“ข้าไม่อยากไปเห็นหน้าแม่นางชุดแดงผู้นั้น” เสี่ยวฉู่เบ้ปาก
“รีบไป แล้วคอยอยู่ดูจนแน่ใจว่าแม่นางเฉียวฉู่หลับสนิทแล้วค่อยกลับออกมา” พ่อบ้านกำชับ “พวกเจ้าก็คอยดูอย่าให้ใครไปใกล้เรือนของท่านแม่ทัพ”
คราแรกทุกคนทำหน้างุนงง แต่เพียงครู่เดียวก็เข้าใจความหมาย ทุกคนรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเองโดยไม่อิดออด พ่อบ้านได้แต่ยิ้มกริ่มแล้วเดินไปตระเตรียม ‘ยา’ ให้ท่านแม่ทัพ
จ้าวจื่อรั่วมีเพียงใจที่ต้องการช่วยเหลือท่านแม่ทัพ พ่อบ้านแนะนำอย่างไร นางก็ท่องจำในใจได้ครบทุกขั้นตอน เมื่อถึงเวลาเย็นย่ำ แม่ทัพกลับจากค่ายทหารเข้ามาที่เรือนของตน นางจึงถือถาดยาเข้าไปหา
กู้ตงหยางประหลาดใจที่เห็นหญิงสาวเข้ามาในเรือนของเขา เขาจ้องนางเขม็งแต่หญิงสาวยังฝืนยิ้มน้อยๆ แล้วเดินเข้ามาใกล้
“ใครให้เจ้าเข้ามา”
จะเอ่ยตอบว่าเป็นพ่อบ้านก็เกรงว่าแม่ทัพใหญ่คงเรียกพ่อบ้านมาลงโทษ นางจึงตอบไปว่า
“เป็นข้าเองเจ้าค่ะ” นางยังคงยิ้มน้อยๆ แล้ววางถาดลงบนโต๊ะ “ผู้อื่นมีงานล้นมือ ข้าจึงอาสามาปรนนิบัติท่านแม่ทัพ”
“ปรนนิบัติข้า?” เขาทำเสียงดูแคลน เอาเถอะ นางอยากทำก็ให้ทำไป หากเห็นรอยแผลบนกายเขาก็คงขยาดหวาดกลัวไม่กล้ามาอีก
จ้าวจื่อรั่วมองร่างสูงที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วกางแขนออก นางจึงเข้าไปช่วยถอดเสื้อของเขาออกที่ละชั้น การเคลื่อนไหวเงีบบเฉียบเรียบร้อยตามลำดับขั้นตอนดูแล้วสบายตาไม่ขัดเขิน เขามองนางเพลินจนกระทั่งท่อนบนเปลือยเปล่า ร่างสูงใหญ่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วเรียวแตะโดนบริเวณแผลของเขา
“ท่านแม่ทัพจะอาบน้ำเลยไหมเจ้าค่ะ น้ำอุ่นเตรียมพร้อมแล้ว”
“อืม” เขาตอบรับแล้วเดินไปหลังฉากกั้น เพียงครู่เดียวก็ถอดกางเกงออกแล้วลงไปในอ่างน้ำ “หากไม่เข้ามาถูหลังให้ข้าก็ไสหัวออกไป”
หญิงสาวสะดุ้งแล้วตั้งสติครู่หนึ่งก่อนเดินไปหลังฉากกั้น แม้เป็นหญิงออกเรือนแล้วแต่นางไม่เคยใกล้ชิดบุรุษเต็มวัยเช่นนี้มาก่อน ที่ผ่านมาก็แค่ดูแลน้องชายทั้งสอง แต่นั้นก็เพียงแค่เด็กชายเท่านั้น นางพยายามข่มใจม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อหยิบผ้ามาถูแผ่นหลังให้เขา
นางไม่ได้กลัวรอยแผลเป็นน้อยใหญ่บนร่างกายเขา กลับรู้สึกเห็นใจและ...เอ่อ...สงสาร... ใครเลยจะรู้ว่าการชนะศึกสงครามมานับครั้งไม่ถ้วนต้องแลกกับสิ่งใดบ้าง บางแผลเหล่านี้อาจเล็กน้อยเท่านั้นหากเทียบกับชีวิตที่สูญเสียไป
สิ่งที่นางรู้สึกนั้น กู้ตงหยางย่อมไม่รู้ และเข้าใจไปว่า นางก็เป็นเช่นสตรีอื่นที่เห็นบาดแผลของเขาแล้วหวาดกลัว แรงกดที่บีบนวดไปตามเนื้อตัวทำเอาเขาแทบหลุดเสียงคราง ร่างกายแข็งเกร็งขึ้นมาจนจ้าวจื่อรั่วรู้สึกได้
“เจ็บหรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าจะเบามือ”
นางถามอย่างกังวล พ่อบ้านบอกว่ามีแผลที่ด้านหลัง แต่แผ่นหลังของท่านแม่ทัพ นอกจากแผลเป็นที่มีมาแต่เดิมแล้ว นางยังไม่เห็นแผลใหม่ที่ใดอีก นางพยายามเพ็งตามองให้ถ้วนทั่ว หรือพ่อบ้านจำตำแหน่งผิด น่าจะเป็นด้านหน้าเสียกระมัง ที่หน้าอกมีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ เป็นรอยเหมือนถูดดาบฟัน นางเผลอยื่นหน้ามองข้ามไหล่มาด้านหน้า ลืมไปกว่าการกระทำเช่นนี้ทำให้ใบหน้าของตนอยู่ใกล้กับใบหน้าของท่านแม่ทัพใหญ่
รวดเร็วจนไม่ทันกะพริบตา จ้าวจื่อรั่วถูกจับเหวี่ยงลงอ่าง ร่างเล็กตะเกียดตะกายขึ้นจากน้ำ ทว่ามือใหญ่กดไหล่นางไว้ หญิงสาวสำลักน้ำเพียงแค่อึดใจสั้นๆ มือใหญ่ก็ดึงร่างนางขึ้นมา นางไอโขลกๆ พลางยกมือขึ้นทุบแผ่นอกของเขาอย่างไม่รู้ตัว
“คนเลว!”
จ้าวจื่อรั่วเผลอตวาดออกไป นางเป็นอะไรไปไม่สำคัญ ถ้าหากจมน้ำตายไปจริงๆ น้องชายสองคนจะอยู่อย่างไร! นางจะพบหน้าท่านแม่ในปรโลกได้อย่างไร คำสั่งเสียสุดท้ายของมารดาคือดูแล น้องชายทั้งสองให้ดี ที่ผ่านมานางก็ ‘พยายาม’ และ ‘พยายาม’ อย่างที่สุด หากชีวิตนางไม่มีเฟยฉี และ เฟยหลิง น้องชายสองคนนี้ นางคง...
น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักราวเม็ดฝนและทำให้เสียงหัวเราะของชายหนุ่มหายไปในทันที.
“คนเลว!”
กู้ตงหยางถึงกับชะงักไป ไม่คิดว่าจะถูกเสียงหวานตวาดเอา แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือหยาดน้ำตาหยดใสไหลจากดวงตาคู่งาม มือเล็กๆ เหวี่ยงเปะปะไปมา เขาแค่หยอกล้อเท่านั้นไม่คิดว่าจะตกใจถึงเพียงนี้ หรือเขาอยู่กับพวกทหารมากเกินไป เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จึงทำให้นางโกรธ และยามนี้เขา ‘ปลอบใจ’ ไม่เป็น มือเล็กปัดป่ายไปมาแตะถูกใบหน้าของเขา กู้ตงหยางยื่นมือไปคว้าท้ายทอยนางไว้แล้วกดริมฝีปากลงกับริมฝีปากที่สะอึกสะอื้นอยู่
แม้เป็นสามีภรรยาแต่ยังไม่เข้าหอ จ้าวจื่อรั่วแตกตื่นตกใจยิ่งขยับตัวถอยหนี ทั้งใช้มือไม้ดันแผ่นอกของเขาออก แต่เพราะท้ายทอยถูกจับไว้แน่นและลิ้นร้อนแทรกเข้ามาในโพรงปาก
“อื้อ!” นางได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ ถูกกอดรัดแน่นขึ้นจนมือของนางชิดที่แผ่นอกของแม่ทัพหนุ่มจนขยับไม่ได้อีก ดวงตาฉ่ำหยดน้ำตาสบตากับดวงตาร้อนแรงของเขาแล้วก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั่วร่าง แม้ยามนี้ร่างกายเปียกชุ่มเพราะอยู่ในอ่างอาบน้ำ
อ่างอาบน้ำ
จ้าวจื่อรั่วได้สติเพิ่งนึกได้ว่าถูกเหวี่ยงลงน้ำซ้ำยังโดนกดน้ำอีก นี่เขายังใจร้ายปิดปากนางจนแทบหายใจไม่ออกตายอยู่แล้ว
เพราะร่างเล็กดิ้นขลุกขลักทำให้กู้ตงหยางได้สติ เขาคลายวงแขนที่กอดรัดร่างนุ่มนิ่มพร้อมกับถอนริมฝีปากอย่างเสียดาย ใบหน้างามแดงก่ำขยับตัวถอยไปชิดอีกฝั่งของอ่างอาบน้ำ ดวงตาหรี่มองเรือนร่างในอาภรณ์เรียบง่ายที่ยามนี้รัดรึงสัดสวนจนเห็นความเย้ายวนเบื้องหน้า เหมือนนางจะเพิ่งรู้ตัวจึงรีบทรุดกายลงไปในน้ำ มีเพียงใบหน้าที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามองเขา
“ท่าน...ท่านรังแกข้า!” นางพูดเสียงสั่น
“ถ้าใช้แล้วอย่างไร” เขาพูดหน้าตาเฉย แต่สายตายังคงจ้องมองที่นาง
“ท่าน! ท่านกดข้าจมน้ำ”
“ข้าเป็นสามีเจ้า จะทำสิ่งใดก็ย่อมได้”
จ้าวจื่อรั่วพูดไม่ออก น้ำตาที่หยุดไหลก็เอ่อล้นออกมาอีกระลอก
“ท่านเป็นสามี...ต้องการสิ่งใดก็ย่อมได้...” นางพึมพำออกมา “ถ้าท่านต้องการให้ข้าตาย ข้าก็ตายสินะ”
‘หรือว่า... คนอย่างข้าตายไปเสียก็ดี มีชีวิตอยู่ก็เกะกะลูกตาผู้อื่น’
“ข้าจะอยากให้เจ้าตายเพื่อสิ่งใดกัน” เขาข่มความรู้สึกสั่นไหวในอก ท่าทางอ่อนแอไร้ที่พึ่งนี้หมายความว่าอย่างไร ชีวิตนางอยู่กับเขาไม่มีความสุขหรือ? นางเป็นถึงฮูหยินแม่ทัพใหญ่ มีบ่าวไพร่ค่อยรับใช้ บรรดาหญิงสาวในเมืองต่างหมายปองตำแหน่งนี้ แต่นางกลับได้มาอย่างง่ายดาย แล้วยังต้องการสิ่งใดอีก“ก็ท่าน...”“ช่างเถอะ เจ้าจะไปไหนก็ไป”ดวงตางามกะพริบปริบๆ ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความจริงนางต้องมาปรนนิบัติรับใช้เขา แต่เรื่องกลับเป็นเช่นนี้ ช่างน่าขันนัก นางคงลืมตัวไป ตนเองเป็นแค่ลูกอนุซ้ำยังไม่ใช่หญิงงาม เป็นแค่สตรีผู้หนึ่งที่ไม่ต่างจากเม็ดกรวดเม็ดทรายที่แทบมองไม่เห็น หากนางเจียมตัวอีกนิด ก็คงไม่ทำให้ท่านแม่ทัพขุ่นข้องหมองใจเช่นนี้จ้าวจื่อรั่วสูดลมหายใจลึก ฝืนไม่ให้ตนเองยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ แม้เสื้อผ้าของนางอยู่ครบทุกชิ้น แต่ยามนี้เปียกลู่แนบลำตัว ทว่านางไม่มีกระจิตกระใจยกมือขึ้นปกปิด อย่างไรนางก็แค่หญิงอัปลักษณ์ รีบไปให้พ้นสายตาของเขาจะดีกว่ากู้ตงหยางกัดฟันกรอด นางตั้งใจทำอะไร! ยั่วยวนเขารึ! แต่เดิมก็เป็นคนที่อดกลั้นกับเรื่องเย้ายวนเช่นนี้ได้ดี เขาเป็นบุรุษเต็มต
จ้าวจื่อรั่วไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนรู้สึกเมื่อครู่นั้นคืออะไร ร่างกายเบาหวิวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาขยับตัวขึ้นแล้วโน้มหน้าลงจูบนางอีกครั้ง แต่คราวนี้มีบางสิ่งที่ใหญ่โตดุนดันเข้ามาในร่างนาง หญิงสาวขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณ ช่องทางอ่อนนุ่มคับแคบบีบรัดลำเอ็นของแม่ทัพหนุ่มจนเขาต้องแหงนหน้าคำรามออกมาเพราะเส้นทางนี้ไม่เคยถูกใครบุกรุกมาก่อนและลำทวนของเขายาวใหญ่อยู่มาก กู้ตงหยางต้องขยับเอวถอยลำออกแล้วกดซ้ำกลับเข้าไปใหม่ ทำซ้ำๆ ค่อยๆ เพิ่มความลึกเข้าไป“อึก...จะ...เจ็บ....” นางร้องอย่างสุดกลั้น ความรู้สึกเจ็บแปลบทำให้ร่างกายเกร็งไปหมด“อืม ผ่อนคลายหน่อย...” เขากัดฟันพูด ความรู้สึกที่ถูกดูดกลืนลำเอ็นทำให้เสียวซ่านสุดบรรยาย เขาแยกขานางออกกว้างอีกนิด พร้อมกับนวดคลึงหน้าอกที่ใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ส่วนอีกมือสำรวจหาจุดอ่อนไหวจนพบไข่มุกที่ซ่อนอยู่ นิ้วกร้านขยี้เบาๆ ก็ทำให้ช่องทางคับแคบเปียกแฉะมากยิ่งขึ้นทำให้เขากดเอวดันลำเอ็นเข้าไปจนสุด“อ๊ะ!” จ้าวจื่อรั่วหวีดร้องออกมา เจ็บและจุกจนน้ำตาเอ่อคลอ“อา... เข้าไปหมดแล้ว” กู้ตงหยางรู้สึกสบายอย่างที่สุด ลำเอ็นถูกผนังอ่อนนุ่มโอบรัดจนเสียวซ่าน เขาเริ่มเดินหน้าขย
นางผล็อยหลับไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงแม่นางเฉียวฉู่โวยวายเรื่องอาหารไม่ถูกปาก นางจำใจต้องลุกขึ้นมาเข้าครัวด้วยตนเอง หลังจากนั้น แม่นางเฉียวฉู่ก็มีเรื่องมาให้นางต้องยื่นมือเข้าไปจัดการเอง แม่ทัพใหญ่ฝึกซ้อมทหารอย่างสม่ำเสมอ กลับมาก็ไม่ได้เรียกหานาง นางก็ไม่ได้หน้าหนาจะเข้าไปหา เขาเพียงกำชับให้ดูแลแม่นางเฉียวฉู่ให้ดีตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพที่ได้มา ช่างดูว่างเปล่าเสียจริงจ้าวจื่อรั่วเดินมาถึงแปลงผักด้านหลัง เจ้าแพะน้อยร่าเริงที่ได้เห็นผักงามๆ น่ากิน ก็ทำท่าจะกระโจนเข้าใส่ หญิงสาวคว้าสายจูงที่ตนเองใช้เศษผ้าถักเป็นเชือกทำสายจูงให้มันไว้ได้ทัน“ไม่ได้นะ เจ้าจะกินผักทั้งแปลงไม่ได้” จ้าวจื่อรั่วดุแพะน้อย แต่ดวงตากลมใสไร้เดียงสาทำให้นางหัวเราะออกมา แล้วจูงมันไปผูกไว้ที่ต้นไม้ไม่ไกลนัก“รอที่นี่ ข้าจะเก็บถั่วฝักยาวให้” หญิงสาวลูบหูเล็กๆ ที่กระดิกไปมาแล้วเดินไปเด็ดถั่วฝักยาวอวบๆ หลายฝัก ความจริง นางก็แค่อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ หากเป็นตอนที่อยู่จวนสกุลจ้าว นางคงกำลังทำอาหารให้น้องชายทั้งสองและช่วยทบทวนตำราเรียนให้พวกเขา ยังดีที่นางได้เรียนหนังสือฝึกเขียนอักษร เหตุเพราะบิดาเชิญอาจารย์มาสอนบุตรสา
“เสี่ยวฉู่...ข้าเหมือนสาวใช้รึ?” “เอ๋?” สาวใช้หันมามองผู้เป็นนายแล้วกวาดตาขึ้นลง “ทำไมฮูหยินถามเช่นนั้นเจ้าคะ” “ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” “ใครมันตาไร้แววมองฮูหยินเป็นสาวใช้ บอกข้ามาเลยเจ้าค่ะ ข้าเสี่ยวฉู่จะไปจัดการเอง!” จ้าวจื่อรั่วหัวเราะออกมา เจ้าแพะน้อยเงยหน้ามองเจ้าของมือเรียวที่กำลังบิแป้งทอดให้มันกิน หัวทุยๆ ดันมือของนางเบาๆ ราวกับจะร้องขอของกินเพิ่ม “แกจะกินทุกอย่างไม่ได้นะเปาเป่า”เสี่ยวฉู่แยกเขี้ยวใส่แล้วยื่นมือไปคว้าแป้งทอดที่เหลือครึ่งแผ่นยัดใส่ปากตัวเอง เจ้าแพะน้อยไม่พอใจที่ถูกแย่งของกิน พุ่งเข้าใส่ เสี่ยวฉู่ถึงกระโดดหลบไปมา ทำให้จ้าวจื่อรั่วหัวเราะจนน้ำตาคลอเบ้า “แป้งทอดมีตั้งหลายชิ้น เจ้าจะไปแย่งของเปาเป่าทำไมกัน” จ้าวจื่อรั่วส่ายหน้าไปมา นึกถึงเฟยฉีและเฟยหลิง-น้องชายทั้งสองชอบกินขนมที่นางทำมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไร ได้กินอิ่มนอนหลับ กลางคืนมีคนห่มผ้าให้หรือไม่ “ก็ของอร่อยเช่นนี้ ข้าก็หวงเป็นธรรมดา” “แค่แป้งทอดเอง” “ฮูหยินทำให้
นางยังจำความรู้สึกริษยาและน้อยใจที่เห็นพี่สาวน้องสาวต่างมารดาได้แต่กายงดงาม ได้ออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน แต่นางกลับได้ใช้ชีวิตไม่ต่างจากสาวใช้ มีเรื่องดีก็เพียงแค่ได้ฝีกเรียนเขียนอ่านกับอาจารย์ที่ฮูหยินใหญ่เชิญมาสอนคุณหนูใหญ่ หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา เหตุใดช่วงนี้นางรู้สึกอ่อนไหวง่ายเหลือเกิน แต่ก่อนก็ไม่เคยร้องไห้ง่ายนัก เหตุใดยามนี้มีเรื่องกระทบจิตใจเล็กๆน้อยๆ น้ำตาก็พร้อมจะหลั่งริน นางไม่เข้าใจนัก ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่าคิดมาก จดหมายจากเมืองหลวงต้องใช้เวลา บางทีน้องๆ อาจส่งมาแล้วแต่ยังมาไม่ถึงมือ คิดได้ดั่งนี้ก็ใจชื้นขึ้นมาร่างผอมบางดุจกิ่งหลิวเดินมาที่หน้าต่าง แหงนหน้ามองพระจันทร์กลมโต หากคืนใดน้องเล็กไม่ได้ฟังนางเล่านิทานก็จะนอนไม่หลับ นางจะขยับมือเป็นหุ่นเงารูปสัตว์ต่างๆ หลอกล่อให้น้องเล็กหลับใหล จ้าวจื่อรั่วยกมือเรียวของตนขึ้นทั้งสองมือ กางมือออกโดยให้นิ้วโป้งทั้งสองมือชิดกัน แล้วค่อยๆ ขยับปลายนิ้วที่เหลือ นางมองเงาที่ทอดยาวไปที่ผนังเกิดเป็นรูปร่างผีเสื้อพลางขยับนิ้ว เงาผีเสื้อก็ขยับปีกราวกับมีชีวิตโบกบินใต้แสงจันทร์ นางขยับตัวหมุนไปมาพร้อมขยับมือเป
ยามนี้ใบหน้าหญิงสาวแดงก่ำจนแทบคั้นออกมาเป็นหยดเลือด คำร้องห้ามไม่เป็นผล แม้มือเล็กพยายามผลักไสไม่ให้เขาก้มลงไปแต่สุดท้ายแล้ว นางก็ได้แต่อ่อนระทวยเพราะลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในกลีบดอกไม้สาวกลิ่นหอมหวานทำให้ชายหนุ่มแทบคลุ้มคลั่ง ลิ้นร้อนโลมเลียกลีบเนื้อสีหวานจนเรียวขางามสั่นระริก ยิ่งเขาตวัดลิ้นไล้เลียสลับกับใช้ลิ้นรุกรานในร่องรัก หยาดน้ำหวานหลั่งออกมามาก ความร้อนรุ่มแผ่ไปทั่วร่าง ลมหายใจหอบกระชั้นดังอย่างต่อเนื่อง หยาดน้ำตาคลอเบ้าตาของหญิงสาว สะโพกงามงอนส่ายยั่วเย้าอย่างไม่รู้ตัว ความเสียวซ่านทำเอาจ้าวจื่อรั่วได้แต่ครางอย่างสุดทนกลั้น ถูกลิ้นและนิ้วมือเร่งเร้าจนร่างกายเกร็งกระตุกและหวีดร้องออกมากู้ตงหยางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าฉ่ำหยาดน้ำตาของภรรยาตัวน้อย นางได้แต่สะอึกสะอื้นกับสัมผัสที่เขาตระเตรียมให้นางเพื่อรองรับสิ่งที่ใหญ่โตนี้ หากนางไม่ใช่ภรรยาของเขา เขาคงไม่ต้องใส่ใจว่านางจะรับได้ไหวหรือไม่ เขายื่นมือไปเกลี่ยน้ำตาที่เปื้อนแก้ม ความปรารถนาอันแข็งขันที่ทำให้เขาปวดหนึบอยู่นี้ทำให้เขาเร่งรีบปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนจนหมด แล้วจับมือนางมาแตะที่รอยแผลเป็นบนแผ่นอก“กลัวหรือไม่” เขาถามเสียงแหบพร
เสี่ยวฉู่ร้อนรน แรกทีเดียวพอรู้ว่าท่านแม่ทัพมาค้างเรือนฮูหยิน พวกบ่าวไพร่ต่างตื่นเต้นยินดี ทว่าปกติฮูหยินตื่นเช้า แต่วันนี้สายแล้วก็ยังไม่เห็นฮูหยินปรากฏกาย แม้ท่านแม่ทัพเอ่ยปากสั่งไว้ว่าไม่ต้องปลุกฮูหยิน แต่เสี่ยวฉู่รู้สึกผิดปกติ เมื่อเข้ามาจึงรู้ว่าฮูหยินมีไข้ซ้ำยังอ่อนเพลียมาก นางเป็นหญิงยังไม่ได้ออกเรือนแต่ก็พอรู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาทำให้ฮูหยินบอบช้ำถึงเพียงนี้ “ข้าไม่เป็นอะไร” จ้าวจื่อรั่วฝืนยิ้ม “ให้แม่ครัวทำโจ๊กให้ข้าสักถ้วยก็พอ อ้อ! ขอน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงให้ข้าด้วย” “แต่ว่า...” “แม้แต่เจ้าก็ยังขัดใจข้ารึ”นางแสร้งทำเสียงดุ เสี่ยวฉู่จึงก้มหน้างุดแล้วเดินออกไป เมื่อในห้องไม่มีผู้ใดแล้วนางก็ถอนหายใจออกมา นิ้วเรียวงามแตะรอยช้ำที่ต้นคอเบาๆ หากเป็นหญิงที่เขารัก เขาคงไม่ทำรุนแรงถึงเพียงนี้สินะ แล้วนางจะทำอย่างไรได้ เป็นแค่สตรีที่ถูกส่งมาแทนเจ้าสาวตัวจริง ซ้ำฐานะที่แท้จริงก็เป็นเพียงลูกอนุในจวนเท่านั้น แค่เขาไม่หักหน้านาง ไม่เอาเรื่องคนในสกุลจ้าว ก็นับว่าดีมากแล้วจ้าวจื่อรั่วหย
“ท่านแม่ทัพมาถึงเรือนท้ายจวน ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดให้ข้ารับใช้เจ้าคะ” จ้าวจื่อรั่วยืดแผ่นหลังตั้งตรง แม้อยู่ในจวนสกุลจ้าว นางทำงานไม่ต่างจากสาวใช้ แต่กระนั้นฮูหยินที่เชิญนางข้าหลวงจากในวังมาสอนกิริยามารยาทของบุตรสาว ก็ยังให้นางเรียนรู้อบรมเรียนรู้พร้อมกัน ยามนี้จึงได้งัดวิชายุทธ์ออกมาใช้อย่างไม่รู้สึกติดขัดแต่อย่างใด“ท่านแม่ทัพเป็นห่วงว่าข้าจะเหงา เลยตั้งใจมาพาข้ามาหาเจ้าอย่างไรเล่า” เฉียวฉู่ฉีกยิ้มอ่อนหวานแล้วเดินไปเกาะแขนอีกฝ่ายด้วยท่าทีสนิทสนม“ท่านแม่ทัพช่างใส่ใจฮูหยินยิ่งนัก”อ้ายเสิ่นมองแม่ทัพใหญ่ด้วยสายตาชื่นชม เขายกย่องบุรุษผู้นี้มาก ในสนามรบวางแผนเฉียบขาดแม้ผู้อื่นร่ำลือว่าโหดเหี้ยม แต่บุรุษผู้นี้ทอดทิ้งผู้อื่นไว้ด้านหลัง เหล่าพี่น้องทหารหาญล้วนเทิดทูนแม่ทัพกู้เหนือสิ่งใด แน่นอนว่า เขาที่ยังไม่มีภรรยา เห็นท่านแม่ทัพใส่ใจฮูหยินย่อมต้องเก็บไว้เผื่อใช้กับภรรยาในอนาคตของตนเอง พอเผลอคิดไปไกลถึงเพียงนี้ อ้ายเสิ่นเหลือบตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขาเจอหญิงงามมาไม่น้อย แต่สตรีนางนี้งดงามและให้ความรู้สึกสงบใจยามอยู่ใกล้ หากมีวาสนาได้หญิงงามเช่นนี้เป็นภรรยา ชีวิตของเขาคงเหมือนอยู่ในส