“ฮูหยินเจ้าคะ” “มีอะไรรึเสี่ยวฉู่” นางยิ้มให้สาวใช้พลางปิดสมุดบัญชีและเก็บใส่กล่องไม้ให้เรียบร้อย “ฮูหยินมาอยู่ชายแดนได้หลายเดือนแล้ว แต่ไม่เคยออกไปนอกจวนเลย วันนี้ไปเดินเล่นที่ตลาดไหมเจ้าคะ” “ตลาด?” “แม้จะเป็นชายแดนแต่ตลาดที่นี่คึกคักนะเจ้าค่ะ” เสี่ยวฉู่คะยันคะยอแต่แล้วใบหน้าระบายยิ้มก็จางไป “ข้าลืมไป ที่นี่เป็นชายแดนคงไม่เจริญหูเจริญตาเท่าที่เมืองหลวง” จ้าวจื่อรั่วหัวเราะออกมา “ไฉนเจ้ากลายเป็นคนประชดประชัดเก่งเช่นนี้” “ข้าไม่ได้ประชดนะเจ้าค่ะ ข้าแค่เห็นท่านอยูแต่ในจวนไม่ออกไปไหนเลย” “ข้าออกไปข้างนอกได้รึ” นางถามกลับ แม้นางเป็นฮูหยินแม่ทัพ แต่เป็นเจ้าสาวตัวแทนที่ถูกสับเปลี่ยนมา นางจะทำสิ่งใดต้องดูสีหน้ากู้ตงหยางทุกคราวไป “ท่านไม่ได้อยู่ในคุกนะเจ้าค่ะ” เสี่ยวฉู่ทำปากยื่น “เป็นฮูหยินแม่ทัพ สามารถไปไหนได้ตามใจอยู่แล้ว” “เป็นเจ้ากระมังที่อยากออกไปเที่ยวเล่น” “ฮูหยิน” เสี่ยวฉู่ทำท่ากระเง้ากระงอด “ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว” “ได้ๆ ข้าควรรับคำชี้แนะจ
“ท่านแม่ทัพ” จ้าวจื่อรั่วเรียกเหมือนไม่เชื่อว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ “อยากได้อะไรเพิ่มหรือไม่?” กู้ตงหยางถาม ปกติเขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ไม่รู้สตรีชมชอบเครื่องประดับใดบ้าง“อยากได้สิ่งใดก็เลือกเอา อย่าให้ผู้อื่นดูแคลนฐานะของเจ้า ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าข้าดูแลเจ้าได้ไม่ดีพอ” เพียงได้ยินถ้อยคำของเขา รอยยิ้มที่ประดับอยู่เมื่อครู่พลันจางหายไปทันที แท้จริง...เขาเพียงแค่กังวลว่านางจะทำให้เขาเสียหน้าสินะ หรือว่า...เขาคงรู้ว่าในหีบสินเดิมของนางแทบไม่มีของมีค่าเลย เขาเห็นนางนิ่งเงียบไปจึงย้ายสายตาก้มมองที่ใบหน้านวลเนียนยามนี้ดู...เอ่อ..เขาก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เมื่อครู่ยังเห็นนางยังดูดีอกดีใจมากเลยนี่ สตรีนี่ช่างเข้าใจยากเสียจริง “เช่นนั้น ข้าจะเลือกอีกสองสามชิ้นก็แล้วกัน” นางเอ่ยเสียงเบา คลี่ยิ้มบางๆ แล้วหันไปเลือกกำไลหยกและปิ่นประดับ กู้ตงหยางไม่เข้าใจจิตใจสตรี หรือเขาไม่ควรมาทักนางเช่นนี้ แต่เขาบังเอิญผ่านมาจริงๆ จ้าวจื่อรั่วเลือกเครื่องประดับอย่างใจลอย ไม่คิดว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ แต่ท
“จะดีหรือเจ้าคะ” นางถามเพราะสิ่งนี้แขวนอยู่หน้าร้าน คงไม่ได้ทำมาเพื่อขาย หากเป็นเช่นนั้นจริงจะดูเหมือนนางแย่งชิงมา “หากเป็นสิ่งที่ฮูหยินแม่ทัพกู้ต้องการ ข้าสามารถมอบให้ได้ขอรับ” ช่างตีเหล็กเอ่ยอย่างสุภาพ “นับเป็นเกียรติของครอบครัวช่างตีเหล็กของพวกข้ายิ่งนัก” ได้ยินเช่นนี้แล้วนางค่อยเบาใจลง ใบหน้าจึงระบายยิ้มออกมา “เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก” “เรื่องเล็กน้อยขอรับ” ดวงตางดงามก้มมองกระดิ่งลมในมือ ใบหน้าหวานแย้มยิ้มราวบุปผาป่าชวนมองจนไม่อาจถอนสายตา นางมัวแต่ชื่นชมกระดิ่งลมในมือจนไม่รู้ว่ามีสายตาหลายคู่จ้องมอง เด็กหนุ่มอายุน้อยเห็นสาวงามแย้มยิ้มก็พลันหน้าแดงเก้อเขิน ใครเลยจะรู้ว่าฮูหยินของแม่ทัพผู้โหดเหี้ยมจะแลดูบอบบางน่าทะนุถนอมถึงเพียงนี้ ทำเอาหนุ่มโสดถึงกับฝันหวานไปไกลหากจะมีภรรยาต้องหาหญิงสาวที่อ่อนหวานและงดงามเช่นภรรยาของแม่ทัพกู้ให้ได้ เพราะสนใจเพียงกระดิ่งลมจึงไม่รู้ว่าถูกจ้องมอง กู้ตงหยางผู้ไม่เข้าใจสตรีก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้น นางดูชมชอบของไร้ราคาเช่นนี้มากกว่าเครื่องประดับเหล่านั้น และดูเหมือนนางจะไม่รู้ว่าสา
“ขอพวกท่านเมตตาคนผู้นี้ด้วย ข้าจะให้คนพาเขาไปที่อื่นเอง ส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้น พวกท่านเรียกมาได้และรบกวนตามไปรับที่จวนแม่ทัพกู้ ข้าจะให้พ่อบ้านจัดการให้เอง”“จวนแม่ทัพกู้?”จ้าวจื่อรั่วยิ้มน้อยๆ เสี่ยวฉู่รีบสาวเท้ามาเบื้องหน้าแล้วพูดขึ้น“ได้ยินที่ฮูหยินท่านแม่ทัพกู้พูดแล้วใช่ไหม ผู้ใดเดือดร้อนไปขอรับเงินได้ที่จวนแม่ทัพกู้”“ฮูหยินแม่ทัพกู้!” เท่านี้ชาวบ้านก็ให้ความสนใจมากขึ้นไปอีก แม้ใบหน้าแย้มยิ้มแต่จ้าวจื่อรั่วลอบถอนหายใจอยู่ในอก นางไม่อยากใช้ชื่อเสียงของกู้ตงหยางมาทำตามอำเภอใจเช่นนี้ แต่หากไม่เอ่ยชื่อเขาออกไปก็เกรงว่าเรื่องจะไม่ยุติโดยง่าย“ถ้าฮูหยินท่านแม่ทัพเอ่ยปากขอด้วยตนเอง พวกเราก็ไม่เอาความใด ท่านรีบพาคนผู้นี้ไปให้พ้นหูพ้นตาพวกเราเถิด”“ขอบคุณทุกท่านมาก” นางก้มศีรษะลงเล็กน้อย เมื่อผู้คนเลิกสนใจแล้ว นางจึงหันมามองชายผู้นั้น“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บที่ใด” นางเอ่ยถามแต่เมื่อสาวเท้าเข้าไปใกล้ เสี่ยวฉู่ก็รั้งแขนนางไว้ก่อน“ฮูหยินอย่าเข้าไปใกล้เจ้าค่ะ”“ก็ได้...เช่นนั้นเจ้าให้สารถีพาเขาขึ้นรถม้าไป”“ขึ้นรถม้า! ไม่ได้เจ้าค่ะ!” “เช่นนั้นจะทำอย่างไร”“เอ่อ...” เสี่ยวฉู่ขมวด
เพราะเหนื่อยล้ากับเรื่องราวที่พบเจอในวันนี้ จ้าวจื่อรั่วแช่กายในน้ำอุ่นจนเกือบผล็อยหลับไป หากไม่เพราะเสี่ยวฉู่มาเรียก นางคงหลับไปจริงๆ เมื่อซับน้ำจากเรือนร่างแล้ว ดวงตางดงามมองเสื้อผ้าที่เสี่ยวฉู่เตรียมไว้ให้อย่างงุนงง “แค่ไปกินมื้อเย็นต้องแต่งกายขนาดนี้เลยรึ” จ้าวจื่อรั่วถามพลางหยิบอาภรณ์สีฟ้าละมุนตา นางแทบจำไม่ได้ว่าเคยมีเสื้อผ้าสีแบบนี้ “นี่เสื้อผ้าของข้ารึ?” “ก็ต้องของฮูหยินอยู่แล้วเจ้าคะ ในเรือนนี้นอกจากท่านแล้วจะมีสตรีใดได้อีก” เสี่ยวฉู่ย่นจมูกใส่แล้วรีบจัดแจงสวมเสื้อผ้าให้ฮูหยิน สาวใช้ตัวดีแอบยิ้มทะเล้น ฮูหยินมิใช่คนตระหนี่ ยิ่งเป็นเรื่องของผู้อื่นยิ่งใส่ใจ แต่เมื่อเป็นเรื่องของตนเองกลับละเลย พ่อบ้านจึงให้คนไปหาซื้อมาเสื้อผ้าของฮูหยินมาเพิ่ม จ้าวจื่อรั่วมองเสี่ยวฉู่อย่างอ่อนใจก่อนจะยิ้มบ้างๆ เสี่ยวฉู่ร่าเริงเหมือนเด็กสาว แม้ชีวิตเคยผ่านความยากลำบากของสงครามมาก่อน สาวใช้คนดีทำราวกับการได้แต่งกายให้นางเป็นเรื่องสนุกสนาน จ้าวจื่อรั่วจึงตามใจ มองไปมองมาก็เห็นเสี่ยวฉู่เหมือนน้องสาวเล็กๆ คนหนึ่งมากกว่าเป็นสาวใช้“เสี่ยวฉู่ เจ้าอ่านออกเขียนได้
จ้าวจื่อรั่วใช้ตะเกียบคีบเนื้อเข้าปากคำน้อยๆ เนื้อตุ๋นเปื่อยได้ที่กำลังดีไม่เปื่อยมากเกินไป นางลอบมองทางกู้ตงหยาง เขากินไปเล็กน้อยแล้วยกจอกสุราขึ้นดื่ม“อร่อยไหมเจ้าคะ...ฮูหยิน” เฉียวฉู่เอ่ยถามแววตารอคอยคำตอบ“อร่อย” นางตอบไปตามตรง“ข้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ท่านหมอบอกว่าเลือดจางหรืออะไรนี่แหละ ต้องกินอาหารบำรุงเลือด ขจัดพิษในร่างกาย แม่นมของข้าก็เลยปรุงอาหารหม้อนี้มาเป็นพิเศษ ฮูหยินเป็นสตรีอย่างไรก็ต้องกินอาหารบำรุงเลือดให้มาก ที่บ้านของข้าน่ะ เนื้อแพะคือยาบำรุงชั้นดีเลยล่ะ”“เนื้อ...เนื้อแพะ...” จ้าวจื่อรั่วรู้สึกแปลกใจกับสายตาของเฉียวฉู่ นางจงใจพูดเน้นย้ำว่า ‘เนื้อแพะ’ จนนางอดคิดไม่ได้ว่า...กู้ตงหยางแม้ไม่ได้สนใจอาหารการกินนัก แต่รับรู้ได้ว่าภรรยาสาวมีอาการแปลกไปจึงเงยหน้าขึ้นมองเห็นใบหน้านางซีดเผือดราวไร้สีเลือด“เจ้า...เจ้าเอาแพะที่ไหนมาทำอาหารหม้อนี้” จ้าวจื่อรั่วถามเสียงเบาบังคับไม่ให้ตัวเองเสียงสั่นเกินไป นางอาจคิดไปเอง แต่กระนั้นหญิงสาวก็หันไปทางเสี่ยวฉู่ที่ยืนรอรับใช้ใกล้ๆ“เสี่ยวฉู่ ...วันนี้เปาเป่า...”“เพราะข้าต้องกินเนื้อแพะเพื่อบำรุงร่างกายให้พร้อมเดินทางและข้าก็หาแ
“เจ้าออกมาทำไม เหตุใดไม่พักผ่อนในห้อง” เขาตำหนิเบาๆ แต่น้ำเสียงราบเรียบฟังแล้วเย็นชาและห่างเหิน “หากท่านแม่ทัพต้องการลงโทษคนผิด ข้าก็ต้องออกมารับโทษนั้นด้วย” จ้าวจื่อรั่วเอ่ยแล้วเดินมาเบื้องเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าซีดขาวราวไร้เลือดเงยขึ้นเล็กน้อยก่อนเอ่ย“แพะน้อยเป็นของข้า ซึ่งหมายความว่าข้าเป็นเจ้าของ ผู้เจ้าของดูแลไม่ดีถูกผู้อื่นนำไปย่อมเป็นความผิดที่ข้าละเลยไม่ได้ใส่ใจจนเกิดเรื่องนี้ขึ้น” “ฮูหยิน” เสียงบ่าวรับใช้พูดขึ้นแทบพร้อมกัน ใครๆ ก็รู้ว่าฮูหยินรักแพะน้อยตัวนั้นมากเพียงใด เป็นพวกเขาที่ละเลยไม่ทันใส่ใจว่าจะมีผู้อื่นกล้ามาเอาตัวแพะน้อยของฮูหยินไปทำอาหาร... กู้ตงหยางหรี่ตามอง แม้นางดูอ่อนเพลียแต่แววตามุ่งมั่น แต่เดิมเขามองว่านางเป็นหญิงว่านอนสอนง่าย แต่ครั้นจะดื้อขึ้นมาก็รั้นไม่ใช่น้อย หากนางเป็นทหารใต้บังคับบัญชาของเขา เขาคงไม่รีรอที่จะลงโทษ แต่นี่นางเป็นเพียงหญิงอ่อนแอและที่สำคัญยังเป็นภรรยาของเขาด้วย “เสี่ยวฉู่ เจ้าพาฮูหยินไปพักผ่อน” “เจ้าค่ะ” เสี่ยวฉู่ที่คุกเข่าอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปหาฮูหยิน ตามคำสั่งของท่านแม่
เสี้ยวหน้าซีดเซียวดูน่าเวทนาทำเอาใจบุรุษสั่นไหว แม้ดวงตาปิดสนิทแต่มีรอยคราบน้ำตาเปื้อนอยู่ เขานั่งลงริมเตียงอย่างเงียบเฉียบ วันนี้นางเพิ่งยิ้มดีใจราวเด็กเล็กๆ ค่ำมาก็ต้องร้องไห้ที่สูญเสียแพะน้อยไป เขายื่นมือไปหมายจะเช็ดคราบน้ำตาแต่ก็ชะงักและชักมือกลับ ด้วยรู้สึกว่ามือของตนเคยเปื้อนเลือดมากมายเกินกว่าจะเช็ดน้ำตาให้ผู้อื่นได้ เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยเสียงเบา“ข้าจะหาแพะตัวใหม่มาให้เจ้าเลี้ยง เอาสักสองสามตัวดีไหม หรือจะเลี้ยงสักฝูงก็ได้”แม้ปิดเปลือกตาแต่หญิงสาวยังไม่หลับ ทุกถ้อยคำของเขาชัดเจนแต่นางได้แต่กัดริมฝีปากตนเองไม่ส่งเสียงใดออกไปแม่ทัพหนุ่มรู้ว่าภรรยาของตนอารมณ์ไม่ดีนัก เขาเองก็ไม่ใช่คนช่างเอาอกเอาใจจึงได้แต่เหน็บผ้าห่มให้นางดูจนมั่นใจแล้วจึงปลดม่านมุ้งลงตามเดิมแล้วเดินจากมาน้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วพลันไหลออกมาอีกครั้ง จ้าวจื่อรั่วพึมพำกับตนเอง“ข้า..ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว”เพราะ…ไม่มีสิ่งใดเป็นของนางอย่างแท้จริง. เสี่ยวฉู่บรรจงปักปิ่นระย้าประดับผมให้จ้าวจื่อรั่ว ปกติ ฮูหยินไม่ชอบแต่งหน้าประทินโฉมนัก แต่เพราะนางต้องออกไปส่งเฉียวฉู่ตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ ใบหน้