“ข้าจะอยากให้เจ้าตายเพื่อสิ่งใดกัน”
เขาข่มความรู้สึกสั่นไหวในอก ท่าทางอ่อนแอไร้ที่พึ่งนี้หมายความว่าอย่างไร ชีวิตนางอยู่กับเขาไม่มีความสุขหรือ? นางเป็นถึงฮูหยินแม่ทัพใหญ่ มีบ่าวไพร่ค่อยรับใช้ บรรดาหญิงสาวในเมืองต่างหมายปองตำแหน่งนี้ แต่นางกลับได้มาอย่างง่ายดาย แล้วยังต้องการสิ่งใดอีก
“ก็ท่าน...”
“ช่างเถอะ เจ้าจะไปไหนก็ไป”
ดวงตางามกะพริบปริบๆ ราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความจริงนางต้องมาปรนนิบัติรับใช้เขา แต่เรื่องกลับเป็นเช่นนี้ ช่างน่าขันนัก นางคงลืมตัวไป ตนเองเป็นแค่ลูกอนุซ้ำยังไม่ใช่หญิงงาม เป็นแค่สตรีผู้หนึ่งที่ไม่ต่างจากเม็ดกรวดเม็ดทรายที่แทบมองไม่เห็น หากนางเจียมตัวอีกนิด ก็คงไม่ทำให้ท่านแม่ทัพขุ่นข้องหมองใจเช่นนี้
จ้าวจื่อรั่วสูดลมหายใจลึก ฝืนไม่ให้ตนเองยกมือขึ้นปาดน้ำตา แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ แม้เสื้อผ้าของนางอยู่ครบทุกชิ้น แต่ยามนี้เปียกลู่แนบลำตัว ทว่านางไม่มีกระจิตกระใจยกมือขึ้นปกปิด อย่างไรนางก็แค่หญิงอัปลักษณ์ รีบไปให้พ้นสายตาของเขาจะดีกว่า
กู้ตงหยางกัดฟันกรอด นางตั้งใจทำอะไร! ยั่วยวนเขารึ! แต่เดิมก็เป็นคนที่อดกลั้นกับเรื่องเย้ายวนเช่นนี้ได้ดี เขาเป็นบุรุษเต็มตัวเห็นเรือนร่างอรชรย่อมหวั่นไหว ภาพตรงหน้าดึงดูดสายตาเขาตั้งแต่นางค่อยๆ ปีนลงจากอ่างอาบน้ำ นางยอบกายคารวะและหมุนตัวเดินออกไปเงียบๆ
บิดาเถอะ ! เจ้ากล้าไปงั้นรึ!
แม่ทัพหนุ่มลุกขึ้นจากอ่างอาบน้ำ รีบร้อนจนไม่หยิบผ้ามาซับน้ำ เขาคว้าเสื้อคลุมมาสวมแล้วใช้สายรัดเอวผูกไว้อย่างรีบเร่งแล้วสาวเท้าเดินตามร่างที่เดินออกไปอย่างเหม่อลอย บัดซบ! นางจะออกจากเรือนด้วยสภาพนี้ได้อย่างไรกัน ผู้หญิงของเขาจะให้ผู้อื่นมองได้อย่างไร
“ว้าย!” จ้าวจื่อรั่วร้องอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจู่ๆ ถูกอุ้มขึ้นแบบนี้ “ท่านจะทำอะไร ปล่อยข้าลงนะ”
“แล้วเจ้าเล่าจะทำอะไร” เขาทำหน้าดุแล้วอุ้มนางเดินกลับมาในห้อง เห็นขาสั้นๆ ไฉนเดินเร็วนัก พริบตาเดียวจะออกนอกเรือนแล้วเชียว
“ข้าจะไปให้พ้นหน้าท่านอย่างไรเล่า”
นางขึงตาใส่พร้อมทั้งดิ้นรน แต่ถูกเหวี่ยงลงบนที่นอน ข้อมือสองข้างถูกรวบขึ้นไว้เหนือศีรษะ ร่างสูงใหญ่คร่อมร่างของหญิงสาว กู้ตงหยางเองก็ไม่คิดว่าภรรยาที่แสนเรียบร้อยจะพยศถึงเพียงนี้ สองเท้าของนางพยายามขยับไปมาทำให้เขาต้องใช้ท่อนขากดทับไว้ และทำให้ร่างกายแนบชิดกันมากยิ่งขึ้น ท่อนเนื้อแข็งขันขึ้นจนปวดหนึบ
บัดซบ! อย่างนี้สินะที่ว่ากันว่า คุยกับสตรีนั้นคุยยาก ลงมือเสียเลยยังง่ายกว่า
“ท่านจะทำอะไร!” จ้าวจื่อรั่วร้องเสียงหลงมือใหญ่ข้างที่ว่างกระชากเสื้อผ้าของนางออก ไอเย็นสัมผัสผิวกายอ่อนนุ่มจนนางสั่นสะท้าน หรืออาจเพราะสายตาร้อนแรงของเขาที่ทำให้นางวูบไหวไปทั่วร่าง
“ให้เจ้าทำหน้าที่ภรรยาอย่างไรเล่า”
สิ้นประโยคริมฝีปากหยักสวยก็จูบกลีบปากของหญิงสาวอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปโพรงปากสาวปล้นสติอันน้อยนิดไปหมดสิ้น เสียงครางอู้อี้ดังขึ้นก่อนที่จะกลายเป็นเสียงครางแผ่วเมื่อจูบนั้นร้อนแรงขึ้น เสื้อผ้าถูกปลดเปลืองออกไปเผยผิวกายเนียนละเอียดดุจหยกใส เมื่อรับรู้ได้ว่าไร้แรงต่อต้านเขาจึงปล่อยมือจากข้อมือเรียวเล็กแล้วบีบเคล้นทรวงอกอวบอิ่มที่ใหญ่กว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก เขาละจากริมฝีปากที่บวมเจอแล้วพรมจูบซอกคองามระหง เรียวลิ้นตวัดเลียผิวกายหอมกรุ่นจนมาถึงปลายถันสีหวานก่อนอ้าปากครอบครองแล้วดูดดึง
“อ๊ะ!” จ้าวจื่อรั่วหลุดเสียงร้องออกมาแล้วกัดริมฝีปากไม่กล้าส่งเสียงน่าละอายอีก แต่เหมือนว่าการทำเช่นนี้ทำให้กู้ตง หยางยิ่งดูดกลืนหน้าอกของนางแรงขึ้นรวมทั้งบีบเคล้นหนักมือขึ้น ทำให้ร่างนางบิดเร่าไปมาด้วยความเสียวซ่าน
“อย่ากลั้น” เขาเอ่ยเสียงพร่าแล้วย้ายมาขบเม้มปลายถันอีกข้าง ตวัดลิ้นหยอกล้อยอดอกสลับกับดูดดึงในอุ้งปากจนปลายถันกลายเป็นสีแดงเรื่อ
“ท่าน...ท่านแม่ทัพ อึก...อื้อ...”
แม้เคยดูหนังสือภาพวังวสันต์ก่อนเข้าหอ แต่นางไม่เคยรู้เลยว่าสัมผัสที่เห็นในภาพจะให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้ ท้องน้อยปั่นป่วนไปหมด ร้อนวูบวาบไปทั่วร่าง ไม่รู้ตัวเลยว่าเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกตั้งแต่เมื่อใด เมื่อท่อนล่างเปลือยเปล่า นางก็พยายามหุบขาไว้แน่นด้วยความอาย แต่เขากลับเงยหน้าขึ้นแล้วพูดพร้อมแยกเรียวขาของนางออก
“กลัวข้ารึ”
จ้าวจื่อรั่วไม่กล้าตอบ นางกลัวเขาจริงๆ ก็สิ่งที่ดุนดันหน้าขาของนางอยู่มันใหญ่โตและร้อนผ่าว หากเขานำสิ่งนั้นเข้ามาในตัวนาง ...ร่างกายบอบบางนี้จะไม่ฉีกขาดยับเยินหรือ?
แต่กู้ตงหยางกลับคิดว่านางกลัวบาดแผลบนร่างกาย หญิงนางโลมที่เขาเคยเรียกใช้งาน แม้เป็นหญิงสาวเป็นงาน แต่หลายคนเห็นบาดแผลบนร่างก็แสดงท่าทีหวาดกลัว ทำให้เขาต้องขับไล่พวกนางออกไป แต่เวลานี้เขาไม่อาจต้านทานความต้องการที่ท่วมท้น แก่นกายผงาดแข็งขันยากจะปลอบประโลมให้สงบลงได้ มันอยากมุดเข้าไปในโพรงดอกไม้ที่หอมหวาน เขาแทรกนิ้วกร้านเข้าไปในร่องรักขยับเข้าออกเรียกน้ำหวานให้หลั่งออกมาเพื่อที่จะได้นำแก่นกายเข้าไปในนั้นได้อย่างสะดวก
ความเสียวซ่านแล่นไปทั่วร่าง จ้าวจื่อรั่วเขินอายจนไม่กล้ามอง ใบหน้างามแดงราวคนเป็นไข้ ได้แต่ส่งเสียงครางอย่างไม่อาจทนกลั้นได้อีก ทุกครั้งที่เขาดันนิ้วเข้ามาในร่องสาวความเสียดเสียวก็เพิ่มมากขึ้น เมื่อเขาเพิ่มนิ้วเข้ามาอีกเป็นสองนิ้ว ร่างเล็กก็สะท้านเฮือกและดิ้นรนอย่างไม่รู้ตัว เรียวขาสั่นระริกยิ่งทำให้กู้ตงหยางขยับนิ้วเร็วขึ้น
“ท่าน...ท่านแม่ทัพ...ข้า...ข้าไม่ไหว...” นางร่ำร้องบอกเหมือนคนใจจะขาด หอบหายใจแรงจนหน้าอกกระเพื่อม ปลายยอดอกชูชันท้าทายสายตาของเขา
“นี่เพิ่งเริ่ม” เขาพึมพำเสียงพร่า “เป็นภรรยาข้า เจ้าต้องรับเรื่องนี้ให้ไหว”
นิ้วมือกร้านเพราะจับกระบี่ทำศึก ยามนี้นิ้วมือนั้นกำลังโรมรันช่องสวาทของหญิงสาวจนร่างนางเกร็งกระตุกและหวีดร้องออกมา น้ำรักไหลอาบนิ้วมือจนเปียกชุ่ม เขามองใบหน้างามที่เต็มไปด้วยเหงื่อและแดงเรื่อด้วยแรงอารมณ์พิศวาส
จ้าวจื่อรั่วไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนรู้สึกเมื่อครู่นั้นคืออะไร ร่างกายเบาหวิวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาขยับตัวขึ้นแล้วโน้มหน้าลงจูบนางอีกครั้ง แต่คราวนี้มีบางสิ่งที่ใหญ่โตดุนดันเข้ามาในร่างนาง หญิงสาวขยับตัวหนีตามสัญชาตญาณ ช่องทางอ่อนนุ่มคับแคบบีบรัดลำเอ็นของแม่ทัพหนุ่มจนเขาต้องแหงนหน้าคำรามออกมาเพราะเส้นทางนี้ไม่เคยถูกใครบุกรุกมาก่อนและลำทวนของเขายาวใหญ่อยู่มาก กู้ตงหยางต้องขยับเอวถอยลำออกแล้วกดซ้ำกลับเข้าไปใหม่ ทำซ้ำๆ ค่อยๆ เพิ่มความลึกเข้าไป“อึก...จะ...เจ็บ....” นางร้องอย่างสุดกลั้น ความรู้สึกเจ็บแปลบทำให้ร่างกายเกร็งไปหมด“อืม ผ่อนคลายหน่อย...” เขากัดฟันพูด ความรู้สึกที่ถูกดูดกลืนลำเอ็นทำให้เสียวซ่านสุดบรรยาย เขาแยกขานางออกกว้างอีกนิด พร้อมกับนวดคลึงหน้าอกที่ใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ส่วนอีกมือสำรวจหาจุดอ่อนไหวจนพบไข่มุกที่ซ่อนอยู่ นิ้วกร้านขยี้เบาๆ ก็ทำให้ช่องทางคับแคบเปียกแฉะมากยิ่งขึ้นทำให้เขากดเอวดันลำเอ็นเข้าไปจนสุด“อ๊ะ!” จ้าวจื่อรั่วหวีดร้องออกมา เจ็บและจุกจนน้ำตาเอ่อคลอ“อา... เข้าไปหมดแล้ว” กู้ตงหยางรู้สึกสบายอย่างที่สุด ลำเอ็นถูกผนังอ่อนนุ่มโอบรัดจนเสียวซ่าน เขาเริ่มเดินหน้าขย
นางผล็อยหลับไปได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงแม่นางเฉียวฉู่โวยวายเรื่องอาหารไม่ถูกปาก นางจำใจต้องลุกขึ้นมาเข้าครัวด้วยตนเอง หลังจากนั้น แม่นางเฉียวฉู่ก็มีเรื่องมาให้นางต้องยื่นมือเข้าไปจัดการเอง แม่ทัพใหญ่ฝึกซ้อมทหารอย่างสม่ำเสมอ กลับมาก็ไม่ได้เรียกหานาง นางก็ไม่ได้หน้าหนาจะเข้าไปหา เขาเพียงกำชับให้ดูแลแม่นางเฉียวฉู่ให้ดีตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพที่ได้มา ช่างดูว่างเปล่าเสียจริงจ้าวจื่อรั่วเดินมาถึงแปลงผักด้านหลัง เจ้าแพะน้อยร่าเริงที่ได้เห็นผักงามๆ น่ากิน ก็ทำท่าจะกระโจนเข้าใส่ หญิงสาวคว้าสายจูงที่ตนเองใช้เศษผ้าถักเป็นเชือกทำสายจูงให้มันไว้ได้ทัน“ไม่ได้นะ เจ้าจะกินผักทั้งแปลงไม่ได้” จ้าวจื่อรั่วดุแพะน้อย แต่ดวงตากลมใสไร้เดียงสาทำให้นางหัวเราะออกมา แล้วจูงมันไปผูกไว้ที่ต้นไม้ไม่ไกลนัก“รอที่นี่ ข้าจะเก็บถั่วฝักยาวให้” หญิงสาวลูบหูเล็กๆ ที่กระดิกไปมาแล้วเดินไปเด็ดถั่วฝักยาวอวบๆ หลายฝัก ความจริง นางก็แค่อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ หากเป็นตอนที่อยู่จวนสกุลจ้าว นางคงกำลังทำอาหารให้น้องชายทั้งสองและช่วยทบทวนตำราเรียนให้พวกเขา ยังดีที่นางได้เรียนหนังสือฝึกเขียนอักษร เหตุเพราะบิดาเชิญอาจารย์มาสอนบุตรสา
“เสี่ยวฉู่...ข้าเหมือนสาวใช้รึ?” “เอ๋?” สาวใช้หันมามองผู้เป็นนายแล้วกวาดตาขึ้นลง “ทำไมฮูหยินถามเช่นนั้นเจ้าคะ” “ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน” “ใครมันตาไร้แววมองฮูหยินเป็นสาวใช้ บอกข้ามาเลยเจ้าค่ะ ข้าเสี่ยวฉู่จะไปจัดการเอง!” จ้าวจื่อรั่วหัวเราะออกมา เจ้าแพะน้อยเงยหน้ามองเจ้าของมือเรียวที่กำลังบิแป้งทอดให้มันกิน หัวทุยๆ ดันมือของนางเบาๆ ราวกับจะร้องขอของกินเพิ่ม “แกจะกินทุกอย่างไม่ได้นะเปาเป่า”เสี่ยวฉู่แยกเขี้ยวใส่แล้วยื่นมือไปคว้าแป้งทอดที่เหลือครึ่งแผ่นยัดใส่ปากตัวเอง เจ้าแพะน้อยไม่พอใจที่ถูกแย่งของกิน พุ่งเข้าใส่ เสี่ยวฉู่ถึงกระโดดหลบไปมา ทำให้จ้าวจื่อรั่วหัวเราะจนน้ำตาคลอเบ้า “แป้งทอดมีตั้งหลายชิ้น เจ้าจะไปแย่งของเปาเป่าทำไมกัน” จ้าวจื่อรั่วส่ายหน้าไปมา นึกถึงเฟยฉีและเฟยหลิง-น้องชายทั้งสองชอบกินขนมที่นางทำมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไร ได้กินอิ่มนอนหลับ กลางคืนมีคนห่มผ้าให้หรือไม่ “ก็ของอร่อยเช่นนี้ ข้าก็หวงเป็นธรรมดา” “แค่แป้งทอดเอง” “ฮูหยินทำให้
นางยังจำความรู้สึกริษยาและน้อยใจที่เห็นพี่สาวน้องสาวต่างมารดาได้แต่กายงดงาม ได้ออกไปเที่ยวเล่นนอกบ้าน แต่นางกลับได้ใช้ชีวิตไม่ต่างจากสาวใช้ มีเรื่องดีก็เพียงแค่ได้ฝีกเรียนเขียนอ่านกับอาจารย์ที่ฮูหยินใหญ่เชิญมาสอนคุณหนูใหญ่ หญิงสาวสะบัดหน้าไปมา เหตุใดช่วงนี้นางรู้สึกอ่อนไหวง่ายเหลือเกิน แต่ก่อนก็ไม่เคยร้องไห้ง่ายนัก เหตุใดยามนี้มีเรื่องกระทบจิตใจเล็กๆน้อยๆ น้ำตาก็พร้อมจะหลั่งริน นางไม่เข้าใจนัก ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่าคิดมาก จดหมายจากเมืองหลวงต้องใช้เวลา บางทีน้องๆ อาจส่งมาแล้วแต่ยังมาไม่ถึงมือ คิดได้ดั่งนี้ก็ใจชื้นขึ้นมาร่างผอมบางดุจกิ่งหลิวเดินมาที่หน้าต่าง แหงนหน้ามองพระจันทร์กลมโต หากคืนใดน้องเล็กไม่ได้ฟังนางเล่านิทานก็จะนอนไม่หลับ นางจะขยับมือเป็นหุ่นเงารูปสัตว์ต่างๆ หลอกล่อให้น้องเล็กหลับใหล จ้าวจื่อรั่วยกมือเรียวของตนขึ้นทั้งสองมือ กางมือออกโดยให้นิ้วโป้งทั้งสองมือชิดกัน แล้วค่อยๆ ขยับปลายนิ้วที่เหลือ นางมองเงาที่ทอดยาวไปที่ผนังเกิดเป็นรูปร่างผีเสื้อพลางขยับนิ้ว เงาผีเสื้อก็ขยับปีกราวกับมีชีวิตโบกบินใต้แสงจันทร์ นางขยับตัวหมุนไปมาพร้อมขยับมือเป
ยามนี้ใบหน้าหญิงสาวแดงก่ำจนแทบคั้นออกมาเป็นหยดเลือด คำร้องห้ามไม่เป็นผล แม้มือเล็กพยายามผลักไสไม่ให้เขาก้มลงไปแต่สุดท้ายแล้ว นางก็ได้แต่อ่อนระทวยเพราะลิ้นร้อนแทรกเข้าไปในกลีบดอกไม้สาวกลิ่นหอมหวานทำให้ชายหนุ่มแทบคลุ้มคลั่ง ลิ้นร้อนโลมเลียกลีบเนื้อสีหวานจนเรียวขางามสั่นระริก ยิ่งเขาตวัดลิ้นไล้เลียสลับกับใช้ลิ้นรุกรานในร่องรัก หยาดน้ำหวานหลั่งออกมามาก ความร้อนรุ่มแผ่ไปทั่วร่าง ลมหายใจหอบกระชั้นดังอย่างต่อเนื่อง หยาดน้ำตาคลอเบ้าตาของหญิงสาว สะโพกงามงอนส่ายยั่วเย้าอย่างไม่รู้ตัว ความเสียวซ่านทำเอาจ้าวจื่อรั่วได้แต่ครางอย่างสุดทนกลั้น ถูกลิ้นและนิ้วมือเร่งเร้าจนร่างกายเกร็งกระตุกและหวีดร้องออกมากู้ตงหยางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าฉ่ำหยาดน้ำตาของภรรยาตัวน้อย นางได้แต่สะอึกสะอื้นกับสัมผัสที่เขาตระเตรียมให้นางเพื่อรองรับสิ่งที่ใหญ่โตนี้ หากนางไม่ใช่ภรรยาของเขา เขาคงไม่ต้องใส่ใจว่านางจะรับได้ไหวหรือไม่ เขายื่นมือไปเกลี่ยน้ำตาที่เปื้อนแก้ม ความปรารถนาอันแข็งขันที่ทำให้เขาปวดหนึบอยู่นี้ทำให้เขาเร่งรีบปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนจนหมด แล้วจับมือนางมาแตะที่รอยแผลเป็นบนแผ่นอก“กลัวหรือไม่” เขาถามเสียงแหบพร
เสี่ยวฉู่ร้อนรน แรกทีเดียวพอรู้ว่าท่านแม่ทัพมาค้างเรือนฮูหยิน พวกบ่าวไพร่ต่างตื่นเต้นยินดี ทว่าปกติฮูหยินตื่นเช้า แต่วันนี้สายแล้วก็ยังไม่เห็นฮูหยินปรากฏกาย แม้ท่านแม่ทัพเอ่ยปากสั่งไว้ว่าไม่ต้องปลุกฮูหยิน แต่เสี่ยวฉู่รู้สึกผิดปกติ เมื่อเข้ามาจึงรู้ว่าฮูหยินมีไข้ซ้ำยังอ่อนเพลียมาก นางเป็นหญิงยังไม่ได้ออกเรือนแต่ก็พอรู้เรื่องเหล่านี้อยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะไม่รู้จักรักหยกถนอมบุปผาทำให้ฮูหยินบอบช้ำถึงเพียงนี้ “ข้าไม่เป็นอะไร” จ้าวจื่อรั่วฝืนยิ้ม “ให้แม่ครัวทำโจ๊กให้ข้าสักถ้วยก็พอ อ้อ! ขอน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงให้ข้าด้วย” “แต่ว่า...” “แม้แต่เจ้าก็ยังขัดใจข้ารึ”นางแสร้งทำเสียงดุ เสี่ยวฉู่จึงก้มหน้างุดแล้วเดินออกไป เมื่อในห้องไม่มีผู้ใดแล้วนางก็ถอนหายใจออกมา นิ้วเรียวงามแตะรอยช้ำที่ต้นคอเบาๆ หากเป็นหญิงที่เขารัก เขาคงไม่ทำรุนแรงถึงเพียงนี้สินะ แล้วนางจะทำอย่างไรได้ เป็นแค่สตรีที่ถูกส่งมาแทนเจ้าสาวตัวจริง ซ้ำฐานะที่แท้จริงก็เป็นเพียงลูกอนุในจวนเท่านั้น แค่เขาไม่หักหน้านาง ไม่เอาเรื่องคนในสกุลจ้าว ก็นับว่าดีมากแล้วจ้าวจื่อรั่วหย
“ท่านแม่ทัพมาถึงเรือนท้ายจวน ไม่ทราบว่ามีสิ่งใดให้ข้ารับใช้เจ้าคะ” จ้าวจื่อรั่วยืดแผ่นหลังตั้งตรง แม้อยู่ในจวนสกุลจ้าว นางทำงานไม่ต่างจากสาวใช้ แต่กระนั้นฮูหยินที่เชิญนางข้าหลวงจากในวังมาสอนกิริยามารยาทของบุตรสาว ก็ยังให้นางเรียนรู้อบรมเรียนรู้พร้อมกัน ยามนี้จึงได้งัดวิชายุทธ์ออกมาใช้อย่างไม่รู้สึกติดขัดแต่อย่างใด“ท่านแม่ทัพเป็นห่วงว่าข้าจะเหงา เลยตั้งใจมาพาข้ามาหาเจ้าอย่างไรเล่า” เฉียวฉู่ฉีกยิ้มอ่อนหวานแล้วเดินไปเกาะแขนอีกฝ่ายด้วยท่าทีสนิทสนม“ท่านแม่ทัพช่างใส่ใจฮูหยินยิ่งนัก”อ้ายเสิ่นมองแม่ทัพใหญ่ด้วยสายตาชื่นชม เขายกย่องบุรุษผู้นี้มาก ในสนามรบวางแผนเฉียบขาดแม้ผู้อื่นร่ำลือว่าโหดเหี้ยม แต่บุรุษผู้นี้ทอดทิ้งผู้อื่นไว้ด้านหลัง เหล่าพี่น้องทหารหาญล้วนเทิดทูนแม่ทัพกู้เหนือสิ่งใด แน่นอนว่า เขาที่ยังไม่มีภรรยา เห็นท่านแม่ทัพใส่ใจฮูหยินย่อมต้องเก็บไว้เผื่อใช้กับภรรยาในอนาคตของตนเอง พอเผลอคิดไปไกลถึงเพียงนี้ อ้ายเสิ่นเหลือบตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขาเจอหญิงงามมาไม่น้อย แต่สตรีนางนี้งดงามและให้ความรู้สึกสงบใจยามอยู่ใกล้ หากมีวาสนาได้หญิงงามเช่นนี้เป็นภรรยา ชีวิตของเขาคงเหมือนอยู่ในส
“เจ้าปวดท้องก็ไปนอนพัก ประเดี๋ยวข้าจะไปรายงานฮูหยินเอง”“ฝากด้วยนะเจ้าค่ะ ท่านพ่อบ้าน”เพราะท่านพ่อบ้านรับมือได้ทุกสถานการณ์ การส่งพ่อบ้านไปจะไร้พิรุธมากที่สุด บ่าวไพร่ที่อยู่บริเวณนั้นได้แต่ภาวนาขอพรจากสวรรค์ให้ฮูหยินกับท่านแม่ทัพได้ปรับความเข้าใจกันเสียทีจ้าวจื่อรั่วถอนหายใจหนักหน่วงเมื่อรู้ว่าตนต้องนำเสื้อคลุมไปส่งท่านแม่ทัพเอง จู่ๆ เสี่ยวฉู่ก็ปวดท้อง พ่อบ้านก็เจ็บเข่า แน่นอนว่าผู้อื่นไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แม่ทัพกู้ นางไม่อยากเห็นเขากับแม่นางเฉียวฉู่ แต่อย่างไรนางจะให้เจ็บกับคนป่วยไปทำแทนก็ไม่ได้ หญิงสาวกัดริมฝีปากครุ่นคิด เวลานี้ท่านแม่ทัพคงยังไม่กลับจากค่ายทหารกระมัง นางรีบนำไปวางไว้ก็พอหญิงสาวหอบเสื้อคลุมที่ตั้งใจทำให้นั้น ร่างแบบบางเดินไปที่เรือนของแม่ทัพกู้ เดิมทีเคยคิดใช้ ‘สิ่งนี้’ สร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างสามีภรรยา แต่ดูแล้วไม่ว่าจะทำสิ่งใดล้วนไม่เป็นที่ถูกใจบุรุษผู้นั้น อย่างไรนางก็เป็นภรรยา จะละเลยหน้าที่ดูแลเขาก็ไม่ได้ นางคิดว่าเขาไม่อยู่ที่เรือนก็โล่งใจเพราะนอกประตูก็ไม่มีทหารยาวเฝ้า ทว่าเมื่อก้าวเข้าไปกลับพบว่าบุรุษที่ไม่อยากพบหน้ากำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างที่โต๊ะ