หน้าหลัก / โรแมนติก / บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง / 15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย   

แชร์

15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย   

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-10 17:22:46

15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย          

            หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความโลภในดวงตาของเขา พวกเถ้าแก่เป็นเช่นนี้ทุกคนหรือไม่

            “ใครก็ช่วยหาไม่ได้หรอก มีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าไปสถานที่แห่งนั้นได้” สมุนไพรบางตัวมีอยู่บนยอดภูเขา ในกำไลหยกโลกันตร์เท่านั้น ไหนเลยนางจะรู้ได้ว่า ข้างนอกนี่มีหรือไม่

            “เช่นนั้นรึ เรามาว่าเรื่องของราคากันเถอะ”

            เถ้าแก่จางเกรงว่านางจะเปลี่ยนใจ ยิ่งได้รู้ว่านางนำยามาขายให้เพียงห้าเม็ดเท่านั้น จึงเสนอราคาไปที่เม็ดละหนึ่งพันตำลึง ซึ่งนางก็ไม่ได้ต่อรองราคาแต่อย่างใด มอบยาแล้วรับเงิน จากไปในทันที กระทั่งสัญญาซื้อขายก็ไม่คิดเขียนด้วยซ้ำ

            “พิลึกคนจริง ๆ เจ้าตามสะกดรอยนางไป ข้าอยากรู้ว่านางอยู่ที่ใดกันแน่” เขาหันไปสั่งคนของตัวเอง

            หลี่เมิ่งเหยาที่ฝึกฝีมือ ในเรือนโลกันตร์มาตลอดห้าปีเต็ม อีกทั้งมีลุงจงคอยสอนวรยุทธ์อยู่ด้านนอก มีหรือจะถูกสะกดรอยได้ง่ายดายปานนั้น นางหลบหนีเขาพ้นได้อย่างง่ายดาย

            ความอยากรู้อยากเห็นไม่เลือกคนสินะ

            ฝ่ายคนที่ไล่ตามนาง กลับไปรายงานด้วยสีหน้าสลด เถ้าแก่จางรีบโบกมือให้เขาออกไป ดวงตาฉายแววไม่สบายใจขึ้นมา หากแม่นางหลี่โกรธ จนเลิกค้าขายกับตนเล่า หาเรื่องใส่ตัวเองเข้าแล้ว

            หลี่เมิ่งเหยาเปลี่ยนเสื้อคลุม เก็บหมวกตาข่ายเอาไว้ นางไปรอที่ภัตตาคารที่นัดหมายกับลุงจง ราวสองเค่อลุงจงก็ปรากฏตัว พร้อมกับแผนที่ ของสถานที่ที่นายหน้าพาไปดู

            “ข้าเห็นว่าสองผืนนี่กำลังเหมาะขอรับคุณหนู” ลุงจงชี้นิ้วไปบนแผนที่ตรงหน้า

            “อืม ตรงนี้ข้าเคยเห็นแล้วแม้จะทำเลดี แต่ผู้คนรอบข้างไม่ดีเท่าใดนัก กลางคืนจะมีพวกนักเลงอันธพาล มามั่วสุมกันบ่อย ๆ เกรงว่าจะไม่เหมาะ”

            นางรู้เพราะเคยพลัดหลงไปทางนั้น ในคืนเทศกาลหยวนเซียวเมื่อปีก่อน นางเลยปัดที่แรกทิ้งไป เหลือเพียงที่อีกผืนที่นางยังไม่เคยสำรวจ “พาข้าไปดูที่นี่”

            ทำเลที่ลุงจงพามาดูนั้น อยู่ห่างจากตอกหนิงอันไปราวสองลี้ นับว่าไม่ใกล้ไม่ไกลจากเรือนหลังเดิม

            “ที่นี่คือตรอกหลันเซ่อขอรับ เดิมทีเป็นแหล่งรวมที่อยู่อาศัยของตระกูลเศรษฐีในเมืองฉาง แต่ยามนี้ตระกูลพวกนั้น ต่างย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองหลวงเป็นส่วนใหญ่ เหลือเพียงบ่าวไพร่เก่าแก่ดูแลเรือนอยู่ที่นี่ นับไปแล้วมีเรือนอยู่ราวสี่หลังขอรับ หลังที่เปิดขายอยู่ด้านในสุด เป็นของตระกูลกู้เขามีบุตรสาวเพียงคนเดียว ออกเรือนไปอยู่กับตระกูลสามีที่เมืองหลวง บิดามารดาล้วนเป็นห่วง จึงได้ขายเรือนย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงด้วยกัน ข้าเห็นว่าเรือนยังมีสภาพดีอยู่ บางทีคุณหนูอาจไม่ต้องสร้างใหม่ก็เป็นได้” ลุงจงชี้แนะด้วยความหวังดี

            “เป็นจริงดังที่ลุงจงว่ามา เรือนอีกสามหลังยังมีบ่าวไพร่อยู่ดูแล คงไม่เงียบเหงาเหมือนตรอกหนิงอัน” นางเดินสำรวจตลอดทั้งตรอกแล้ว พบว่าเป็นสถานที่ที่ดีอยู่ไม่น้อย

            “ขอรับคุณหนู”

            “เข้าไปดูในเรือนได้หรือไม่ ข้าอยากรู้ว่าภายในเป็นอย่างไร มองแค่ภายนอกยังดูไม่ออก”

            “ได้ขอรับข้านัดนายหน้าไว้แล้ว สักครู่เขาคงมาถึง”

            เมื่อนายหน้ามาถึง ก็พาทั้งคู่ตรวจดูสภาพของเรือนทุกซอกทุกมุม เรือนมีขนาดใหญ่กว่าเรือนในตรอกหนิงอันเกือบเท่าตัว สภาพดูใหม่ราวกับได้รับการดูแลมาอย่างดี

            “หากพวกท่านตัดสินใจซื้อเลย ข้าขายให้ในราคา หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงขอรับ” นายหน้ารีบเสนอราคา

            หลี่เมิ่งเหยาย่นคิ้วเล็กน้อย “หนึ่งพันตำลึงเป็นอย่างไร”

            “แม่นางท่านเอ่ยมา ก็ต่อรองราคาถึงห้าร้อยตำลึง ข้าจะมีหน้าไปตอบเจ้าของเรือนได้อย่างไร” นายหน้าทำท่าหนักอกหนักใจขึ้นมา

            แสดงได้ดี

            “เรือนเก่าก็คือเรือนเก่า ไม้พวกนี้ถูกปลวกเจาะข้างในหรือไม่ใครจะรู้” นางเดินไปเคาะเสาไม้เบา ๆ ทำท่าเหมือนไม่ค่อยอยากได้เท่าไร “เฮ้อ หากซื้อแล้วยังต้องปรับปรุงครั้งใหญ่ ต้องเสียเงินอีกมากโข”

            นางปัดมือที่เปื้อนฝุ่นเบา ๆ มองไปรอบ ๆ คล้ายไม่ใส่ใจเท่าใดนัก

            “แม่นางท่านกำลังทำให้ข้าลำบากใจนะขอรับ”

            “หนึ่งพันตำลึงถ้วน หากไม่ใช่ราคานี้ข้าไม่ซื้อ” นางขยิบตาให้ลุงจงคุยต่อ ส่วนตัวนางเดินออกไปนั่งรออยู่ในรถม้า

            เป็นดังคาดลุงจงตกลงกับนายหน้าค้าที่ ได้ที่หนึ่งพันตำลึงจริง ๆ นางกล้าต่อรองเพราะก่อนหน้า เคยสอบถามราคาเรือนของเมืองฉางมาบ้าง ราคาส่วนใหญ่อยู่ที่หนึ่งพัน ถึงหนึ่งพันสามร้อยตำลึงจริง ๆ แต่หากร้อนเงินต้องการขายด่วน ก็ควรถูกกว่านั้นเล็กน้อย

            “เรือนยังอยู่ในสภาพดี แค่ปรับปรุงเรื่องต่อน้ำมาใช้ กับทำห้องสุขาใหม่ก็พอ”

            “ขอรับคุณหนู”

            ลุงจงเข้าใจในคำพูดของหลี่เมิ่งเหยา ตั้งแต่เขาเข้ามาอยู่กับนางได้ราวครึ่งปี นางก็วาดภาพห้องสุขาแบบใหม่ ที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน นางทำท่อไม้ต่อน้ำเข้ามาใช้ในห้องครัว อีกทั้งความสะดวกสบายมากมายตามมา

            “คุณหนูขอรับเมื่อหลายวันก่อน พ่อบ้านหลัวมาถามข้า เรื่องการใช้น้ำกับห้องสุขาในเรือนด้วย ข้าไม่ได้เรียนคุณหนูไว้ ว่าข้าเข้าไปอธิบายให้พวกเขาฟังแล้ว”

            ลุงจงภายนอกเหมือนคนหน้าตาดุร้าย แต่ภายในจิตใจดีมากเลยทีเดียว เขาคิดว่าในเมืองนี้น่าจะมีเรือนคุณหนูเรือนเดียว ที่ใช้น้ำกับห้องสุขาแปลกใหม่เช่นนี้ กระทั่งตัวเขายังได้รับผลพลอยได้ตามไปด้วย

            “ข้าไม่ว่าอะไรหรอก อย่างไรเสียก็สายเลือดเดียวกันกับข้า ลุงจงทำถูกแล้วล่ะ”

            นางแค่นขำออกมาเบา ๆ นางไม่เดือดร้อนเพราะมีเงินมีทองกองอยู่เต็มเรือนสมบัติ ที่นำมาใช้ยังไม่ถึงเสี้ยวหนึ่ง ของทั้งหมดด้วยซ้ำ

            นางคิดว่านี่คือของรางวัล จากการทะลุเวลามาอยู่ที่นี่ นางไม่มีความรู้มากมายติดตัว เป็นเพียงมนุษย์เดินดินธรรมดา ชื่นชอบดอกไม้จนเปิดร้านเป็นของตัวเอง

            ยุคโบราณเช่นนี้ การจัดดอกไม้สวยงามเป็น จะมีประโยชน์อันใดกัน ทุกคนต่างมุ่งหน้าหาเลี้ยงปากท้องตัวเอง นอกจากนั้นนางไม่รู้อะไรเลย กำไลหยกโลกันตร์นับว่าเป็นของขวัญล้ำค่า ที่ตามมาเพื่อช่วยหาทางออกให้นางจริง ๆ

            “คุณหนูขอรับเงินที่ได้จากการเช่าเรือน คุณหนูให้ข้าไปซื้อเรือนปล่อยเช่าหลังใหม่ที่เมืองหลวง ตอนนี้เงินที่เหลืออยู่ในบัญชี มีเพียงสองพันตำลึงเองนะขอรับ”

            ลุงจงนึกห่วงเรื่องนี้ หากไม่ได้ไปซื้อเรือนที่เมืองหลวงเมื่อสามเดือนก่อน คงมีเงินเหลืออยู่นับสองหมื่นตำลึงเลยทีเดียว แต่ว่าเรือนที่เมืองหลวงราคาแพงเอาเรื่อง

            “ลุงจงไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องเงินข้ามีหนทางหามาได้” ขายทองคำอีกสักแท่งสองแท่งก็พอแล้ว

            “ขอรับคุณหนู”

            แม้ประหลาดใจแต่ก็ไม่คิดละลาบละล้วงถามต่อ หลี่เมิ่งเหยามีความซับซ้อน มากกว่าที่เขาจะเข้าใจได้ นางเหมือนมีบ่อเงินบ่อทองให้ใช้ไม่มีวันหมด แต่กลับไม่รู้ว่าเอามาจากไหนกันแน่

            เมื่อกลับถึงเรือนของหม่าหลินเฟย หลี่เมิ่งเหยาตั้งใจนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวให้นางรับรู้ อย่างไรเสียก็เป็นคนมีน้ำใจดีต่อกัน ทำอะไรย่อมเปิดเผยเป็นการดีที่สุด

            ระหว่างกินข้าวมื้อเย็นอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา นางจึงเล่าเรื่องซื้อเรือน ในตรอกหลันเซ่อให้ทุกคนฟัง

            “เดิมทีข้าคิดจะปลูกเรือนใหม่ แต่ว่าที่นั่นตัวเรือนยังอยู่ในสภาพดี แค่ทำการปรับปรุงก่อนเข้าอยู่เป็นพอ เกรงว่าอาจใช้เวลาร่วมเดือนกว่าจะเข้าอยู่ได้ ต้องรบกวนท่านป้าต่ออีกเป็นเดือน ข้ารู้สึกเกรงใจยิ่งนัก”

            ลำพังแค่ตัวเรือนไม่เท่าไร แต่นางต้องการห้องสุขาสมัยใหม่ ท่อน้ำใช้แบบสะดวกสบาย ย่อมใช้เวลาในการทำ

            “รบกวนอะไรกัน ข้ามีซูหลิ่งอยู่เป็นเพื่อนไม่เงียบเหงาดี เสี่ยวหยวนก็ไปเล่นกับพี่เหวินเซียวทุกวัน นี่ไม่ใช่ว่าทำให้ข้าสองแม่ลูกไม่เหงาหรอกหรือ” หม่าหลินเฟยลอบดีใจอยู่ลึก ๆ อย่างน้อยก็ตั้งหนึ่งเดือนกว่าพวกนางจะจากไป

            “ตรอกหลันเซ่อที่นั่นมีแต่เรือนใหญ่โต ไม่ใช่ราคาแสนแพงหรอกหรือ” หยวนเหวินเซียวนึกแปลกใจ ในฐานะทางการเงินของพวกนาง

            หลี่เมิ่งเหยาเอ่ย “ข้าพอมีเงิน”

            “ข้าบอกพี่ชายหยวนแล้ว ว่าพี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย” เสี่ยวหยวนเอ่ยแทรกขึ้น สีหน้าแววตาแสดงความโอ้อวดออกมา

            “โอ๊ย !” เลยถูกพี่สาวดึงแก้มยืดออกแรง ๆ

            “ใครสั่งสอนให้เจ้าเอ่ยวาจาโอ้อวดเช่นนี้ ข้าเพียงแต่พอมีเงิน ไม่ได้ร่ำรวยเสียหน่อย หัดรู้จักถ่อมตนเสียบ้าง ที่ข้าพูดนี่ เจ้าเข้าใจหรือไม่ !”

            “ขะข้าเข้าใจแล้วพี่หญิงใหญ่”

            เสี่ยวหยวนน้อยถูแก้มเบา ๆ ทำหน้าเศร้าเล็กน้อย เอนตัวไปหาที่พึ่งทางหยวนเหวินเซียวแทน

            “เจ้านี่ก็ดุยังกะอะไรดี” เฉาซูหลิ่งแอบสงสารบุตรชาย

            “ท่านแม่ก็อย่าให้ท้ายเขานักล่ะ” นางขึงสายตามองมารดาเล็กน้อย ก่อนหันไปทางเจ้าของเรือน “ต้องขออภัยพวกท่านด้วย เสี่ยวหยวนยังเด็กไม่รู้ความ”

            “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด เจ้าก็ทำเกินไป”

            หยวนเหวินเซียวตำหนิ นางพร้อมกับลูบศีรษะเสี่ยวหยวนปลอบเขา เพราะมองไม่เห็นจึงไม่รู้ ว่านางทำอันใดกับน้องชายบ้าง

            “ต้องสอนตั้งแต่เด็กนี่แหละ หากโตไปแล้วจะกลายเป็นไม้แก่ดัดยาก”

            “เมิ่งเหยาสั่งสอนน้องชายได้ถูกต้องแล้ว แต่เสี่ยวหยวนเองก็ไม่ได้โอ้อวดอะไรมิใช่หรือ หากเจ้าไม่มีเงินจริง จะไปหาซื้อเรือนในตรอกหลันเซ่อได้อย่างไร” หม่าหลินเฟยไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่าย ไม่ให้คนใดคนหนึ่งผิด

            “เจ้าค่ะท่านป้า” หลี่เมิ่งเหยาอมยิ้มเล็กน้อย

            นางหันไปทางน้องชายพร้อมกับยิ้มหวาน ๆ ให้เขา “เสี่ยวหยวนข้าซื้อปิงถังหูลู่มาฝากด้วย แต่อยู่ในห้องของข้า กินข้าวเสร็จแล้วแวะไปเอาที่ห้องข้าล่ะ”

            เสี่ยวหยวนน้อยตาโตขึ้นในทันที “ข้าจะไปเอาแน่นอน ขอบคุณพี่หญิงใหญ่ขอรับ” เขาเอนตัวกลับมานั่งตรง ใบหน้าเศร้าสร้อยยามแรกหายวับไปกับตา

            หยวนเหวินเซียวรู้สึกว่า สตรีนางนี้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ยิ่งกับน้องชายด้วยแล้ว นางปั่นหัวเขาเป็นว่าเล่น

            หลังมื้อเย็นผ่านพ้นไปเสี่ยวหยวนเดินไปเอาปิงถังหูลู่ที่ห้องพี่สาวจริง ๆ ครั้นเห็นว่ามีสองไม้ เขากลับฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา

            “พี่หญิงใหญ่ซื้อมาให้น้องชายอีกคนใช่ไหม”

            “น้องชายอีกคน ?”

            “ข้ารู้หรอกน่า ผู้ชายคนนั้นเป็นท่านพ่อของพวกเรา เด็กคนนั้นก็เป็นน้องชายของพวกเราด้วย”

            หลี่เมิ่งเหยาไม่คิดว่าเด็กน้อยอายุสี่ขวบ จะสามารถเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วย “เจ้ารู้ได้อย่างไร”

            “พวกเขาคุยกัน ข้าก็เข้าใจ” เสี่ยวหยวนได้ยินมารดาคุยกับป้าหลู ได้ยินหม่าหลินเฟยคุยกับบุตรชาย แม้เขาตั้งใจคัดลายมือ แต่หูของเขา ก็รับรู้ได้ทุกเรื่อง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   16 : ท่านอยากเป็นหนูลองยาของข้าหรือไม่

    16 : ท่านอยากเป็นหนูลองยาของข้าหรือไม่ หลี่เมิ่งเหยาเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับน้องชาย ยกนิ้วขึ้นไล้แก้มนุ่มนิ่มของเขาอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่ได้ซื้อมาให้น้องชายอีกคนหรอก เอามาเผื่อยามเจ้าไม่อิ่มต่างหาก” “เช่นนั้นรึ” เขาแลบลิ้นเลียผลชานจาสด ที่ถูกเคลือบด้วยน้ำตาลกรวดอย่างเอร็ดอร่อย “แปลกจริง ยังไม่ถึงหน้าหนาวเลย มีผลชานจาแล้ว” นางนึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย “จริงด้วยขอรับ หรือว่าปีนี้จะหนาวเร็วกว่าทุกปี ผลชานจาเลยสุกเร็ว” จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง จนนางตามแทบไม่ทัน มองเขากินปิงถังหูลู่อย่างสุขใจ แต่แล้วเขาก็หยุดกินแล้วเอ่ยขึ้น “พี่หญิงใหญ่” “หืม” “ข้าเอาไปแบ่งให้น้องชายได้หรือไม่” เด็กน้อยช่างไร้เดียงสา เสี่ยวหยวนเป็นเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวมาตลอด จู่ ๆ เกิดมีน้องชายขึ้นมา เลยอยากแบ่งปันของกินให้ด้วย นางคุกเข่าลงตรงหน้าของน้องชาย จับไหล่น้อย ๆ ของเขาแล้วลูบลงตามลำตัว “เสี่ยวหยวนน้องชายยังเล็ก อาจยังไม่มีฟันแข็งแรงพอ ให้แทะปิงถังหูลู่ของเจ้า เอาไว้ให้เขาโตขึ้นอีกหน่อย ค่อยแบ่งให้เขาดีหร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   17 : ไม่รู้ตระกูลจี้มอบความช่วยเหลือมาหรือไม่

    17 : ไม่รู้ตระกูลจี้มอบความช่วยเหลือมาหรือไม่ “ข้าถึงได้มาคุยกับท่านด้วยตัวเองนี่อย่างไร ข้ารับรองยาของข้าไม่มีทางเป็นอันตราย ต่อร่างกายของท่านอย่างแน่นอน” หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความสิ้นหวังในท่าทางของเขา “ข้าขอดูดวงตาของท่านได้หรือไม่” “มีอะไรให้น่าดูกัน” “ข้าจะได้รู้ว่าอาการเป็นอย่างไร ยาที่ข้ามีอยู่หรือว่ากำลังจะปรุงขึ้น สามารถใช้ได้ไหม ว่าแต่พิษนั่นชื่อว่าอะไร” ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าเขาโดนพิษร้ายมาอย่างแน่นอน “บอกมาเถอะนะ ข้าอยากช่วยท่านจริง ๆ” นางเขย่ามือของเขาเบา ๆ อีกฝ่ายวางฝ่ามือของตนลงบนมือของนาง จับยกออกพร้อมเอ่ย “เป็นพิษฟู่จื่อทำให้ดวงตามองไม่เห็น ส่วนขานั้นเกิดจากข้าวิงเวียนตอนได้รับพิษ ทำให้ร่างกายไร้ความรู้สึก พลัดตกจากบันไดสูงลงไปจนขาหัก ท่านหมอเชื่อมกระดูกให้แล้ว แต่ว่าไม่สามารถเดินเหินได้ดังเดิม” เขาใจอ่อนยอมบอกให้ที่สุด “พิษฟู่จื่อ” นางเอ่ยแล้วดวงตามีแววแห่งความหวัง นางจำพิษนี้ได้ คงต้องมีปริมาณมากถึงทำให้ตาบอดได้ “ข้าจะไปศึกษาพิษฟู่จื่อให้เข้าใจ จากนั้นค่อยหาวัตถุดิบในการปรุงยา ท่านวางใจเถอะข้าต้อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   18 : ท่านแม่ข้าคิดว่าน้องสะใภ้สามไม่จริงใจกับพวกเราตระกูลหลี่

    18 : ท่านแม่ข้าคิดว่าน้องสะใภ้สามไม่จริงใจกับพวกเราตระกูลหลี่ ตระกูลจี้เป็นตระกูลใหญ่ นายท่านจี้เองมีสามภรรยาสี่อนุ และบุตรหลานอีกมากมาย ยามนี้บุตรีจากภรรยาเอก ออกเรือนมาแล้วพบเจอกับปัญหาเข้า พวกนางต่างจ้องจับผิดเรื่องนี้กันอยู่ ทำให้ฮูหยินใหญ่ ไม่สามารถช่วยเหลือบุตรสาวได้อย่างเต็มที่ แม่นมอวี่เอ่ยต่อ “หากเป็นไปได้เงินนี่ ให้ใช้แค่เรือนของคุณหนูก็พอเจ้าค่ะ” “ทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้ากินอยู่กับทุกคนที่นี่ ท่านจะให้ข้าเห็นแก่ตัว แอบเก็บเงินไว้ใช้คนเดียวได้อย่างไร ข้าทำไม่ได้หรอก” จี้ชิวหรงปฏิเสธในทันที “หากทำไม่ได้ก็นำออกมามอบให้พวกเขาแค่ส่วนหนึ่งพอ ที่เหลือให้เก็บเอาไว้ใช้ในเรือน ท่านไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอกเจ้าค่ะ คุณหนูต้องคิดถึงคุณชายน้อยให้มาก ๆ นะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าตระกูลหลี่จะฟื้นคืนมาได้เมื่อใด” จี้ชิวหรงคิดตามที่แม่นมอวี่เอ่ย นางค่อนข้างเห็นด้วยในเรื่องนี้ ตระกูลหลี่ยังมีอีกหลายชีวิตให้ดูแล ลำพังเงินที่พ่อสามีของนางมีอยู่คงไม่เพียงพอ “คงต้องทำเช่นนั้นจริง ๆ” แม่นมอวี่ถามถึงเฉาซูหลิ่งกับลูกสาวของนาง พอได้รู้ความจริงท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   19 : เห็นว่าพี่เหวินเซียวของเจ้าพิการ เลยส่งคนมาถอนหมั้น

    19 : เห็นว่าพี่เหวินเซียวของเจ้าพิการ เลยส่งคนมาถอนหมั้น ในเรือนของหยวนเหวินเซียว ฉีห้าวตงได้มารายงานเรื่องของตระกูลโจวแล้ว หลังได้ยินว่าพวกเขาส่งคนมาถอนหมั้น หยวนเหวินเซียวไม่ได้แสดงออกว่าแปลกใจแต่อย่างใด เพียงแค่ถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา “คุณหนูใหญ่ไม่น่าเป็นคน อยากถอนหมั้นหรอกขอรับ ข้าคิดว่าคงเป็นบิดามารดาของนางมากกว่า” ซ่งหลินต๋าเอ่ย “เจ้าเป็นนางรึ ถึงได้เข้าใจความคิดของนาง” เอ่ยแล้วทำให้นึกถึงใบหน้างดงามของโจวหยุนเอ๋อ เขาได้พูดคุยกับนางอยู่สองสามหน ท่าทางสุภาพเรียบร้อย เป็นสตรีผู้เพียบพร้อมทุกด้าน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนางเหมือนกัน “คุณชายข้าเพียงแค่เห็นว่าคุณหนูใหญ่ นางดูรักใคร่ชอบพอคุณชายมาก คงไม่ได้คิดถอนหมั้นจริง ๆ” ซ่งหลินต๋าพยายามปลอบใจผู้เป็นนาย “จะมีสตรีคนใด อยากมาอยู่กับคนตาบอดขาพิการเช่นข้าไปตลอดชีวิต หากนางอยากทิ้งข้าไป ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด” คำพูดคล้ายปลงตก แต่ความรู้สึกกับแตกสลายไม่มีชิ้นดี “ท่านแม่คงไม่ได้ชวนพวกนางทะเลาะหรอกนะ” เขาเอ่ยต่อ “คงมีบ้างขอรับ แต่น่าแปลกท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   20 : กับคนข้าไม่เคยใช้ แต่กับสัตว์ได้ผลดีนักเชียวล่ะ

    20 : กับคนข้าไม่เคยใช้ แต่กับสัตว์ได้ผลดีนักเชียวล่ะ ส่วนเรือนที่อยู่ด้านข้างนั้น ลุงจงออกไปดูแลการซ่อมแซมปรับปรุงเรือนที่เพิ่งซื้อมา เขาต้องทำตามแบบร่างของผู้เป็นนายอย่างจริงจัง ด้านหลี่เมิ่งเหยากำลังเริ่มต้น ทำการรักษาให้แก่หยวนเหวินเซียว “คุณชายท่านคิดใหม่ยังทันนะขอรับ” คนที่เป็นเดือดเป็นร้อนมากที่สุด กลับเป็นซ่งหลินต๋า เขาแทบจะยืนขวางทางหลี่เมิ่งเหยาเอาไว้ “ระหว่างขากับตา จะรักษาตรงไหนก่อน” หลี่เมิ่งเหยาเตรียมของออกมาจากเรือนโอสถ นอกจากโอสถแล้วยังมีตำรามาด้วยอีกเล่ม เผื่อไว้ก่อนไม่เสียหาย “คุณชาย” “พอได้แล้วหลินต๋า ข้าตัดสินใจรักษากับเมิ่งเหยาแล้ว เจ้าแค่คอยดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ต้องเข้ามายุ่งให้มากนัก” แม้ใจหนึ่งจะหวาดหวั่นแต่อีกใจก็อยากลองดูสักครั้ง “รักษาตาก่อนแล้วกัน” “อื้ม ข้าว่าเจ้า ออกไปนั่งรอตรงนั้นก่อนดีหรือไม่” นางหันไปยักคิ้วให้ซ่งหลินต๋าหนึ่งที “ไม่ ข้าจะอยู่ข้าง ๆ คุณชาย เผื่อเกิดเรื่องขึ้น” “เจ้ายืนจ้องข้าอยู่แบบนี้ ข้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล

    1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   2 : ข้าบอกให้เจ้าตื่น หลี่เมิ่งเหยา !

    2 : ข้าบอกให้เจ้าตื่น หลี่เมิ่งเหยา ! พอบุตรสาวหลับไปแล้ว นางถึงได้มานั่งคอตกคิดถึงอนาคตของตัวเอง ไม่รู้ว่าเรือนร้างที่เมืองฉางเป็นอย่างไรบ้าง เหมือนเคยรู้มาว่า เป็นเรือนเอาไว้สำหรับพักค้างคืน ระหว่างการเดินทางไปดูแลการค้า ซึ่งเมื่อก่อนตระกูลหลี่เคยมีร้านค้าอยู่ที่นั่น พอหลี่หงซวนได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองถัง คนตระกูลหลี่ก็ขายกิจการที่เมืองฉางทิ้งไป เหลือไว้เพียงเรือนแห่งเดียว ระหว่างทางหลี่เมิ่งเหยาตัวร้อนขึ้นมาจริง ๆ ผู้เป็นมารดารีบเช็ดตัวให้นาง และป้อนยาที่ต้มเอาไว้ก่อนหน้าตามไปด้วย ไข้ถึงลดลงในเวลาต่อมา ต้องใช้เวลาเดินทางสองวัน คืนนี้เลยต้องเข้าพักในโรงเตี๊ยมไปก่อน ตื่นเช้ามาหลี่เมิ่งเหยามีอาการดีขึ้น นางไม่ปวดศีรษะเหมือนเมื่อวานที่ผ่านมา ทำให้สามารถออกเดินทางต่อได้ในทันที รถม้ามาถึงประตูเมืองฉาง เป็นเวลายามเซิน(15.00-16.59)แล้ว จากนั้นรถม้าก็มาจอดอยู่หน้าเรือนร้างในตรอกหนิงอัน “เชิญอนุเฉากับคุณหนูเข้าเรือนเถอะขอรับ ข้าต้องขอตัวกลับก่อน” คนขับรถม้าขนสัมภาระของทั้งคู่ลงจากรถม้า จากนั้นก็รีบจากไปในทันที

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   3 : ยืมกระโถนฉี่ข้างบ้าน

    3 : ยืมกระโถนฉี่ข้างบ้าน หลังเข้ามาอยู่ในห้องนอนแล้ว สองแม่ลูกกลับพบปัญหาใหญ่ ไม่มีน้ำสะอาดให้ใช้ เฉาซูหลิ่งถึงกับน้ำตาคลอเบ้า นางทำความสะอาดจนเนื้อตัวสกปรกไปหมด ต้องการอาบน้ำให้สดชื่น ขณะที่ผู้เป็นบุตรสาวนั้น กำลังเป็นกังวลกับห้องสุขาของที่นี่ สภาพผุพังเช่นนั้น เข้าไปทำธุระไม่ได้แล้ว “ช่างหัวน้ำมันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยหาทางเอา เหยาเอ๋อร์หากเจ้าปวดเบา ก็ใช้กระโถนไปก่อนก็แล้วกัน” เฉาซูหลิ่งตัดใจจากน้ำสะอาด โชคดีที่ถุงน้ำของนางกับบุตรสาว ยังพอมีน้ำเหลืออยู่ นำมาเทใส่ผ้าสะอาด เช็ดหน้าตาไปก่อนได้ “ท่านแม่กระโถนที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนกัน” หลี่เมิ่งเหยาเห็นเพียงเตียงเก่า ๆ หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในห้อง “มันต้องมีสิ แม่ไปหาห้องอื่นดูก่อน” หลังจากมองหากระโถนฉี่ให้บุตรสาวไม่พบ นางก็รีบเดินออกไปยังห้องอื่น อย่าว่าแต่กระโถนฉี่ไม่มีเลย กระทั่งตะเกียงกับหินจุดไฟก็หาไม่เจอ นางรีบเดินกลับมาหาบุตรสาวในห้อง สีหน้าจนหนทางแล้วจริง ๆ “ท่านแม่อีกหน่อยฟ้ามืดสนิทจะแย่เอานะเจ้าคะ” เอ่ยแล้วรอดูว่ามารดาของตนจะทำอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23

บทล่าสุด

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   20 : กับคนข้าไม่เคยใช้ แต่กับสัตว์ได้ผลดีนักเชียวล่ะ

    20 : กับคนข้าไม่เคยใช้ แต่กับสัตว์ได้ผลดีนักเชียวล่ะ ส่วนเรือนที่อยู่ด้านข้างนั้น ลุงจงออกไปดูแลการซ่อมแซมปรับปรุงเรือนที่เพิ่งซื้อมา เขาต้องทำตามแบบร่างของผู้เป็นนายอย่างจริงจัง ด้านหลี่เมิ่งเหยากำลังเริ่มต้น ทำการรักษาให้แก่หยวนเหวินเซียว “คุณชายท่านคิดใหม่ยังทันนะขอรับ” คนที่เป็นเดือดเป็นร้อนมากที่สุด กลับเป็นซ่งหลินต๋า เขาแทบจะยืนขวางทางหลี่เมิ่งเหยาเอาไว้ “ระหว่างขากับตา จะรักษาตรงไหนก่อน” หลี่เมิ่งเหยาเตรียมของออกมาจากเรือนโอสถ นอกจากโอสถแล้วยังมีตำรามาด้วยอีกเล่ม เผื่อไว้ก่อนไม่เสียหาย “คุณชาย” “พอได้แล้วหลินต๋า ข้าตัดสินใจรักษากับเมิ่งเหยาแล้ว เจ้าแค่คอยดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ต้องเข้ามายุ่งให้มากนัก” แม้ใจหนึ่งจะหวาดหวั่นแต่อีกใจก็อยากลองดูสักครั้ง “รักษาตาก่อนแล้วกัน” “อื้ม ข้าว่าเจ้า ออกไปนั่งรอตรงนั้นก่อนดีหรือไม่” นางหันไปยักคิ้วให้ซ่งหลินต๋าหนึ่งที “ไม่ ข้าจะอยู่ข้าง ๆ คุณชาย เผื่อเกิดเรื่องขึ้น” “เจ้ายืนจ้องข้าอยู่แบบนี้ ข้า

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   19 : เห็นว่าพี่เหวินเซียวของเจ้าพิการ เลยส่งคนมาถอนหมั้น

    19 : เห็นว่าพี่เหวินเซียวของเจ้าพิการ เลยส่งคนมาถอนหมั้น ในเรือนของหยวนเหวินเซียว ฉีห้าวตงได้มารายงานเรื่องของตระกูลโจวแล้ว หลังได้ยินว่าพวกเขาส่งคนมาถอนหมั้น หยวนเหวินเซียวไม่ได้แสดงออกว่าแปลกใจแต่อย่างใด เพียงแค่ถอนหายใจหนัก ๆ ออกมา “คุณหนูใหญ่ไม่น่าเป็นคน อยากถอนหมั้นหรอกขอรับ ข้าคิดว่าคงเป็นบิดามารดาของนางมากกว่า” ซ่งหลินต๋าเอ่ย “เจ้าเป็นนางรึ ถึงได้เข้าใจความคิดของนาง” เอ่ยแล้วทำให้นึกถึงใบหน้างดงามของโจวหยุนเอ๋อ เขาได้พูดคุยกับนางอยู่สองสามหน ท่าทางสุภาพเรียบร้อย เป็นสตรีผู้เพียบพร้อมทุกด้าน แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนางเหมือนกัน “คุณชายข้าเพียงแค่เห็นว่าคุณหนูใหญ่ นางดูรักใคร่ชอบพอคุณชายมาก คงไม่ได้คิดถอนหมั้นจริง ๆ” ซ่งหลินต๋าพยายามปลอบใจผู้เป็นนาย “จะมีสตรีคนใด อยากมาอยู่กับคนตาบอดขาพิการเช่นข้าไปตลอดชีวิต หากนางอยากทิ้งข้าไป ก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด” คำพูดคล้ายปลงตก แต่ความรู้สึกกับแตกสลายไม่มีชิ้นดี “ท่านแม่คงไม่ได้ชวนพวกนางทะเลาะหรอกนะ” เขาเอ่ยต่อ “คงมีบ้างขอรับ แต่น่าแปลกท

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   18 : ท่านแม่ข้าคิดว่าน้องสะใภ้สามไม่จริงใจกับพวกเราตระกูลหลี่

    18 : ท่านแม่ข้าคิดว่าน้องสะใภ้สามไม่จริงใจกับพวกเราตระกูลหลี่ ตระกูลจี้เป็นตระกูลใหญ่ นายท่านจี้เองมีสามภรรยาสี่อนุ และบุตรหลานอีกมากมาย ยามนี้บุตรีจากภรรยาเอก ออกเรือนมาแล้วพบเจอกับปัญหาเข้า พวกนางต่างจ้องจับผิดเรื่องนี้กันอยู่ ทำให้ฮูหยินใหญ่ ไม่สามารถช่วยเหลือบุตรสาวได้อย่างเต็มที่ แม่นมอวี่เอ่ยต่อ “หากเป็นไปได้เงินนี่ ให้ใช้แค่เรือนของคุณหนูก็พอเจ้าค่ะ” “ทำเช่นนั้นไม่ได้ ข้ากินอยู่กับทุกคนที่นี่ ท่านจะให้ข้าเห็นแก่ตัว แอบเก็บเงินไว้ใช้คนเดียวได้อย่างไร ข้าทำไม่ได้หรอก” จี้ชิวหรงปฏิเสธในทันที “หากทำไม่ได้ก็นำออกมามอบให้พวกเขาแค่ส่วนหนึ่งพอ ที่เหลือให้เก็บเอาไว้ใช้ในเรือน ท่านไม่บอกก็ไม่มีใครรู้หรอกเจ้าค่ะ คุณหนูต้องคิดถึงคุณชายน้อยให้มาก ๆ นะเจ้าคะ ไม่รู้ว่าตระกูลหลี่จะฟื้นคืนมาได้เมื่อใด” จี้ชิวหรงคิดตามที่แม่นมอวี่เอ่ย นางค่อนข้างเห็นด้วยในเรื่องนี้ ตระกูลหลี่ยังมีอีกหลายชีวิตให้ดูแล ลำพังเงินที่พ่อสามีของนางมีอยู่คงไม่เพียงพอ “คงต้องทำเช่นนั้นจริง ๆ” แม่นมอวี่ถามถึงเฉาซูหลิ่งกับลูกสาวของนาง พอได้รู้ความจริงท

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   17 : ไม่รู้ตระกูลจี้มอบความช่วยเหลือมาหรือไม่

    17 : ไม่รู้ตระกูลจี้มอบความช่วยเหลือมาหรือไม่ “ข้าถึงได้มาคุยกับท่านด้วยตัวเองนี่อย่างไร ข้ารับรองยาของข้าไม่มีทางเป็นอันตราย ต่อร่างกายของท่านอย่างแน่นอน” หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความสิ้นหวังในท่าทางของเขา “ข้าขอดูดวงตาของท่านได้หรือไม่” “มีอะไรให้น่าดูกัน” “ข้าจะได้รู้ว่าอาการเป็นอย่างไร ยาที่ข้ามีอยู่หรือว่ากำลังจะปรุงขึ้น สามารถใช้ได้ไหม ว่าแต่พิษนั่นชื่อว่าอะไร” ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าเขาโดนพิษร้ายมาอย่างแน่นอน “บอกมาเถอะนะ ข้าอยากช่วยท่านจริง ๆ” นางเขย่ามือของเขาเบา ๆ อีกฝ่ายวางฝ่ามือของตนลงบนมือของนาง จับยกออกพร้อมเอ่ย “เป็นพิษฟู่จื่อทำให้ดวงตามองไม่เห็น ส่วนขานั้นเกิดจากข้าวิงเวียนตอนได้รับพิษ ทำให้ร่างกายไร้ความรู้สึก พลัดตกจากบันไดสูงลงไปจนขาหัก ท่านหมอเชื่อมกระดูกให้แล้ว แต่ว่าไม่สามารถเดินเหินได้ดังเดิม” เขาใจอ่อนยอมบอกให้ที่สุด “พิษฟู่จื่อ” นางเอ่ยแล้วดวงตามีแววแห่งความหวัง นางจำพิษนี้ได้ คงต้องมีปริมาณมากถึงทำให้ตาบอดได้ “ข้าจะไปศึกษาพิษฟู่จื่อให้เข้าใจ จากนั้นค่อยหาวัตถุดิบในการปรุงยา ท่านวางใจเถอะข้าต้อ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   16 : ท่านอยากเป็นหนูลองยาของข้าหรือไม่

    16 : ท่านอยากเป็นหนูลองยาของข้าหรือไม่ หลี่เมิ่งเหยาเดินเข้าไปใกล้ ๆ กับน้องชาย ยกนิ้วขึ้นไล้แก้มนุ่มนิ่มของเขาอย่างแผ่วเบา “ข้าไม่ได้ซื้อมาให้น้องชายอีกคนหรอก เอามาเผื่อยามเจ้าไม่อิ่มต่างหาก” “เช่นนั้นรึ” เขาแลบลิ้นเลียผลชานจาสด ที่ถูกเคลือบด้วยน้ำตาลกรวดอย่างเอร็ดอร่อย “แปลกจริง ยังไม่ถึงหน้าหนาวเลย มีผลชานจาแล้ว” นางนึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย “จริงด้วยขอรับ หรือว่าปีนี้จะหนาวเร็วกว่าทุกปี ผลชานจาเลยสุกเร็ว” จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง จนนางตามแทบไม่ทัน มองเขากินปิงถังหูลู่อย่างสุขใจ แต่แล้วเขาก็หยุดกินแล้วเอ่ยขึ้น “พี่หญิงใหญ่” “หืม” “ข้าเอาไปแบ่งให้น้องชายได้หรือไม่” เด็กน้อยช่างไร้เดียงสา เสี่ยวหยวนเป็นเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวมาตลอด จู่ ๆ เกิดมีน้องชายขึ้นมา เลยอยากแบ่งปันของกินให้ด้วย นางคุกเข่าลงตรงหน้าของน้องชาย จับไหล่น้อย ๆ ของเขาแล้วลูบลงตามลำตัว “เสี่ยวหยวนน้องชายยังเล็ก อาจยังไม่มีฟันแข็งแรงพอ ให้แทะปิงถังหูลู่ของเจ้า เอาไว้ให้เขาโตขึ้นอีกหน่อย ค่อยแบ่งให้เขาดีหร

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย   

    15 : พี่หญิงใหญ่นางค่อนข้างจะร่ำรวย หลี่เมิ่งเหยามองเห็นความโลภในดวงตาของเขา พวกเถ้าแก่เป็นเช่นนี้ทุกคนหรือไม่ “ใครก็ช่วยหาไม่ได้หรอก มีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าไปสถานที่แห่งนั้นได้” สมุนไพรบางตัวมีอยู่บนยอดภูเขา ในกำไลหยกโลกันตร์เท่านั้น ไหนเลยนางจะรู้ได้ว่า ข้างนอกนี่มีหรือไม่ “เช่นนั้นรึ เรามาว่าเรื่องของราคากันเถอะ” เถ้าแก่จางเกรงว่านางจะเปลี่ยนใจ ยิ่งได้รู้ว่านางนำยามาขายให้เพียงห้าเม็ดเท่านั้น จึงเสนอราคาไปที่เม็ดละหนึ่งพันตำลึง ซึ่งนางก็ไม่ได้ต่อรองราคาแต่อย่างใด มอบยาแล้วรับเงิน จากไปในทันที กระทั่งสัญญาซื้อขายก็ไม่คิดเขียนด้วยซ้ำ “พิลึกคนจริง ๆ เจ้าตามสะกดรอยนางไป ข้าอยากรู้ว่านางอยู่ที่ใดกันแน่” เขาหันไปสั่งคนของตัวเอง หลี่เมิ่งเหยาที่ฝึกฝีมือ ในเรือนโลกันตร์มาตลอดห้าปีเต็ม อีกทั้งมีลุงจงคอยสอนวรยุทธ์อยู่ด้านนอก มีหรือจะถูกสะกดรอยได้ง่ายดายปานนั้น นางหลบหนีเขาพ้นได้อย่างง่ายดาย ความอยากรู้อยากเห็นไม่เลือกคนสินะ ฝ่ายคนที่ไล่ตามนาง กลับไปรายงานด้วยสีหน้าสลด เถ้าแก่จางรีบโบกม

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   14 : หาที่ปลูกเรือนหลังใหม่

    14 : หาที่ปลูกเรือนหลังใหม่ สะใภ้ทั้งสองหันไปมองหน้ากัน แล้วหลุบสายตาลงต่ำ พวกนางไม่เคยคิด ว่าการแต่งงานเข้าตระกูลหลี่ จะต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้ หากพวกนางไม่ได้รักสามีด้วยใจจริง หรือหากก่อนหน้าสามีใจร้ายกับพวกนาง คงตัดสินใจรับหนังสือหย่ากลับบ้านเดิมไปแล้ว แต่เมื่อเลือกติดตามสามีมาเช่นนี้ ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น สะใภ้ทั้งสองอยู่คุยกับแม่สามีต่อสักพัก จากนั้นก็ขอตัวกลับไปยังเรือนของตนเอง จี้ชิวหรงเห็นสามีอุ้มบุตรชายเดินเล่นอยู่ในสวน นางพลันยิ้มออกในทันที “ท่านแม่” อี้เอ๋อร์เห็นมารดาก็ชูมือขึ้น คนเป็นแม่อดที่จะยื่นมือเข้าไปอุ้มเขาไม่ได้จริง ๆ “ท่านพี่ไม่ได้ไปกับท่านพ่อพี่รองหรือเจ้าคะ” “ข้าจะไปได้อย่างไรต้องดูแลอี้เอ๋อร์ ไปกันเยอะก็มากความ ให้ท่านพ่อไปกับพี่รองน่ะถูกแล้ว เจ้าไปที่เรือนด้านข้าง ได้เรื่องอะไรมาหรือไม่” “ท่านพี่อยากถามว่าข้าเห็นลูกชายของท่านไหม ก็เอ่ยมาตามตรงเถอะ” “ฮูหยินเหตุใดเอ่ยเช่นนั้นเล่า” “ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ แต่ข้าไม่ได้พบพวกเขาหรอก พบเพียงหม่าหลินเฟยเจ้าของเรือ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   13 : นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก

    13 : นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก ในใจของหลี่ปิงซืออดเสียดายไม่ได้ หากพวกนางยังอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าจะช่วยเหลือตระกูลหลี่ได้หรอกหรือ ไม่น่าหุนหันพลันแล่น ขับไล่พวกนางออกไปเลย ครึ่งชั่วยามต่อมา พ่อบ้านหลัวได้กลับมารายงานผู้เป็นนาย หลังจากได้ไปสอบถามกับผู้คนที่อยู่ละแวกนี้แล้ว “ตระกูลหยวนแห่งเมืองหลวงหรือ” หลี่หวงซวนเคยได้ยินชื่อเสียงพวกเขาอยู่บ้าง “ขอรับนายท่าน ตรอกหนิงอันแห่งนี้ถูกพวกเขากว้านซื้อเอาไว้ทั้งหมด มีเพียงเรือนของนายท่านที่ไม่ได้ถูกซื้อไปขอรับ” “แล้วเป็นใครในตระกูลหยวนที่เป็นเจ้าของเรือนด้านข้าง” “ได้ข่าวว่าเป็นหยวนเหวินเซียว บุตรชายคนที่สามที่เกิดจากฮูหยินรองขอรับ เห็นว่าหม่าหลิงเฟยพาบุตรชาย ย้ายมาอยู่ที่นี่แบบถาวรแล้ว แต่เพราะเหตุผลใดนั้นข้าไม่อาจสืบมาได้ เพราะพวกเขาเพิ่งย้ายมาไม่กี่วันนี้เองขอรับ” “นี่ไม่น่าแปลกหรือ เพิ่งย้ายมาไม่กี่วัน แต่อนุเฉากลับเข้าไปพึ่งพาอาศัยพวกเขาแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เข้าใจ “เลิกเรียกนางว่าอนุเฉาเถอะ นางได้รับหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยาไปแล้ว ต่อไปหากเอ่ยถึงนาง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   12 : สามีที่ดีคือสามีใหม่นะท่านแม่    

    12 : สามีที่ดีคือสามีใหม่นะท่านแม่ หลังจัดแจงที่พัก ให้ครอบครัวของเฉาซูหลิ่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่นมหูยกของว่างกับน้ำชา มาให้หม่าหลิงเฟยในห้องนั่งเล่น “ฮูหยินท่านใจอ่อนไปแล้วนะเจ้าคะ” มีความห่วงใยในน้ำเสียงของแม่นมหู หม่าหลิงเฟยอมยิ้มในหน้า “ท่านก็กังวลเกินเหตุ ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าเรือนหลังนี้เงียบเหงาเกินไป หากมีเสี่ยวหยวนคอยวิ่งเล่นรอบตัวของเหวินเซียว อาจทำให้เขามีความสุข มากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้” นางยังจำภาพรอยยิ้มบาง ๆ ตอนบุตรชายอุ้มเสี่ยวหยวนได้ “เช่นนี้นี่เอง” แม่นมหูพยักหน้าลงเบา ๆ นางถึงแปลกใจว่าเหตุใด ผู้เป็นนายถึงยอมให้เพื่อนบ้าน ที่รู้จักกันเพียงไม่กี่วัน เข้ามาอยู่อาศัยด้วย เป็นเพราะต้องการให้รอบตัวของบุตรชาย ไม่เงียบเหงาจนเกินไปนี่เอง หม่าหลิงเฟยยกถ้วยชาขึ้นจิบ นอกจากนั้นยังรู้สึกถูกชะตากับเฉาซูหลิ่ง นางดูไร้พิษสงอีกทั้งยังเป็นเพียงอนุ ที่ถูกผู้อื่นหลอกใช้ จนทำให้ตัวเองกับบุตรสาวต้องลำบาก นี่มันไม่ได้ต่างอันใดกับตัวนางเลยสักนิด ต่างก็ถูกทอดทิ้งทั้งแม่ทั้งลูกเหมือนกัน

DMCA.com Protection Status