หน้าหลัก / โรแมนติก / ทัณฑ์อสุรา / ตอนที่ 7.  ผล็อยหลับไป

แชร์

ตอนที่ 7.  ผล็อยหลับไป

 นางผล็อยหลับไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงแม่นางเฉียวฉู่โวยวายเรื่องอาหารไม่ถูกปาก นางจำใจต้องลุกขึ้นมาเข้าครัวด้วยตนเอง  หลังจากนั้น แม่นางเฉียวฉู่ก็มีเรื่องมาให้นางต้องยื่นมือเข้าไปจัดการเอง  แม่ทัพใหญ่ฝึกซ้อมทหารอย่างสม่ำเสมอ กลับมาก็ไม่ได้เรียกหานาง นางก็ไม่ได้หน้าหนาจะเข้าไปหา เขาเพียงกำชับให้ดูแลแม่นางเฉียวฉู่ให้ดี

ตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพที่ได้มา ช่างดูว่างเปล่าเสียจริง

จ้าวจื่อรั่วเดินมาถึงแปลงผักด้านหลัง  เจ้าแพะน้อยร่าเริงที่ได้เห็นผักงามๆ น่ากิน ก็ทำท่าจะกระโจนเข้าใส่ หญิงสาวคว้าสายจูงที่ตนเองใช้เศษผ้าถักเป็นเชือกทำสายจูงให้มันไว้ได้ทัน

“ไม่ได้นะ เจ้าจะกินผักทั้งแปลงไม่ได้”   จ้าวจื่อรั่วดุแพะน้อย แต่ดวงตากลมใสไร้เดียงสาทำให้นางหัวเราะออกมา แล้วจูงมันไปผูกไว้ที่ต้นไม้ไม่ไกลนัก

“รอที่นี่ ข้าจะเก็บถั่วฝักยาวให้”  หญิงสาวลูบหูเล็กๆ ที่กระดิกไปมาแล้วเดินไปเด็ดถั่วฝักยาวอวบๆ หลายฝัก ความจริง นางก็แค่อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ  หากเป็นตอนที่อยู่จวนสกุลจ้าว นางคงกำลังทำอาหารให้น้องชายทั้งสองและช่วยทบทวนตำราเรียนให้พวกเขา ยังดีที่นางได้เรียนหนังสือฝึกเขียนอักษร เหตุเพราะบิดาเชิญอาจารย์มาสอนบุตรสาวคนโต นางจึงได้เข้าเรียนด้วย ทำให้ตนเองอ่านออกเขียนได้ ไม่เช่นนั้นคงกลายเป็นคนโง่เขลา...

อันที่จริง นางก็เป็นคนโง่เขลาจริงๆนั้นแหละ นางยังไม่เคยเข้าใจ ต้องทำอย่างไรในฐานะฮูหยินของท่านแม่ทัพใหญ่

“เปาเป่า! เจ้าค่อยๆกินหน่อยสิ”  จ้าวจื่อรั่วยื้อแย่งถั่วฝักยาวกับแพะน้อย “เจ้าตะกละเสียเหลือเกิน ข้าแบ่งขนมน้ำตาลให้กินไปคำหนึ่งแล้วนะ”

เจ้าแพะน้อยไม่พอใจ มันใช้หัวดันๆ ขาของจ้าวจื่อรั่ว หญิงสาวหัวเราะเสียงใส นางหมุนตัวหลบเจ้าจอมตะกละ กระโปรงสีเขียวอ่อนพลิ้วไหวราวกลีบดอกไม้เบ่งบาน  ภายแสงอาทิตย์ยามเย็นดูงดงามราวภาพวาดจับตา  บุรุษผู้หนึ่งยืนมองจนแทบลืมหายใจ  จ้าวจื่อรั่วหยอกล้อกับแพะน้อยอย่างสนุกสนานไม่รู้ว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ จนเท้าของนางไปสะดุดกับก้อนหินเข้าให้ทำให้เสียหลักล้มลง ทว่ามือใหญ่คู่หนึ่งประคองไว้ได้ทัน หญิงสาวรีบเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มพลันหายไปทันที ท่าทางตื่นตระหนกของนางทำให้ชายหนุ่มได้สติ เมื่อเห็นว่านางยืนได้มั่นคงแล้วจึงปล่อยมือออกจากไหล่ของนาง

“ขออภัยที่ล่วงเกิน ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแค่จะช่วยแม่นางเท่านั้น”

จ้าวจื่อรั่วพยักหน้ารับขยับตัวถอยห่างพลางพูดเสียงแผ่ว “ขอบคุณท่าน”

“ข้าชื่ออ้ายเสิน”  เขารีบแนะนำตัวก่อนหญิงสาวจะจูงแพะน้อยหนีไป “ข้าเป็นคนของแม่ทัพกู้”

จ้าวจื่อรั่วชะงักไป “ท่าน...เป็นทหารรึ”

“ข้าเป็นทหารของท่านแม่ทัพ  ข้ารีบเดินทางกลับจึงใช้เส้นทางลัดและมาทางนี้”

ชายที่ชื่ออ้ายเสินพูดขึ้น รูปร่างของสูงหนาราวกับหมี เขากลัวนางจะหวาดกลัวจึงไม่ขยับไปใกล้อีก แต่ก็ดีใจที่นางไม่หวีดร้องเช่นสตรีอื่น

“เจ้าเป็นสาวใช้คนใหม่รึ สามเดือนก่อนออกเดินทางข้ายังไม่เห็นเจ้าเลย”

‘สาวใช้? เหตุใดใครก็เห็นนางเป็นสาวใช้ หรือนางอัปลักษณ์จนไม่มีใครคิดว่าคู่ควรกับตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพกู้’

“ข้าต้องไปแล้ว”

นางไม่ได้เอ่ยแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ ขนาดแม่นางเฉียวฉู่พูดต่อหน้าแม่ทัพกู้คิดว่านางเป็นสาวใช้ เขายังไม่แก้ต่างให้เลยสักนิด ชายผู้นี้เป็นทหารของเขา เขาคงไม่ต้องการให้ใครรู้กระมังว่ามีภรรยาอัปลักษณ์เช่นนาง

“แม่นาง...”

 อ้ายเสินก้าวเท้าตามร่างบางที่เดินจูงแพะน้อยกลับไปทางเรือน เขาเห็นนางพยายามเดินเร็วๆ หนีเขาแล้วก็อดยิ้มขำไม่ได้ เขาผ่อนฝีเท้าลงให้นางเดินนำหน้าไปก่อน หากเป็นคนในจวนท่านแม่ทัพอย่างไรก็ต้องได้รู้จักกันอย่างแน่นอน

จ้าวจื่อรั่วรู้สึกกลัวชายแปลกหน้าผู้นั้น แม้เขาไม่ได้แสดงกิริยากักขฬะหรือหยาบคายใดๆ แต่นางก็ไม่สามารถจะแย้มยิ้มต้อนรับบุรุษตามลำพังสองคนได้ นางจึงเร่งเดินกลับไปที่โรงครัวเพราะอยู่ใกล้แปลงผัก ระยะเวลาเพียงหนึ่งเค่อ หญิงสาวก็เดินมาถึง  เสี่ยวฉู่กำลังจะไปตามฮูหยินเพราะเกรงว่าจะเย็นค่ำเกินไปแล้วก็เห็นร่างอรชรของฮูหยินเดินกลับมาแล้ว

“เสี่ยวฉู่  ข้าจะกลับเรือน”

“เจ้าค่ะ” สาวใช้พยักหน้ารับ แต่มองไปด้านหลังเห็นร่างใหญ่โตคุ้นตาเดินเข้ามาใกล้ นางก็ร้องทักด้วยความตื่นเต้นยินดี

“อ้ายเสิ่นกลับมาแล้ว!”

“ข้ากลับมาแล้ว” อ้ายเสิ่นร้องทักโบกไม้โบกมือให้ทุกคน แต่สายตายังคงมองร่างหญิงสาวในชุดสีเขียวอ่อนผู้นั้น

“เดินทางราบรื่นหรือไม่”  พ่อบ้านเอ่ยทักอ้ายเสิน

“ราบรื่นดี”  เขาหัวเราะ  “ข้าหิวมากแต่ขอไปพบท่านแม่ทัพกู้ก่อนนะ”

“ได้ๆ ข้าจะเตรียมกับข้าวไว้ให้”

แม่ครัวพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ดูเหมือนทุกคนลืมฮูหยินไปหมดสิ้น จ้าวจื่อรั่วไม่หันกลับมามอง สองเท้าเร่งเดินกลับไปที่เรือนของตนทันที  นางพาแพะน้อยเข้าคอกแล้วกลับเข้าเรือน  นางจุดเทียนในห้องแล้วก็มองกระดาษที่ว่างเปล่า เมื่อไหร่น้องชายทั้งสองจะส่งจดหมายมาหานางนะ หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วหยิบตะกร้าปักผ้าออกมานั่งทำงานที่ค้างไว้

อ้ายเสิ่นเดินตรงไปยังเรือนของท่านแม่ทัพตามคำบอกของพ่อบ้าน ท่านแม่ทัพกลับจากค่ายทหารแล้ว เมื่อเห็นทหารคนสนิทที่ส่งไปสืบข่าวกลับมาก็พลันโล่งใจ

“ลำบากเจ้าแล้ว”

“ทุกอย่างราบรื่นดีขอรับ”  อ้ายเสิ่นรีบรายงานข่าวให้ท่านแม่ทัพใหญ่ทราบ เขาเป็นสายลับสอดแนมความเคลื่อนไหวของแคว้นเหลียง บางเรื่องไม่สามารถเขียนจดหมายรายงานได้

“ข้าเข้าใจแล้ว เดินทางไกลเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เจ้าไปพักผ่อนเถิด”

“ขอรับ”

แม่ทัพกู้เดินออกมาจากห้องหนังสือพร้อมพลทหารอ้ายเสิ่น พลันหญิงสาวในชุดแดงสดใสก็ปราดเข้ามาเกาะแขนกู้ตงหยาง 

“ท่านแม่ทัพกู้ ข้ารอกินข้าวเย็นพร้อมท่าน!”

อ้ายเสิ่นเห็นท่าทางสนิทสนมอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็นึกถึงข่าวที่ตนได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพแต่งงานแล้ว เขาจึงประสานมือคารวะหญิงสาวอย่างนอบน้อม

“ข้าอ้ายเสิ่นขอคารวะฮูหยิน”

เฉียวฉู่ได้ยินก็หัวเราะคิกคัก แต่กู้ตงหยางสีหน้าดุดัน อ้ายเสิ่นผู้โง่เขลาไม่เข้าใจสีหน้าของแม่ทัพใหญ่ หรือท่านแม่ทัพคิดว่าเขาคิดล่วงเกินภรรยาของท่าน ด้วยเกรงว่าจะยิ่งทำให้ไม่พอใจ เขาจึงรีบขอตัวลาทันที  แม่ทัพกู้แกะมือของเฉียวฉู่ออกจากท่อนแขนของตน ใบหน้าหวานหุบยิ้มไปทันที

“อย่าทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดเช่นนี้อีก”

“ท่านก็เห็น ข้าไม่ได้พูดอะไรสักคำ” นางแสร้งทำตาเศร้า “ท่านไม่สงสารข้าหรือ ข้าถูกโจรชั่วจับตัวไป ชื่อเสียงไม่เหลือแล้ว หากท่านไม่รับข้าไว้ เกรงว่ากลับบ้านไปคงมีแพรขาวสามฉื่อรอ อยู่”

กู้ตงหยางได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วงสะบัดจากหญิงสาวแล้วเดินกลับเข้าห้องหนังสือ เพราะหันให้ เขาจึงไม่เห็นรอยยิ้มของหญิงสาวในชุดแดง

“สิ่งใดที่ข้าอยากได้ก็ต้องได้ ไม่เช่นนั้นอย่าเรียกข้าว่าเฉียวฉู่”

 *** แพรขาวสามฉื่อ ผ้าขาวสำหรับผูกคอเพื่อฆ่าตัวตาย ***

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status