การถูกปกป้องมันรู้สึกเช่นนี้เองหรือ? หัวใจของนางเต็มตื้นด้วยความอิ่มเอมใจ“เจ้าค่ะ ท่านพ่อท่านแม่ไปไหน ข้ากับเจ้าอ้วนน้อยก็ขอติดตามไปด้วย”“ดีแล้วๆ”“เช่นนั้น ข้าฝากเจ้าอ้วนน้อยไว้กับท่านแม่ก่อนนะเจ้าค่ะ”“รู้แล้วๆ จะไปทำอะไรก็รีบไป” ซูเม่ยพูดพลางอุ้มเจ้าอ้วนน้อยเดินเล่นดูสมุนไพรที่ปลูกไว้รอบๆบ้านจ้าวจื่อรั่วยิ้มบางๆ แล้วเดินไปซักผ้าหลังบ้าน ตั้งแต่ตกน้ำครั้งนั้น นางไม่กล้าเข้าใกล้แม่น้ำอีก คุณชายฉินจ้างคนหาบน้ำมาใส่ตุ่มไว้ให้ แม้กระท่อมที่อยู่จะไม่ไกลแหล่งน้ำ แต่นางก็อดเกรงใจไม่ได้ ทุกครั้งที่สายตาห่วงใยของเขาทอดมอง นางได้แต่หลบตาและแสร้งทำเป็นไม่เห็น เขาเป็นบุรุษที่ดีไม่รังเกียจหญิงแม่ลูกอ่อนอย่างนาง ไม่เคยถามเรื่องสามีหรือที่มาที่ไปของนาง แต่นางก็ไม่เคยคิดเป็นอื่นใด ไม่ใช่แค่ฉินหวังเหล่ย บุรุษหน้าไหนนางก็ไม่คิด นางไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่า ‘ความรัก’ เช่นหนุ่มสาว แม้กับกู้ตงหยาง นางเองก็ไม่อาจพูดได้ว่ารู้สึกอย่างไรกับเขา แน่นอนว่าเขาคือสามีของนาง แต่มันก็เป็นเพียงหน้าที่ นางถูกส่งมาแทนเจ้าสาวตัวจริง แม้ทุ่มเทกายใจไปมากเพียงใด เขาก็ไม่เคยเห็นค่า การที่นางหายตัวไปเช่นนี้อาจเป็นผ
คราวนี้นางไม่อาจขัดขืนได้อีก ยอมให้เขาประคองแหวกว่ายสายน้ำมาที่ฝั่ง นางหลุบตาลงไม่กล้ามองหน้าเขา เรื่องราวมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัว เหตุใดเขามาอยู่ที่นี่...หรือว่า...เขารู้เรื่องเจ้าอ้วนน้อย!“ท่านแม่ทัพ! เอ๊ย! คุณชายกู้!” อ้ายเสิ่นร้องเรียกอยู่บนฝั่ง เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดเลย เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็เห็นท่านแม่ทัพที่ปลอมตัวมาในฐานะคนธรรมดาใช้วิชายุทธแทบเหาะเหินไปเหนือผิวน้ำก่อนพุงลงไปช่วยคนผู้หนึ่งไว้“หันไป!”“ขอรับ!” อ้ายเสิ่นหันหลังขวับทันที รู้เพียงแค่ว่าท่านแม่ทัพกอดประคองหญิงสาวไว้แนบอก เขาได้แต่กัดฟันข่มความโกรธ เหตุใดท่านแม่ทัพถึงกล้าสนิทสนมกับหญิงอื่นถึงเพียงนี้! แล้วฮูหยินที่น่าสงสารเล่า! ท่านแม่ทัพลืมไปแล้วหรือไร! กู้ตงหยางยกเอวบางขึ้นจากน้ำให้นางนั่งที่ริมตลิ่ง เสื้อผ้าที่นางสวมแม้เป็นเพียงชุดของหญิงชาวบ้านแต่ยามนี้เปียกน้ำรัดรึงทุกสัดส่วนเผยร่างอวบอิ่มเย้ายวนตาจนเขาแทบลืมกะพริบตาไปเลยทีเดียวไม่เจอกันปีเดียว นางเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เพราะรู้ว่าสายตาของอีกฝ่ายจ้องมองส่วนใด จ้าวจื่อรั่วรีบยกมือขึ้นปกปิดหน้าอกอวบอิ่มและย
“ท่านแม่” หญิงสาวหันไปขอความช่วยเหลือจากซูเม่ย “ช่วยชีวิตเขาด้วยเจ้าค่ะ” ซูเม่ยเลิกคิ้วประหลาดใจ“เหตุใดข้าต้องช่วยคนผู้นี้” “เขา...เขา...” “ฮู...ฮูหยิน...” อ้ายเสิ่นเปล่งเสียงออกมาจนได้ “ฮูหยินจริงๆ ด้วย... ท่าน...ท่านยังมีชีวิตอยู่” “ยังไม่ไปเอาผ้ากับน้ำมาอีก!” นางสั่งน้ำเสียงเฉียบขาดทำให้อ้ายเสิ่นได้สติรีบวิ่งไปทันที จ้าวจื่อรั่วประคองร่างเขาเอนตัวลงนอนบนเตียง ใบหน้าแม่ทัพใหญ่ที่หยิ่งทะนงซีดเซียวจนน่าเวทนา นางไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อน ริมฝีปากก็แทบกลายเป็นสีเขียวคล้ำ นี่เขา...ถูกพิษร้ายแรงจริงๆหรือ? มือเรียวสั่นน้อยๆ ขณะยื่นไปแตะแก้มที่ซูบตอบของเขา ทำไมถึงผอมลงถึงเพียงนี้นะ นางหันหน้าไปทางซูเม่ย ดวงตามีหยาดน้ำใสเอ่อคลอ “ท่านแม่... ข้าขอร้อง” มือแกร่งยื่นมือกุมมือนางไว้“เจ้า...อย่า...ลำบาก...เพราะข้า” “เวลานี้แล้วยังจะมาพูดเช่นนี้อีก” นางหันไปทำหน้าดุใส่ “ท่านจะตายไม่ได้!” มีชีวิตมาถึงบัดนี้ ไม่เคยมีใครกล้าตวาดใส่ กู้ตงหยางกลับรู้สึก ‘ชอบ’ ที่เห็นนางทำเ
“ท่าน...” นางส่ายหน้าไปมา นี่ไม่ใช่แม่ทัพกู้ตงหยางที่นางรู้จัก “ท่านถูกพิษบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่ถึงได้พูดจาเหลวไหลวเช่นนี้ได้” “เอาล่ะๆ” ซูเม่ยโบกมือไปมา “ถ้าเจ้าหนุ่มนี้เป็นสามีเจ้า เขาก็เป็นพ่อเจ้าอ้วนน้อยสินะ ถ้าเป็นพ่อเจ้าอ้วนน้อย ข้าจะหาทางขับพิษให้ ข้าไม่อยากเห็นหลานข้าเป็นกำพร้า” “พ่อ? เจ้าอ้วนน้อย?” สองคำนี้ราวกับก้อนหินทุบศีรษะกู้ตงหยางอย่างแรง เขาจ้องหน้าภรรยาตัวเองเค้นหาคำตอบ “นี่เจ้าเป็นสามีนางจริงๆรึ! เมียท้องก็คงไม่รู้สินะ มิน่าเล่า รั่วเอ๋อร์ถึงไม่อยากกลับไปอยู่กับเจ้า!” กู้ตงหยางสูดลมหายใจสะกดอารมณ์พลุ่งพล่านในอก นางโกรธเกลียดเขามากถึงเพียงนี้ ถึงขนาดตั้งท้องคลอดลูกก็ยังไม่ยอมบอกเขา!ความทุกข์ระทมข่มขืนแล่นไปทั่วร่างเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าพิษเย็นในร่างกำเริบ นางเป็นเพียงสตรีตัวเล็กๆ ผู้หนึ่ง แต่สามารถทำให้เขาเจ็บปวดเจียดตายได้ ช่างเก่งกาจจนอยากสรรเสริญให้โลกรู้ว่าข้า-กู้ตงหยางฉายาแม่ทัพปีศาจได้พ่ายแพ้แก่สตรีที่มีนามว่าจ้าวจื่อรั่วแล้ว. หลังจากซูเม่ยช่วยสกัดพิษไม่ให้กำเริบ กู้ตงหยางจึงมีแรงขึ้น เขาผ
นางพยักหน้าบอกออกคำสั่งแม่ทัพใหญ่ผู้อยู่เหนือคนนับแสน กู้ตงหยางรีบสาวเท้าไปหยิบผ้าตามที่นางสั่ง แล้วยืนมองนางจัดการเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกอย่างชำนาญ “ตอนที่น้องชายสองคนเกิดใหม่ๆ ข้าก็เคยเปลี่ยนผ้าอ้อมให้พวกเขาเช่นนี้ เวลานี้มีลูกเป็นคนตนเองจึงทำได้อย่างไม่ลำบากอันใด” นางพูดด้วยรอยยิ้ม แม้ไม่ได้หันมามองก็รู้ว่าสายตาของเขาตั้งคำถามอยู่ “มิน่าเล่า เจ้าถึงรักน้องชายทั้งสองมากนัก” “ท่านแม่ฝากฝังให้ข้าดูแลน้องชายให้ดี แต่สุดท้ายข้าก็ทำได้ไม่ดีนัก ไม่รู้ว่าป่านนี้พวกเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง” “พวกเขาสบายดี” กู้ตงหยางตอบไปตามจริง “น้องชายของเจ้ายังเพียรส่งจดหมายมาถามข่าวความคืบหน้า พวกเขายังหวังว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ รวมทั้งตัวข้าก็เช่นกัน” มือเรียวชะงักไปแล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วหลุบตาลง “ที่ตามหาข้า...เพียงเพราะรู้สึกผิดต่อข้ากระมัง” กู้ตงหยางนิ่งงันไป นางพูดไม่ผิดแต่ก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด “เช่นนั้นท่านคงเข้าใจความคิดของข้าแล้ว ท่านไม่ต้องรู้สึกผิดหรือติดค้างต่อข้าอีก” นางอุ้มเจ้าอ้วนน้อยขึ้นแ
แม่ทัพใหญ่ทำหน้านิ่งแต่แววตาเต้นระริก คนผู้นั้นช่างกล้าเรียกตัวเองว่า ‘ท่านอา’ ทั้งที่ดูแล้วอายุก็ไล่เลี่ยกับเขา เหตุใดทำให้เขารู้สึก ‘แก่’ เช่นนี้ “ท่านแม่ทัพ เข้ามาข้างในสิ” จ้าวจื่อรั่วเรียกสามีที่หน้าทำหน้านิ่งอยู่ นางเพียงสอนเขาเล็กน้อยแม่ทัพใหญ่ก็สามารถซักผ้าได้อย่างชำนาญนัก หากผู้อื่นรู้ว่านางใช้งานแม่ทัพปีศาจหนักหนาถึงเพียงนี้ คงได้สาปแช่งนางเป็นแน่ กู้ตงหยางขมวดคิ้วสีหน้าไม่พอใจแต่ก็สาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วก้มหน้าลงกระซิบที่ริมหู ลมหายใจอุ่นร้อนทำให้หญิงสาวหน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว “เหตุใดเรียกข้าห่างเหินเช่นนี้” “แล้วข้าต้องเรียกท่านอย่างไร” นางขยับตัวถอยห่างเล็กน้อย “อยู่ที่จวนข้าก็เรียกท่านแม่ทัพมาตลอด” “ท่านพี่ สามี หรือชื่อข้าก็ได้” เขาทำหน้าหงุดหงิดอาศัยว่าตนกับภรรยาเดินตามหลังผู้อื่นจึงอ้าปากงับใบหูเล็กๆของนางเป็นการสั่งสอน “เจ้าเป็นภรรยาของข้านะ!” “ได้ๆ ข้ารู้แล้ว” นางหดคอแต่ไม่กล้าหันไปสบตาด้วย “ท่าน...ท่านพี่” แม้เรียกไม่ดังนัก แต่ช่วยบรรเทาความว้าวุ่นในใจของเขาได้ กู้ตงหย
“ไม่ใช่เช่นนั้น” ตงเจียวโจวลูบไหล่ภรรยาเพื่อปลอบโยน หากไม่นับเรื่องที่นางเรียกจ้าวจื่อรั่วว่า ‘ลูก’ ทุกคำ ท่าทางของนางเหมือนเป็นปกติดีทุกอย่าง รวมทั้งจดจำการรักษาได้อย่างดีเยี่ยมด้วย “แล้วอย่างไร!” “พิษเย็นขับด้วยการฝังเข็มและแช่น้ำสมุนไพรเพื่อปรับลมปราณให้โคจรเป็นปกติ แต่อาการของเจ้าหนุ่มนี้เป็นเรื้อรังมานานหลายปี ไม่ได้ขับพิษออกง่ายนักยังต้องใช้ปราณผู้อื่นขับพิษ” “ต้องใช้ปราณของผู้ใดกัน ผู้ฝึกยุทธ์รึ" ซูเม่ยถามพลางโคลงศีรษะไปมา “ไม่สิบุรุษต้องพิษเย็นใช้สตรีขับพิษเย็นให้...” แล้วสายตาทุกคู่ก็จ้องมองมาทางจ้าวจื่อรั่ว นางเพิ่งเรียนรู้การแพทย์และพิษได้ไม่ถึงหนึ่งปี แต่สิ่งที่ตงเจียวโจวและซูเม่ยพูดนั้นนางกลับเข้าใจดี มีเพียงผู้ถูกพิษที่ยังไม่เข้าใจความหมาย ได้แต่จ้องมองดวงตากลมสวยของภรรยาอย่างงุนงง. ‘ข้าไม่ต้องการให้เจ้าลำบากใจ’ เสียงกู้ตงหยางยังคงรบกวนจิตใจจ้าวจื่อรั่ว นางนั่งมองเขาอุ้มลูกเดินเล่นอยู่ที่ลานบ้าน หญิงสาวไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เห็นกู้ตงหยางอุ้มทารกเช่นกัน เขาชูเด็กชายตัวขาวอวบ
“ไม่ใช่เช่นนั้น” สีหน้าเขาร้อนใจยิ่งนัก “นั้นมันก่อนที่ข้าจะรู้ว่ามีลูกต่างหาก แต่ที่ข้าให้อ้ายเสิ่นตามหาหมอเทวดาตงเพื่อขับพิษนั้นก็เพราะข้ายังตามหาเจ้าไม่พบ ข้าจะตายก็คงตายตาไม่หลับ จึงอยากลองเสี่ยงยื้อชีวิตเพื่อได้พบเจ้า”“ทำไมท่านยังคิดว่าข้ามีชีวิตอยู่ หากหาข้าไม่พบท่านจะทำอย่างไร ทำไมท่านไม่แต่งงานใหม่ไปเสีย”“แล้วเหตุใดเจ้ามีคำถามมากมายถึงเพียงนี้” กู้ตงหยางหัวเราะออกมา เขาไม่ได้หัวเราะเช่นนี้มานานเพียงใดกันนะ อาจเพราะได้อยู่กับเจ้าอ้วนน้อยที่หัวเราะบ่อยทำให้เขาพลอยหัวเราะตามไปด้วย“ดีจริงที่ลูกเลี้ยงง่ายเช่นนั้น” เขาหันไปคุยกับลูกชายวัยหกเดือน “ข้าเป็นพี่คนโตแต่ไม่ได้เลี้ยงน้องๆ ตั้งแต่เจ็ดขวบก็ตามพวกผู้ชายเข้าป่าล่าสัตว์เล็กๆ แปดเก้าขวบก็ทำงานในสวนในไร่ ข้าไม่เคยรู้เลยว่าเลี้ยงเด็กคนหนึ่งลำบากมากเพียงใด แต่เจ้าเลี้ยงหลิงหยุนได้ดีจริงๆ”“เช่นนั้นท่านก็อยู่ช่วยข้าเลี้ยงหลิงหยุนสิ”“ได้” เขายิ้ม “ข้าซักผ้าอ้อมเป็นแล้ว อุ้มลูกก็เป็น ต่อไปให้ข้าเป็นม้าให้เขาขี่ก็ได้”จ้าวจื่อรั่วหลุดหัวเราะพรืดออกมา นางนึกภาพไม่ออกจริงๆว่าเขาจะคลานสี่ขาให้ลูกชายขี่หลังได้อย่างไรกัน“ก่อนที่ท่านจ