Home / โรแมนติก / บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง / 7 : พี่หญิงใหญ่บ้านข้าง ๆ เรามีคนกลับมาอยู่แล้วนะ

Share

7 : พี่หญิงใหญ่บ้านข้าง ๆ เรามีคนกลับมาอยู่แล้วนะ

last update Last Updated: 2024-12-04 14:46:00

7 : พี่หญิงใหญ่บ้านข้าง ๆ เรามีคนกลับมาอยู่แล้วนะ

            ยามนำโอสถล้ำค่าไปขายที่หอโอสถ นางจะสวมหมวกตาข่ายปิดหน้าตาเอาไว้ และตั้งกฎกับเถ้าแก่ของหอโอสถไว้ ห้ามถามไถ่ถึงตัวตนของนางเด็ดขาด มิเช่นนั้นนางจะยุติการซื้อขายนี้ลง

            ตอนแรกเถ้าแก่หอโอสถไม่เชื่อนาง เกรงว่าจะเป็นพวกมาตุ้มตุ๋นหลอกลวง แต่พอได้เห็นยาที่นางนำออกมาให้ดู เขาถึงกับหัวใจแทบหยุดเต้น

            “นี่มันยาอะไร เหตุใดถึงมีกลิ่นหอมสดชื่นเช่นนี้ สีสันก็สวยงามเหมือนลูกกวาดก็ไม่ปาน”

            จางฉวนเปิดหอโอสถแห่งนี้มาร่วมสามสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบเจอ เม็ดยาที่กลิ่นหอมละมุนกลมกล่อมเช่นนี้ รีบเก็บใส่ขวดกระเบื้องเคลือบตามเดิม

            “นี่เรียกว่ายาลู่เฟิน”

            เพราะสีเหมือนหยก รสชาติหอมหวานสดชื่น นางเลยเลือกใช้ชื่อนี้ ในเรือนโลกันตร์ไม่มีชื่อยา เขียนไว้เพียงสรรพคุณเท่านั้น นางจึงต้องลำบากคิดค้นชื่อให้พวกมัน

            “ยาเม็ดนี้เอาไว้ยื้อลมหายใจสุดท้ายของคนป่วย หากใครหมดลมไปไม่เกินสองเฟิน(สองนาที) เมื่อป้อนยาเม็ดนี้เข้าไป จะทำให้กลับมาหายใจได้อีกครั้ง ยานี้ทำมาจากสมุนไพรล้ำค่า ราคาของมันจึงค่อนข้างแพง”

            หลี่เมิ่งเหยาไม่รู้จะเสนอราคาเท่าใด นางรอให้อีกฝ่ายเป็นคนเอ่ย เพราะเขาอยู่ในแวดวงโอสถ ย่อมรู้ถึงราคาของมันเป็นอย่างดี

            “ข้ายังไม่รู้ว่าสรรพคุณของมัน จะดีเช่นเจ้าเอ่ยมาหรือไม่” จางฉวนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

            “เช่นนั้นเอาไปใช้ดูก่อนหนึ่งเม็ด เดือนหน้าข้าจะมาใหม่” นางไม่สนใจสายตาสุดแสนเสียดายของอีกฝ่าย

            “แม่นางหยุดก่อน”

            “ท่านมีอันใดอีก”

            “หากยานี่ได้ผล ข้าจะติดต่อแม่นางได้ที่ไหน ขอรู้ชื่อแซ่และที่อยู่ได้หรือไม่ ท่านเรียกข้าว่าเถ้าแก่จางเหมือนผู้อื่นเถอะ”

            “เถ้าแก่จางท่านลืมกฎของข้าไปแล้วรึ ห้ามอยากรู้อยากเห็นตัวตนของข้า อีกหนึ่งเดือนข้าจะกลับมาที่นี่อีก เอาตามนี้แหละ”

            นางมั่นใจในโอสถของตัวเอง แม้ยังไม่เคยได้ลองใช้จริงจังสักครั้งก็เถอะ

            หลี่เมิ่งเหยาเดินออกจากหอโอสถประจำเมืองฉางไป นางตรงไปตรวจตรา ดูกิจการให้เช่าเรือนค้าขาย คนงานทั่วไปไม่รู้จักนาง จึงต้องยื่นป้ายเจ้าของกิจการให้ดู ไม่ช้าผู้ดูแลร้านของแต่ละแห่งก็ออกมาต้อนรับนาง พร้อมกับรายงานสถานการณ์ปัจจุบัน ให้นางรับรู้

            เมื่อเสร็จธุระหมดแล้ว นางจึงตรงกลับเรือนไป หลี่เมิ่งเหยายามนี้ใบหน้างดงาม ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ราวตุ๊กตาผิวกระเบื้องเคลือบ นางเดินเข้าไปภายในเรือน มองหาน้องชายตัวน้อยของตนเป็นอันดับแรก

            “พี่หญิงใหญ่กลับมาแล้ว” หลี่ชงหยวนในวัยสี่ขวบ ใช้ขาสั้นป้อมวิ่งมาหาพี่สาวของตน

            “เสี่ยวหยวนเดี๋ยวหกล้ม !”

            ไม่ทันแล้วเจ้าตัวน้อยพุ่งตัว ราวลูกธนูเข้าใส่นาง ทำให้นางต้องเอื้อมแขนออกไป โอบรัดตัวเขาเอาไว้แน่น ๆ

            “พี่หญิงใหญ่เหตุใดไม่พาข้าไปด้วยเล่า”

            เจ้าของใบหน้ากลมอวบทำแก้มพองใส่พี่สาว

            “ข้าไปทำธุระ เจ้าไปด้วยก็ไม่สนุกหรอก เอาไว้วันหลังข้าจะพาไปเที่ยวเล่นข้างนอกดีหรือไม่”

            “เย้ ๆ แต่พี่ใหญ่ห้ามผิดคำพูดเชียวนะ ไม่เช่นนั้นข้าจะโกรธท่านจริง ๆ ด้วย”

            “ได้ ๆ”

            เดิมทีนางต้องการเลี้ยงดูน้องชายอย่างเข้มงวด แต่ไหนเลยจะรู้ว่า เพียงแค่เขาเอ่ยออดอ้อนนิดเดียว หัวใจของนางก็อ่อนยวบลงไปกองอยู่บนพื้น

            เจ้าเด็กหน้าเหม็นนี่ น่ารักน่าชังเกินไปแล้ว นางฟัดแก้มซาลาเปาสองก้อนของเขาอย่างมันเขี้ยว

            “พี่หญิงใหญ่ ! ท่านแม่สอนว่าบุรุษกับสตรีห้ามถูกเนื้อต้องตัวกัน แต่ท่านชอบหอมแก้มข้าตลอดเลย ใครที่ไหนจะนับถือข้าเป็นบุรุษกันเล่า”

            “นี่มันคำพูดของเด็กสี่ขวบหรือไง ไม่อยากให้ข้าหอมรึ นี่แนะ ฟอด ! ฟอด !”

            เสี่ยวหยวนหัวเราะจนหน้าแดงก่ำ แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้น แต่ในใจเขารู้สึกมีความสุขทุกครั้ง ที่ถูกพี่สาวหอมแก้ม เขากอดคอนางเอาไว้แน่น ๆ แล้วกระซิบตรงหูนางเบา ๆ

            “พี่หญิงใหญ่บ้านข้าง ๆ เรา มีคนกลับมาอยู่แล้วนะ”

            “หืม หลังไหน”

            “หลังนั้น” เด็กน้อยชี้นิ้วไปเรือนหลังที่อยู่ฝั่งขวามือ

            หลี่เมิ่งหยวนหวนระลึกถึงใบหน้า ของคุณชายสามผู้นั้น ผ่านมาห้าปีแล้วนางจำใบหน้าของคนผู้นั้น ไม่ค่อยได้เหมือนกัน

            “เสี่ยวหยวนเจ้ารู้ได้อย่างไร” ตัวเขาเล็กเพียงนี้ไม่สามารถมองเห็นคน ที่อยู่ในเรือนด้านข้างได้อย่างแน่นอน

            เสี่ยวหยวนยิ้มแก้เขินเล็กน้อย “เอ่อ คือว่า”

            ท่าทางเช่นนี้ ไม่พ้นทำความผิดมาอย่างแน่นอน “เจ้ามุดทางหมาลอดอีกแล้วใช่ไหม”

            “ขะข้าไม่ได้ตั้งใจ”

            เสียงเขาแผ่วเบาเพราะกลัวถูกทำโทษ

            “พอดีลูกบอลของข้าลอยข้ามกำแพงไป ข้าก็แค่ไปเก็บกลับคืนมาเท่านั้นเอง” เอ่ยแล้วหลบสายตาพี่สาวไปทางอื่น

            “เสี่ยวหยวนเล่ามาให้หมด”

            “ก็ได้ ๆ คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ ข้ามุดทางหมาลอดไปเก็บลูกบอล เลยเจอเข้ากับพี่ชายตาบอดคนหนึ่ง เขาถามว่าข้าเป็นใครมาจากไหน ข้าก็บอกไปตามตรง ว่าข้าอยู่บ้านหลังนี้ เป็นลูกชายของท่านแม่ เขาไม่ว่าอะไรให้ขนมข้ามากล่องหนึ่ง ข้าเอาไปให้ท่านแม่แล้ว ตอนนี้ท่านแม่เลยให้ป้าหลู ตุ๋นน้ำแกงไก่ไปมอบให้พวกเขา” หลี่ชงหยวนเล่าจบ ก็หอบหายใจด้วยความเหนื่อย

            “นับว่าท่านแม่ทำถูกแล้ว เจ้าจะไปรับของคนแปลกหน้า มาง่าย ๆ เช่นนี้ไม่ได้”

            “ข้าก็ปฏิเสธแล้ว แต่พี่ชายตาบอดผู้นั้น ยัดขนมใส่มือข้ามา”

            “พี่ชายตาบอดรึ”

            “อื้ม สงสัยขาเป๋ด้วย เห็นเอาแต่นั่งอยู่บนรถเข็น”

            ได้ยินแล้วหลี่เมิ่งเหยาก็อดแปลกใจไม่ได้ ผ่านไปห้าปีเหตุใดคนเรือนนั้น ถึงตาบอดขาเป๋เสียแล้วล่ะ อดนึกถึงเรือนโอสถไม่ได้ มีวิธีการรักษาอาการตาบอด และยาเชื่อมกระดูกแก้ความพิการอยู่

            ไม่ใช่เรื่องของข้าเสียหน่อย

            แต่ว่าเขาเคยให้ตะเกียงกับกระโถนฉี่ข้านี่นา

            ความคิดแตกแยกเป็นสองฝั่ง นางเก็บพับเรื่องนี้เอาไว้ก่อน อุ้มน้องชายเข้าไปหามารดาในห้องโถง เห็นนางกำลังนั่งปักผ้าอยู่กับป้าหลู

            “คุณหนูมาแล้ว” ป้าหลูรีบเข้าไปอุ้มเสี่ยวหยวนมา

            “ท่านแม่ข้าได้ข่าวว่าท่าน ให้ป้าหลูตุ๋นน้ำแกงไก่ ไปให้คนเรือนข้าง ๆ หรือเจ้าคะ”

            “เจ้ารู้ได้อย่างไร อ้อ เสี่ยวหยวนใช่ไหมที่เล่าให้ฟัง” เฉาซูหลิ่งกลอกตาใส่บุตรชายเบา ๆ

            “เพราะเขานั่นแหละไปรับขนมเรือนโน้นมา ข้าเลยต้องให้ป้าหลูตุ๋นน้ำแกงไก่ใส่โสม ให้ลุงจงเอาไปมอบให้แทนคำขอบคุณ เหยาเอ๋อร์เจ้าว่าเราปิดทางหมาลอดนั่นดีไหม ก่ออิฐซ่อมกำแพงตรงนั้นไปเลย”

            “ไม่ดีเจ้าค่ะ กำแพงฝั่งนั้นเป็นของเรือนโน้น เราไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยว แต่ว่าเราปลูกต้นไม้ ปิดช่องทางนั้นเอาไว้ได้”

            “จริงของคุณหนูนะเจ้าคะฮูหยิน ข้าดูไปแล้วกำแพงอยู่ในพื้นที่เรือนฝั่งโน้นจริง ๆ หากเราไปก่ออิฐทับของพวกเขา เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาท ปลูกต้นไม้บังอย่างที่คุณหนูเอ่ยมาก็พอเจ้าค่ะ”

            “เช่นนั้นก็เอาตามนี้ ป้าหลูไปจัดการได้เลย” เฉาซูหลิ่งย่อมรับฟังความเห็นของทุกคน

            หลี่เมิ่งเหยาหันไปทางน้องชาย “เสี่ยวหยวนไปคัดตัวอักษรที่ห้องหนังสือต่อให้เสร็จ”

            “ขอรับพี่หญิงใหญ่” เสี่ยวหยวนน้อยขานรับเสียงค่อย ทำท่าคอตกในทันที

            ป้าหลูเดินจูงมือคุณชายน้อยของเรือน ไปยังห้องหนังสือและนั่งดูแลเขายามคัดลอกตัวอักษร เพราะหากเผลอเมื่อใด เขาจะหลับในทันที

            เหลือเพียงสองแม่ลูก ที่นั่งพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง เฉาซูหลิ่งมองค้อนบุตรสาวเล็กน้อย

            “ท่านแม่มีอะไรก็เอ่ยออกมาตรง ๆ เจ้าค่ะ อย่ามองข้าเช่นนี้”

            “เจ้านี่นะ หลอกข้ามาได้ตั้งหลายปี หากป้าหลูไม่หลุดปากออกมาข้าคงไม่รู้ ว่าเจ้าไปทำกิจการใหญ่โต อยู่ด้านนอกกับลุงจง ไหนเจ้าว่าแค่ทำการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหตุใดถึงเป็นเถ้าแก่ปล่อยเช่าเรือนที่อยู่อาศัยไปได้”

            “ปล่อยเช่าเรือนทำร้านค้าต่างหาก จะว่าไปแล้วหากเพิ่มการปล่อยเช่าเรือนอยู่อาศัยก็ดีไม่น้อย”

            “ยังไม่สำนึกอีก เจ้ายังเห็นข้าเป็นแม่อยู่หรือไม่”

            “ท่านแม่ไม่ใช่ว่าข้าอยากปิดบัง แต่ว่าข้าก็ไม่รู้ว่าทำไปแล้วจะรุ่งหรือจะร่วง ไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจตามไปด้วย ตอนนี้กิจการเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ท่านแม่วางใจได้ลุงจงเก่งมาก หาคนเก่ง ๆ มาดูแลการค้าได้ดีทีเดียว”

            เฉาซูหลิ่งมองบุตรสาวที่เติบใหญ่มาเป็นอย่างดี ไม่มีสักวันที่เด็กคนนี้จะรู้สึกท้อแท้ หรือออกปากบ่นชีวิตที่เป็นอยู่ ดูยามนี้สิ แอบไปทำกิจการค้าขายเสียใหญ่โต แม่อย่างนางกลายเป็นคนโง่เง่าเบาปัญญาไปแล้ว แต่นี่ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ดีหรอกหรือ

            “เอาเถอะเจ้าไม่ขาดทุนก็ดีแล้ว อย่างน้อยเจ้าก็เลี้ยงดูข้ากับเสี่ยวหยวนได้”

            หลี่เมิ่งเหยา “?!”

            ท่านคิดจะเกาะข้ากินไปจนตายหรืออย่างไร

            นางมองมารดาที่มีอายุเพียงสามสิบหกปี ยังมีความงดงามอยู่ราวสาวแรกรุ่น บางครั้งนางก็เสียดายแทนอะไรหลาย ๆ อย่าง

            “มีอะไร” เห็นบุตรสาวมองหน้าตัวเองนิ่ง ๆ เกิดนึกแปลกใจขึ้นมา

            “ท่านแม่ท่านเคยคิดจะมีครอบครัวใหม่หรือไม่ ข้าว่าท่านสามารถหาบุรุษมาครองคู่ได้ไม่ยาก”

            “เหลวไหลอีกแล้ว ข้าเคยบอกแล้ว ข้ายังเป็นอนุภรรยาของพ่อเจ้า หากข้าไปมีบุรุษอื่น คงถูกพวกเขาจับไปใส่กรงหมู ถ่วงน้ำตายอย่างอนาถแน่”

            “ห้าปีมานี้ท่านพ่อไม่เคยสนใจท่านเลย ส่งคนมาถามไถ่ก็ไม่เคย ทั้งที่ก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมากนัก เดินทางสองวันก็ถึงแล้ว ท่านแม่ท่านเลิกหวังเถอะ”

            “เหยาเอ๋อร์ !”

            เฉาซูหลิ่งทำหน้าขัดใจ แต่ก็พูดไม่ออกอยู่เหมือนกัน เพราะสิ่งที่บุตรสาวเอ่ยออกมานั้น เป็นความจริงทุกประการ

            “หากหนังสือปลดปล่อยอนุ รั้งท่านแม่เอาไว้ ให้ข้าไปเจรจาขอกับท่านพ่อดีหรือไม่”

            “เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้เลย ใจข้ามีเพียงพ่อของเจ้าผู้เดียว ไม่คิดมีสามีใหม่ด้วย ไปเลยกลับห้องเจ้าไปเลย” นางโกรธจนตัวสั่น ลุกขึ้นมาชี้นิ้วไปที่ประตู

            โง่เง่าดังเดิมไม่เคยเปลี่ยน

            หลี่เมิ่งเหยาหันหลังเดินจากไปในทันที มารดาผู้นี้ไม่เข้าใจความหวังดีของนางเลย พอเดินไปใกล้จะถึงห้องของตนเอง กลับได้ยินเสียงเหมือนคน กำลังซ่อมแซมบางอย่างจากเรือนหลังด้านข้าง นางดีดตัวขึ้นไปบนต้นไม้สูง ใช้กิ่งไม้ใบไม้บังสายตาผู้คนไว้

            บ่าวรับใช้ราวห้าหกคน มีทั้งบุรุษสตรีและคนชรา พวกเขากำลังทำความสะอาดเรือนอย่างตั้งใจ แต่สีหน้าแววตาของแต่ละคน ดูไม่มีความสุขเท่าใดนัก แบบนี้คงไม่ได้มาแค่พักผ่อน หรือทำงานเหมือนเมื่อหลายปีก่อน คงมาอาศัยอยู่แบบถาวรเลยมากกว่า

            มีเพื่อนบ้านแล้วสินะ

Related chapters

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   8 : เจ้าจะเอ่ยออกมาทำไม ขายหน้าชะมัด     

    8 : เจ้าจะเอ่ยออกมาทำไม ขายหน้าชะมัด ทันใดนั้นสายตานางมองไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง สายตาของเขาเหมือนจะมองมาทางนี้ จึงรีบทิ้งตัวลงมาจากต้นไม้ คนผู้นั้นสายตากว้างไกล เกรงว่าวรยุทธ์สูงส่งอยู่ไม่น้อย หน้าตาคุ้น ๆ แต่นางนึกไม่ออก ว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน รีบเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป ซ่งหลินต๋ารู้สึกเหมือนมีสายตา ของใครบางคนจ้องมองอยู่ ครั้นมองกลับไปก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ผู้ใดมาสอดส่องเรือนคุณชายของเขา ก่อนฉุกคิดขึ้นมาได้ ที่ดินตรอกหนิงอัน เป็นของหยวนเหวินเซียวทั้งหมด ยกเว้นเรือนที่อยู่ด้านข้าง คงคิดมากไปเอง เรือนนั้นน่าจะมีเพียง เด็กและสตรีอาศัยอยู่ ภายในห้องนอนของหยวนเหวินเซียว ยามนี้เขามีผ้าสีขาวผูกปิดดวงตาเอาไว้ เนื่องจากได้รับพิษร้าย จนทำให้ดวงตาทั้งสองข้างบอดสนิท หม่าหลิงเฟยมารดาของเขา กำลังจัดแจงให้บุตรชายขึ้นนอนพักผ่อนบนเตียง “เป็นเพราะข้าทำให้ท่านแม่ต้องพลอยลำบากไปด้วย” เพราะดวงตามองไม่เห็น ทำให้คนในตระกูลนึกรังเกียจ อีกทั้งเขายังเป็นเพียงบุตรชายของฮูหยินรอง ซึ่งบิดาไม่ได้โปรดปรานแม้แต่น้อย “ลำบากอ

    Last Updated : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   9 : ยึดทรัพย์ตระกูลหลี่

    9 : ยึดทรัพย์ตระกูลหลี่พอได้อยู่เพียงลำพัง หยวนเหวินเซียวอดนึกถึงเสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเสี่ยวหยวนไม่ได้ ทำให้หัวใจอันมืดมนของเขาพลันสดชื่นขึ้นมา ย้อนเหตุการณ์ไปยามที่ได้พูดคุย กับเสี่ยวหยวนตัวน้อยนั่น “พี่ชายเหตุใดมีผ้าคาดตาด้วยเล่า” เขาสัมผัสได้ถึงฝ่ามือน้อย ๆ จับตรงต้นขาของเขา ท่าทางคงเขย่งเท้าขึ้นอีกด้วย “ข้ามองไม่เห็น” “อ่อ ที่นั่นมืดมากไหม” “ก็เหมือนตอนเจ้าปิดไฟนอนนั่นแหละ” “ไอหยา เช่นนั้นต้องน่ากลัวแน่ ๆ” “ข้าไม่กลัว” “นี่ ๆ พี่ชายพี่หญิงใหญ่ของข้ารักษาเก่งมาก ตอนที่ข้าหกล้มนางเอายามาทาให้ วันเดียวก็หายเลย ท่านว่าข้าให้นางมารักษาท่านดีหรือไม่” เมื่อเห็นเขาเอาแต่ยิ้ม เสี่ยวหยวนน้อยเลยเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ “ทายาที่ตาท่านวันเดียวต้องหายแน่ ๆ ท่านต้องมองเห็นแน่นอน” หยวนเหวินเซียวยื่นมือไปประคอง ใบหน้ากลมนุ่มนิ่มราวเจ้าก้อนซาลาเปาน้อย จากนั้นอุ้มเขาขึ้นมานั่งอยู่บนตักของตนเอง "พี่ชายท่านจะหนักเอานะ ให้ข้ายืนเองเถอะ" เด็กน้อยรีบขืนตัวออก แต่กลับถูกคนบนรถเข

    Last Updated : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   10 : อยากตายก็เข้ามาสิ

    10 : อยากตายก็เข้ามาสิ เสี่ยวหยวนน้อยเห็นคนวัยเดียวกันก็ใจชื้นขึ้นมา ยกมือขึ้นมาโบกส่ายเล่นกับเขา เด็กน้อยหลี่ซืออี้ยกมือโบกตอบกลับเขาด้วยความเขินอาย จี้ชิวหรงดึงมือน้อย ๆ ของบุตรชายลงแทบไม่ทัน “เจ้าคือเหยาเอ๋อร์รึ” หลี่หงซวนมองหลานสาวตนเองด้วยความประหลาดใจ เด็กน้อยขี้ขลาดขี้กลัวผู้นั้น ใช่คนตรงหน้านี้จริงหรือ “เจ้าค่ะ ข้าคือเหยาเอ๋อร์ คำนับท่านปู่ท่านย่า ท่านพ่อแม่ใหญ่ ท่านลุงรองท่านป้าสะใภ้รอง” นางคำนับให้เพียงผู้อาวุโสเท่านั้น ส่วนคนอื่น ๆ ทำเพียงปรายตามองนิ่ง ๆ “เหยาเอ๋อร์พวกเขาจะไล่เราออกจากเรือน” เฉาซูหลิ่งรีบฟ้องบุตรสาว “เอ๋ ไล่ออกจากเรือน แล้วคืนนี้ข้าจะนอนที่ไหนกันเล่า” เสี่ยวหยวนน้อยเงยหน้าขึ้นมอง คนโน้นทีคนนี้ทีอย่างไม่เข้าใจ “เด็กคนนี้คือ ?” หลี่หย่วนเจ๋อจ้องเสี่ยวหยวนตาเขม็ง เขารู้สึกเหมือนได้พลาดบางอย่างไป เสี่ยวหยวนรีบก้าวเท้าออกมาตรงหน้า “คำนับท่านลุงข้าชื่อหลี่ชงหยวนขอรับ แต่ท่านแม่กับพี่หญิงใหญ่ มักเรียกข้าว่าเสี่ยวหยวน” เจ้าก้อนซาลาเปาน

    Last Updated : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   11 : อี้เอ๋อร์นี่เป็นของขวัญพบหน้าจากพี่สาว  

    11 : อี้เอ๋อร์นี่เป็นของขวัญพบหน้าจากพี่สาว หลี่เมิ่งเหยาให้มารดาพาน้องชายกับป้าหลู เข้าไปสอบถามเรื่องเช่าเรือนกับหม่าหลิงเฟย ให้ลุงจงทำหน้าที่ขนของขึ้นรถม้าเพียงลำพัง ส่วนตัวนางเดินไปทวงหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยากับบิดา “เหลวไหล ! นี่ไม่ใช่เรื่องที่เด็กจะมาพูดกับผู้ใหญ่ได้” ฮูหยินผู้เฒ่าตวาดใส่นางเสียงดังลั่น อารมณ์โกรธก่อนหน้ายังไม่จางลง กลับถูกนางทำให้ปะทุขึ้นอีกครั้ง “ข้าไม่ได้มาขอเฉย ๆ แต่ข้ามีของมาแลกเปลี่ยน” หลี่เมิ่งเหยาไม่ได้มีท่าที กลัวพวกเขาแม้แต่น้อย หลี่หวงซวนรู้สึกไม่รู้จักหลานสาวผู้นี้ของตนจริง ๆ “เจ้าว่ามามีอะไรมาแลกเปลี่ยน” หลี่เมิ่งเหยากระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “พวกท่านรู้หรือไม่ยามที่ข้ากับท่านแม่ ถูกพวกท่านขับไล่ออกจากจวนมาอยู่ที่นี่ เรือนแห่งนี้มีสภาพผุพังเพียงใด แม้แต่ห้องสุขายังไม่มีด้วยซ้ำ ข้าเสียเงินซ่อมแซมไปก็มากโข กระทั่งเครื่องเรือนที่พวกท่านเห็นอยู่นี่ ก็ซื้อใหม่ทั้งหมด พวกท่านทิ้งเรือนไปเสียนาน โจรขโมยมาลักของไปจนเกลี้ยง” นางเอ่ยแล้วก็เดินไปเคาะรูปปั้

    Last Updated : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   12 : สามีที่ดีคือสามีใหม่นะท่านแม่    

    12 : สามีที่ดีคือสามีใหม่นะท่านแม่ หลังจัดแจงที่พัก ให้ครอบครัวของเฉาซูหลิ่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่นมหูยกของว่างกับน้ำชา มาให้หม่าหลิงเฟยในห้องนั่งเล่น “ฮูหยินท่านใจอ่อนไปแล้วนะเจ้าคะ” มีความห่วงใยในน้ำเสียงของแม่นมหู หม่าหลิงเฟยอมยิ้มในหน้า “ท่านก็กังวลเกินเหตุ ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าเรือนหลังนี้เงียบเหงาเกินไป หากมีเสี่ยวหยวนคอยวิ่งเล่นรอบตัวของเหวินเซียว อาจทำให้เขามีความสุข มากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้” นางยังจำภาพรอยยิ้มบาง ๆ ตอนบุตรชายอุ้มเสี่ยวหยวนได้ “เช่นนี้นี่เอง” แม่นมหูพยักหน้าลงเบา ๆ นางถึงแปลกใจว่าเหตุใด ผู้เป็นนายถึงยอมให้เพื่อนบ้าน ที่รู้จักกันเพียงไม่กี่วัน เข้ามาอยู่อาศัยด้วย เป็นเพราะต้องการให้รอบตัวของบุตรชาย ไม่เงียบเหงาจนเกินไปนี่เอง หม่าหลิงเฟยยกถ้วยชาขึ้นจิบ นอกจากนั้นยังรู้สึกถูกชะตากับเฉาซูหลิ่ง นางดูไร้พิษสงอีกทั้งยังเป็นเพียงอนุ ที่ถูกผู้อื่นหลอกใช้ จนทำให้ตัวเองกับบุตรสาวต้องลำบาก นี่มันไม่ได้ต่างอันใดกับตัวนางเลยสักนิด ต่างก็ถูกทอดทิ้งทั้งแม่ทั้งลูกเหมือนกัน

    Last Updated : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   13 : นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก

    13 : นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก ในใจของหลี่ปิงซืออดเสียดายไม่ได้ หากพวกนางยังอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าจะช่วยเหลือตระกูลหลี่ได้หรอกหรือ ไม่น่าหุนหันพลันแล่น ขับไล่พวกนางออกไปเลย ครึ่งชั่วยามต่อมา พ่อบ้านหลัวได้กลับมารายงานผู้เป็นนาย หลังจากได้ไปสอบถามกับผู้คนที่อยู่ละแวกนี้แล้ว “ตระกูลหยวนแห่งเมืองหลวงหรือ” หลี่หวงซวนเคยได้ยินชื่อเสียงพวกเขาอยู่บ้าง “ขอรับนายท่าน ตรอกหนิงอันแห่งนี้ถูกพวกเขากว้านซื้อเอาไว้ทั้งหมด มีเพียงเรือนของนายท่านที่ไม่ได้ถูกซื้อไปขอรับ” “แล้วเป็นใครในตระกูลหยวนที่เป็นเจ้าของเรือนด้านข้าง” “ได้ข่าวว่าเป็นหยวนเหวินเซียว บุตรชายคนที่สามที่เกิดจากฮูหยินรองขอรับ เห็นว่าหม่าหลิงเฟยพาบุตรชาย ย้ายมาอยู่ที่นี่แบบถาวรแล้ว แต่เพราะเหตุผลใดนั้นข้าไม่อาจสืบมาได้ เพราะพวกเขาเพิ่งย้ายมาไม่กี่วันนี้เองขอรับ” “นี่ไม่น่าแปลกหรือ เพิ่งย้ายมาไม่กี่วัน แต่อนุเฉากลับเข้าไปพึ่งพาอาศัยพวกเขาแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เข้าใจ “เลิกเรียกนางว่าอนุเฉาเถอะ นางได้รับหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยาไปแล้ว ต่อไปหากเอ่ยถึงนาง

    Last Updated : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   14 : หาที่ปลูกเรือนหลังใหม่

    14 : หาที่ปลูกเรือนหลังใหม่ สะใภ้ทั้งสองหันไปมองหน้ากัน แล้วหลุบสายตาลงต่ำ พวกนางไม่เคยคิด ว่าการแต่งงานเข้าตระกูลหลี่ จะต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้ หากพวกนางไม่ได้รักสามีด้วยใจจริง หรือหากก่อนหน้าสามีใจร้ายกับพวกนาง คงตัดสินใจรับหนังสือหย่ากลับบ้านเดิมไปแล้ว แต่เมื่อเลือกติดตามสามีมาเช่นนี้ ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น สะใภ้ทั้งสองอยู่คุยกับแม่สามีต่อสักพัก จากนั้นก็ขอตัวกลับไปยังเรือนของตนเอง จี้ชิวหรงเห็นสามีอุ้มบุตรชายเดินเล่นอยู่ในสวน นางพลันยิ้มออกในทันที “ท่านแม่” อี้เอ๋อร์เห็นมารดาก็ชูมือขึ้น คนเป็นแม่อดที่จะยื่นมือเข้าไปอุ้มเขาไม่ได้จริง ๆ “ท่านพี่ไม่ได้ไปกับท่านพ่อพี่รองหรือเจ้าคะ” “ข้าจะไปได้อย่างไรต้องดูแลอี้เอ๋อร์ ไปกันเยอะก็มากความ ให้ท่านพ่อไปกับพี่รองน่ะถูกแล้ว เจ้าไปที่เรือนด้านข้าง ได้เรื่องอะไรมาหรือไม่” “ท่านพี่อยากถามว่าข้าเห็นลูกชายของท่านไหม ก็เอ่ยมาตามตรงเถอะ” “ฮูหยินเหตุใดเอ่ยเช่นนั้นเล่า” “ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่ได้พบพวกเขาหรอก พบเพียงหม่าหลินเฟยเจ้าของเรือ

    Last Updated : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย   

    15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความโลภในดวงตาของเขา พวกเถ้าแก่เป็นเช่นนี้ทุกคนหรือไม่ “ใครก็ช่วยหาไม่ได้หรอก มีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าไปสถานที่แห่งนั้นได้” สมุนไพรบางตัวมีอยู่บนยอดภูเขา ในกำไลหยกโลกันตร์เท่านั้น ไหนเลยนางจะรู้ได้ว่า ข้างนอกนี่มีหรือไม่ “เช่นนั้นรึ เรามาว่าเรื่องของราคากันเถอะ” เถ้าแก่จางเกรงว่านางจะเปลี่ยนใจ ยิ่งได้รู้ว่านางนำยามาขายให้เพียงห้าเม็ดเท่านั้น จึงเสนอราคาไปที่เม็ดละหนึ่งพันตำลึง ซึ่งนางก็ไม่ได้ต่อรองราคาแต่อย่างใด มอบยาแล้วรับเงิน จากไปในทันที กระทั่งสัญญาซื้อขายก็ไม่คิดเขียนด้วยซ้ำ “พิลึกคนจริง ๆ เจ้าตามสะกดรอยนางไป ข้าอยากรู้ว่านางอยู่ที่ใดกันแน่” เขาหันไปสั่งคนของตัวเอง หลี่เมิ่งเหยาที่ฝึกฝีมือ ในเรือนโลกันตร์มาตลอดห้าปีเต็ม อีกทั้งมีลุงจงคอยสอนวรยุทธ์อยู่ด้านนอก มีหรือจะถูกสะกดรอยได้ง่ายดายปานนั้น นางหลบหนีเขาพ้นได้อย่างง่ายดาย ความอยากรู้อยากเห็นไม่เลือกคนสินะ ฝ่ายคนที่ไล่ตามนาง กลับไปรายงานด้วยสีหน้าสลด เถ้าแก่จางรีบโบกม

    Last Updated : 2024-12-10

Latest chapter

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   20 : กับคนข้าไม่เคยใช้ แต่กับสัตว์ได้ผลดีนักเชียวล่ะ

    20 : กับคนข้าไม่เคยใช้ แต่กับสัตว์ได้ผลดีนักเชียวล่ะ ส่วนเรือนที่อยู่ด้านข้างนั้น ลุงจงออกไปดูแลการซ่อมแซมปรับปรุงเรือนที่เพิ่งซื้อมา เขาต้องทำตามแบบร่างของผู้เป็นนายอย่างจริงจัง ด้านหลี่เมิ่งเหยากำลังเริ่มต้น ทำการรักษาให้แก่หยวนเหวินเซียว “คุณชายท่านคิดใหม่ยังทันนะขอรับ” คนที่เป็นเดือดเป็นร้อนมากที่สุด กลับเป็นซ่งหลินต๋า เขาแทบจะยืนขวางทางหลี่เมิ่งเหยาเอาไว้ “ระหว่างขากับตา จะรักษาตรงไหนก่อน” หลี่เมิ่งเหยาเตรียมของออกมาจากเรือนโอสถ นอกจากโอสถแล้วยังมีตำรามาด้วยอีกเล่ม เผื่อไว้ก่อนไม่เสียหาย “คุณชาย” “พอได้แล้วหลินต๋า ข้าตัดสินใจรักษากับเมิ่งเหยาแล้ว เจ้าแค่คอยดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ต้องเข้ามายุ่งให้มากนัก” แม้ใจหนึ่งจะหวาดหวั่นแต่อีกใจก็อยากลองดูสักครั้ง “รักษาตาก่อนแล้วกัน” “อื้ม ข้าว่าเจ้า ออกไปนั่งรอตรงนั้นก่อนดีหรือไม่” นางหันไปยักคิ้วให้ซ่งหลินต๋าหนึ่งที “ไม่ ข้าจะอยู่ข้าง ๆ คุณชาย เผื่อเกิดเรื่องขึ้น” “เจ้ายืนจ้องข้าอยู่แบบนี้ ข้า

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   19 : เห็นว่าพี่เหวินเซียวของเจ้าพิการ เลยส่งคนมาถอนหมั้น

    19 : เห็นว่าพี่เหวินเซียวของเจ้าพิการ เลยส่งคนมาถอนหมั้น ในเรือนของหยวนเหวินเซียว ฉีห้าวตงได้มารายงานเรื่องของตระกูลโจวแล้ว หลังได้ยินว่าพวกเขาส่งคนมาถอนหมั้น หยวนเหวินเซียวไม่ได้แสดงออกว่าแปลกใจแต่อย่างใด เพียงแค่ถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา “คุณหนูใหญ่ไม่น่าเป็นคน อยากถอนหมั้นหรอกขอรับ ข้าคิดว่าคงเป็นบิดามารดาของนางมากกว่า” ซ่งหลินต๋าเอ่ย “เจ้าเป็นนางรึ ถึงได้เข้าใจความคิดของนาง” เอ่ยแล้วทำให้นึกถึงใบหน้างดงามของโจวหยุนเอ๋อ เขาได้พูดคุยกับนางอยู่สองสามหน ท่าทางสุภาพเรียบร้อย เป็นสตรีผู้เพียบพร้อมทุกด้าน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนางเหมือนกัน “คุณชายข้าเพียงแค่เห็นว่าคุณหนูใหญ่ นางดูรักใคร่ชอบพอคุณชายมาก คงไม่ได้คิดถอนหมั้นจริง ๆ” ซ่งหลินต๋าพยายามปลอบใจผู้เป็นนาย “จะมีสตรีคนใด อยากมาอยู่กับคนตาบอดขาพิการเช่นข้าไปตลอดชีวิต หากนางอยากทิ้งข้าไป ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด” คำพูดคล้ายปลงตก แต่ความรู้สึกกับแตกสลายไม่มีชิ้นดี “ท่านแม่คงไม่ได้ชวนพวกนางทะเลาะหรอกนะ” เขาเอ่ยต่อ “คงมีบ้างขอรับ แต่น่าแปลกท

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   18 : ท่านแม่ข้าคิดว่าน้องสะใภ้สามไม่จริงใจกับพวกเราตระกูลหลี่

    18 : ท่านแม่ข้าคิดว่าน้องสะใภ้สามไม่จริงใจกับพวกเราตระกูลหลี่ ตระกูลจี้เป็นตระกูลใหญ่ นายท่านจี้เองมีสามภรรยาสี่อนุ และบุตรหลานอีกมากมาย ยามนี้บุตรีจากภรรยาเอก ออกเรือนมาแล้วพบเจอกับปัญหาเข้า พวกนางต่างจ้องจับผิดเรื่องนี้กันอยู่ ทำให้ฮูหยินใหญ่ ไม่สามารถช่วยเหลือบุตรสาวได้อย่างเต็มที่ แม่นมอวี่เอ่ยต่อ “หากเป็นไปได้เงินนี่ ให้ใช้แค่เรือนของคุณหนูก็พอเจ้าค่ะ” “ทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้ากินอยู่กับทุกคนที่นี่ ท่านจะให้ข้าเห็นแก่ตัว แอบเก็บเงินไว้ใช้คนเดียวได้อย่างไร ข้าทำไม่ได้หรอก” จี้ชิวหรงปฏิเสธในทันที “หากทำไม่ได้ก็นำออกมามอบให้พวกเขาแค่ส่วนหนึ่งพอ ที่เหลือให้เก็บเอาไว้ใช้ในเรือน ท่านไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอกเจ้าค่ะ คุณหนูต้องคิดถึงคุณชายน้อยให้มาก ๆ นะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าตระกูลหลี่จะฟื้นคืนมาได้เมื่อใด” จี้ชิวหรงคิดตามที่แม่นมอวี่เอ่ย นางค่อนข้างเห็นด้วยในเรื่องนี้ ตระกูลหลี่ยังมีอีกหลายชีวิตให้ดูแล ลำพังเงินที่พ่อสามีของนางมีอยู่คงไม่เพียงพอ “คงต้องทำเช่นนั้นจริง ๆ” แม่นมอวี่ถามถึงเฉาซูหลิ่งกับลูกสาวของนาง พอได้รู้ความจริงท

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   17 : ไม่รู้ตระกูลจี้มอบความช่วยเหลือมาหรือไม่

    17 : ไม่รู้ตระกูลจี้มอบความช่วยเหลือมาหรือไม่ “ข้าถึงได้มาคุยกับท่านด้วยตัวเองนี่อย่างไร ข้ารับรองยาของข้าไม่มีทางเป็นอันตราย ต่อร่างกายของท่านอย่างแน่นอน” หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความสิ้นหวังในท่าทางของเขา “ข้าขอดูดวงตาของท่านได้หรือไม่” “มีอะไรให้น่าดูกัน” “ข้าจะได้รู้ว่าอาการเป็นอย่างไร ยาที่ข้ามีอยู่หรือว่ากำลังจะปรุงขึ้น สามารถใช้ได้ไหม ว่าแต่พิษนั่นชื่อว่าอะไร” ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าเขาโดนพิษร้ายมาอย่างแน่นอน “บอกมาเถอะนะ ข้าอยากช่วยท่านจริง ๆ” นางเขย่ามือของเขาเบา ๆ อีกฝ่ายวางฝ่ามือของตนลงบนมือของนาง จับยกออกพร้อมเอ่ย “เป็นพิษฟู่จื่อทำให้ดวงตามองไม่เห็น ส่วนขานั้นเกิดจากข้าวิงเวียนตอนได้รับพิษ ทำให้ร่างกายไร้ความรู้สึก พลัดตกจากบันไดสูงลงไปจนขาหัก ท่านหมอเชื่อมกระดูกให้แล้ว แต่ว่าไม่สามารถเดินเหินได้ดังเดิม” เขาใจอ่อนยอมบอกให้ที่สุด “พิษฟู่จื่อ” นางเอ่ยแล้วดวงตามีแววแห่งความหวัง นางจำพิษนี้ได้ คงต้องมีปริมาณมากถึงทำให้ตาบอดได้ “ข้าจะไปศึกษาพิษฟู่จื่อให้เข้าใจ จากนั้นค่อยหาวัตถุดิบในการปรุงยา ท่านวางใจเถอะข้าต้อ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   16 : ท่านอยากเป็นหนูลองยาของข้าหรือไม่

    16 : ท่านอยากเป็นหนูลองยาของข้าหรือไม่ หลี่เมิ่งเหยาเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับน้องชาย ยกนิ้วขึ้นไล้แก้มนุ่มนิ่มของเขาอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่ได้ซื้อมาให้น้องชายอีกคนหรอก เอามาเผื่อยามเจ้าไม่อิ่มต่างหาก” “เช่นนั้นรึ” เขาแลบลิ้นเลียผลชานจาสด ที่ถูกเคลือบด้วยน้ำตาลกรวดอย่างเอร็ดอร่อย “แปลกจริง ยังไม่ถึงหน้าหนาวเลย มีผลชานจาแล้ว” นางนึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย “จริงด้วยขอรับ หรือว่าปีนี้จะหนาวเร็วกว่าทุกปี ผลชานจาเลยสุกเร็ว” จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง จนนางตามแทบไม่ทัน มองเขากินปิงถังหูลู่อย่างสุขใจ แต่แล้วเขาก็หยุดกินแล้วเอ่ยขึ้น “พี่หญิงใหญ่” “หืม” “ข้าเอาไปแบ่งให้น้องชายได้หรือไม่” เด็กน้อยช่างไร้เดียงสา เสี่ยวหยวนเป็นเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวมาตลอด จู่ ๆ เกิดมีน้องชายขึ้นมา เลยอยากแบ่งปันของกินให้ด้วย นางคุกเข่าลงตรงหน้าของน้องชาย จับไหล่น้อย ๆ ของเขาแล้วลูบลงตามลำตัว “เสี่ยวหยวนน้องชายยังเล็ก อาจยังไม่มีฟันแข็งแรงพอ ให้แทะปิงถังหูลู่ของเจ้า เอาไว้ให้เขาโตขึ้นอีกหน่อย ค่อยแบ่งให้เขาดีหร

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย   

    15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความโลภในดวงตาของเขา พวกเถ้าแก่เป็นเช่นนี้ทุกคนหรือไม่ “ใครก็ช่วยหาไม่ได้หรอก มีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าไปสถานที่แห่งนั้นได้” สมุนไพรบางตัวมีอยู่บนยอดภูเขา ในกำไลหยกโลกันตร์เท่านั้น ไหนเลยนางจะรู้ได้ว่า ข้างนอกนี่มีหรือไม่ “เช่นนั้นรึ เรามาว่าเรื่องของราคากันเถอะ” เถ้าแก่จางเกรงว่านางจะเปลี่ยนใจ ยิ่งได้รู้ว่านางนำยามาขายให้เพียงห้าเม็ดเท่านั้น จึงเสนอราคาไปที่เม็ดละหนึ่งพันตำลึง ซึ่งนางก็ไม่ได้ต่อรองราคาแต่อย่างใด มอบยาแล้วรับเงิน จากไปในทันที กระทั่งสัญญาซื้อขายก็ไม่คิดเขียนด้วยซ้ำ “พิลึกคนจริง ๆ เจ้าตามสะกดรอยนางไป ข้าอยากรู้ว่านางอยู่ที่ใดกันแน่” เขาหันไปสั่งคนของตัวเอง หลี่เมิ่งเหยาที่ฝึกฝีมือ ในเรือนโลกันตร์มาตลอดห้าปีเต็ม อีกทั้งมีลุงจงคอยสอนวรยุทธ์อยู่ด้านนอก มีหรือจะถูกสะกดรอยได้ง่ายดายปานนั้น นางหลบหนีเขาพ้นได้อย่างง่ายดาย ความอยากรู้อยากเห็นไม่เลือกคนสินะ ฝ่ายคนที่ไล่ตามนาง กลับไปรายงานด้วยสีหน้าสลด เถ้าแก่จางรีบโบกม

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   14 : หาที่ปลูกเรือนหลังใหม่

    14 : หาที่ปลูกเรือนหลังใหม่ สะใภ้ทั้งสองหันไปมองหน้ากัน แล้วหลุบสายตาลงต่ำ พวกนางไม่เคยคิด ว่าการแต่งงานเข้าตระกูลหลี่ จะต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้ หากพวกนางไม่ได้รักสามีด้วยใจจริง หรือหากก่อนหน้าสามีใจร้ายกับพวกนาง คงตัดสินใจรับหนังสือหย่ากลับบ้านเดิมไปแล้ว แต่เมื่อเลือกติดตามสามีมาเช่นนี้ ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น สะใภ้ทั้งสองอยู่คุยกับแม่สามีต่อสักพัก จากนั้นก็ขอตัวกลับไปยังเรือนของตนเอง จี้ชิวหรงเห็นสามีอุ้มบุตรชายเดินเล่นอยู่ในสวน นางพลันยิ้มออกในทันที “ท่านแม่” อี้เอ๋อร์เห็นมารดาก็ชูมือขึ้น คนเป็นแม่อดที่จะยื่นมือเข้าไปอุ้มเขาไม่ได้จริง ๆ “ท่านพี่ไม่ได้ไปกับท่านพ่อพี่รองหรือเจ้าคะ” “ข้าจะไปได้อย่างไรต้องดูแลอี้เอ๋อร์ ไปกันเยอะก็มากความ ให้ท่านพ่อไปกับพี่รองน่ะถูกแล้ว เจ้าไปที่เรือนด้านข้าง ได้เรื่องอะไรมาหรือไม่” “ท่านพี่อยากถามว่าข้าเห็นลูกชายของท่านไหม ก็เอ่ยมาตามตรงเถอะ” “ฮูหยินเหตุใดเอ่ยเช่นนั้นเล่า” “ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่ได้พบพวกเขาหรอก พบเพียงหม่าหลินเฟยเจ้าของเรือ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   13 : นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก

    13 : นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก ในใจของหลี่ปิงซืออดเสียดายไม่ได้ หากพวกนางยังอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าจะช่วยเหลือตระกูลหลี่ได้หรอกหรือ ไม่น่าหุนหันพลันแล่น ขับไล่พวกนางออกไปเลย ครึ่งชั่วยามต่อมา พ่อบ้านหลัวได้กลับมารายงานผู้เป็นนาย หลังจากได้ไปสอบถามกับผู้คนที่อยู่ละแวกนี้แล้ว “ตระกูลหยวนแห่งเมืองหลวงหรือ” หลี่หวงซวนเคยได้ยินชื่อเสียงพวกเขาอยู่บ้าง “ขอรับนายท่าน ตรอกหนิงอันแห่งนี้ถูกพวกเขากว้านซื้อเอาไว้ทั้งหมด มีเพียงเรือนของนายท่านที่ไม่ได้ถูกซื้อไปขอรับ” “แล้วเป็นใครในตระกูลหยวนที่เป็นเจ้าของเรือนด้านข้าง” “ได้ข่าวว่าเป็นหยวนเหวินเซียว บุตรชายคนที่สามที่เกิดจากฮูหยินรองขอรับ เห็นว่าหม่าหลิงเฟยพาบุตรชาย ย้ายมาอยู่ที่นี่แบบถาวรแล้ว แต่เพราะเหตุผลใดนั้นข้าไม่อาจสืบมาได้ เพราะพวกเขาเพิ่งย้ายมาไม่กี่วันนี้เองขอรับ” “นี่ไม่น่าแปลกหรือ เพิ่งย้ายมาไม่กี่วัน แต่อนุเฉากลับเข้าไปพึ่งพาอาศัยพวกเขาแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เข้าใจ “เลิกเรียกนางว่าอนุเฉาเถอะ นางได้รับหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยาไปแล้ว ต่อไปหากเอ่ยถึงนาง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   12 : สามีที่ดีคือสามีใหม่นะท่านแม่    

    12 : สามีที่ดีคือสามีใหม่นะท่านแม่ หลังจัดแจงที่พัก ให้ครอบครัวของเฉาซูหลิ่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่นมหูยกของว่างกับน้ำชา มาให้หม่าหลิงเฟยในห้องนั่งเล่น “ฮูหยินท่านใจอ่อนไปแล้วนะเจ้าคะ” มีความห่วงใยในน้ำเสียงของแม่นมหู หม่าหลิงเฟยอมยิ้มในหน้า “ท่านก็กังวลเกินเหตุ ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าเรือนหลังนี้เงียบเหงาเกินไป หากมีเสี่ยวหยวนคอยวิ่งเล่นรอบตัวของเหวินเซียว อาจทำให้เขามีความสุข มากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้” นางยังจำภาพรอยยิ้มบาง ๆ ตอนบุตรชายอุ้มเสี่ยวหยวนได้ “เช่นนี้นี่เอง” แม่นมหูพยักหน้าลงเบา ๆ นางถึงแปลกใจว่าเหตุใด ผู้เป็นนายถึงยอมให้เพื่อนบ้าน ที่รู้จักกันเพียงไม่กี่วัน เข้ามาอยู่อาศัยด้วย เป็นเพราะต้องการให้รอบตัวของบุตรชาย ไม่เงียบเหงาจนเกินไปนี่เอง หม่าหลิงเฟยยกถ้วยชาขึ้นจิบ นอกจากนั้นยังรู้สึกถูกชะตากับเฉาซูหลิ่ง นางดูไร้พิษสงอีกทั้งยังเป็นเพียงอนุ ที่ถูกผู้อื่นหลอกใช้ จนทำให้ตัวเองกับบุตรสาวต้องลำบาก นี่มันไม่ได้ต่างอันใดกับตัวนางเลยสักนิด ต่างก็ถูกทอดทิ้งทั้งแม่ทั้งลูกเหมือนกัน

DMCA.com Protection Status