หลังเข้ามาอยู่ในห้องนอนแล้ว สองแม่ลูกกลับพบปัญหาใหญ่ ไม่มีน้ำสะอาดให้ใช้ เฉาซูหลิ่งถึงกับน้ำตาคลอเบ้า นางทำความสะอาดจนเนื้อตัวสกปรกไปหมด ต้องการอาบน้ำให้สดชื่น
ขณะที่ผู้เป็นบุตรสาวนั้น กำลังเป็นกังวลกับห้องสุขาของที่นี่ สภาพผุพังเช่นนั้น เข้าไปทำธุระไม่ได้แล้ว
“ช่างหัวน้ำมันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยหาทางเอา เหยาเอ๋อร์หากเจ้าปวดเบา ก็ใช้กระโถนไปก่อนก็แล้วกัน”
เฉาซูหลิ่งตัดใจจากน้ำสะอาด โชคดีที่ถุงน้ำของนางกับบุตรสาว ยังพอมีน้ำเหลืออยู่ นำมาเทใส่ผ้าสะอาด เช็ดหน้าตาไปก่อนได้
“ท่านแม่กระโถนที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนกัน” หลี่เมิ่งเหยาเห็นเพียงเตียงเก่า ๆ หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในห้อง
“มันต้องมีสิ แม่ไปหาห้องอื่นดูก่อน”
หลังจากมองหากระโถนฉี่ให้บุตรสาวไม่พบ นางก็รีบเดินออกไปยังห้องอื่น
อย่าว่าแต่กระโถนฉี่ไม่มีเลย กระทั่งตะเกียงกับหินจุดไฟก็หาไม่เจอ นางรีบเดินกลับมาหาบุตรสาวในห้อง สีหน้าจนหนทางแล้วจริง ๆ
“ท่านแม่อีกหน่อยฟ้ามืดสนิทจะแย่เอานะเจ้าคะ” เอ่ยแล้วรอดูว่ามารดาของตนจะทำอย่างไร
“มืดก็ช่างสิ เข้านอนเร็วหน่อยก็แล้วกัน หากปวดเบาจริง ๆ เราค่อยคลำทางไปปลดทุกข์ ตรงสวนข้างหลังนี่ก็ได้”
อืม สติปัญญาของท่านมีเท่านี้จริง ๆ รึ
“ท่านแม่ท่านรออยู่นี่แหละ ข้าจะลองไปถามเรือนด้านข้างนี่ดู” หลี่เมิ่งเหยาเอ่ยขึ้นในที่สุด
“มีคนอยู่ด้วยรึ เงียบขนาดนั้น”
“ข้าไปดูก่อนก็แล้วกัน ท่านไม่ต้องไปหรอก ข้าเป็นเด็กคนพบเห็น ย่อมให้ความช่วยเหลือได้ง่าย หากท่านไปเกรงว่าหน้าตางาม ๆ อย่างท่าน จะทำให้ผู้อื่นหลงเข้าใจผิดได้”
เฉาซูหลิ่งมองบุตรสาวเหมือนเห็นตัวประหลาด
“เหยาเอ๋อร์เหตุใดเจ้าพูดจาฉะฉานเพียงนี้”
ก่อนหน้าเอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาผู้คน ไหนเลยจะกล้าต่อปากต่อคำกับนาง เหมือนในตอนนี้
“ท่านคิดมากไปแล้ว เดี๋ยวข้ากลับมา” นางรีบเดินออกจากเรือนไป
ก่อนจะมืดไปกว่านี้ ต้องรีบหายืมตะเกียงเพื่อนบ้านให้ได้เสียก่อน ประตูเรือนด้านข้างที่มีกำแพงฝั่งขวาติดกับเรือนของนาง ไม่รู้ว่าเจ้าของเป็นใคร หลี่เมิ่งเหยารีบยื่นมือออกไปจับห่วงประตูรูปหัวสิงห์ เคาะเบา ๆ ด้วยความเกรงใจ ไม่ช้ามีชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งเดินออกมาเปิดให้
“เจ้าเป็นใคร”
“เอ่อ พี่ชายข้าเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่เรือนด้านข้างนี้ เนื่องจากเดินทางมาอย่างฉุกละหุก จึงไม่ได้เตรียมตะเกียงกับหินจุดไฟมาด้วย พี่ชายท่านพอจะมีของให้ข้าหยิบยืมหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าจะรีบเอามาคืน”
คุณปู่สอนว่ายามขอร้องผู้อื่น ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ ยามนี้นางจึงยืนตัวเล็กตัวลีบ ทำหน้าตาใสซื่อให้สมกับวัย ของเด็กสาวเจ้าของร่างเดิม แต่ชายผู้นี้ดูเหมือนไม่ค่อยไว้วางใจนาง
ฉีห้าวตงเดินออกมาสำรวจดูรอบ ๆ บริเวณหน้าประตู เกรงว่าจะมีผู้อื่นใช้แม่นางน้อยผู้นี้ มาหลอกล่อคุณชายของตนเอง เมื่อไม่เห็นมีสิ่งผิดปกติใด เขาจึงหันไปเอ่ยกับนาง
“เจ้ารออยู่หน้าประตูนี่แหละ ข้าจะเข้าไปถามคุณชายก่อน”
“ได้เจ้าค่ะ”
อีกฝ่ายหันหลังจากไป พร้อมกับบานประตูที่ปิดลง
มีแขกไม่เชิญเข้าบ้าน ท่าทางระแวดระวังเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นคนไม่ดี คิดแล้วก็หันไปมองเรือนหลังที่อยู่ฝั่งซ้าย นั่นยิ่งไม่มีแม้แต่แสงไฟจากตะเกียงน้ำมัน เกรงว่าคงไม่มีผู้อยู่อาศัย
หยวนเหวินเซียวมองผู้เข้ามารายงาน ด้วยสีหน้าประหลาดใจ เดิมทีเรือนของเขาไม่เคยมีใคร มาเคาะประตูเหมือนในวันนี้ วางถ้วยชาที่เพิ่งจิบลงบนโต๊ะ
“เจ้าบอกว่าใครมานะ”
ฉีห้าวตง “เป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่งขอรับ บอกว่าเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เรือนด้านข้าง ที่เรือนของนางไม่มีตะเกียงกับหินจุดไฟ เลยอยากมาขอยืมขอรับ”
ซ่งหลินต๋า “น่าจะเป็นบุตรสาวของเรือนหลังนั้นขอรับ”
“เหตุใดใช้เด็กสาวมาขอยืมตะเกียงจากบ้านบุรุษ ไม่รู้จักความเหมาะสมเอาเสียเลย แล้วเด็กนั่นอยู่ไหนแล้วล่ะ” หยวนเหวินเซียวอดตำหนิมารดาของนางไม่ได้
“ข้าให้นางรออยู่หน้าประตูใหญ่ขอรับคุณชาย”
เพราะคุณชายของเขาไม่ชอบสตรี พวกนางมักนำแต่ปัญหามาให้ จึงมีกฎห้ามสตรีที่ไม่รู้จักเข้าใกล้
“ให้นางเข้ามาพบข้าที่ห้องโถงรับแขก ต้อนรับนางให้เป็นทางการ อย่าให้ผู้อื่นนำไปติฉินนินทาเอาได้” หยวนเหวินเซียวไม่อยากมีปัญหาภายหลัง
“ขอรับคุณชาย” ฉีห้าวตงน้อมคำนับรับคำสั่ง
ไม่ช้าฉีห้าวตงก็เดินนำหน้าเด็กสาว เข้ามายังห้องโถงรับแขก หยวนเหวินเซียวนั่งรออยู่บนเก้าอี้ ด้านหลังของเขามีซ่งหลินต๋ายืนอยู่ด้วย
หลี่เมิ่งเหยาลอบสังเกตเรือนหลังนี้ ดูไปแล้วมีแต่บุรุษทั้งนั้น ที่อยู่ด้านนอกสองคนนั้น เหมือนเป็นผู้คุ้มกันทั่วไป ส่วนคนที่เชิญนางเข้ามา ดูเหมือนจะมีตำแหน่งเหนือกว่าคนด้านนอก
คนนั่งบนเก้าอี้มีดวงตาค่อนข้างคมดุ แต่ก็รับกับคิ้วหนาเข้มเฉียงได้รูป ใบหน้านับได้ว่าหล่อเหลาอยู่ไม่น้อย รัศมีรอบกายดูเป็นเจ้านายของทุกคนที่นี่ ดูไปแล้วอายุคงไม่เกินยี่สิบปี
นางนึกสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองก่อนหน้า รีบประสานมือน้อมศีรษะลง
“เหยาเอ๋อร์คำนับคุณชายเจ้าค่ะ”
นางเรียกเขาแบบนี้ไปก่อน
หยวนเหวินเซียวหน้าตึงในทันที “ข้ากับเจ้าไม่ได้สนิทกัน อย่าแทนชื่อตัวเองกับข้าเช่นนั้น นี่เจ้ามีชื่อแซ่ว่าอะไร”
นี่รังเกียจนางหรอกรึ
“ข้าชื่อหลี่เมิ่งเหยาเจ้าค่ะ แล้วท่านเล่ามีชื่อเสียงเรียงนามอันใด”
อีกฝ่ายถึงกับผงะ “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”
อ้าว เจ้ารู้ชื่อข้าได้ แต่ข้ารู้ชื่อเจ้าไม่ได้ นี่มันตรรกะอะไรกัน
นางเผลอทำตัวเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก จ้องหน้าเขาตรง ๆ อย่างไม่หวั่นกลัว
“ไม่อยากยืมของแล้วหรือ”
แต่พอเขาเอ่ยเท่านั้นแหละ นางรีบกลืนความโกรธลงท้องไป ฉีกยิ้มอย่างใสซื่อ
“ข้าไม่อยากรู้ชื่อท่านแล้ว แต่ยังอยากยืมตะเกียงกับหินจุดไฟ อ้อ ยืมกระโถนฉี่ด้วยเจ้าค่ะ”
“กระโถนถี่ !” หยวนเหวินเซียวใบหน้าดำคล้ำหลังได้ยิน ตระกูลใดกันสั่งสอนบุตรหลาน ไม่ได้เรื่องถึงเพียงนี้
ฉีห้าวตงหันไปมองซ่งหลินต๋าด้านข้าง ก่อนส่ายหน้าไปมาเหมือนบอกว่า เขาไม่เคยได้ยินเรื่องกระโถนฉี่มาก่อน
“เจ้าค่ะ ห้องสุขาเรือนข้าผุพังไปหมดแล้ว พี่ชายท่านพอจะให้ข้ายืม กระโถนฉี่หนึ่งคืนได้หรือไม่”
พี่ชาย ?! คนได้ยินกลั้นความโกรธที่อยู่ในอกเอาไว้
“หลี่เมิ่งเหยาข้าไม่เคยนับญาติกับคนแปลกหน้า ห้ามเรียกข้าว่าพี่ชายอีก ไม่เช่นนั้น”
หลี่เมิ่งเหยาจ้องหน้าเขา รอฟังคำตอบว่าเขาจะทำอะไรตัวนาง
“ข้าจะไม่ให้เจ้ายืมกระโถนฉี่ !”
ฉีห้าวตง “?”
ซ่งหลินต๋า “...?”
หลี่เมิ่งเหยา “?!”
“ไม่เรียกแล้ว ๆ แต่ว่าท่านจะให้ข้าเรียกท่านว่าอะไรล่ะ” เพื่อกระโถนฉี่นางยอมถอยให้แบบสุด ๆ แล้วนะ
“เรียกข้าว่าคุณชายสามก็พอ”
“ได้ ๆ ขอบคุณคุณชายสามมาก ที่ให้ข้ายืมตะเกียง หินจุดไฟ แล้วก็กระโถนถี่ด้วย”
ด้านได้อายอด ท่องเอาไว้หลี่เมิ่งเหยา
หยวนเหวินเซียวดูเหมือนจะรำคาญนางอยู่ไม่น้อย หันไปสั่งลูกน้อง ไปเอาของที่นางยืมออกมาให้
“คุณหนูหลี่นี่เป็นกระโถนอันใหม่นะขอรับ ยังไม่ได้ผ่านการใช้งานมาก่อน” ฉีห้าวตงรีบอธิบาย เกรงว่านางจะเข้าใจว่าตนเอาของใช้แล้วมาให้
“ขอบคุณพี่ชายมากเจ้าค่ะ หากใช้เสร็จแล้วข้าจะเอามาคืนให้” นางเอ่ยกับฉีห้าวตง
แต่หยวนเหวินเซียวกลับเสียงแข็งใส่นาง
“ไร้ยางอายสิ้นดี กระโถนที่เจ้าฉี่ใส่แล้ว จะเอากลับมาคืนข้าอีกทำไม ข้ายกให้ทั้งหมดนั่นแหละ ไม่ต้องเอามาคืน ทางที่ดีไม่ต้องมาที่เรือนหลังนี้อีก”
รังเกียจข้าจริง ๆ สินะ
หลี่เมิ่งเหยายิ้มหวาน ๆ ใส่เขาไปหนึ่งที “ขอบคุณคุณชายสามเจ้าค่ะ” เอ่ยแล้วหมุนเท้าเดินจากไปในทันที
หยิ่งยโสโอหังยิ่งนัก เชอะ !
กลับเข้าไปในเรือน นางก็มอบของที่ยืมให้กับมารดาในทันที เฉาซูหลิ่งดีใจจนตาเป็นประกาย อย่างน้อยคืนนี้ก็มีแสงสว่าง มีกระโถนให้ปลดทุกข์ยามค่ำคืนแล้ว
“เหยาเอ๋อร์เรือนข้าง ๆ ใครเป็นเจ้าของหรือ วันหลังจะได้ไปทำความรู้จักกันเอาไว้”
“เขาไม่บอกว่าเป็นใคร และห้ามไปยุ่งวุ่นวายกับเขาด้วย ทางที่ดีต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด ของที่เขาให้มา เขาก็ให้เลย ไม่รับคืน” นางเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
“พิลึกคนแทนที่จะได้ทำความรู้จักกันเอาไว้ ภายภาคหน้าจะได้พึ่งพาอาศัยกัน” เฉาซูหลิ่งมองค้อนไปทางเรือนหลังด้านข้าง
“ท่านแม่ก็เอ่ยเกินไป พวกเรามีอะไรให้เขามาพึ่งพากัน ท่านก็อย่าคิดไปตีสนิทกับพวกเขาเข้าล่ะ”
“ข้าจะไปอยากตีสนิทด้วยทำไม ไม่อยากรู้จักกันก็ไม่ต้องไปสนใจ ต่างคนต่างอยู่อย่างที่เจ้าว่านั่นแหละ”
“ท่านแม่คิดได้ก็ดีแล้ว”
เฉาซูหลิ่งมองค้อนบุตรสาว เจ็บป่วยคราวนี้เหยาเอ๋อร์ของนาง นิสัยเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก แต่พอมองหน้าบุตรสาวก็ต้องส่ายหน้าเบา ๆ ก็ยังเป็นเหยาเอ๋อร์ของนางอยู่ดี เพียงแต่ไม่ได้ขี้ขลาดขี้กลัว อีกทั้งยังพูดเก่งขึ้นกว่าเดิมอีก
เมื่อท้องฟ้ามืดสนิท สองแม่ลูกก็รีบดับตะเกียงเข้านอน ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาตลอดสองวัน ทำให้คนเป็นแม่นอนหลับสนิทลงไปอย่างง่ายดาย
ส่วนหลี่เมิ่งเหยา นางต้องการนอนหลับ เพื่อที่จะได้มั่นใจ ว่าความฝันก่อนหน้า เป็นเรื่องจริงหรือไม่
และเมื่อนางนอนหลับสนิทตามมารดาไป กำไลหยกบนข้อมือ ก็เปล่งแสงสีขาวนวลออกมา ลืมตาขึ้นอีกทีก็อยู่ในความฝันเหมือนเมื่อตอนกลางวัน
สถานที่แห่งเดิม หมอกควันหนาตา ความรู้สึกเงียบสงัด เพียงแต่ไม่มีชายชราเคราขาวผู้นั้น สงสัยดวงวิญญาณดับสูญไปแล้วจริง ๆ หลี่เมิ่งเหยาหมุนกำไลหยกในมือเล่นไปมา
กำไลหยกโลกันตร์
เจ้านี่สินะ ที่ช่วยเปิดกุญแจให้นาง มันส่องแสงสว่างวาบออกมา นางรีบเพ่งสายตามองดูดี ๆ ปรากฏว่าภายในกำไลวงนี้มีภาพสถานที่ต่าง ๆ อยู่ในนั้น พอนางแตะนิ้วที่ตรงไหน พื้นที่ที่นางอยู่ก็เปลี่ยนตามไปด้วย สถานที่เหล่านั้นหมุนเวียนเปลี่ยนไป ตามความต้องการของนาง
มีที่ไหนเป็นตึกสมัยใหม่บ้างไหมนะ
เหมือนกำไลหยกโลกันตร์จะรู้ความคิดของนาง มันกะพริบแสงถี่ ๆ คล้ายไม่พอใจ
“เอาล่ะ ๆ ข้าขอโทษ ไม่คิดถึงที่นั่นแล้วก็ได้ มีแต่ป่าเขาเต็มไปหมด ไม่เห็นจะมีบ้านคนเลย”
นางเลื่อนดูแผนที่ไปเรื่อย ๆ พบว่ามันสามารถขยายภาพขึ้นได้ ตามความคิดของนาง เลื่อนดูจนเกือบครบรอบวงกำไล กลับไม่พบสถานที่ ที่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย กระทั่งสายตาของนางมาหยุดอยู่สถานที่สุดท้าย
มีเรือนสี่ประสานอยู่แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนยอดภูเขาสูงชัน พบน้ำตกธรรมชาติที่ไหลลู่ลงสู่เบื้องล่าง
ที่นี่แหละ !
นางหลับตาใช้ความคิดเลือกสถานที่ พอลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเอง กำลังยืนอยู่บนหน้าผาสูงชัน ด้านหลังเป็นเรือนสี่ประสานสภาพเก่า ดูขลังทรงพลังเป็นอย่างมาก จึงได้เดินเข้าไปสำรวจดูภายในเรือน
พบว่ามีอยู่ทั้งหมดสี่เรือนด้วยกัน เรือนแรกที่นางเข้าไปดูเป็นห้องเก็บสมุนไพรแ ละตำรายาเต็มไปหมด มีกระทั่งยาที่ถูกปรุงเสร็จเก็บไว้อยู่ตามลิ้นชัก
มีทั้งวิธีการผลิต การรักษา นี่มันยาเทวดารึไง บางตัวเขียนไว้ว่า รักษาได้สารพัดโรค
นางยังไม่เข้าใจเรื่องยาโบราณ จึงเดินออกจากเรือนหลังแรกไปยังหลังที่สอง ที่นี่เป็นเหมือนห้องหนังสือทั่วไป มีตำรามากมาย พร้อมสี่สิ่งล้ำค่าของห้องหนังสือ
เรือนที่สามเป็นเหมือนที่อยู่อาศัย มีเตียงนอนและของใช้ครบครัน ดูไปแล้วผู้พักอาศัยก่อนหน้าคงอยู่เพียงลำพัง
แต่สิ่งที่ทำให้นางตื่นตาตื่นใจมากที่สุด กลับเป็นเรือนหลังที่สุด เปิดไปเข้านางก็ได้กลิ่นอายของความร่ำรวยในทันที เพราะมันคือห้องเก็บสมบัติของที่นี่ ทั้งไข่มุกทั้งก้อนทองคำ ทองคำแท่ง และสิ่งล้ำค่ามากมาย
นางมาจากโลกยุคปัจจุบัน สิ่งของเหล่านี้ล้วนประเมินราคาไม่ได้ ท่านเซียนที่เคยบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่ ท่านคงไม่ได้ละทิ้งทางโลกอย่างแท้จริง ถึงได้ยังเก็บสะสมของล้ำค่า เอาไว้มากมายถึงเพียงนี้
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มหัวใจเต้นแรง กลายเป็นห่อเหี่ยวลงในทันใด หลังนึกได้ว่า
ข้าอยู่ในความฝัน ?!
4 : ข้ากำลังจะมีน้อง เมื่อคืนที่ผ่านมา หลี่เมิ่งเหยาถูกดีดออกจากความฝันมาอย่างมึนงง อีกทั้งยังไม่ได้สำรวจอะไรมากมายนัก เพราะนางมัวแต่ตะลึงกับสมบัติมากมายตรงหน้า แม้ยามนี้ยังแยกไม่ออก ไหนความจริงไหนความฝัน หรือว่าสมบัติเหล่านั้นมีอยู่จริงไหม แต่หากมีอยู่แค่ในความฝัน คงเป็นเรื่องเศร้าเกินไปแล้ว วันนี้สองแม่ลูก เข้าไปซื้อของกินของใช้ในตัวเมืองฉาง ที่นี่เป็นเมืองขนาดเล็ก ไม่ต่างจากเมืองถังที่เคยอยู่ แต่ข้อดีของที่นี่คืออยู่ใกล้กับเมืองหลวงมากกว่า อีกทั้งของกินของใช้ ยังดูดีกว่าเมืองถังเสียอีก “ท่านแม่ท่านมีเงินติดตัวมามากน้อยเพียงใด” เฉาซูหลิ่งหน้าเจื่อนหลังได้ยิน “มีไม่มากหรอก ท่านปู่ท่านย่าของเจ้า ไม่ได้ให้อะไรติดตัวมาเลย” หลี่เมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้นสูง “ท่านพ่อเล่า” “พ่อเจ้าน่ะหรือ แม้แต่หน้าของข้า ยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ” “เงินเก็บส่วนตัวเล่า” “มีอยู่แค่หนึ่งร้อยตำลึง เบี้ยเลี้ยงข้าได้เดือนละห้าตำลึงเท่านั้น ดีที่ก่อนหน้าข้าแอบขอท่านพ่อของเจ้าเอาไว้บ้าง” “หนึ่งร้อยตำลึ
5 : แม่เจ้าโว้ย ! ข้ารวยแล้ว ! บุรุษที่อยู่เรือนด้านข้างเริ่มหงุดหงิด เขาได้ยินเสียงคำพูดคุยหรือเสียงเหมือนคน กำลังทำงานตลอดทั้งวัน ให้ซ่งหลินต๋าไปแอบดู ถึงได้รู้ว่าบ้านของเด็กสาวผู้นั้น กำลังซ่อมแซมห้องสุขา กับล้างบ่อน้ำอยู่ “ความจริงพวกนางก็น่าสงสารนะขอรับ เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่มีบ่าวรับใช้ติดตามมาด้วย ยังต้องออกไปหาช่าง มาซ่อมห้องสุขาอีก เจอคนดีก็แล้วหากเจอคนไม่ดี คงแย่เหมือนกัน อีกอย่างในตรอกหนิงอันแห่งนี้ คุณชายกว้านซื้อที่ดินทั้งตรอกเอาไว้หมดแล้ว หากพวกเราเดินทางกลับเมืองหลวงไป เกรงว่าจะเงียบวังเวงอาจเป็นเป้าหมายของโจรผู้ร้ายได้” ซ่งหลินต๋าอดนึกสงสารสองแม่ลูกนั่นไม่ได้ “หากสงสารนัก ก็อยู่ดูแลพวกเขาที่นี่แล้วกัน ไม่ต้องตามข้ากลับเมืองหลวงไปหรอก” “ทำเช่นนั้นได้อย่างไร หน้าที่ของข้าคือดูแลคุณชายนะขอรับ ท่านไปไหนข้าไปด้วย” ซ่งหลินต๋ารีบหุบปากไม่เอ่ยถึงสองแม่ลูกนั่นอีก หากถูกคุณชายสั่งให้อยู่ที่นี่จริง ก็ซวยเขาสิ “บัญชีครึ่งปีนี้รวบรวมมาหมดแล้วหรือยัง” หยวนเหวินเซียวปิดสมุดบัญชีในมือลงหลังเอ่ยถาม ซ่งหลินต๋า “
1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทร
2 : ข้าบอกให้เจ้าตื่น หลี่เมิ่งเหยา ! พอบุตรสาวหลับไปแล้ว นางถึงได้มานั่งคอตกคิดถึงอนาคตของตัวเอง ไม่รู้ว่าเรือนร้างที่เมืองฉางเป็นอย่างไรบ้าง เหมือนเคยรู้มาว่า เป็นเรือนเอาไว้สำหรับพักค้างคืน ระหว่างการเดินทางไปดูแลการค้า ซึ่งเมื่อก่อนตระกูลหลี่เคยมีร้านค้าอยู่ที่นั่น พอหลี่หงซวนได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองถัง คนตระกูลหลี่ก็ขายกิจการที่เมืองฉางทิ้งไป เหลือไว้เพียงเรือนแห่งเดียว ระหว่างทางหลี่เมิ่งเหยาตัวร้อนขึ้นมาจริง ๆ ผู้เป็นมารดารีบเช็ดตัวให้นาง และป้อนยาที่ต้มเอาไว้ก่อนหน้าตามไปด้วย ไข้ถึงลดลงในเวลาต่อมา ต้องใช้เวลาเดินทางสองวัน คืนนี้เลยต้องเข้าพักในโรงเตี๊ยมไปก่อน ตื่นเช้ามาหลี่เมิ่งเหยามีอาการดีขึ้น นางไม่ปวดศีรษะเหมือนเมื่อวานที่ผ่านมา ทำให้สามารถออกเดินทางต่อได้ในทันที รถม้ามาถึงประตูเมืองฉาง เป็นเวลายามเซิน(15.00-16.59)แล้ว จากนั้นรถม้าก็มาจอดอยู่หน้าเรือนร้างในตรอกหนิงอัน “เชิญอนุเฉากับคุณหนูเข้าเรือนเถอะขอรับ ข้าต้องขอตัวกลับก่อน” คนขับรถม้าขนสัมภาระของทั้งคู่ลงจากรถม้า จากนั้นก็รีบจากไปในทันที
5 : แม่เจ้าโว้ย ! ข้ารวยแล้ว ! บุรุษที่อยู่เรือนด้านข้างเริ่มหงุดหงิด เขาได้ยินเสียงคำพูดคุยหรือเสียงเหมือนคน กำลังทำงานตลอดทั้งวัน ให้ซ่งหลินต๋าไปแอบดู ถึงได้รู้ว่าบ้านของเด็กสาวผู้นั้น กำลังซ่อมแซมห้องสุขา กับล้างบ่อน้ำอยู่ “ความจริงพวกนางก็น่าสงสารนะขอรับ เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่มีบ่าวรับใช้ติดตามมาด้วย ยังต้องออกไปหาช่าง มาซ่อมห้องสุขาอีก เจอคนดีก็แล้วหากเจอคนไม่ดี คงแย่เหมือนกัน อีกอย่างในตรอกหนิงอันแห่งนี้ คุณชายกว้านซื้อที่ดินทั้งตรอกเอาไว้หมดแล้ว หากพวกเราเดินทางกลับเมืองหลวงไป เกรงว่าจะเงียบวังเวงอาจเป็นเป้าหมายของโจรผู้ร้ายได้” ซ่งหลินต๋าอดนึกสงสารสองแม่ลูกนั่นไม่ได้ “หากสงสารนัก ก็อยู่ดูแลพวกเขาที่นี่แล้วกัน ไม่ต้องตามข้ากลับเมืองหลวงไปหรอก” “ทำเช่นนั้นได้อย่างไร หน้าที่ของข้าคือดูแลคุณชายนะขอรับ ท่านไปไหนข้าไปด้วย” ซ่งหลินต๋ารีบหุบปากไม่เอ่ยถึงสองแม่ลูกนั่นอีก หากถูกคุณชายสั่งให้อยู่ที่นี่จริง ก็ซวยเขาสิ “บัญชีครึ่งปีนี้รวบรวมมาหมดแล้วหรือยัง” หยวนเหวินเซียวปิดสมุดบัญชีในมือลงหลังเอ่ยถาม ซ่งหลินต๋า “
4 : ข้ากำลังจะมีน้อง เมื่อคืนที่ผ่านมา หลี่เมิ่งเหยาถูกดีดออกจากความฝันมาอย่างมึนงง อีกทั้งยังไม่ได้สำรวจอะไรมากมายนัก เพราะนางมัวแต่ตะลึงกับสมบัติมากมายตรงหน้า แม้ยามนี้ยังแยกไม่ออก ไหนความจริงไหนความฝัน หรือว่าสมบัติเหล่านั้นมีอยู่จริงไหม แต่หากมีอยู่แค่ในความฝัน คงเป็นเรื่องเศร้าเกินไปแล้ว วันนี้สองแม่ลูก เข้าไปซื้อของกินของใช้ในตัวเมืองฉาง ที่นี่เป็นเมืองขนาดเล็ก ไม่ต่างจากเมืองถังที่เคยอยู่ แต่ข้อดีของที่นี่คืออยู่ใกล้กับเมืองหลวงมากกว่า อีกทั้งของกินของใช้ ยังดูดีกว่าเมืองถังเสียอีก “ท่านแม่ท่านมีเงินติดตัวมามากน้อยเพียงใด” เฉาซูหลิ่งหน้าเจื่อนหลังได้ยิน “มีไม่มากหรอก ท่านปู่ท่านย่าของเจ้า ไม่ได้ให้อะไรติดตัวมาเลย” หลี่เมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้นสูง “ท่านพ่อเล่า” “พ่อเจ้าน่ะหรือ แม้แต่หน้าของข้า ยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ” “เงินเก็บส่วนตัวเล่า” “มีอยู่แค่หนึ่งร้อยตำลึง เบี้ยเลี้ยงข้าได้เดือนละห้าตำลึงเท่านั้น ดีที่ก่อนหน้าข้าแอบขอท่านพ่อของเจ้าเอาไว้บ้าง” “หนึ่งร้อยตำลึ
3 : ยืมกระโถนฉี่ข้างบ้าน หลังเข้ามาอยู่ในห้องนอนแล้ว สองแม่ลูกกลับพบปัญหาใหญ่ ไม่มีน้ำสะอาดให้ใช้ เฉาซูหลิ่งถึงกับน้ำตาคลอเบ้า นางทำความสะอาดจนเนื้อตัวสกปรกไปหมด ต้องการอาบน้ำให้สดชื่น ขณะที่ผู้เป็นบุตรสาวนั้น กำลังเป็นกังวลกับห้องสุขาของที่นี่ สภาพผุพังเช่นนั้น เข้าไปทำธุระไม่ได้แล้ว “ช่างหัวน้ำมันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยหาทางเอา เหยาเอ๋อร์หากเจ้าปวดเบา ก็ใช้กระโถนไปก่อนก็แล้วกัน” เฉาซูหลิ่งตัดใจจากน้ำสะอาด โชคดีที่ถุงน้ำของนางกับบุตรสาว ยังพอมีน้ำเหลืออยู่ นำมาเทใส่ผ้าสะอาด เช็ดหน้าตาไปก่อนได้ “ท่านแม่กระโถนที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนกัน” หลี่เมิ่งเหยาเห็นเพียงเตียงเก่า ๆ หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในห้อง “มันต้องมีสิ แม่ไปหาห้องอื่นดูก่อน” หลังจากมองหากระโถนฉี่ให้บุตรสาวไม่พบ นางก็รีบเดินออกไปยังห้องอื่น อย่าว่าแต่กระโถนฉี่ไม่มีเลย กระทั่งตะเกียงกับหินจุดไฟก็หาไม่เจอ นางรีบเดินกลับมาหาบุตรสาวในห้อง สีหน้าจนหนทางแล้วจริง ๆ “ท่านแม่อีกหน่อยฟ้ามืดสนิทจะแย่เอานะเจ้าคะ” เอ่ยแล้วรอดูว่ามารดาของตนจะทำอ
2 : ข้าบอกให้เจ้าตื่น หลี่เมิ่งเหยา ! พอบุตรสาวหลับไปแล้ว นางถึงได้มานั่งคอตกคิดถึงอนาคตของตัวเอง ไม่รู้ว่าเรือนร้างที่เมืองฉางเป็นอย่างไรบ้าง เหมือนเคยรู้มาว่า เป็นเรือนเอาไว้สำหรับพักค้างคืน ระหว่างการเดินทางไปดูแลการค้า ซึ่งเมื่อก่อนตระกูลหลี่เคยมีร้านค้าอยู่ที่นั่น พอหลี่หงซวนได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองถัง คนตระกูลหลี่ก็ขายกิจการที่เมืองฉางทิ้งไป เหลือไว้เพียงเรือนแห่งเดียว ระหว่างทางหลี่เมิ่งเหยาตัวร้อนขึ้นมาจริง ๆ ผู้เป็นมารดารีบเช็ดตัวให้นาง และป้อนยาที่ต้มเอาไว้ก่อนหน้าตามไปด้วย ไข้ถึงลดลงในเวลาต่อมา ต้องใช้เวลาเดินทางสองวัน คืนนี้เลยต้องเข้าพักในโรงเตี๊ยมไปก่อน ตื่นเช้ามาหลี่เมิ่งเหยามีอาการดีขึ้น นางไม่ปวดศีรษะเหมือนเมื่อวานที่ผ่านมา ทำให้สามารถออกเดินทางต่อได้ในทันที รถม้ามาถึงประตูเมืองฉาง เป็นเวลายามเซิน(15.00-16.59)แล้ว จากนั้นรถม้าก็มาจอดอยู่หน้าเรือนร้างในตรอกหนิงอัน “เชิญอนุเฉากับคุณหนูเข้าเรือนเถอะขอรับ ข้าต้องขอตัวกลับก่อน” คนขับรถม้าขนสัมภาระของทั้งคู่ลงจากรถม้า จากนั้นก็รีบจากไปในทันที
1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทร