“ฉัน...”หลิ่วหรูเยียนล้มลงไปนั่งบนพื้น ตัวสั่นเทาไปทั่วทั้งตัว สีหน้าซีดขาว ตื่นตระหนกเป็นอย่างมากถ้าจะให้เธอไปร้องขอคนไร้น้ำยาอย่างฉู่เฉิน?แบบนั้นสู้ฆ่าเธอทิ้งซะดีกว่าหลิ่วหรูเยียนจะเป็นบ้าแล้ว“มัวอึ้งอยู่ทำไม? ยังไม่ไปอีก!” เว่ยฉิงตะคอกเสียงเอาแต่ใจหลิ่วหรูเยียนลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างโซซัดโซเซ ภายในหัวสมองว่างเปล่า เดินออกจากห้องโถง วิ่งเหยาะ ๆ จนชนเข้ากับหลิ่วชิงเหอ“หรูเยียน เกิดอะไรขึ้น?” หลิ่วชิงเหอเห็นท่าทางของหลิ่วหรูเยียน ภายในใจแอบรู้สึกไม่ดี“แม่คะ ฮือ ๆ ๆ เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องแล้ว ยาอายุวัฒนะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว อดีตผู้บัญชาการเว่ยอาเจียนออกมาเป็นเลือดแล้วก็หมดสติไปแล้ว...” ขาทั้งสองข้างของหลิ่วหรูเยียนอ่อนยวบ ล้มลงไปนั่งบนพื้นอีกครั้ง พิงหลิ่วชิงเหอร้องไห้โฮออกมาเสียงดังหลิ่วชิงเหอย่อตัวลงไป ประคองหลิ่วหรูเยียนเอาไว้ ภายในใจแอบคิดว่าเป็นไปตามคาดจริง ๆโดนไอ้ระยำอย่างฉู่เฉินพูดถูกจนได้“อย่าร้อนใจไป แม่เข้าไปดูหน่อย” หลิ่วชิงเหอกล่าว ลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องโถงตอนที่เห็นฉากดังกล่าว รวมทั้งอดีตผู้บัญชาการเว่ย ที่นอนหมดสติอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ เธอในฐานะหญิง
“เธอลองไตร่ตรองดูเอาเองแล้วกัน ฉันยังไงก็ได้”สะอึก!หัวใจของหลิ่วหรูเยียนสั่นเทา สีหน้าซับซ้อนมากถ้าจะต้องคุกเข่าให้คนไร้น้ำยาอย่างฉู่เฉินจริง ๆ เธอคงนอนหลับไม่สนิทไปเป็นครึ่งปีแน่ ๆไอ้ขยะนี่ก็คือคนระยำ!ทำให้เธอรู้สึกคลื่นเหียนเมื่อเห็นว่าเวลาที่เวียนผ่านไป ฉู่เฉินยังคงนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายอกสบายใจเช่นเดิมและในเวลานี้ ที่ทางเดินด้านนอก มีเสียงฝีเท้าร้อนรนดังลอยมาไม่ต้องคิดก็รู้ว่า เป็นเว่ยฉิงที่พาคนเดินมาที่นี่“หรูเยียน! อย่าทำตัวเอาแต่ใจเหมือนเด็ก ตอนนี้ยังไม่มีคนเห็น ลูกอยากจะทำให้ทุกคนได้เห็นว่าลูกคุกเข่าให้มันใช่ไหม?” หลิ่วชิงเหอกระซิบที่ข้างหูของหลิ่วหรูเยียน“ถ้าอดีตผู้บัญชาการเว่ยตายไป แม่กับลูก คงมีชีวิตรอดไม่พ้นคืนนี้”หลิ่วหรูเยียนตกใจขวัญเสียไปแล้ว สีหน้าซีดขาว โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าวุ่นวายที่ทางเดินด้านนอก เป็นเหมือนกับคาถาเร่งชีวิต‘ตุบ!’ภายใต้แรงกดดันทางจิตใจ หลิ่วหรูเยียนงอเข่าอันสูงส่งของเธอลงไป คุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉิน เบือนหน้าบุ้ยปาก “ฉู่เฉิน แกรีบช่วยชีวิตอดีตผู้บัญชาการเว่ยสิ!”เมื่อเห็นท่าทางที่เย่อหยิ่งไม่เต็มใจของหลิ่วหรูเยียน ฉู่เ
ทางด้านนี้ ฉู่เฉินออกมาจากห้องก็ได้พบกับเว่ยฉิงและคนอื่น ๆ ที่มาตามหา“คุณฉู่...” เว่ยฉิงเอ่ยปากพูด สีหน้าร้อนใจฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “เวลามีจำกัด ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ไปที่ห้องโถงกันเถอะ”เมื่อเว่ยฉิงได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า หลีกทางให้จากนั้นฉู่เฉินก็มาถึงที่ห้องโถงเป็นคนแรกหลังจากที่เห็นอาการของเว่ยหนานเฟิงแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเช่นกันอาการของเว่ยหนานเฟิง สาหัสกว่าที่เขาคิดเอาไว้หน่อย“คุณฉู่ ยังสามารถช่วยชีวิตของคุณปู่ของฉันได้ไหมคะ?” เว่ยฉิงสีหน้าร้อนใจ กล่าวถามด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำถ้าหากคุณปู่เป็นอะไร เธอจะทำอย่างไรดีฉู่เฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ “มีผมอยู่ วางใจได้ สามารถช่วยได้”เมื่อได้ยินประโยคนี้ เว่ยฉิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อยแต่ว่า หลิ่วหรูเยียนที่รีบเดินเข้ามา กลับเอ่ยปากกล่าวด้วยคำพูดดูถูก “ฉู่เฉิน แกเลิกเสแสร้งได้แล้ว ถ้าช่วยไม่ได้ แกต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด!”ช่วยไม่ได้ สถานะของเว่ยหนานเฟิงสูงส่งเกินไป เธอจำเป็นต้องคิดหาหนทางผลักความรับผิดชอบออกไปถ้าหากฉู่เฉินไม่ช่วย ถ้าคืนนี้เว่ยหนานเฟิงเป็นอะไรขึ้นมา ก็คือความรับผิดชอบของเธอหลิ่วหรูเย
ท่าทางเข้าทีแต่เธอยังคงดูถูกฉู่เฉิน คิดว่าฉู่เฉินแสดงละครเพื่อเรียกร้องความสนใจหลายนาทีผ่านไป ฉู่เฉินถอนหายใจ ยกมือวาดกลางอากาศ เข็มหลายสิบเล่มถูกดึงกลับมา“เสร็จแล้ว อดีตผู้บัญชาการเว่ยไม่เป็นอะไรแล้ว พักรักษาตัวไม่กี่วันก็หาย” ฉู่เฉินบอก เขาเช็ดเหงื่อที่มุมหน้าผากศาสตร์แห่งการฝังเข็มที่เขาใช้เมื่อกี้ เผาผลาญพลังวิญญาณที่จุดตันเถียนของเขาไปไม่น้อย“จริงเหรอคะ?” เว่ยฉิงถามอย่างดีใจฉู่เฉินพยักหน้าตอนนี้เอง หลิ่วหรูเยียนถลาเข้ามา ตะโกนลั่น “เป็นไปไม่ได้! ฉันไม่เชื่อ! ฉู่เฉิน แกกล้าดียังไงแค่ฝังเข็มสองสามเล่มก็บอกว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยชีวิตอดีตผู้บัญชาการเว่ย?”“ถ้าอดีตผู้บัญชาการเว่ยเป็นอะไรไป แกต้องรับผิดชอบทั้งหมด!”สีหน้าของเว่ยฉิงดำทะมึนฉู่เฉินหัวเราะชืด ๆ “หลิ่วหรูเยียน เธอไม่ต้องร้อนรน ถ้าภายในห้านาทีอดีตผู้บัญชาการเว่ยไม่ฟื้นขึ้นมา ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมด ต่อให้คุณหนูเว่ยต้องการหัวของฉันก็ยังได้!”“ดี! แกพูดเองนะ คุณหนูเว่ยได้ยินแล้วใช่ไหมคะ ฉู่เฉินบอกว่าเขาจะรับผิดชอบเองทั้งหมด” หลิ่วหรูเยียนหันไปพูดกับเว่ยฉิง ผลักความรับผิดชอบอย่างถึงที่สุดเว่ยฉิงสีหน้าเปลี่ยนไปเป
เว่ยหนานเฟิงลืมตาฟื้นขึ้นมา เขาหอบหายใจหลายครั้ง รู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดทั่วตัวได้หายไปแล้ว อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในร่างกายด้วย“คุณปู่ไม่เป็นไรอะไรแล้วจริงๆ ใช่ไหมคะ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เว่ยฉิงถามอย่างตื่นตระหนกเว่ยหนานเฟิงยิ้มตอบ “ปู่ไม่เป็นไร ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”เว่ยฉิงเช็ดน้ำตา ลุกขึ้นหันไปโค้งตัวให้ฉู่เฉิน “ขอบคุณคุณมากนะคะ หมอเทวดาฉู่”ฉู่เฉินยิ้ม โบกมือและบอกว่า “เรื่องเล็กน้อยครับ”เวลานี้ แขกทุกคนในงานยังคงอ้าปากค้างเพราะความตะลึงไม่นึกว่าคุณชายไร้ประโยชน์ที่ถูกไล่ตะเพิดออกจากตระกูลฉู่ จะมีความสามารถด้านการแพทย์อยู่จริงๆ…ท่ามกลางฝูงชน สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนนั้นเรียกได้ว่าย่ำแย่สุดขีดคำท้าที่เธอเพิ่งพูดกับฉู่เฉินเมื่อกี้ยังดังก้องอยู่ในหูจะทำยังไงดีล่ะทีนี้?เธอร้อนรนจนแทบอยู่ไม่สุข กระทั่งไม่กล้ามองหน้าฉู่เฉิน“หมอเทวดาฉู่ ขอบคุณมาก พระคุณที่ช่วยชีวิตในวันนี้ผมจะไม่มีวันลืม วันหน้ามีอะไรให้ช่วย คุณติดต่อผมหรือฉิงฉิงได้เลย”“ตั้งแต่นี้ คุณคือผู้มีพระคุณของผมเว่ยหนานเฟิง เป็นแขกวีไอพีของตระกูลเว่ย!” เว่ยหนานเฟิงประสานหมัดขณะเอ่ยพร้อมรอยยิ้
เห็นสีหน้าท่าทางเขาแล้วจะฆ่าเสียให้ตาย!“หลิ่วชิงเหอ ลูกสาวเธอก็เรียกฉันว่าพ่อแล้ว เธอควรเรียกฉันว่าอะไรดีล่ะ?” ฉู่เฉินจงใจถากถางหลิ่วชิงเหอหยอกแม่บุญธรรมอย่างหลิ่วชิงเหอสักหน่อยก็ไม่เลวเหมือนกันหลิ่วชิงเหอแค่นเสียง ขี้คร้านจะสนใจไอ้สารเลวอย่างฉู่เฉิน จึงหันตัวเดินออกไปครั้นออกมาก็เห็นหลิ่วหรูเยียนที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“แม่! หนูจะฆ่าฉู่เฉิน! ยังไงก็จะฆ่ามันให้ได้!” หลิ่วหรูเยียนกระฟัดกระเฟียด สายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเกลียดชังน่าอัปยศที่สุด!เธอหลิ่วหรูเยียนเคยต้องเจอกับความอัปยศอดสูขนาดนี้เสียที่ไหนกัน?ฉู่เฉิน ชื่อนี้ได้เข้าสู่บัญชีดำของเธอเรียบร้อยแล้ว“วางใจได้ วันนี้ก็คือวันตายของไอ้เดรัจฉานนั่น!” หลิ่วชิงเหอเอ่ยเสียงเย็นขณะเดียวกันทางด้านฉู่เฉิน เขาถูกเว่ยฉิงเชิญไปที่ห้องรับรองเพียงลำพัง“คุณหนูเว่ย ยังมีธุระอะไรอีกเหรอครับ?” ฉู่เฉินถามเว่ยฉิงต้องยอมรับว่าคุณหนูของตระกูลเว่ย หลานสาวของเว่ยหนานเฟิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งจริงๆ กิริยาท่าทางและเรือนร่างไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิ่วชิงเหอกับหลิ่วหรูเยียนเลยยิ่งพออยู่กับเว่ยหนานเฟิงมานานหลายปี อาจเป็นเพราะ
กึก!เว่ยฉิงนิ่งอึ้ง ดวงหน้าแดงแปร๊ด แดงจนถึงขั้นที่ว่าถ้าเลือดไหลออกมาได้คงไหลออกมาแล้ว เธอถามอย่างกระอักกระอ่วน “ถอดหมดเลยเหรอ?”เธอไม่คิดว่าการนวดรักษาที่ฉู่เฉินพูดถึง จะเป็นวิธีการแบบนี้ ต้องถอดเสื้อผ้าออกหมดด้วยรึ…แม้แต่ชุดชั้นในก็ต้องถอดด้วยบรรยากาศในห้องพลันเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มและน่าอึดอัดใจขึ้นมาทันทีเว่ยฉิงอาจจะเป็นหลานสาวของอดีตผู้บัญชาการเว่ย เป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งในวงการธุรกิจ มีชื่อเสียงเกียรติยศมากมาย และมีทรัพย์สินมากกว่าพันล้านแต่เธอเป็นสาวโสดตั้งแต่เกิด ไม่เคยมีความรักเลยแม้แต่ครั้งเดียวหลายปีมานี้ เธอไม่เคยแม้แต่จับมือผู้ชาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะให้เปลื้องผ้าต่อหน้าชายแปลกหน้า…หลังจากลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเว่ยฉิงก็กัดฟันหันหลังให้ฉู่เฉิน ก่อนจะเริ่มถอดชุดราตรีของเธอออกแผ่นหลังอันเนียนขาว ไร้จุดด่างพร้อยโดยเฉพาะหัวไหลกลมมนและลำคอยาวระหงนั่น เรียกได้ว่าเป็นศิลปะชิ้นงาม ที่แทบจะหาจุดด้อยไม่เจอเลยชุดราตรีค่อยๆ ไถลลู่ลงจากหัวไหล่ของเธอ แผ่นหลังอันสมบูรณ์แบบเปิดเผยสู่สายตา ตามมาด้วยเอวบางคอด ที่ทำให้ฉู่เฉินเห็นแล้วอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ถึงขั้นสติหลุด
“ฟู่…” ฉู่เฉินถอนหายใจ รู้สึกว่าเขาเริ่มเสียสมาธิแล้วเว่ยฉิงหน้าแดง เหลือบมองฉู่เฉิน ก่อนถามเสียงเบาๆ ว่า “หมอเทวดาฉู่ เป็นอะไรไป?”“เปล่าครับ เราเริ่มกันเถอะ” ฉู่เฉินยิ้มตอบ แววตาแปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นในพริบตาเริ่มจากท้องน้อยก่อน จากนั้นก็หน้าอก และหัวไหล่ทั้งคู่ทุกครั้งที่สัมผัส เว่ยฉิงรู้สึกราวกับหน้าของตัวเองจะมีเลือดไหลออกมาให้ได้ หนำซ้ำ ร่างกายก็ยังมีการตอบสนองแปลกๆ เกิดขึ้นอีกแน่นอนว่าฉู่เฉินเองก็ทรมานยิ่งกว่าต้องมานวดให้ศิลปะชิ้นเอกอย่างนี้ แรงกดดันมากเกินไปแล้วหลังจากนวดติดต่อมาประมาณสิบนาทีกว่า ฉู่เฉินลุกขึ้น เช็ดเหงื่อที่ขมับ บอกว่า “คุณหนูเว่ย เสร็จแล้วครับ”นึกไม่ถึงว่านวดให้เว่ยฉิงต้องใช้พลังวิญญาณมากขนาดนี้ดูท่าคงต้องพัฒนาพลังอย่างต่อเนื่องเสียแล้วเว่ยฉิงได้ยินว่าเสร็จแล้วก็รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าส่วนฉู่เฉินนั่งหมดแรงอยู่บนโซฟาด้านหนึ่ง เขาหอบหายใจไม่หยุด ขณะที่ปรับสมดุลพลังวิญญาณในร่างกายอยู่ฝั่งเว่ยฉิงพอใส่เสื้อผ้าเสร็จ ดวงหน้ายังคงแดงแปร๊ด เธอถามเขาว่า “หมอเทวดาฉู่ โรคของฉันหายแล้วเหรอคะ?”“ครับ คุณลองหาใครมาทดลองดูก็ได้” ฉู่เฉินตอบเว่ยฉิงได้ยิน
ราวกับลีน่าได้ตื่นขึ้นมาจากความฝัน เก็บมือที่อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างกลับมาแล้วยืนตัวตรงทันที จากนั้นสางผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อยเมื่อประตูห้องเปิดออก ต้าหลิงจื่อที่เสื้อผ้ายับยู่ยี่ก็โผล่หน้าออกมาชนเข้ากับลีน่าที่อยู่หน้าประตูเข้าอย่างจัง“ว้าย!”ต้าหลิงจื่อตกใจเป็นอย่างมากจึงรีบติดกระดุมเสื้อให้เรียบร้อย ใบหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าและกล่าว “คุณ…คุณนายลีน่า คุณ…คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”ลีน่ายิ้มอย่างมีเสน่ห์ “ฉันรอพวกคุณเกือบจะสองชั่วโมงแล้วล่ะ”กล่าวเสร็จไม่รอต้าหลิงจื่อตอบสนองใด ๆ ลีน่าก็ผลักประตูเข้าไปข้างในฉู่เฉินได้ยินเสียงฝีเท้าข้างหลังก็เก็บกางเกงบ็อกเซอร์ขึ้นมาโดยไม่ลนลาน แล้วหันหลังใส่มันช้า ๆ จากนั้นหยิบบุหรี่หนึ่งในขึ้นมาจุดและกล่าวพร้อมชำเลืองมองลีน่า “มีธุระเหรอ?”ลีน่ามองสำรวจกล้ามเนื้อทั้งร่างกายของฉู่เฉินด้วยใบหน้าแดงก่ำและยิ้มน้อยกล่าว “คุณฉู่ สามีฉันคิดว่าการร่วมธุรกิจระหว่างพวกเรายังสามารถเจรจากันอีกได้ค่ะ”“เงื่อนไขสามารถปรับเปลี่ยนได้ อีกทั้งสภาพแวดล้อมในห้องทำงานก็เคร่งเครียดเกินไป เขาจึงจองห้องอาหารส่วนตัวที่ภัตตาคารไห่เฟิงไว้แล้ว หวังว่าคุณฉู่จะให้เกียรติมาร่
เมื่อเห็นว่ารอบนี้ลีน่าเอาจริง แรนด์จึงเริ่มร้อนใจและคว้าข้อมือของลีน่าไว้พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ลีน่า ความรู้สึกที่ยาวนานขนาดนั้นของพวกเรา…”ความรู้สึก?ลีน่าอยากจะขำให้ท้องแข็งตายเมื่อได้ยินคำนี้ ตอบพร้อมกลอกตาใส่แรนด์ด้วยสีหน้ารังเกียจ “คุณป่วยหนักอยู่นะ ถ้าไม่ใช่เพราะฉันสนใจในทรัพย์สมบัติของคุณ คุณคิดว่าฉันจะมาคบคุณเหรอ?”“คุณทั้งแก่และขี้เหร่ หลงใหลระยะสั้นๆ ทำมาพูดเรื่องความรู้สึกรักชอบ ช่างน่าเสียความรู้สึกจริง ๆ โอเคไหม?”ไม่เสแสร้งแล้ว เปิดใจทั้งหมดใบหน้าชราของแรนด์อมทุกข์จนราวกับจะมีน้ำตาหยดลงมา แต่ก็ไม่มีปัญญา ใครให้ผู้หญิงคนนี้ชำนาญในด้านนั้นกันล่ะหลังจากหายใจเข้าลึก ๆ แล้วแรนด์ก็ตระหนักถึงความร้ายแรงของปัญหาจึงกัดฟันพูดขึ้นว่า “คุณ…คุณโทรไปเรียกเขามาสิ ผมเป็นเจ้าภาพเอง ให้ไปกินข้าวและพูดคุยกันที่ภัตตาคารไห่เฟิง”แรนด์ไม่อาจยอมได้ แต่ก็พ่ายแพ้ในการพูดคุยแล้ว สิ่งที่เขาสูญเสียนั้นมากเกินไปแล้วจริง ๆไม่เพียงถูกคนจากฝ่ายทหารตามไล่ฆ่า แถมผู้หญิงข้างกายเขาก็จะจากเขาไปไกลอีกถ้าเป็นแค่ผู้หญิงทั่วไปก็ช่างเถอะปัญหาคือขาทั้งสองข้างของลีน่าแรงดีมาก แล้วยังหนีบเก่งอีกสิ่งที
วินาทีต่อมา เธอเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบแหวกชุดทำงานออก แล้วแกะกระดุมตรงหน้าอกออกสองเม็ด ก่อนจะก้มหน้ามองหน้าอกทั้งสองข้างจากนั้นก็เห็นว่ารอยแผลตกสะเก็ดหลุดออกหมดแล้ว ผิวที่เกิดใหม่เรียบเนียนราวกับของใหม่ทำให้ต้าหลิงจื่อตะลึงงัน ฉู่เฉินมองลูกแพร์ขนาดใหญ่สองลูกที่ส่องประกายแวววาวก็ตกตะลึงไปเช่นกัน“ว้าย” ผ่านไปพักใหญ่ ต้าหลิงจื่อถึงค่อยสังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนตักของฉู่เฉิน แถมยังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างกึ่งโป๊กึ่งมิดชิด เธอรู้สึกเขินอายมากทันที ก่อนจะรีบยืนตัวตรง เอามือดึงกางเกงที่แทบจะถกมาถึงต้นขา“คะ...คุณชายฉู่ ขะ...ขอโทษด้วยค่ะ เมื่อกี้ฉัน...”ยังไม่ทันที่ต้าหลิงจื่อจะพูดจบ ปากขนาดใหญ่ก็ปิดริมฝีปากแดงของเธอกลิ่นอายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของชายชาตรีถาโถมใส่หน้า ต้าหลิงจื่อสิ้นฤทธิ์ในพริบตา เธอไม่ได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้มานานมากแล้ว โดยเฉพาะเมื่อโดนแขนที่ทรงพลังโอวเอวไว้ ราวกับเขื่อนที่พังทลาย ไม่อาจควบคุมได้เลย“แควก!” ฉู่เฉินฉีกถุงน่องของต้าหลิงจื่อออกทันที ก่อนจะพลิกมือกดต้าหลิงจื่อลงบนโต๊ะทำงาน“คุณชายฉู่ บะ...เบาหน่อยค่ะ ฉันไม่ได้ทำแบบนี้
แม้แต่ต้าหลิงจื่อที่ยืนอยู่ทางด้านข้างก็ยังตกตะลึงกับสิ่งที่ฉู่เฉินทำตอนที่หลิ่วหรูเยียนกับหลิ่วชิงเหอแม่ลูกเจรจาความร่วมมือกับคนอื่น เธอก็อยู่ด้วย แต่ว่าสามปีมานี้ เธอยังไม่เคยเห็นการเจรจาความร่วมมือแบบนี้มาก่อนเลยมิน่าล่ะหลิ่วหรูเยียนถึงบอกให้ฉู่เฉินมาเจรจา บารมีบดขยี้ฝ่ายตรงข้ามอย่างแน่นอน ชั่วขณะหนึ่ง ภาพลักษณ์ของฉู่เฉินในใจของต้าหลิงจื่อคล้ายกับยิ่งใหญ่ขึ้นไม่น้อย“ฮึ คุณฉู่ นี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของคุณก็ได้ ในเมื่อคุณไม่เห็นค่า งั้นพวกเราก็ขอตัวแล้ว” แรนด์กระแทกถ้วยกาแฟในมือลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วงดังปัง จากนั้นก็ลุกขึ้นมาด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะดึงลีน่าขึ้นมาแล้วหันกายเดินจากไป “เอ๊ะ...”เมื่อเห็นสามีภรรยาแรนด์เดินจากไปแล้วจริงๆ ต้าหลิงจื่อกำลังคิดจะเรียกพวกเขาให้หยุด แต่โดนฉู่เฉินยื่นมือมาขวางไว้“คุณฉู่...”“ให้พวกเขาไสหัวไป”เสียงของฉู่เฉินไม่ดังไม่เบา แต่สามีภรรยาแรนด์กลับได้ยินชัดเจน “คุณ...”แรนด์หันหน้ามาถลึงตาใส่ฉู่เฉินด้วยความแค้นใจ คำว่าไสหัวไปครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ให้แม้กระทั่งทางลงกับเขาเลยจริง ๆในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่อยากไปก็ไม่ได้แล้วดูท่าข้อมู
หน้าอกใหญ่สองลูกนั้นราวกับอาวุธสังหารที่สั่นไหวเล็กน้อยไปตามลมหายใจ เหมือนจะดันเสื้อเชิ้ตสีเบจบนตัวเธอให้ปริได้ทุกเมื่อ ส่วนเรียวขาใหญ่ยาวงดงามที่แข็งแรงและไม่เสียทรงสองข้างเปล่งประกายสีทองแดงแวววาวจากการอาบแดดบนชายหาดแม้ว่าผิวจะไม่ขาวเนียน ทว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าให้ความรู้สึกงดงามสุขภาพดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งริมฝีปากที่เต็มไปด้วยความเย้ายวนนั้น แค่มองก็ทำให้คนเกิดความคิดหุนหันอยากจะถูกเธออมไว้ในปากนัยน์ตาโตสีฟ้า ประกอบกับขนตาเรียวยาว แค่กะพริบตาเหลือบมองกลับมาก็เปี่ยมไปด้วยความเสน่หานี่แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นผลผลิตจากอำนาจของเงินตราเมื่อเห็นฉู่เฉิน สามีภรรยาคู่นี้ก็อึ้งไปก่อน จากนั้นเป็นสาวสวยชาวตะวันตกคนนั้นที่ยิ้มให้ฉู่เฉินก่อนแล้วพูดว่า “คุณน่าจะเป็นคุณฉู่เฉินสินะ?” สาวสวยชาวตะวันตกพูดพลางส่ายเรียวขางามแข็งแรงอยู่บนรองเท้าสายรัดส้นเข็ม เดินเข้ามาหาฉู่เฉิน ก่อนจะยื่นมือไปจับมือกับฉู่เฉิน “ผมคือฉู่เฉิน ไม่ทราบว่าพวกคุณคือ?”ฉู่เฉินจับมือเรียวงามนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูกของสาวสวยชาวตะวันตกอย่างเป็นมิตรมาก สายตากวาดมองหน้าอกของเธอแวบหนึ่ง ร่องอกนั้นสามารถซุกคนทั้งเป็นเข้าไปได้เลย
บ้าเอ๊ย!แม้แต่ลมหายใจของฉู่เฉินก็ถี่กระชั้นขึ้นเล็กน้อย นี่ถ้าเกิดเป็นการต่อสู้จริงละก็ ตอนนี้เขาคงสิ้นชีพไปแล้วจนกระทั่งตอนนี้เอง ในที่สุดฉู่เฉินก็รู้แน่ชัดถึงช่องว่างของระดับพลังสร้างรากฐานแล้วยกตัวอย่างเช่น เมื่อคืนนี้เผชิญหน้ากับเย่หัวที่เหนือกว่าเขาหนึ่งขั้น แม้ว่าฉู่เฉินจะตกเป็นฝ่ายรับ แต่ก็มีพลังต่อสู้อยู่แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งที่เหนือกว่าเขาหลายขั้นอย่างเจ้าทึ่ม เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะลงมือ“ตอนนี้นายเทียบเท่าระดับสร้างรากฐานประมาณขั้นไหนแล้ว?”ฉู่เฉินปัดฝุ่นบนตัวพลางขมวดคิ้วเอ่ยถาม“ขั้นเก้า”เจ้าทึ่มเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่าอะไรนะ?ฉู่เฉินกลืนน้ำลายหนัก ๆ ความเร็วในการพัฒนานี้ทำให้ฉู่เฉินตกตะลึงนิดหน่อยจริง ๆ “งั้นผู้ชายผู้หญิงที่ลงมาจากรถเมื่อคืน นายเองก็เห็นแล้ว คิดว่าเอาชนะได้หรือเปล่า?” ฉู่เฉินเลิกคิ้วเอ่ยกับเจ้าทึ่ม“ได้ ผมรู้สึกได้ว่าพวกเขาอ่อนแอมาก” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ รัศมีแสงสีฟ้าภายในดวงตาของเจ้าทึ่มพลันส่องประกายหลายครั้ง ยังจงใจเอาลิ้นสีแดงคาวเลียริมฝีปากแห้งผาก“นายแค่กินคนก็สามารถเลื่อนระดับพลังได้แล้วเหรอ?”ฉู่เฉินเอามือไพล่หลังเดิ
แม้ว่าตอนนี้จะถูกแบนจากฝ่ายต่าง ๆ แต่คิดว่าคงไม่ได้แบนนานมากนัก“โอเคค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว งั้นฉันจะโทรหาคุณฉู่เดี๋ยวนี้เลย นัดเวลาเจอกัน?”ต้าหลิงจื่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนสอบถาม “อืม จัดการตามที่ฉันบอกละกัน...อ่า...”หลิ่วหรูเยียนอ้าปากหาวอีกครั้ง ก่อนจะลากร่างกายที่เหนื่อยล้าให้ลุกขึ้นมาพูดว่า “ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉัน...หาว...ฉันกลับไปนอนก่อนนะ มีเรื่องอะไรก็โทรหาฉันได้ตลอดเวลา” หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบก็คว้ากระเป๋าสะพายขึ้นมา ก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไปพร้อมกับต้าหลิงจื่อ เมื่อมาถึงถนน หลิ่วหรูเยียนยื่นมือออกไปเรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังเฉียนหลงวิลล่าหลังจากส่งหลิ่วหรูเยียนแล้ว ต้าหลิงจื่อถึงค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฉู่เฉินเวลานี้ ฉู่เฉินเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ แตกต่างจากพวกสาว ๆ อย่างหลิ่วหรูเยียนที่ผ่านศึกใหญ่มาทั้งคืน แต่ตอนนี้ฉู่เฉินกลับสดใสร่าเริง กระปรี้กระเปร่าเป็นร้อยเท่าจำเป็นต้องพูดว่ามรดกของมังกรเฒ่ามหัศจรรย์มากจริง ๆ การบำเพ็ญคู่ไม่เพียงสามารถเพิ่มพละกำลังให้แข็งแกร่งขึ้น ยิ่งทำให้กำลังวังชาของเขาเหนือกว่าคนทั่วไปมากนัก ต่อให้ทำศึกใหญ่ติดต่อกัน
คืนนั้น ฉู่เฉินปลดปล่อยเพลิงมังกรหยางที่ยากจะควบคุมลงบนตัวหลิ่วหรูเยียนและสองพี่ต้องตระกูลต้วนเมื่อฉู่เฉินทะลวงสู่ระดับสร้างรากฐานชั้นห้า พลังรบก็เพิ่มขึ้นหนึ่งขั้นอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่ต้วนหลิงเวยที่มีความอดทนมากที่สุดก็อ้อนวอนติดต่อกัน ยอมแพ้หลายต่อหลายครั้งเช้าวันถัดมา หลิ่วหรูเยียนลากร่างกายที่เหนื่อยล้ารีบไปทำงานที่บริษัท ถึงขนาดที่ไม่สนใจจะกินอาหารเช้าเลยด้วยซ้ำเธอกลัวจริง ๆ ทำไมตอนนี้ฉู่เฉินดูเหมือนป้อนอย่างไรก็ไม่เต็มอิ่มเลยละเธอกลัวจริง ๆ ว่าตัวเองจะเหนื่อยตายคาเตียงของฉู่เฉิน รุ่งเช้า ต้าหลิงจื่อเพิ่งมาถึงบริษัท เดินเข้ามาในห้องทำงานของหลิ่วหรูเยียนด้วยใบหน้าดีอกดีใจ เมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยล้าของหลิ่วหรูเยียน แถมยังมีรอยใต้ตาคล้ำวงใหญ่สองข้างบนใบหน้าเลยเอ่ยด้วยความเป็นห่วงว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว คุณไม่เป็นไรใช่ไหมคะ เมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทเหรอคะ? “ฮึ!” หลิ่วหรูเยียนได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกฉุนเฉียว เธอนอนหลับไม่สนิทที่ไหนกันล่ะ ไม่ได้นอนหลับสนิททั้งคืนชัด ๆ “ช่างเถอะ มีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา ฉันเหนื่อยแล้ว อยากนอนสักหน่อย” หลิ่วหรูเยียนพูดพลางหาวยาว ๆ ทั้ง
ถึงอย่างไรเธอก็อยู่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพมาหลายร้อยปีแล้ว หากไม่มีพลังบำเพ็ญเพียร เธอจะกลายเป็นหญิงชราโดยสิ้นเชิงในคราวเดียว แค่คิดว่าตัวเองอาจจะมีริ้วรอยเหี่ยวย่น ชราภาพ อวี้ลู่ก็เกิดความรู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ้งของจิตใจฉู่เฉินเห็นอวี้ลู่มีท่าทางเด็ดเดี่ยวแน่วแน่อย่างยิ่งก็ได้แต่สูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ก็ได้ นี่ยังมียาโลหิตวิญญาณอยู่นิดหน่อย ถ้าเกิดควบคุมตัวเองไม่ได้ พี่ก็กินเข้าไปสองเม็ด” ฉู่เฉินพูดพลางล้วงยาโลหิตวิญญาณขวดหนึ่งออกมาจากในอกแล้ววางไว้ในฝ่ามือของอวี้ลู่ แต่ทันทีที่สัมผัสโดนมือเล็ก ๆ ของอวี้ลู่ อุณหภูมิร่างกายที่ร้อนผ่าวส่งผ่านเข้ามา แม้แต่ฉู่เฉินก็ต้องชื่นชมความอดทนของอวี้ลู่อดกลั้นไว้จนเป็นแบบนี้เลยเหรอ?ผู้หญิงเนี่ยนะ ทำไมต้องทรมานตัวเองด้วยก่อนจะออกมา ฉู่เฉินชะงักฝีเท้าแล้วหันหน้ามาพูดว่า “ถ้าเกิดมีอะไรอยากให้ช่วยก็เรียกผมได้ตลอดเวลานะ” “ไม่จำเป็น!”อวี้ลู่ตะโกนเสียงดังพลางหอบหายใจแรง ฉู่เฉินส่ายหน้าอย่างจนปัญญา แล้วเดินออกไปนอกถ้ำอินซู่ซู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบไล่ตามออกมา พูดกับฉู่เฉินว่า “นายท่าน นี่ผู้อาวุโสเป็นอะไรไปเหรอคะ?”ไม่แ