เมื่อคืนที่ผ่านมา หลี่เมิ่งเหยาถูกดีดออกจากความฝันมาอย่างมึนงง อีกทั้งยังไม่ได้สำรวจอะไรมากมายนัก เพราะนางมัวแต่ตะลึงกับสมบัติมากมายตรงหน้า
แม้ยามนี้ยังแยกไม่ออก ไหนความจริงไหนความฝัน หรือว่าสมบัติเหล่านั้นมีอยู่จริงไหม แต่หากมีอยู่แค่ในความฝัน คงเป็นเรื่องเศร้าเกินไปแล้ว
วันนี้สองแม่ลูก เข้าไปซื้อของกินของใช้ในตัวเมืองฉาง ที่นี่เป็นเมืองขนาดเล็ก ไม่ต่างจากเมืองถังที่เคยอยู่ แต่ข้อดีของที่นี่คืออยู่ใกล้กับเมืองหลวงมากกว่า อีกทั้งของกินของใช้ ยังดูดีกว่าเมืองถังเสียอีก
“ท่านแม่ท่านมีเงินติดตัวมามากน้อยเพียงใด”
เฉาซูหลิ่งหน้าเจื่อนหลังได้ยิน “มีไม่มากหรอก ท่านปู่ท่านย่าของเจ้า ไม่ได้ให้อะไรติดตัวมาเลย”
หลี่เมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้นสูง “ท่านพ่อเล่า”
“พ่อเจ้าน่ะหรือ แม้แต่หน้าของข้า ยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ”
“เงินเก็บส่วนตัวเล่า”
“มีอยู่แค่หนึ่งร้อยตำลึง เบี้ยเลี้ยงข้าได้เดือนละห้าตำลึงเท่านั้น ดีที่ก่อนหน้าข้าแอบขอท่านพ่อของเจ้าเอาไว้บ้าง”
“หนึ่งร้อยตำลึง ท่านแม่คิดว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน”
หลี่เมิ่งเหยาทำหน้ายุ่งยาก ยิ่งคิดถึงสมบัติล้ำค่าในความฝันยิ่งโมโห มาหลอกให้อยากแล้วถีบออกมาได้อย่างไร แต่นางยังไม่ทันได้คิดอะไรไปไกล มารดาที่เดินอยู่ด้านข้าง ก็ทำท่าเซคล้ายจะเป็นลม
“ท่านแม่ !”
นางรีบเข้าไปประคองมารดา พานั่งพักอยู่ข้างทาง
“ท่านแม่แวะร้านโจ๊กก่อนดีหรือไม่ พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเช้า เดินเท้ามาเป็นลี้ ท่านคงเหนื่อยเพราะหิว”
“แต่ข้าไม่ได้หิวนะ” คนเป็นมารดารีบแย้ง
หลี่เมิ่งเหยามองหน้ามารดาแล้วไม่เข้าใจ ไม่หิวแต่เหมือนคนเป็นลมได้อย่างไร
“นั่งอยู่นี่ก่อนแล้วกัน ข้าจะไปซื้อซาลาเปามาให้กินรองท้อง” เอ่ยแล้วแบมือไปตรงหน้า
เฉาซูหลิ่งหยิบก้อนเงินหนึ่งพวง วางลงบนมือของบุตรสาว มองตามนางไปด้วยความรู้สึกวิตกกังวล คงไม่ใช่อย่างที่นางคิดหรอกนะ
แต่พอหลี่เมิ่งเหยานำซาลาเปากลับมา นางกัดไปเพียงคำเดียว ก็อาเจียนออกมาในทันที
“ท่านแม่ข้าว่าท่านไปหาหมอเถอะ”
หลี่เมิ่งเหยาไปถามทางคนแถวนั้น และจ้างรถม้าให้พาไปส่งยังโรงหมอ ระหว่างทางนางไม่ได้ถามอะไรมารดาเพิ่มเติม รู้เพียงว่าอาการของมารดานั้น ไม่น่าจะปกติ
และแล้วก็ไม่ได้ผิดไปจากที่นางคิดไว้จริง ๆ จ่ายค่าหมอและยาไปสองตำลึง พร้อมกับได้รู้ว่ามารดาของนาง กำลังตั้งท้องได้หนึ่งเดือน
“เหยาเอ๋อร์ ข้ากลับไปที่เมืองถังดีกว่า พวกเขาต้องให้อภัยข้าแน่ ในท้องข้ามีสายเลือดของตระกูลหลี่อยู่ ไม่แน่ในท้องของข้าอาจเป็นเด็กผู้ชายก็ได้” ยามเอ่ยดวงตาของเฉาซูหลิ่ง เปล่งประกายอย่างมีความหวัง
หลี่เมิ่งเหยาปรายตามองนางแล้วถอนหายใจเบา ๆ
“เจ้าไม่เห็นด้วยรึ”
“ท่านแม่หากท่านกลับไปเมืองถัง พวกเขาจะรับท่านเอาไว้ รอจนท่านคลอดเพื่อรอดู ว่าลูกในท้องเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง หากข้าเดาไม่ผิด ถ้าเป็นเด็กผู้ชายพวกเขาจะเก็บเด็กเอาไว้ แล้วขับไล่ท่านแม่ออกมาอยู่ดี แต่หากเป็นเด็กผู้หญิงดีไม่ดี อาจไล่กลับมาทั้งแม่ทั้งลูก”
“เช่นนั้นไม่ดีรึ อย่างน้อยหากเขาเป็นเด็กผู้ชาย ก็ไม่ต้องลำบากอยู่ที่นี่”
“ท่านแม่รับได้หรือ หากลูกชายตัวเองเรียกคนอื่นว่าแม่ วันข้างหน้าเขาจะเติบโตขึ้นมา โดยไม่รู้ว่าท่านคือแม่จริง ๆ ด้วยซ้ำ และคนที่จะได้เป็นแม่ของเขาก็คงเป็นแม่ใหญ่ ยามที่นางยังไม่มีบุตรของตัวเอง ก็คงรักและเอ็นดูเขาแหละ แต่ท่านเคยคิดไหมว่า หากแม่ใหญ่มีลูกชายของตัวเองขึ้นมา น้องชายข้าจะยังมีที่ยืนอีกหรือไม่”
เจ้าเด็กนี่ยังเป็นแค่ก้อนเลือด กลับทำให้ข้าต้องมาคิดเผื่ออนาคตเอาไว้แล้ว
“เหยาเอ๋อร์ ข้า...” เหตุใดคิดตามคำพูดของบุตรสาวแล้ว หัวใจเกิดเจ็บแปลบขึ้น ทำใจแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ท่านแม่ท่านกลัวว่าตัวเอง จะเลี้ยงดูเขาไม่ดีใช่ไหม”
เฉาซูหลิ่งก้มหน้าลงเหมือนยอมรับว่าใช่ เลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งใช่ว่าง่าย นี่ต้องเลี้ยงดูถึงสองคนด้วยแล้ว
“มีข้าอยู่ทั้งคนท่านจะกลัวอะไร ข้าจะช่วยท่านเลี้ยงน้องเอง”
“เจ้าก็พูดง่าย”
“ท่านแม่อย่าเพิ่งคิดอะไรไปก่อนเลย ข้าจะหาทางช่วยเอง ตอนนี้เราไปซื้อเสบียงกับของใช้กันก่อนเถอะ” นางยังคิดถึงเรื่องซ่อมแซมห้องสุขาด้วย เรื่องนี้สำคัญที่สุด
เฉาซูหลิ่งยามนี้ไม่มีความคิดอื่นใดอยู่ในหัว จึงทำเพียงพยักหน้าลงให้บุตรสาว คงต้องทำตามที่อีกฝ่ายบอกไปก่อน
หลังจากซื้อเสบียงได้ตามที่ต้องการแล้ว หลี่เมิ่งเหยาเดินไปถามชาวบ้านแถวนั้น ว่าพอรู้จักนายช่าง ซ่อมแซมห้องสุขาบ้างไหม เถ้าแก่ร้านขายบะหมี่เนื้อ เป็นคนแนะนำให้นาง ไปหานายช่างที่เรือนของเขา
“ท่านแม่เอาเงินมาให้ข้า ข้าจะไปตามนายช่างเอง ส่วนท่านก็เอาของพวกนี้ กลับเรือนไปก่อน”
“เหยาเอ๋อร์เจ้าเป็นแค่เด็กจะไปคุยเรื่องงานช่างกับบุรุษได้อย่างไร”
“หรือท่านจะไปเอง”
“ข้าไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก ไปก็คุยไม่รู้เรื่องอยู่ดี”
เฉาซูหลิ่งหลุบตาต่ำมองพื้น นางไหนเลยจะเคยทำเรื่องพวกนี้ ตลอดชีวิตของนาง มีแต่ผู้อื่นจัดหาจัดทำให้
“ข้าถึงบอกให้ท่านกลับเรือนไปก่อน เรื่องห้องสุขามันสำคัญมาก ถ่ายเบายังพอว่า หากถ่ายหนักขึ้นมาจะแย่เอา”
“เป็นสตรีมาพูดจาอะไรเยี่ยงนี้ เจ้านี่นะ ข้าจะกลับก่อนก็แล้วกัน”
นางห่วงหน้าตาของบุตรสาวอยู่หรอก แต่ได้ยินคำพูดของนางแล้ว ไหนเลยจะมีความกลัวผู้คนอยู่ ไหน ๆ ก็ออกมาอยู่ข้างนอกแล้ว จะทำตัวเป็นคุณหนูอยู่ในเรือน เหมือนแต่ก่อนก็ไม่ได้
นางหันไปถามภรรยาของเถ้าแก่ร้านบะหมี่
“ท่านน้าช่างที่ว่าไว้ใจได้หรือไม่”
“แม่นางเจ้าไม่ต้องห่วงไป เดี๋ยวข้าจะให้ลูกชายข้า ไปเป็นเพื่อนนางเอง”
“ขอบคุณท่านมาก” ได้ยินแล้วเฉาซูหลิ่งพลันวางใจลงได้
บุตรชายของร้านบะหมี่เนื้ออายุราวแปดปี เขากระตือรือร้นพาหลี่เมิ่งเหยาไปหานายช่าง ที่อยู่ไม่ไกลจากร้านของเขาเท่าใดนัก ในคราแรกนายช่างไม่เชื่อในคำพูดของหลี่เมิ่งเหยา เพราะนางยังเด็ก คิดว่าคุยเรื่องงานช่างไม่รู้เรื่อง แต่พอได้คุยกันจริง ๆ นางกลับเข้าใจคำพูดของตนได้ในทันที สร้างความประหลาดใจให้แก่เขายิ่งนัก
“ข้าจะไปดูหน้างานก่อนว่าเป็นอย่างไร” นายช่างกัวยอมไปดูงานที่เรือนของนาง
“ข้าอยากให้เสร็จวันนี้ ท่านลุงช่างท่านรู้ใช่ไหม ว่ามันลำบากมาก หากไม่มีห้องสุขา” นางใช้หน้าตาของเด็กน้อย อ้อนวอนขอร้องเขา
“ได้ ๆ ข้าจะรีบจัดการให้ ไป ๆ รีบไปดูกัน”
เจอลูกไม้อ้อนตาใสของหลี่เมิ่งเหยาเข้า นายช่างกัวพลันคิดถึงบุตรสาวตัวน้อยของตนเอง ไหนเลยจะใจแข็งได้อีก รีบตามนางไปในทันที
นายช่างกัวประเมินหน้างานไม่นาน ก็ตอบตกลงรับทำ เพราะเป็นส้วมที่ไม่มีคนใช้มานาน จึงไม่ได้มีสิ่งปฏิกูลหลงเหลืออยู่ นายช่างทำงาน โดยให้ลูกชายของร้านบะหมี่เนื้อเป็นลูกมือ เด็กอายุแปดปีแต่ทำงานได้คล่องแคล่วนัก เพียงแค่ครึ่งวัน ส้วมของนางก็เสร็จพร้อมใช้งาน
หลี่เมิ่งเหยาให้พวกเขาไปดูบ่อน้ำด้านหลังเรือนด้วย พบว่ามีพวกใบไม้ทับถมเต็มไปหมด เลยจ้างพวกเขาตักเศษใบไม้กับกิ่งไม้ออกจนหมด ถึงได้เห็นว่ามีน้ำอยู่ข้างล่าง
“น้ำไม่ค่อยสะอาด ต้องตักน้ำเก่าทิ้งให้หมดก่อน แล้วขุดดินลงไปอีกหน่อย ข้าต้องจ้างคนเพิ่มอีกหนึ่งคน เจ้าจะว่าอย่างไร” นายช่างกัวถามนางก่อนลงมือทำ
“ทำตามที่ท่านลุงเห็นสมควรเลยเจ้าค่ะ”
หลี่เมิ่งเหยาต้องการน้ำสะอาด จึงยอมรับเงื่อนไขเพิ่มเติมของเขาได้
สักพักพวกเขาก็ได้คนงานเพิ่มมาอีกหนึ่งคน คนหนึ่งขุดดินอีกคนดึงถังไม้ขึ้นมาเททิ้ง เป็นการทำงานที่ไม่ง่าย มารดาของนางจึงลงมือทำอาหารเที่ยงให้พวกเขากิน และเมื่องานเสร็จก็มอบค่าแรงให้ตามที่ตกลงกันไว้
“ขอบคุณท่านลุงช่างมากเจ้าค่ะ” หลี่เมิ่งเหยาเอ่ยอย่างนอบน้อม นางค่อนข้างพอใจในผลงานของพวกเขา
“ไม่เป็นไร ๆ ข้ารับค่าจ้างมา ก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดอยู่แล้ว ข้าไปก่อนล่ะ” นายช่างกัวโบกมือให้นาง ก่อนเดินหิ้วอุปกรณ์กลับเรือนไป
หลี่เมิ่งเหยานั่งมองดูน้ำที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากก้นบ่น ตอนนี้ยังคงขุ่นอยู่คงต้องรอสักพักถึงจะใส จึงสามารถตักไปใช้งานได้
“เหยาเอ๋อร์”
เฉาซูหลิ่งเดินออกมาหาบุตรสาวที่บ่อน้ำด้านหลังเรือน
“ท่านแม่ออกมาทำไม ไม่พักผ่อนอยู่ในบ้านเล่า”
“ข้าทำความสะอาดห้องให้เจ้าแล้ว”
“กำลังท้องอยู่จะไปออกแรงทำทำไม” นางหันไปตำหนิมารดาเล็กน้อย
“ท้องเดือนเดียวมีอะไรต้องให้ห่วง ทำความสะอาดง่าย ๆ แค่นี้ ไม่ได้ปีนป่ายที่สูงเสียหน่อย”
หลี่เมิ่งเหยาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ก่อนที่นางจะฉุกคิดบางเรื่องออก “ท่านแม่เรือนนี้เป็นชื่อของท่านหรือไม่”
“ใช่ที่ไหนกัน เป็นของตระกูลหลี่”
“เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถยึดกลับคืนได้ทุกเมื่อ”
นางยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้ หันไปมองมารดาแล้วเอ่ยถาม “ท่านแม่ท่านกับท่านพ่อถือว่าหย่าร้างกันหรือยัง”
“หย่าร้างอะไรของเจ้า ข้าไม่ใช่ภรรยเอกไม่มีทะเบียนสมรส ข้ามีแค่หนังสือมอบตัวเป็นอนุ”
“ฮะ ! แล้วหากต้องเลิกกันล่ะ”
“ต้องมีการเขียนหนังสือปลดปล่อยอนุให้”
“ท่านพ่อไม่ได้เขียนให้ท่านใช่ไหม ไอ้หนังสือปลดปล่อยอนุอะไรนี่” หลี่เมิ่งเหยาเริ่มมองเห็นเค้าความยุ่งยากของเรื่องนี้
“ไม่ได้เขียนก็ดีแล้ว ข้าเป็นคนของพ่อเจ้า มอบทั้งตัวและหัวใจให้เขาไปแล้ว เป็นคนของตระกูลหลี่ไปจนวันตาย”
ยามเอ่ยเรื่องนี้แววตาของเฉาซูหลิ่ง เผยความผูกพันลึกซึ้งกับสามีอยู่ไม่น้อย
นี่ท่านโง่เกินไปไหม
“ในเมื่อไม่มีหนังสือปลดปล่อยอนุก็ช่างเถอะ ตอนนี้ท่านกำลังตั้งท้องอยู่ คงทำงานหนักมากไม่ได้ ต่อไปหน้าที่ของท่านแม่ทำแค่อาหารก็พอ เรื่องทำความสะอาดบ้านก็ทำห้องใครห้องมันไป ส่วนเรื่องตักน้ำข้าจะทำเอง”
หลี่เมิ่งเหยาคิดหนักขึ้นมา ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งคงไม่ใช่น้อย ๆ หนึ่งร้อยตำลึงนั่น ยามนี้จ่ายออกไปแล้วถึงสิบตำลึง จะอยู่ได้กี่ปีกันเชียว
“เจ้ามองข้าทำไม”
“เครื่องประดับของท่านพอขายได้เงินหรือไม่”
“เจ้าจะบ้ารึ นั่นเป็นของที่พ่อของเจ้าให้ข้ามา เป็นตายยังไงข้าก็ไม่ขาย เงินก็ยังมีอยู่ตั้งเก้าสิบตำลึงไม่ใช่รึ”
เฉาซูหลิ่งรีบจับต่างหูตนเองเอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าบุตรสาวจะมายื้อแย่งมันไป
“ข้าพูดเผื่อเอาไว้ หากวันข้างหน้าเงินหมด อาจต้องได้ขาย”
“ไม่ ! ข้าไม่ขาย !”
“ตามใจ !” หลี่เมิ่งเหยาสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป ไม่อยากมีมารดาโง่เขลาเช่นนี้เลยจริง ๆ
หลี่เมิ่งเหยาจัดการทำความสะอาดห้องโถงด้านนอก กวาดลานหน้าเรือนให้สะอาดสะอ้าน จากนั้นก็ทำความสะอาดห้องครัวต่อ ไม่ทันไรท้องฟ้าก็มืดเสียแล้ว
5 : แม่เจ้าโว้ย ! ข้ารวยแล้ว ! บุรุษที่อยู่เรือนด้านข้างเริ่มหงุดหงิด เขาได้ยินเสียงคำพูดคุยหรือเสียงเหมือนคน กำลังทำงานตลอดทั้งวัน ให้ซ่งหลินต๋าไปแอบดู ถึงได้รู้ว่าบ้านของเด็กสาวผู้นั้น กำลังซ่อมแซมห้องสุขา กับล้างบ่อน้ำอยู่ “ความจริงพวกนางก็น่าสงสารนะขอรับ เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่มีบ่าวรับใช้ติดตามมาด้วย ยังต้องออกไปหาช่าง มาซ่อมห้องสุขาอีก เจอคนดีก็แล้วหากเจอคนไม่ดี คงแย่เหมือนกัน อีกอย่างในตรอกหนิงอันแห่งนี้ คุณชายกว้านซื้อที่ดินทั้งตรอกเอาไว้หมดแล้ว หากพวกเราเดินทางกลับเมืองหลวงไป เกรงว่าจะเงียบวังเวงอาจเป็นเป้าหมายของโจรผู้ร้ายได้” ซ่งหลินต๋าอดนึกสงสารสองแม่ลูกนั่นไม่ได้ “หากสงสารนัก ก็อยู่ดูแลพวกเขาที่นี่แล้วกัน ไม่ต้องตามข้ากลับเมืองหลวงไปหรอก” “ทำเช่นนั้นได้อย่างไร หน้าที่ของข้าคือดูแลคุณชายนะขอรับ ท่านไปไหนข้าไปด้วย” ซ่งหลินต๋ารีบหุบปากไม่เอ่ยถึงสองแม่ลูกนั่นอีก หากถูกคุณชายสั่งให้อยู่ที่นี่จริง ก็ซวยเขาสิ “บัญชีครึ่งปีนี้รวบรวมมาหมดแล้วหรือยัง” หยวนเหวินเซียวปิดสมุดบัญชีในมือลงหลังเอ่ยถาม ซ่งหลินต๋า “
1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทร
2 : ข้าบอกให้เจ้าตื่น หลี่เมิ่งเหยา ! พอบุตรสาวหลับไปแล้ว นางถึงได้มานั่งคอตกคิดถึงอนาคตของตัวเอง ไม่รู้ว่าเรือนร้างที่เมืองฉางเป็นอย่างไรบ้าง เหมือนเคยรู้มาว่า เป็นเรือนเอาไว้สำหรับพักค้างคืน ระหว่างการเดินทางไปดูแลการค้า ซึ่งเมื่อก่อนตระกูลหลี่เคยมีร้านค้าอยู่ที่นั่น พอหลี่หงซวนได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองถัง คนตระกูลหลี่ก็ขายกิจการที่เมืองฉางทิ้งไป เหลือไว้เพียงเรือนแห่งเดียว ระหว่างทางหลี่เมิ่งเหยาตัวร้อนขึ้นมาจริง ๆ ผู้เป็นมารดารีบเช็ดตัวให้นาง และป้อนยาที่ต้มเอาไว้ก่อนหน้าตามไปด้วย ไข้ถึงลดลงในเวลาต่อมา ต้องใช้เวลาเดินทางสองวัน คืนนี้เลยต้องเข้าพักในโรงเตี๊ยมไปก่อน ตื่นเช้ามาหลี่เมิ่งเหยามีอาการดีขึ้น นางไม่ปวดศีรษะเหมือนเมื่อวานที่ผ่านมา ทำให้สามารถออกเดินทางต่อได้ในทันที รถม้ามาถึงประตูเมืองฉาง เป็นเวลายามเซิน(15.00-16.59)แล้ว จากนั้นรถม้าก็มาจอดอยู่หน้าเรือนร้างในตรอกหนิงอัน “เชิญอนุเฉากับคุณหนูเข้าเรือนเถอะขอรับ ข้าต้องขอตัวกลับก่อน” คนขับรถม้าขนสัมภาระของทั้งคู่ลงจากรถม้า จากนั้นก็รีบจากไปในทันที
3 : ยืมกระโถนฉี่ข้างบ้าน หลังเข้ามาอยู่ในห้องนอนแล้ว สองแม่ลูกกลับพบปัญหาใหญ่ ไม่มีน้ำสะอาดให้ใช้ เฉาซูหลิ่งถึงกับน้ำตาคลอเบ้า นางทำความสะอาดจนเนื้อตัวสกปรกไปหมด ต้องการอาบน้ำให้สดชื่น ขณะที่ผู้เป็นบุตรสาวนั้น กำลังเป็นกังวลกับห้องสุขาของที่นี่ สภาพผุพังเช่นนั้น เข้าไปทำธุระไม่ได้แล้ว “ช่างหัวน้ำมันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยหาทางเอา เหยาเอ๋อร์หากเจ้าปวดเบา ก็ใช้กระโถนไปก่อนก็แล้วกัน” เฉาซูหลิ่งตัดใจจากน้ำสะอาด โชคดีที่ถุงน้ำของนางกับบุตรสาว ยังพอมีน้ำเหลืออยู่ นำมาเทใส่ผ้าสะอาด เช็ดหน้าตาไปก่อนได้ “ท่านแม่กระโถนที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนกัน” หลี่เมิ่งเหยาเห็นเพียงเตียงเก่า ๆ หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในห้อง “มันต้องมีสิ แม่ไปหาห้องอื่นดูก่อน” หลังจากมองหากระโถนฉี่ให้บุตรสาวไม่พบ นางก็รีบเดินออกไปยังห้องอื่น อย่าว่าแต่กระโถนฉี่ไม่มีเลย กระทั่งตะเกียงกับหินจุดไฟก็หาไม่เจอ นางรีบเดินกลับมาหาบุตรสาวในห้อง สีหน้าจนหนทางแล้วจริง ๆ “ท่านแม่อีกหน่อยฟ้ามืดสนิทจะแย่เอานะเจ้าคะ” เอ่ยแล้วรอดูว่ามารดาของตนจะทำอ
5 : แม่เจ้าโว้ย ! ข้ารวยแล้ว ! บุรุษที่อยู่เรือนด้านข้างเริ่มหงุดหงิด เขาได้ยินเสียงคำพูดคุยหรือเสียงเหมือนคน กำลังทำงานตลอดทั้งวัน ให้ซ่งหลินต๋าไปแอบดู ถึงได้รู้ว่าบ้านของเด็กสาวผู้นั้น กำลังซ่อมแซมห้องสุขา กับล้างบ่อน้ำอยู่ “ความจริงพวกนางก็น่าสงสารนะขอรับ เพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่มีบ่าวรับใช้ติดตามมาด้วย ยังต้องออกไปหาช่าง มาซ่อมห้องสุขาอีก เจอคนดีก็แล้วหากเจอคนไม่ดี คงแย่เหมือนกัน อีกอย่างในตรอกหนิงอันแห่งนี้ คุณชายกว้านซื้อที่ดินทั้งตรอกเอาไว้หมดแล้ว หากพวกเราเดินทางกลับเมืองหลวงไป เกรงว่าจะเงียบวังเวงอาจเป็นเป้าหมายของโจรผู้ร้ายได้” ซ่งหลินต๋าอดนึกสงสารสองแม่ลูกนั่นไม่ได้ “หากสงสารนัก ก็อยู่ดูแลพวกเขาที่นี่แล้วกัน ไม่ต้องตามข้ากลับเมืองหลวงไปหรอก” “ทำเช่นนั้นได้อย่างไร หน้าที่ของข้าคือดูแลคุณชายนะขอรับ ท่านไปไหนข้าไปด้วย” ซ่งหลินต๋ารีบหุบปากไม่เอ่ยถึงสองแม่ลูกนั่นอีก หากถูกคุณชายสั่งให้อยู่ที่นี่จริง ก็ซวยเขาสิ “บัญชีครึ่งปีนี้รวบรวมมาหมดแล้วหรือยัง” หยวนเหวินเซียวปิดสมุดบัญชีในมือลงหลังเอ่ยถาม ซ่งหลินต๋า “
4 : ข้ากำลังจะมีน้อง เมื่อคืนที่ผ่านมา หลี่เมิ่งเหยาถูกดีดออกจากความฝันมาอย่างมึนงง อีกทั้งยังไม่ได้สำรวจอะไรมากมายนัก เพราะนางมัวแต่ตะลึงกับสมบัติมากมายตรงหน้า แม้ยามนี้ยังแยกไม่ออก ไหนความจริงไหนความฝัน หรือว่าสมบัติเหล่านั้นมีอยู่จริงไหม แต่หากมีอยู่แค่ในความฝัน คงเป็นเรื่องเศร้าเกินไปแล้ว วันนี้สองแม่ลูก เข้าไปซื้อของกินของใช้ในตัวเมืองฉาง ที่นี่เป็นเมืองขนาดเล็ก ไม่ต่างจากเมืองถังที่เคยอยู่ แต่ข้อดีของที่นี่คืออยู่ใกล้กับเมืองหลวงมากกว่า อีกทั้งของกินของใช้ ยังดูดีกว่าเมืองถังเสียอีก “ท่านแม่ท่านมีเงินติดตัวมามากน้อยเพียงใด” เฉาซูหลิ่งหน้าเจื่อนหลังได้ยิน “มีไม่มากหรอก ท่านปู่ท่านย่าของเจ้า ไม่ได้ให้อะไรติดตัวมาเลย” หลี่เมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้นสูง “ท่านพ่อเล่า” “พ่อเจ้าน่ะหรือ แม้แต่หน้าของข้า ยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ” “เงินเก็บส่วนตัวเล่า” “มีอยู่แค่หนึ่งร้อยตำลึง เบี้ยเลี้ยงข้าได้เดือนละห้าตำลึงเท่านั้น ดีที่ก่อนหน้าข้าแอบขอท่านพ่อของเจ้าเอาไว้บ้าง” “หนึ่งร้อยตำลึ
3 : ยืมกระโถนฉี่ข้างบ้าน หลังเข้ามาอยู่ในห้องนอนแล้ว สองแม่ลูกกลับพบปัญหาใหญ่ ไม่มีน้ำสะอาดให้ใช้ เฉาซูหลิ่งถึงกับน้ำตาคลอเบ้า นางทำความสะอาดจนเนื้อตัวสกปรกไปหมด ต้องการอาบน้ำให้สดชื่น ขณะที่ผู้เป็นบุตรสาวนั้น กำลังเป็นกังวลกับห้องสุขาของที่นี่ สภาพผุพังเช่นนั้น เข้าไปทำธุระไม่ได้แล้ว “ช่างหัวน้ำมันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยหาทางเอา เหยาเอ๋อร์หากเจ้าปวดเบา ก็ใช้กระโถนไปก่อนก็แล้วกัน” เฉาซูหลิ่งตัดใจจากน้ำสะอาด โชคดีที่ถุงน้ำของนางกับบุตรสาว ยังพอมีน้ำเหลืออยู่ นำมาเทใส่ผ้าสะอาด เช็ดหน้าตาไปก่อนได้ “ท่านแม่กระโถนที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนกัน” หลี่เมิ่งเหยาเห็นเพียงเตียงเก่า ๆ หลังหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในห้อง “มันต้องมีสิ แม่ไปหาห้องอื่นดูก่อน” หลังจากมองหากระโถนฉี่ให้บุตรสาวไม่พบ นางก็รีบเดินออกไปยังห้องอื่น อย่าว่าแต่กระโถนฉี่ไม่มีเลย กระทั่งตะเกียงกับหินจุดไฟก็หาไม่เจอ นางรีบเดินกลับมาหาบุตรสาวในห้อง สีหน้าจนหนทางแล้วจริง ๆ “ท่านแม่อีกหน่อยฟ้ามืดสนิทจะแย่เอานะเจ้าคะ” เอ่ยแล้วรอดูว่ามารดาของตนจะทำอ
2 : ข้าบอกให้เจ้าตื่น หลี่เมิ่งเหยา ! พอบุตรสาวหลับไปแล้ว นางถึงได้มานั่งคอตกคิดถึงอนาคตของตัวเอง ไม่รู้ว่าเรือนร้างที่เมืองฉางเป็นอย่างไรบ้าง เหมือนเคยรู้มาว่า เป็นเรือนเอาไว้สำหรับพักค้างคืน ระหว่างการเดินทางไปดูแลการค้า ซึ่งเมื่อก่อนตระกูลหลี่เคยมีร้านค้าอยู่ที่นั่น พอหลี่หงซวนได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองถัง คนตระกูลหลี่ก็ขายกิจการที่เมืองฉางทิ้งไป เหลือไว้เพียงเรือนแห่งเดียว ระหว่างทางหลี่เมิ่งเหยาตัวร้อนขึ้นมาจริง ๆ ผู้เป็นมารดารีบเช็ดตัวให้นาง และป้อนยาที่ต้มเอาไว้ก่อนหน้าตามไปด้วย ไข้ถึงลดลงในเวลาต่อมา ต้องใช้เวลาเดินทางสองวัน คืนนี้เลยต้องเข้าพักในโรงเตี๊ยมไปก่อน ตื่นเช้ามาหลี่เมิ่งเหยามีอาการดีขึ้น นางไม่ปวดศีรษะเหมือนเมื่อวานที่ผ่านมา ทำให้สามารถออกเดินทางต่อได้ในทันที รถม้ามาถึงประตูเมืองฉาง เป็นเวลายามเซิน(15.00-16.59)แล้ว จากนั้นรถม้าก็มาจอดอยู่หน้าเรือนร้างในตรอกหนิงอัน “เชิญอนุเฉากับคุณหนูเข้าเรือนเถอะขอรับ ข้าต้องขอตัวกลับก่อน” คนขับรถม้าขนสัมภาระของทั้งคู่ลงจากรถม้า จากนั้นก็รีบจากไปในทันที
1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทร