ข่าวการหายตัวไปของฮูหยินแม่ทัพกู้ตงหยางแพร่สะพัดไปทั่วเมือง แม้ผ่านมานานสองเดือนชาวบ้านต่างป้องปากกระซิบพูดถึงอยู่ ไม่มีผู้ใดกล้าพูดเสียงดังเพราะเกรงเรื่องจะไปถึงหูแม่ทัพปีศาจผู้นั้น ฉายาแม่ทัพปีศาจนั้นมาจากความโหดเหี้ยมในการทำศึกสงคราม แต่ใครเลยจะรู้ว่าเพียงเพื่อกวาดล้างโจรชั่วถึงกับยอมใช้ฮูหยินของตนเป็นเบี้ยตัวหนึ่งให้อีกฝ่ายตายใจ มาบัดนี้ฮูหยินตกน้ำหาตัวไม่พบ แม้จะใช้ทหารทั้งกองทัพก็ยังไร้ร่องรอย ผ่านมาสองเดือนแม้จะยุติการค้นหาแล้ว แต่ทหารและชาวเมืองต่างรู้ว่า แม่ทัพกู้ยังคงตามหาฮูหยินของตน บาดแผลของเสี่ยวฉู่หายดีแล้ว และทุกวัน สาวใช้ผู้นี้ยังคอยตามหาฮูหยิน และยังคงโทษตนเองที่ทำให้ฮูหยินหายไป เสียงกระดิ่งสายลมทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง เขายังจำรอยยิ้มดีใจไร้เดียงสาในวันนั้นได้ดี เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมนางต้องดีใจกับแค่กระดิ่งลม‘ท่านแม่ทัพ! ข้า...ข้าแขวนกระดิ่งลมที่เรือนได้ไหมเจ้าคะ’ ‘ตามใจ’ และวันเดียวกัน นางต้องทุกข์ใจที่เจ้าแพะน้อยตายไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนเองรู้สึกกับนางเช่นไร สตรีที่ฮ่องเต้ส่งมาเพื่อจับตาดูเขา ซ้ำคนสก
“อากาศเริ่มเย็นแล้ว ให้นางสวมเสื้อผ้าหนาๆด้วย” “ทราบแล้วขอรับ” “ไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปเสีย” พ่อบ้านถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก้าวออกไป ห้องนี้จึงตกอยู่ในความเงียบงันอีกครั้ง สายตาของกู้ตงหยางไล่อ่านข้อความบนกระดาษ เขาส่งอ้ายเสิ่นไปสืบประวัติของจ้าวจื่อรั่วที่เมืองหลวง ดูเหมือนว่า...นางจะเป็นแค่ลูกอนุที่ไร้พิษภัยจริงๆ ตั้งแต่เดือนแรกที่นางหายตัวไป ฮ่องเต้ส่งทหารคนสนิทมาสอบถาม อาจไม่เชื่อว่านางหายไปและคิดว่าเขาสังหารนางเพื่อต่อต้านฮ่องเต้ก็เป็นได้ เมื่อเห็นว่าเขายังส่งคนตามหานางไม่หยุดหย่อนจึงได้กลับไป ไม่นานก็สาส์นจากฮ่องเต้ให้เขาตามหาจ้าวจื่อรั่วให้พบ แม้ไม่มีคำสั่งนั้น เขาก็ทำอยู่แล้ว สายลมเหมันต์พัดผ่านอีกระลอก เสียงกระดิ่งลมดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคราวที่อากาศหนาวเย็น ร่างกายเหมือนถูกเข็มเล่มเล็กๆ ทิ่มแทงไปทั่วร่าง ร่างกายเขาถูกพิษตั้งแต่ทำศึกป้องกันชายแดนเมื่อห้าปีก่อน แม้เอาชีวิตรอดมาได้แต่พิษยังอยู่ในร่างไม่อาจขับออกมาได้หมด เขาจึงต้องทนรับความทรมานนี้มานานหลายปี จนกระทั่งข้างกายมีร่างนุ่มนิ่มมานอนเคียงข้าง ใครเลยจะร
ตงเจียวโจวรีบเข้ามาช่วยฉุดนางขึ้นจากน้ำมาบนเรือ สองสามีภรรยาล่องเรือผ่านมาพอดี ไม่รู้โชคชะตาเล่นตลกอันใดกับชีวิตของนาง ได้บังเอิญมาพบตงเจียวโจวฉายาหมอเทวดาที่ตามหาตัวได้ยากยิ่ง ท่านหมอตงพาภรรยาที่สติไม่ค่อยดีท่องเที่ยวทั่วหล้า เพื่อหวังให้ลืมเรื่องที่สูญเสียลูกสาวไป แม้เป็นคนที่ผู้อื่นยกย่องว่าเป็น ‘หมอเทวดา’ แต่กลับไม่สามารถรักษาภรรยาของตนได้ และด้วยสภาพร่างกายของหญิงสาวแปลกหน้าที่อ่อนแอมาก ท่านหมอตงจึงหยุดเดินทางมาพักที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งเพื่อรักษานาง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใด ซูเม่ยที่สติไม่ดีกลับเปลี่ยนไปเหมือนคนปกติทุกอย่าง เว้นเสียแต่ว่าซูเม่ยคิดว่านางเป็นลูกสาวที่ตายไป ‘ขอโทษเจ้าด้วย เรื่องเป็นเช่นนี้ทำให้เจ้าลำบากใจ’ ‘ไม่เลยเจ้าคะ เป็นข้าที่ติดหนี้บุญคุณท่านทั้งสอง’ ‘นังหนู ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเจอเรื่องใดมา แต่เพื่อรักษาชีวิตในครรภ์นี้ เจ้าต้องอยู่นิ่งๆบนเตียงอย่างน้อยก็หนึ่งเดือน เจ้าอยากให้ข้าติดต่อสามีของเจ้าหรือไม่’ ‘ท่าน...ท่านว่าอะไรนะเจ้าคะ’ ‘ไอ้หย่า! นี่เจ้าไม่รู้รึ เจ้าตั้งท้องอยู่’ ‘ข้า...
หมอตงเจียวโจวแนะนำง่ายๆ และเขาเองก็ไม่เซ้าซี้ถาม หลายปีก่อนเขาเคยพบหมอตงเจียวโจวมาก่อน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนแนวคิดจนขอคารวะนับถือท่านเป็นอาจารย์ หมอตงไม่เคยรับลูกศิษย์แต่เพราะถูกชะตาจึงรับเขาไว้ หลังจากนั้นหมอตงก็พาภรรยาเดินทางจากไป เขาได้ข่าวคราวอยู่บ้างและกำชับคนของร้านในสาขาต่างๆ หากท่านหมอตงต้องการความช่วยเหลือให้ไม่ว่าเรื่องใดก็สามารถทำได้เต็มที่แล้วค่อยรายเขาทีหลัง ฉินหวังเหล่ยจำนางได้ แต่ในเมื่ออาจารย์เรียกนางว่าลูกบุญธรรม เขาก็ไม่คิดถามหาเหตุผลอีก เรื่องแม่ทัพกู้ใช้ภรรยาตนเองเพื่อจับโจรนั้น เขาไม่อาจก้าวกายการทำงานได้ แต่ก็ไม่อาจนับถือบุรุษเช่นนี้ได้เช่นกัน นางดูอ่อนแอจนน่าสงสารซ้ำยังตั้งครรภ์อีกด้วย ชายผู้นั้นยังทำได้ถึงเพียงนี้ นางเองก็ไม่มีทีท่าว่าอยากพูดถึงเรื่องนั้น เขาจึงไม่เคยปริปากว่ารู้ตัวตนที่แท้จริง หลังจากรักษาตัวจนหายดี เขาจึงเดินทางกลับสกุลฉิน เพราะเถลไถลมานานจึงต้องกลับไปช่วยดูกิจการของครอบครัว แต่ครั้งนี้เขาขอพี่ใหญ่มาทดูแลกิจการสาขาด้วยตนเอง ทำให้เขามาอยู่ชายแดนและเมื่อมีเวลาก็มาเยี่ยมอาจารย์ทั้งสอง นางคลอดลูกเป็นชาย เดิมทีเขาคิดว่านา
ท่าทางอิดโรยของเขาและเสื้อผ้าสกปรกนั้น แสดงให้เห็นว่าเขาเพิ่งกลับมาจากสืบข่าวให้ท่านแม่ทัพกู้ เสี่ยวฉู่รีบวิ่งไปหาด้วยความหวัง“ได้ข่าวฮูหยินบ้างหรือไม่”อ้ายเสิ่นส่ายหน้าไปมา “เจ้าอย่าเพิ่งหมดหวังไป อย่างไรข้าต้องสืบข่าวฮูหยินให้พบ”“ข้าไม่เคยหมดหวัง ข้าเชื่อว่าคนดีอย่างฮูหยินยังมีชีวิตอยู่ เพียงแค่...นางอาจอยู่ที่ใดที่หนึ่งที่เราหาไม่พบ”“ข้าก็คิดเช่นนั้น” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ข้าไปพบท่านแม่ทัพก่อน”“อื้ม ข้าจะเตรียมน้ำแกงร้อนๆไว้ให้นะ” เสี่ยวฉู่ยิ้มให้แล้วมองแผ่นหลังของอ้ายเสิ่นเดินจากไป ตั้งแต่ฮูหยินไม่อยู่ ท่านแม่ทัพก็ไม่ได้กลับมานอนที่เรือนอีก มักจะนอนที่ห้องหนังสือหรือไม่ก็อยู่ค่ายทหาร นางเชื่อว่าท่านแม่ทัพเองก็คงทุกข์ใจไม่น้อย เสียงกระดิ่งลมดังเบาๆ ทำให้เสี่ยวฉู่นึกถึงใบหน้าแย้มยิ้มทีความสุขของฮูหยิน ฮูหยินของนางจิตใจดีถึงเพียงนั้น คงแค่...แค่น้อยใจท่านแม่ทัพจึงยังไม่อยากกลับมาก็ได้ นางเชื่อสุดจิตสุดใจว่าฮูหยินยังมีชีวิตอยู่ทุกคนในจวนนี้เฝ้ารอให้ฮูหยินกลับมาเสียงไอโขลกๆ ดังมาจากหลังบานประตู อ้ายเสิ่นชะงักเท้าด้วยใจกังวล เขาสูดลมหายใจลึกก่อนพูดออกไป“ท่านแม่ทัพ ข้าอ้ายเส
การถูกปกป้องมันรู้สึกเช่นนี้เองหรือ? หัวใจของนางเต็มตื้นด้วยความอิ่มเอมใจ“เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ไปไหน ข้ากับเจ้าอ้วนน้อยก็ขอติดตามไปด้วย”“ดีแล้วๆ”“เช่นนั้น ข้าฝากเจ้าอ้วนน้อยไว้กับท่านแม่ก่อนนะเจ้าค่ะ”“รู้แล้วๆ จะไปทำอะไรก็รีบไป” ซูเม่ยพูดพลางอุ้มเจ้าอ้วนน้อยเดินเล่นดูสมุนไพรที่ปลูกไว้รอบๆบ้านจ้าวจื่อรั่วยิ้มบางๆ แล้วเดินไปซักผ้าหลังบ้าน ตั้งแต่ตกน้ำครั้งนั้น นางไม่กล้าเข้าใกล้แม่น้ำอีก คุณชายฉินจ้างคนหาบน้ำมาใส่ตุ่มไว้ให้ แม้กระท่อมที่อยู่จะไม่ไกลแหล่งน้ำ แต่นางก็อดเกรงใจไม่ได้ ทุกครั้งที่สายตาห่วงใยของเขาทอดมอง นางได้แต่หลบตาและแสร้งทำเป็นไม่เห็น เขาเป็นบุรุษที่ดีไม่รังเกียจหญิงแม่ลูกอ่อนอย่างนาง ไม่เคยถามเรื่องสามีหรือที่มาที่ไปของนาง แต่นางก็ไม่เคยคิดเป็นอื่นใด ไม่ใช่แค่ฉินหวังเหล่ย บุรุษหน้าไหนนางก็ไม่คิด นางไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรัก’ เช่นหนุ่มสาว แม้กับกู้ตงหยาง นางเองก็ไม่อาจพูดได้ว่ารู้สึกอย่างไรกับเขา แน่นอนว่าเขาคือสามีของนาง แต่มันก็เป็นเพียงหน้าที่ นางถูกส่งมาแทนเจ้าสาวตัวจริง แม้ทุ่มเทกายใจไปมากเพียงใด เขาก็ไม่เคยเห็นค่า การที่นางหายตัวไปเช่นนี้อาจเป็นผ
คราวนี้นางไม่อาจขัดขืนได้อีก ยอมให้เขาประคองแหวกว่ายสายน้ำมาที่ฝั่ง นางหลุบตาลงไม่กล้ามองหน้าเขา เรื่องราวมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัว เหตุใดเขามาอยู่ที่นี่...หรือว่า...เขารู้เรื่องเจ้าอ้วนน้อย!“ท่านแม่ทัพ! เอ๊ย! คุณชายกู้!” อ้ายเสิ่นร้องเรียกอยู่บนฝั่ง เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดเลย เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็เห็นท่านแม่ทัพที่ปลอมตัวมาในฐานะคนธรรมดาใช้วิชายุทธแทบเหาะเหินไปเหนือผิวน้ำก่อนพุงลงไปช่วยคนผู้หนึ่งไว้“หันไป!”“ขอรับ!” อ้ายเสิ่นหันหลังขวับทันที รู้เพียงแค่ว่าท่านแม่ทัพกอดประคองหญิงสาวไว้แนบอก เขาได้แต่กัดฟันข่มความโกรธ เหตุใดท่านแม่ทัพถึงกล้าสนิทสนมกับหญิงอื่นถึงเพียงนี้! แล้วฮูหยินที่น่าสงสารเล่า! ท่านแม่ทัพลืมไปแล้วหรือไร! กู้ตงหยางยกเอวบางขึ้นจากน้ำให้นางนั่งที่ริมตลิ่ง เสื้อผ้าที่นางสวมแม้เป็นเพียงชุดของหญิงชาวบ้านแต่ยามนี้เปียกน้ำรัดรึงทุกสัดส่วนเผยร่างอวบอิ่มเย้ายวนตาจนเขาแทบลืมกะพริบตาไปเลยทีเดียวไม่เจอกันปีเดียว นางเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เพราะรู้ว่าสายตาของอีกฝ่ายจ้องมองส่วนใด จ้าวจื่อรั่วรีบยกมือขึ้นปกปิดหน้าอกอวบอิ่มและย
“ท่านแม่” หญิงสาวหันไปขอความช่วยเหลือจากซูเม่ย “ช่วยชีวิตเขาด้วยเจ้าค่ะ” ซูเม่ยเลิกคิ้วประหลาดใจ“เหตุใดข้าต้องช่วยคนผู้นี้” “เขา...เขา...” “ฮู...ฮูหยิน...” อ้ายเสิ่นเปล่งเสียงออกมาจนได้ “ฮูหยินจริงๆ ด้วย... ท่าน...ท่านยังมีชีวิตอยู่” “ยังไม่ไปเอาผ้ากับน้ำมาอีก!” นางสั่งน้ำเสียงเฉียบขาดทำให้อ้ายเสิ่นได้สติรีบวิ่งไปทันที จ้าวจื่อรั่วประคองร่างเขาเอนตัวลงนอนบนเตียง ใบหน้าแม่ทัพใหญ่ที่หยิ่งทะนงซีดเซียวจนน่าเวทนา นางไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อน ริมฝีปากก็แทบกลายเป็นสีเขียวคล้ำ นี่เขา...ถูกพิษร้ายแรงจริงๆหรือ? มือเรียวสั่นน้อยๆ ขณะยื่นไปแตะแก้มที่ซูบตอบของเขา ทำไมถึงผอมลงถึงเพียงนี้นะ นางหันหน้าไปทางซูเม่ย ดวงตามีหยาดน้ำใสเอ่อคลอ “ท่านแม่... ข้าขอร้อง” มือแกร่งยื่นมือกุมมือนางไว้“เจ้า...อย่า...ลำบาก...เพราะข้า” “เวลานี้แล้วยังจะมาพูดเช่นนี้อีก” นางหันไปทำหน้าดุใส่ “ท่านจะตายไม่ได้!” มีชีวิตมาถึงบัดนี้ ไม่เคยมีใครกล้าตวาดใส่ กู้ตงหยางกลับรู้สึก ‘ชอบ’ ที่เห็นนางทำเ