“ฉัน...”หลิ่วหรูเยียนล้มลงไปนั่งบนพื้น ตัวสั่นเทาไปทั่วทั้งตัว สีหน้าซีดขาว ตื่นตระหนกเป็นอย่างมากถ้าจะให้เธอไปร้องขอคนไร้น้ำยาอย่างฉู่เฉิน?แบบนั้นสู้ฆ่าเธอทิ้งซะดีกว่าหลิ่วหรูเยียนจะเป็นบ้าแล้ว“มัวอึ้งอยู่ทำไม? ยังไม่ไปอีก!” เว่ยฉิงตะคอกเสียงเอาแต่ใจหลิ่วหรูเยียนลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างโซซัดโซเซ ภายในหัวสมองว่างเปล่า เดินออกจากห้องโถง วิ่งเหยาะ ๆ จนชนเข้ากับหลิ่วชิงเหอ“หรูเยียน เกิดอะไรขึ้น?” หลิ่วชิงเหอเห็นท่าทางของหลิ่วหรูเยียน ภายในใจแอบรู้สึกไม่ดี“แม่คะ ฮือ ๆ ๆ เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องแล้ว ยาอายุวัฒนะเกิดเรื่องขึ้นแล้ว อดีตผู้บัญชาการเว่ยอาเจียนออกมาเป็นเลือดแล้วก็หมดสติไปแล้ว...” ขาทั้งสองข้างของหลิ่วหรูเยียนอ่อนยวบ ล้มลงไปนั่งบนพื้นอีกครั้ง พิงหลิ่วชิงเหอร้องไห้โฮออกมาเสียงดังหลิ่วชิงเหอย่อตัวลงไป ประคองหลิ่วหรูเยียนเอาไว้ ภายในใจแอบคิดว่าเป็นไปตามคาดจริง ๆโดนไอ้ระยำอย่างฉู่เฉินพูดถูกจนได้“อย่าร้อนใจไป แม่เข้าไปดูหน่อย” หลิ่วชิงเหอกล่าว ลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องโถงตอนที่เห็นฉากดังกล่าว รวมทั้งอดีตผู้บัญชาการเว่ย ที่นอนหมดสติอยู่บนเก้าอี้วีลแชร์ เธอในฐานะหญิง
“เธอลองไตร่ตรองดูเอาเองแล้วกัน ฉันยังไงก็ได้”สะอึก!หัวใจของหลิ่วหรูเยียนสั่นเทา สีหน้าซับซ้อนมากถ้าจะต้องคุกเข่าให้คนไร้น้ำยาอย่างฉู่เฉินจริง ๆ เธอคงนอนหลับไม่สนิทไปเป็นครึ่งปีแน่ ๆไอ้ขยะนี่ก็คือคนระยำ!ทำให้เธอรู้สึกคลื่นเหียนเมื่อเห็นว่าเวลาที่เวียนผ่านไป ฉู่เฉินยังคงนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายอกสบายใจเช่นเดิมและในเวลานี้ ที่ทางเดินด้านนอก มีเสียงฝีเท้าร้อนรนดังลอยมาไม่ต้องคิดก็รู้ว่า เป็นเว่ยฉิงที่พาคนเดินมาที่นี่“หรูเยียน! อย่าทำตัวเอาแต่ใจเหมือนเด็ก ตอนนี้ยังไม่มีคนเห็น ลูกอยากจะทำให้ทุกคนได้เห็นว่าลูกคุกเข่าให้มันใช่ไหม?” หลิ่วชิงเหอกระซิบที่ข้างหูของหลิ่วหรูเยียน“ถ้าอดีตผู้บัญชาการเว่ยตายไป แม่กับลูก คงมีชีวิตรอดไม่พ้นคืนนี้”หลิ่วหรูเยียนตกใจขวัญเสียไปแล้ว สีหน้าซีดขาว โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าวุ่นวายที่ทางเดินด้านนอก เป็นเหมือนกับคาถาเร่งชีวิต‘ตุบ!’ภายใต้แรงกดดันทางจิตใจ หลิ่วหรูเยียนงอเข่าอันสูงส่งของเธอลงไป คุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉิน เบือนหน้าบุ้ยปาก “ฉู่เฉิน แกรีบช่วยชีวิตอดีตผู้บัญชาการเว่ยสิ!”เมื่อเห็นท่าทางที่เย่อหยิ่งไม่เต็มใจของหลิ่วหรูเยียน ฉู่เ
ทางด้านนี้ ฉู่เฉินออกมาจากห้องก็ได้พบกับเว่ยฉิงและคนอื่น ๆ ที่มาตามหา“คุณฉู่...” เว่ยฉิงเอ่ยปากพูด สีหน้าร้อนใจฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบ “เวลามีจำกัด ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว ไปที่ห้องโถงกันเถอะ”เมื่อเว่ยฉิงได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า หลีกทางให้จากนั้นฉู่เฉินก็มาถึงที่ห้องโถงเป็นคนแรกหลังจากที่เห็นอาการของเว่ยหนานเฟิงแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเช่นกันอาการของเว่ยหนานเฟิง สาหัสกว่าที่เขาคิดเอาไว้หน่อย“คุณฉู่ ยังสามารถช่วยชีวิตของคุณปู่ของฉันได้ไหมคะ?” เว่ยฉิงสีหน้าร้อนใจ กล่าวถามด้วยเบ้าตาที่แดงก่ำถ้าหากคุณปู่เป็นอะไร เธอจะทำอย่างไรดีฉู่เฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ “มีผมอยู่ วางใจได้ สามารถช่วยได้”เมื่อได้ยินประโยคนี้ เว่ยฉิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อยแต่ว่า หลิ่วหรูเยียนที่รีบเดินเข้ามา กลับเอ่ยปากกล่าวด้วยคำพูดดูถูก “ฉู่เฉิน แกเลิกเสแสร้งได้แล้ว ถ้าช่วยไม่ได้ แกต้องรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด!”ช่วยไม่ได้ สถานะของเว่ยหนานเฟิงสูงส่งเกินไป เธอจำเป็นต้องคิดหาหนทางผลักความรับผิดชอบออกไปถ้าหากฉู่เฉินไม่ช่วย ถ้าคืนนี้เว่ยหนานเฟิงเป็นอะไรขึ้นมา ก็คือความรับผิดชอบของเธอหลิ่วหรูเย
ท่าทางเข้าทีแต่เธอยังคงดูถูกฉู่เฉิน คิดว่าฉู่เฉินแสดงละครเพื่อเรียกร้องความสนใจหลายนาทีผ่านไป ฉู่เฉินถอนหายใจ ยกมือวาดกลางอากาศ เข็มหลายสิบเล่มถูกดึงกลับมา“เสร็จแล้ว อดีตผู้บัญชาการเว่ยไม่เป็นอะไรแล้ว พักรักษาตัวไม่กี่วันก็หาย” ฉู่เฉินบอก เขาเช็ดเหงื่อที่มุมหน้าผากศาสตร์แห่งการฝังเข็มที่เขาใช้เมื่อกี้ เผาผลาญพลังวิญญาณที่จุดตันเถียนของเขาไปไม่น้อย“จริงเหรอคะ?” เว่ยฉิงถามอย่างดีใจฉู่เฉินพยักหน้าตอนนี้เอง หลิ่วหรูเยียนถลาเข้ามา ตะโกนลั่น “เป็นไปไม่ได้! ฉันไม่เชื่อ! ฉู่เฉิน แกกล้าดียังไงแค่ฝังเข็มสองสามเล่มก็บอกว่าตัวเองเป็นผู้ช่วยชีวิตอดีตผู้บัญชาการเว่ย?”“ถ้าอดีตผู้บัญชาการเว่ยเป็นอะไรไป แกต้องรับผิดชอบทั้งหมด!”สีหน้าของเว่ยฉิงดำทะมึนฉู่เฉินหัวเราะชืด ๆ “หลิ่วหรูเยียน เธอไม่ต้องร้อนรน ถ้าภายในห้านาทีอดีตผู้บัญชาการเว่ยไม่ฟื้นขึ้นมา ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมด ต่อให้คุณหนูเว่ยต้องการหัวของฉันก็ยังได้!”“ดี! แกพูดเองนะ คุณหนูเว่ยได้ยินแล้วใช่ไหมคะ ฉู่เฉินบอกว่าเขาจะรับผิดชอบเองทั้งหมด” หลิ่วหรูเยียนหันไปพูดกับเว่ยฉิง ผลักความรับผิดชอบอย่างถึงที่สุดเว่ยฉิงสีหน้าเปลี่ยนไปเป
เว่ยหนานเฟิงลืมตาฟื้นขึ้นมา เขาหอบหายใจหลายครั้ง รู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดทั่วตัวได้หายไปแล้ว อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในร่างกายด้วย“คุณปู่ไม่เป็นไรอะไรแล้วจริงๆ ใช่ไหมคะ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” เว่ยฉิงถามอย่างตื่นตระหนกเว่ยหนานเฟิงยิ้มตอบ “ปู่ไม่เป็นไร ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”เว่ยฉิงเช็ดน้ำตา ลุกขึ้นหันไปโค้งตัวให้ฉู่เฉิน “ขอบคุณคุณมากนะคะ หมอเทวดาฉู่”ฉู่เฉินยิ้ม โบกมือและบอกว่า “เรื่องเล็กน้อยครับ”เวลานี้ แขกทุกคนในงานยังคงอ้าปากค้างเพราะความตะลึงไม่นึกว่าคุณชายไร้ประโยชน์ที่ถูกไล่ตะเพิดออกจากตระกูลฉู่ จะมีความสามารถด้านการแพทย์อยู่จริงๆ…ท่ามกลางฝูงชน สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนนั้นเรียกได้ว่าย่ำแย่สุดขีดคำท้าที่เธอเพิ่งพูดกับฉู่เฉินเมื่อกี้ยังดังก้องอยู่ในหูจะทำยังไงดีล่ะทีนี้?เธอร้อนรนจนแทบอยู่ไม่สุข กระทั่งไม่กล้ามองหน้าฉู่เฉิน“หมอเทวดาฉู่ ขอบคุณมาก พระคุณที่ช่วยชีวิตในวันนี้ผมจะไม่มีวันลืม วันหน้ามีอะไรให้ช่วย คุณติดต่อผมหรือฉิงฉิงได้เลย”“ตั้งแต่นี้ คุณคือผู้มีพระคุณของผมเว่ยหนานเฟิง เป็นแขกวีไอพีของตระกูลเว่ย!” เว่ยหนานเฟิงประสานหมัดขณะเอ่ยพร้อมรอยยิ้
เห็นสีหน้าท่าทางเขาแล้วจะฆ่าเสียให้ตาย!“หลิ่วชิงเหอ ลูกสาวเธอก็เรียกฉันว่าพ่อแล้ว เธอควรเรียกฉันว่าอะไรดีล่ะ?” ฉู่เฉินจงใจถากถางหลิ่วชิงเหอหยอกแม่บุญธรรมอย่างหลิ่วชิงเหอสักหน่อยก็ไม่เลวเหมือนกันหลิ่วชิงเหอแค่นเสียง ขี้คร้านจะสนใจไอ้สารเลวอย่างฉู่เฉิน จึงหันตัวเดินออกไปครั้นออกมาก็เห็นหลิ่วหรูเยียนที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ“แม่! หนูจะฆ่าฉู่เฉิน! ยังไงก็จะฆ่ามันให้ได้!” หลิ่วหรูเยียนกระฟัดกระเฟียด สายตาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นเกลียดชังน่าอัปยศที่สุด!เธอหลิ่วหรูเยียนเคยต้องเจอกับความอัปยศอดสูขนาดนี้เสียที่ไหนกัน?ฉู่เฉิน ชื่อนี้ได้เข้าสู่บัญชีดำของเธอเรียบร้อยแล้ว“วางใจได้ วันนี้ก็คือวันตายของไอ้เดรัจฉานนั่น!” หลิ่วชิงเหอเอ่ยเสียงเย็นขณะเดียวกันทางด้านฉู่เฉิน เขาถูกเว่ยฉิงเชิญไปที่ห้องรับรองเพียงลำพัง“คุณหนูเว่ย ยังมีธุระอะไรอีกเหรอครับ?” ฉู่เฉินถามเว่ยฉิงต้องยอมรับว่าคุณหนูของตระกูลเว่ย หลานสาวของเว่ยหนานเฟิงคนนี้เป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่งจริงๆ กิริยาท่าทางและเรือนร่างไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิ่วชิงเหอกับหลิ่วหรูเยียนเลยยิ่งพออยู่กับเว่ยหนานเฟิงมานานหลายปี อาจเป็นเพราะ
กึก!เว่ยฉิงนิ่งอึ้ง ดวงหน้าแดงแปร๊ด แดงจนถึงขั้นที่ว่าถ้าเลือดไหลออกมาได้คงไหลออกมาแล้ว เธอถามอย่างกระอักกระอ่วน “ถอดหมดเลยเหรอ?”เธอไม่คิดว่าการนวดรักษาที่ฉู่เฉินพูดถึง จะเป็นวิธีการแบบนี้ ต้องถอดเสื้อผ้าออกหมดด้วยรึ…แม้แต่ชุดชั้นในก็ต้องถอดด้วยบรรยากาศในห้องพลันเปลี่ยนเป็นร้อนรุ่มและน่าอึดอัดใจขึ้นมาทันทีเว่ยฉิงอาจจะเป็นหลานสาวของอดีตผู้บัญชาการเว่ย เป็นหญิงแกร่งคนหนึ่งในวงการธุรกิจ มีชื่อเสียงเกียรติยศมากมาย และมีทรัพย์สินมากกว่าพันล้านแต่เธอเป็นสาวโสดตั้งแต่เกิด ไม่เคยมีความรักเลยแม้แต่ครั้งเดียวหลายปีมานี้ เธอไม่เคยแม้แต่จับมือผู้ชาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะให้เปลื้องผ้าต่อหน้าชายแปลกหน้า…หลังจากลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเว่ยฉิงก็กัดฟันหันหลังให้ฉู่เฉิน ก่อนจะเริ่มถอดชุดราตรีของเธอออกแผ่นหลังอันเนียนขาว ไร้จุดด่างพร้อยโดยเฉพาะหัวไหลกลมมนและลำคอยาวระหงนั่น เรียกได้ว่าเป็นศิลปะชิ้นงาม ที่แทบจะหาจุดด้อยไม่เจอเลยชุดราตรีค่อยๆ ไถลลู่ลงจากหัวไหล่ของเธอ แผ่นหลังอันสมบูรณ์แบบเปิดเผยสู่สายตา ตามมาด้วยเอวบางคอด ที่ทำให้ฉู่เฉินเห็นแล้วอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ถึงขั้นสติหลุด
“ฟู่…” ฉู่เฉินถอนหายใจ รู้สึกว่าเขาเริ่มเสียสมาธิแล้วเว่ยฉิงหน้าแดง เหลือบมองฉู่เฉิน ก่อนถามเสียงเบาๆ ว่า “หมอเทวดาฉู่ เป็นอะไรไป?”“เปล่าครับ เราเริ่มกันเถอะ” ฉู่เฉินยิ้มตอบ แววตาแปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นในพริบตาเริ่มจากท้องน้อยก่อน จากนั้นก็หน้าอก และหัวไหล่ทั้งคู่ทุกครั้งที่สัมผัส เว่ยฉิงรู้สึกราวกับหน้าของตัวเองจะมีเลือดไหลออกมาให้ได้ หนำซ้ำ ร่างกายก็ยังมีการตอบสนองแปลกๆ เกิดขึ้นอีกแน่นอนว่าฉู่เฉินเองก็ทรมานยิ่งกว่าต้องมานวดให้ศิลปะชิ้นเอกอย่างนี้ แรงกดดันมากเกินไปแล้วหลังจากนวดติดต่อมาประมาณสิบนาทีกว่า ฉู่เฉินลุกขึ้น เช็ดเหงื่อที่ขมับ บอกว่า “คุณหนูเว่ย เสร็จแล้วครับ”นึกไม่ถึงว่านวดให้เว่ยฉิงต้องใช้พลังวิญญาณมากขนาดนี้ดูท่าคงต้องพัฒนาพลังอย่างต่อเนื่องเสียแล้วเว่ยฉิงได้ยินว่าเสร็จแล้วก็รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าส่วนฉู่เฉินนั่งหมดแรงอยู่บนโซฟาด้านหนึ่ง เขาหอบหายใจไม่หยุด ขณะที่ปรับสมดุลพลังวิญญาณในร่างกายอยู่ฝั่งเว่ยฉิงพอใส่เสื้อผ้าเสร็จ ดวงหน้ายังคงแดงแปร๊ด เธอถามเขาว่า “หมอเทวดาฉู่ โรคของฉันหายแล้วเหรอคะ?”“ครับ คุณลองหาใครมาทดลองดูก็ได้” ฉู่เฉินตอบเว่ยฉิงได้ยิน