Share

บทที่ 11

“โอ๊ย! สารเลว! แกปล่อยฉันนะ! แกกล้าทำเรื่องน่าขยะแขยงเช่นนี้กับฉัน ฉันจะฆ่าแกแน่นอน!” ป้าอู๋ร้องออกมาด้วยความตกใจ

เธอคิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะกล้าลงมือกับเธอเช่นนี้

เจ้าคนสารเลว!

โครม...

หลังจากนั้นเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้นมาจากห้อง พร้อมทั้งเสียงร้องขอชีวิตของป้าอู๋

“ฉู่เฉิน อย่า ฉันขอร้องเจ้าล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ”

อย่างไรก็ตาม หลังจากขอความเมตตาอยู่ครู่หนึ่ง ก็เกิดเสียงต่อสู้ขึ้นมาเป็นระยะ และในช่วงท้ายของการขอความเมตตาของป้าอู๋ ก็กลายเป็นเสียงครวญครางที่ส่งเสียงดัง

ราวกับอารมณ์เร่าร้อนที่ถูกกักเก็บไว้ 20 กว่าปี แค่ครู่เดียวก็ปลดปล่อยออกมา!

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉู่เฉินเดินออกมาด้วยหน้าระรื่นพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “หากไม่ใช่เพราะป้า ผมคงไม่มีโอกาสอย่างนี้ ดังนั้นวันนี้ผมจะปล่อยป้าไปแล้วกัน รีบไสหัวไปซะ!”

ภายในห้องป้าอู๋นอนร่างเปลือยเปล่าอยู่ที่พื้น เสื้อผ้าถูกฉีกไม่เป็นชิ้นดี ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเขี้ยว โดยเฉพาะบั้นท้ายที่เธอภาคภูมิใจนั้นเต็มไปด้วยรอยฝ่ามือ!

เธอกัดฟันโกรธ เต็มไปด้วยความเคียดแค้น

“ไอ้เดรัจฉาน! แกรังแกฉันแบบนี้ ฉันไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”

ป้าอู๋สบถออกมารุนแรง ฝืนร่างกายลุกขึ้นมา กลับมีความรู้สึกเจ็บส่งมาจากท้องน้อย

คิดไม่ถึงว่าพรหมจรรย์ที่เธอเฝ้าปกป้องมาสามสิบสามปี จะถูกเศษสวะนั่นมาช่วงชิงไปเช่นนี้

แต่ทว่าเมื่อนึกถึงท่าทางที่น่าเกรงขามของฉู่เฉิน จิตใจของป้าอู๋ก็สั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง

การเป็นผู้หญิงทำไมมันช่างเป็นความรู้สึกที่วิเศษเช่นนี้

เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เหมือนความรู้สึกล่องลอยราวกับบินไปบนท้องฟ้า...

หลังจากนั้นผ่านไป ป้าอู๋ก็จัดการตัวเองแล้วกลับไปยังคฤหาสน์ของตระกูลหลิ่ว

หลังจากที่หลิ่วชิงเหอมองเห็นป้าอู๋ได้รับบาดเจ็บก็ตกใจเป็นอย่างมาก พร้อมกับถามขึ้นมาว่า “แกไปทำอะไรมา ทำไมกลายเป็นสภาพนี้ล่ะ? ฉู่เฉินตายหรือยัง?”

ป้าอู๋ส่ายหัวพร้อมพูดว่า “ไม่ตาย ฉันแพ้ค่ะ”

“อะไรกัน? แกพ่ายแพ้เหรอ? เกิดอะไรขึ้น?” หลิ่วชิงเหอถามด้วยความประหลาดใจ

ป้าอู๋เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง และแน่นอนว่าเธอปกปิดเรื่องที่เธอถูกฉู่เฉินล่วงละเมิดเธอไว้

“มันแข็งแกร่งขึ้นเหรอ? แม้แต่แกก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้มัน?” หลิ่วชิงเหอมีสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นสับสน

ผ่านไปสักพัก เธอก็โบกมือพร้อมพูดว่า “แกออกไปก่อนเถอะ ไปรักษาตัวให้หายก่อน”

“ค่ะ คุณผู้หญิง”

ป้าอู๋กล่าวคำลา

หลิ่วชิงเหอนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก ได้เปลี่ยนเสื้อสูทสีดำสำหรับสุภาพสตรีแล้ว ใส่คู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาว ตรงทรวงอกมีกระดุมที่ถูกปลดออกอยู่สามเม็ด หน้าอกที่อวบอั๋น ที่แทบจะทะลักออกมา

ส่วนล่างเป็นกระโปรงคลุมสะโพกสีดำ และถุงน่องสีดำบาง ตรงต้นขายังติดมีลูกไม้ติดอยู่ด้วย บนเท้าสวมใส่รองเท้าแตะสีชมพู และเท้าที่ขาวราวกับหยกคู่นั้นที่ถูกปกคลุมด้วยถุงน่องดำนั้น ดูงดงามและชวนหลงใหล

และสิ่งที่ทำให้เหล่าสุภาพบุรุษทั้งหลายโงหัวไม่ขึ้นก็คือ นิ้วเท้าทั้งสิบของเธอยังทาเล็บสีแดงอีกด้วย

“ไอ้สัตว์เดรัจฉานนั่นสมควรตาย ภายในคืนเดียวกลับแข็งแกร่งได้ยังไง?”

หลิ่วชิงเหอพูดอย่างเย็นชาในใจ ขมวดคิ้วอย่างหนัก

“ป้าอู๋ไม่ไหว เห็นทีว่าต้องหายอดฝีมือคนอื่นแล้วล่ะ”

หลิ่วชิงเหอพูดอย่างเย็นชา จากนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดโทรไปยังหมายเลขหนึ่ง “ช่วยฉันติดต่อยอดฝีมือให้หน่อย ราคาเท่าไหร่ก็ได้ฉันไม่สน!”

“จะทำอะไร?”

“ฆ่าคน!”

ตู๊ด!

ชิงเหอกดวางสาย เอาแต่นึกถึงภาพอัปยศที่ถูกฉู่เฉินข่มเหง เธอได้แต่กัดฟันโกรธ!

ฉู่เฉินเอาเปรียบฉัน ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อ!

......

ทางฝั่งฉู่เฉินหลังจากที่ออกจากบ้านใหญ่ของตระกูลฉู่ก็มาถึงยังเขตเมือง พร้อมทั้งฉันไปยังร้านอาหารร้านหนึ่ง หาตำแหน่งที่นั่งที่ใกล้กับหน้าต่าง และสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ

ในสามปีนี้ เขาได้ทนทุกข์ทรมานจากการทรมานของหลิ่วหรูเยียนทุกวี่วัน ทุกวันคอยกินแต่ของเหลือๆ ที่แม้แต่หมาก็ยังไม่กิน

ในวันนี้ ฉู่เฉินรู้สึกเหมือนเขาได้เกิดใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าเขาต้องกินให้อิ่ม

หลังจากที่เขาสั่งอาหารเสร็จ ทันใดนั้นเกิดการทะเลาะกันที่โต๊ะซึ่งอยู่ไม่ไกล

“หลิวเฉียง! ทำไมนายมันโง่แบบนี้นะ! นายเอาเงินห้าแสนที่จะใช้ในงานแต่งของเราไปใช้เพื่อคนแบบนั้นเนี่ยนะ!”

เป็นการก่นด่าเสียงแหลมของผู้หญิงคนหนึ่ง

ผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวตามสมัยมาก ล้ำหน้า และดูกล้าหาญเปิดกว้าง

ผมหางม้าสองข้างสีแดงเพลิง แต่งหน้าหนัก แต่งตัวเหมือนกับสาวที่ทำงานตอนกลางคืน พูดไปพลางกับเคี้ยวหมากฝั่งไปด้วย ท่าทางองอาจ แววตาของเธอเต็มไปด้วยคนที่อยู่ตรงหน้า แววตาที่ดูไม่พอใจและรังเกียจมองไปยังผู้ชายที่ดูซื่อสัตย์ผู้นั้น

ท่อนบนสวมแจ็กเกตหนังสีดำที่สั้นมาก ความยาวถึงแค่บนสะดือ ข้างในสวมใส่สายเดี่ยวสีขาว เผยให้เห็นเนินอกสีขาวเนียนอิ่มฟูนั้น

ช่างใหญ่โตจริงๆ โดนเฉพาะร่องอกนั้นลึกมากๆ

ในขณะนั้นผู้หญิงคนนั้นกำลังกอดอกอยู่ ทำให้ร่องนั้นเผยออกมาชัดขึ้น ราวกับจะล้นออกมา

ท่อนล่างเป็นกระโปรงคลุมสะโพกสีดำแบบสั้น ยาวถึงแค่ต้นขา เสื้อผ้ารัดรูปจะเน้นช่วงบั้นท้าย เผยให้เห็นส่วนโค้งที่มีเสน่ห์อย่างรางๆ

ต้นขาที่เบียดกันนั้น ห่อหุ้มไปด้วยถุงน่องตาข่ายสีดำ พร้อมทั้งมีสายรัดด้วย เซ็กซี่ชวนหลงใหล

ในตอนนั้นฝ่ายหญิงไม่พอใจมากและดุผู้ชายตรงหน้าที่เอาแต่ก้มศีรษะกินบะหมี่อยู่

“หลิวเฉียง! นายพูดไรสักอย่างสิ!”

ผู้หญิงคนนั้นดุด่า เธอยกมือขึ้นมาคว้าชามบะมี่ของชายคนนั้นทิ้งลงกับพื้นด้วยเสียงปังพร้อมกับด่าว่า “ไอ้เพื่อนบ้าบอของนายน่ะ มันตายห่าไปตั้งแต่สามปีที่แล้ว นายยังออกไปตามหามัน แล้วยังใช้เงินแต่งงานของเราอีก! ”

“นายไม่อยากแต่งงานใช่ไหม?”

ชายที่ชื่อหลิวเฉียงผู้นั้น ดูผอมอ่อนแอ ท่าทางไม่เอาไหน ก้มลงไปเก็บเศษชามที่แตกบนพื้นขึ้นมา พูดอย่างขี้ขลาดว่า “ถิงถิง ขอโทษนะ เธอช่วยรอฉันอีกสักสองปีได้ไหม? ฉันเชื่อว่าเพื่อนของฉันยังไม่ตาย... แค่สองปี แล้วผมจะเก็บเงินใหม่ แล้วไปขอเธอแต่งงาน โอเคไหม? ”

“ดีบ้าบออะไร!” ผู้หญิงที่ชื่อถิงถิงคนนั้นโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตบเข้าไปที่หน้าหลิวเฉียงหนึ่งที พร้อมกับด่าว่า “ถ้ารออีกสองปี ฉันก็กลายเป็นสาวเฒ่าไปแล้ว!”

“คนแซ่หลิว ได้ ฉันเฉาถิงถิงเทียบกับเพื่อนบ้าบออะไรนั่นของนายไม่ได้ใช่ไหม?”

“มันชื่ออะไรนะ? ฉู่เฉินใช่ไหม ก็แค่คนที่ถูกแม่บุญธรรมยึดบริษัท เป็นเศษสวะที่ถูกขับไล่ออกมา นายจะไปตามหามันอีกทำไม!”

“คนโง่! มันตายไปแล้ว นายก็ไปตายด้วยเลยเถอะ!”

เฉาถิงถิงก่นด่า หิ้วกระเป๋าขึ้นมา พร้อมกับจากไปด้วยความโกรธ

หลิวเฉียงร้อนรน รีบรั้งข้อมือขาวของเฉาถิงถิง พร้อมอ้อนวอนว่า “ถิงถิง ขอโทษนะ เธออย่าจากฉันไปเลย ถ้าไม่ได้จริงๆ ฉันก็จะขายบ้านที่บ้านเกิดแล้วเอามาเป็นสินสอด ได้ไหม?”

“ถุย!” เฉาถิงถิงก้มหัวถ่มน้ำลายลงพื้น สาปแช่งด้วยความโกรธ “บ้านเก่าๆ แบบนั้นน่ะเหรอ จะขายได้เท่าไหร่กันเชียว? แม่ฉันบอกแล้ว ว่าถ้าสินสอดไม่ถึงล้านห้า ฉันก็จะไม่แต่งงานกับนาย!”

“ล้าน ล้านห้าเลยเหรอ?” หลิวเฉียงอึ้ง สีหน้าซับซ้อน

“รู้อยู่แล้วเชียวว่านายไม่มีเงิน งั้นก็เลิกกันเถอะ แค่เห็นท่าทางโง่ๆ ของนายแบบนี้ฉันก็กินแล้วไม่ลง! สามเดือนที่ผ่านมาเสียเวลาของฉันจริงๆ ฉันก็นึกว่านายจะมีดีอะไรอยู่บ้าง โง่จริงๆ! ไปใช้ชีวิตกับเพื่อนที่แม่งตายห่าไปแล้วของนายนั่นเถอะ!” เฉาถิงถิงก่นด่า

สีหน้าของหลิวเฉียงเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง พร้อมตะโกนขึ้นมาว่า “พอได้แล้ว! เธอด่าฉันได้นะ แต่อย่ามาด่าเพื่อนของฉันนะ!”

“โอ้โฮ หลิวเฉียง นายโกรธเป็นแล้วเหรอ? ฉันจะด่าเพื่อนของนาย นายจะทำไม? ไอ้ผีๆๆ!” เฉาถิงถิงก็โมโหอีกครั้ง เธอเอานิ้วจิ้มหน้าอกของหลิวเฉียงและสาปแช่งเขาอย่างไม่หยุด

“เฉาถิงถิง เธอทำเกินไปแล้วนะ!” หลิวเฉียงโมโห กำหมัดอันขุ่นเคืองพร้อมกับตะโกนขึ้นมาว่า “ฉู่เฉินคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน! ตอนนั้นหากไม่ใช่เขาที่ให้ผมยืมเงินล้านหนึ่งมารักษาโรค แม่ของฉันคงตายไปนานแล้ว!”

“ตอนนี้เขาหายตัวไป ฉันก็ต้องออกตามหาเขาอยู่แล้ว! ถึงจะเป็นศพ ฉัมก็ต้องตามเขากลับมาให้ได้ นำเขามาฝังให้ตายตาหลับ!”

“เธอ ฉันไม่อนุญาตให้เรียกเขาว่าไอ้ผีนะ!”

เฉาถิงถิงได้ยินดังนั้นความโมโหก็ปะทุถึงขั้นสุด ดุด่าขึ้นมาว่า “ฉันจะด่าว่าไอ้ผี! จะทำไม! แน่จริงนายก็ให้ไอ้ผีนั่นออกมาตีฉันสิ!”

“คนขี้ขลาดตาขาวแบบนาย กล้าจะลงมือกับฉันเหรอ?”

เฉาถิงถิงด่าพร้อมกับหยิบกระเป๋ามาทุบตีร่างกายของหลิวเฉียง

หลิวเฉียงยกมือขึ้นมา ทำได้เพียงยกขึ้นมาป้องกันตัวเอง ทำอะไรไม่ได้

เขาคิดว่ายังไงการลงไม้ลงมือกับผู้หญิงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง

“ไอ้สวะ! ไอ้คนขี้ขลาด! เหมือนกับไอ้ผีเพื่อนซี้ของนายไม่มีผิด เชี่ย!” เฉาถิงถิงใช้คำด่าที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม

ในเวลานี้ ฉู่เฉินผู้ที่รับรู้ถึงเหตุการณ์นี้ตั้งแต่แรกก็ลุกขึ้นมา

หลิวเฉียง เพื่อนซี้ของเขา

คิดไม่ถึง สามปีแล้วสินะ อีกฝ่ายยังตามหาเขาอยู่

มิตรภาพนี้ ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกตกใจและซาบซึ้งประมาณหนึ่ง

“ไปตามซะเถอะ!” เฉาถิงถิงออกแรงเหวี่ยง ใช้กระเป๋าฟาดไปที่ศีรษะของหลิวเฉียงอย่างจัง เสียงดังปัง หลิวเฉียงถูกฟาดก็ล้มลงที่พื้นทันที ศีรษะฟาดเข้ากับมุมโต๊ะ เลือดสีแดงสดไหลนองเต็มหน้าของเขาอย่างรวดเร็ว

เฉาถิงถิงยังไม่หยุดมือ ใช้มือต่อยและใช้เท้าเตะไปที่หลิวเฉียง พร้อมทั้งด่าไม่หยุด

“เพียะ!”

ฉู่เฉินพุ่งเข้ามา ง้างมือขึ้น พร้อมกับตบเข้าไปที่หน้าของเฉาถิงถิง ทำเอาเธอกระเด็นออกไปไกล

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status