ทั้งสองคนนอนกอดกันอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ใบหน้าของทั้งคู่เอิบอิ่มไปด้วยความสุข ใครจะคิดว่าอดีตเด็กเลี้ยงที่เขาเคยเลี้ยงดู จะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่เป็นทายาท มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา และคนที่คิดว่าตัวเองจะอยู่เป็นโสดไปตลอดชีวิต รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคนพ่อลูกหนึ่งเสียแล้ว
"อย่าไปไหนจากพี่อีกนะรู้ไหม"
ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ดึงเธอเข้ามาสวมกอดแนบอก ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขอร้องอ้อนวอน เขารู้ว่าเธอสามารถดูแลลูกได้ ไม่งั้นคงไม่อดทนดูแลด้วยตัวเองมาเป็นห้าปีหรอก ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเหตุผลอะไรที่ทำให้เธอกลับมา
"ก็ถ้าเกิดว่าคุณบุรินทร์ยอมรับเนตรกับลูกได้ และก็ไม่ได้มีผู้หญิงคนอื่น หนูก็จะไม่ไปไหนค่ะ"
"พี่ไม่มีผู้หญิงคนอื่นจริง ๆ ก็บอกแล้วไงว่าตั้งแต่เราไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน พี่ก็ไม่เคยมีคนอื่นอีก"
เขาไม่ได้แก้ตัวเพื่อให้เธอสบายใจ แต่ทว่าทุกอย่างที่พูดออกมามันคือความสัตย์จริง ตั้งแต่ที่เราเลิกลากันไปเขาก็ไม่เคยมีคนอื่น คิดจะครองตัวเป็นโสดจนตายเลยด้วยซ้ำ แต่ในเมื่อเธอกลับมาพร้อมกับลูก ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องปฏิเสธ เพราะใบหน้าของบลูเบลมันชัดเจนแล้วว่าเป็นลูกของใคร
"เนตรก็ไม่เคยมีใครค่ะ เนตรมีแค่คุณคนเดียว"
เธอเงยหน้าขึ้นมองสบตากับชายคนรักก่อนจะยิ้มออกมา ซึ่งแน่นอนว่านายหัวบุรินทร์แทบจะยิ้มแก้มปริเพราะรู้สึกดีไม่น้อย ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ซื่อสัตย์ต่อเธอ เนตรนภาเองก็ซื่อสัตย์กับเขาไม่มีเปลี่ยน
"ขอบคุณนะที่นี่ซื่อสัตย์กับพี่มาตลอด"
"ขอบคุณเหมือนกันค่ะ ที่คุณมีแค่เนตรเพียงคนเดียว ไม่รู้ว่าลูกตื่นหรือยัง เราไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ไปดูลูกกันไหมคะ"
เธอเริ่มรู้สึกเป็นห่วงเจ้าตัวเล็ก นี่ก็ผ่านไปเป็นชั่วโมงเกือบสองชั่วโมงแล้ว อาจจะได้เวลาที่ลูกใกล้จะตื่น เพราะฉะนั้นเธอคิดว่าจะไปดูสักหน่อย
"พี่ว่าเนตรนอนพักเถอะ เดินทางมาเหนื่อยแถมยังเลี้ยงลูกคนเดียวอีก เดี๋ยวบลูเบลพี่จะเป็นคนจัดการเอง หนูนอนอยู่ที่นี่แหละ"
ชายหนุ่มขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน ลูบผมหญิงสาวด้วยความเอ็นดู ก่อนจะก้าวขาลงจากเตียง ปล่อยให้เธอนอนพักผ่อนต่อไป ส่วนเขาจะพาลูกไปหาของอร่อยกินข้างล่าง
เนตรนภากระชับผ้าห่มให้แน่นขึ้น มองตามพ่อของลูกไปก็จะยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
"คิดถูกแล้วแหละเนตรนภาที่เธอพาลูกมาอยู่ที่นี่ พาลูกกลับมาหาเขา..."
ในระหว่างที่หญิงสาวนอนพักผ่อนอยู่ในห้องนอน นายหัวบุรินทร์ก็มาหาลูกชายอีกห้องหนึ่ง ซึ่งพอดีกับที่เด็กน้อยกำลังงัวเงียสะดุ้งตื่น
"แม่จ๋า แม่จ๋าอยู่ไหน"
"แม่จ๋านอนพักผ่อนครับคนเก่ง ตื่นแล้วไปหาอะไรกินกันไหมเดี๋ยวพ่อพาไป"
เด็กน้อยเอียงคอมองมาทางในหัวบุรินทร์ก่อนจะอึกอัก เขารู้ว่าผู้ชายตรงหน้าเป็นพ่อ เนื่องจากว่าคนเป็นแม่เอารูปให้ดูตั้งแต่เด็ก แต่ทว่าก่อนมาที่นี่ถูกสั่งไม่ให้เรียกเขาว่าพ่อ ก็เลยไม่กล้าพูดออกมา
"บลูเบลหิวแล้วครับคุณลุง"
"บลูเบลต้องเรียกพ่อว่าพ่อครับ"
"แต่แม่ไม่ให้เรียกครับ แม่ให้เรียกว่าคุณลุง"
เขาถึงกับกุมขมับเพราะรู้สึกว่าตอนนี้แม่ของลูกกำลังทำให้ทุกอย่างวุ่นวาย และคนที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ ก็คงเป็นเนตรนภาคนเดียวเท่านั้น
"โอเคคุณลุงก็คุณลุง ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพ่อพาลูกไปกินข้าวข้างล่างนะ"
เขาเดินเข้ามายืนอยู่ข้างล่างเตียง อุ้มเจ้าตัวเล็กมาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องนอน ซึ่งบลูเบลเองยังคงมองหาคุณแม่ของตัวเองอยู่
"แม่นอนหลับอยู่ครับ เดี๋ยวถ้าเกิดว่าบลูเบลกินข้าวเสร็จ พ่อจะพาขึ้นมาหาแม่ตกลงไหม"
"ก็ได้ครับ บลูเบลหิวข้าวมากเลยครับ"
เด็กน้อยโอบรอบคอคนเป็นพ่อเอาไว้ ก่อนจะเริ่มบ่นออกมาทันที เพียงแค่เล่นน้ำด้วยกันไม่ถึงชั่วโมง ก็ทำให้ทั้งสองคนสนิทสนมกันได้รวดเร็ว คงเพราะสายสัมพันธ์ของการเป็นพ่อลูก จึงทำให้บลูเบลไว้ใจคุณพ่อของตัวเองมาก
"แล้วปกติบลูเบลชอบกินอะไรเหรอครับ พ่อจะได้หาของอร่อยที่ลูกชอบให้กิน"
"ชอบกินผักครับอร่อยมาก"
"เก่งจังเลยตัวแค่นี้เอง ทำไมกินผักได้ด้วย"
เขามองลูกชายอย่างอึ้งไปไม่คิดว่าเด็กน้อยจะชอบกินผัก เพราะถ้าเป็นรุ่นเดียวกันไม่มีทางที่จะกินแน่ เด็กวัยนี้ไม่ค่อยชอบกินทั้งผัก และผลไม้ ซึ่งเรื่องนี้เขายอมรับอย่างหนึ่งว่าเนตรนภาเลี้ยงลูกได้ดีมาก บลูเบลเป็นเด็กที่น่ารักเชื่อฟังผู้ใหญ่ แถมยังไม่เรื่องมากด้วย
"คุณแม่สอนมาครับ คุณแม่บอกว่าถ้าเกิดบลูเบลกินผักเยอะ ๆ ก็จะแข็งแรง จะได้มาปกป้องคุณแม่ได้ครับ"
เขายื่นมือไปลูบผมลูกชายอย่างเอ็นดู อายุแค่ 4 ขวบครึ่งแต่มีความคิดที่โตเป็นผู้ใหญ่ รู้จักปกป้องผู้หญิงที่ตัวเองรัก ก็ช่วยไม่ได้แหละ เชื้อพ่อมันไม่ทิ้งแถวก็แบบนี้
"หลังจากนี้พ่อจะปกป้องแม่กับบลูเบลเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อจะปกป้องลูกพ่อสัญญา"
"บลูเบลอยากเรียกคุณลุงว่าพ่อจังเลย ถ้าเกิดว่าเรียกคุณแม่จะโกรธไหมครับ"
"แม่จะโกรธได้ยังไงกัน เรียกพ่อเถอะไม่ต้องกลัวนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นพ่อจะปกป้องลูกเอง"
"ครับคุณพ่อ บูลเบลคิดถึงคุณพ่อที่สุดเลยครับ คุณแม่เอารูปของคุณพ่อให้ดูทุกวันเลย แล้วก็บอกว่าคุณพ่อเป็นคนที่เก่งมาก แล้วก็รักเราสองคนมาก ๆ เลยด้วย"
และเมื่อนายหัวบุรินทร์ได้ยินลูกชายพูดแบบนั้น ถึงกับน้ำตาซึมด้วยความรู้สึกผิด ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรผิดก็เถอะ แต่พอนึกย้อนไปว่าเนตรนภาต้องเลี้ยงลูกเองถึง 5 ปี ตั้งแต่อุ้มท้องจนคลอด เรียนหนังสือไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย คงจะเหนื่อยน่าดูเลยสินะ
"ใช่แล้วครับ พ่อรักบลูเบลแล้วก็คุณแม่มากเลย เอาล่ะเราไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวเราไปหาคุณแม่กันเนาะ"
"ได้เลยครับ"
เด็กน้อยยกมือขึ้นแสดงความดีใจ ก่อนจะสวมกอดกันเดินเข้าไปยังห้องอาหาร ซึ่งตอนนี้แม่บ้านได้จัดเตรียมของอร่อยไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และเมื่อบลูเบลเห็นอาหารตรงหน้าก็ปรบมือก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างดีใจ
"ว้าว! น่ากินมากเลยครับ บลูเบลชอบกินหมูกรอบ"
"แต่เมื่อกี้บอกพ่อว่าชอบกินผักไม่ใช่หรือไง"
"แฮะ! หมูกรอบอร่อยกว่าครับ"
นายหัวบุรินทร์ถึงกับส่ายหน้าอย่างเอ็นดูลูกชาย ก็นึกว่าจะชอบกินผักเป็นชีวิตจิตใจซะอีก สรุปแล้วพอเห็นของอร่อยตรงหน้า ผักก็กลายเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ทันที
"เฮ้อ! แสบเอ๊ย"
หลังจากนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง สองพ่อลูกก็พากันเดินกลับขึ้นมาชั้นบน เข้าไปในห้องนอนของนายหัวบุรินทร์ จนตอนนี้เนตรนภาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว"คุณแม่ตื่นแล้วเหรอครับ"เด็กน้อยเห็นคุณแม่กำลังหวีผมอยู่ตรงหน้ากระจก ก็รีบปล่อยมือคุณพ่อก่อนจะวิ่งเข้าไปหาทันที เนตรนภาอุ้มลูกชายขึ้นมานั่งลงบนตัก ลูบผมเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามเสียงหวาน"แม่ตื่นแล้วครับ ลูกกินข้าวแล้วใช่ไหม อิ่มหรือเปล่า""อิ่มมากเลยครับ กับข้าวที่บ้านคุณพ่ออร่อยมากเลย ว่าแต่คุณแม่ไม่กินข้าวเหรอครับ""ยังหรอกลูก แม่ยังไม่หิวเลย เมื่อกี้หนูเรียกคุณลุงเขาว่าอะไรนะ"เธอเอ่ยถามลูกชายด้วยความแปลกใจ เมื่อกี้ได้ยินไม่ผิดใช่ไหม ลูกชายเรียกนายหัวบุรินทร์ว่าคุณพ่อใช่หรือเปล่า"ไม่ต้องไปดุลูกเลยนะ กว่าจะบอกให้เรียกได้รู้หรือเปล่าว่าต้องตะล่อมขนาดไหน เราสองคนน่าจะได้เคลียร์กันอีกยาวไม่ต้องกลัวหรอก เฮ้อ!"นายหัวบุรินทร์ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์สำหรับเขามาก อยู่เป็นโสดมาห้าปี ตั้งใจว่าจะอยู่คนเดียวไปจนแก่เฒ่า สรุปได้เมียกับลูกมาเฉย"เนตรขอโทษนะคะ ขอโทษคุณบุรินทร์จริง ๆ แต่ทุกอย่างเนตรมีเ
วันต่อมา...นายหัวบุรินทร์โทรศัพท์ไปบอกที่บ้านว่าวันนี้จะเข้าไปหา และมีเรื่องบางอย่างจะบอกด้วย ซึ่งพวกท่านเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม และรอว่าลูกชายจะเข้ามาตอนไหน จะได้รู้ว่าเรื่องสำคัญมันคืออะไร ทำไมถึงไม่โทรศัพท์มาบอก ลงทุนถึงขั้นมาหาที่นี่แสดงว่าน่าจะมีเรื่องสำคัญจริง ๆ"ไอ้ตัวแสบ โอเคไหมลูกปวดหูหรือเปล่า""ไม่เลยครับคุณพ่อ บลูเบลสบายมากเลยครับ ไม่เจ็บไม่ป่วย แล้วก็ไม่ปวดหูด้วยครับ"เด็กน้อยดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ ได้ออกมาเที่ยวบ้างจะได้ไม่รู้สึกเบื่อ และดูเหมือนว่าลูกชายน่าจะชอบนั่งเครื่องบิน เพราะดูระริกระรี้เหมือนเด็กได้ของเล่น ซึ่งตอนแรกเขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่พอเห็นแบบนี้ก็สบายใจขึ้นเยอะ"บลูเบลชอบนั่งเครื่องบินค่ะ ไม่ได้กลัวเลยสักนิด""อย่างนั้นเหรอ ก็ดีแล้วครับสุดหล่อ อีกหน่อยก็จะได้นั่งกับพ่อเดินทางบ่อย เดี๋ยวถ้าโตอีกหน่อยก็มาช่วยพ่อทำงานรู้ไหม ทุกอย่างบนเกาะก็เป็นของลูกทั้งหมด"เขาลูบผมลูกชายก่อนจะอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีลูกในวัยอายุ 40 ปีแล้ว แถมเจอกันปุ๊บก็คุยกันรู้เรื่องเลย ไม่ต้องเลี้ยงตั้งแต่คลอดออกมาใหม่ แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เขาอยากจะดูแลลูกกับภรรยา
ดูเหมือนว่าตอนนี้บลูเบลจะลืมว่าตัวเองมากับใคร ปล่อยให้คุณพ่อกับคุณแม่นั่งเล่นอยู่ตรงห้องรับแขก ส่วนตัวเองไปเดินเล่นกับคุณปู่คุณย่าข้างนอกตัวบ้าน ชวนคุยจ้อไม่หยุด ก็ไม่คิดเลยว่าจะสนิทกันเร็วขนาดนั้น"เนตรกลัวลูกจะรบกวนคุณพ่อคุณแม่ของคุณจังเลยค่ะ""ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ หนูก็เห็นว่าพ่อกับแม่พี่หลงหลานแค่ไหน เดี๋ยวดูนะไม่ยอมให้กลับแน่ แล้วถ้าเกิดว่าพี่พาลูกกลับไปอยู่ที่เกาะ พวกท่านก็จะตามไปอีก"เนตรนภาพอเข้าใจในประโยคคำพูดของเขา ซึ่งประเมินจากสายตาพวกท่านก็ดูรักลูกชายของเธอ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก ในตอนแรกไม่กล้าที่จะบอกใครด้วยซ้ำ แต่พอเห็นแบบนี้ก็อดดีใจไม่ได้จริง ๆ"เนตรดีใจนะคะ ที่คุณพ่อกับคุณแม่เอ็นดูหลาน เห็นแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อยค่ะ ตอนแรกคิดว่าไม่มีใครรับบลูเบลเข้ามาเป็นครอบครัวด้วยซ้ำ"มันก็ไม่ได้ผิดถ้าเธอจะคิดแบบนั้น เพราะตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเป็นกังวลกับเรื่องนี้ตลอด ถ้าเกิดว่าคุณบุรินทร์รู้ขึ้นมาจะเป็นยังไง แต่พอเห็นเขารักลูกมาก และครอบครัวก็ดูเอ็นดูบลูเบลเป็นพิเศษ หญิงสาวก็รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ"เราคิดมากเกินไปแล้ว มันไม่ได้มีอะไรเลย พี่รู้ว่าเราคิดมากหลายอย่าง เอาเป็นว่าตอนนี้
และคืนนั้นน้องบลูเบลก็ขอไปนอนกับคุณปู่ คุณย่า เอาจริงเธอเองก็ไม่คาดคิดว่าลูกชายตัวแสบจะสนิทสนมกับคนที่บ้านนี้เร็วขนาดนั้น ถ้าเป็นคนอื่นไม่รู้ว่าเจ้าตัวเล็กจะยอมไปนอนด้วยแบบนี้ไหม"ทำไมไม่นอนคะหนู เป็นอะไรรึเปล่าทำไมทำหน้ากังวลขนาดนั้น เป็นห่วงลูกเหรอไง""ห่วงสิคะ ไม่เคยแยกกันด้วยซ้ำไป ไม่คิดว่าลูกจะสนิทสนมกับคุณปู่ คุณย่า เร็วมากขนาดนี้เลย"เนตรนภาเอ่ยออกมาตามความเป็นจริง ส่วนหนึ่งก็แค่กลัวว่าลูกจะรักเธอน้อยลง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอมีลูกเพียงแค่สองคนจริง ๆ ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งเราสองคนต้องห่างกัน คงทำใจลำบากมากเลยแหละ"คิดมากน่ายังไงลูกอยู่บ้านหลังเดียวกับเรานะ อีกอย่างหนึ่ง ตลอดสี่ปีมานี้คงจะเหงามากเลยแหละ พอเจอเพื่อนเล่นเยอะแถมยังเอาใจเก่งก็เป็นธรรมดาของเด็กที่จะคล้อยตามไป""ก็พอเข้าใจค่ะ เนตรจะพยายามคิดมากให้น้อยลงนะคะ"นายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูภรรยา เขารู้ว่าเธอป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างคิดมากมาแต่ไหนแต่ไร แต่ทว่าคนเราเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องทำใจว่าลูกไม่มีทางอยู่กับเราตลอดชีวิต คนที่จะอยู่กับเราไปจนตายก็คือตัวเราเองทั้งนั้น"หนูอย่าคิดมากเลยนะ อนาคตลูกต้องมีชีวิตเป็นของตัวเอง เอาเว
หญิงสาวนิ่งอึ้งไปเลย เพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเปิดตัวเธอกับพนักงานคนอื่น ความจริงแล้วเธอยังไม่พร้อมสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าเพิ่งกลับมาเจอกันไม่นาน หลายปีผ่านมาอะไรก็คงเปลี่ยนไปเยอะ จึงจำเป็นจะต้องปรับจูนกันใหม่ แต่เท่าที่ดูตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหากันเลย คงไม่เป็นอะไรแล้วล่ะมั้ง"เปิดตัวแบบนี้เลยเหรอคะ หนูยังไม่พร้อมเลยนะ""ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เรื่องแค่นี้เอง ยังไงพนักงานทุกคนก็ต้องรู้จักหนูอยู่แล้ว เปิดตัวไปเลยเนี่ยแหละ จะทำอะไรได้สะดวกขึ้น"เขายื่นมือไปกุมมือภรรยาเอาไว้ ก่อนจะพากันเดินเข้าไปข้างในร้าน ซึ่งตอนนี้ผู้จัดการสาขาใหญ่กำลังเตรียมเอกสารให้ท่านประธานตรวจเช็กความเรียบร้อยอยู่"คุณดาคะ นายหัวมาแล้วค่ะ""บุรินทร์มาแล้วเหรอ"ดาริกายิ้มกว้างออกมาทันทีเมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนสนิท เธอมาช่วยงานนายหัวบุรินทร์ได้หลายปีแล้ว เรียกว่าสนิทกันมาก และเธอก็ยังโสดมาจนถึงตอนนี้ เพราะว่าแอบรักเขามานานแล้ว มีความหวังเสมอว่าอนาคตเราสองคนจะลงเอยกันได้ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใคร"บุรินทร์มาแล้วเหรอคะ... เอ่อ"เธอนิ่งเงียบไปทันทีเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอรู้จักดีว่าเจ้าหล่อนเป็
เนตรนภาเดินกลับเข้ามาหาชายหนุ่มที่ตอนนี้กำลังนั่งตรวจเอกสารบัญชีอยู่ และเมื่อหญิงสาวก้าวเท้าเข้ามา เขาก็วางทุกอย่างลงก่อนจะหันไปกุมมือภรรยา และดึงเธอเข้ามานั่งลงเคียงข้าง"เสร็จหรือยังคะ""เรียบร้อยแล้วค่ะ ปกติบริษัทของเรามีบัญชีคอยตรวจสอบความเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีผิดปกติตรงไหนเดี๋ยวทางนั้นก็ส่งข้อมูลมาเอง เอาเป็นว่าผมกลับก่อนแล้วกันนะ ถ้าทุกคนมีปัญหาอะไรก็ติดต่อไปยังณดลก็ได้ เขาจะแก้ปัญหาให้ทุกคนเอง ไปค่ะเนตรไปหาลูกกัน""เนตรกลับก่อนนะคะทุกคน"หญิงสาวส่งยิ้มให้กับพนักงานคนอื่น จากนั้นก็ควงแขนสามีพากันเดินออกไปจากห้องบัญชี ตอนแรกนายหัวบุรินทร์ตั้งใจที่จะเอาเครื่องประดับในร้านให้ภรรยา แต่พอคิดไปคิดมาสั่งทางพิเศษให้ดีกว่า อาจจะใช้เวลาหน่อยแต่มันมีคุณค่า และมีราคามากเกินกว่าที่เธอจะหาได้จากในอีก"ทำไมทำหน้าแบบนั้นคะ มีอะไรหรือเปล่า""ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เนตรมีเรื่องจะคุยกับพี่ด้วยนะคะ เป็นเรื่องเมื่อ 5 ปีที่แล้วค่ะ""หืม... เรื่องอะไรเหรอ เป็นเรื่องเดียวกับที่เนตรไม่ยอมกลับมาหาพี่หรือเปล่า"ชายหนุ่มเอ่ยออกมาพร้อมกับยื่นมือไปโอบรอบเอวภรรยาเอาไว้ จากนั้นก็พาไปขึ้นรถตรงลานจอด ซึ่งคนขับรถขับมารออย
เมื่อสองสามีภรรยาเดินทางกลับมาที่คฤหาสน์ ก็พากันไปอยู่กับลูกชายจอมแสบ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าจะติดคุณปู่กับคุณย่ามาก ก็ไม่แปลกหรอกสำหรับเด็กที่ถูกตามใจแบบนั้น พออยู่กับคุณแม่ก็จะถูกอบรมสั่งสอน บางสิ่งอย่างที่ดูจะไม่น่ารักคนเป็นแม่ก็จะคอยตักเตือน ใจเธอในตอนนี้อยากจะพาลูกกลับไปอยู่ที่เกาะเหมือนเดิม เพราะการที่เจอแต่คนสปอยอาจจะทำให้เสียนิสัยได้"อยู่นานกว่านี้ไม่ได้หรือไง พ่อกับแม่จะคิดถึงหลานแย่น่ะสิ""เอาหลานไว้ที่นี่ไม่ได้เหรอ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะเป็นคนส่งเสียน้องบลูเบลให้เรียนโรงเรียนที่ดีที่สุด จะดูแลให้ความสุขสบายทุกอย่าง สัญญาเลย"คุณปู่กับคุณย่าเริ่มหว่านล้อมลูกชายแล้วก็ลูกสะใภ้ เพราะว่าอยากให้หลานตัวน้อยมาอยู่ด้วยที่นี่ คนแก่ก็รู้สึกเหงาเป็นธรรมดา แต่สำหรับเนตรนภาแล้ว เธอไม่อยากอยู่ห่างจากลูกน้อยเลย โดยเฉพาะตอนนี้เพิ่งอายุอานามไม่เยอะ แต่ถ้าเกิดว่าอนาคตโตขึ้น และสามารถตัดสินใจเองได้ อยากจะมาอยู่กับคุณปู่คุณย่าเธอก็จะไม่ว่าอะไรทั้งนั้น"ถ้าเกิดว่าคุณพ่อกับคุณแม่คิดถึงหลานก็ไปอยู่ด้วยกันที่เกาะก็ได้นะคะ ตอนนี้น้องบลูเบลยังเด็กอยู่เลยค่ะ เนตรอยากจะอยู่กับลูกให้นานกว่านี้หน่อย ถ้าเกิดว่า
นายหัวบุรินทร์กุมมือลูกชาย และภรรยาพาเดินไปโดยรอบโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง ถึงเวลาที่น้องบลูเบลจะต้องเข้าเรียนให้ทันเพื่อน โชคดีที่มีพื้นฐานมาบ้างจึงทำให้เทียบระดับได้"ผมชอบโรงเรียนนี้มากเลยครับ มีสระว่ายน้ำใหญ่ด้วย""สรุปว่าลูกชายของพ่อเรียนที่นี่นะ เดี๋ยวจะได้ไปคุยกับอาจารย์"บุรินทร์ก้มลงมองสบตากับเจ้าตัวเล็ก ถ้าเกิดว่าลูกชายถูกใจเขาก็จะให้เรียนที่นี่ บรรยากาศโดยรอบดูดีเลยทีเดียว อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี แถมมีตัวเลือกในการเรียนหลากหลาย เขาเป็นคนที่ไม่ชอบบังคับใครโดยเฉพาะคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นถ้าลูกชอบเขาก็จะพร้อมสนับสนุนเต็มที่"ได้เลยครับ บลูเบลเจอเพื่อนเมื่อกี้ด้วย พวกเขาเล่นกันสนุกเลยครับ""เร็วจังเลยนะเพิ่งจะมาแป๊บเดียวเอง"เขาหันไปมองใบหน้าของภรรยาก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูลูกชาย โชคดีที่น้องบลูเบลเป็นเด็กเลี้ยงง่าย เข้ากับคนอื่นได้ดี จึงไม่มีปัญหากับการใช้ชีวิตอยู่ในสังคม"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้คุณพ่อจัดการเรื่องเรียนของลูกนะ แต่ว่าตอนนี้เรากลับกันดีไหม แม่รู้สึกไม่ดีเลยเวียนหัวแล้วก็อยากจะอาเจียนยังไงก็ไม่รู้""หนูไม่สบายเหรอคะ ถ้างั้นเรารีบกลับกันเถอะ ไปนอนพักผ่อนดีกว่า"เขาร
สองปีผ่านไป...ในตอนนี้น้องบีน่าอายุได้สองขวบกว่าแล้ว พูดเก่งมากถามนั่นนี่ไม่หยุด ส่วนพี่ชายคนโตอายุอานามก็ประมาณ 7 ขวบกว่า เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก แถมยังเรียนเก่งที่สุดในรุ่นอีกด้วย เป็นคนที่ไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง แต่นายหัวบุรินทร์ก็ไม่เคยพูดจาคาดหวังกับลูกชาย เพราะไม่อยากกดดันลูกมากนัก อยากให้เขาเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด"บีน่าพี่บอกแล้วไงว่าเวลากินห้ามใช้มือจับแบบนี้ ต้องใช้ส้อมจิ้มก่อน มานี่ครับเดี๋ยวพี่จะสอน"น้องบลูเบลอุ้มน้องสาวให้มานั่งที่เก้าอี้ จากนั้นก็ใช้ส้อมจิ้มผลไม้ที่อยู่ในจาน จากนั้นก็ส่งไปให้น้องสาวเธอไว้ หยิบทิชชูเช็ดริมฝีปากให้ด้วยความห่วงใย"อันนี้อย่อย""อร่อยก็กินเยอะ ๆ เลย ถ้าเกิดว่าหมดเดี๋ยวพี่ไปเอาใหม่มาให้ แล้วดูสิมือเลอะหมดเลยเห็นไหม เดี๋ยวพี่เช็ดให้ดีกว่า"พี่ชายคนดีใช้ผ้าขนหนูค่อย ๆ เช็ดมือให้น้องสาว ตั้งแต่น้องคลอดออกมาจนถึงตอนนี้ เขาดูแลน้องและหวงแหนเป็นอย่างมาก คนเป็นพ่อแม่สะกิดนิดเดียวยังไม่ได้เลย น้องร้องไห้ก็โอ๋เอง เรียกได้ว่าห่วงน้องหนักจนคนเป็นแม่เริ่มกังวล"พี่บุรินทร์คะ เนตรว่าน้องบลูเบลห่วงน้องหนักมากเกินไปนะคะ ถ้าเ
ช่วงค่ำ...ในตอนนี้ท่านบรรพต คุณหญิงผกากรอง ท่านสมเกียรติ และคุณหญิงนพรัตน์ รวมถึงลูกชายซึ่งก็คือท่านนายกคนปัจจุบัน และแฟนของเขา นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารใจกลางคฤหาสน์สุดหรูของนายหัวบุรินทร์ และมีเนตรนภากับลูกชายนั่งอยู่ร่วมโต๊ะเช่นกัน"บลูเบลดีใจจังเลยครับที่ทุกคนมาเที่ยวหา""โธ่เอ๊ยเด็กแสบ ใครก็อยากจะมาอยู่กับเราทั้งนั้นแหละ แต่ทุกคนก็ต้องทำงานไง เข้าใจใช่ไหมครับ""เข้าใจอยู่แล้วครับ แค่นี้ก็ดีใจมากแล้วครับคุณลุง ถ้างั้นเรากินข้าวกันเถอะครับผมหิวแล้ว"เด็กน้อยชี้นิ้วไปที่หมูกรอบชิ้นใหญ่ตรงหน้า คุยโม้นักหนาว่าตัวเองชอบกินผัก แต่พออาหารตรงหน้าเป็นหมูกรอบ กับเลือกที่จะทิ้งสิ่งที่ชอบไว้บนจานทันที"แล้วบอกว่าตัวเองชอบกินผัก แต่เห็นหมูกรอบทีไรหยิบใส่ปากทันทีเลยนะ""แฮะ! ก็มันอร่อยนี่ครับ กรอบมาก"เด็กน้อยเอ่ยออกมาก่อนจะหยิบหมูกรอบใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ผู้ใหญ่ที่เห็นก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ การมีเด็กมาวิ่งเล่นทั่วบ้านก็ทำให้พวกผู้ใหญ่ไม่เหงาเลย พูดจ้อไม่หยุดทำให้ทุกคนมีเรื่องสนทนาคุยกันทั้งวันทั้งคืน โดยเฉพาะเรื่องของหลานกลายเป็นบทสนทนาหลักในการคุยกันเสร็จแล้ว"แล้วเจ้าตัวเล็กอีกคนล่ะจะคลอดเมื่
และในที่สุดก็การประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งพรรครักประชาชนได้คะแนนเสียงจากประชาชนอย่างล้นหลาม ได้เก้าอี้คะแนนเสียงเกินครึ่งของสภา สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้โดยไม่ต้องมีพรรคร่วม"ดีใจด้วยนะเนติในที่สุดก็ทำได้"นายหัวบุรินทร์ถือช่อดอกไม้มาแสดงความยินดีให้กับว่าที่นายกคนใหม่ รวมถึงเนตรนภาที่วิ่งเข้ามาสวมกอดพี่ชายด้วยความดีใจ"ดีใจจังเลยมีพี่ชายได้เป็นนายกแล้ว""ขอบคุณมากนะน้องสาว เพราะว่าเนตรมีสามีเป็นพี่บุรินทร์ เขาดีกับครอบครัวเรามาก แถมยังทำให้คุณพ่อเปลี่ยนไปเป็นคนละคนอีก ผมขอบคุณมากเลยนะครับสำหรับทุกอย่าง"เนติยกมือขอบคุณผู้ชายตรงหน้า เพราะเขาจึงทำให้ครอบครัวของเรากลับมารักกันเหมือนเดิม เปลี่ยนให้คุณพ่อกลายเป็นคนธรรมดา ไม่บังคับจิตใจของคนในบ้านอีกส่วนไอซ์ตอนนี้ก็เข้าไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมคุณพ่อกับคุณแม่ยังลงทุนเปิดคาเฟ่ให้อีก เรียกว่าตอนนี้กลายเป็นลูกรักแทนที่เขาเรียบร้อยแล้ว เพราะว่าไอซ์เขาเรียนเชฟมา ทำอาหารอร่อย ทำขนมก็เก่ง คุณพ่อกับคุณแม่ถูกใจมากเอ่ยปากชมไม่มีหยุด เขาก็เลยตกกระป๋องไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"ขอบคุณอะไรนักหนาเนี่ย ทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา...ตอนนี้อยู่ในช่วงลงคะแนนเสียง และช่วงค่ำน่าจะรู้แล้วว่าพรรคไหนจะได้คะแนนเสียงเยอะที่สุด ดูจากผลสำรวจก็น่าจะไม่ผิดโผสักเท่าไหร่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้"เดี๋ยวจะเริ่มนับคะแนนกันแล้ว หวังว่าพรรคของเราจะได้ทำเพื่อประชาชนอีกสมัยหนึ่งนะ"และที่ทำการพรรคทุกคนกำลังนั่งประชุมกันอยู่ และก็จะมีตัวแทนของแต่ละพรรค เข้าดูการนับคะแนนในแต่ละเขต เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตในช่วงการนับคะแนนที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าและที่ทำการพรรคจะมีโปรแกรมนับคะแนนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งตัวแทนที่อยู่ประจำหน่วยยืนดูเขานับคะแนน จะแจ้งผลเบื้องต้นให้ทางนี้รับทราบ ซึ่งคะแนนจะไม่เป็นทางการแต่ก็พอเดาได้ว่าพรรคไหนที่มีคะแนนนำในเวลานั้น"ยังไงผมต้องขอบคุณทุกคนมากเลยนะครับ ที่คอยแนะนำแล้วก็ให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่อย่างผม ถ้าเกิดว่ามีโอกาสในการได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะตั้งใจทำเพื่อประชาชน แล้วก็จะไม่ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคผิดหวังเด็ดขาด"เนติขยับตัวลุกขึ้นก่อนจะเอ่ยออกมาสัญญากับทุกคนที่อยู่ภายในห้องประชุมนั้น ถึงแม้ว่าทุกคนจะไม่ได้เลือกให้เขามายืนอยู่จุดนี้ แต่เป็นเพราะอำนาจของพี่เขยที่ยื่นข้อเสนอใ
ชายหนุ่มดึงรั้งตัวภรรยาให้มานั่งลงอยู่บนเตียงนอน แต่เนื่องจากเธอมีอายุครรภ์ที่ค่อนข้างโต จึงไม่สามารถขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวของเธอได้ จึงเปลี่ยนใจอุ้มคนรักให้ขึ้นมาอยู่บนตัวของเขาแทน"ลำบากเหมือนกันนะคะเนี่ย"หญิงสาวถึงกับหลุดขำออกมาเมื่อการมีเซ็กซ์ของคุณแม่ลูกสองค่อนข้างดูทุลักทุเลไม่น้อย แต่เพื่อความสุขของสามียังไงเธอก็ต้องยอม มันไม่ใช่ข้ออ้างในการไม่ให้ความสุขแก่คนรัก เพราะถึงแม้จะท้องโตแต่ก็ใช่ว่าจะมีไม่ได้สักหน่อย"ไม่ลำบากหรอกหนูก็อยู่ข้างบนนั่นแหละ เดี๋ยววันนี้พี่จะทำเบา ๆ เดี๋ยวหนูจะปวดท้องเอาได้"เขานอนราบลงกับเตียง ก่อนจะจับเอวเล็กของภรรยาทั้งสองข้างจึงรั้งขึ้นมาบนตัวของเขา จากนั้นก็ค่อย ๆ เลิกกระโปรงขึ้นไปไว้ที่ช่วงเอวของเธอ ใช้นิ้วเรียวถูไถยังน้องสาวเพื่อเล้าโลมภรรยาสุดที่รัก"อื้อ อ้าส์~"เนตรนภาถึงกับสะกดกั้นอารมณ์ของตัวเองไว้ไม่ไหว ถึงแม้จะท้องโตขนาดนี้ แต่เรื่องบนเตียงเขาก็ยังคงทำให้เธอมีความสุขได้เสมอ โชคดีที่ชายหนุ่มเป็นคนมีเหตุผล เข้าใจว่าธรรมชาติของคนท้องไม่เหมือนกับมนุษย์ปกติทั่วไป เขาจะมีวิธีในการทำให้เธอมีความสุขโดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงเหมือนทุกครั้ง"หอมจัง""ไม
ท่านสมเกียรติรู้สึกเกร็งไม่น้อยเลยกับการมาอยู่ที่นี่ อาจจะเพราะว่าตัวเองทำผิดพลาดไว้มาก แต่คนในครอบครัวไม่ถือโทษโกรธแถมยังให้อภัยง่ายดาย มันยิ่งทำให้เขารู้สึกแย่ในการกระทำของตัวเอง และสัญญาว่าจะไม่ทำเหมือนอย่างอดีตที่ผ่านมาอีก"คุณหญิงผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม""กินข้าวก่อนดีไหมคะ เดี๋ยวค่อยคุยก็ได้"คุณหญิงนพรัตน์รู้ดีว่าเขาเป็นกังวลมากแค่ไหน เธอกับลูกคุยกันว่าถ้าเจอคุณพ่อจะไม่มีใครพูดเรื่องอดีต เพราะสิ่งที่เขาได้รับมันหนักหนามากพออยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขายังคงมีอะไรภายในใจอยู่"คุยตอนนี้แหละ""ก็ได้ ลูกไปกินข้าวก่อนเลยนะ แม่กับพ่อจะไปคุยกันแป๊บหนึ่ง"เนตรนภา และนายหัวบุรินทร์ยิ้มออกมาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็กุมมือลูกชายพากันเดินเข้าไปยังห้องอาหาร ปล่อยให้พวกผู้ใหญ่ได้เคลียร์ใจกันให้จบ จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก"มีอะไรเหรอคะ ฉันไม่ได้โกรธหรือติดใจอะไรทั้งนั้น คุณจะคิดมากทำไม"คุณหญิงเอ่ยออกมาก่อนจะกุมมือของสามีเอาไว้ทั้งสองข้าง ท่านสมเกียรติดึงภรรยาเข้ามาสวมกอดอย่างกลัวว่าเธอจะหายไปไหนอีก เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ที่เขาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว มันโดดเดี่ยว และรู้สึกทรมานหัวใจมาก จากที
เมื่อจบประโยคของลูกเขยท่านสมเกียรติก็นิ่งเงียบไปทันที ไม่รู้จะเอาประโยคไหนมาเถียงกลับ เพราะทุกสิ่งอย่างที่เขาทำมันก็เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาทั้งนั้น เวลาผ่านมาที่เขาอยู่คนเดียว และคิดทบทวนกับทุกสิ่ง มันก็ได้คำตอบที่แน่ชัดเราว่าท้ายที่สุดตัวเราเองก็ต้องการแค่ครอบครัวที่อบอุ่นเท่านั้น"รู้แล้วน่าว่าฉันผิด แต่คงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ทั้งลูกแล้วก็เมียหนีออกไปหมดเลย""ทำไมจะแก้ไขอะไรไม่ได้ล่ะครับ ไม่มีใครเกลียดคุณพ่อเลยสักคน ทุกคนแค่รอว่าคุณพ่อจะเป็นคนใหม่ตอนไหนก็เท่านั้น แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นเยอะเลยนี่ครับ ผมว่าน่าจะถึงเวลาแล้วที่คุณพ่อควรจะแก้ไขทุกอย่างที่เคยทำผิดพลาด ทุกคนพร้อมให้โอกาสนะครับ แล้วอีกอย่างหนึ่งกำลังจะเป็นคุณตาที่มีหลานถึงสองคน ทำหน้าตาให้มันดูสดใสหน่อยสิครับ"ท่านสมเกียรติถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย หมายความว่ายังไงที่บอกว่าเป็นคุณตาที่มีหลานถึงสองคน"นายหมายความว่ายังไง""ก็หมายความว่าตอนนี้เนตรกำลังอุ้มท้องลูกคนที่สองอยู่ ถ้าคุณพ่ออยากอยู่กับหลานผมแนะนำให้เป็นคนใหม่แล้วก็ไปง้อลูกง้อเมียนะครับ แต่ถ้าเกิดว่าไม่ก็คงจะต้องได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวจนตาย""ปากดีนักนะแกเนี่ย"ถึงจะบ่นแบบ
เวลาผ่านไป...หลังจากที่นายหัวบุรินทร์จัดการทุกอย่างเรียบร้อย เนตรนภากับลูกก็ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมากขึ้น ไม่ต้องมาคอยระแวงว่าคุณพ่อจะบังคับให้ทำตามอำเภอใจอะไรอีก และที่สำคัญคุณแม่ย้ายมาอยู่ที่นี่สักพักใหญ่แล้ว ส่วนพี่ชายก็เดินหน้าหาเสียงอย่างเต็มกำลัง เป็นส.สบัญชีรายชื่อลำดับที่ 4 นับเป็นแคนดิเดตนายก ที่ทางพรรคจะส่งเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป"ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง พี่ชายก็ไม่กลับบ้านเลย คุณแม่ก็มาอยู่ที่นี่ เอาจริงหนูก็เริ่มเป็นห่วงท่านอยู่นะคะ"เนตรนภาเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล ถึงแม้ว่าท่านจะทำตัวใจร้ายกับคนในครอบครัว แต่เธอไม่ใช่คนแบบนั้น ยังไงท่านก็เป็นคุณพ่อ ห่างหายกันไปนานแบบนี้ต้องอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยเฉพาะตอนนี้ท่านอยู่คนเดียวด้วย"เดี๋ยวพี่ไปดูให้ ก็ไม่คิดว่าจะใจแข็งขนาดนี้นะ แต่เอาจริงก็ไม่ค่อยแปลกใจสักเท่าไหร่ คนดื้อรั้นแบบนั้นไม่ยอมฟังใครง่าย ๆ แน่"นายหัวบุรินทร์อุ้มภรรยาให้ขึ้นมานั่งลงบนตัก ลูบหน้าท้องของคนรักด้วยความเอ็นดู ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ เขาไม่อยากจะให้คิดมาก ส่วนเรื่องพ่อตาเดี๋ยวจะไปเคลียร์ด้วยตัวเอง"ห้ามเครียดนะรู้หรือเปล่า ตัวเองไม่ไ
ทุกคนไม่คิดว่าสิ่งที่นายหัวบุรินทร์ต้องการจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ท่านนายกคนปัจจุบันกำลังจะอำลาตำแหน่ง เนื่องจากว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งตอนนี้เขายังทำหน้าที่รักษาการอยู่ ประชาชนค่อนข้างที่จะรักท่านนายกรัฐมนตรีคนนี้มาก และถ้าเกิดว่าจะต้องเปลี่ยนแคนดิเดตนายกในเวลานี้ อาจจะทำให้ประชาชนเปลี่ยนใจเทคะแนนเสียงไปที่พรรคอื่นก็เป็นได้"ทำแบบนี้พรรคเราจะแย่เอานะครับ ประชาชนค่อนข้างรักท่านสมเกียรติ พวกเราถึงเลือกแคนดิเดตนายกเป็นท่านดังเดิม""ไร้สาระน่า การที่ประชาชนจะเลือกใครสักคนไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนคนเดียว พรรครักประชาชนสู้เพื่อประชาชนมาโดยตลอดเกือบ 20 ปี ไม่ว่าแคนดิเดตนายกจะเป็นใคร ผมเชื่อว่าประชาชนจะยังคงเลือกพรรคของเรา"ทุกคนไม่มีใครพูดหรือเถียงนายหัวบุรินทร์กลับ เนื่องจากว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นไม่ได้ผิดไปเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ประชาชนไว้ใจพรรคไม่ว่าจะเลือกใครขึ้นมาเป็นผู้นำ ทุกคนก็พอใจทั้งนั้น ขอแค่เห็นประโยชน์ของประชาชนมาก่อนเสมอ แค่นี้ก็จะชนะใจคนทั้งประเทศได้แล้ว"ก็ได้ถ้านายต้องการแบบนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ชี้ตัวมาเลยสิว่าจะเลือกใครมาแทนที่ฉันในตอนนี้ แต่ขอหาคนที่เห