สิ้นเสียง สองคนที่อยู่ในห้องนอนหันขวับไปทางฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยที่กำลังเดินเข้ามาซุนเซี่ยวเหรินหน้าคล้ำทันที เขาตำหนิอย่างไม่พอใจสุดๆ “เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! พูดจาเหลวไหลอะไรของเธอ! นี่เธอกำลังตั้งคำถามกับทักษะทางการแพทย์ของฉันงั้นรึ หรือว่าสงสัยในตัวยาเม็ดนี้? เธอรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร!”ซุนเซี่ยวเหรินไม่สบอารมณ์อย่างมากเด็กเปรตนี่โผล่มาจากไหน ถึงได้กล้าเข้ามาตะคอกเขาอย่างนี้กินยาอายุวัฒนะในมือเขา แล้วผู้ป่วยจะตายงั้นรึ?เหลวไหลทั้งเพ!ยาอายุวัฒนะเม็ดนี้เขาศึกษามาหลายวันแล้ว มันคือยาบำรุงชั้นดี!ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าสี่เหลี่ยมเย็นชาแข็งกร้าว สายตาเคร่งขรึม เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้องฉู่เฉินแล้วตวาดเสียงต่ำ “เธอเป็นใคร? ใครให้เธอบุกเข้ามาที่นี่? ไสหัวออกไป! อย่ามาขัดขวางการรักษาของภรรยาฉัน!”“คุณพ่อ เขาชื่อฉู่เฉินค่ะ เป็นหมอที่หนูพากลับมาเอง วิชาแพทย์ของเขาร้ายกาจมาก แม้แต่โรคกายเย็นของหนูเขาก็รักษาได้” กู้รั่วเสวี่ยรีบเข้ามาอธิบายชายวัยกลางคนได้ยินก็ตะลึง “ลูกว่าไงนะ? เขารักษาโรคกายเย็นของลูกได้เหรอ? รั่วเสวี่ย ลูกอย่าโกหกพ่อนะ”กู้เหวินไห่ พ่อของกู้รั่วเสว
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ทั่วทั้งห้องรับรองเงียบสงัดทุกคนเงียบเป็นเป่าสาก!พวงแก้มของกู้รั่วเสวี่ยแดงเรื่อฉู่เฉินคิดจะให้พ่อของเธอยกเธอให้เขาจริงๆเธอยังไม่ทันได้เตรียมใจเลยนะกู้เหวินไห่เองก็หน้าดำคร่ำเครียด เขาลังเลอยู่นานมากฉู่เฉินพูดขึ้น “ผู้นำตระกูลกู้ อย่าลังเลเลย คุณเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ”“ผมขอบอกคุณชัดๆ ตรงนี้เลยว่า บนโลกนี้ คนที่ช่วยภรรยาคุณได้ มีแค่ผมฉู่เฉินคนเดียวเท่านั้น!”กู้เหวินไห่กัดฟัน เขาไม่ลังเลอีกต่อไป คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตุบ ก่อนจะอ้อนวอนว่า “คุณฉู่ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมเลอะเลือน ได้โปรดช่วยชีวิตภรรยาของผมด้วย”“ขอแค่ช่วยภรรยาของผมได้ ผมยอมยกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนให้คุณ”“คุณพ่อ…” กู้รั่วเสวี่ยพึมพำเรียกพ่อของเธออย่างกระมิดกระเมี้ยนฉู่เฉินวางแก้วชา และยิ้มตอบเล็กน้อย “ได้ เห็นแก่หน้ารั่วเสวี่ย ผมจะช่วยเอง ลุกขึ้นเถอะครับ”กล่าวจบ ฉู่เฉินลุกเดินไปทางห้องนอนกู้เหวินไห่เดินตามไปติดๆกู้รั่วเสวี่ยก็รีบตามไปด้วยเช่นกัน เธอถามว่า “คุณพ่อ เมื่อกี้คุณพ่อพูดเล่นใช่ไหมคะ?”กู้เหวินไห่ตัดบททันที “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าเขาช่วยแม่ของลูกได้จริง ก็แสดงว่าเจ้าห
ด้านหนึ่ง หลังจากที่ฉู่เฉินออกจากคฤหาสน์ตระกูลกู้ ก็มุ่งไปยังบ้านใหญ่ของตระกูลฉู่ครั้นเห็นบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ในสภาพซอมซ่อ บวกกับกลิ่นอับชื้นที่เกิดจากไม้เน่าลอยมาแตะจมูก ฉู่เฉินอดทอดถอนใจไม่ได้บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า เต็มไปด้วยความทรงจำวัยเด็กของฉู่เฉินตั้งแต่ที่พ่อแม่หายตัวไป ฉู่เฉินก็แอบสืบอย่างลับๆ มาตลอด หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่แม่บุญธรรมของเขา หลิ่วชิงเหอ!ในตอนที่ฉู่เฉินตั้งใจจะโจมตีหลิ่วชิงเหอ เขาก็ถูกลอยแพเสียก่อน! จากนั้น เรื่องราวก็เป็นอย่างที่เกิดขึ้นมาตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาถูกสองแม่ลูกขังไว้ในห้องอาบน้ำของคฤหาสน์ เพียงแวบเดียว เขาก็ถูกทรมานมานานถึงสามปีเต็ม!“หลิ่วชิงเหอ หวังว่าเรื่องที่พ่อกับแม่ฉันหายตัวไปจะไม่เกี่ยวกับเธอนะ! ถ้าฉันสืบเจอว่าเป็นลูกไม้สกปรกของเธอ ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่!”ฉู่เฉินพูดอย่างเย็นชา ในดวงตาตาสุกใสสะท้อนแววเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกฉู่เฉินเก็บกวาดบ้านอย่างง่ายๆ จากนั้นก็ตั้งป้ายวิญญาณสองป้ายไว้ในบ้านให้พ่อแม่ของเขาผ่านมาหลายปีแล้ว พ่อกับแม่อาจไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ ในฐานะลูกชาย เขาควรกราบไหว้หลังจากคำนับสามครั้ง ฉู่เฉินจัดการทำความสะอา
“โอ๊ย! สารเลว! แกปล่อยฉันนะ! แกกล้าทำเรื่องน่าขยะแขยงเช่นนี้กับฉัน ฉันจะฆ่าแกแน่นอน!” ป้าอู๋ร้องออกมาด้วยความตกใจเธอคิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะกล้าลงมือกับเธอเช่นนี้เจ้าคนสารเลว!โครม...หลังจากนั้นเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้นมาจากห้อง พร้อมทั้งเสียงร้องขอชีวิตของป้าอู๋“ฉู่เฉิน อย่า ฉันขอร้องเจ้าล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ”อย่างไรก็ตาม หลังจากขอความเมตตาอยู่ครู่หนึ่ง ก็เกิดเสียงต่อสู้ขึ้นมาเป็นระยะ และในช่วงท้ายของการขอความเมตตาของป้าอู๋ ก็กลายเป็นเสียงครวญครางที่ส่งเสียงดังราวกับอารมณ์เร่าร้อนที่ถูกกักเก็บไว้ 20 กว่าปี แค่ครู่เดียวก็ปลดปล่อยออกมา!หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉู่เฉินเดินออกมาด้วยหน้าระรื่นพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “หากไม่ใช่เพราะป้า ผมคงไม่มีโอกาสอย่างนี้ ดังนั้นวันนี้ผมจะปล่อยป้าไปแล้วกัน รีบไสหัวไปซะ!”ภายในห้องป้าอู๋นอนร่างเปลือยเปล่าอยู่ที่พื้น เสื้อผ้าถูกฉีกไม่เป็นชิ้นดี ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเขี้ยว โดยเฉพาะบั้นท้ายที่เธอภาคภูมิใจนั้นเต็มไปด้วยรอยฝ่ามือ!เธอกัดฟันโกรธ เต็มไปด้วยความเคียดแค้น“ไอ้เดรัจฉาน! แกรังแกฉันแบบนี้ ฉันไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ป้าอู๋สบถออกมารุนแรง ฝืนร่างกายล
เฉาถิงถิงล้มลงไปที่พื้น เสื้อผ้ายับยู่ยี่ไปหมด ใบหน้าแดงก่ำ เจ็บไปทั่วทั้งร่างกาย“แกเป็นใคร? กล้าลงมือตีฉัน!” เฉาถิงถิงงุนงง หลังจากนั้นถึงจะก่นด่าด้วยคำหยาบคายขึ้นมาฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ผมก็คือคนที่คุณพร่ำปากว่าเป็นฉู่เฉินไอ้ผีไง”ฉู่เฉิน?เฉาถิงถิงตกใจ หลิวเฉียงที่ล้มอยู่กับพื้นก็ตะลึง รีบลุกขึ้นมา จ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉิน พร้อมพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “คุณคือพี่เฉินเหรอ? คุณเป็นพี่เฉินจริงๆ ใช่ไหม! พี่ยังไม่ตาย ดีจริงๆ ...”ฉู่เฉินยิ้ม และตบไหล่ของหลิวเฉียงที่กำลังเช็ดน้ำตาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเอง”“ฉู่เฉินเหรอ? แกไม่ตายจริงๆ ด้วย!” เฉาถิงถิงร้องออกมาด้วยความตกใจ หลังจากนั้นใช้สายตาชั่วร้ายจ้องมองไปที่เขา พูดอย่างเย็นชาว่า “กล้าตีฉันเหรอ? แกเชื่อไหมว่าวันนี้ฉันจะทำให้พวกแกสองตัวรู้สำนึกถึงสิ่งที่พวกแกทำ!”ฉู่เฉินได้ยินเช่นนั้น พร้อมพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “งั้นเหรอ? งั้นผมก็ขอลองดูสักตั้ง ลองดูซิว่าคุณจะทำให้ผมสำนึกได้ไหม!”หลิวเฉียงได้ยินเช่นนี้ ในใจอึ้งไปหมด รีบรุดเข้าไปห้าม พูดพร้อมกับรั้งฉู่เฉินว่า “พี่เฉิน ช่างมันเถอะ พวกเราไปกันเถอะ”ฉู่เฉินกวาดสายต
“ที่รัก! จัดการมัน รีบจัดการมันสิคะ!”เฉาถิงถิงพูดคะยั้นคะยออยู่ข้างๆ เธอหวังแต่เพียงว่าจ้าวหู่จะบดขยี้ฉู่เฉินและหลิวเฉียงลงไปที่พื้นทันที!จ้าวหู่ทำราวกับไม่ได้ยิน รีบวิ่งไปข้างหน้า โค้งตัวลงไป “คุณคือคุณฉู่ ฉู่เฉินใช่ไหมครับ?”ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้นมา ขมวดคิ้ว พยักหน้าตอบ “ใช่”“แหมๆ คุณฉู่จริงด้วย สวัสดีครับๆ ผมชื่อจ้าวหู่ เป็นผู้จัดการร้านอาหารร้านนี้ ขอโทษที่ไม่ได้มาต้อนรับนะครับๆ”จ้าวหู่มีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่นับถือและประจบประแจงภาพนี้ทำให้ฉู่เฉินงุนงงเล็กน้อยหลิวเฉียงก็เช่นกันคนที่ตกตะลึงและสับสนที่สุดคือเฉาถิงถิง“ที่รัก คุณทำอะไรเนี่ย? คุณฉู่อะไรกัน? คุณบ้าไปแล้วเหรอ? เขาคือไอ้คนเหลือขอที่ตบตีฉันเมื่อกี้นะคะ! คุณรีบจัดการมันสิ!”เฉาถิงถิงพูดอย่างร้อนรน กระทืบเท้า หน้าอกใหญ่และอวบอิ่ม ก็สั่นขึ้นลงทันที“เพียะ!”เป็นผลให้จ้าวหู่หันหลังกลับมาไปและตบเข้าไปที่หน้าเฉาถิงถิง และดุว่า “อวดดี! ไอ้คนเหลือขอเหรอ? เขาคือคนที่ผมบอกคุณว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่แม้แต่ผู้นำตระกูลกู้ยังต้องเคารพ!”“ฉู่เฉิน คุณฉู่!”“คุณยังไม่รีบมาขอโทษคุณฉู่อีก!”จ
ฉู่เฉินหัวเราะอย่างนึกสนุกและพูดว่า “ผู้จัดการจ้าวไม่เชื่อที่ผมพูดเหรอ?"คิ้วของจ้าวหู่ขมวดมุ่น ฉู่เฉินยังคงพูดต่อว่า “ตอนนี้ผู้จัดการจ้าวอายุสี่สิบแล้วใช่ไหมครับ หลายปีมานี้ที่มีลูกไม่สำเร็จ ไม่เคยสงสัยตัวเองเหรอ?”“หากคุณไม่เชื่อ ก็ลองไปตรวจที่โรงพยาบาลดูได้”“เมื่อถึงเวลานั้น เด็กในท้องใช่หรือไม่ใช่ลูกของคุณ ผมว่าคุณน่าจะเข้าใจเองนะครับ”จ้าวหู่ได้ยินดังนั้น สีหน้าเคร่งขรึมพร้อมกัดฟันพูดว่า “ได้! หวังว่าที่คุณฉู่พูดจะถูกต้องนะครับ หากผมไม่ได้มีปัญหาจริงๆ ล่ะก็ คุณฉู่ต้องคิดผลลัพธ์ให้ดีนะครับ!”พูดเสร็จ จ้าวหู่ก็หมุนตัวออกไปจากร้านอาหารเฉาถิงถิงเมื่อเห็นเช่นนี้ก็ร้อนรนขึ้นมารั้งจ้าวหู่ “ที่รัก ไม่งั้นก็ช่างมันเถอะ ให้พวกเขาไปเถอะค่ะ”จ้าวหู่คิ้วขมวดอีกครั้ง เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของเฉาถิงถิง ในใจเริ่มเกิดความสงสัยขึ้นมา“ไม่ได้ พวกเขาลบหลู่ผมได้ แต่จะมาลบหลู่ลูกของผมจ้าวหู่ไม่ได้!” จ้าวหู่พูดอย่างเย็นชา เดินหันหลังออกไป มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพื่อทำการตรวจ หลังผลตรวจออกมา สีหน้าของจ้าวหู่ก็มืดมนขั้นสุด!ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยรังสีอำมหิต!หลังจากนั้นเขาก
ฉู่เฉินนั่งขัดสมาธิ จนถึงช่วงเวลาเย็นของอีกวันหนึ่งฉู่เฉินลืมตาขึ้นมา พรูลมหายใจหยาบแล้วก็กำหมัด รู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลัง!จากนั้นฉู่เฉินก็ยืนขึ้น เพียงก้าวออกไปก็เคลื่อนตัวไปด้านข้างสองเมตร!เป็นความเร็วที่รวดเร็วมาก!จากนั้นเขาก็ต่อยออกไป และเสียงที่ทะลุผ่านอากาศก็ทำให้ได้ยินเสียงอึกทึกกำแพงที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตร ภายใต้การโจมตีของหมัด ก็พังทลายเป็นราบกองแข็งแกร่ง!ฉู่เฉินดีอกดีใจ!ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องกังวลว่าจะไม่สามารถโล่นแล่นในเจียงจงได้!หลิ่วชิงเหอ หลิ่วหรูเยียน พวกเธอรอก่อนเถอะ ฉันจะแก้แค้นพวกเธอให้สาสมฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จะกลับมาอยู่ในมือของฉู่เฉินอีกครั้งถอนหายใจออกมา ฉู่เฉินรับโทรศัพท์จากกู้รั่วเสวี่ย“หมอเทวดาฉู่ คุณอยู่ที่ไหนคะ?” กู้รั่วเสวี่ยถามด้วยรอยยิ้มฉู่เฉินบอกที่อยู่ของตัวเองไปไม่นานเฟอร์รารี่สีแดงสุดเท่ เสียงมอเตอร์ดังมาจากระยะไกลและหยุดอยู่หน้าบ้านใหญ่ของตระกูลฉู่ประตูรถถูกเปิดออก กู้รั่วเสวี่ยสวมกระโปรงยาวถึงเข่าสีแดงเพลิงและแว่นกันแดด ก้าวลงจากรถด้วยขาเรียวสีขาวแล้วจึงออกมา งดงาม!ท่าทางสง่างามนี่มันระดับเทพธิ
ถ้าไม่ใช่เพราะกระจกแปดทิศในมือฉู่เฉินเอาชนะสิ่งชั่วร้ายได้ละก็ ฉู่เฉินอาจถึงขั้นตกสู่สถานการณ์เลวร้ายมากกว่าดีฉู่เฉินสูดลมหายใจลึกๆ แล้วรีบเก็บกระจกแปดทิศ เว้นระยะและเผชิญหน้าจ้องมองผีดิบเลือดคลั่งสักพักใหญ่เมื่อเห็นว่าผีดิบเลือดคลั่งยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่ได้มีเจตนาลุกขึ้นจู่โจมใส่ฉู่เฉินสักนิด เขาจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจบัดซบ!อันตรายมาก!ฉู่เฉินหยิบยาบำรุงปราณกลืนเข้าไปพลางเดินโซเซบนผิวน้ำตรงยังไปทิศทางของผีดิบเลือดคลั่งด้วยระดับของฉู่เฉินตอนนี้ม้าสามารถสังหารผีดิบเลือดคลั่งที่เทียบเท่าระดับรากฐานขั้นเจ็ดได้เลยถ้าสามารถทำให้จำนนได้ก็จะเป็นการดีที่สุด และก็นับว่าได้ผลตอบแทนกลับมาโดยไม่คาดคิดแต่ฉู่เฉินยังคงระมัดระวังตัวมากด้วยการกุมกระจกแปดทิศไว้ในมือ เตรียมพร้อมตอบโต้ทุกเมื่อถ้าผีดิบเลือดคลั่งเกิดระเบิดขึ้นมาเห็นฉู่เฉินเดินไปหาผีดิบเลือดคลั่งทีละก้าว หลูติ้งไห่และโจวอวี้หมิงต่างกลั้นหายใจ“นี่คุณฉู่จะทำอะไร?”โจวอวี้หมิงกลืนน้ำลายลงคออย่างแรงพร้อมกล่าวด้วยความตึงเครียด“ไม่… ไม่รู้สิ ทำไมผีดิบเลือดคลั่งตัวนั้นถึงคุกเข่าไม่ขยับเลยล่ะ?”หลูติ้งไห่ก็อยากรู้เหมือนกันแล
“ผู้บัญชาการเซียว รีบมานี่เร็ว!”หลูติ้งไห่พูดกับวิทยุสื่อสารเสียงดังลั่นเซียวเฟิงหอบหายใจด้วยความหนักอึ้ง จัดการขว้างวิทยุสื่อสารทิ้งไปอีกทางพร้อมจดจ้องผีดิบเลือดคลั่งด้วยความเคียดแค้นคนของแก๊งมังกรสี่นายที่หนีรอดมาได้ก็ไปหยุดอยู่บริเวณใกล้กับเซียวเฟิงแล้วในเวลานี้ ทุกคนยกมือไรเฟิลขึ้นเล็งผีดิบเลือดคลั่ง“ยังไม่ถอยอีก!”ฉู่เฉินหันหน้ามาก็เห็นพวกเซียวเฟิงที่หมอบลงพื้นยกเล็งปืนไปทิศทางที่ผีดิบเลือดคลั่งอยู่พอดี เขาจึงรีบตะคอกเสียงดังยกใหญ่“ถ้าไม่ล้างแค้นให้พี่น้อง ฉันแม่งจะตายอยู่ตรงนี้นี่แหละ!”เซียวเฟิงกัดฟันกรอด ร่างกายเขาสั่นไม่หยุดฉู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย สูดลมหายใจเข้าลึกๆตอนนี้เขาไม่สนอะไรมากแล้ว หากชักช้าผีดิบเลือดคลั่งจะตามมาพัวพันเขาอีกครั้ง ถึงตอนนี้ก็คงไม่มีทางชนะได้แล้วฉู่เฉินคิดแล้วก็ควักกระจกแปดทิศออกมาจากอกทันที เคลื่อนพลังวิญญาณรอบกายไปสู่กระจกแปดทิศ“วิ้ง!”เงาของกระจกแปดทิศเปล่งแสงสีขาวออกมาอย่างกะทันหันมันส่องสว่างท้องฟ้ายามค่ำรอบๆ ฉู่เฉินในทันทีเหมือนกับไฟฉายจากนั้นลำแสงสีขาวนั้นส่องไปยังร่างผีดิบเลือดคลั่งจนเกิดควันสีแดงขึ้นพร้อมกับเสียงดังซู่
ขณะนี้เอง นักพรตชิงซงวิ่งหอบกลับมา กล่าวขึ้นด้วยความตื่นตระหนกพร้อมกับหายใจหอบไปด้วย “วิ่ง รีบหนี! นี่…นี่คือผีดิบเลือดคลั่ง ไม่อยากตายก็รีบหนีซะ!”“แต่ถ้าพวกเราหนีไป พวกพ้องแก๊งมังกรสิบกว่าคนนั้นจะทำยังไง?”โจวอวี้หมิงตวาดด้วยใบหน้าหนักใจ“ไปสนพวกเขาจะเป็นจะตายอะไรอยู่ ถ้ายังไม่หนี ยังไม่หนีอีกพวกเราได้ตายกันหมดแน่!”“ใครให้พวกเขายิงผีดิบเลือดคลั่งล่ะ? ถ้าไม่เป็นเพราะพวกเขายิงผีดิบเลือดคลั่งจนคลั่ง ผม... ผมคงทำให้ปีศาจร้ายนั่นยอมศิโรราบไปแล้ว!”นักพรตชิงซงตะคอกกล่าวเสียงดัง“แก!”แม้แต่เซียวเฟิงถึงกับจ้องมองนักพรตชิงซงด้วยใบหน้าเหลือเชื่อทั้งทั้งที่แกแม่งสั่งให้ยิงพวกพ้องของฉันทุ่มสุดตัวเพื่อช่วยชีวิตแกอยู่ข้างหน้า แกกลับวิ่งหนีซะได้?ทั้งยังโยนความผิดมาให้บรรดาพวกพ้องของฉันอีก?!ถ้าสถานการณ์ไม่เร่งรัดจริงๆ เซียวเฟิงคิดจะยิงไอ้สารเลวคนนี้ให้ตายไปซะ!ในระหว่างที่ทะเลาะกันอยู่นี่เอง เห็นเงาร่างหนึ่งพุ่งสวนทางตรงไปยังผีดิบเลือดคลั่ง!“แกไปทำอะไรวะ!”นักพรตชิงซงมองแผ่นหลังของฉู่เฉินด้วยสีหน้าโมโหจนเขียวปัดนี่มันแย่งบทเขาไม่ใช่เหรอ?เขาที่วิ่งหนีอย่างทุลักทุเลเหมือนหมาไม
ตูมตามตูมตาม!ขณะที่เขวี้ยงยันต์ปราบผีหลายสิบใบไปยังร่างผีดิบเลือดคลั่งก็เกิดควันดำขึ้น แต่นอกจากผีดิบเลือดคลั่งถูกแรงสะเทือนถอยหลังสองก้าวแล้วแม้แต่ขนก็ยังไม่เป็นอะไรนักพรตชิงซงอดสูดลมหายใจเข้าไม่ได้ตอนอวดเก่งได้ใจแค่ไหน ถึงคราวหน้าแหกก็เจ็บเท่านั้นจริงๆเมื่อเห็นว่าใช้ยันต์ปราบผีร้อยใบในตัวจนหมดเกลี้ยงแล้ว ผีดิบเลือดคลั่งตรงหน้าก็ยังไม่ตาย ตรงกันข้ามเหมือนได้กินยาบำรุงเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น พลังเพิ่มขึ้นสุดต้านทานและกลิ่นอายรอบตัวก็ยิ่งดุร้ายยิ่งขึ้นนักพรตชิงซงยังไม่ทันตั้งสติ ผีดิบเลือดคลั่งก็คำรามอย่างโมโหกระโจนเข้าไปหานักพรตชิงซงทันที“แม่งเอ๊ย! ไร้พลัง...ช่วยด้วย!”เดิมทีนักพรตชิงซงกะจะลองกระบี่ไม้ท้อในมือเขาแต่ผลลัพธ์คือเมื่อโดนตัวผีดิบเลือดคลั่ง กระบี่ไม้ท้อเล่มนั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆจนกลายเป็นขี้เลื่อย ระเบิดกลางอากาศเป็นลูกไฟนักพรตชิงซงเห็นฉากตรงหน้าแล้วก็ตัวเย็นแข็งทื่อไปเลย แม่งสะพรึงเกินไปแล้วท่ามกลางความเป็นความตาย ภาพลักษณ์เอ่ย หน้าตาเอย นักพรตชิงซงไม่สนอีกแล้ว โคจรปราณตันเถียนแล้ววิ่งใช้เท้าเหยียบไปบนผิวน้ำทะเลสาบหย่งติ้งถอนตัววิ่งหนีทันที“อ๊ากกก!”เขาวิ่ง
โจวอวี้หมิงสั่งการอย่างเย็นชาในช่วงที่ทุกคนในทีมที่หนึ่งกำลังจะขว้างระเบิดมือครั้งที่สองนี้เองก็เกิดสิ่งผิดปกติขึ้นทันควัน“โอ่ว!”เสียงคำรามทุ้มต่ำดังขึ้นจากในถ้ำถึงแม้เป็นเพียงการคำรามโกรธ แต่พื้นดินรอบๆ หลายลี้กลับสั่นสะเทือนไม่หยุดแม้แต่ผิวน้ำทะเลสาบหย่งติ้งก็เกิดระลอกคลื่นเช่นกันแข็งแกร่งมาก!ฉู่เฉินหันหน้าขวับไปมองทางถ้ำพร้อมตะโกนเสียงดังลั่นทันที “ผู้บัญชาการกองทัพโจว รีบสั่งทีมแรกถอยออกมา เร็วเข้า!”โจวอวี้หมิงสั่นฉุกคิดขึ้นได้ฉับพลัน รีบพูดกับวิทยุสื่อสาร “ทีมแรก ถอย!”เขาเพิ่งสั่งการลงไปก็เห็นแสงสีแดงราวกับปกคลุมพื้นโลกพุ่งออกมาจากถ้ำ“ฟิ้ว!”ทหารที่ยืนแถวหน้าสุดยังไม่ทันตั้งสติได้ก็โดนลำแสงสีแดงนี้ฉีกจนเป็นเสี่ยงๆ“ถูกโจมตี! ถูกโจมตี!”วินาทีต่อมาทีมที่หนึ่งไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ ก็มีทหารสองนายกลายเป็นหมอกโลหิตฟุ้งกระจายท่ามกลางแสงสีแดงนั้นจากนั้นปากถ้ำก็มีเสียงปืนดังขึ้นทันที“ปังๆ ๆ ๆ!”ในขณะเดียวกันลูกกระสุนนับไม่ถ้วนถูกยิงไปในทิศทางเดียวอาศัยช่วงแสงอ่อนลง ทุกคนต่างมองเห็นเงาร่างใหญ่สูงสองเมตรรางๆ จ้องมองด้วยดวงตาสีแดงก่ำ บินตรงไปยังทหารคนอื่นๆ ที่เหลื
จะว่ายังไงก็ตามนักพรตชิงซงก็เป็นผู้บำเพ็ญพรตปราณชั้นห้า และมียันต์ในมือที่ไม่รู้ใครวาดออกมา ด้วยเหตุนี้การกระทำเมื่อกี้ค่อนข้างข่มขวัญคนได้จริงๆ เมื่อเห็นอานุภาพยันต์ศักดิ์สิทธิ์แค่เพียงใบเดียวของนักพรตชิงซงที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกระเบิดแม้แต่น้อย โจวอวี้หมิงจึงกล่าวออกคำสั่งกับทีมที่ซุ่มโจมตีโดยไม่ลังเลใจอีก “ทีมแรกเตรียมตัว บุกเข้าไปในอีกห้านาทีนี้!”“ครับ!”เสียงแน่วแน่ดังขึ้นจากต้นทางของวิทยุสื่อสารจากนั้นทีมสามสิบกว่าคนต่างหยิบปืนและระเบิดมือออกมาแล้วเคลื่อนทีมไปทิศทางถ้ำอย่างเงียบ ๆนักพรตชิงซงแกว่งไม้ปัดนักพรตพร้อมก้าวเดินอาด ๆ ด้วยความรวดเร็วไปยังฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบหย่งติ้งอย่างน่าเกรงขาม“คุณฉู่…”เห็นเซียวเฟิงไม่ฟังคำของฉู่เฉินสักนิด หลูติ้งไห่จึงกระซิบข้างหูฉู่เฉินครู่หนึ่งฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยกล่าว “ถอยห่างร้อยเมตรใกล้เกินไป ถอยสักหนึ่งกิโลเมตร”“ได้ครับ!”หลูติ้งไห่ตอบรับแล้วก็ก้าวฉับๆ มาถึงหน้าโจวอวี้หมิงพร้อมกล่าว “ผู้บัญชาการกองทัพโจว ตามความเห็นผม ในเมื่อมีนักพรตชิงซงออกคำสั่งด้วยตัวเองแล้วก็ไม่ต้องใช้ทหารมากมายขนาดนั้นสักนิด”“ไม่งั้นเอาอย่างนี้ ให้คน
เซียวเฟิงและโจวอวี้หมิงหันหน้าไปมองก็เห็นหลูติ้งไห่กับฉู่เฉินกำลังลงจากรถฝั่งซ้ายและฝั่งขวามุ่งหน้ามาทางนี้“ทำไมหัวหน้าหลูยังไม่ไล่คนแซ่ฉู่นั้นไปอีกนะ”ดวงตาเซียวเฟิงฉายแววความเกลียดชังจ้องมองไปที่ฉู่เฉิน“เหอะ ทำให้เจ้าหนุ่มผู้นั้นได้เห็นพลังของผมก็ดี อายุยังน้อยจะได้ไม่รู้จักเรียนที่ดี ๆ เอาแต่ทำเก่ง!”สองมือนักพรตชิงซงไพล่หลังมองไปทางฉู่เฉินด้วยสีหน้าดูแคลนโจวอวี้หมิงถอนหายใจเบาๆพร้อมกล่าว “พวกคุณพูดให้น้อยหน่อยเถอะ อีกเดี๋ยวยังมีศึกหนัก ความสามัคคีต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก”กล่าวเสร็จก็เดินไปหาหลูติ้งไห่และฉู่เฉินเป็นคนแรกเซียวเฟิงและนักพรตชิงซงมองกันแล้วก็เดินตามด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร“คนบางคนช่างไม่รู้ความจริงๆ ไม่มีความสามารถสักนิดยังแม่งมีหน้ามาร่วมแจมกับเขาด้วย ช่างไร้ยางอายจริงๆ”เซียวเฟิงเหลือบมองสำรวจท่าทีฉู่เฉิน กล่าวด่าแบบอ้อมๆฉู่เฉินหัวเราะเยาะหนึ่งครั้งและขี้เกียจที่จะสนใจเขาหลูติ้งไห่กล่าวเสียงเย็นชาด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ผู้บัญชาการเซียว ผมหวังว่าคุณจะพูดจาให้เกียรติสักหน่อย บาดหมางกันไม่เป็นผลดีกับทุกคนสักนิด”เซียวเฟิงได้ยินแล้วก็เอามือไพล่หลังถลึงตาใส่กล่
จนกระทั่งเกาหมิงหลายเดินไปไกลแล้ว หลูติ้งไห่จึงหันมากล่าวกับฉู่เฉิน “คุณฉู่ คุณมั่นใจแค่ไหน?”ในเวลานี้เกาหมิงหลายถึงขั้นมีความคาดหวังในตัวฉู่เฉินสูงมาก เห็นได้ชัดว่าหลูติ้งไห่ได้เดิมพันทั้งหมดกับฉู่เฉินแล้วพูดได้ว่าฉู่เฉินคนเดียวสามารถตัดสินความเป็นความตายของคนนับพันได้นาทีนี้อนาคตหลูติ้งไห่ได้ถูกผูกติดกับฉู่เฉินอย่างแน่นหนาแล้ว“ไม่มั่นใจครับ”ฉู่เฉินพูดอย่างจริงจังมาก“มะ…ไม่มั่นใจ?”หลูติ้งไห่ได้ยินคำพูดนั้นแล้วก็อดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้“ใช่ คืนนี้จะสำเร็จหรือพ่ายแพ้ก็ได้แต่ลองทุ่มสุดตัวดูครับ”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ พลางกล่าวเมื่อเห็นใบหน้าฉีกยิ้มของฉู่เฉิน หลูติ้งไห่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดีจริงๆแต่นี่มันถึงชีวิตเชียวนะ ทำไมฉู่เฉินยังยิ้มออกมาได้?ที่จริงแล้วฉู่เฉินยังมีไพ่ตายอยู่ในมือ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นผีดิบเหินฟ้าก็ตาม ขอแค่อวี้ลู่ลงมือให้ก็จะสามารถสะกดข่มได้ในชั่วพริบตาแต่ถ้าไม่ถึงสถานการณ์คับขันจริงๆ ฉู่เฉินจะไม่ใช่ไพ่ไม้ตายนี้เด็ดขาดอีกทั้งระหว่างฉู่เฉินและหลูติ้งไห่ก็ไม่ได้คบค้าสมาคมเชิงลึกอะไร จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะบอกเรื่องตัวตนของอวี้ลู่“คืนนี้ฉั
จนกระทั่งในห้องประชุมเหลือเพียงฉู่เฉินกับกู้รั่วเสวี่ยสองคน เกาหมิงหลายถึงได้เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เมื่อกี้ ติ้งไห่ได้เล่าคำพูดของคุณฉู่ให้ผมฟังหมดแล้ว”“ตามหลักแล้ว เรื่องใหญ่ขนาดนี้ การปฏิบัติการคืนนี้จะต้องโดนยกเลิก”พอได้ยินแบบนี้ ฉู่เฉินก็พยักหน้าติดต่อกันการเผชิญหน้ากับผีดิบโลหิต วิธีที่ดีที่สุดก็คืออย่าเพิ่งแหวกหญ้าให้งูตื่น รอจนรวบรวมกำลังได้มากพอแล้วค่อยกำจัดมันทีเดียวให้สิ้นซาก ถึงจะเป็นแผนการที่ดีที่สุดแต่เกาหมิงหลายกลับเอ่ยอย่างเปลี่ยนท่าทีว่า “แต่ว่าในฐานะพ่อแม่ ผมทำแบบนี้ไม่ได้”“ทำไมล่ะ?”ฉู่เฉินกับกู้รั่วเสวี่ยเอ่ยถามขึ้นแทบจะพร้อมเพรียงกันรู้อยู่แก่ใจว่าบนเขามีเสือ แต่ยังจะขึ้นเขาไปท่องเที่ยวอีกเหรอ?แต่ปัญหาคือ ตอนนี้สิ่งที่อยู่บนเขาไม่ใช่เสือ แต่เป็นผีดิบโลหิต!เกาหมิงหลายใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นแล้วพูดว่า “เพื่อประชาชนครับ”“ประชากรในเมืองเอกของมณฑลมีมากกว่าสิบล้านคน ผมไม่สามารถรับประกันได้ว่าการออกคำสั่งห้ามจะสามารถห้ามไม่ให้ทุกคนเข้าไปใกล้ทะเลสาบหย่งติ้งได้ ยิ่งไปกว่านั้น ที่นั่นยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย ผมไม่อาจส่งคนไปเฝ้าตรงป