“นี่แก!”หลิ่วชิงเหอไม่ใช่เด็กสาวไม่รู้ความ เธอเข้าใจสิ่งที่ฉู่เฉินต้องการสื่อในทันที!เขายังคิดจะอาทิตย์ครั้งเหรอ!“ไม่มีทาง! แกรีบไปให้พ้น! ฉันคิดหาวิธีเองได้!” หลิ่วชิงเหอกล่าวอย่างโกรธๆไอ้สัตว์เดรัจฉานสมควรตาย คิดจะข่มขู่เธองั้นเหรอ“ให้ฉันไปให้พ้น? เธอคิดดีแล้วเหรอ หลิ่วชิงเหอ บนโลกนี้คนที่สามารถช่วยลูกสาวของเธอได้ มีแค่ฉันฉู่เฉินคนนี้คนเดียว”ฉู่เฉินยิ้มอย่างไม่ยี่หระ “ก่อนจะถึงวันศุกร์หน้า ทบทวนให้ดี ถ้าตัดสินใจได้แล้วก็ติดต่อมา ฉันจะฝังเข็มให้ลูกสาวของเธอ ถือโอกาสฝังให้เธอด้วยสักสองสามเข็ม”ฮ่าๆๆ!พูดจบ ฉู่เฉินหัวเราะเสียงดัง เขาเห็นสีหน้าดำทะมึนของหลิ่วชิงเหอแล้วรู้สึกสะใจสุด ๆหลิ่วชิงเหอขมวดคิ้วสวยแน่น นิ้วเรียวชี้ไปทางประตู ก่อนตวาดเสียงเกรี้ยว “ไสหัวไป! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้! อย่าบังคับให้ฉันต้องเปลี่ยนใจ ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าแก!”ฉู่เฉินหัวเราะในลำคอ เขากวาดมองกล่องยากล่องหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะพูดว่า “ถ้าเดาไม่ผิด นั่นคือยาน้ำที่พวกเธอได้จากการจับฉันแช่มาเป็นเวลาสามปี จากนั้นก็เอาไปตุ๋นเป็นยาลูกกลอนสินะ?”หลิ่วชิงเหอขมวดคิ้ว ไม่ตอบคำถามชั้นบน หลิ่วหรูเยียนเพิ่ง
หวังฮุ่ยหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เห็นกู้รั่วเสวี่ยที่เดินเข้าก็รีบโค้งตัวอย่างสุภาพนอบน้อม “คะ คุณหนูกู้ มาได้ยังไงคะ?”“เพียะ!”กู้รั่วเสวี่ยก้าวเข้ามาสะบัดฝ่ามือใส่แก้มของหวังฮุ่ย พูดอย่างไม่พอใจ “ทำไมพูดจาอย่างงั้นกับคุณฉู่! ขอโทษเขาซะ!”“ขอโทษ?” หวังฮุ่ยมึนงง เธอยกมือกุมแก้มที่รู้สึกแสบร้อน ก่อนจะอธิบายว่า “คุณหนูกู้ ไอ้นี่เป็นแค่คุณชายตกอับไร้ที่ไป เขามาซื้อสมุนไพรทั้งที่ไม่มีเงิน แถมยังบอกว่าจะซื้อเห็ดหลินจือเพลิงร้อยปี ฉันก็แค่…”“เพียะ!”กู้รั่วเสวี่ยยกฝ่ามือขาวๆ สะบัดออกไปอีกครั้ง ก่อนจะพูดเสียงเย็นอีกครั้ง “ฉันบอกว่าให้ขอโทษซะ!”คราวนี้หวังฮุ่ยตกใจแล้วกู้รั่วเสวี่ย คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลกู้ เพิ่งมาเติบโตในเจียงจงสองปีที่ผ่านมานี้เองจินจือหลินเป็นของกู้รั่วเสวี่ยทั้งหมดหากพูดถึงตระกูลกู้ในจิงตู ก็นับว่าเป็นตระกูลที่ใหญ่สุดๆ!พวกเขามีอุตสาหกรรมที่หลากหลาย มีทั้งด้านสมุนไพร ด้านศึกษาวิจัยทางการแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ หรือแม้กระทั่งอุตสาหกรรมด้านความบันเทิงก็ด้วย…อุตสาหกรรมแต่ละด้านล้วนนับว่าอยู่แนวหน้าของประเทศทั้งนั้นได้ยินมาว่า รวยเทียบเท่าประเทศหนึ่งเลยทีเดียว!“ขะ ข
สิ้นเสียง สองคนที่อยู่ในห้องนอนหันขวับไปทางฉู่เฉินและกู้รั่วเสวี่ยที่กำลังเดินเข้ามาซุนเซี่ยวเหรินหน้าคล้ำทันที เขาตำหนิอย่างไม่พอใจสุดๆ “เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม! พูดจาเหลวไหลอะไรของเธอ! นี่เธอกำลังตั้งคำถามกับทักษะทางการแพทย์ของฉันงั้นรึ หรือว่าสงสัยในตัวยาเม็ดนี้? เธอรู้รึเปล่าว่าฉันเป็นใคร!”ซุนเซี่ยวเหรินไม่สบอารมณ์อย่างมากเด็กเปรตนี่โผล่มาจากไหน ถึงได้กล้าเข้ามาตะคอกเขาอย่างนี้กินยาอายุวัฒนะในมือเขา แล้วผู้ป่วยจะตายงั้นรึ?เหลวไหลทั้งเพ!ยาอายุวัฒนะเม็ดนี้เขาศึกษามาหลายวันแล้ว มันคือยาบำรุงชั้นดี!ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าสี่เหลี่ยมเย็นชาแข็งกร้าว สายตาเคร่งขรึม เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้องฉู่เฉินแล้วตวาดเสียงต่ำ “เธอเป็นใคร? ใครให้เธอบุกเข้ามาที่นี่? ไสหัวออกไป! อย่ามาขัดขวางการรักษาของภรรยาฉัน!”“คุณพ่อ เขาชื่อฉู่เฉินค่ะ เป็นหมอที่หนูพากลับมาเอง วิชาแพทย์ของเขาร้ายกาจมาก แม้แต่โรคกายเย็นของหนูเขาก็รักษาได้” กู้รั่วเสวี่ยรีบเข้ามาอธิบายชายวัยกลางคนได้ยินก็ตะลึง “ลูกว่าไงนะ? เขารักษาโรคกายเย็นของลูกได้เหรอ? รั่วเสวี่ย ลูกอย่าโกหกพ่อนะ”กู้เหวินไห่ พ่อของกู้รั่วเสว
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ทั่วทั้งห้องรับรองเงียบสงัดทุกคนเงียบเป็นเป่าสาก!พวงแก้มของกู้รั่วเสวี่ยแดงเรื่อฉู่เฉินคิดจะให้พ่อของเธอยกเธอให้เขาจริงๆเธอยังไม่ทันได้เตรียมใจเลยนะกู้เหวินไห่เองก็หน้าดำคร่ำเครียด เขาลังเลอยู่นานมากฉู่เฉินพูดขึ้น “ผู้นำตระกูลกู้ อย่าลังเลเลย คุณเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ”“ผมขอบอกคุณชัดๆ ตรงนี้เลยว่า บนโลกนี้ คนที่ช่วยภรรยาคุณได้ มีแค่ผมฉู่เฉินคนเดียวเท่านั้น!”กู้เหวินไห่กัดฟัน เขาไม่ลังเลอีกต่อไป คุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังตุบ ก่อนจะอ้อนวอนว่า “คุณฉู่ ก่อนหน้านี้เป็นเพราะผมเลอะเลือน ได้โปรดช่วยชีวิตภรรยาของผมด้วย”“ขอแค่ช่วยภรรยาของผมได้ ผมยอมยกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนให้คุณ”“คุณพ่อ…” กู้รั่วเสวี่ยพึมพำเรียกพ่อของเธออย่างกระมิดกระเมี้ยนฉู่เฉินวางแก้วชา และยิ้มตอบเล็กน้อย “ได้ เห็นแก่หน้ารั่วเสวี่ย ผมจะช่วยเอง ลุกขึ้นเถอะครับ”กล่าวจบ ฉู่เฉินลุกเดินไปทางห้องนอนกู้เหวินไห่เดินตามไปติดๆกู้รั่วเสวี่ยก็รีบตามไปด้วยเช่นกัน เธอถามว่า “คุณพ่อ เมื่อกี้คุณพ่อพูดเล่นใช่ไหมคะ?”กู้เหวินไห่ตัดบททันที “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว ถ้าเขาช่วยแม่ของลูกได้จริง ก็แสดงว่าเจ้าห
ด้านหนึ่ง หลังจากที่ฉู่เฉินออกจากคฤหาสน์ตระกูลกู้ ก็มุ่งไปยังบ้านใหญ่ของตระกูลฉู่ครั้นเห็นบ้านใหญ่ตระกูลฉู่ในสภาพซอมซ่อ บวกกับกลิ่นอับชื้นที่เกิดจากไม้เน่าลอยมาแตะจมูก ฉู่เฉินอดทอดถอนใจไม่ได้บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า เต็มไปด้วยความทรงจำวัยเด็กของฉู่เฉินตั้งแต่ที่พ่อแม่หายตัวไป ฉู่เฉินก็แอบสืบอย่างลับๆ มาตลอด หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่แม่บุญธรรมของเขา หลิ่วชิงเหอ!ในตอนที่ฉู่เฉินตั้งใจจะโจมตีหลิ่วชิงเหอ เขาก็ถูกลอยแพเสียก่อน! จากนั้น เรื่องราวก็เป็นอย่างที่เกิดขึ้นมาตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาถูกสองแม่ลูกขังไว้ในห้องอาบน้ำของคฤหาสน์ เพียงแวบเดียว เขาก็ถูกทรมานมานานถึงสามปีเต็ม!“หลิ่วชิงเหอ หวังว่าเรื่องที่พ่อกับแม่ฉันหายตัวไปจะไม่เกี่ยวกับเธอนะ! ถ้าฉันสืบเจอว่าเป็นลูกไม้สกปรกของเธอ ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่!”ฉู่เฉินพูดอย่างเย็นชา ในดวงตาตาสุกใสสะท้อนแววเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกฉู่เฉินเก็บกวาดบ้านอย่างง่ายๆ จากนั้นก็ตั้งป้ายวิญญาณสองป้ายไว้ในบ้านให้พ่อแม่ของเขาผ่านมาหลายปีแล้ว พ่อกับแม่อาจไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ ในฐานะลูกชาย เขาควรกราบไหว้หลังจากคำนับสามครั้ง ฉู่เฉินจัดการทำความสะอา
“โอ๊ย! สารเลว! แกปล่อยฉันนะ! แกกล้าทำเรื่องน่าขยะแขยงเช่นนี้กับฉัน ฉันจะฆ่าแกแน่นอน!” ป้าอู๋ร้องออกมาด้วยความตกใจเธอคิดไม่ถึงว่า ฉู่เฉินจะกล้าลงมือกับเธอเช่นนี้เจ้าคนสารเลว!โครม...หลังจากนั้นเสียงเสื้อผ้าฉีกขาดดังขึ้นมาจากห้อง พร้อมทั้งเสียงร้องขอชีวิตของป้าอู๋“ฉู่เฉิน อย่า ฉันขอร้องเจ้าล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ”อย่างไรก็ตาม หลังจากขอความเมตตาอยู่ครู่หนึ่ง ก็เกิดเสียงต่อสู้ขึ้นมาเป็นระยะ และในช่วงท้ายของการขอความเมตตาของป้าอู๋ ก็กลายเป็นเสียงครวญครางที่ส่งเสียงดังราวกับอารมณ์เร่าร้อนที่ถูกกักเก็บไว้ 20 กว่าปี แค่ครู่เดียวก็ปลดปล่อยออกมา!หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ฉู่เฉินเดินออกมาด้วยหน้าระรื่นพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “หากไม่ใช่เพราะป้า ผมคงไม่มีโอกาสอย่างนี้ ดังนั้นวันนี้ผมจะปล่อยป้าไปแล้วกัน รีบไสหัวไปซะ!”ภายในห้องป้าอู๋นอนร่างเปลือยเปล่าอยู่ที่พื้น เสื้อผ้าถูกฉีกไม่เป็นชิ้นดี ร่างกายเต็มไปด้วยรอยเขี้ยว โดยเฉพาะบั้นท้ายที่เธอภาคภูมิใจนั้นเต็มไปด้วยรอยฝ่ามือ!เธอกัดฟันโกรธ เต็มไปด้วยความเคียดแค้น“ไอ้เดรัจฉาน! แกรังแกฉันแบบนี้ ฉันไม่ยอมปล่อยแกไปแน่!”ป้าอู๋สบถออกมารุนแรง ฝืนร่างกายล
เฉาถิงถิงล้มลงไปที่พื้น เสื้อผ้ายับยู่ยี่ไปหมด ใบหน้าแดงก่ำ เจ็บไปทั่วทั้งร่างกาย“แกเป็นใคร? กล้าลงมือตีฉัน!” เฉาถิงถิงงุนงง หลังจากนั้นถึงจะก่นด่าด้วยคำหยาบคายขึ้นมาฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “ผมก็คือคนที่คุณพร่ำปากว่าเป็นฉู่เฉินไอ้ผีไง”ฉู่เฉิน?เฉาถิงถิงตกใจ หลิวเฉียงที่ล้มอยู่กับพื้นก็ตะลึง รีบลุกขึ้นมา จ้องเขม็งไปที่ฉู่เฉิน พร้อมพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “คุณคือพี่เฉินเหรอ? คุณเป็นพี่เฉินจริงๆ ใช่ไหม! พี่ยังไม่ตาย ดีจริงๆ ...”ฉู่เฉินยิ้ม และตบไหล่ของหลิวเฉียงที่กำลังเช็ดน้ำตาและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเอง”“ฉู่เฉินเหรอ? แกไม่ตายจริงๆ ด้วย!” เฉาถิงถิงร้องออกมาด้วยความตกใจ หลังจากนั้นใช้สายตาชั่วร้ายจ้องมองไปที่เขา พูดอย่างเย็นชาว่า “กล้าตีฉันเหรอ? แกเชื่อไหมว่าวันนี้ฉันจะทำให้พวกแกสองตัวรู้สำนึกถึงสิ่งที่พวกแกทำ!”ฉู่เฉินได้ยินเช่นนั้น พร้อมพูดขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “งั้นเหรอ? งั้นผมก็ขอลองดูสักตั้ง ลองดูซิว่าคุณจะทำให้ผมสำนึกได้ไหม!”หลิวเฉียงได้ยินเช่นนี้ ในใจอึ้งไปหมด รีบรุดเข้าไปห้าม พูดพร้อมกับรั้งฉู่เฉินว่า “พี่เฉิน ช่างมันเถอะ พวกเราไปกันเถอะ”ฉู่เฉินกวาดสายต
“ที่รัก! จัดการมัน รีบจัดการมันสิคะ!”เฉาถิงถิงพูดคะยั้นคะยออยู่ข้างๆ เธอหวังแต่เพียงว่าจ้าวหู่จะบดขยี้ฉู่เฉินและหลิวเฉียงลงไปที่พื้นทันที!จ้าวหู่ทำราวกับไม่ได้ยิน รีบวิ่งไปข้างหน้า โค้งตัวลงไป “คุณคือคุณฉู่ ฉู่เฉินใช่ไหมครับ?”ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้นมา ขมวดคิ้ว พยักหน้าตอบ “ใช่”“แหมๆ คุณฉู่จริงด้วย สวัสดีครับๆ ผมชื่อจ้าวหู่ เป็นผู้จัดการร้านอาหารร้านนี้ ขอโทษที่ไม่ได้มาต้อนรับนะครับๆ”จ้าวหู่มีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่นับถือและประจบประแจงภาพนี้ทำให้ฉู่เฉินงุนงงเล็กน้อยหลิวเฉียงก็เช่นกันคนที่ตกตะลึงและสับสนที่สุดคือเฉาถิงถิง“ที่รัก คุณทำอะไรเนี่ย? คุณฉู่อะไรกัน? คุณบ้าไปแล้วเหรอ? เขาคือไอ้คนเหลือขอที่ตบตีฉันเมื่อกี้นะคะ! คุณรีบจัดการมันสิ!”เฉาถิงถิงพูดอย่างร้อนรน กระทืบเท้า หน้าอกใหญ่และอวบอิ่ม ก็สั่นขึ้นลงทันที“เพียะ!”เป็นผลให้จ้าวหู่หันหลังกลับมาไปและตบเข้าไปที่หน้าเฉาถิงถิง และดุว่า “อวดดี! ไอ้คนเหลือขอเหรอ? เขาคือคนที่ผมบอกคุณว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่แม้แต่ผู้นำตระกูลกู้ยังต้องเคารพ!”“ฉู่เฉิน คุณฉู่!”“คุณยังไม่รีบมาขอโทษคุณฉู่อีก!”จ
ฉู่เฉินรับหุ่นกระดาษมาจากมือของป้าอู๋ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้นี่มันไม่ใช่หุ่นกระดาษธรรมดา หุ่นกระดาษนี่พึ่งอยู่ในมือฉู่เฉินได้ไม่นาน ก็มีควันสีดำโพยพุ่งขึ้นมาจากหุ่นกระดาษนี่!กลิ่นอายนี้ฉู่เฉินคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยล่ะ มันคือกลิ่นศพเน่า!หลังจากนั้นฉู่เฉินก็ตรวจจ้ำศพบนร่างของหลิ่วชิงเหออย่างละเอียด แสยะยิ้มออกมาแล้วเอ่ยว่า “เธอน่าจะโดนพิษศพ ถ้าฉันเดาไม่ผิด เมื่อวานตอนเย็นเธอกินเนื้อวัวใช่ไหม?”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็เหลือบมองไปที่ต้นขาด้านในของหลิ่วชิงเหอที่เริ่มรอยฟกซ้ำเมื่อโดนพิษศพแล้วสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดก็คือเนื้อวัว โดยเฉพาะในร่างกายของหลิ่วชิงเหอมียาที่สกัดจากของเหลวจากร่างกายของฉู่เฉิน สองสิ่งนี้ยิ่งจะทำให้อาการป่วยของหลิ่วชิงเหอยิ่งรุนแรงมากขึ้น“ใช่ ช่วงนี้แม่ของฉันกำลังลดน้ำหนักอยู่ ดังนั้นจึงกินได้แค่เนื้อวัว หรือว่าเกี่ยวกับเนื้อวัวนี่เหรอ?”ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ “แน่นอนสิ ที่จริงไม่เพียงแค่แม่เธอที่โดนพิษศพนะ แต่พวกเธอโดนพิษศพทั้งสองคนเลย”“เพียงแต่ว่าพิษศพบนร่างของพวกเธอยังไม่ทันออกฤทธิ์เท่านั้นเอง ถ้าไม่ใช่เพราะกินเนื้อวัวเข้าไป บวกกับสารพิษในต
อีกด้านหนึ่ง ในขณะที่กำลังเดินทางกลับ กู้รั่วเสวี่ยก็ถามขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “คนที่จางม่านเรียกว่าคนนั้นเหมือนจะเป็นคนใหญ่คนโตในวงการบันเทิงใช่ไหมคะ?”“ทำไมท่าทางเขาดูหวาดกลัวพี่ขนาดนั้นล่ะคะ?”เมื่อกี้เธอมองผ่านกระจกรถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ฉู่เฉินยืนกอดอกตลอดเวลา ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังปะทะคารมกันนั้น เขาก็สามารถทำให้จางม่านคุกเข่าอ้อนวอนได้“ก่อนหน้านี้เคยเจอมาก่อนครับ ประธานหลัวเป็นคนที่มีจิตใจดีครับ”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์หลัวจื้อหย่งจิตใจดี?กู้รั่วเสวี่ยมองฉู่เฉินด้วยสายตาไม่พอใจ เพราะคำพูดของฉู่เฉินทำให้เธอไม่อยากจะเชื่อเลยแม้แต่สักคำเดียวส่วนเรื่องรายละเอียดที่มากกว่านี้ เธอก็ไม่อยากจะถามให้มากความ ขอเพียงแค่การถ่ายโฆษณาพรุ่งนี้ถ่ายได้ตามปกติก็โอเคแล้วฉู่เฉินที่พึ่งถึงหน้าประตูห้องทำงานของซินฉู่ฟาร์มาติคอล หลิ่วหรูเยียนก็ต่อสายเข้ามาหาเขาฉู่เฉินขมวดคิ้ว แล้วรับสาย “มีเรื่องอะไรรับพูดมา”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ปลายสาย ก็พูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น “ฉู่เฉิน นายอยู่ที่ไหน ขอร้องละนายช่วยมาดูแม่ของฉันหน่อย เธอ... เธอเหมือนจะไม่ไหวแล้ว”อะไรนะ?ฉู่เฉินขมวดคิ้ว
เมื่อเห็นว่าไฟรถของฉู่เฉินไปไกลแล้ว จางม่านที่มีสีหน้าหม่นหมองหันมามองหลัวจื้อหย่งด้วยท่าทางน่าสงสาร“ฮึ! คุณรอความตายเถอะ!”หลัวจื้อหย่งแค่นเสียงด้วยความโกรธกระฟัดกระเฟียด และกล่าวกับบอดีการ์ดทั้งกลุ่มว่า “พวกเรากลับ! แม่เอ๊ย ซวยจริงๆ!”หลัวจื้อหย่งเดินกลับและคบคิดคำนวณในใจว่าอยู่ต่อในเมืองเจียงจงไม่ได้อีกแล้วจริงๆ ไม่แน่อาจไปล่วงเกินฉู่เฉินเพราะใครคนไหนเข้าสักวันก็ได้เงินมากมายในบัญชีธนาคารของเขายังไม่ได้ใช้เงินเลย ไม่อยากตายก่อนวัยอันควรหรอกนะหลัวจื้อหย่งเพิ่งจะนั่งในรถ จางม่านและผู้จัดการก็ตามมาอย่างรวดเร็ว“ประธานหลัว คุณรอก่อนค่ะ!”จางม่านดึงประตูรถเปิดกว้างแล้วเข้าไปนั่งในรถทันทีโดยไม่ให้โต้แย้งใดๆหลัวจื้อหย่งกล่าวพร้อมกลอกตาใส่จางม่านด้วยสีหน้าอมทุกข์ “เธอมาหาฉันก็ไร้ประโยชน์ ฉันล่วงเกินคุณฉู่ไม่ได้!”หลัวจื้อหย่งชี้ไปที่แขนเสื้ออันว่างเปล่าของตัวเองขณะพูดขึ้นว่า “รู้ไหมว่าทำไมแขนฉันข้างนี้ถึงหายไป?”ซี้ดๆ!จางม่านเพิ่งจะสังเกตว่าแขนเสื้อข้างขวาของหลัวจื้อหย่งว่างเปล่า ทำเอาเธอตกใจจนโง่งมไปทันที!หรือเมื่อกี้ฉู่เฉินหักแขนข้างหนึ่งของหลัวจื้อหย่ง?เป็นไปไม่ได้หรอ
เมื่อหลัวจื้อหย่งเห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรของฉู่เฉินแล้วมุมปากก็กระตุกขึ้นมาทันที!“โอ้ ประธานหลัวไม่ใช่เหรอ? เจียงจงแคบเกินไปแล้วจริงๆ”ฉู่เฉินทิ้งม้วนบุหรี่ในมือ แล้วชำเลืองมองหลัวจื้อหย่งโดยเอามือวางบนไหล่“ประธานหลัว ไอ้หนุ่มนี่แหละที่ตบผมเมื่อกี้ยังไม่พอ ยัง… ยังข่มขู่คุณม่านม่านด้วยครับ ต้องจัดการไอ้หนุ่มนี่นะ…”เพียะ!ผู้จัดการส่วนตัวยังไม่ทันพูดจบ หลัวจื้อหย่งก็สะบัดมือตบเข้าที่ใบหน้าของเขาเข้าอย่างจัง จากนั้นก็ถีบเขาไปหนึ่งทีจนเขาหัวคะมำพื้น!“ประธานหลัว… คุณ…. คุณตบผมได้ยังไง? ไอ้หมอนั่น…”พลั่กๆ!หลัวจื้อหย่งยกขาถีบไปบนร่างของผู้จัดการอีกหลายครั้ง พร้อมกัดฟันกล่าว “ไอ้สารเลว แกนับเป็นตัวอะไรได้ ยังกล้ามาชี้นิ้วสั่งคุณฉู่ฮะ!”หลัวจื้อหย่งกล่าวเสร็จก็วิ่งเหยาะไปหาฉู่เฉินและยังโค้งตัวกล่าวขึ้นท่ามกลางสายตาจดจ้องอย่างเหลือเชื่อของจางม่านและผู้จัดการ “อุ้ย บังเอิญจังนะครับ คุณฉู่ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ?”ฉู่เฉินยื่นมือออกมายกแขนเสื้อข้างขวาที่ว่างเปล่าของหลัวจื้อหย่งแล้วกล่าวเย้ยว่า “บังเอิญมารับดารากระจอกๆ แต่เขาดันบอกว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแข็งแกร่งมาก ทั้งยังจะสั่งส
ถึงยังไงเสื้อผ้าที่ฉู่เฉินสวมก็ไม่หวือหวาเท่าไหร่ ถ้าไม่ใช่คนที่ผ่านประสบการณ์จนมองโลกออกก็แทบไม่รู้จักเนื้อผ้าราคาห้าสิบล้านชิ้นนั้นแน่นอน!ฉู่เฉินได้ยินแล้วก็หัวเราะทันที กู้รั่วเสวี่ยก็หัวเราะขึ้นอย่างอดไม่อยู่เช่นกัน กล่าวขึ้นพร้อมชี้นิ้วไปยังฉู่เฉิน “เขาก็คือประธานใหญ่ที่สุดของบริษัทเรา”อะไรนะ?จางม่านฟังแล้วก็มองสำรวจฉู่เฉินด้วยความแปลกใจ แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นสีหน้าหยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้านี้เช่นเดิม เธอกล่าวถากถาง “ทำไม พวกคุณคงไม่คิดหรอกนะว่าในเมืองเจียงจงแห่งนี้ฉันจะกลัวพวกคุณน่ะ?”จางม่านควักโทรศัพท์ออกมาและกดเบอร์โทรต่อหน้าต่อตากู้รั่วเสวี่ยและฉู่เฉินจากนั้นกล่าวขึ้นว่า “ถือโอกาสตอนที่ฉันยังไม่ทันกดโทรออก แกมาคุกเข่าขอโทษก็ยังทันนะ!”“ไม่งั้นอีกเดี๋ยวพวกแกสองคนคงจะร้องไห้ขี้มูกโป่งเมื่อคนของฉันมาถึงแล้ว!”ฉู่เฉินมองเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วก็เงยหน้าหัวเราะลั่นอย่างห้ามไม่อยู่อย่าว่าแต่เจียงจงเลย ต่อให้ทั้งมณฑลเจียง ฉู่เฉินก็ไม่เคยกลัวใคร“โทรสิ คุณโทรเลยตอนนี้ และฉันขอบอกเลยว่า ถ้าคนของคุณไม่มา วันนี้คุณอย่าได้คิดออกไปจากสนามบินเลย!”กล่าวเสร็จ ฉู่เฉินก็ยืนพิงประตูรถจุด
ฉู่เฉินขมวดคิ้วทันทีเมื่อมองดูเหตุการณ์นี้แค่ดาราตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น พูดให้ดีหน่อยก็ศิลปิน พูดตรงๆหน่อยก็แค่คนที่หลับนอนกับคนมากมายราวกับรถเมล์ที่รับผู้โดยสารไม่เลือกหน้าใครให้เธอกล้าบ้าดีเดือดขนาดนี้ฮะ?เมื่อเห็นสีหน้าฉู่เฉินเริ่มไม่สบอารมณ์ กู้รั่วเสวี่ยก็รีบดึงปลายเสื้อของฉู่เฉินแล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มจางๆ“คุณจางม่าน นี่ก็เป็นโรงแรมห้าดาวโรงแรมหนึ่ง ทำไมถึงพักไม่ได้ล่ะ?”“และในสัญญาของพวกเราก็เขียนชัดเจนแล้วว่าการต้อนรับแบบเรียบง่าย พวกเราจองโรงแรมห้าดาวให้คุณแล้วนี่ถือเป็นการต้อนรับเกินมาตรฐานระดับสูงแล้วด้วยซ้ำ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ผู้จัดการส่วนตัวของจางม่านก็ดันแว่นขึ้นแล้วขมวดคิ้วกล่าว“คุณผู้หญิงท่านนี้ คำพูดของคุณหมายความว่าอะไรครับ? คุณจางม่านของพวกเราไม่ว่าจะไปที่ไหนล้วนเข้าพักห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทของโรงแรมระดับมาตรฐานสากล!”“ในเจียงจงของพวกคุณมีโรงแรมระดับหรูแบบนั้นไหม? นี่พวกคุณกำลังทำให้คุณจางม่านขายหน้าอยู่นะครับ!”“และก็จากท่าทีของพวกคุณ คุณจางม่านของพวกเรามีสิทธิ์ยกเลิกตารางการถ่ายทำในวันถัดไป อีกทั้งพวกคุณจะต้องรับผิดชอบค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายทั้งห
“นี่คือเอฟเฟกต์ของคนดัง แม้ว่าจางม่านจะมีเรื่องอื้อฉาวอยู่ตลอดเวลา แต่มีเพียงศิลปินที่มีการข่าวซุบซิบถึงจะปรากฏต่อสายตาสาธารณชนได้ตลอด”“ดังจากข่าวฉาวก็ถือว่าดัง และศิลปินแบบเธอก็ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับแท้หรือแอนตี้แฟนคลับ เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวเธอก็จะต้องเกิดความสงสัยไหมล่ะ?”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าว “อือ พูดมีเหตุผล พรุ่งนี้เอาแผนฉบับนี้ให้โจวเทียนเฟิ่งอ่าน ให้เธอเริ่มดำเนินการทันที”กู้รั่วเสวี่ยได้ยินก็หรี่ตาจ้องเขม็งฉู่เฉินพร้อมกล่าว “พี่นี่ก็สั่งการอย่างเดียว ไม่ลงมือทำสักนิดเลยนะคะ”“ฮ่า ๆ ๆ…”ฉู่เฉินหัวเราะฮาลั่นในขณะที่สวมกอดและลูบสัมผัสผิวอันเกลี้ยงเกลาของกู้รั่วเสวี่ยและพูดว่า “คุณไม่เคยได้ยินคำพูดที่ว่ามีอะไรก็ให้เลขาจัดการ ถ้าไม่มีอะไรก็จัดการเลขาเหรอ?”“อ๊ะ… ฉันไม่ใช่เลขาพี่สักหน่อย…”กู้รั่วเสวี่ยแค่ขัดขืนตามสัญชาตญาณเพียงครู่เดียว ในจังหวะที่ปากหนาของฉู่เฉินประทับริมฝีปากบางสีเชอร์รี่ของเธอสนิท จากที่เคยขัดขืนก็เปลี่ยนเป็นสอดรับประสานในเวลาอันรวดเร็ว……ไม่นาน ข่าวการเป็นพรีเซนเตอร์ยาบำรุงปราณของดาราดังจางม่
เห็นได้ชัดว่าใบสั่งยาอันนี้ของอวี้ลู่มีประสิทธิผลช่วยเสริมความฉลาดได้อย่างไม่ธรรมดาจริงๆถ้าพัฒนาปรับปรุงสูตรยานี้ต่อไปแล้วมอบให้กับเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาโดยกำเนิดฟรีๆ คงจะได้บุญเพิ่มอีกแน่นอนไม่ใช่หรือ?พูดตามตรง ฉู่เฉินได้สัมผัสมากับตัวเองถึงพลังบุญและพลังความศรัทธาแต่เมื่อเทียบกันแล้ว หลังจากแปลงพลังบุญเป็นพลังวิญญาณก็มีผลช่วยในการบำรุงเส้นลมปราณของฉู่เฉินอีกทั้งหลังจากได้รับพลังบุญตั้งแต่การแข่งขันแพทย์แผนจีนครั้งก่อนเป็นต้นมา จุดตันเถียนและทะเลปราณของฉู่เฉินก็ขยายเป็นเท่าตัวด้วยเหตุนี้ช่วงนี้ฉู่เฉินจึงอยากทำสาธารณะกุศลเพื่อรับพลังแห่งบุญโดยเร็วสักหน่อยฉู่เฉินคิดคำนวณระหว่างขับรถ ควรจะเปลี่ยนชื่อโอสถสุคนธ์ของอวี้ลู่เป็นอะไรดี“ใช่แล้ว! ให้เรียกว่ายาเสริมสติปัญญา!”ฉู่เฉินคิดได้แล้วก็เร่งเครื่องพุ่งทะยานราวลูกศรคันธนูมุ่งสู่ทิศทางคฤหาสน์ตระกูลกู้กู้รั่วเสวี่ยคิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินมาถึงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง เธอยังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำนะฉู่เฉินนั่งกินองุ่นพลางชื่นชมร่างอรชรอันน่าหลงใหลของกู้รั่วเสวี่ยผ่านกระจกใสของห้องน้ำต้องกล่าวว่าตั้งแต่ที่กู้รั่วเสวี่ยกลายเป็น
น้ำเสียงของฉู่เฉินมีความเย็นชา ไม่มีอารมณ์อื่นใดแม้แต่น้อยหลูไคซานฟังแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวเขารู้ดีถึงความหมายในคำพูดนี้ เบื้องหลังฉู่เฉินยากหยั่งถึงยิ่งเสียกว่าเขาจะจินตนาการได้มากนัก!และถ้าวินาทีที่เขาได้กลับสู่จุดสูงจุดในชีวิตของเขาอีกครั้งก็ต้องเป็นสุนัขเชื่องติดตามข้างกายฉู่เฉินอย่างเชื่อฟัง สุนัขไม่มีสิทธิ์เป็นอิสระได้อีกแล้ว“ผมเข้าใจ ผมยินยอมเป็นสุนัขของคุณ”หลูไคซานกัดฟันพูดเสียงทุ้มฉู่เฉินได้ยินแล้วเผยยิ้มบางเดินเข้ามาตบไหล่พร้อมกล่าวต่อหลูไคซาน “คุณรู้ความดีมาก เก่งกว่าพี่ชายของคุณเป็นไหน ๆ รีบพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน”ฉู่เฉินพูดแล้วก็เดินออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลหลูทันทีหลูไคซานรอจนกระทั่งแผ่นหลังของฉู่เฉินเดินจากไปไกลแล้วจึงทิ้งก้นบุหรี่ในมือ จากนั้นก้าวกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว สายตาจดจ้องเจียงอิ่งที่อ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงภายในห้องนอนอย่างไม่ละสายตา ภายในใจเขาก็รู้สึกซับซ้อนยากที่จะกล่าวได้……วันถัดมาทันทีที่ฉู่เฉินเพิ่งจะรับประทานอาหารเช้าเสร็จในตอนเช้าตรู่ กู้รั่วเสวี่ยก็โทรเข้ามาฉู่เฉินกลืนซาลาเปาคำสุดท้ายลงคอแล้วก็รับสายทันที “ทำไมวันนี้