เขาเดินเข้ามาหาเนตรนภา และลูก จากนั้นก็ดึงมือทั้งสองคนให้ตามเข้าไปในห้องรับรองที่อยู่ชั้นล่างสุดของสำนักงานใหญ่ เมื่อทั้งสองคนเข้ามาข้างใน เขาก็ทำการปิดประตูล็อกอย่างแน่นหนา หันมามองสบตาหญิงสาวด้วยใบหน้าซีเรียส เพราะการที่เธอกลับมาที่นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่
"มาที่นี่ทำไม"
"มาสมัครงานไงคะ คุณบุรินทร์มีอะไรให้เนตรทำหรือเปล่า หนูทำได้ทุกอย่างเลยนะคะ"
"เอาดี ๆ เธอหายไปตั้ง 5 ปี แล้วกลับมาของานฉันทำเนี่ยนะ ใครจะเชื่อ"
หญิงสาวหันไปจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
"ทำไมคะ ทำไมถึงไม่เชื่อล่ะ ก็... เนตรเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศว่าจะหางานทำอยู่ที่ประเทศไทย แปลกตรงไหนคะที่จะมาสมัครงาน"
"แต่ที่ทำงานในประเทศนี้มีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมาสมัครงานที่เกาะนี้ แถมยังพาลูกมาด้วยอีก เอาดี ๆ เด็กคนนี้ลูกใคร"
เขาหันไปมองเด็กผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงโซฟา ส่งยิ้มมาให้อย่างน่าเอ็นดู และเมื่อนายหัวบุรินทร์เห็นแบบนั้นก็ใจอ่อนยวบ ไม่กล้าที่จะดุหญิงสาวตรงหน้ามาก กลัวว่าเด็กน้อยจะตกใจ
"ก็บอกแล้วไงคะว่าพ่อเด็กมันตายไปแล้ว คุณจะเอาอะไรกับเนตรนักหนา สรุปว่าจะไม่ให้สมัครงานที่นี่ใช่ไหมคะ งั้นเราสองแม่ลูกคงต้องออกไปหางานทำที่อื่น ข้าวก็ยังไม่ได้กินเลยค่ะ พูดแล้วก็สงสารลูก บลูเบลเราไปจากที่นี่กันเถอะ แม่คงต้องไปหางานทำที่อื่นแล้ว"
เธอทำน้ำเสียงเศร้าหมองก่อนจะหันไปเรียกลูกชายให้เดินมาหา บลูเบลขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะวิ่งเข้ามาสวมกอดคุณแม่ จ้องมองไปยังนายหัวบุรินทร์ตาใสแป๋ว ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงน่าสงสาร
"คุณลุงจะไม่รับคุณแม่ของผมทำงานจริงเหรอครับ"
"เอ่อ... คือไม่ใช่งั้น"
"ไปกันเถอะบลูเบล คนที่นี่ใจร้ายจัง"
สองแม่ลูกกุมมือกันก่อนจะเดินออกไปจากห้องนั้น ทว่าชายหนุ่มที่ตะโกนเรียกไว้ก่อน พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักใจ
"เดี๋ยวก่อนสิจะรีบไปไหนกันเล่า เออ ๆ รับก็ได้"
เนตรภาได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทันที เธอรู้จักเขาดีถึงเลือกที่จะพาลูกมาอยู่ที่นี่ยังไงล่ะ
"ขอบคุณมากเลยนะคะนายหัวบุรินทร์ ว่าแต่จะรับเนตรเข้าทำงานตำแหน่งอะไรเหรอคะ"
"ผู้ช่วยของฉันไง"
"แต่ว่าคุณมีผู้ช่วยแล้วไม่ใช่เหรอคะ"
"ก็มีแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันนี่ ณดลมีหน้าที่ทำงานแทนทุกอย่าง ส่วนใหญ่ออกไปดูงานข้างนอกไม่ค่อยอยู่ออฟฟิศหรอก แต่ถ้าเธอจะทำตำแหน่งนี้ก็ต้องตัวติดกับฉัน 24 ชั่วโมงนะ ทำได้หรือเปล่าล่ะ"
เขายิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ดูเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างมีอะไรอยู่ภายในใจ แล้วไม่รู้ว่าถ่านไฟเก่ามันจะจุดติดตอนไหน มันจะดับลงไปหรือจะลุกขึ้นเป็นกองเพลิง ก็คงต้องดูต่อไป
"ทำได้สิคะ เนตรทำได้"
"ก็ดี ถ้างั้นวันนี้ไปพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาเริ่มงาน"
"ว่าแต่ที่นี่มีห้องพักให้พนักงานหรือเปล่าคะ เนตรกับลูกไม่มีที่อยู่นะ"
นายหัวบุรินทร์เปิดประตูออกมา ก่อนจะเดินนำออกไปก่อน ส่วนหญิงสาวกุมมือลูกชายเดินตามเขามาอีกทีหนึ่ง โดยที่ณดล และพนักงานคนอื่นรออยู่ตรงหน้าประตู
"มีแต่ไม่ว่างหรอก"
"อ้าว... แล้วเนตรกับลูกจะไปอยู่ที่ไหนคะ"
"บ้านฉันไง"
สองแม่ลูกนั่งอยู่ในรถกับนายหัวบุรินทร์ และผู้ช่วยคนสนิทของเขาซึ่งเป็นคนขับรถ สายตาของชายหนุ่มจ้องมองมายังหญิงสาวแทบไม่กะพริบตาผ่านกระจกมองหลัง เธอรู้สึกอึดอัดไม่เป็นตัวของตัวเอง เนื่องจากว่าเขาเหมือนจะจับผิดกับเรื่องบางอย่าง
"ทำไมแม่ถึงไม่บอกพ่อครับ แล้วทำไมบลูเบลต้องเรียกพ่อว่าคุณลุงด้วยครับ"
เด็กน้อยกระซิบข้างใบหูของคนเป็นแม่ เนตรนภารีบดึงลูกชายมานั่งลงบนตักก่อนจะเอามือปิดปาก และเมื่อเด็กน้อยยอมเงียบเสียงก็ปล่อยมือออกจากริมฝีปาก ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดเอาไว้แน่น เอ่ยออกมาเสียงเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน
"มันยังไม่ถึงเวลา เราสัญญากันว่าอะไร"
"ผมสงสารคุณพ่อจัง แม่ไม่รักพ่อเหรอครับ"
เธอถึงกับถอนหายใจออกมา กอดรัดลูกชายเอาไว้ให้แน่นขึ้น มีเหตุผลบางอย่างในการกลับมาหาเขาที่นี่ และมีแค่นายหัวบุรินทร์คนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องลูกของเธอได้
"อย่าเสียงดังสิ เดี๋ยวเขาก็ได้ยินหรอก"
"ได้ยินแล้ว รถก็มีอยู่แค่นี้คิดว่าจะไม่ได้ยินหรือไง เดี๋ยวเราคงได้เคลียร์กันยาวนะเนตรนภา"
สายตาดุจ้องมองผ่านกระจกด้วยใบหน้าที่ซีเรียสเป็นอย่างมาก แค่เห็นหน้าก็รู้แล้วเพราะถ้าเด็กเป็นลูกของคนอื่น ใบหน้าก็ไม่ควรเหมือนเขาขนาดนี้ และคิดว่าเนตรนภาต้องมีเหตุผลบางอย่างในการที่จูงมือลูกมาหาเขาถึงที่นี่ ทั้งที่ตัวเองไม่ติดต่อมาเลยในระยะเวลา 5 ปี
"แม่บอกอย่าพูดเยอะไงเล่า"
"จะบ้าตาย เฮ้อ!"
ณดลเหลือบสายตามองสองแม่ลูกผ่านกระจกก่อนจะระบายยิ้มออกมา เหตุผลที่เจ้านายของตัวเป็นโสดมาจนถึงวันนี้ ก็เพราะผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างหลังนั่นแหละ เป็นปัญหาบางอย่างที่คุยกันไม่ลงตัว ทำให้ต้องแยกย้ายจากกันไป มันคงเป็นพรหมลิขิตหรืออะไรก็ตามที่ทำให้ทั้งคู่กลับมาเจอกันอีก แถมยังมีเด็กน้อยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย สงสัยนายหัวบุรินทร์คงจะได้วุ่นวายก็คราวนี้แหละ
และเมื่อเดินทางมาถึงที่บ้านของชายหนุ่ม หรือจะเรียกว่าคฤหาสน์ก็ได้ เพราะหรูหราสมฐานะเจ้าของเกาะ มองออกไปเห็นวิวทะเลงดงามตา ใครมาเห็นก็ต้องอิจฉา
"เข้ามาสิ"
หญิงสาวเดินเข้าไปข้างในคฤหาสน์สุดหรูพร้อมกับลูกชาย เธอเคยมาที่นี่เพราะว่าชายหนุ่มเป็นคนพามาเอง แต่เจ้าตัวแสบไม่เคยได้ย่างกรายเข้ามา จึงทำให้ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ
"ทำไมบ้านคุณลุงถึงหลังใหญ่จังครับ ว้าว... มองออกไปเห็นทะเลด้วย ตรงนั้นมีสระว่ายน้ำ บลูเบลชอบว่ายน้ำมากเลยครับ"
"อยากเล่นไหมล่ะเดี๋ยวพาไป"
"ผมเล่นได้จริงเหรอครับ"
เมื่อชายหนุ่มเอาสิ่งที่เด็กน้อยสนใจมาหลอกล่อ ก็ทำให้บลูเบลรีบปล่อยมือออกจากคุณแม่ ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาชายหนุ่ม จับมือขนาดใหญ่เอาไว้ด้วยมือเล็กทั้งสองข้าง ก่อนจะขยับไปมาด้วยความตื่นเต้น
"คุณลุงจะพาบลูเบลไปว่ายน้ำเหรอครับ"
"บลูเบลมาหาแม่เดี๋ยวนี้!"
"จะดุลูกทำไมไม่ทราบ ก็เด็กมันอยากว่ายน้ำ เป็นแม่ภาษาอะไรเนี่ย"
"แต่ว่า..."
"งั้นเราไปว่ายน้ำก่อนดีกว่า เรื่องของเธอกับฉันค่อยเคลียร์กันนะ เจ้าหนูชื่ออะไรนะ"
เขาละสายตาจากหญิงสาวขยับตัวลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าเด็กน้อย จ้องมองใบหน้านั้นที่ดูเหมือนกับตัวเองกำลังส่องกระจก ก็ถอนหายใจออกมาทันที
"ทำไมเหมือนกันขนาดนี้วะ"
"ผมชื่อบลูเบลครับ"
"ชื่อไม่น่ารักเลย เดี๋ยวตั้งให้ใหม่ดีกว่า"
"คุณบุรินทร์!"
"ยุ่ง! จะไปไหนก็ไป ปะเด็กแสบเราไปว่ายน้ำกันดีกว่า"
เขาอุ้มบลูเบลขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพากันเดินออกไปจากตัวบ้าน ซึ่งมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่อยู่ และมองออกไปเป็นทะเลบรรยากาศดีที่สุด
"ว้าว! ทะเลสวยมากเลยครับ"
"เราว่ายน้ำกันก่อนดีกว่า แล้วเดี๋ยวค่อยไปเล่นน้ำทะเลดีไหม"
"ดีครับ ดีที่ซู๊ดเยย"
เนตรนภามองตามทั้งสองคนไปก่อนจะถอนหายใจออกมา ไอ้ที่สัญญากันไว้กับเจ้าลูกชายจอมแสบน่าจะลืมหมดแล้วละมั้ง บอกให้ทำตัวเย็นชา และก็ห้ามเรียกคุณบุรินทร์ว่าพ่อ แต่ดูตอนนี้สิ...
"เฮ้อ! ทำไงดีเนี่ย"
ในตอนนี้นายหัวบุรินทร์อุ้มน้องบลูเบลไปเล่นน้ำด้วยกันอยู่ที่สระว่ายน้ำหน้าบ้าน ทั้งสองคนอยู่ในชุดว่ายน้ำ ซึ่งตอนนี้กำลังสนุกสนานเสียงดังลั่น ส่วนคนเป็นแม่ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งอยู่ขอบสระ จ้องมองไปทั้งคู่ด้วยความเป็นห่วง ณ ขณะนี้เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ทว่าไม่มีวี่แววจะขึ้นมาเลย"คุณบุรินทร์คะ ช่วยพาลูกของเนตรขึ้นมาหน่อยค่ะ นี่มันก็ครึ่งชั่วโมงแล้วนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอกค่ะ""แค่ครึ่งชั่วโมงเองจะรีบไปไหน อย่ามาไร้สาระน่า เห็นไหมว่าเด็กกำลังสนุก""แต่ลูกของเนตรจะไม่สบายนะคะ คุณรับผิดชอบไหวหรือไง"เนตรนภาเอ่ยออกมาเสียงดุ แต่ทว่าคนที่อยู่ในสระกลับทำเหมือนไม่สนใจ หันไปสาดน้ำเล่นสนุกสนานกับลูกชายของเธอ หญิงสาวถึงกับกุมขมับไม่รู้จะพูดกับเขายังไง ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือคิดผิดที่ตัดสินใจพาลูกมาอยู่ที่นี่"คุณบุรินทร์คะ ถ้าเกิดว่าเล่นน้ำกันเสร็จเนตรจะพาลูกกลับบ้านแล้วนะ แล้วก็จะไม่ทำงานกับคุณแล้ว""ว่าไงนะ!"เขาหันขวับไปมองหญิงสาวด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบว่ายน้ำเข้าไปอุ้มจอมแสบมาไว้ในอ้อมแขน รีบพากันขึ้นมาจากสระเพราะดูเหมือนว่าประโยคข่มขู่จะทำให้เขากลัว"ไปเลยไอ้แสบเราเล่นน้ำกันนานแล้ว อาบน้
เขาดึงรั้งตัวหญิงสาวให้เดินออกมาจากห้องนอนของลูกชาย ตะโกนเรียกแม่บ้านให้ขึ้นมาคอยดูแลบลูเบล ในระหว่างที่เขาพาเนตรนภาไปเคลียร์กันให้เข้าใจอีกห้องหนึ่ง"มีใครอยู่ตรงนี้หรือเปล่าขึ้นมาหน่อย""มีอะไรหรือเปล่าคะนายหัว""เข้าไปเฝ้าบลูเบลในห้องให้หน่อย ถ้าเกิดว่าตื่นก็มาเรียกที่ห้องแล้วกันนะ ผมจะพาเนตรไปคุยด้วย"แม่บ้านได้ยินแบบนั้นก็โค้งตัวเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้อง เพื่อทำตามที่นายหัวบุรินทร์สั่ง ส่วนเขานั้นดึงมือหญิงสาวให้ตามไปที่ห้องนอน และเมื่อทั้งสองคนเข้ามาถึง ชายหนุ่มก็ทำการปิดล็อกประตูให้แน่นหนา จากนั้นก็หันมามองสบตากับอดีตเด็กเลี้ยงที่เขาทั้งรักทั้งหลงเมื่อ 5 ปีก่อน"รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าตัวเองท้อง""คุณจะรู้ไปทำไมคะ""ตอบ!"เขาไม่ได้สนใจในสิ่งที่หญิงถามกลับ จ้องมองไปยังใบหน้าของเธอเพื่อกดดันคาดคั้นเอาคำตอบ เนตรนภากำมือตัวเองเอาไว้แน่น มาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องพูดความจริงทุกอย่างออกไป"รู้หลังจากที่ไปเมืองนอกได้เดือนเดียวค่ะ""แสดงว่าตอนที่อยู่ด้วยกันไม่รู้ใช่ไหมว่าตัวเองท้อง""ไม่รู้ค่ะ"เขาถอนหายใจออกมาทันที รู้ถัดจากนั้นเพียงแค่เดือนเดียวเอง ทำไมถึงไม่โทรศัพท์มาหาแล้วก็บ
หลังจากที่เขาพูดจบก็ดันตัวหญิงสาวให้ล้มลงบนเตียงนอน จากนั้นก็ขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวของเธอ ใบหน้าแสดงออกว่าหื่นกระหายอย่างเต็มที่ เขาไม่มีอะไรกับผู้หญิงมาเลยประมาณ 5 ปี ตั้งแต่ที่ไม่ได้ยุ่งวุ่นวายกลับอดีตเด็กเลี้ยงซึ่งก็คือเนตรนภา อาจจะเพราะว่ายังไม่เจอคนที่ถูกใจเท่าเธอ จึงทำให้กลายเป็นคนปิดกั้นตัวเอง จนไปรับปากสัญญากับเพื่อนไหมว่าจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต"เราเพิ่งเจอกันเองนะคะ คุณจะมานอนกับหนูแบบนี้ไม่ได้นะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาก่อนจะพยายามดันตัวเขาให้ออกห่าง ยังไม่ได้เคลียร์เรื่องที่มีผู้หญิงรับโทรศัพท์ก่อนหน้านั้นประมาณ 5 ปีที่แล้ว เขาก็คิดที่จะกินเธอแบบนี้มันไม่ได้หรอก"ทำไมจะนอนไม่ได้ ฉันเป็นผัวเธอ ไม่ใช่สิ... พี่เป็นผัวเธอ แล้วก็เป็นพ่อของลูกเธอ ทำไมจะทำไม่ได้"เขาจ้องมองใบหน้านั้นอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ แต่ทว่ารู้สึกว่าช่วงล่างเริ่มแข็งตัว ปวดหนึบไปหมดจึงทำให้เขาไม่สามารถอยู่นิ่งเฉย และคุยกับเธอได้"อื้อ! อย่าสิคะ"หญิงสาวเอ่ยออกมาก่อนจะหลับตาลงกับสัมผัสที่ชายหนุ่มมอบให้ ถึงปากจะขับไล่แต่ทว่าร่างกายกลับตอบสนองได้เป็นอย่างดี"หึ... เบียดเข้าหาขนาดนี้หยุดพูดเถอะ พี่รู้ว่าเธออยาก""พูดอะไรก
ทั้งสองคนนอนกอดกันอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ใบหน้าของทั้งคู่เอิบอิ่มไปด้วยความสุข ใครจะคิดว่าอดีตเด็กเลี้ยงที่เขาเคยเลี้ยงดู จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่เป็นทายาท มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา และคนที่คิดว่าตัวเองจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคนพ่อลูกหนึ่งเสียแล้ว"อย่าไปไหนจากพี่อีกนะรู้ไหม"ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ดึงเธอเข้ามาสวมกอดแนบอก ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขอร้องอ้อนวอน เขารู้ว่าเธอสามารถดูแลลูกได้ ไม่งั้นคงไม่อดทนดูแลด้วยตัวเองมาเป็นห้าปีหรอก ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอกลับมา"ก็ถ้าเกิดว่าคุณบุรินทร์ยอมรับเนตรกับลูกได้ และก็ไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่น หนูก็จะไม่ไปไหนค่ะ""พี่ไม่มีผู้หญิงคนอื่นจริง ๆ ก็บอกแล้วไงว่าตั้งแต่เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน พี่ก็ไม่เคยมีคนอื่นอีก"เขาไม่ได้แก้ตัวเพื่อให้เธอสบายใจ แต่ทว่าทุกอย่างที่พูดออกมามันคือความสัตย์จริง ตั้งแต่ที่เราเลิกลากันไปเขาก็ไม่เคยมีคนอื่น คิดจะครองตัวเป็นโสดจนตายเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเธอกลับมาพร้อมกับลูก ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องปฏิเสธ เพราะใบหน้าของบลูเบลมันชัดเจนแล้วว่าเป็นลูกของใคร"เนตรก็ไม
หลังจากนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง สองพ่อลูกก็พากันเดินกลับขึ้นมาชั้นบน เข้าไปในห้องนอนของนายหัวบุรินทร์ จนตอนนี้เนตรนภาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว"คุณแม่ตื่นแล้วเหรอครับ"เด็กน้อยเห็นคุณแม่กำลังหวีผมอยู่ตรงหน้ากระจก ก็รีบปล่อยมือคุณพ่อก่อนจะวิ่งเข้าไปหาทันที เนตรนภาอุ้มลูกชายขึ้นมานั่งลงบนตัก ลูบผมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามเสียงหวาน"แม่ตื่นแล้วครับ ลูกกินข้าวแล้วใช่ไหม อิ่มหรือเปล่า""อิ่มมากเลยครับ กับข้าวที่บ้านคุณพ่ออร่อยมากเลย ว่าแต่คุณแม่ไม่กินข้าวเหรอครับ""ยังหรอกลูก แม่ยังไม่หิวเลย เมื่อกี้หนูเรียกคุณลุงเขาว่าอะไรนะ"เธอเอ่ยถามลูกชายด้วยความแปลกใจ เมื่อกี้ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม ลูกชายเรียกนายหัวบุรินทร์ว่าคุณพ่อใช่หรือเปล่า"ไม่ต้องไปดุลูกเลยนะ กว่าจะบอกให้เรียกได้รู้หรือเปล่าว่าต้องตะล่อมขนาดไหน เราสองคนน่าจะได้เคลียร์กันอีกยาวไม่ต้องกลัวหรอก เฮ้อ!"นายหัวบุรินทร์ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์สำหรับเขามาก อยู่เป็นโสดมาห้าปี ตั้งใจว่าจะอยู่คนเดียวไปจนแก่เฒ่า สรุปได้เมียกับลูกมาเฉย"เนตรขอโทษนะคะ ขอโทษคุณบุรินทร์จริง ๆ แต่ทุกอย่างเนตรมีเ
วันต่อมา...นายหัวบุรินทร์โทรศัพท์ไปบอกที่บ้านว่าวันนี้จะเข้าไปหา และมีเรื่องบางอย่างจะบอกด้วย ซึ่งพวกท่านเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม และรอว่าลูกชายจะเข้ามาตอนไหน จะได้รู้ว่าเรื่องสำคัญมันคืออะไร ทำไมถึงไม่โทรศัพท์มาบอก ลงทุนถึงขั้นมาหาที่นี่แสดงว่าน่าจะมีเรื่องสำคัญจริง ๆ"ไอ้ตัวแสบ โอเคไหมลูกปวดหูหรือเปล่า""ไม่เลยครับคุณพ่อ บลูเบลสบายมากเลยครับ ไม่เจ็บไม่ป่วย แล้วก็ไม่ปวดหูด้วยครับ"เด็กน้อยดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ ได้ออกมาเที่ยวบ้างจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ และดูเหมือนว่าลูกชายน่าจะชอบนั่งเครื่องบิน เพราะดูระริกระรี้เหมือนเด็กได้ของเล่น ซึ่งตอนแรกเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่พอเห็นแบบนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะ"บลูเบลชอบนั่งเครื่องบินค่ะ ไม่ได้กลัวเลยสักนิด""อย่างนั้นเหรอ ก็ดีแล้วครับสุดหล่อ อีกหน่อยก็จะได้นั่งกับพ่อเดินทางบ่อย เดี๋ยวถ้าโตอีกหน่อยก็มาช่วยพ่อทำงานรู้ไหม ทุกอย่างบนเกาะก็เป็นของลูกทั้งหมด"เขาลูบผมลูกชายก่อนจะอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีลูกในวัยอายุ 40 ปีแล้ว แถมเจอกันปุ๊บก็คุยกันรู้เรื่องเลย ไม่ต้องเลี้ยงตั้งแต่คลอดออกมาใหม่ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาอยากจะดูแลลูกกับภรรยา
ดูเหมือนว่าตอนนี้บลูเบลจะลืมว่าตัวเองมากับใคร ปล่อยให้คุณพ่อกับคุณแม่นั่งเล่นอยู่ตรงห้องรับแขก ส่วนตัวเองไปเดินเล่นกับคุณปู่คุณย่าข้างนอกตัวบ้าน ชวนคุยจ้อไม่หยุด ก็ไม่คิดเลยว่าจะสนิทกันเร็วขนาดนั้น"เนตรกลัวลูกจะรบกวนคุณพ่อคุณแม่ของคุณจังเลยค่ะ""ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ หนูก็เห็นว่าพ่อกับแม่พี่หลงหลานแค่ไหน เดี๋ยวดูนะไม่ยอมให้กลับแน่ แล้วถ้าเกิดว่าพี่พาลูกกลับไปอยู่ที่เกาะ พวกท่านก็จะตามไปอีก"เนตรนภาพอเข้าใจในประโยคคำพูดของเขา ซึ่งประเมินจากสายตาพวกท่านก็ดูรักลูกชายของเธอ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ในตอนแรกไม่กล้าที่จะบอกใครด้วยซ้ำ แต่พอเห็นแบบนี้ก็อดดีใจไม่ได้จริง ๆ"เนตรดีใจนะคะ ที่คุณพ่อกับคุณแม่เอ็นดูหลาน เห็นแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ ตอนแรกคิดว่าไม่มีใครรับบลูเบลเข้ามาเป็นครอบครัวด้วยซ้ำ"มันก็ไม่ได้ผิดถ้าเธอจะคิดแบบนั้น เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเป็นกังวลกับเรื่องนี้ตลอด ถ้าเกิดว่าคุณบุรินทร์รู้ขึ้นมาจะเป็นยังไง แต่พอเห็นเขารักลูกมาก และครอบครัวก็ดูเอ็นดูบลูเบลเป็นพิเศษ หญิงสาวก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ"เราคิดมากเกินไปแล้ว มันไม่ได้มีอะไรเลย พี่รู้ว่าเราคิดมากหลายอย่าง เอาเป็นว่าตอนนี้
และคืนนั้นน้องบลูเบลก็ขอไปนอนกับคุณปู่ คุณย่า เอาจริงเธอเองก็ไม่คาดคิดว่าลูกชายตัวแสบจะสนิทสนมกับคนที่บ้านนี้เร็วขนาดนั้น ถ้าเป็นคนอื่นไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กจะยอมไปนอนด้วยแบบนี้ไหม"ทำไมไม่นอนคะหนู เป็นอะไรรึเปล่าทำไมทำหน้ากังวลขนาดนั้น เป็นห่วงลูกเหรอไง""ห่วงสิคะ ไม่เคยแยกกันด้วยซ้ำไป ไม่คิดว่าลูกจะสนิทสนมกับคุณปู่ คุณย่า เร็วมากขนาดนี้เลย"เนตรนภาเอ่ยออกมาตามความเป็นจริง ส่วนหนึ่งก็แค่กลัวว่าลูกจะรักเธอน้อยลง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอมีลูกเพียงแค่สองคนจริง ๆ ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราสองคนต้องห่างกัน คงทำใจลำบากมากเลยแหละ"คิดมากน่ายังไงลูกอยู่บ้านหลังเดียวกับเรานะ อีกอย่างหนึ่ง ตลอดสี่ปีมานี้คงจะเหงามากเลยแหละ พอเจอเพื่อนเล่นเยอะแถมยังเอาใจเก่งก็เป็นธรรมดาของเด็กที่จะคล้อยตามไป""ก็พอเข้าใจค่ะ เนตรจะพยายามคิดมากให้น้อยลงนะคะ"นายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูภรรยา เขารู้ว่าเธอป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างคิดมากมาแต่ไหนแต่ไร แต่ทว่าคนเราเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องทำใจว่าลูกไม่มีทางอยู่กับเราตลอดชีวิต คนที่จะอยู่กับเราไปจนตายก็คือตัวเราเองทั้งนั้น"หนูอย่าคิดมากเลยนะ อนาคตลูกต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง เอาเว
สองปีผ่านไป...ในตอนนี้น้องบีน่าอายุได้สองขวบกว่าแล้ว พูดเก่งมากถามนั่นนี่ไม่หยุด ส่วนพี่ชายคนโตอายุอานามก็ประมาณ 7 ขวบกว่า เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แถมยังเรียนเก่งที่สุดในรุ่นอีกด้วย เป็นคนที่ไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง แต่นายหัวบุรินทร์ก็ไม่เคยพูดจาคาดหวังกับลูกชาย เพราะไม่อยากกดดันลูกมากนัก อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด"บีน่าพี่บอกแล้วไงว่าเวลากินห้ามใช้มือจับแบบนี้ ต้องใช้ส้อมจิ้มก่อน มานี่ครับเดี๋ยวพี่จะสอน"น้องบลูเบลอุ้มน้องสาวให้มานั่งที่เก้าอี้ จากนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ที่อยู่ในจาน จากนั้นก็ส่งไปให้น้องสาวเธอไว้ หยิบทิชชูเช็ดริมฝีปากให้ด้วยความห่วงใย"อันนี้อย่อย""อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลย ถ้าเกิดว่าหมดเดี๋ยวพี่ไปเอาใหม่มาให้ แล้วดูสิมือเลอะหมดเลยเห็นไหม เดี๋ยวพี่เช็ดให้ดีกว่า"พี่ชายคนดีใช้ผ้าขนหนูค่อย ๆ เช็ดมือให้น้องสาว ตั้งแต่น้องคลอดออกมาจนถึงตอนนี้ เขาดูแลน้องและหวงแหนเป็นอย่างมาก คนเป็นพ่อแม่สะกิดนิดเดียวยังไม่ได้เลย น้องร้องไห้ก็โอ๋เอง เรียกได้ว่าห่วงน้องหนักจนคนเป็นแม่เริ่มกังวล"พี่บุรินทร์คะ เนตรว่าน้องบลูเบลห่วงน้องหนักมากเกินไปนะคะ ถ้าเ
ช่วงค่ำ...ในตอนนี้ท่านบรรพต คุณหญิงผกากรอง ท่านสมเกียรติ และคุณหญิงนพรัตน์ รวมถึงลูกชายซึ่งก็คือท่านนายกคนปัจจุบัน และแฟนของเขา นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารใจกลางคฤหาสน์สุดหรูของนายหัวบุรินทร์ และมีเนตรนภากับลูกชายนั่งอยู่ร่วมโต๊ะเช่นกัน"บลูเบลดีใจจังเลยครับที่ทุกคนมาเที่ยวหา""โธ่เอ๊ยเด็กแสบ ใครก็อยากจะมาอยู่กับเราทั้งนั้นแหละ แต่ทุกคนก็ต้องทำงานไง เข้าใจใช่ไหมครับ""เข้าใจอยู่แล้วครับ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วครับคุณลุง ถ้างั้นเรากินข้าวกันเถอะครับผมหิวแล้ว"เด็กน้อยชี้นิ้วไปที่หมูกรอบชิ้นใหญ่ตรงหน้า คุยโม้นักหนาว่าตัวเองชอบกินผัก แต่พออาหารตรงหน้าเป็นหมูกรอบ กับเลือกที่จะทิ้งสิ่งที่ชอบไว้บนจานทันที"แล้วบอกว่าตัวเองชอบกินผัก แต่เห็นหมูกรอบทีไรหยิบใส่ปากทันทีเลยนะ""แฮะ! ก็มันอร่อยนี่ครับ กรอบมาก"เด็กน้อยเอ่ยออกมาก่อนจะหยิบหมูกรอบใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ผู้ใหญ่ที่เห็นก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ การมีเด็กมาวิ่งเล่นทั่วบ้านก็ทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่เหงาเลย พูดจ้อไม่หยุดทำให้ทุกคนมีเรื่องสนทนาคุยกันทั้งวันทั้งคืน โดยเฉพาะเรื่องของหลานกลายเป็นบทสนทนาหลักในการคุยกันเสร็จแล้ว"แล้วเจ้าตัวเล็กอีกคนล่ะจะคลอดเมื่
และในที่สุดก็การประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งพรรครักประชาชนได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างล้นหลาม ได้เก้าอี้คะแนนเสียงเกินครึ่งของสภา สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องมีพรรคร่วม"ดีใจด้วยนะเนติในที่สุดก็ทำได้"นายหัวบุรินทร์ถือช่อดอกไม้มาแสดงความยินดีให้กับว่าที่นายกคนใหม่ รวมถึงเนตรนภาที่วิ่งเข้ามาสวมกอดพี่ชายด้วยความดีใจ"ดีใจจังเลยมีพี่ชายได้เป็นนายกแล้ว""ขอบคุณมากนะน้องสาว เพราะว่าเนตรมีสามีเป็นพี่บุรินทร์ เขาดีกับครอบครัวเรามาก แถมยังทำให้คุณพ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอีก ผมขอบคุณมากเลยนะครับสำหรับทุกอย่าง"เนติยกมือขอบคุณผู้ชายตรงหน้า เพราะเขาจึงทำให้ครอบครัวของเรากลับมารักกันเหมือนเดิม เปลี่ยนให้คุณพ่อกลายเป็นคนธรรมดา ไม่บังคับจิตใจของคนในบ้านอีกส่วนไอซ์ตอนนี้ก็เข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมคุณพ่อกับคุณแม่ยังลงทุนเปิดคาเฟ่ให้อีก เรียกว่าตอนนี้กลายเป็นลูกรักแทนที่เขาเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าไอซ์เขาเรียนเชฟมา ทำอาหารอร่อย ทำขนมก็เก่ง คุณพ่อกับคุณแม่ถูกใจมากเอ่ยปากชมไม่มีหยุด เขาก็เลยตกกระป๋องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"ขอบคุณอะไรนักหนาเนี่ย ทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ตอนนี้อยู่ในช่วงลงคะแนนเสียง และช่วงค่ำน่าจะรู้แล้วว่าพรรคไหนจะได้คะแนนเสียงเยอะที่สุด ดูจากผลสำรวจก็น่าจะไม่ผิดโผสักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้"เดี๋ยวจะเริ่มนับคะแนนกันแล้ว หวังว่าพรรคของเราจะได้ทำเพื่อประชาชนอีกสมัยหนึ่งนะ"และที่ทำการพรรคทุกคนกำลังนั่งประชุมกันอยู่ และก็จะมีตัวแทนของแต่ละพรรค เข้าดูการนับคะแนนในแต่ละเขต เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตในช่วงการนับคะแนนที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าและที่ทำการพรรคจะมีโปรแกรมนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งตัวแทนที่อยู่ประจำหน่วยยืนดูเขานับคะแนน จะแจ้งผลเบื้องต้นให้ทางนี้รับทราบ ซึ่งคะแนนจะไม่เป็นทางการแต่ก็พอเดาได้ว่าพรรคไหนที่มีคะแนนนำในเวลานั้น"ยังไงผมต้องขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ที่คอยแนะนำแล้วก็ให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่อย่างผม ถ้าเกิดว่ามีโอกาสในการได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะตั้งใจทำเพื่อประชาชน แล้วก็จะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคผิดหวังเด็ดขาด"เนติขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมาสัญญากับทุกคนที่อยู่ภายในห้องประชุมนั้น ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ได้เลือกให้เขามายืนอยู่จุดนี้ แต่เป็นเพราะอำนาจของพี่เขยที่ยื่นข้อเสนอใ
ชายหนุ่มดึงรั้งตัวภรรยาให้มานั่งลงอยู่บนเตียงนอน แต่เนื่องจากเธอมีอายุครรภ์ที่ค่อนข้างโต จึงไม่สามารถขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวของเธอได้ จึงเปลี่ยนใจอุ้มคนรักให้ขึ้นมาอยู่บนตัวของเขาแทน"ลำบากเหมือนกันนะคะเนี่ย"หญิงสาวถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อการมีเซ็กซ์ของคุณแม่ลูกสองค่อนข้างดูทุลักทุเลไม่น้อย แต่เพื่อความสุขของสามียังไงเธอก็ต้องยอม มันไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ให้ความสุขแก่คนรัก เพราะถึงแม้จะท้องโตแต่ก็ใช่ว่าจะมีไม่ได้สักหน่อย"ไม่ลำบากหรอกหนูก็อยู่ข้างบนนั่นแหละ เดี๋ยววันนี้พี่จะทำเบา ๆ เดี๋ยวหนูจะปวดท้องเอาได้"เขานอนราบลงกับเตียง ก่อนจะจับเอวเล็กของภรรยาทั้งสองข้างจึงรั้งขึ้นมาบนตัวของเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ เลิกกระโปรงขึ้นไปไว้ที่ช่วงเอวของเธอ ใช้นิ้วเรียวถูไถยังน้องสาวเพื่อเล้าโลมภรรยาสุดที่รัก"อื้อ อ้าส์~"เนตรนภาถึงกับสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ไหว ถึงแม้จะท้องโตขนาดนี้ แต่เรื่องบนเตียงเขาก็ยังคงทำให้เธอมีความสุขได้เสมอ โชคดีที่ชายหนุ่มเป็นคนมีเหตุผล เข้าใจว่าธรรมชาติของคนท้องไม่เหมือนกับมนุษย์ปกติทั่วไป เขาจะมีวิธีในการทำให้เธอมีความสุขโดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงเหมือนทุกครั้ง"หอมจัง""ไม
ท่านสมเกียรติรู้สึกเกร็งไม่น้อยเลยกับการมาอยู่ที่นี่ อาจจะเพราะว่าตัวเองทำผิดพลาดไว้มาก แต่คนในครอบครัวไม่ถือโทษโกรธแถมยังให้อภัยง่ายดาย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ในการกระทำของตัวเอง และสัญญาว่าจะไม่ทำเหมือนอย่างอดีตที่ผ่านมาอีก"คุณหญิงผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม""กินข้าวก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้"คุณหญิงนพรัตน์รู้ดีว่าเขาเป็นกังวลมากแค่ไหน เธอกับลูกคุยกันว่าถ้าเจอคุณพ่อจะไม่มีใครพูดเรื่องอดีต เพราะสิ่งที่เขาได้รับมันหนักหนามากพออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมีอะไรภายในใจอยู่"คุยตอนนี้แหละ""ก็ได้ ลูกไปกินข้าวก่อนเลยนะ แม่กับพ่อจะไปคุยกันแป๊บหนึ่ง"เนตรนภา และนายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กุมมือลูกชายพากันเดินเข้าไปยังห้องอาหาร ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ได้เคลียร์ใจกันให้จบ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"มีอะไรเหรอคะ ฉันไม่ได้โกรธหรือติดใจอะไรทั้งนั้น คุณจะคิดมากทำไม"คุณหญิงเอ่ยออกมาก่อนจะกุมมือของสามีเอาไว้ทั้งสองข้าง ท่านสมเกียรติดึงภรรยาเข้ามาสวมกอดอย่างกลัวว่าเธอจะหายไปไหนอีก เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ที่เขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว มันโดดเดี่ยว และรู้สึกทรมานหัวใจมาก จากที
เมื่อจบประโยคของลูกเขยท่านสมเกียรติก็นิ่งเงียบไปทันที ไม่รู้จะเอาประโยคไหนมาเถียงกลับ เพราะทุกสิ่งอย่างที่เขาทำมันก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาทั้งนั้น เวลาผ่านมาที่เขาอยู่คนเดียว และคิดทบทวนกับทุกสิ่ง มันก็ได้คำตอบที่แน่ชัดเราว่าท้ายที่สุดตัวเราเองก็ต้องการแค่ครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้น"รู้แล้วน่าว่าฉันผิด แต่คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งลูกแล้วก็เมียหนีออกไปหมดเลย""ทำไมจะแก้ไขอะไรไม่ได้ล่ะครับ ไม่มีใครเกลียดคุณพ่อเลยสักคน ทุกคนแค่รอว่าคุณพ่อจะเป็นคนใหม่ตอนไหนก็เท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นเยอะเลยนี่ครับ ผมว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่คุณพ่อควรจะแก้ไขทุกอย่างที่เคยทำผิดพลาด ทุกคนพร้อมให้โอกาสนะครับ แล้วอีกอย่างหนึ่งกำลังจะเป็นคุณตาที่มีหลานถึงสองคน ทำหน้าตาให้มันดูสดใสหน่อยสิครับ"ท่านสมเกียรติถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หมายความว่ายังไงที่บอกว่าเป็นคุณตาที่มีหลานถึงสองคน"นายหมายความว่ายังไง""ก็หมายความว่าตอนนี้เนตรกำลังอุ้มท้องลูกคนที่สองอยู่ ถ้าคุณพ่ออยากอยู่กับหลานผมแนะนำให้เป็นคนใหม่แล้วก็ไปง้อลูกง้อเมียนะครับ แต่ถ้าเกิดว่าไม่ก็คงจะต้องได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจนตาย""ปากดีนักนะแกเนี่ย"ถึงจะบ่นแบบ
เวลาผ่านไป...หลังจากที่นายหัวบุรินทร์จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เนตรนภากับลูกก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากขึ้น ไม่ต้องมาคอยระแวงว่าคุณพ่อจะบังคับให้ทำตามอำเภอใจอะไรอีก และที่สำคัญคุณแม่ย้ายมาอยู่ที่นี่สักพักใหญ่แล้ว ส่วนพี่ชายก็เดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มกำลัง เป็นส.สบัญชีรายชื่อลำดับที่ 4 นับเป็นแคนดิเดตนายก ที่ทางพรรคจะส่งเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป"ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง พี่ชายก็ไม่กลับบ้านเลย คุณแม่ก็มาอยู่ที่นี่ เอาจริงหนูก็เริ่มเป็นห่วงท่านอยู่นะคะ"เนตรนภาเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล ถึงแม้ว่าท่านจะทำตัวใจร้ายกับคนในครอบครัว แต่เธอไม่ใช่คนแบบนั้น ยังไงท่านก็เป็นคุณพ่อ ห่างหายกันไปนานแบบนี้ต้องอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยเฉพาะตอนนี้ท่านอยู่คนเดียวด้วย"เดี๋ยวพี่ไปดูให้ ก็ไม่คิดว่าจะใจแข็งขนาดนี้นะ แต่เอาจริงก็ไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไหร่ คนดื้อรั้นแบบนั้นไม่ยอมฟังใครง่าย ๆ แน่"นายหัวบุรินทร์อุ้มภรรยาให้ขึ้นมานั่งลงบนตัก ลูบหน้าท้องของคนรักด้วยความเอ็นดู ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ เขาไม่อยากจะให้คิดมาก ส่วนเรื่องพ่อตาเดี๋ยวจะไปเคลียร์ด้วยตัวเอง"ห้ามเครียดนะรู้หรือเปล่า ตัวเองไม่ไ
ทุกคนไม่คิดว่าสิ่งที่นายหัวบุรินทร์ต้องการจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านนายกคนปัจจุบันกำลังจะอำลาตำแหน่ง เนื่องจากว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งตอนนี้เขายังทำหน้าที่รักษาการอยู่ ประชาชนค่อนข้างที่จะรักท่านนายกรัฐมนตรีคนนี้มาก และถ้าเกิดว่าจะต้องเปลี่ยนแคนดิเดตนายกในเวลานี้ อาจจะทำให้ประชาชนเปลี่ยนใจเทคะแนนเสียงไปที่พรรคอื่นก็เป็นได้"ทำแบบนี้พรรคเราจะแย่เอานะครับ ประชาชนค่อนข้างรักท่านสมเกียรติ พวกเราถึงเลือกแคนดิเดตนายกเป็นท่านดังเดิม""ไร้สาระน่า การที่ประชาชนจะเลือกใครสักคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนคนเดียว พรรครักประชาชนสู้เพื่อประชาชนมาโดยตลอดเกือบ 20 ปี ไม่ว่าแคนดิเดตนายกจะเป็นใคร ผมเชื่อว่าประชาชนจะยังคงเลือกพรรคของเรา"ทุกคนไม่มีใครพูดหรือเถียงนายหัวบุรินทร์กลับ เนื่องจากว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นไม่ได้ผิดไปเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ประชาชนไว้ใจพรรคไม่ว่าจะเลือกใครขึ้นมาเป็นผู้นำ ทุกคนก็พอใจทั้งนั้น ขอแค่เห็นประโยชน์ของประชาชนมาก่อนเสมอ แค่นี้ก็จะชนะใจคนทั้งประเทศได้แล้ว"ก็ได้ถ้านายต้องการแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ชี้ตัวมาเลยสิว่าจะเลือกใครมาแทนที่ฉันในตอนนี้ แต่ขอหาคนที่เห