แชร์

บทที่ 15

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเผยหลูเยียนก็มืดลงทันที

เขามองไปที่เสิ่นยี่ด้วยสีหน้าเย็นชา "ท่านพ่่อ ทำไมเป็นเช่นนี้"

ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ เสิ่นยี่ก็มีเหงื่อเย็นไหลออกมาบนหลังของเขา

ลูกเขยที่อ่อนโยนและสุภาพในเมื่อกี้ ก็ชักสีหน้าลง ทำให้ผู้คนหวาดกลัวมาก

"แม่ของซางหนิงเป็นนักธุรกิจ ในจวนป๋อของเรายังไม่เคยมีลูกสาวจากครอบครัวนักธุรกิจตั้งป้ายวิญญาณที่ห้องโถงบรรพบุรุษ" เสิ่นยี่รู้สึกว่าเขามีเหตุผล แต่ภายใต้การจ้องมองที่สงบของเผยหลูเยียน เขาก็กระพริบตาอย่างร้อนตัว

"ภรรยาเอกของท่านไม่คู่ควรที่จะเข้าไปในห้องโถงของบรรพบุรุษหรือ" เผยหลูเยียนคิดว่ามันไร้สาระเอาซะและหัวเราะเบาๆ "หรือว่าท่านแม่ของฮูหยินข้าจะไม่คู่ควรกับตระกูลเสิ่นหรือ?"

เสิ่นยี่เหงื่อออกและเขาก็ตัดสินใจทันทีว่า "ลูกเขยพูดไปไกลแล้ว แน่นอนว่าคู่ควร ในฐานะแม่สามีของซื่อจื่อจากจวนกั๋วกง ป้ายวิญญาณของนางเวยเซิงสามารถเข้าไปในห้องโถงบรรพบุรุษได้"

เมื่อเห็นว่าเผยหลูเยียนเงียบ เขาก็รีบพูดว่า "จะให้เข้าวันนี้เลย วันนี้"

เมื่อฟังคำพูดที่เร่งรีบของเสิ่นยี่แล้ว เสิ่นซางหนิงก็รู้สึกน่าขำสิ้นดี

ในชีวิตแม่ นางเป็นลูกสาวของตระกูลเวยเซิง เมื่อนางโตขึ้นก็ถูกส่งไปที่จวนป๋อเพื่อให้เป็นเครื่องมือ ต่อมาก็ถูกจวนป๋อเห็นว่าเป็นภาระ

หลายปีที่ผ่านมา ป้ายวิญญาณของแม่ถูกวางไว้ในห้องของนางเพื่ออยู่เป็นเพื่อนนาง

อันที่จริงแบบนี้ก็ดี ห้องโถงบรรพบุรุษของจวนป๋อไม่คู่ควรกับท่านแม่ของนางเลย

ตั้งแต่นางเกิดใหม่ นางก็ไม่คิดที่จะรักษาความสัมพันธ์กับจวนป๋อ

หลังจากที่นางเอาเปรียบกับจวนป๋อก่อน เพื่อให้เสิ่นยี่คลายสิ่งที่ไม่ใช่ของเขาออกไป แม้ว่าป้ายวิญญาณของแม่จะถูกใส่เข้าไปในห้องโถงของบรรพบุรุษ เมื่อนางแยกจากจวนป๋อโดยสิ้นเชิง นางก็จะเอามันออกมาอยู่ดี

ไม่จำเป็นต้องทำยุ่งยากเลย

เผยหลูเยียนก้มศีรษะลง ดวงตาลึกของเขามองผ่านใบหน้าของภรรยา ราวกับจะเข้าใจความคิดของนาง

เมื่อเขาเห็นสีหน้าดูถูกเหยียดหยามของนาง เผยหลูเยียนก็ตอบคำพูดของเสิ่นยี่ด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า "ไม่จำเป็น"

"อ๊า?" เสิ่นยี่ไม่เข้าใจ

วุ่นวายมาขนาดนี้สุดท้ายกลับบอกว่าไม่จำเป็นงั้นเหรอ

"คิดดูแล้ว ท่านแม่คงไม่ได้รู้ภูมิใจกับเรื่องนี้" เผยหลูเยียนพูดช้าๆ "งั้นไปที่ห้องฮูหยินเพื่อถวายธูปให้ท่านแม่"

เสิ่นยี่ไม่เข้าใจ แต่เผยหลูเยียนได้ข้อสรุปแล้ว

เสิ่นซางหนิงพยักหน้า จับมือของเผยหลูเยียนอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วเดินไปที่ห้องโถงใหญ่

เสิ่นยี่มองไปที่คู่หนุ่มสาวที่จับมือกัน แต่เดิมเขาควรจะพอใจ แต่ในขณะนี้ เขาเพียงรู้สึกงุนงงและสับสนเท่านั้น

เผยเช่อฟังมาเป็นเวลานาน แต่เขาไม่เคยเห็นครอบครัวเช่นนี้มาก่อน ดูหมิ่นภรรยาเอกของตนเองมากขนาดนี้

แม้ว่าสถานะของนักธุรกิจจะต่ำ แต่เจ้าเพิ่งทราบว่าภรรยามากจากครอบครัวนักธุรกิจหลังจากแต่งงานหรือไง

เหอะ ก็แค่การพยายามหาผลประโยชน์ หลอกใช้คนอื่นเสร็จแล้วก็ถีบหัวส่ง

เมี่ยวเมี่ยวเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนี้และยังคงเป็นคนใจดีและไร้เดียงสา ถือเป็นโชคดีและหายากจริงๆ...

*

ทางด้านนั้น

เสิ่นซางหนิงพาเผยหลูเยียนไปที่ลานเล็กๆ ของตนเอง

เรือนส่วนตัวของนางมีขนาดเพียงหนึ่งในสามของห้องนอนในจวนกั๋วกง โชคดีที่เครื่องเรือนล้ำค่าทั้งหมดกลายเป็นสินสอดหมด เหลือเพียงชิ้นส่วนเก่าๆ เพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ซึ่งทำให้ห้องดูเหมือนว่างเปล่าเล็กน้อย

ป้ายวิญญาณของแม่ถูกวางอยู่บนแท่นบูชา โดยมีจานผลไม้อยู่ข้างๆ

เสิ่นซางหนิงจุดเทียนอย่างชำนาญ ในขณะที่เผยหลูเยียนก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยจุดธูป

ทั้งสองโค้งคำนับอย่างจริงใจสามครั้ง

"ท่านแม่"

"ท่านแม่"

ทันทีที่เสิ่นซางหนิงอ้าปาก นางก็ได้ยินเสียงอันเคร่งขรึมของเผยหลูเยียน ซึ่งทำให้นางไม่ชินเลย

มักจะรู้สึกว่าแปลกๆ

จากนั้นนางก็บอกแม่ในใจว่านางได้เกิดใหม่แล้ว และคราวนี้นางจะมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม แม่จะได้ไม่ต้องกังวล

"ท่านแม่ วันนี้ท่านพ่อบอกอยากให้ท่านเข้าห้องโถงบรรพบุรุษ แต่ข้าไม่อยาก ท่านจะโทษข้าไหม?"

"ท่านอยู่ที่นี่จะรู้สึกเหงาหรือไม่"

"ท่านยังจำบ้านหลังเล็กโหยวหวงได้ไหม ข้าอยากพาท่านแม่ไปที่นั่นเพื่อจะได้คารวะท่านแม่ในทุกเดือน"

เสิ่นซางหนิงมองไปที่ป้ายวิญญาณ ดูเหมือนจะเห็นรูปร่างหน้าตาของท่านแม่

นางไม่อยากเอาป้ายวิญญาณของท่านแม่ไปไว้ที่จวนป๋อ

ครู่ต่อมา เผยหลูเยียนพึมพำว่า "ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไรก็สามารถนำกลับไปที่จวนกั๋วกง"

คงจะเป็นการดีสำหรับเสิ่นซางหนิงที่จะพากลับไปที่จวนกั๋วกง

แต่

"ท่านไม่ถือสาหรือ หากวางไว้ในห้อง ท่านจะ..." จะรู้สึกเป็นสิ่งของอัปมงคลหรือไม่

เสิ่นซางหนิงกำลังจะพูดแต่ก็หยุดลง

"แน่นอนว่ามันจะไม่วางไว้ในห้อง" เสียงของเผยหลูเยียนฟังดูอบอุ่น "ห้องโถงบรรพบุรุษของจวนกั๋วกงสามารถรองรับท่านแม่ของเจ้าได้"

ดวงตาของเสิ่นซางหนิงเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน

เหตุใดเผยหลูเยียนจึงพูดอย่างน่าประหลาดใจเช่นนี้ในวันนี้

"นี่ มันผิดกฎ" เสิ่นซางหนิงทั้งคาดหวังและเป็นกังวล

"เราเป็นสามีภรรยากัน เป็นท่านแม่ของเจ้างั้นก็เป็นท่านแม่ของข้าด้วย" น้ำเสียงของเผยหลูเยียนเย็นชาและเคร่งขรึม "ความกตัญญูเป็นกฎ"

หากไม่มีอะไรผิดพลาด เสิ่นซางหนิงจะใช้เวลาทั้งชีวิตในจวนกั๋วกง

แม้ว่านางจะหวังว่าท่านแม่จะอยู่กับนาง และมีคนมาสักการะนาง แต่นี่ไม่เป็นไปตามกฎเกณฑ์และประเพณีเลย ทั้งหนิงกั๋วกงและนางอวี๋เกรงว่าจะไม่เห็นด้วยแน่ๆ

ดูเหมือนว่าเผยหลูเยียนจะเข้าใจความคิดของเสิ่นซางหนิงอยู่เสมอ และพูดว่า "ไม่ต้องเป็นห่วง ทางท่านพ่อท่านแม่ ข้าจะหาวิธีจัดการเอง"

เมื่อเสิ่นซางหนิงกำลังลังเลนั้น เผยหลูเยียนก็โค้งคำนับกับป้ายวิญญาณอีกครั้ง จากนั้นใช้มือทั้งสองข้างจับป้ายวิญญาณไว้โดยตรง เตรียมที่จะนำมันออกไป

เสิ่นซางหนิงตกใจและตะลึงมาก

"เดี๋ยวก่อน ข้ามีของอย่างหนึ่งต้องเอาไปด้วย"

เสิ่นซางหนิงเดินไปที่เตียงแล้วย้ายกล่องใหญ่ที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงด้วยความยากลำบาก

"นี่คือ?"

เผยหลูเยียนมองไปที่กล่องเก่าๆ นั้นและรู้สึกว่ามันดูคุ้นเคยมาก

โดยเฉพาะลายอีกาด้านบน

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status