Share

บทที่ 14

"เจ้า!"

เสิ่นยี่รู้สึกโกรธในทันที จากนั้นได้ยินเสิ่นซางหนิงถามอีกครั้ง -

"เป็นเพราะข้าเดินเข้าจวนมาก่อน ท่านพ่อเลยคิดว่าเผยหลูเยียนจะไม่พอใจหรือ"

เสียงของหญิงสาวอ่อนโยน และดูเหมือนจะไม่ได้จงใจที่จะโต้แย้งเขา

แต่ความเฉยเมยในสีหน้าได้เผยความห่างเหินจากตัวนาง ซึ่งทำให้เสิ่นยี่ไม่พอใจอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่นางดูเหมือนภรรยาเดิมของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เสิ่นยี่ยิ่งอารมณ์เสีย

แม่ลูกสองคนนี้เหมือนกันไม่มีผิด ทั้งๆ ที่พวกนางมีสายเลือดของนักธุรกิจ แต่กลับสามารถเพลิดเพลินกับสถานะของจวนป๋อได้อย่างสบายใจ และยังสงบและฉลาดกว่าคนอื่นๆ ในจวนป๋อด้วย

เสิ่นยี่ดูถูกลูกสาวคนนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ แต่นางก็เป็นลูกสาวที่มีอนาคตที่ดีที่สุดในบรรดาเด็กๆ ทุกคน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพูดกับนางด้วยท่าทางอ่อนโยน——

"แม้ว่าเจ้าจะเป็นภรรยาเอก แต่ด้วยทั้งฐานะและความสัมพันธ์ทางสังคมของจวนป๋อต่างก็สู้จวนกั๋วกงไม่ได้ ที่เขายอมแต่งงานกับเจ้า ถือว่าเป็นบุญคุณของเจ้านะ เจ้าต้องเอาชนะใจซื่อจื่อให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม"

หลังจากที่เขาพูดจบเก็กล่าวเสริมว่า "เมื่อเขาได้เลื่อนตำแหน่งที่สูง ยังสามารถช่วยน้องชายของเจ้าด้วย"

"น้องชาย?" เสิ่นซางหนิงขมวดคิ้วแล้วจากนั้นก็ผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว "ท่านพ่อหมายถึงกวนอวี้หรือ เขาอายุเพียงหกขวบและอ่านหนังสือไม่เป้ฯด้วย จะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะไร้ค่าอย่างพี่น้องคนอื่นๆ หรือเปล่า"

เสิ่นกวนอวี้ไม่ใช่น้องชายคนเดียวของเสิ่นซางหนิง

ในจวนมีอนุสี่ห้าคน และมีบุตรของอนุไม่น้อย แต่ทุกคนล้วนสืบทอดความธรรมดาและความโง่เขลาจากเสิ่นยี่

ในบรรดาบุตรอนุของเสิ่นยี่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถผ่านการทดสอบในฐานะนักวิชาการได้

สำหรับเสิ่นกวนอวี้... ชาติที่แล้วเขาก็อ่านหนังสือไม่ได้เรื่อง แต่มีหน้าตาที่ดี โดนลูกสาวของคุณหนูร่ำรวยถูกใจจึงกลายเป็นลูเขยที่แต่งเข้าฝ่ายหญิง

"เราต้องเตรียมไว้ก่อน เจ้าเป็นเด็กผู้หญิง แน่นอนว่าจะไม่เข้าใจ" เสิ่นยี่ไม่ได้ยินคำพูดเหน็บแนมของเสิ่นซางหนิง "เจ้าแค่ต้องทำให้สามีของเจ้าชอบใจเจ้าก็พอ"

เสิ่นซางหนิงฟังจนหูหนวก "ท่านพ่อ เมื่อวานข้าดูรายการสินเดิมของข้าแล้ว ไม่รวมเครื่องประดับและเครื่องเรือน มีเงินสดอยู่ในมือเพียงห้าพันตำลึงเท่านั้น"

จู่ๆ นางก็เปลี่ยนหัวข้อ และเปลือกตาของเสิ่นยี่ก็กระตุก "มีห้าพันตำลึงเท่านั้น เจ้าคิดว่ามันน้อยเกินไปเหรอ?"

แน่นอนว่ามันน้อยมาก

เสิ่นซางหนิงเยาะเย้ยในใจ

จวนเฉิงอันป๋อขนาดใหญ่ แต่ละปีกลืนกินเงินจากตระกูลเวยเซิงอย่างน้อยหนึ่งแสนตำลึง และไม่มีใครรู้ว่าเงินเหล่านั้นถูกใช้ไปที่ไหน

เสิ่นยี่ดูถูกภูมิหลังของแม่ของเสิ่นซางหนิงในขณะเดียวกันก็ขอเงินไม่หยุด

แต่กลับให้เงินสดเพียงห้าพันตำลึงเป็นสินสอดเหรอ?

ถ้านางไม่ได้แต่งงานกับเผยหลูเยียน เกรงว่าคงไม่มีเงินห้าพันตำลึงนี่

"แน่นอนว่าน้อยไป" เสิ่นซางหนิงแสร้งทำเป็นกังวล "ข้ารู้ว่าท่านพ่อปฏิบัติต่อน้องสาวและข้าอย่างเท่าเทียมกัน แต่ตอนนี้ข้าเป็นฮูหยินซื่อจื่อ มีงานต่างๆ ต้องให้ออกหน้า และต้องจัดการเรื่องในจวนด้วย"

เมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของเสิ่นยี่ เสิ่นซางหนิงก็หยุดชะงักและกุเรื่องต่อไปว่า "สามีของข้าชอบกินอาหาร้านยงอัน น้ำชาจากร้านเห้อหมิง สิ่งของเหล่านี้ไม่ถูกเลย ข้าคงทำไม่ได้ไปขอเงินท่านสามีเพื่อซื้อของให้เขากินสินะ อีกอย่างคนใช้ข้างกายของเขาข้าก็ต้องให้น้ำใจบ้างสินะ"

"ตกลง" เสิ่นยี่เงียบ "เจ้าต้องการเท่าไหร่?"

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสิ่นซางหนิงก็ชูสองนิ้วขึ้น

"สองพันตำลึง เจ้าไปเบิกเงินที่นักบัญชีได้" เสิ่นยี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

"สองหมื่นตำลึง" เสิ่นซางหนิงกระซิบ "เดือนหน้าเป็นวันเกิดของแม่สามี แม่สามีของข้ามาจากตระกูลชั้นสูง เกรงว่านางไม่ชอบของธรรมดาๆ แน่ๆ"

เสิ่นยี่ประหลาดใจ "ขวัญวันเกิดอะไรถึงมีราคาสองหมื่นตำลึง เจ้าไม่ได้หลอกข้าหรือ"

"ท่านพ่อ" เสิ่นซางหนิงทำหน้าลำบากใจ "เพราะถึงยังไงผู้ที่ดูแลจวนกั๋วกงเป็นแม่สามีของข้า เมื่อไรที่ข้าจะดูแลจวนได้... ก็ไม่สนใจนางอีก ท่านพ่อรู้สึกลำบากใจก็แล้วไป ถือซะว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน"

หลังจากพูดแบบนี้ เสิ่นซางหนิงก็หันหลังเตรียมตัวจะจากไป

เสิ่นยี่ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่นาน และพูดอย่างเคร่งขรึมก่อนที่นางจะเดินออกไป "หนึ่งหมื่นตำลึง ให้มากกว่านี้ก็ไม่มีแล้ว"

เสิ่นซางหนิงเดินเข้าไปในห้องอีกครั้ง "ช่างเถอะ ทางจวนป๋อก็ต้องใช้เงินเยอะด้วย"

เสิ่นยี่โบกมือ แม้ว่าเขาจะเจ็บใจ แต่เขาก็โน้มน้าวตัวเองให้คำนึงถึงสถานการณ์โดยรวมด้วย

"ข้าจะให้พ่อบ้านถอนเงินหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงให้เจ้า ช่วงนี้ทางจวนป๋อให้ประหยัดค่าใช้จ่ายหน่อยก็ได้ ขอแค่เจ้าสามารถตั้งหลักได้ ออกเงินหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เพราะอีกหน่อยท่านลุงของเจ้าจะเข้ามาเมืองหลวง"

"ท่านลุงจะมาเมืองหลวงเหรอ?" เสิ่นซางหนิงจับประเด็นสำคัญ

ชาติก่อน หลังจากที่นางตัดสัมพันธ์กับจวนป๋อแล้ว ไม่มีใครบอกนางถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในจวนป๋อ ดังนั้นนางจึงไม่รู้เรื่องนี้ด้วย

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เสิ่นยี่ยอมทุ่มเงิน ที่แท้บ่อเงินบ่อทองอย่างท่านลุงจะมาแล้ว

"อืม" เสิ่นยี่ไม่ได้พูดอะไรมาก "เจ้าก็ไปอยู่กับซื่อจื่อเถอะ"

เสิ่นซางหนิงพยักหน้า และทันทีที่นางเดินออกไปข้างนอก รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไปทันที

บางครั้งนางถึงไม่รู้ว่าตระกูลเวยเซิงกำลังคิดอะไรอยู่ กลับยอมทุ่มเงินมหาศาลไปกับหลุมลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างจวนป๋อ

พวกเขาน่าจะเข้าใจว่าความสัมพันธ์นี้ไม่ได้ตอบแทนซึ่งกันและกัน และอาจไม่สมหวังด้วยซ้ำ แต่เพราะไม่มีคนอื่นที่จะเกาะติดได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ฝากความหวังไว้กับเสิ่นยี่เท่านั้น

โดนเอาเปรียบอย่างเต็มใจ

เมื่อพวกเขากลับมาที่ห้องโถงใหญ่ นางหลิ่วและเสิ่นเมี่ยวอี๋ก็ไม่อยู่แล้ว อาจไปที่อื่นเพื่อพูดคุยตามลำพัง

เผยหลูเยียนกำลังนั่งอยู่ในที่นั่งแขก พูดคุยกับเผยเช่ออย่างสงบ

ในทางกลับกัน เผยเช่อกลับดูหดหู่ ราวกับเป็นรุ่นน้องที่ต้องการวิ่งหนีหลังจากพูดคุยกับผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คำ

เผยหลูเยียนเงยหน้าขึ้นและเห็นเสิ่นซางหนิงเดินเข้ามาใกล้ เมื่อเห็นนางดูดีอกดีใจอยู่ ก็เอ่ยปากว่า "ฮูหยิน"

เสิ่นซางหนิงแตะตัวเงินบนเอวของนาง มีอารมณ์ดีจริงๆ และกำลังจะเดินไปทางเผยหลูเยียน

เสิ่นยี่ที่อยู่ข้างหลังก็เดินเข้ามา และขัดจังหวะการสนทนา "ลูกเขยแสนดีทั้งสอง ยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วยามถึงมื้อเที่ยง ไม่งั้นเรามาเล่นหมากสักหน่อยจะดีหรือไม่"

เล่นหมากงั้นหรือ?

เสิ่นซางหนิงคิดเพียงว่าเสิ่นยี่กล้าหาญมาก

แม้ว่านางจะไม่เคยเห็นเผยหลูเยียนเล่นหมากมาก่อน แต่นางก็มั่นใจว่าทักษะการเล่นหมากของเขาไม่ได้แย่

ไม่ว่าจะพยายามอ่อนข้อให้มากแค่ไหน ก็ไม่มีทางแพ้กับเสิ่นยี่ได้

เผยหลูเยียนไม่มีสีหน้าอะไร เขาพูดกับเผยเช่ออย่างเรียบๆ ว่า "อาเช่อ เจ้าเล่นหมากกับท่านพ่อสักหน่อย"

"ข้างั้นเหรอ?" เผยเช่อต้องการปฏิเสธ เพราะเขาก็ไม่ถนัดเช่นกัน

เผยหลูเยียนเพิกเฉยต่อการต่อต้านของเผยเช่อ เมื่อเขาลุกขึ้น เสื้อผ้าก็ปลิวขึ้นเล็กน้อย และเขาก็ถามเสิ่นยี่อย่างใจเย็นว่า

"ท่านพ่อ ข้าขอไปไหว้ท่านแม่พร้อมกับฮูหยินได้หรือไม่"

ไหว้?ท่านแม่?

เสิ่นยี่สับสนมากเมื่อได้ยินแบบนี้ "เมื่อกี้เจ้าไม่ได้เห็นแล้วหรือ อีกเดี๋ยวตอนกินข้าวก็เจอหน้าแล้ว ไม่ต้องไปไหว้โดยเฉพาะสินะ"

ยิ่งไปกว่านั้น คำว่า "ไหว้" มันก็ดูจะทางการเกินไปหน่อยเลย

"ข้าไม่ได้พูดถึงหลิ่วฮูหยิน" เผยหลูเยียนยิ้มเบาๆ แต่รอยยิ้มนั้นไปไม่ถึงตา

เสิ่นซางหนิงมองดูเขาด้วยความตกใจ สามารถเห็นได้จากด้านข้างว่าเขาจริงจัง

นางมองไปที่เผยหลูเยียนอย่างว่างเปล่า

เผยหลูเยียนพูดอย่างจริงจัง "ในวันที่กลับบ้านพ่อแม่เจ้าสาว ก็ต้องไปคารวะมารดาผู้ให้กำเนิดของฮูหยิน เวยเซิงฮูหยินเสียชีวิตแล้ว ดังนั้นข้าควรไปถวายธูปให้ท่านแม่ด้วย"

เสียงของเขาสงบ แต่ก็ไม่ให้โอกาสให้อีกฝ่ายโต้แย้ง "ห้องโถงบรรพบุรุษอยู่ที่ไหน"

ประโยคสุดท้ายก็พูดขณะมองไปที่เสิ่นซางหนิง

เสิ่นซางหนิงมีความรู้สึกซับซ้อน เมื่อวานนางไม่คิดว่าเผยหลูเยียนจะยอมกลับมากับนาง

นางยิ่งไม่เคยคิดว่าเขาจะจำแม่ของนางได้

ในครอบครัวนี้ ไม่มีใครใส่ใจกับท่านแม่ของเสิ่นซางหนิงเลย

จู่ๆ นางก็อยากจะร้องไห้เลย

หากการแต่งงานคือธุรกิจ เผยหลูเยียนก็เป็นพันธมิตรที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่างน้อยในตอนนี้เป็นเช่นนั้น

เสิ่นซางหนิงกลั้นน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตา "ท่านแม่ไม่ได้อยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษ แต่อยู่ในห้องของข้าเอง"

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status