วันต่อมา...
นายหัวบุรินทร์โทรศัพท์ไปบอกที่บ้านว่าวันนี้จะเข้าไปหา และมีเรื่องบางอย่างจะบอกด้วย ซึ่งพวกท่านเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม และรอว่าลูกชายจะเข้ามาตอนไหน จะได้รู้ว่าเรื่องสำคัญมันคืออะไร ทำไมถึงไม่โทรศัพท์มาบอก ลงทุนถึงขั้นมาหาที่นี่แสดงว่าน่าจะมีเรื่องสำคัญจริง ๆ
"ไอ้ตัวแสบ โอเคไหมลูกปวดหูหรือเปล่า"
"ไม่เลยครับคุณพ่อ บลูเบลสบายมากเลยครับ ไม่เจ็บไม่ป่วย แล้วก็ไม่ปวดหูด้วยครับ"
เด็กน้อยดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ ได้ออกมาเที่ยวบ้างจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ และดูเหมือนว่าลูกชายน่าจะชอบนั่งเครื่องบิน เพราะดูระริกระรี้เหมือนเด็กได้ของเล่น ซึ่งตอนแรกเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่พอเห็นแบบนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะ
"บลูเบลชอบนั่งเครื่องบินค่ะ ไม่ได้กลัวเลยสักนิด"
"อย่างนั้นเหรอ ก็ดีแล้วครับสุดหล่อ อีกหน่อยก็จะได้นั่งกับพ่อเดินทางบ่อย เดี๋ยวถ้าโตอีกหน่อยก็มาช่วยพ่อทำงานรู้ไหม ทุกอย่างบนเกาะก็เป็นของลูกทั้งหมด"
เขาลูบผมลูกชายก่อนจะอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีลูกในวัยอายุ 40 ปีแล้ว แถมเจอกันปุ๊บก็คุยกันรู้เรื่องเลย ไม่ต้องเลี้ยงตั้งแต่คลอดออกมาใหม่ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาอยากจะดูแลลูกกับภรรยาตั้งแต่ที่เริ่มรู้ว่าตั้งครรภ์ ซึ่งตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้ว สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือการคอยดูแลพวกเขาให้ดีที่สุดในเวลานี้
"เป็นของบลูเบลหมดเลยเหรอครับ เขาว่าบูลเบลอยากมีน้องนะ แล้วก็จะแบ่งให้น้องด้วย"
"จริงเหรอ ลูกชายพ่ออยากมีน้องเหรอ อืม... เอายังไงดีนะ ลูกอยากมีน้องทำยังไงดี"
เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับเหลือบสายตาจ้องมองใบหน้าของภรรยา เนตรนภาเห็นแบบนั้นก็ยื่นมือไปข้างหลังของชายหนุ่ม หยิกเขาอย่างแรงด้วยความหมั่นไส้ เพราะเธอรู้ว่าชายหนุ่มกำลังสื่ออะไรอยู่
"ไม่ต้องเลยนะคะ หยุดคิดเดี๋ยวนี้!"
"ก็ลูกอยากมีน้อง เนตรไม่เห็นหรือไงว่าบลูเบลจะแบ่งทรัพย์สมบัติให้น้องด้วย การเป็นลูกคนเดียวมันไม่ดีนะรู้ไหม มันเหงา... ใช่ไหมครับลูกชายพ่อ"
"ใช่แล้วครับ ตอนบลูเบลไปที่โรงเรียน เพื่อนบอกว่ามีน้องสาวด้วย บูลเบลไม่เห็นจะมีน้องเลย"
"เดี๋ยวก็มีครับไม่ต้องกลัว ตอนนี้น้องอาจจะมาแล้วก็ได้"
"คุณบุรินทร์!"
หญิงสาวถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย พูดแบบนี้ต่อหน้าลูกได้ยังไง แต่เธอก็รู้สึกแอบกังวลอยู่เหมือนกัน เพราะเมื่อคืนที่เราสองคนมีความสัมพันธ์กัน จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉินเลย มีโอกาสที่จะท้องแน่
"ยาคุมก็ไม่ได้กิน ไม่ท้องให้มันรู้ไปสิ หึ"
"คุณต้องรับผิดชอบนะคะ"
"แน่นอน พี่รับผิดชอบอยู่แล้ว ท้องมาเถอะจะกี่คนก็จะเลี้ยง ใช่มั้ยครับบลูเบล ช่วยพ่อเลี้ยงน้องมั้ยครับ"
เขาเอ่ยถามลูกชายพร้อมกับหอมแก้มตัวเล็กที่จ่ำม่ำน่ารักน่าหยิก บลูเบลยิ้มกว้างออกมา พยักหน้าด้วยความดีใจที่ตัวเองจะได้มีน้องอย่างคนอื่น
"ได้ครับ บลูเบลช่วยเลี้ยงน้องเอง"
"น่ารักที่สุดลูกชายของพ่อ"
ทั้งสองคนดูตื่นเต้นไม่น้อยเลย ที่จะได้มีน้องเพิ่มอีกคนหนึ่ง แต่ทว่าคนเป็นแม่กลับรู้สึกเป็นกังวล เธอมีความลับบางอย่างที่ยังไม่ได้บอกสามี และคิดว่าเขาอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ นี่ก็ผ่านมา 5 ปีแล้วคงไม่มีอะไรละมั้ง
ทั้งสามคนเดินทางมาถึงที่หมาย ซึ่งเป็นคฤหาสน์สุดหรูใจกลางเมืองของกรุงเทพฯ ไม่ต้องแปลกใจหรอกว่าทำไมถึงดูร่ำรวยขนาดนี้ แค่ลูกชายเป็นเจ้าของเกาะไข่มุกที่ใหญ่ที่สุดทางภาคใต้ ก็น่าจะรู้แล้วแหละว่าพ่อกับแม่น่าจะมีฐานะขนาดไหน
"บ้านรวยจังเลยนะคะ"
"ทำไม... มีผัวรวยไม่ดีหรือไง อีกอย่างหนึ่งพี่รวยด้วยตัวเองนะ ไม่ได้เกาะพ่อแม่กินสักหน่อย"
เขารีบออกตัวไว้ก่อน เพราะถ้าใครที่ไม่รู้ก็จะเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าเกาะพ่อแม่กิน ทั้งที่เกาะไข่มุกเขาเป็นคนสร้างมาด้วยมือของตัวเอง
"หนูก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยค่ะ ก็แค่บอกว่าบ้านรวยนะคะเฉย ๆ"
หญิงสาวยื่นมือไปกอดแขนเขาเอาไว้ ส่วนลูกชายก็กุมมือคุณพ่อเอาไว้ จากนั้นทั้งสามคนก็พากันเดินเข้าไปข้างใน และในที่สุดก็เจอกับครอบครัวของนายหัวบุรินทร์สักที
"ว่าไงลูกชายไม่ค่อยกลับบ้านเลยนะ ว่าแต่พาใครมาด้วย ทั้งเด็กแล้วก็ผู้หญิงพร้อมเลย"
"นั่นสิ เข้ามานั่งก่อน"
คุณพ่อกับคุณแม่ของเขาเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นนายหัวบุรินทร์กุมมือผู้หญิง แล้วก็เด็กผู้ชายอีกคนเข้ามาในห้องรับแขก
"สวัสดีค่ะ หนูเนตรนภาค่ะ"
และเมื่อทั้งสามคนเข้าไปนั่งอยู่ตรงโซฟาในห้องรับแขก เนตรนภาก็ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนอย่างนอบน้อม คุณแม่ของเขาจ้องมองใบหน้าของเธออย่างรู้สึกคุ้นเคยประหลาด
"หน้าหนูนี่คุ้นๆ นะ"
"ก็คนเดียวกับที่ผมเลี้ยงไว้เมื่อ 7 ปีก่อนไง"
"ใช่จริงด้วย! ก็ว่าทำไมถึงหน้าคุ้น ไหนแกบอกว่าหนูคนนี้ไปเรียนต่อเมืองนอก ก็เลยเลิกลากันไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ แล้วเด็กคนนี้ล่ะลูกใคร"
คุณแม่ของเขาจ้องมองใบหน้าบลูเบลอย่างพิจารณา ซึ่งท่านยังไม่กล้าพูดอะไรมาก แต่ทว่าผู้ใหญ่อีกคนกลับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยดูไม่ทุกข์ร้อน
"หน้าเหมือนลูกคุณขนาดนั้น ไม่น่าถามนะว่าลูกใคร"
"ฉันว่าจะไม่พูดแล้วเชียว เฮ้อ!"
คุณแม่ถึงกับกุมขมับ จ้องมองไปยังใบหน้าของเด็กน้อยพานนึกถึงลูกชายของตัวเอง เมื่อตอนเป็นเด็กตัวเล็กนิดเดียว ก็มีใบหน้าละม้ายคล้ายแบบนี้เลย
"สวัสดีครับคุณปู่คุณย่า ผมชื่อบลูเบลครับ เป็นลูกชายของพ่อบุรินทร์ แม่เนตรครับ ตอนนี้อายุได้ 4 ขวบครึ่งแล้วครับ"
ไม่พูดเปล่าแถมยังเดินเข้าไปหาผู้ใหญ่ทั้งสองคน คลานเข่าเข้าไปตรงหน้า ก่อนจะยกมือไหว้กราบแนบตักอย่างอ่อนน้อม ตอนแรกดูเหมือนจะหน้าตึงใส่ แต่พอเจอเด็กน้อยอ้อนแบบนี้ ผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็เผยยิ้มออกมา เริ่มหลงเด็กตรงหน้าแทบไม่ไหว
"โธ่หลานย่า ลุกขึ้นมาสิไหนขอดูหน้าให้เต็มตาหน่อย"
คุณแม่ของนายหัวบุรินทร์ หรือคุณหญิงผกากรอง อุ้มเด็กน้อยขึ้นมานั่งลงบนตัก จ้องมองสำรวจก่อนจะยิ้มออกมาอย่างหลงใหล ใบหน้าเหมือนลูกชายของเธอตอนเด็กมาก แทบไม่ต้องถามหาใบตรวจดีเอ็นเอเลยด้วยซ้ำ เพราะมันแสดงออกมาบนใบหน้าแล้ว
"ทำไมหน้าเหมือนพ่อแบบนี้หลาน โอ๊ย! ไปอยู่เมืองนอกเมืองมาหลายปี ลำบากแน่เลยใช่ไหม"
"ไม่ลำบากอะไรหรอกครับ แม่เนตรเลี้ยงบลูเบลมาอย่างดีเลยครับ ไม่เคยอดอยากเลย"
"โธ่เอ้ย ทำไมน่ารักแบบนี้ ไหนขอย่ากอดหน่อยสิครับ"
คุณหญิงผกากรองโอบกอดหลานชายเอาไว้ ก่อนจะอุ้มไปวางไว้ที่ตักของคนเป็นสามี ดูเหมือนว่าคุณปู่กับคุณย่าจะหลงหลานเอามาก จนทำให้บุรินทร์ และเนตรนภาอดยิ้มตามไม่ได้ ทั้งสองคนหันมามองสบตากันแต่จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"บอกแล้วว่าพ่อกับแม่พี่ต้องหลงหลาน"
"ใครสอนให้บลูเบลพูดแบบนั้นคะ"
"พี่สอนเองแหละ..."
"ร้ายมาก!"
ดูเหมือนว่าตอนนี้บลูเบลจะลืมว่าตัวเองมากับใคร ปล่อยให้คุณพ่อกับคุณแม่นั่งเล่นอยู่ตรงห้องรับแขก ส่วนตัวเองไปเดินเล่นกับคุณปู่คุณย่าข้างนอกตัวบ้าน ชวนคุยจ้อไม่หยุด ก็ไม่คิดเลยว่าจะสนิทกันเร็วขนาดนั้น"เนตรกลัวลูกจะรบกวนคุณพ่อคุณแม่ของคุณจังเลยค่ะ""ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ หนูก็เห็นว่าพ่อกับแม่พี่หลงหลานแค่ไหน เดี๋ยวดูนะไม่ยอมให้กลับแน่ แล้วถ้าเกิดว่าพี่พาลูกกลับไปอยู่ที่เกาะ พวกท่านก็จะตามไปอีก"เนตรนภาพอเข้าใจในประโยคคำพูดของเขา ซึ่งประเมินจากสายตาพวกท่านก็ดูรักลูกชายของเธอ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ในตอนแรกไม่กล้าที่จะบอกใครด้วยซ้ำ แต่พอเห็นแบบนี้ก็อดดีใจไม่ได้จริง ๆ"เนตรดีใจนะคะ ที่คุณพ่อกับคุณแม่เอ็นดูหลาน เห็นแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ ตอนแรกคิดว่าไม่มีใครรับบลูเบลเข้ามาเป็นครอบครัวด้วยซ้ำ"มันก็ไม่ได้ผิดถ้าเธอจะคิดแบบนั้น เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเป็นกังวลกับเรื่องนี้ตลอด ถ้าเกิดว่าคุณบุรินทร์รู้ขึ้นมาจะเป็นยังไง แต่พอเห็นเขารักลูกมาก และครอบครัวก็ดูเอ็นดูบลูเบลเป็นพิเศษ หญิงสาวก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ"เราคิดมากเกินไปแล้ว มันไม่ได้มีอะไรเลย พี่รู้ว่าเราคิดมากหลายอย่าง เอาเป็นว่าตอนนี้
และคืนนั้นน้องบลูเบลก็ขอไปนอนกับคุณปู่ คุณย่า เอาจริงเธอเองก็ไม่คาดคิดว่าลูกชายตัวแสบจะสนิทสนมกับคนที่บ้านนี้เร็วขนาดนั้น ถ้าเป็นคนอื่นไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กจะยอมไปนอนด้วยแบบนี้ไหม"ทำไมไม่นอนคะหนู เป็นอะไรรึเปล่าทำไมทำหน้ากังวลขนาดนั้น เป็นห่วงลูกเหรอไง""ห่วงสิคะ ไม่เคยแยกกันด้วยซ้ำไป ไม่คิดว่าลูกจะสนิทสนมกับคุณปู่ คุณย่า เร็วมากขนาดนี้เลย"เนตรนภาเอ่ยออกมาตามความเป็นจริง ส่วนหนึ่งก็แค่กลัวว่าลูกจะรักเธอน้อยลง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอมีลูกเพียงแค่สองคนจริง ๆ ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราสองคนต้องห่างกัน คงทำใจลำบากมากเลยแหละ"คิดมากน่ายังไงลูกอยู่บ้านหลังเดียวกับเรานะ อีกอย่างหนึ่ง ตลอดสี่ปีมานี้คงจะเหงามากเลยแหละ พอเจอเพื่อนเล่นเยอะแถมยังเอาใจเก่งก็เป็นธรรมดาของเด็กที่จะคล้อยตามไป""ก็พอเข้าใจค่ะ เนตรจะพยายามคิดมากให้น้อยลงนะคะ"นายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูภรรยา เขารู้ว่าเธอป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างคิดมากมาแต่ไหนแต่ไร แต่ทว่าคนเราเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องทำใจว่าลูกไม่มีทางอยู่กับเราตลอดชีวิต คนที่จะอยู่กับเราไปจนตายก็คือตัวเราเองทั้งนั้น"หนูอย่าคิดมากเลยนะ อนาคตลูกต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง เอาเว
หญิงสาวนิ่งอึ้งไปเลย เพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเปิดตัวเธอกับพนักงานคนอื่น ความจริงแล้วเธอยังไม่พร้อมสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าเพิ่งกลับมาเจอกันไม่นาน หลายปีผ่านมาอะไรก็คงเปลี่ยนไปเยอะ จึงจำเป็นจะต้องปรับจูนกันใหม่ แต่เท่าที่ดูตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหากันเลย คงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะมั้ง"เปิดตัวแบบนี้เลยเหรอคะ หนูยังไม่พร้อมเลยนะ""ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เรื่องแค่นี้เอง ยังไงพนักงานทุกคนก็ต้องรู้จักหนูอยู่แล้ว เปิดตัวไปเลยเนี่ยแหละ จะทำอะไรได้สะดวกขึ้น"เขายื่นมือไปกุมมือภรรยาเอาไว้ ก่อนจะพากันเดินเข้าไปข้างในร้าน ซึ่งตอนนี้ผู้จัดการสาขาใหญ่กำลังเตรียมเอกสารให้ท่านประธานตรวจเช็กความเรียบร้อยอยู่"คุณดาคะ นายหัวมาแล้วค่ะ""บุรินทร์มาแล้วเหรอ"ดาริกายิ้มกว้างออกมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนสนิท เธอมาช่วยงานนายหัวบุรินทร์ได้หลายปีแล้ว เรียกว่าสนิทกันมาก และเธอก็ยังโสดมาจนถึงตอนนี้ เพราะว่าแอบรักเขามานานแล้ว มีความหวังเสมอว่าอนาคตเราสองคนจะลงเอยกันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใคร"บุรินทร์มาแล้วเหรอคะ... เอ่อ"เธอนิ่งเงียบไปทันทีเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอรู้จักดีว่าเจ้าหล่อนเป็
เนตรนภาเดินกลับเข้ามาหาชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งตรวจเอกสารบัญชีอยู่ และเมื่อหญิงสาวก้าวเท้าเข้ามา เขาก็วางทุกอย่างลงก่อนจะหันไปกุมมือภรรยา และดึงเธอเข้ามานั่งลงเคียงข้าง"เสร็จหรือยังคะ""เรียบร้อยแล้วค่ะ ปกติบริษัทของเรามีบัญชีคอยตรวจสอบความเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีผิดปกติตรงไหนเดี๋ยวทางนั้นก็ส่งข้อมูลมาเอง เอาเป็นว่าผมกลับก่อนแล้วกันนะ ถ้าทุกคนมีปัญหาอะไรก็ติดต่อไปยังณดลก็ได้ เขาจะแก้ปัญหาให้ทุกคนเอง ไปค่ะเนตรไปหาลูกกัน""เนตรกลับก่อนนะคะทุกคน"หญิงสาวส่งยิ้มให้กับพนักงานคนอื่น จากนั้นก็ควงแขนสามีพากันเดินออกไปจากห้องบัญชี ตอนแรกนายหัวบุรินทร์ตั้งใจที่จะเอาเครื่องประดับในร้านให้ภรรยา แต่พอคิดไปคิดมาสั่งทางพิเศษให้ดีกว่า อาจจะใช้เวลาหน่อยแต่มันมีคุณค่า และมีราคามากเกินกว่าที่เธอจะหาได้จากในอีก"ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะ มีอะไรหรือเปล่า""ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เนตรมีเรื่องจะคุยกับพี่ด้วยนะคะ เป็นเรื่องเมื่อ 5 ปีที่แล้วค่ะ""หืม... เรื่องอะไรเหรอ เป็นเรื่องเดียวกับที่เนตรไม่ยอมกลับมาหาพี่หรือเปล่า"ชายหนุ่มเอ่ยออกมาพร้อมกับยื่นมือไปโอบรอบเอวภรรยาเอาไว้ จากนั้นก็พาไปขึ้นรถตรงลานจอด ซึ่งคนขับรถขับมารออย
เมื่อสองสามีภรรยาเดินทางกลับมาที่คฤหาสน์ ก็พากันไปอยู่กับลูกชายจอมแสบ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าจะติดคุณปู่กับคุณย่ามาก ก็ไม่แปลกหรอกสำหรับเด็กที่ถูกตามใจแบบนั้น พออยู่กับคุณแม่ก็จะถูกอบรมสั่งสอน บางสิ่งอย่างที่ดูจะไม่น่ารักคนเป็นแม่ก็จะคอยตักเตือน ใจเธอในตอนนี้อยากจะพาลูกกลับไปอยู่ที่เกาะเหมือนเดิม เพราะการที่เจอแต่คนสปอยอาจจะทำให้เสียนิสัยได้"อยู่นานกว่านี้ไม่ได้หรือไง พ่อกับแม่จะคิดถึงหลานแย่น่ะสิ""เอาหลานไว้ที่นี่ไม่ได้เหรอ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะเป็นคนส่งเสียน้องบลูเบลให้เรียนโรงเรียนที่ดีที่สุด จะดูแลให้ความสุขสบายทุกอย่าง สัญญาเลย"คุณปู่กับคุณย่าเริ่มหว่านล้อมลูกชายแล้วก็ลูกสะใภ้ เพราะว่าอยากให้หลานตัวน้อยมาอยู่ด้วยที่นี่ คนแก่ก็รู้สึกเหงาเป็นธรรมดา แต่สำหรับเนตรนภาแล้ว เธอไม่อยากอยู่ห่างจากลูกน้อยเลย โดยเฉพาะตอนนี้เพิ่งอายุอานามไม่เยอะ แต่ถ้าเกิดว่าอนาคตโตขึ้น และสามารถตัดสินใจเองได้ อยากจะมาอยู่กับคุณปู่คุณย่าเธอก็จะไม่ว่าอะไรทั้งนั้น"ถ้าเกิดว่าคุณพ่อกับคุณแม่คิดถึงหลานก็ไปอยู่ด้วยกันที่เกาะก็ได้นะคะ ตอนนี้น้องบลูเบลยังเด็กอยู่เลยค่ะ เนตรอยากจะอยู่กับลูกให้นานกว่านี้หน่อย ถ้าเกิดว่า
นายหัวบุรินทร์กุมมือลูกชาย และภรรยาพาเดินไปโดยรอบโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง ถึงเวลาที่น้องบลูเบลจะต้องเข้าเรียนให้ทันเพื่อน โชคดีที่มีพื้นฐานมาบ้างจึงทำให้เทียบระดับได้"ผมชอบโรงเรียนนี้มากเลยครับ มีสระว่ายน้ำใหญ่ด้วย""สรุปว่าลูกชายของพ่อเรียนที่นี่นะ เดี๋ยวจะได้ไปคุยกับอาจารย์"บุรินทร์ก้มลงมองสบตากับเจ้าตัวเล็ก ถ้าเกิดว่าลูกชายถูกใจเขาก็จะให้เรียนที่นี่ บรรยากาศโดยรอบดูดีเลยทีเดียว อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี แถมมีตัวเลือกในการเรียนหลากหลาย เขาเป็นคนที่ไม่ชอบบังคับใครโดยเฉพาะคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นถ้าลูกชอบเขาก็จะพร้อมสนับสนุนเต็มที่"ได้เลยครับ บลูเบลเจอเพื่อนเมื่อกี้ด้วย พวกเขาเล่นกันสนุกเลยครับ""เร็วจังเลยนะเพิ่งจะมาแป๊บเดียวเอง"เขาหันไปมองใบหน้าของภรรยาก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูลูกชาย โชคดีที่น้องบลูเบลเป็นเด็กเลี้ยงง่าย เข้ากับคนอื่นได้ดี จึงไม่มีปัญหากับการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้คุณพ่อจัดการเรื่องเรียนของลูกนะ แต่ว่าตอนนี้เรากลับกันดีไหม แม่รู้สึกไม่ดีเลยเวียนหัวแล้วก็อยากจะอาเจียนยังไงก็ไม่รู้""หนูไม่สบายเหรอคะ ถ้างั้นเรารีบกลับกันเถอะ ไปนอนพักผ่อนดีกว่า"เขาร
หลังจากที่นายหัวบุรินทร์ทราบว่าภรรยาสุดที่รักได้มีทายาทเพิ่มให้เขาอีกคนหนึ่ง กลายเป็นว่าตอนนี้ติดหนึบคนรักไม่ยอมห่างไปไหน เธออยากได้อะไรหรือแม้กระทั่งอยากกินอะไรเขาก็หามาให้ทุกอย่าง ส่วนลูกชายจอมแสบก็ติดหนึบคุณแม่ไม่แพ้กัน ยิ่งรู้ว่าตอนนี้กำลังจะมีน้องด้วย กลายเป็นว่าสองพ่อลูกหลงเธอไม่ยอมอยู่ห่างเลย"ไปหาอะไรอย่างอื่นทำบ้างดีไหมคะ เฝ้าหนูทำไมนักหนา""ก็เผื่อว่าหนูอยากจะได้อะไรไงคะ ช่วงนี้กำลังท้องอ่อน ๆ ถ้าเกิดว่ามีอุบัติเหตุหรืออะไรจะได้ช่วยเหลือกันทันไง"ไม่พูดเปล่า ยังเอามือทั้งสองข้างมานวดเท้าให้เธออีก อะไรจะดูแลกันดีขนาดนั้นก็ไม่รู้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ แต่เขาควรที่จะไปทำงานดูแลลูกน้อง เพราะเธอเองก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว อยู่ที่บ้านกินนอนไม่เป็นอะไรหรอก"จะมาแช่งหนูทำไมคะ คุณณดลโทรมาตามหลายรอบแล้วมั้งคะ เข้าไปทำงานบ้างเถอะค่ะ หนูอยู่ได้""คุณพ่อไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวน้องบลูเบลจะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่เองครับ""น่ารักที่สุดเลยลูกชายพ่อ เอางั้นก็ได้เดี๋ยวพ่อไปทำงานดีกว่า แล้วเราล่ะทำการบ้านด้วยนะ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแล้วรู้หรือเปล่า"บลูเบลโอบกอดรอบคอคุณพ่อเอาไว้ จากนั้นก็โน้มใบหน้าเข้
หลังจากที่เขาไปส่งลูกชายเสร็จก็เดินทางกลับมาหาภรรยาที่คฤหาสน์บนเกาะบุรินทร์ ตอนนี้เธอกำลังคุยกับแผนกไอที เกี่ยวกับการทำเว็บไซต์ขายเครื่องประดับออนไลน์อยู่ ถึงแม้ว่าเราสองคนจะเป็นสามีภรรยากัน แต่อย่าลืมว่าเนตรนภาเธอเรียนจบจากต่างประเทศ และอายุเราสองคนค่อนข้างจะห่างกันเยอะ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตครอบครัว แต่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อเรื่องงานเนื่องจากว่าเราทั้งสองคนเกิดคนละช่วงเวลากัน"เราต้องจัดลำดับลูกค้าแบบ VIP แล้วก็ VVIP ด้วยนะคะ เพราะมันจะมีการสะสมคะแนนด้วย แต่การบริการยังคงดูแลแบบเท่าเทียมกันนะคะ ส่วนเรื่องสิทธิพิเศษเราจะแจ้งไปในเงื่อนไขในการรับบัตรสมาชิก""ได้เลยครับคุณเนตร เดี๋ยวทางเราจะจัดการให้ตามนี้เลย มีอะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ"พนักงานจดข้อมูลที่ภรรยาของนายหัวแจ้งด้วยความตั้งใจ เป็นสิ่งที่พวกเขาอยากจะทำมานานแล้วเหมือนกัน แต่เนื่องจากว่านายหัวบุรินทร์ไม่ได้มีความสนใจในสื่อโซเชียล ถึงแม้ว่าเขาจะไม่โปรโมตสินค้าในร้านของตัวเอง ก็มีกำไรจากการขายไข่มุกให้กับพ่อค้ารายใหญ่มากมายอยู่แล้ว"เอาเท่านี้ก่อนค่ะ เดี๋ยวถ้าอยากได้อะไรเพิ่มเติมเนตรจะแจ้งไปเอง""ได้เลยครับคุณเนตร""คุยง
สองปีผ่านไป...ในตอนนี้น้องบีน่าอายุได้สองขวบกว่าแล้ว พูดเก่งมากถามนั่นนี่ไม่หยุด ส่วนพี่ชายคนโตอายุอานามก็ประมาณ 7 ขวบกว่า เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แถมยังเรียนเก่งที่สุดในรุ่นอีกด้วย เป็นคนที่ไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง แต่นายหัวบุรินทร์ก็ไม่เคยพูดจาคาดหวังกับลูกชาย เพราะไม่อยากกดดันลูกมากนัก อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด"บีน่าพี่บอกแล้วไงว่าเวลากินห้ามใช้มือจับแบบนี้ ต้องใช้ส้อมจิ้มก่อน มานี่ครับเดี๋ยวพี่จะสอน"น้องบลูเบลอุ้มน้องสาวให้มานั่งที่เก้าอี้ จากนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ที่อยู่ในจาน จากนั้นก็ส่งไปให้น้องสาวเธอไว้ หยิบทิชชูเช็ดริมฝีปากให้ด้วยความห่วงใย"อันนี้อย่อย""อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลย ถ้าเกิดว่าหมดเดี๋ยวพี่ไปเอาใหม่มาให้ แล้วดูสิมือเลอะหมดเลยเห็นไหม เดี๋ยวพี่เช็ดให้ดีกว่า"พี่ชายคนดีใช้ผ้าขนหนูค่อย ๆ เช็ดมือให้น้องสาว ตั้งแต่น้องคลอดออกมาจนถึงตอนนี้ เขาดูแลน้องและหวงแหนเป็นอย่างมาก คนเป็นพ่อแม่สะกิดนิดเดียวยังไม่ได้เลย น้องร้องไห้ก็โอ๋เอง เรียกได้ว่าห่วงน้องหนักจนคนเป็นแม่เริ่มกังวล"พี่บุรินทร์คะ เนตรว่าน้องบลูเบลห่วงน้องหนักมากเกินไปนะคะ ถ้าเ
ช่วงค่ำ...ในตอนนี้ท่านบรรพต คุณหญิงผกากรอง ท่านสมเกียรติ และคุณหญิงนพรัตน์ รวมถึงลูกชายซึ่งก็คือท่านนายกคนปัจจุบัน และแฟนของเขา นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารใจกลางคฤหาสน์สุดหรูของนายหัวบุรินทร์ และมีเนตรนภากับลูกชายนั่งอยู่ร่วมโต๊ะเช่นกัน"บลูเบลดีใจจังเลยครับที่ทุกคนมาเที่ยวหา""โธ่เอ๊ยเด็กแสบ ใครก็อยากจะมาอยู่กับเราทั้งนั้นแหละ แต่ทุกคนก็ต้องทำงานไง เข้าใจใช่ไหมครับ""เข้าใจอยู่แล้วครับ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วครับคุณลุง ถ้างั้นเรากินข้าวกันเถอะครับผมหิวแล้ว"เด็กน้อยชี้นิ้วไปที่หมูกรอบชิ้นใหญ่ตรงหน้า คุยโม้นักหนาว่าตัวเองชอบกินผัก แต่พออาหารตรงหน้าเป็นหมูกรอบ กับเลือกที่จะทิ้งสิ่งที่ชอบไว้บนจานทันที"แล้วบอกว่าตัวเองชอบกินผัก แต่เห็นหมูกรอบทีไรหยิบใส่ปากทันทีเลยนะ""แฮะ! ก็มันอร่อยนี่ครับ กรอบมาก"เด็กน้อยเอ่ยออกมาก่อนจะหยิบหมูกรอบใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ผู้ใหญ่ที่เห็นก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ การมีเด็กมาวิ่งเล่นทั่วบ้านก็ทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่เหงาเลย พูดจ้อไม่หยุดทำให้ทุกคนมีเรื่องสนทนาคุยกันทั้งวันทั้งคืน โดยเฉพาะเรื่องของหลานกลายเป็นบทสนทนาหลักในการคุยกันเสร็จแล้ว"แล้วเจ้าตัวเล็กอีกคนล่ะจะคลอดเมื่
และในที่สุดก็การประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งพรรครักประชาชนได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างล้นหลาม ได้เก้าอี้คะแนนเสียงเกินครึ่งของสภา สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องมีพรรคร่วม"ดีใจด้วยนะเนติในที่สุดก็ทำได้"นายหัวบุรินทร์ถือช่อดอกไม้มาแสดงความยินดีให้กับว่าที่นายกคนใหม่ รวมถึงเนตรนภาที่วิ่งเข้ามาสวมกอดพี่ชายด้วยความดีใจ"ดีใจจังเลยมีพี่ชายได้เป็นนายกแล้ว""ขอบคุณมากนะน้องสาว เพราะว่าเนตรมีสามีเป็นพี่บุรินทร์ เขาดีกับครอบครัวเรามาก แถมยังทำให้คุณพ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอีก ผมขอบคุณมากเลยนะครับสำหรับทุกอย่าง"เนติยกมือขอบคุณผู้ชายตรงหน้า เพราะเขาจึงทำให้ครอบครัวของเรากลับมารักกันเหมือนเดิม เปลี่ยนให้คุณพ่อกลายเป็นคนธรรมดา ไม่บังคับจิตใจของคนในบ้านอีกส่วนไอซ์ตอนนี้ก็เข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมคุณพ่อกับคุณแม่ยังลงทุนเปิดคาเฟ่ให้อีก เรียกว่าตอนนี้กลายเป็นลูกรักแทนที่เขาเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าไอซ์เขาเรียนเชฟมา ทำอาหารอร่อย ทำขนมก็เก่ง คุณพ่อกับคุณแม่ถูกใจมากเอ่ยปากชมไม่มีหยุด เขาก็เลยตกกระป๋องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"ขอบคุณอะไรนักหนาเนี่ย ทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ตอนนี้อยู่ในช่วงลงคะแนนเสียง และช่วงค่ำน่าจะรู้แล้วว่าพรรคไหนจะได้คะแนนเสียงเยอะที่สุด ดูจากผลสำรวจก็น่าจะไม่ผิดโผสักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้"เดี๋ยวจะเริ่มนับคะแนนกันแล้ว หวังว่าพรรคของเราจะได้ทำเพื่อประชาชนอีกสมัยหนึ่งนะ"และที่ทำการพรรคทุกคนกำลังนั่งประชุมกันอยู่ และก็จะมีตัวแทนของแต่ละพรรค เข้าดูการนับคะแนนในแต่ละเขต เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตในช่วงการนับคะแนนที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าและที่ทำการพรรคจะมีโปรแกรมนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งตัวแทนที่อยู่ประจำหน่วยยืนดูเขานับคะแนน จะแจ้งผลเบื้องต้นให้ทางนี้รับทราบ ซึ่งคะแนนจะไม่เป็นทางการแต่ก็พอเดาได้ว่าพรรคไหนที่มีคะแนนนำในเวลานั้น"ยังไงผมต้องขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ที่คอยแนะนำแล้วก็ให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่อย่างผม ถ้าเกิดว่ามีโอกาสในการได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะตั้งใจทำเพื่อประชาชน แล้วก็จะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคผิดหวังเด็ดขาด"เนติขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมาสัญญากับทุกคนที่อยู่ภายในห้องประชุมนั้น ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ได้เลือกให้เขามายืนอยู่จุดนี้ แต่เป็นเพราะอำนาจของพี่เขยที่ยื่นข้อเสนอใ
ชายหนุ่มดึงรั้งตัวภรรยาให้มานั่งลงอยู่บนเตียงนอน แต่เนื่องจากเธอมีอายุครรภ์ที่ค่อนข้างโต จึงไม่สามารถขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวของเธอได้ จึงเปลี่ยนใจอุ้มคนรักให้ขึ้นมาอยู่บนตัวของเขาแทน"ลำบากเหมือนกันนะคะเนี่ย"หญิงสาวถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อการมีเซ็กซ์ของคุณแม่ลูกสองค่อนข้างดูทุลักทุเลไม่น้อย แต่เพื่อความสุขของสามียังไงเธอก็ต้องยอม มันไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ให้ความสุขแก่คนรัก เพราะถึงแม้จะท้องโตแต่ก็ใช่ว่าจะมีไม่ได้สักหน่อย"ไม่ลำบากหรอกหนูก็อยู่ข้างบนนั่นแหละ เดี๋ยววันนี้พี่จะทำเบา ๆ เดี๋ยวหนูจะปวดท้องเอาได้"เขานอนราบลงกับเตียง ก่อนจะจับเอวเล็กของภรรยาทั้งสองข้างจึงรั้งขึ้นมาบนตัวของเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ เลิกกระโปรงขึ้นไปไว้ที่ช่วงเอวของเธอ ใช้นิ้วเรียวถูไถยังน้องสาวเพื่อเล้าโลมภรรยาสุดที่รัก"อื้อ อ้าส์~"เนตรนภาถึงกับสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ไหว ถึงแม้จะท้องโตขนาดนี้ แต่เรื่องบนเตียงเขาก็ยังคงทำให้เธอมีความสุขได้เสมอ โชคดีที่ชายหนุ่มเป็นคนมีเหตุผล เข้าใจว่าธรรมชาติของคนท้องไม่เหมือนกับมนุษย์ปกติทั่วไป เขาจะมีวิธีในการทำให้เธอมีความสุขโดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงเหมือนทุกครั้ง"หอมจัง""ไม
ท่านสมเกียรติรู้สึกเกร็งไม่น้อยเลยกับการมาอยู่ที่นี่ อาจจะเพราะว่าตัวเองทำผิดพลาดไว้มาก แต่คนในครอบครัวไม่ถือโทษโกรธแถมยังให้อภัยง่ายดาย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ในการกระทำของตัวเอง และสัญญาว่าจะไม่ทำเหมือนอย่างอดีตที่ผ่านมาอีก"คุณหญิงผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม""กินข้าวก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้"คุณหญิงนพรัตน์รู้ดีว่าเขาเป็นกังวลมากแค่ไหน เธอกับลูกคุยกันว่าถ้าเจอคุณพ่อจะไม่มีใครพูดเรื่องอดีต เพราะสิ่งที่เขาได้รับมันหนักหนามากพออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมีอะไรภายในใจอยู่"คุยตอนนี้แหละ""ก็ได้ ลูกไปกินข้าวก่อนเลยนะ แม่กับพ่อจะไปคุยกันแป๊บหนึ่ง"เนตรนภา และนายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กุมมือลูกชายพากันเดินเข้าไปยังห้องอาหาร ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ได้เคลียร์ใจกันให้จบ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"มีอะไรเหรอคะ ฉันไม่ได้โกรธหรือติดใจอะไรทั้งนั้น คุณจะคิดมากทำไม"คุณหญิงเอ่ยออกมาก่อนจะกุมมือของสามีเอาไว้ทั้งสองข้าง ท่านสมเกียรติดึงภรรยาเข้ามาสวมกอดอย่างกลัวว่าเธอจะหายไปไหนอีก เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ที่เขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว มันโดดเดี่ยว และรู้สึกทรมานหัวใจมาก จากที
เมื่อจบประโยคของลูกเขยท่านสมเกียรติก็นิ่งเงียบไปทันที ไม่รู้จะเอาประโยคไหนมาเถียงกลับ เพราะทุกสิ่งอย่างที่เขาทำมันก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาทั้งนั้น เวลาผ่านมาที่เขาอยู่คนเดียว และคิดทบทวนกับทุกสิ่ง มันก็ได้คำตอบที่แน่ชัดเราว่าท้ายที่สุดตัวเราเองก็ต้องการแค่ครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้น"รู้แล้วน่าว่าฉันผิด แต่คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งลูกแล้วก็เมียหนีออกไปหมดเลย""ทำไมจะแก้ไขอะไรไม่ได้ล่ะครับ ไม่มีใครเกลียดคุณพ่อเลยสักคน ทุกคนแค่รอว่าคุณพ่อจะเป็นคนใหม่ตอนไหนก็เท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นเยอะเลยนี่ครับ ผมว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่คุณพ่อควรจะแก้ไขทุกอย่างที่เคยทำผิดพลาด ทุกคนพร้อมให้โอกาสนะครับ แล้วอีกอย่างหนึ่งกำลังจะเป็นคุณตาที่มีหลานถึงสองคน ทำหน้าตาให้มันดูสดใสหน่อยสิครับ"ท่านสมเกียรติถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หมายความว่ายังไงที่บอกว่าเป็นคุณตาที่มีหลานถึงสองคน"นายหมายความว่ายังไง""ก็หมายความว่าตอนนี้เนตรกำลังอุ้มท้องลูกคนที่สองอยู่ ถ้าคุณพ่ออยากอยู่กับหลานผมแนะนำให้เป็นคนใหม่แล้วก็ไปง้อลูกง้อเมียนะครับ แต่ถ้าเกิดว่าไม่ก็คงจะต้องได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจนตาย""ปากดีนักนะแกเนี่ย"ถึงจะบ่นแบบ
เวลาผ่านไป...หลังจากที่นายหัวบุรินทร์จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เนตรนภากับลูกก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากขึ้น ไม่ต้องมาคอยระแวงว่าคุณพ่อจะบังคับให้ทำตามอำเภอใจอะไรอีก และที่สำคัญคุณแม่ย้ายมาอยู่ที่นี่สักพักใหญ่แล้ว ส่วนพี่ชายก็เดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มกำลัง เป็นส.สบัญชีรายชื่อลำดับที่ 4 นับเป็นแคนดิเดตนายก ที่ทางพรรคจะส่งเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป"ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง พี่ชายก็ไม่กลับบ้านเลย คุณแม่ก็มาอยู่ที่นี่ เอาจริงหนูก็เริ่มเป็นห่วงท่านอยู่นะคะ"เนตรนภาเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล ถึงแม้ว่าท่านจะทำตัวใจร้ายกับคนในครอบครัว แต่เธอไม่ใช่คนแบบนั้น ยังไงท่านก็เป็นคุณพ่อ ห่างหายกันไปนานแบบนี้ต้องอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยเฉพาะตอนนี้ท่านอยู่คนเดียวด้วย"เดี๋ยวพี่ไปดูให้ ก็ไม่คิดว่าจะใจแข็งขนาดนี้นะ แต่เอาจริงก็ไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไหร่ คนดื้อรั้นแบบนั้นไม่ยอมฟังใครง่าย ๆ แน่"นายหัวบุรินทร์อุ้มภรรยาให้ขึ้นมานั่งลงบนตัก ลูบหน้าท้องของคนรักด้วยความเอ็นดู ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ เขาไม่อยากจะให้คิดมาก ส่วนเรื่องพ่อตาเดี๋ยวจะไปเคลียร์ด้วยตัวเอง"ห้ามเครียดนะรู้หรือเปล่า ตัวเองไม่ไ
ทุกคนไม่คิดว่าสิ่งที่นายหัวบุรินทร์ต้องการจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านนายกคนปัจจุบันกำลังจะอำลาตำแหน่ง เนื่องจากว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งตอนนี้เขายังทำหน้าที่รักษาการอยู่ ประชาชนค่อนข้างที่จะรักท่านนายกรัฐมนตรีคนนี้มาก และถ้าเกิดว่าจะต้องเปลี่ยนแคนดิเดตนายกในเวลานี้ อาจจะทำให้ประชาชนเปลี่ยนใจเทคะแนนเสียงไปที่พรรคอื่นก็เป็นได้"ทำแบบนี้พรรคเราจะแย่เอานะครับ ประชาชนค่อนข้างรักท่านสมเกียรติ พวกเราถึงเลือกแคนดิเดตนายกเป็นท่านดังเดิม""ไร้สาระน่า การที่ประชาชนจะเลือกใครสักคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนคนเดียว พรรครักประชาชนสู้เพื่อประชาชนมาโดยตลอดเกือบ 20 ปี ไม่ว่าแคนดิเดตนายกจะเป็นใคร ผมเชื่อว่าประชาชนจะยังคงเลือกพรรคของเรา"ทุกคนไม่มีใครพูดหรือเถียงนายหัวบุรินทร์กลับ เนื่องจากว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นไม่ได้ผิดไปเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ประชาชนไว้ใจพรรคไม่ว่าจะเลือกใครขึ้นมาเป็นผู้นำ ทุกคนก็พอใจทั้งนั้น ขอแค่เห็นประโยชน์ของประชาชนมาก่อนเสมอ แค่นี้ก็จะชนะใจคนทั้งประเทศได้แล้ว"ก็ได้ถ้านายต้องการแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ชี้ตัวมาเลยสิว่าจะเลือกใครมาแทนที่ฉันในตอนนี้ แต่ขอหาคนที่เห