แชร์

บทที่ 2

เสิ่นซางหนิงรู้ว่าจะไปตามหาเขาได้ที่ไหน

ค่ำคืนที่มิดสนิท แต่ในจวนเต็มไปด้วยบรรยากาศครึกครื้น ทางเดินถูกแขวนด้วยผ้าไหมสีแดงและโคมไฟสีแดง

งานเลี้ยงที่ลานหน้าบ้านเพิ่งจบลงไปไม่นาน เสิ่นซางหนิงวิ่งรีบร้อนมาก และจู่ๆ ก็มีคนปรากฏตัวขึ้นที่มุมถนน นางจึงไม่ทันได้หยุดฝีเท้าจึงชนเข้าไปเลย

หน้าอกของอีกฝ่ายแข็งมาก เสิ่นซางหนิงปิดหน้าผากและถอยหลังออกไป ขณะที่นางกำลังจะเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ก็ได้ยินน้ำเสียงที่ดูประหลาดใจของอีกฝ่าย——

"พี่สะใภ้เหรอ"

เสิ่นซางหนิงฟังเสียงนี้มาครึ่งชีวิตแล้ว แต่ยามนี้กลับมีความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ถูกสามีในชีวิตที่แล้วเรียกตนเองว่าพี่สะใภ้ นอกจากไม่ชินแล้วยังรู้สึกอึดอัดด้วย

เสิ่นซางหนิงเงยหน้าขึ้นมองและเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของเผยเชิ่อ

เขาหน้าไม่เหมือนเผยหลูเยียน เขาไม่ได้เย็นชาและสูงส่งเท่าเผยหลูเยียน แต่ดูสง่างามกว่า

"พี่สะใภ้ไปไหนหรือ ท่านพี่ชายอยู่ไหน"

เผยเชิ่อมองไปยังพี่สะใภ้ซึ่งอายุน้อยกว่าเขา และสงสัยว่าเหตุใดนางถึงวิ่งไปข้างนอกในคืนวันแต่งงาน

เนื่องจากตระกูลเผยและตระกูลเสิ่นต่างเป็นตระกูลขุนนางชั้นสูงของเมืองหลวง ที่เผยเชิ่อจำนางได้ก็ไม่แปลกใจ

เสิ่นซางหนิงได้กลิ่นสุราในอากาศ เขาขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจเล็กน้อย และตอบอย่างเฉยเมยว่า "ห้องหนังสือ"

"ห้องหนังสือหรือ" ไม่คาดคิดว่าคืนวันแต่งงาน พี่ชายกับพี่สะใภ้จะใช้เวลาในห้องหนังสือ เผยเชิ่ออดไม่ได้ที่หัวเราะ "ต้องให้ข้านำคนพี่สะใภ้ไปหรือไม่"

เสิ่นซางหนิงส่ายหัวและปฏิเสธน้ำใจอีกฝ่าย จากนั้นก็เห็นเผยเชิ่อพยักหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้าความคาดหวัง จากนั้นก็เดินทางไปลานหลังต่อ

เขาเร่งฝีเท้า สีหน้าเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความสุขที่ได้แต่งงาน ซึ่งทำให้เสิ่นซางหนิงนึกถึงคืนแต่งงานในชีวิตก่อนของนาง

คืนนั้น เมื่อเผยเชิ่อเปิดผ้าคลุมหัวของนางและเห็นว่าเป็นนางนั้น เขาก็ไม่พอใจมาก ต่อมาก็มักจะเย็นชาใส่นาง

แต่ตอนนี้ เสิ่นซางหนิงเพิ่งจะรู้ว่าที่แท้ระหว่างทางไปเรือนหอ เขามีความสุขขนาดนั้น

ความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้นในใจก็หายวับไปทันที

นางไม่เคยติดค้างผู้ใด การแต่งงานระหว่างนางกับเขาเป็นเพราะแผนของเสิ่นเมี่ยวอี๋ นางเองเป็นเหยื่อ แต่กลับต้องทนกับความไม่พอใจจากเผยเชิ่อด้วย

แม้ว่าต่อมาเผยเชิ่อจะตกหลุมรักนางเข้าและกลับเนื้อกลับใจ แต่นางผิดหวังกับเขามามากพอแล้ว หลังๆ ก็แค่เล่นละครเท่านั้น

พูดตามตรง เผยเชิ่อไม่ใช่คู่ครองที่เหมาะสม การดูแลเขาก็เหมือนกับการเลี้ยงลูกชายคนหนึ่ง

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เผยหลูเยียนต้องดีกว่าเป็นหลายๆ เท่า

เผยหลูเยียนตอนอายุยังน้อยก็รู้ความเป็นเหมือนผู้ใหญ่ มีความสามารถ สอบติดอันดับหนึ่งเป็นสามปีติดต่อกัน บัดนี้อายุยี่สิบสองปีก็เป็นขุนนางระดับห้าของกรมราชการ

ในฐานะซื่อจื่อจากจวนกั๋วกง เขาถือว่าการฟื้นฟูครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกมาโดยตลอด และไม่มีปัญหาเรื่องเจ้าชู้อย่างกับเผยเชิ่อ

แม้ว่าจะออกจากเรือนหออย่างโกรธๆ เขาก็คงไปแค่ห้องหนังสือเพื่อทำงานหรือไม่ก็อ่านหนังสือ จะไม่ไปทำอะไรมั่วๆ ที่ข้างนอก

ดูสิ ไม่ต้องให้เป็นห่วงเลย

เมื่อคิดถึงเช่นนี้ เสิ่นซางหนิงก็มั่นใจมากขึ้นก่อนเร่งฝีเท้าไปห้องหนังสือ

ไฟในลานหลายแห่งที่ใกล้ห้องหนังสือต่างก็ปิดแล้ว และมีเพียงห้องหนังสือเท่านั้นที่สว่างจ้า

เสิ่นซางหนิงลังเลอยู่นอกประตูสักพักก่อนจะเคาะประตู

ดูเหมือนคนข้างในจะไม่ได้ยิน ขณะที่นางกำลังจะเปิดประตูนั้นก็ด้ยินเสียงของเผยหลูเยียนดังมาจากข้างใน

เสียงของเขาแหบเล็กน้อย——

"ไม่ต้องมาส่งอาหาร ไม่ต้องมารอรับใช้"

เสิ่นซางหนิงอึ้งไป เขาเข้าใจผิดว่านางเป็นคนรับใช้ จากนั้นก็พูดอย่างกังวลใจว่า "ข้าเอง"

หลังจากพูดจบ ข้างในยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ราวกับตกอยู่ในความเงียบ

เสิ่นซางหนิงรู้สึกใจร้อนขึ้นมา นางจึงเอื้อมมือออกไปเจาะรูที่หน้าต่างด้านหนึ่ง และมองเข้าไปในรูเล็กๆ

เดิมทีนางคิดว่าจะได้เห็นเผยหลูเยียนกำลังอ่านหนังสืออย่างจริงจัง

แต่ว่าไม่

ด้านหลังฉากบังตาเป็นที่นอนแข็งที่มีขนาดไม่ใหญ่

เสิ่นซางหนิงมองเห็นร่างที่เคลื่อนไหวอย่างคลุมเครือ

เขากำลังทำอะไรอยู่

เสิ่นซางหนิงกำลังสงสัยอยู่ก็ได้ยินเสียง "ปัง" และมีของบางอย่างกลิ้งลงมาจากเตียง

เป็นแก้วสุราสีแดงที่ประณีต

เผยหลูเยียนกำลังดื่มสุราหรือ แต่เขาไม่เคยดื่มสุรามิใช่หรือ

เสิ่นซางหนิงยังจำได้ว่าตอนที่เผยหลูเยียนเสียชีวิตอย่างกะทันหันนั้น หมอหลวงจากวังมาตรวจให้ โดยบอกว่าสาเหตุของการเสียชีวิตของเขาคือภาวะซึมเศร้าและการทำงานหนักเกินไป

แต่เขาจะมีเรื่องซึมเศร้าอะไรกัน ในฐานะซื่อจื่อ เขาก็มีทุกอย่างที่ต้องการนี่

ความปรารถนาเดียวของเขาน่าจะหวังว่าให้จวนหนิงกั๋วกงกลับมาสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง ที่เขาซึมเศร้าก็เป็นเพราะจวนหนิงกั๋วกงตกอับไปเรื่อยๆ ดังนั้นจึงใจร้อนเลยเสียชีวิตด้วยความเหนื่อยล้า

แต่การดื่มสุราคงจะยิ่งไม่ดีต่อสุขภาพของเขาสินะ

ไม่ได้การ

เสิ่นซางหนิงผลักเปิดประตูทันทีและเข้าไปโดยไม่รอคำตอบจากเขา

เผยหลูเยียนกำลังนั่งตัวตรงบนที่นอนตัวแข็ง ดื่มสุราที่ไหนกัน

ถ้าเขาไม่ได้ถือขวดสุราเล็กๆ อยู่ในมือ ท่าทางที่จริงจังของเขาคงจะเหมือนกับอ่านหนังสืออยู่มากกว่า

เผยหลูเยียนไม่คาดคิดว่าเสิ่นซางหนิงจะบุกเข้ามา เขาเลิกคิ้วและดวงตาฉายแววเย็นชา "ออกไป"

เสิ่นซางหนิงทำราวกับว่าไม่ได้ยินอะไรเลย และค่อยๆ เดินเข้าไปหา

เมื่อพบว่าอากาศรอบตัวเขาสดชื่น จึงรู้ว่าเขาไม่ได้ดื่มมากนัก เสิ่นซางหนิงรู้สึกค่อยโล่งใจเล็กน้อย แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะพูดว่า "การดื่มสุรามันไม่ดีต่อร่างกาย"

มันฟังดูเหมือนเป็นคำพูดที่ให้ความสนใจ แต่มอถึงหูของเผยหลูเยียนกลับฟังดูรุนแรงมาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม——

"ตอนกัดข้าทำไมไม่กลัวข้าจะเจ็บ"

เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นซางหนิงแอบอุทานในใจ เรื่องนี้ไม่จบแน่ๆ

แต่ก็จริงอย่างที่ว่าใช่ ไม่ว่าใครจะถูกภรรยากัดอย่างไร้เหตุผลในคืนวันแต่งงาน ก็คงต้องโกรธทั้งนั้น

เสิ่นซางหนิงไม่สามารถคิดหาข้อแก้ตัวใดๆ ได้ ถ้านางบอกว่าเพราะฝันร้ายจึงกัดคน นั่นจะทำให้เขายิ่งโกรธไปใหญ่หรือไม่เล่า

เวลาร่วมรักกลับเผลอหลับไป สำหรังผู้ชายแล้ว มันเป็นการดูถูกชัดๆ

เสิ่นซางหนิงครุ่นคิดอยู่นาน และในที่สุดก็คิดถึงข้อแก้ตัวภายใต้การจ้องมองของเผยหลูเยียน นางแสร้งทำเป็นก้มศีรษะลงอย่างเขินอาย ราวกับหญิงสาวที่ไม่รู้อะไรทั้งนั้น——

"ข้าไม่ได้ตั้งใจกัดท่านนะ มันเป็นเพราะท่านทำให้ข้าเจ็บ"

หลังจากพูดจบ บรรยากาสในห้องหนังสือก็ตกอยู่ในความเงียบอันน่าขนลุกอีกครั้ง

แม้แต่เสิ่นซางหนิง ผู้หญิงที่มีอายุสี่สิบก็ยังรู้สึกเขินอาย นางกับเผยหลูเยียน ยังไม่ได้สนิทจนถึงขั้นมาพูดอะไรที่น่าอายๆ โดยไม่หน้าแดง

นางมองไปที่เผยหลูเยียน เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขายังคงไม่แยแสราวกับกำลังบอกเป็นนัยๆ ว่า "ไม่เชื่อ"

เพราะตอนที่นางกัดคนนั้นก็เหมือนกับเอาชีวิตเขาเลย ไม่มีทีทางเป็นผู้หญิงที่ยอมแต่งงานกับเขา

เสิ่นซางหนิงถามอย่างอ่อนแรง "ให้ข้าช่วยทายาดีไหม"

เผยหลูเยียนวางขวดสุราลงแล้วยิ้มเยาะ "หากรอฮูหยินมาทายาให้ ข้าคงเลือดไหลจนตายไปแล้ว"

เสิ่นซางหนิงพูดไม่ออกครู่หนึ่งเพราะโดนเขาตำหนิ แค่บอกว่าได้ทายาแล้วก็ได้แล้วนี่ ทำไมต้องพูดเยาะเย้ยอีกเล่า

นางเม้มริมฝีปาก เห็นได้ชัดว่ากำลังหงุดหงิดอยู่ทว่ายังต้องฉีกยิ้มออกมา "หากท่านยังโกรธ ท่านกัดข้ากลับก็ได้นะ"

เผยหลูเยียนเหลือบมองนางเรียบๆเ เสียงของเขาเย็นชาและห่างไกล——

"จากความเย็นชากลายเป็นความกระตือรือร้น ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเอง เจ้านี่ตีสองหน้าเก่งจริงๆ"

"ทุกสิ่งในโลกนี้มีไว้เพื่อผลประโยชน์"

ดวงตาของเขาดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งบางๆ และเย็นเยือกมาก "ฮูหยินอยากได้อะไรจากข้าเล่า"

อยากได้อะไรงั้นหรือ

เสิ่นซางหนิงต้องการมีลูก

แต่แทนที่จะพูดตรงๆ นางกลับเลือกที่จะพูดอ้อมค้อม

ดังนั้นนางจึงพูดด้วยน้ำเสียงคับข้องใจ ได้ร้องขอบางอย่างที่ผู้ชายธรรมดาจะปฏิเสธไม่ได้——

"คืนนี้เป็นคืนแต่งงาน ข้าแค่อยากอยู่กับท่าน"

เผยหลูเยียนยังคงไม่เชื่อนาง "ข้าไม่อยากอยู่กับเจ้า"

คำพูดที่ตรงไปตรงมาของเขาทำให้มุมปากที่ยกขึ้นของเสิ่นซางหนิงก็แข็งทื่อ

ทันใดนั้นนางก็เข้าใจว่าทำไมเสิ่นเมี่ยวอี๋ในชาติก่อนถึงอยู่ในเรือนหอตามลำพัง

นางอดไม่ได้ที่จะถามว่า "ในคืนวันแต่งงาน ถ้าท่านไม่ได้อยู่กับภรรยา ท่านอยากอยู่กับผู้ใดเล่า"

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status