมาเฉย"เนตรขอโทษนะคะ ขอโทษคุณบุรินทร์จริง ๆ แต่ทุกอย่างเนตรมีเ
วันต่อมา...นายหัวบุรินทร์โทรศัพท์ไปบอกที่บ้านว่าวันนี้จะเข้าไปหา และมีเรื่องบางอย่างจะบอกด้วย ซึ่งพวกท่านเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม และรอว่าลูกชายจะเข้ามาตอนไหน จะได้รู้ว่าเรื่องสำคัญมันคืออะไร ทำไมถึงไม่โทรศัพท์มาบอก ลงทุนถึงขั้นมาหาที่นี่แสดงว่าน่าจะมีเรื่องสำคัญจริง ๆ"ไอ้ตัวแสบ โอเคไหมลูกปวดหูหรือเปล่า""ไม่เลยครับคุณพ่อ บลูเบลสบายมากเลยครับ ไม่เจ็บไม่ป่วย แล้วก็ไม่ปวดหูด้วยครับ"เด็กน้อยดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ ได้ออกมาเที่ยวบ้างจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ และดูเหมือนว่าลูกชายน่าจะชอบนั่งเครื่องบิน เพราะดูระริกระรี้เหมือนเด็กได้ของเล่น ซึ่งตอนแรกเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่พอเห็นแบบนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะ"บลูเบลชอบนั่งเครื่องบินค่ะ ไม่ได้กลัวเลยสักนิด""อย่างนั้นเหรอ ก็ดีแล้วครับสุดหล่อ อีกหน่อยก็จะได้นั่งกับพ่อเดินทางบ่อย เดี๋ยวถ้าโตอีกหน่อยก็มาช่วยพ่อทำงานรู้ไหม ทุกอย่างบนเกาะก็เป็นของลูกทั้งหมด"เขาลูบผมลูกชายก่อนจะอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีลูกในวัยอายุ 40 ปีแล้ว แถมเจอกันปุ๊บก็คุยกันรู้เรื่องเลย ไม่ต้องเลี้ยงตั้งแต่คลอดออกมาใหม่ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาอยากจะดูแลลูกกับภรรยา
ดูเหมือนว่าตอนนี้บลูเบลจะลืมว่าตัวเองมากับใคร ปล่อยให้คุณพ่อกับคุณแม่นั่งเล่นอยู่ตรงห้องรับแขก ส่วนตัวเองไปเดินเล่นกับคุณปู่คุณย่าข้างนอกตัวบ้าน ชวนคุยจ้อไม่หยุด ก็ไม่คิดเลยว่าจะสนิทกันเร็วขนาดนั้น"เนตรกลัวลูกจะรบกวนคุณพ่อคุณแม่ของคุณจังเลยค่ะ""ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ หนูก็เห็นว่าพ่อกับแม่พี่หลงหลานแค่ไหน เดี๋ยวดูนะไม่ยอมให้กลับแน่ แล้วถ้าเกิดว่าพี่พาลูกกลับไปอยู่ที่เกาะ พวกท่านก็จะตามไปอีก"เนตรนภาพอเข้าใจในประโยคคำพูดของเขา ซึ่งประเมินจากสายตาพวกท่านก็ดูรักลูกชายของเธอ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ในตอนแรกไม่กล้าที่จะบอกใครด้วยซ้ำ แต่พอเห็นแบบนี้ก็อดดีใจไม่ได้จริง ๆ"เนตรดีใจนะคะ ที่คุณพ่อกับคุณแม่เอ็นดูหลาน เห็นแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ ตอนแรกคิดว่าไม่มีใครรับบลูเบลเข้ามาเป็นครอบครัวด้วยซ้ำ"มันก็ไม่ได้ผิดถ้าเธอจะคิดแบบนั้น เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเป็นกังวลกับเรื่องนี้ตลอด ถ้าเกิดว่าคุณบุรินทร์รู้ขึ้นมาจะเป็นยังไง แต่พอเห็นเขารักลูกมาก และครอบครัวก็ดูเอ็นดูบลูเบลเป็นพิเศษ หญิงสาวก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ"เราคิดมากเกินไปแล้ว มันไม่ได้มีอะไรเลย พี่รู้ว่าเราคิดมากหลายอย่าง เอาเป็นว่าตอนนี้
และคืนนั้นน้องบลูเบลก็ขอไปนอนกับคุณปู่ คุณย่า เอาจริงเธอเองก็ไม่คาดคิดว่าลูกชายตัวแสบจะสนิทสนมกับคนที่บ้านนี้เร็วขนาดนั้น ถ้าเป็นคนอื่นไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กจะยอมไปนอนด้วยแบบนี้ไหม"ทำไมไม่นอนคะหนู เป็นอะไรรึเปล่าทำไมทำหน้ากังวลขนาดนั้น เป็นห่วงลูกเหรอไง""ห่วงสิคะ ไม่เคยแยกกันด้วยซ้ำไป ไม่คิดว่าลูกจะสนิทสนมกับคุณปู่ คุณย่า เร็วมากขนาดนี้เลย"เนตรนภาเอ่ยออกมาตามความเป็นจริง ส่วนหนึ่งก็แค่กลัวว่าลูกจะรักเธอน้อยลง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอมีลูกเพียงแค่สองคนจริง ๆ ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราสองคนต้องห่างกัน คงทำใจลำบากมากเลยแหละ"คิดมากน่ายังไงลูกอยู่บ้านหลังเดียวกับเรานะ อีกอย่างหนึ่ง ตลอดสี่ปีมานี้คงจะเหงามากเลยแหละ พอเจอเพื่อนเล่นเยอะแถมยังเอาใจเก่งก็เป็นธรรมดาของเด็กที่จะคล้อยตามไป""ก็พอเข้าใจค่ะ เนตรจะพยายามคิดมากให้น้อยลงนะคะ"นายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูภรรยา เขารู้ว่าเธอป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างคิดมากมาแต่ไหนแต่ไร แต่ทว่าคนเราเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องทำใจว่าลูกไม่มีทางอยู่กับเราตลอดชีวิต คนที่จะอยู่กับเราไปจนตายก็คือตัวเราเองทั้งนั้น"หนูอย่าคิดมากเลยนะ อนาคตลูกต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง เอาเว
หญิงสาวนิ่งอึ้งไปเลย เพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเปิดตัวเธอกับพนักงานคนอื่น ความจริงแล้วเธอยังไม่พร้อมสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าเพิ่งกลับมาเจอกันไม่นาน หลายปีผ่านมาอะไรก็คงเปลี่ยนไปเยอะ จึงจำเป็นจะต้องปรับจูนกันใหม่ แต่เท่าที่ดูตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหากันเลย คงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะมั้ง"เปิดตัวแบบนี้เลยเหรอคะ หนูยังไม่พร้อมเลยนะ""ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เรื่องแค่นี้เอง ยังไงพนักงานทุกคนก็ต้องรู้จักหนูอยู่แล้ว เปิดตัวไปเลยเนี่ยแหละ จะทำอะไรได้สะดวกขึ้น"เขายื่นมือไปกุมมือภรรยาเอาไว้ ก่อนจะพากันเดินเข้าไปข้างในร้าน ซึ่งตอนนี้ผู้จัดการสาขาใหญ่กำลังเตรียมเอกสารให้ท่านประธานตรวจเช็กความเรียบร้อยอยู่"คุณดาคะ นายหัวมาแล้วค่ะ""บุรินทร์มาแล้วเหรอ"ดาริกายิ้มกว้างออกมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนสนิท เธอมาช่วยงานนายหัวบุรินทร์ได้หลายปีแล้ว เรียกว่าสนิทกันมาก และเธอก็ยังโสดมาจนถึงตอนนี้ เพราะว่าแอบรักเขามานานแล้ว มีความหวังเสมอว่าอนาคตเราสองคนจะลงเอยกันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใคร"บุรินทร์มาแล้วเหรอคะ... เอ่อ"เธอนิ่งเงียบไปทันทีเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอรู้จักดีว่าเจ้าหล่อนเป็
สองปีผ่านไป...ในตอนนี้น้องบีน่าอายุได้สองขวบกว่าแล้ว พูดเก่งมากถามนั่นนี่ไม่หยุด ส่วนพี่ชายคนโตอายุอานามก็ประมาณ 7 ขวบกว่า เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แถมยังเรียนเก่งที่สุดในรุ่นอีกด้วย เป็นคนที่ไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง แต่นายหัวบุรินทร์ก็ไม่เคยพูดจาคาดหวังกับลูกชาย เพราะไม่อยากกดดันลูกมากนัก อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด"บีน่าพี่บอกแล้วไงว่าเวลากินห้ามใช้มือจับแบบนี้ ต้องใช้ส้อมจิ้มก่อน มานี่ครับเดี๋ยวพี่จะสอน"น้องบลูเบลอุ้มน้องสาวให้มานั่งที่เก้าอี้ จากนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ที่อยู่ในจาน จากนั้นก็ส่งไปให้น้องสาวเธอไว้ หยิบทิชชูเช็ดริมฝีปากให้ด้วยความห่วงใย"อันนี้อย่อย""อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลย ถ้าเกิดว่าหมดเดี๋ยวพี่ไปเอาใหม่มาให้ แล้วดูสิมือเลอะหมดเลยเห็นไหม เดี๋ยวพี่เช็ดให้ดีกว่า"พี่ชายคนดีใช้ผ้าขนหนูค่อย ๆ เช็ดมือให้น้องสาว ตั้งแต่น้องคลอดออกมาจนถึงตอนนี้ เขาดูแลน้องและหวงแหนเป็นอย่างมาก คนเป็นพ่อแม่สะกิดนิดเดียวยังไม่ได้เลย น้องร้องไห้ก็โอ๋เอง เรียกได้ว่าห่วงน้องหนักจนคนเป็นแม่เริ่มกังวล"พี่บุรินทร์คะ เนตรว่าน้องบลูเบลห่วงน้องหนักมากเกินไปนะคะ ถ้าเ
ช่วงค่ำ...ในตอนนี้ท่านบรรพต คุณหญิงผกากรอง ท่านสมเกียรติ และคุณหญิงนพรัตน์ รวมถึงลูกชายซึ่งก็คือท่านนายกคนปัจจุบัน และแฟนของเขา นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารใจกลางคฤหาสน์สุดหรูของนายหัวบุรินทร์ และมีเนตรนภากับลูกชายนั่งอยู่ร่วมโต๊ะเช่นกัน"บลูเบลดีใจจังเลยครับที่ทุกคนมาเที่ยวหา""โธ่เอ๊ยเด็กแสบ ใครก็อยากจะมาอยู่กับเราทั้งนั้นแหละ แต่ทุกคนก็ต้องทำงานไง เข้าใจใช่ไหมครับ""เข้าใจอยู่แล้วครับ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วครับคุณลุง ถ้างั้นเรากินข้าวกันเถอะครับผมหิวแล้ว"เด็กน้อยชี้นิ้วไปที่หมูกรอบชิ้นใหญ่ตรงหน้า คุยโม้นักหนาว่าตัวเองชอบกินผัก แต่พออาหารตรงหน้าเป็นหมูกรอบ กับเลือกที่จะทิ้งสิ่งที่ชอบไว้บนจานทันที"แล้วบอกว่าตัวเองชอบกินผัก แต่เห็นหมูกรอบทีไรหยิบใส่ปากทันทีเลยนะ""แฮะ! ก็มันอร่อยนี่ครับ กรอบมาก"เด็กน้อยเอ่ยออกมาก่อนจะหยิบหมูกรอบใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ผู้ใหญ่ที่เห็นก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ การมีเด็กมาวิ่งเล่นทั่วบ้านก็ทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่เหงาเลย พูดจ้อไม่หยุดทำให้ทุกคนมีเรื่องสนทนาคุยกันทั้งวันทั้งคืน โดยเฉพาะเรื่องของหลานกลายเป็นบทสนทนาหลักในการคุยกันเสร็จแล้ว"แล้วเจ้าตัวเล็กอีกคนล่ะจะคลอดเมื่
และในที่สุดก็การประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งพรรครักประชาชนได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างล้นหลาม ได้เก้าอี้คะแนนเสียงเกินครึ่งของสภา สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องมีพรรคร่วม"ดีใจด้วยนะเนติในที่สุดก็ทำได้"นายหัวบุรินทร์ถือช่อดอกไม้มาแสดงความยินดีให้กับว่าที่นายกคนใหม่ รวมถึงเนตรนภาที่วิ่งเข้ามาสวมกอดพี่ชายด้วยความดีใจ"ดีใจจังเลยมีพี่ชายได้เป็นนายกแล้ว""ขอบคุณมากนะน้องสาว เพราะว่าเนตรมีสามีเป็นพี่บุรินทร์ เขาดีกับครอบครัวเรามาก แถมยังทำให้คุณพ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอีก ผมขอบคุณมากเลยนะครับสำหรับทุกอย่าง"เนติยกมือขอบคุณผู้ชายตรงหน้า เพราะเขาจึงทำให้ครอบครัวของเรากลับมารักกันเหมือนเดิม เปลี่ยนให้คุณพ่อกลายเป็นคนธรรมดา ไม่บังคับจิตใจของคนในบ้านอีกส่วนไอซ์ตอนนี้ก็เข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมคุณพ่อกับคุณแม่ยังลงทุนเปิดคาเฟ่ให้อีก เรียกว่าตอนนี้กลายเป็นลูกรักแทนที่เขาเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าไอซ์เขาเรียนเชฟมา ทำอาหารอร่อย ทำขนมก็เก่ง คุณพ่อกับคุณแม่ถูกใจมากเอ่ยปากชมไม่มีหยุด เขาก็เลยตกกระป๋องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"ขอบคุณอะไรนักหนาเนี่ย ทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ตอนนี้อยู่ในช่วงลงคะแนนเสียง และช่วงค่ำน่าจะรู้แล้วว่าพรรคไหนจะได้คะแนนเสียงเยอะที่สุด ดูจากผลสำรวจก็น่าจะไม่ผิดโผสักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้"เดี๋ยวจะเริ่มนับคะแนนกันแล้ว หวังว่าพรรคของเราจะได้ทำเพื่อประชาชนอีกสมัยหนึ่งนะ"และที่ทำการพรรคทุกคนกำลังนั่งประชุมกันอยู่ และก็จะมีตัวแทนของแต่ละพรรค เข้าดูการนับคะแนนในแต่ละเขต เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตในช่วงการนับคะแนนที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าและที่ทำการพรรคจะมีโปรแกรมนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งตัวแทนที่อยู่ประจำหน่วยยืนดูเขานับคะแนน จะแจ้งผลเบื้องต้นให้ทางนี้รับทราบ ซึ่งคะแนนจะไม่เป็นทางการแต่ก็พอเดาได้ว่าพรรคไหนที่มีคะแนนนำในเวลานั้น"ยังไงผมต้องขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ที่คอยแนะนำแล้วก็ให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่อย่างผม ถ้าเกิดว่ามีโอกาสในการได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะตั้งใจทำเพื่อประชาชน แล้วก็จะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคผิดหวังเด็ดขาด"เนติขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมาสัญญากับทุกคนที่อยู่ภายในห้องประชุมนั้น ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ได้เลือกให้เขามายืนอยู่จุดนี้ แต่เป็นเพราะอำนาจของพี่เขยที่ยื่นข้อเสนอใ
ชายหนุ่มดึงรั้งตัวภรรยาให้มานั่งลงอยู่บนเตียงนอน แต่เนื่องจากเธอมีอายุครรภ์ที่ค่อนข้างโต จึงไม่สามารถขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวของเธอได้ จึงเปลี่ยนใจอุ้มคนรักให้ขึ้นมาอยู่บนตัวของเขาแทน"ลำบากเหมือนกันนะคะเนี่ย"หญิงสาวถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อการมีเซ็กซ์ของคุณแม่ลูกสองค่อนข้างดูทุลักทุเลไม่น้อย แต่เพื่อความสุขของสามียังไงเธอก็ต้องยอม มันไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ให้ความสุขแก่คนรัก เพราะถึงแม้จะท้องโตแต่ก็ใช่ว่าจะมีไม่ได้สักหน่อย"ไม่ลำบากหรอกหนูก็อยู่ข้างบนนั่นแหละ เดี๋ยววันนี้พี่จะทำเบา ๆ เดี๋ยวหนูจะปวดท้องเอาได้"เขานอนราบลงกับเตียง ก่อนจะจับเอวเล็กของภรรยาทั้งสองข้างจึงรั้งขึ้นมาบนตัวของเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ เลิกกระโปรงขึ้นไปไว้ที่ช่วงเอวของเธอ ใช้นิ้วเรียวถูไถยังน้องสาวเพื่อเล้าโลมภรรยาสุดที่รัก"อื้อ อ้าส์~"เนตรนภาถึงกับสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ไหว ถึงแม้จะท้องโตขนาดนี้ แต่เรื่องบนเตียงเขาก็ยังคงทำให้เธอมีความสุขได้เสมอ โชคดีที่ชายหนุ่มเป็นคนมีเหตุผล เข้าใจว่าธรรมชาติของคนท้องไม่เหมือนกับมนุษย์ปกติทั่วไป เขาจะมีวิธีในการทำให้เธอมีความสุขโดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงเหมือนทุกครั้ง"หอมจัง""ไม
ท่านสมเกียรติรู้สึกเกร็งไม่น้อยเลยกับการมาอยู่ที่นี่ อาจจะเพราะว่าตัวเองทำผิดพลาดไว้มาก แต่คนในครอบครัวไม่ถือโทษโกรธแถมยังให้อภัยง่ายดาย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ในการกระทำของตัวเอง และสัญญาว่าจะไม่ทำเหมือนอย่างอดีตที่ผ่านมาอีก"คุณหญิงผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม""กินข้าวก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้"คุณหญิงนพรัตน์รู้ดีว่าเขาเป็นกังวลมากแค่ไหน เธอกับลูกคุยกันว่าถ้าเจอคุณพ่อจะไม่มีใครพูดเรื่องอดีต เพราะสิ่งที่เขาได้รับมันหนักหนามากพออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมีอะไรภายในใจอยู่"คุยตอนนี้แหละ""ก็ได้ ลูกไปกินข้าวก่อนเลยนะ แม่กับพ่อจะไปคุยกันแป๊บหนึ่ง"เนตรนภา และนายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กุมมือลูกชายพากันเดินเข้าไปยังห้องอาหาร ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ได้เคลียร์ใจกันให้จบ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"มีอะไรเหรอคะ ฉันไม่ได้โกรธหรือติดใจอะไรทั้งนั้น คุณจะคิดมากทำไม"คุณหญิงเอ่ยออกมาก่อนจะกุมมือของสามีเอาไว้ทั้งสองข้าง ท่านสมเกียรติดึงภรรยาเข้ามาสวมกอดอย่างกลัวว่าเธอจะหายไปไหนอีก เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ที่เขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว มันโดดเดี่ยว และรู้สึกทรมานหัวใจมาก จากที
เมื่อจบประโยคของลูกเขยท่านสมเกียรติก็นิ่งเงียบไปทันที ไม่รู้จะเอาประโยคไหนมาเถียงกลับ เพราะทุกสิ่งอย่างที่เขาทำมันก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาทั้งนั้น เวลาผ่านมาที่เขาอยู่คนเดียว และคิดทบทวนกับทุกสิ่ง มันก็ได้คำตอบที่แน่ชัดเราว่าท้ายที่สุดตัวเราเองก็ต้องการแค่ครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้น"รู้แล้วน่าว่าฉันผิด แต่คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งลูกแล้วก็เมียหนีออกไปหมดเลย""ทำไมจะแก้ไขอะไรไม่ได้ล่ะครับ ไม่มีใครเกลียดคุณพ่อเลยสักคน ทุกคนแค่รอว่าคุณพ่อจะเป็นคนใหม่ตอนไหนก็เท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นเยอะเลยนี่ครับ ผมว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่คุณพ่อควรจะแก้ไขทุกอย่างที่เคยทำผิดพลาด ทุกคนพร้อมให้โอกาสนะครับ แล้วอีกอย่างหนึ่งกำลังจะเป็นคุณตาที่มีหลานถึงสองคน ทำหน้าตาให้มันดูสดใสหน่อยสิครับ"ท่านสมเกียรติถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หมายความว่ายังไงที่บอกว่าเป็นคุณตาที่มีหลานถึงสองคน"นายหมายความว่ายังไง""ก็หมายความว่าตอนนี้เนตรกำลังอุ้มท้องลูกคนที่สองอยู่ ถ้าคุณพ่ออยากอยู่กับหลานผมแนะนำให้เป็นคนใหม่แล้วก็ไปง้อลูกง้อเมียนะครับ แต่ถ้าเกิดว่าไม่ก็คงจะต้องได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจนตาย""ปากดีนักนะแกเนี่ย"ถึงจะบ่นแบบ
เวลาผ่านไป...หลังจากที่นายหัวบุรินทร์จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เนตรนภากับลูกก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากขึ้น ไม่ต้องมาคอยระแวงว่าคุณพ่อจะบังคับให้ทำตามอำเภอใจอะไรอีก และที่สำคัญคุณแม่ย้ายมาอยู่ที่นี่สักพักใหญ่แล้ว ส่วนพี่ชายก็เดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มกำลัง เป็นส.สบัญชีรายชื่อลำดับที่ 4 นับเป็นแคนดิเดตนายก ที่ทางพรรคจะส่งเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป"ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง พี่ชายก็ไม่กลับบ้านเลย คุณแม่ก็มาอยู่ที่นี่ เอาจริงหนูก็เริ่มเป็นห่วงท่านอยู่นะคะ"เนตรนภาเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล ถึงแม้ว่าท่านจะทำตัวใจร้ายกับคนในครอบครัว แต่เธอไม่ใช่คนแบบนั้น ยังไงท่านก็เป็นคุณพ่อ ห่างหายกันไปนานแบบนี้ต้องอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยเฉพาะตอนนี้ท่านอยู่คนเดียวด้วย"เดี๋ยวพี่ไปดูให้ ก็ไม่คิดว่าจะใจแข็งขนาดนี้นะ แต่เอาจริงก็ไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไหร่ คนดื้อรั้นแบบนั้นไม่ยอมฟังใครง่าย ๆ แน่"นายหัวบุรินทร์อุ้มภรรยาให้ขึ้นมานั่งลงบนตัก ลูบหน้าท้องของคนรักด้วยความเอ็นดู ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ เขาไม่อยากจะให้คิดมาก ส่วนเรื่องพ่อตาเดี๋ยวจะไปเคลียร์ด้วยตัวเอง"ห้ามเครียดนะรู้หรือเปล่า ตัวเองไม่ไ
ทุกคนไม่คิดว่าสิ่งที่นายหัวบุรินทร์ต้องการจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านนายกคนปัจจุบันกำลังจะอำลาตำแหน่ง เนื่องจากว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งตอนนี้เขายังทำหน้าที่รักษาการอยู่ ประชาชนค่อนข้างที่จะรักท่านนายกรัฐมนตรีคนนี้มาก และถ้าเกิดว่าจะต้องเปลี่ยนแคนดิเดตนายกในเวลานี้ อาจจะทำให้ประชาชนเปลี่ยนใจเทคะแนนเสียงไปที่พรรคอื่นก็เป็นได้"ทำแบบนี้พรรคเราจะแย่เอานะครับ ประชาชนค่อนข้างรักท่านสมเกียรติ พวกเราถึงเลือกแคนดิเดตนายกเป็นท่านดังเดิม""ไร้สาระน่า การที่ประชาชนจะเลือกใครสักคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนคนเดียว พรรครักประชาชนสู้เพื่อประชาชนมาโดยตลอดเกือบ 20 ปี ไม่ว่าแคนดิเดตนายกจะเป็นใคร ผมเชื่อว่าประชาชนจะยังคงเลือกพรรคของเรา"ทุกคนไม่มีใครพูดหรือเถียงนายหัวบุรินทร์กลับ เนื่องจากว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นไม่ได้ผิดไปเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ประชาชนไว้ใจพรรคไม่ว่าจะเลือกใครขึ้นมาเป็นผู้นำ ทุกคนก็พอใจทั้งนั้น ขอแค่เห็นประโยชน์ของประชาชนมาก่อนเสมอ แค่นี้ก็จะชนะใจคนทั้งประเทศได้แล้ว"ก็ได้ถ้านายต้องการแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ชี้ตัวมาเลยสิว่าจะเลือกใครมาแทนที่ฉันในตอนนี้ แต่ขอหาคนที่เห