นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้อง แต่เขากลับเฉยชาใส่
มีเพียงบนเตียงเท่านั้นที่เขาเร่าร้อนจนนางแทบมอดไหม้แนะนำตัวละคร
จ้าวจื่อรั่ว : อายุสิบหกปี ลูกอนุของเสนาบดีสกุลจ้าวถูกสับเปลี่ยนตัวมาเป็นเจ้าสาวมาแต่งงานกับแม่ทัพที่ชายแดน
กู้ตงหยาง : อายุยี่สิบสี่ปี ฉายาแม่ทัพปีศาจ
จ้าวเฟยฉี จ้าวเฟยหลิง : น้องชายร่วมมารดาของจ้าวจื่อรั่ว
เฉียวฉู่ : บุตรสาวของเฉียวโจว เจ้าเมืองต้าเหลียง
สับเปลี่ยนเจ้าสาว
จ้าวจื่อรั่วนั่งอยู่ในห้องหอเพียงลำพัง เจ้าบ่าวไม่ได้มาเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว หลังเสร็จสิ้นพิธีต่างๆ เขาก็หายไป แรกทีเดียวนางเข้าใจว่าเขาคงไปดื่มสุรากับเหล่าทหารของเขา ทว่านางนั่งรอจนฟ้าใกล้สางแล้วจึงมั่นใจว่าเขาไม่กลับเข้ามาอย่างแน่นอน
ช่างเถิด จะว่าเขาก็ไม่ได้
ฮ่องเต้มีราชโองการให้หญิงสาวสกุลจ้าวแต่งงานกับแม่ทัพแดนใต้นามกู้ตงหยาง เดิมทีคนที่ต้องแต่งงานควรเป็นบุตรสาวจากภรรยาเอก แต่ชื่อเสียงของแม่ทัพแดนใต้ที่แสนเหี้ยมโหดและต้องเดินทางมาใช้ชีวิตชายแดนอันแสนห่างไกล ฮูหยินใหญ่ไม่สามารถตัดใจยกลูกสาวแสนรักให้ออกเรือนได้ บิดาผู้เป็นเสนาบดีก็เห็นดีเห็นชอบกับความคิดของฮูหยิน จึงสับเปลี่ยนเจ้าสาวให้นางซึ่งเป็นลูกของอนุเดินทางมาแต่งงานกับแม่ทัพกู้ตงหยาง
นางเดินทางมาเพื่อแลกกับชีวิตความเป็นอยู่ของน้องชายอีกสองคน มารดาของนางสิ้นใจหลังคลอดน้องชายคนเล็กได้ไม่นานนัก นางจึงเป็นทั้งพี่สาวและแม่ ยามนี้เพื่อให้น้องชายมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ตามที่ฮูหยินใหญ่รับปาก นางจึงยอมเดินทางไกลเพื่อเป็นเจ้าสาวของแม่ทัพปีศาจ-กู้ตงหยาง
เดือนทางแรมรอนมาหนึ่งเดือน ว่าที่เจ้าบ่าวดูไม่ยินดียินร้ายกับเจ้าสาวที่ถูกสับเปลี่ยนตัวนัก ในราชโองการก็ไม่ได้ระบุชื่อตัว การที่สกุลจ้าวส่งนางมาแต่งงานก็ไม่เรียกว่าผิดอันใด แต่แน่นอนว่าชื่อเสียงพี่สาวของนางนั้น เป็นหญิงงามเป็นหนึ่งในเมืองหลวง คงทำให้กู้ตงหยางไม่พอใจที่ได้เห็นสตรีไร้ชื่อเสียงและหน้าตาแสนธรรมดาอย่างนาง พิธีแต่งงานก็จัดแบบไม่ได้ใส่ใจนัก คล้ายงานสังสรรค์ดื่มสุราของเหล่าทหารเสียมากกว่า ขันทีที่ติดตามมาจากเมืองหลวงก็ดูเพียงว่าแม่ทัพกู้รับนางไว้เรียบร้อยแล้วรีบกลับโดยเร็ว
บางทีนางคิดว่าตนฝันไป แค่ลืมตาก็อยู่ที่จวนสกุลจ้าว แต่ยามนี้นางรู้แล้วว่า มันคือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้
จ้าวจื่อรั่วเลิกผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวด้วยตนเอง แต่เพราะนั่งนานจึงเมื่อยขาอยู่บ้าง นางยื่นมือทุบขาตัวเองให้หายเมื่อยก่อนลุกขึ้นยืนผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะเป็นเพียงลูกอนุจึงไม่มีสาวใช้ข้างกาย เดินทางจากเมืองหลวงก็มีเพียงสินเดิมติดตัวมาเล็กน้อย เวลานี้ไม่มีใครปรนนิบัติดูแลก็ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจแต่อย่างใด
วันเวลาผ่านมา
ใครเลยจะคิดว่า…
นางเข้าจวนเข้ามาครึ่งเดือนยังไม่พบหน้าเขา
แต่เมื่อแม่ทัพใหญ่กลับเข้ามา ก็มาพร้อมกับหญิงสาวนางหนึ่ง ได้ยินบ่าวไพร่พูดคุยกันว่า ท่านแม่ทัพไปล้อมทลายรังโจร ยึดทรัพย์สินที่โจรปล้นไปกลับมาด้วย และหนึ่งในของมีค่าคือหญิงงามที่ถูกฉุดมา
แม้เขาไม่ได้ออกคำสั่งกับนางโดยตรง แต่ให้พ่อบ้านมารายงานเพื่อให้นางจัดห้องพักให้หญิงงามผู้นั้น จ้าวจื่อรั่วเม้มริมฝีปากครุ่นคิดก่อนเอ่ยปากให้จัดห้องพักใกล้เรือนของท่านแม่ทัพ แม้สั่งการบ่าวไพร่ไปแล้ว แต่นางยังไม่มั่นใจจึงเดินไปดูด้วยตนเอง ทว่าไม่คิดว่าเมื่อก้าวเท้าเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงหัวเราะกังวานใส แต่สิ่งที่ทำให้นางไม่กล้าขยับเท้าเข้าไปใกล้ก็คือบุรุษผู้นั้นยืนอยู่ใกล้หญิงงามที่อยู่ในชุดสีแดงสดใส
"ท่านแม่ทัพ ที่นี่สวยมาก ข้าชอบมาก” หญิงงามพูดพลางหมุนตัวไปมา กระโปรงสีแดงสวยพลิ้วไหวราวกลีบดอกไม้ ทว่าเท้าของนางเสียหลักเกือบหกล้ม แต่มือใหญ่ของท่านแม่ทัพประคองไว้ได้ทัน
ภาพใกล้ชิดสนิทสนมนี้บาดใจจ้าวจื่อรั่วนัก แต่นางกลับฝืนยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบาก่อนยอบกายคาวะแม่ทัพกู้อย่างเต็มพิธี
“จ้าวจื่อรั่วคารวะท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” นางเกรงว่าเขาจะจำหน้านางไม่ได้จึงแนะนำพูดไปเช่นนั้น เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเพียงเขาปรายตามองเล็กน้อย
“เจ้าเป็นหัวหน้าสาวใช้หรือ?” หญิงงามพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าชื่อเฉียวฉู่”
จ้าวจื่อรั่วสบตากับแม่ทัพหนุ่ม เขาไม่ขยับปากพูดแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ แสดงว่าเขาคงต้องการให้ผู้อื่นเข้าใจไปเช่นนั้น คิดได้ดังนั้นนางจึงไม่ปริปากพูดสิ่งใดได้แต่ยิ้มน้อยๆ เท่านั้น
“ข้าหิวแล้ว”
“ประเดี๋ยวจะให้คนยกอาหารมาให้” นางเอ่ยเพียงแค่นั้นก็เห็นมือใหญ่ของท่านแม่ทัพประคองหญิงงามเข้าไปด้านในโดยไม่เอ่ยคำพูดใด
“ฮูหยิน ท่าน...”
สาวใช้ในจวนแม่ทัพย่อมต้องดูสีหน้าท่านแม่ทัพเป็นหลัก แต่เห็นภาพเมื่อครู่แล้วก็อดสงสารฮูหยินไม่ได้ แรกๆ บ่าวไพร่ในจวนก็ไม่ค่อยพอใจที่จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ส่งหญิงสาวที่ใดไม่รู้มาให้แต่งงานกับท่านแม่ทัพ แต่เมื่ออยู่ด้วยกันหลายวันเข้าก็รู้สึกว่าฮูหยินผู้นี้ก็ไม่ได้เลวร้ายอันใดนัก หนำซ้ำยังจิตใจดีไม่ข่มเหงบ่าวไพร่ และใช้ชีวิตเรียบง่ายในจวนอย่างเงียบสงบ
“ข้าจะไปดูในครัว เจ้าหาสาวใช้ไว้ที่นี่สักคนเผื่อแม่นางเฉียวฉู่ต้องการเรียกใช้”
จ้าวจื่อรั่วหมุนตัวเดินออกมาอย่างเงียบๆ หากเขาไม่ต้องการให้รู้ว่านางคือ ‘ภรรยา’ นางก็จะอยู่ในที่ๆของตัวเองเงียบๆ ไม่เรียกร้องสิ่งใด ชีวิตลูกอนุอย่างนางก็ไม่เคยอยู่ในสายตาใครอยู่แล้ว.
กู้ตงหยางไม่เคยพบสตรีนางใดใจกล้ายั่วโทสะเขาเช่นนี้มาก่อน ซ้ำยังทำด้วยหน้าตาใสซื่อราวกับเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด! เขาให้นางจัดห้องพักให้แม่นางเฉียวฉู่ ก็จัดห้องนางไว้ใกล้ห้องนอนของเขา
แล้วนี่อะไร เขาสั่งให้บ่าวไพร่เอาสุรารสแรงมาดื่ม แต่นางกลับให้คนนำสุราหวานบ้าบออะไรมา ซ้ำยังอ้างว่าเพื่อรักษาสุขภาพของเขาเห็นเขาเป็นคนป่วยหรือไรกัน หรือตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพไม่คู่ควรกับนาง ขนาดยอมให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าเป็นสาวใช้ แม่ทัพใหญ่บันดาลโทสะจนยกมือทุบไปบนโต๊ะอย่างแรง จนทหารที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ ถึงกับสะดุ้งโหยง
“นางอยู่ที่ใด”
“นาง?” ทหารสองคนหันมามองหน้ากัน “หมายถึงแม่นางเฉียวฉู่หรือขอรับ?”
“ข้าหมายถึง...”
เอ่อ...ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรนะ
“จ้าวจื่อรั่ว”
ทหารทั้งสองยังทำหน้างุนงงหนักกว่าเดิม ยิ่งทำให้แม่ทัพใหญ่โมโหเพิ่มขึ้นไปอีก เขาลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้เดินดุ่มๆ ไปยังเรือนทางปีกซ้ายของจวน จำได้ว่าตอนนางมาถึง เขาให้พ่อบ้านจัดที่พักให้ พ่อบ้านก็จัดเรือนปีกซ้ายทั้งที่เรือนของเขาอยู่ปีกขวา คนพวกนี้ก็อย่างไรกัน ช่างรนหาที่ตายโดยแท้ มีใครกันแยกห้องสามีภรรยาอยู่คนฟากของจวนเช่นนี้ แม่ทัพใหญ่เดินไปที่เรือนของนาง ทว่ายังไม่ทันพ้นประตูวงพระจันทร์ก็เห็นเจ้าตัวขนสีขาววิ่งมาชนขาจนมันเสียหลักเซไปทางอื่น เขาก้มมองเจ้า ‘แพะน้อย’ อายุน่าจะประมาณแค่สองเดือน ดูจากสายตาเอาเรื่องมันแล้วก็ทำให้เขาขมวดคิ้วไม่รู้ตัว “เปาเป่า กลับมานี่” เสียงหวานใสร้องเรียกปนหัวเราะทำให้ยามอาทิตย์อัสดงมีชีวิตชีวา เขาเงยหน้าขึ้นมองพลันสบตากับเจ้าของร่างเล็กที่เดินเร็วๆ มาทางเขา แววตากลมโตกระจ่างเบิกกว้างขึ้นดูคล้ายตกใจก่อนจะปรับอารมณ์วูบหนึ่งหลุบตาลง “ท่านแม่ทัพ” จ้าวจื่อรั่วคารวะอย่างมีมารยาท “ท่านมาถึงเรือนของข้า มีเรื่องใดรึเจ้าคะ” “จวนข้า ข้าจะไปที่ใดต้องรายงานเจ้ารึ” จ้าวจื่อรั่วเงยหน
“ทางโรงครัวส่งสำรับอาหารมาครบทุกมื้อ แต่ข้าอยู่ว่างๆ จึงทำอะไรเล่น ท่านแม่ทัพลองชิมดูนะเจ้าคะ”นางเกรงว่าเขาจะตำหนิผู้อื่น ปกตินางอยู่ที่จวนสกุลจ้าวก็เข้าครัวทำอาหาร ทั้งของตัวเองและน้องๆ รวมทั้งของผู้อื่น ยามมารดายังมีชีวิตอยู่ เพราะมีบุตรชายจึงไม่ค่อยมีใครกล้ารังแก แต่เมื่อมารดาตายและน้องยังเล็ก น้องชายคนรองอายุสิบสองขวบ คนเล็กเพียงหกขวบ นางจึงต้องเข้มแข็งดูแลน้องๆ ด้วยตนเองกู้ตงหยางชิมน้ำแกงหัวปลา หลังกลืนน้ำแกงลงท้องแล้วรู้สึกสบายตัว นอกจากอาหารอุ่นร้อนพอดีแล้วยังให้รสชาติกลมกล่อมอีกด้วยจ้าวจื่อรั่วเห็นเขากินไปหลายคำจึงใจชื้น กล้าเอ่ยถามเขา “ท่านแม่ทัพจะรับข้าวไหมเจ้าคะ ยังมีปลาผัดเปรี้ยวหวานกับ ผัดผักเจ้าค่ะ”เขาพยักหน้าแทนคำตอบรับเพียงแค่นั้นหญิงสาวก็หมุนตัวเดินออกไป เขาแปลกใจที่นางไม่เรียกคนรับใช้ ก็นึกได้ว่า เสี่ยวฉู่อุ้มแพะไปเก็บ แต่นางก็ใช้เวลาไม่นาน อาหารก็วางบนโต๊ะ แม้เป็นอาหารง่ายๆ แต่เลิศรสไม่น้อย เขาเองยังไม่กินมื้อเย็นจึงเผลอกินเข้าไปจนเกลี้ยงทุกอย่างจึงนึกได้ว่า... อาหารบนโต๊ะเป็นของนาง ครั้นจะถามก็ปากหนักเกินไป จึงได้แต่ทำหน้านิ่งและรับน้ำชาจากนางมาดื่ม“ไม่รู้ว่า
“ข้าไม่อยากไปเห็นหน้าแม่นางชุดแดงผู้นั้น” เสี่ยวฉู่เบ้ปาก“รีบไป แล้วคอยอยู่ดูจนแน่ใจว่าแม่นางเฉียวฉู่หลับสนิทแล้วค่อยกลับออกมา” พ่อบ้านกำชับ “พวกเจ้าก็คอยดูอย่าให้ใครไปใกล้เรือนของท่านแม่ทัพ”คราแรกทุกคนทำหน้างุนงง แต่เพียงครู่เดียวก็เข้าใจความหมาย ทุกคนรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่อิดออด พ่อบ้านได้แต่ยิ้มกริ่มแล้วเดินไปตระเตรียม ‘ยา’ ให้ท่านแม่ทัพจ้าวจื่อรั่วมีเพียงใจที่ต้องการช่วยเหลือท่านแม่ทัพ พ่อบ้านแนะนำอย่างไร นางก็ท่องจำในใจได้ครบทุกขั้นตอน เมื่อถึงเวลาเย็นย่ำ แม่ทัพกลับจากค่ายทหารเข้ามาที่เรือนของตน นางจึงถือถาดยาเข้าไปหากู้ตงหยางประหลาดใจที่เห็นหญิงสาวเข้ามาในเรือนของเขา เขาจ้องนางเขม็งแต่หญิงสาวยังฝืนยิ้มน้อยๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้“ใครให้เจ้าเข้ามา”จะเอ่ยตอบว่าเป็นพ่อบ้านก็เกรงว่าแม่ทัพใหญ่คงเรียกพ่อบ้านมาลงโทษ นางจึงตอบไปว่า“เป็นข้าเองเจ้าค่ะ” นางยังคงยิ้มน้อยๆ แล้ววางถาดลงบนโต๊ะ “ผู้อื่นมีงานล้นมือ ข้าจึงอาสามาปรนนิบัติท่านแม่ทัพ”“ปรนนิบัติข้า?” เขาทำเสียงดูแคลน เอาเถอะ นางอยากทำก็ให้ทำไป หากเห็นรอยแผลบนกายเขาก็คงขยาดหวาดกลัวไม่กล้ามาอีกจ้าวจื่อรั่วมองร่างสูงท
“ข้าจะอยากให้เจ้าตายเพื่อสิ่งใดกัน” เขาข่มความรู้สึกสั่นไหวในอก ท่าทางอ่อนแอไร้ที่พึ่งนี้หมายความว่าอย่างไร ชีวิตนางอยู่กับเขาไม่มีความสุขหรือ? นางเป็นถึงฮูหยินแม่ทัพใหญ่ มีบ่าวไพร่ค่อยรับใช้ บรรดาหญิงสาวในเมืองต่างหมายปองตำแหน่งนี้ แต่นางกลับได้มาอย่างง่ายดาย แล้วยังต้องการสิ่งใดอีก“ก็ท่าน...”“ช่างเถอะ เจ้าจะไปไหนก็ไป”ดวงตางามกะพริบปริบๆ ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความจริงนางต้องมาปรนนิบัติรับใช้เขา แต่เรื่องกลับเป็นเช่นนี้ ช่างน่าขันนัก นางคงลืมตัวไป ตนเองเป็นแค่ลูกอนุซ้ำยังไม่ใช่หญิงงาม เป็นแค่สตรีผู้หนึ่งที่ไม่ต่างจากเม็ดกรวดเม็ดทรายที่แทบมองไม่เห็น หากนางเจียมตัวอีกนิด ก็คงไม่ทำให้ท่านแม่ทัพขุ่นข้องหมองใจเช่นนี้จ้าวจื่อรั่วสูดลมหายใจลึก ฝืนไม่ให้ตนเองยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ แม้เสื้อผ้าของนางอยู่ครบทุกชิ้น แต่ยามนี้เปียกลู่แนบลำตัว ทว่านางไม่มีกระจิตกระใจยกมือขึ้นปกปิด อย่างไรนางก็แค่หญิงอัปลักษณ์ รีบไปให้พ้นสายตาของเขาจะดีกว่ากู้ตงหยางกัดฟันกรอด นางตั้งใจทำอะไร! ยั่วยวนเขารึ! แต่เดิมก็เป็นคนที่อดกลั้นกับเรื่องเย้ายวนเช่นนี้ได้ดี เขาเป็นบุรุษเต็มต
จ้าวจื่อรั่วไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนรู้สึกเมื่อครู่นั้นคืออะไร ร่างกายเบาหวิวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาขยับตัวขึ้นแล้วโน้มหน้าลงจูบนางอีกครั้ง แต่คราวนี้มีบางสิ่งที่ใหญ่โตดุนดันเข้ามาในร่างนาง หญิงสาวขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณ ช่องทางอ่อนนุ่มคับแคบบีบรัดลำเอ็นของแม่ทัพหนุ่มจนเขาต้องแหงนหน้าคำรามออกมาเพราะเส้นทางนี้ไม่เคยถูกใครบุกรุกมาก่อนและลำทวนของเขายาวใหญ่อยู่มาก กู้ตงหยางต้องขยับเอวถอยลำออกแล้วกดซ้ำกลับเข้าไปใหม่ ทำซ้ำๆ ค่อยๆ เพิ่มความลึกเข้าไป“อึก...จะ...เจ็บ....” นางร้องอย่างสุดกลั้น ความรู้สึกเจ็บแปลบทำให้ร่างกายเกร็งไปหมด“อืม ผ่อนคลายหน่อย...” เขากัดฟันพูด ความรู้สึกที่ถูกดูดกลืนลำเอ็นทำให้เสียวซ่านสุดบรรยาย เขาแยกขานางออกกว้างอีกนิด พร้อมกับนวดคลึงหน้าอกที่ใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ส่วนอีกมือสำรวจหาจุดอ่อนไหวจนพบไข่มุกที่ซ่อนอยู่ นิ้วกร้านขยี้เบาๆ ก็ทำให้ช่องทางคับแคบเปียกแฉะมากยิ่งขึ้นทำให้เขากดเอวดันลำเอ็นเข้าไปจนสุด“อ๊ะ!” จ้าวจื่อรั่วหวีดร้องออกมา เจ็บและจุกจนน้ำตาเอ่อคลอ“อา... เข้าไปหมดแล้ว” กู้ตงหยางรู้สึกสบายอย่างที่สุด ลำเอ็นถูกผนังอ่อนนุ่มโอบรัดจนเสียวซ่าน เขาเริ่มเดินหน้าขย
นางผล็อยหลับไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงแม่นางเฉียวฉู่โวยวายเรื่องอาหารไม่ถูกปาก นางจำใจต้องลุกขึ้นมาเข้าครัวด้วยตนเอง หลังจากนั้น แม่นางเฉียวฉู่ก็มีเรื่องมาให้นางต้องยื่นมือเข้าไปจัดการเอง แม่ทัพใหญ่ฝึกซ้อมทหารอย่างสม่ำเสมอ กลับมาก็ไม่ได้เรียกหานาง นางก็ไม่ได้หน้าหนาจะเข้าไปหา เขาเพียงกำชับให้ดูแลแม่นางเฉียวฉู่ให้ดีตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพที่ได้มา ช่างดูว่างเปล่าเสียจริงจ้าวจื่อรั่วเดินมาถึงแปลงผักด้านหลัง เจ้าแพะน้อยร่าเริงที่ได้เห็นผักงามๆ น่ากิน ก็ทำท่าจะกระโจนเข้าใส่ หญิงสาวคว้าสายจูงที่ตนเองใช้เศษผ้าถักเป็นเชือกทำสายจูงให้มันไว้ได้ทัน“ไม่ได้นะ เจ้าจะกินผักทั้งแปลงไม่ได้” จ้าวจื่อรั่วดุแพะน้อย แต่ดวงตากลมใสไร้เดียงสาทำให้นางหัวเราะออกมา แล้วจูงมันไปผูกไว้ที่ต้นไม้ไม่ไกลนัก“รอที่นี่ ข้าจะเก็บถั่วฝักยาวให้” หญิงสาวลูบหูเล็กๆ ที่กระดิกไปมาแล้วเดินไปเด็ดถั่วฝักยาวอวบๆ หลายฝัก ความจริง นางก็แค่อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ หากเป็นตอนที่อยู่จวนสกุลจ้าว นางคงกำลังทำอาหารให้น้องชายทั้งสองและช่วยทบทวนตำราเรียนให้พวกเขา ยังดีที่นางได้เรียนหนังสือฝึกเขียนอักษร เหตุเพราะบิดาเชิญอาจารย์มาสอนบุตรสา
“เสี่ยวฉู่...ข้าเหมือนสาวใช้รึ?” “เอ๋?” สาวใช้หันมามองผู้เป็นนายแล้วกวาดตาขึ้นลง “ทำไมฮูหยินถามเช่นนั้นเจ้าคะ” “ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” “ใครมันตาไร้แววมองฮูหยินเป็นสาวใช้ บอกข้ามาเลยเจ้าค่ะ ข้าเสี่ยวฉู่จะไปจัดการเอง!” จ้าวจื่อรั่วหัวเราะออกมา เจ้าแพะน้อยเงยหน้ามองเจ้าของมือเรียวที่กำลังบิแป้งทอดให้มันกิน หัวทุยๆ ดันมือของนางเบาๆ ราวกับจะร้องขอของกินเพิ่ม “แกจะกินทุกอย่างไม่ได้นะเปาเป่า”เสี่ยวฉู่แยกเขี้ยวใส่แล้วยื่นมือไปคว้าแป้งทอดที่เหลือครึ่งแผ่นยัดใส่ปากตัวเอง เจ้าแพะน้อยไม่พอใจที่ถูกแย่งของกิน พุ่งเข้าใส่ เสี่ยวฉู่ถึงกระโดดหลบไปมา ทำให้จ้าวจื่อรั่วหัวเราะจนน้ำตาคลอเบ้า “แป้งทอดมีตั้งหลายชิ้น เจ้าจะไปแย่งของเปาเป่าทำไมกัน” จ้าวจื่อรั่วส่ายหน้าไปมา นึกถึงเฟยฉีและเฟยหลิง-น้องชายทั้งสองชอบกินขนมที่นางทำมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไร ได้กินอิ่มนอนหลับ กลางคืนมีคนห่มผ้าให้หรือไม่ “ก็ของอร่อยเช่นนี้ ข้าก็หวงเป็นธรรมดา” “แค่แป้งทอดเอง” “ฮูหยินทำให้
นางยังจำความรู้สึกริษยาและน้อยใจที่เห็นพี่สาวน้องสาวต่างมารดาได้แต่กายงดงาม ได้ออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน แต่นางกลับได้ใช้ชีวิตไม่ต่างจากสาวใช้ มีเรื่องดีก็เพียงแค่ได้ฝีกเรียนเขียนอ่านกับอาจารย์ที่ฮูหยินใหญ่เชิญมาสอนคุณหนูใหญ่ หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา เหตุใดช่วงนี้นางรู้สึกอ่อนไหวง่ายเหลือเกิน แต่ก่อนก็ไม่เคยร้องไห้ง่ายนัก เหตุใดยามนี้มีเรื่องกระทบจิตใจเล็กๆน้อยๆ น้ำตาก็พร้อมจะหลั่งริน นางไม่เข้าใจนัก ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่าคิดมาก จดหมายจากเมืองหลวงต้องใช้เวลา บางทีน้องๆ อาจส่งมาแล้วแต่ยังมาไม่ถึงมือ คิดได้ดั่งนี้ก็ใจชื้นขึ้นมาร่างผอมบางดุจกิ่งหลิวเดินมาที่หน้าต่าง แหงนหน้ามองพระจันทร์กลมโต หากคืนใดน้องเล็กไม่ได้ฟังนางเล่านิทานก็จะนอนไม่หลับ นางจะขยับมือเป็นหุ่นเงารูปสัตว์ต่างๆ หลอกล่อให้น้องเล็กหลับใหล จ้าวจื่อรั่วยกมือเรียวของตนขึ้นทั้งสองมือ กางมือออกโดยให้นิ้วโป้งทั้งสองมือชิดกัน แล้วค่อยๆ ขยับปลายนิ้วที่เหลือ นางมองเงาที่ทอดยาวไปที่ผนังเกิดเป็นรูปร่างผีเสื้อพลางขยับนิ้ว เงาผีเสื้อก็ขยับปีกราวกับมีชีวิตโบกบินใต้แสงจันทร์ นางขยับตัวหมุนไปมาพร้อมขยับมือเป