“ขอพวกท่านเมตตาคนผู้นี้ด้วย ข้าจะให้คนพาเขาไปที่อื่นเอง ส่วนเรื่องค่าเสียหายนั้น พวกท่านเรียกมาได้และรบกวนตามไปรับที่จวนแม่ทัพกู้ ข้าจะให้พ่อบ้านจัดการให้เอง”“จวนแม่ทัพกู้?”จ้าวจื่อรั่วยิ้มน้อยๆ เสี่ยวฉู่รีบสาวเท้ามาเบื้องหน้าแล้วพูดขึ้น“ได้ยินที่ฮูหยินท่านแม่ทัพกู้พูดแล้วใช่ไหม ผู้ใดเดือดร้อนไปขอรับเงินได้ที่จวนแม่ทัพกู้”“ฮูหยินแม่ทัพกู้!” เท่านี้ชาวบ้านก็ให้ความสนใจมากขึ้นไปอีก แม้ใบหน้าแย้มยิ้มแต่จ้าวจื่อรั่วลอบถอนหายใจอยู่ในอก นางไม่อยากใช้ชื่อเสียงของกู้ตงหยางมาทำตามอำเภอใจเช่นนี้ แต่หากไม่เอ่ยชื่อเขาออกไปก็เกรงว่าเรื่องจะไม่ยุติโดยง่าย“ถ้าฮูหยินท่านแม่ทัพเอ่ยปากขอด้วยตนเอง พวกเราก็ไม่เอาความใด ท่านรีบพาคนผู้นี้ไปให้พ้นหูพ้นตาพวกเราเถิด”“ขอบคุณทุกท่านมาก” นางก้มศีรษะลงเล็กน้อย เมื่อผู้คนเลิกสนใจแล้ว นางจึงหันมามองชายผู้นั้น“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บที่ใด” นางเอ่ยถามแต่เมื่อสาวเท้าเข้าไปใกล้ เสี่ยวฉู่ก็รั้งแขนนางไว้ก่อน“ฮูหยินอย่าเข้าไปใกล้เจ้าค่ะ”“ก็ได้...เช่นนั้นเจ้าให้สารถีพาเขาขึ้นรถม้าไป”“ขึ้นรถม้า! ไม่ได้เจ้าค่ะ!” “เช่นนั้นจะทำอย่างไร”“เอ่อ...” เสี่ยวฉู่ขมวด
เพราะเหนื่อยล้ากับเรื่องราวที่พบเจอในวันนี้ จ้าวจื่อรั่วแช่กายในน้ำอุ่นจนเกือบผล็อยหลับไป หากไม่เพราะเสี่ยวฉู่มาเรียก นางคงหลับไปจริงๆ เมื่อซับน้ำจากเรือนร่างแล้ว ดวงตางดงามมองเสื้อผ้าที่เสี่ยวฉู่เตรียมไว้ให้อย่างงุนงง “แค่ไปกินมื้อเย็นต้องแต่งกายขนาดนี้เลยรึ” จ้าวจื่อรั่วถามพลางหยิบอาภรณ์สีฟ้าละมุนตา นางแทบจำไม่ได้ว่าเคยมีเสื้อผ้าสีแบบนี้ “นี่เสื้อผ้าของข้ารึ?” “ก็ต้องของฮูหยินอยู่แล้วเจ้าคะ ในเรือนนี้นอกจากท่านแล้วจะมีสตรีใดได้อีก” เสี่ยวฉู่ย่นจมูกใส่แล้วรีบจัดแจงสวมเสื้อผ้าให้ฮูหยิน สาวใช้ตัวดีแอบยิ้มทะเล้น ฮูหยินมิใช่คนตระหนี่ ยิ่งเป็นเรื่องของผู้อื่นยิ่งใส่ใจ แต่เมื่อเป็นเรื่องของตนเองกลับละเลย พ่อบ้านจึงให้คนไปหาซื้อมาเสื้อผ้าของฮูหยินมาเพิ่ม จ้าวจื่อรั่วมองเสี่ยวฉู่อย่างอ่อนใจก่อนจะยิ้มบ้างๆ เสี่ยวฉู่ร่าเริงเหมือนเด็กสาว แม้ชีวิตเคยผ่านความยากลำบากของสงครามมาก่อน สาวใช้คนดีทำราวกับการได้แต่งกายให้นางเป็นเรื่องสนุกสนาน จ้าวจื่อรั่วจึงตามใจ มองไปมองมาก็เห็นเสี่ยวฉู่เหมือนน้องสาวเล็กๆ คนหนึ่งมากกว่าเป็นสาวใช้“เสี่ยวฉู่ เจ้าอ่านออกเขียนได้
จ้าวจื่อรั่วใช้ตะเกียบคีบเนื้อเข้าปากคำน้อยๆ เนื้อตุ๋นเปื่อยได้ที่กำลังดีไม่เปื่อยมากเกินไป นางลอบมองทางกู้ตงหยาง เขากินไปเล็กน้อยแล้วยกจอกสุราขึ้นดื่ม“อร่อยไหมเจ้าคะ...ฮูหยิน” เฉียวฉู่เอ่ยถามแววตารอคอยคำตอบ“อร่อย” นางตอบไปตามตรง“ข้าร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ท่านหมอบอกว่าเลือดจางหรืออะไรนี่แหละ ต้องกินอาหารบำรุงเลือด ขจัดพิษในร่างกาย แม่นมของข้าก็เลยปรุงอาหารหม้อนี้มาเป็นพิเศษ ฮูหยินเป็นสตรีอย่างไรก็ต้องกินอาหารบำรุงเลือดให้มาก ที่บ้านของข้าน่ะ เนื้อแพะคือยาบำรุงชั้นดีเลยล่ะ”“เนื้อ...เนื้อแพะ...” จ้าวจื่อรั่วรู้สึกแปลกใจกับสายตาของเฉียวฉู่ นางจงใจพูดเน้นย้ำว่า ‘เนื้อแพะ’ จนนางอดคิดไม่ได้ว่า...กู้ตงหยางแม้ไม่ได้สนใจอาหารการกินนัก แต่รับรู้ได้ว่าภรรยาสาวมีอาการแปลกไปจึงเงยหน้าขึ้นมองเห็นใบหน้านางซีดเผือดราวไร้สีเลือด“เจ้า...เจ้าเอาแพะที่ไหนมาทำอาหารหม้อนี้” จ้าวจื่อรั่วถามเสียงเบาบังคับไม่ให้ตัวเองเสียงสั่นเกินไป นางอาจคิดไปเอง แต่กระนั้นหญิงสาวก็หันไปทางเสี่ยวฉู่ที่ยืนรอรับใช้ใกล้ๆ“เสี่ยวฉู่ ...วันนี้เปาเป่า...”“เพราะข้าต้องกินเนื้อแพะเพื่อบำรุงร่างกายให้พร้อมเดินทางและข้าก็หาแ
“เจ้าออกมาทำไม เหตุใดไม่พักผ่อนในห้อง” เขาตำหนิเบาๆ แต่น้ำเสียงราบเรียบฟังแล้วเย็นชาและห่างเหิน “หากท่านแม่ทัพต้องการลงโทษคนผิด ข้าก็ต้องออกมารับโทษนั้นด้วย” จ้าวจื่อรั่วเอ่ยแล้วเดินมาเบื้องเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าซีดขาวราวไร้เลือดเงยขึ้นเล็กน้อยก่อนเอ่ย“แพะน้อยเป็นของข้า ซึ่งหมายความว่าข้าเป็นเจ้าของ ผู้เจ้าของดูแลไม่ดีถูกผู้อื่นนำไปย่อมเป็นความผิดที่ข้าละเลยไม่ได้ใส่ใจจนเกิดเรื่องนี้ขึ้น” “ฮูหยิน” เสียงบ่าวรับใช้พูดขึ้นแทบพร้อมกัน ใครๆ ก็รู้ว่าฮูหยินรักแพะน้อยตัวนั้นมากเพียงใด เป็นพวกเขาที่ละเลยไม่ทันใส่ใจว่าจะมีผู้อื่นกล้ามาเอาตัวแพะน้อยของฮูหยินไปทำอาหาร... กู้ตงหยางหรี่ตามอง แม้นางดูอ่อนเพลียแต่แววตามุ่งมั่น แต่เดิมเขามองว่านางเป็นหญิงว่านอนสอนง่าย แต่ครั้นจะดื้อขึ้นมาก็รั้นไม่ใช่น้อย หากนางเป็นทหารใต้บังคับบัญชาของเขา เขาคงไม่รีรอที่จะลงโทษ แต่นี่นางเป็นเพียงหญิงอ่อนแอและที่สำคัญยังเป็นภรรยาของเขาด้วย “เสี่ยวฉู่ เจ้าพาฮูหยินไปพักผ่อน” “เจ้าค่ะ” เสี่ยวฉู่ที่คุกเข่าอยู่ค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปหาฮูหยิน ตามคำสั่งของท่านแม่
เสี้ยวหน้าซีดเซียวดูน่าเวทนาทำเอาใจบุรุษสั่นไหว แม้ดวงตาปิดสนิทแต่มีรอยคราบน้ำตาเปื้อนอยู่ เขานั่งลงริมเตียงอย่างเงียบเฉียบ วันนี้นางเพิ่งยิ้มดีใจราวเด็กเล็กๆ ค่ำมาก็ต้องร้องไห้ที่สูญเสียแพะน้อยไป เขายื่นมือไปหมายจะเช็ดคราบน้ำตาแต่ก็ชะงักและชักมือกลับ ด้วยรู้สึกว่ามือของตนเคยเปื้อนเลือดมากมายเกินกว่าจะเช็ดน้ำตาให้ผู้อื่นได้ เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยเสียงเบา“ข้าจะหาแพะตัวใหม่มาให้เจ้าเลี้ยง เอาสักสองสามตัวดีไหม หรือจะเลี้ยงสักฝูงก็ได้”แม้ปิดเปลือกตาแต่หญิงสาวยังไม่หลับ ทุกถ้อยคำของเขาชัดเจนแต่นางได้แต่กัดริมฝีปากตนเองไม่ส่งเสียงใดออกไปแม่ทัพหนุ่มรู้ว่าภรรยาของตนอารมณ์ไม่ดีนัก เขาเองก็ไม่ใช่คนช่างเอาอกเอาใจจึงได้แต่เหน็บผ้าห่มให้นางดูจนมั่นใจแล้วจึงปลดม่านมุ้งลงตามเดิมแล้วเดินจากมาน้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วพลันไหลออกมาอีกครั้ง จ้าวจื่อรั่วพึมพำกับตนเอง“ข้า..ไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว”เพราะ…ไม่มีสิ่งใดเป็นของนางอย่างแท้จริง. เสี่ยวฉู่บรรจงปักปิ่นระย้าประดับผมให้จ้าวจื่อรั่ว ปกติ ฮูหยินไม่ชอบแต่งหน้าประทินโฉมนัก แต่เพราะนางต้องออกไปส่งเฉียวฉู่ตามคำสั่งของท่านแม่ทัพ ใบหน้
ภายในรถม้า จ้าวจื่อรั่วนั่งเหยียดแผ่นหลังตั้งตรง ท่วงท่าเรียบง่ายแต่งามสง่าดูขัดหูขัดตาเฉียวฉู่ที่วันนี้ยังคงสวมชุดสีแดงสดใสเช่นเคย นางยังคงแสร้งยิ้มแย้มและชวนคุยแต่จ้าวจื่อรั่วไม่เอ่ยวาจาวางท่าสูงส่งยิ่งทำให้เฉียวฉู่ชิงชัง นางกำมือแน่นจนเล็บจิกไปที่กลางฝ่ามือ แม่นมคนสนิทเข้าใจความรู้สึกของเฉียวฉู่เป็นอย่างดี ยื่นมือมาแตะท่อนแขนของเฉียวฉู่เบาๆเป็นเชิงปลอบโยน “ข้าดีใจที่เจ้า เอ่อ ฮูหยินมาส่งด้วยตนเองเช่นนี้” เฉียวฉู่แย้มยิ้ม “อยู่ที่จวนมานาน ไม่มีโอกาสได้ขอบคุณฮูหยิน ซ้ำยังทำเรื่องให้ท่านไม่สบายใจอีก แต่ข้าปรารถนาดีจริงๆนะ ที่บ้านข้าการกินเนื้อแพะเป็นการบำรุงสุขภาพ ข้าก็เลยคิดว่าฮูหยินเลี้ยงไว้เป็น...” “เรื่องผ่านมาแล้วไม่จำเป็นต้องพูดอีก”จ้าวจื่อรั่วเอ่ยเสียงเรียบ สายตามองออกไปนอกหน้าต่าง ม่านหน้าต่างขยับไหวตามแรงลม ด้านนอกผู้คนขวักไขว่ นางก็เป็นแค่คนแปลกหน้าของเมืองนี้ ไม่รู้เลยว่ามีท่าเรือใหญ่โต ก่อนเดินทางที่นี้นางได้ยินแต่ว่าเป็นชายแดนทุรกันดาร แน่นอนว่าเรื่องเล่าป่าเถื่อนมากมายที่ทำให้บิดาไม่ยินดีส่งคุณหนูตัวจริงมาเป็นฮูหยินของแม่ทัพกู้ นางจ
“จะแตกตื่นไปไย ว่ายน้ำเป็นหรือไม่เป็นไม่เกี่ยวกับข้า นางตกน้ำไปเอง ข้าไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย” “เจ้าจงใจ!” โจรหนุ่มไม่คิดว่าเมียสาวจะเลือดเย็นถึงเพียงนี้ แต่นั้นก็ยิ่งย้ำให้เขารู้ว่าสตรีผู้นี้เหมาะสมกับเขายิ่งนัก เฉียวฉู่เบ้ปากใส่แล้วปรายตามองไปยังสาวใช้ที่ร้องโอดครวญอยู่“รำคาญนัก ช่วยจัดการให้มันเงียบทีสิ!” หูหลานยิ้มที่มุมปาก ใครเลยจะรู้ว่าท่าเรือที่เห็นผู้คนคึกคักนั้นแท้จริงเป็นเหล่าโจรที่เหลือรอดจากการจับกุม หัวหน้าโจรยกมือเพื่อส่งสัญญาณให้ลูกน้องจัดการสาวใช้ผู้นี้เสีย ใบหน้าเสี่ยวฉู่เปื้อนเปรอะน้ำตาเพราะความเจ็บปวดและเสียใจที่ไม่อาจช่วยฮูหยินได้ แต่กระนั้นนางก็ขึงตาใส่อย่างดุดัน แม้นางไม่เคยอยู่ในสนามรบ แต่ชีวิตชายแดนเคยผ่านความน่ากลัวของสงครามมาก่อน และสูญเสียคนในครอบครัวไปเหลือนางเพียงคนเดียว นางไม่ได้กลัวตาย แต่นางเสียใจที่ไม่ได้ช่วยฮูหยิน! ลูกน้องโจรแสยะยิ้มแล้วใช้ปลายดาบเชยคางสาวใช้ขึ้นแล้วพูดใส่“กล้าขึงตาใส่แบบนี้! ข้าชอบนัก! มาเป็นเมียคนที่สามของข้าดีกว่า!” “ถุย!” เสี่ยวฉู่ถ่มน้ำลายใส่ “มีผัวเป
ข่าวการหายตัวไปของฮูหยินแม่ทัพกู้ตงหยางแพร่สะพัดไปทั่วเมือง แม้ผ่านมานานสองเดือนชาวบ้านต่างป้องปากกระซิบพูดถึงอยู่ ไม่มีผู้ใดกล้าพูดเสียงดังเพราะเกรงเรื่องจะไปถึงหูแม่ทัพปีศาจผู้นั้น ฉายาแม่ทัพปีศาจนั้นมาจากความโหดเหี้ยมในการทำศึกสงคราม แต่ใครเลยจะรู้ว่าเพียงเพื่อกวาดล้างโจรชั่วถึงกับยอมใช้ฮูหยินของตนเป็นเบี้ยตัวหนึ่งให้อีกฝ่ายตายใจ มาบัดนี้ฮูหยินตกน้ำหาตัวไม่พบ แม้จะใช้ทหารทั้งกองทัพก็ยังไร้ร่องรอย ผ่านมาสองเดือนแม้จะยุติการค้นหาแล้ว แต่ทหารและชาวเมืองต่างรู้ว่า แม่ทัพกู้ยังคงตามหาฮูหยินของตน บาดแผลของเสี่ยวฉู่หายดีแล้ว และทุกวัน สาวใช้ผู้นี้ยังคอยตามหาฮูหยิน และยังคงโทษตนเองที่ทำให้ฮูหยินหายไป เสียงกระดิ่งสายลมทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง เขายังจำรอยยิ้มดีใจไร้เดียงสาในวันนั้นได้ดี เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมนางต้องดีใจกับแค่กระดิ่งลม‘ท่านแม่ทัพ! ข้า...ข้าแขวนกระดิ่งลมที่เรือนได้ไหมเจ้าคะ’ ‘ตามใจ’ และวันเดียวกัน นางต้องทุกข์ใจที่เจ้าแพะน้อยตายไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกกับนางเช่นไร สตรีที่ฮ่องเต้ส่งมาเพื่อจับตาดูเขา ซ้ำคนสก