Share

บทที่ 10

เผยหลูเยียนปิดตู้ลงและปิดตู้ไม้ให้สนิทก่อนสั่งเฉินซู

"วันมะรืนนี้ฮูหยินจะกลับบ้านพ่อแม่ของนาง เจ้าและอวี้เฟยจงไปเตรียมสิ่งของทั้งหมดสำหรับการกลับบ้าน"

เฉินซูตอบรับโดยยืนนิ่ง

เผยหลูเยียนเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า "ยังไม่ไปอีกเหรอ?"

เฉินซูกล่าวอย่างลำบากใจว่า "ซื่อจื่อ ท่านเจ้ากรมให้เวลาท่านพักผ่อนเพียงสามวัน ถึงพรุ่งนี้พอดี มะรืนนี้นี้ท่านไม่มีเวลากลับบ้านพร้อมฮูหยิน ไม่ทราบว่าทางฮูหยินน้อยจะโกรธหรือไม่"

เผยหลูเยียนกล่าวว่า "เจ้าไปจัดการก่อน"

หากปล่อยให้เจ้าสาวกลับบ้านพ่อแม่ด้วยคนเดียว นางอาจจะโดนนินทาแทบตาย

แม้ว่าจะมีความขัดแย้งระหว่างคู่รักกัน แต่เผยหลูเยียนก็ไม่สามารถปล่อยให้นางกลับไปตามลำพังได้

เฉินซูยังไม่เข้าใจความตั้งใจของซื่อจื่อ เมื่อเห็นทัศนคติที่ไม่แยแสของเขา เขาจึงคิดว่าซื่อจื่อคงจะไม่ไปกับฮูหยินน้อยเลย

หลังจากที่เฉินซูจากไป เผยหลูเยียนไม่ได้นั่งอ่านหรือทำงานต่อเลย แต่เดินไปด้านหลังฉากบังตา

ขวดสุราสีแดงยังคงวางอยู่บนโต๊ะเล็ก เผยหลูเยียนหยิบที่จับขึ้นมา ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนวางมันลงอีกครั้ง

เขาเป็นคนไม่ดื่มเหล้า น่าเสียสุราที่ดีนี้

มันคือสุราแต่งงาน

เมื่อคืนเขาใช้เวลาทั้งคืนอยู่นอกบ้านเพื่อรับลมและมองดูดวงจันทร์ ในที่สุดเขาก็รู้สึกง่วงเล็กน้อย

ดวงตาของเผยหลูเยียนมองผ่านที่นอนตัวแข็ง เห็นผ้าห่มยับ และคิดถึงผู้คนที่นอนที่นี่ในเมื่อคืนนี้

เปลือกตาของเขาหย่อนเล็กน้อย ปกปิดความแปลกประหลาดในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็นอนลงอย่างเงียบๆ

บนผ้าห่มดูเหมือนจะยังมีกลิ่นหอมของพุดคงหลงเหลืออยู่ เขาหลับตาลง ในขณะนี้ จิตใจของเขาก็สงบลง

*

แตกต่างจากเรือนชิงอวี๋นที่ไร้ชีวิตชีวา เรือนฝูฮวากำลังมีความคึกคัก

ในห้องนอนก็มีเสียงพูดพล่ามอยู่ตลอดเวลา

สาวใช้ที่อยู่ข้างนอกประตูรู้สึกเขินอายเกินกว่าจะเข้าไปใกล้ พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ห่างๆ และกระซิบ

"คุณชายรองและฮูหยินน้อยรองมีความสัมพันธ์ที่ดีจริงๆ นี่ยังไม่ถึงสิบสองชั่วยามเลย มันตั้งกี่ครั้งแล้ว"

"คุณชายรองก็แค่ชอบอะไรใหม่ๆ ตอนที่อนุและสาวใช้ต้นห้องได้รับความโปรดปรานนั้นก็ทำเหมือนกันไม่ใช่หรือ?"

"น่าอายจริงๆ กลางวันแสกๆ เช่นนี้ ข้านึกว่าคุณหนูจากตระกูลชั้นสูงจะต่างกัน"

"เมื่อเช้านี้ข้าได้ยินมาว่าทางเรือนชิงอวี๋นไม่ได้สั่งให้ไปส่งน้ำ ทั้งสองฝ่ายนี้ต่างกันราวกับฟ้าและดินเลย"

บ่าวไพร่ที่มีอายุมากกำลังนินทากัน ในขณะที่สาวใช้อายุน้อยๆ ก็ฟังดูอย่างเขินอายและไม่กล้าพูดคุยอะไรเลย

ทันใดนั้น เสียงหอบในห้องหลักก็หยุดลง และสาวใช้ที่กำลังนินทานั้นก็นำน้ำเข้าไปด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

ภายในบ้าน

เสิ่นเมี่ยวอี๋สวมชุดชั้นในของนางซึ่งแทบจะไม่สามารถปกปิดร่องรอยบางส่วนได้ แต่สิ่งที่นางไม่สามารถซ่อนได้คือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสดใสนั้น

มีเสน่ห์มาก ยิ่งทำให้เผยเชิ่อหลงใหลจนหัวปักหัวปำ

แต่เดิมคิดว่าป็นดอกไม้ที่บริสุทธิ์และสูงส่ง แต่ไม่ได้คาดคิดว่านางจะยอมละทิ้งฐานะตนเองแล้วเอาใจเขาเช่นนี้

แต่เมื่อความสนุกจบลง สติของเผยเชิ่อก็กลับมา

เขารีบแต่งตัวให้เรียบร้อยและนั่งบนเตียง "เมี่ยวเมี่ยว อย่าลืมดูแลผู้คนในเรือนให้ดี อย่าปล่อยให้เรื่องซุบซิบเข้าหูท่านพ่อและท่านแม่ด้วย"

การมีอะไรในกลางวันแสกๆ จะว่าไปก็ไม่เหมาะ

"ท่านรอง ข้าเข้าใจ" เสิ่นเมี่ยวอี๋คุกเข่าลงข้างหลังเขาโดยไม่สวมเสื้อคลุมนอกใดๆ แขนสีขาวคู่หนึ่งโอบรอบไหล่ของเขาอย่างนุ่มนวลจากด้านหลัง "ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน"

"ว่ามา" เสียงของเผยเชิ่อยังคงแหบแห้ง และเมื่อเขาหันศีรษะไปยังเผยให้เห็นความรักใคร่

เสิ่นเมี่ยวอี๋แอบรู้สึกยินดีและขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น ใช้นิ้วลูบร่างกายของเขาผ่านเสื้อผ้าไปมา

ในทางกลับกันก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า "ข้าอยากทำธุรกิจบ้าง"

เมื่อเขาได้ยินครั้งแรก เผยเชิ่อไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไรและไม่ได้จริงจังกับมัน "ข้ามีทรัพย์สินใต้ชื่อของข้า และมีรายได้เป็นค่าเช่าในทุกเดือน แม้ว่าเงินของจวนเจ้าจะแตะต้องไม่ได้ แต่เงินของข้าจะให้เจ้ามาจัดการได้นะ"

"จริงหรือ?" เสิ่นเมี่ยวอี๋มีความสุขมาก "ท่านรอง ข้าอยากจะเปิดร้านอาหารที่เขตตะวันออกในเมืองก่อน!"

ดวงตาของเสิ่นเมี่ยวอี๋เต็มไปด้วยการต่อสู้ ราวกับว่านางได้เห็นรุ่งอรุณแห่งชัยชนะแล้ว

จำได้อย่างรางๆ ว่าในชิติที่แล้ว เสิ่นซางหนิงเริ่มต้นจากการเปิดร้านอาหาร

ขณะที่นางกำลังจินตนาการอยู่ ก็รู้สึกว่าน้ำเสียงของคนตรงหน้าเย็นชาลง

"เจ้าอยากทำธุรกิจด้วยตัวเองเหรอ แทนที่จะปล่อยให้คนข้างกายไปจัดการแทนหรือ"

เสิ่นเมี่ยวอี๋ตกตะลึง "ให้คนข้างกายไปทำ แล้วข้ามาบริหารเอง"

เผยเชิ่อขมวดคิ้ว "ไม่ได้ แม้ว่าข้าจะเป็นบุตรของอนุภรรยา แต่ทางจวนกั๋วกงก็ไม่เคยให้เราได้ขาดแคลนอะไร เจ้าไปเพ่นพ่านให้ใครเห็นหน้าค่าตาข้างนอกไม่ได้ มันจะทำให้จวนกั๋วกงเสียชื่อ"

เขาทำหน้าดุ และเสิ่นเมี่ยวอี๋ก็มองเขาด้วยความกลัวอย่างอธิบายไม่ถูก

นางก้าวถอยหลังอย่างรู้สึกผิด "งั้นข้าก็ไม่ออกไปก็ได้แล้วนี่ ข้าจะไม่ปรากฏตัวในร้านอาหารเลย"

"หากไม่ปรากฏตัวแล้วเจ้าจะทำธุรกิจอะไรกัน" แม้ว่าเผยเชิ่อจะเป็นคนเสเพล แต่หาใช่ว่าเขาไม่เข้าใจอะไร "แม้แต่เป็นมหาเศรษฐียังต้องตรวจสอบอุตสาหกรรมของตนเองและปรับปรุงด้วย"

เสิ่นเมี่ยวอี๋เม้มริมฝีปากของนาง ความยินดีในเมื่อกี้ก็จางหายไป "เพราะท่านไม่อยากให้ข้าออกหน้าไง"

"อืม" เผยเชิ่อปฏิเสธอย่างหนักแน่น

เสิ่นเมี่ยวอี๋เห็นชายผู้อบอุ่นและหลงใหลใจในเมื่อกี้นั้นเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน นางรู้สึกน้อยใจอย่างยิ่ง "หากเป็นเสิ่นซาง-- ท่านพี่หญิงของข้าไปทำธุรกิจล่ะ จะได้ไหม?"

เผยเชิ่อขมวดคิ้วแน่นขึ้น "เรื่องพี่สะใภ้ปล่อยให้พี่ชายไปจัดการ ไม่เกี่ยวกับข้าเลย"

"ท่าน ... " เสิ่นเมี่ยวอี๋ตกใจมากจนพูดอะไรไม่ออก

เมื่อเผยเชิ่อเห็นว่านางดูเสียใจ จากนั้นก็ใจอ่อนลง และทำให้น้ำเสียงอ่อนลง

"ที่บ้านไม่ต้องให้เจ้าทำพวกนี้ หากเจ้าชอบอะไรหรือต้องการอะไร ข้าจะซื้อให้เจ้าโดยตรง ไม่ต้องไปทำให้วุ่นวาย"

หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้น แต่ก่อนจะจากไปเขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างจึงหันกลับมา

เสิ่นเมี่ยวอี๋คิดว่าเขาเปลี่ยนใจแล้ว และในดวงตาก็เผยความสุขและความคาดหวังขึ้นมาอีกครั้ง

แต่ไม่คาดคิด เขากลับแค่กำชับว่า

"เมี่ยวเมี่ยว ยามเช้านี้เจ้าพูดอะไรผิด ถ้ามันเข้าหูท่านแม่และพี่ชาย งั้นข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้นะ"

"หนังสือที่พี่สะใภ้ให้เจ้าไปคัดลอกนั้น เจ้าต้องส่งให้ตามเวลากำหนด"

เผยเชิ่อออกไปหลังจากพูดอย่างนั้น

เขาไม่เห็นความไม่พอใจบนใบหน้าของเสิ่นเมี่ยวอี๋

เสิ่นเมี่ยวอี๋ไม่เข้าใจว่าทำไมสิ่งที่เสิ่นซางหนิงทำได้นั้นนางกลับทำไม่ได้

เมื่อนางได้รับโอกาสที่จะเกิดใหม่แล้ว นางจะต้องไม่นั่งนิ่งอย่างเฉยๆ

ก็แค่ทำธุรกิจเอง ไม่เห็นจะมีอะไรยากเลย

เผยเชิ่อไม่ให้ทำ เป็นเพราะเขาไม่เห็นประโยชน์มหาศาลในอนาคต เมื่อนางเริ่มธุรกิจ นางไม่เชื่อว่าเขาจะหยุดนางอีก

"ซู่หยุน" เสิ่นเมี่ยวอี๋ตัดสินใจแล้ว นางเรียกสาวใช้ข้างกายมา "ตอนนี้สินเดิมของข้ามีเงินสดอยู่เท่าไหร่?"

"เงินสดห้าพันตำลึง" ซู่หยุนตอบตามความจริง

"ทำไมมันถึงแค่ห้าพันตำลึง?" เสิ่นเมี่ยวอี๋ถามอย่างสงสัย "เสิ่นซางหนิงก็มีแค่นี้หรือ"

ซู่หยุนพยักหน้า "ลูกสาวที่ออกจากจวนป๋อ ควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ต้องพูดถึงว่าคุณท่านจะชอบท่านมากกว่า"

มันก็สมจริง เสิ่นเมี่ยวอี๋จึงไม่ได้ถามเพิ่มเติมอีก

แต่ห้าพันตำลึงนี้อาจฟังดูเหมือนมีเยอะ แต่ถ้าต้องการเริ่มต้นธุรกิจจริงๆ มันยังไม่เพียงพอ

ปกติแล้วเสิ่นเมี่ยวอี๋ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย และไม่เคยเก็บเงินเลย แต่ตอนนี้กลับต้องมาปวดหัวเรื่องเงิน

เมื่อซู่หยุนเห็นเช่นนั้นก็วางแผนว่า "หากท่านคิดว่าไม่พอ งั้นสามารถกลับจวนป๋อเพื่อขอเงินกับคุณท่าน คุณท่านต้องให้ท่านเองแน่ๆ"

จะว่าอย่างนั้น เนื่องจากแม่ของเสิ่นเมี่ยวอี๋ให้กำเนิดบุตรชายให้กับจวนป๋อ เฉิงอันป๋อจึงปฏิบัติต่อลูกติดอย่างนางดีกว่าลูกสาวแท้ๆ ของเขาเสียอีก

ถึงขั้นวางแผนที่จะเปลี่ยนการแต่งงานด้วยซ้ำ

แต่หลังจากที่เสิ่นเมี่ยวอี๋ได้เกิดใหม่ นางก็ไม่ยอมที่จะเปลี่ยนการแต่งงาน ซึ่งทำให้เฉิงอันป๋อไม่พอใจ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ นางขมวดคิ้ว "ท่านพ่อยังโกรธอยู่ ข้าเกรงว่าจะขอเงินไม่ได้ในตอนนี้"

"ไปขายร้านใต้ชื่อของข้าในทำเลที่ย่ำแย่เพื่อแลกเงินมา" เสิ่นเมี่ยวอี๋ตัดสินใจเปิดร้านอาหารขนาดใหญ่ในเขตตะวันออกในเมือง

"ฮูหยินน้อย" ซู่หยุนตกใจมาก "นั่นคือสินเดิมของท่าน หากคุณชายรองได้รู้ว่าท่านขายสินเดิมไป เกรงว่า..."

ผู้หญิงที่จะจะขายสินเดิมเมื่อแต่งงานกันเล่า

หากข่าวแพร่ออกไป ผู้คนภายนอกจะคิดว่าจวนกั๋วกงจะล้มละลาย

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status