Home / โรแมนติก / ทัณฑ์อสุรา / ตอนที่ 8.ข้าเหมือนสาวใช้รึ?

Share

ตอนที่ 8.ข้าเหมือนสาวใช้รึ?

            “เสี่ยวฉู่...ข้าเหมือนสาวใช้รึ?”

            “เอ๋?”  สาวใช้หันมามองผู้เป็นนายแล้วกวาดตาขึ้นลง “ทำไมฮูหยินถามเช่นนั้นเจ้าคะ”

            “ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”

            “ใครมันตาไร้แววมองฮูหยินเป็นสาวใช้ บอกข้ามาเลยเจ้าค่ะ ข้าเสี่ยวฉู่จะไปจัดการเอง!”

            จ้าวจื่อรั่วหัวเราะออกมา เจ้าแพะน้อยเงยหน้ามองเจ้าของมือเรียวที่กำลังบิแป้งทอดให้มันกิน หัวทุยๆ ดันมือของนางเบาๆ ราวกับจะร้องขอของกินเพิ่ม

            “แกจะกินทุกอย่างไม่ได้นะเปาเป่า”

เสี่ยวฉู่แยกเขี้ยวใส่แล้วยื่นมือไปคว้าแป้งทอดที่เหลือครึ่งแผ่นยัดใส่ปากตัวเอง เจ้าแพะน้อยไม่พอใจที่ถูกแย่งของกิน พุ่งเข้าใส่ เสี่ยวฉู่ถึงกระโดดหลบไปมา ทำให้จ้าวจื่อรั่วหัวเราะจนน้ำตาคลอเบ้า

            “แป้งทอดมีตั้งหลายชิ้น เจ้าจะไปแย่งของเปาเป่าทำไมกัน”  จ้าวจื่อรั่วส่ายหน้าไปมา นึกถึงเฟยฉีและเฟยหลิง-น้องชายทั้งสองชอบกินขนมที่นางทำมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไร ได้กินอิ่มนอนหลับ กลางคืนมีคนห่มผ้าให้หรือไม่

            “ก็ของอร่อยเช่นนี้ ข้าก็หวงเป็นธรรมดา”

            “แค่แป้งทอดเอง”

            “ฮูหยินทำให้ท่านแม่ทัพกินด้วยสิเจ้าคะ”

            จ้าวจื่อรั่วชะงักไป “ท่านแม่ทัพคงไม่กินของเช่นนี้หรอกกระมัง”

            “ฮูหยินไม่รู้อะไร”  เสี่ยวฉู่ทำตาโต “ท่านแม่ทัพของเรากินง่ายอยู่ง่าย ไม่เช่นนั้นคงจ้างพ่อครัวจากโรงเตี้ยมใหญ่ๆมาแล้ว แต่เพราะต้องการจ้างท่านป้าที่สูญเสียลูกชายไปในสนามรบ แม้จะทำอาหารที่ชาวบ้านกินกัน แต่ท่านแม่ทัพก็ไม่เคยบ่นสักคำ ตั้งแต่ฮูหยินเข้าครัวไปทำอาหารเอง ท่านแม่ทัพของเรากินข้าวเยอะขึ้นกว่าเดิมอีกนะเจ้าค่ะ”

            “จริงรึ” 

หญิงสาวหันไปถามสาวใช้ นางแค่อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ และในฐานะที่ตนเป็นฮูหยินก็ต้องดูแลสามีให้ดี ข้าวปลาอาหารและเสื้อผ้า รวมทั้งเรื่องในบ้าน นางควรรับผิดชอบให้ดี จึงทำตามหน้าที่แต่ไม่คิดว่าคนผู้นั้นจะชอบรสอาหารที่นางทำ

            “จริงเจ้าค่ะ  ถ้าฮูหยินไม่เชื่อ เรียกบ่าวคนอื่นมาสอบถามก็ได้”

            “ไม่ต้องหรอก” จ้าวจื่อรั่วก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม “เจ้าอยู่กับท่านแม่ทัพมานาน เขา...เขาชอบกินอะไรบ้างล่ะ”

            เสี่ยวฉู่หยุดคิดเล็กน้อย ปกติท่านแม่ทัพไม่เคยเรื่องมากเรื่องอาหาร อาจเพราะอยู่ในกองทัพจนชินชา เรียกว่ากินให้อิ่มท้องแต่จะอร่อยลิ้นหรือเปล่าก็ไม่อาจรู้

            “ข้าก็เห็นท่านแม่ทัพกินได้ทุกอย่าง”  นางพูดเสียงเบาแล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก็รีบพูดขึ้น “ฮูหยินก็กินอาหารกับท่านแม่ทัพสิเจ้าคะ จะลองสังเกตดูว่าท่านแม่ทัพชอบอะไร”

            คราวนี้จ้าวจื่อรั่วยิ้มไม่ออก เขาไม่เคยเรียกนางไปกินอาหารด้วย มีแต่สั่งให้นางนำอาหารไปส่งให้แม่นางเฉียวฉู่ คิดถึงเรื่องนี้แล้ว นางก็ล้มเลิกความคิดที่จะทำอาหารเอาใจสามีไปทันที

            “เปาเป่ากลับไปนอนที่คอกของตัวเองได้แล้วนะ”

            แพะน้อยได้ยินก็ไม่ค่อยพอใจนัก มันวิ่งมาใช้หัวดันฝ่ามือของจ้าวจื่อรั่ว

            “ไม่ได้ อย่าดื้อ ข้าต้องไปเย็บผ้าอีก”  นางหัวเราะออกมา หากไม่มีแพะน้อยแล้ว นางคงไม่รู้จะพูดคุยกับใครอีก “เสี่ยวฉู่ เจ้าพาเปาเป่าไปเข้าคอกแล้วก็กลับไปพักผ่อนได้”

            “ไม่ให้ข้าดูแลฮูหยินอีกหน่อยหรือเจ้าคะ ยังไม่ค่ำเลย”

            “ไม่มีอะไรแล้ว”  หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ อย่างไรคนผู้นั้นก็ไม่มาหานาง ไม่จำเป็นต้องให้บ่าวไพร่อยู่รอปรนนิบัติ  “ข้าจะไปปักผ้า”

            “เจ้าค่ะ”

เสี่ยวฉู่รู้ว่าฮูหยินต้องการอยู่เพียงลำพัง นางก็ไม่รู้จะช่วยฮูหยินที่แสนดีอย่างไร ท่านแม่ทัพก็เป็นนายที่นางจงรักภักดี หากท่านแม่ทัพจะรับภรรยาเพิ่มจริงๆ แม้นางไม่พอใจ แต่จะทำสิ่งใดได้  นางกับคนอื่นในจวนก็ได้แต่เห็นใจฮูหยินเท่านั้น

            จ้าวจื่อรั่วมองสาวใช้จูงแพะน้อยออกไปแล้วก็เดินกลับเข้ามาในเรือน แต่เดิมนางก็ไม่มีสาวใช้ข้างกาย ออกจากเมืองหลวงก็ไม่มีผู้ใดติดตามมา ใช้ชีวิตทำอะไรด้วยตนเองจนคุ้นชินไปหมดแล้ว นางเข้ามาอาบน้ำอุ่นผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดนอน พลันนึกถึงที่ตนถูกคนทักว่าเป็นสาวใช้ถึงสองครั้ง  หญิงสาวก้มมองเรือนร่างตนเอง พลางคิดถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ เมื่อครั้งที่อยู่ในจวนสกุลจ้าว นางก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งกายงดงามนัก ใส่ได้เพียงแค่เสื้อผ้าสีเรียบๆ

ท่านแม่สอนงานเย็บปักและทำอาหาร นางยังจดจำได้ว่าท่านแม่เพียรพยายามเอาอกเอาใจท่านพ่อมากเพียงใด ต้องคอยดูสีหน้าคนในจวน ปักถุงเงินให้ผู้อื่นเป็นสินน้ำใจ เพียงเพื่อให้ลูกทั้งสามได้กินอิ่ม  การมีบุตรชายถึงสองคนควรจะนำพาให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมารดาให้ดีขึ้น ทว่ามารดากลับถูกกลั่นแกล้งสารพัด  ท่านพ่อก็จะพาน้องชายทั้งสองไปให้ฮูหยินใหญ่เลี้ยงดู แต่มารดาของนางขอร้องไว้ จนกระทั่งนางสิ้นใจ แม้ฮูหยินใหญ่รับน้องชายทั้งสองไปเลี้ยง  แต่ความเป็นอยู่ก็ไม่ได้ดีนัก นางต้องดูแลอยู่ห่างๆ ข้าวปลาอาหาร เสื้อผ้าที่สวม รวมทั้งคอยเคี่ยวเข็ญให้ทั้งสองฝึกอ่านตำรและเขียนอักษร

จ้าวจื่อรั่วหัวเราะเบาๆ นึกถึงที่น้องรองเคยโกรธที่นางเคี่ยวเข็ญให้อ่านตำราอย่างหนัก  ยามนี้นางไม่ได้อยู่ใกล้ๆ  พวกเขาไม่ต้องทนฟังนางบ่นอีก คงมีความสุขดีไม่มีใครคิดถึงพี่สาวคนนี้แล้วกระมัง

            ความน้อยใจทำให้หัวใจเจ็บแปลบ นางได้แต่หัวเราะโชคชะตา เป็นถึงฮูหยินแม่ทัพใหญ่ แต่...มีคนทักว่าเป็นสาวใช้...

            นางเปิดกล่องเครื่องประดับแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ มีสร้อยไข่มุกหนึ่งเส้น กำไลหยกหนึ่งวง ต่างหูมุกอีกหนึ่งคู่ ปิ่นหยกสองอัน ช่างดูอัตคัดยิ่งนัก ก็สมควรแล้วที่ถูกผู้อื่นคิดว่าเป็นสาวใช้  มือเรียวปิดกล่องเครื่องประดับแล้วหยิบแปรงมาหวีผมพลางมองตนเองในกระจกเงา เสื้อผ้านางก็มีแค่สีเรียบๆ แม้นางมีฝีมือในการปักผ้าแต่ไม่กล้าปักลวดลายเพิ่มให้อาภรณ์ของตนเอง เกรงว่าผู้อื่นจะคิดว่านางแต่งกายยั่วยวนบุรุษอื่น  ยิ่งอยู่ในจวนแม่ทัพที่มีบุรุษเดินเข้าออกตลอดวัน แม้นางใช้ชีวิตในเรือนแทบไม่เจอผู้ใดก็ตาม   มีสตรีใดบ้างเล่าไม่ชอบแต่งกายสวยงาม

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status