EP.1
"โต๊ะเก้า ช้างโปร น้ำแข็งเล็กหนึ่งค่ะ" ฉันบอกกับพี่เบสพนักงานจัดออเดอร์แล้ววางรายการในตะกร้า รอไม่นานของที่แจ้งไว้ก็ถูกยื่นออกมาจากช่องรับของขนาดกว้างเมตรกว่าพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ๆ ของคนที่อยู่ด้านใน
"ขอบคุณค่ะ"
เครื่องดื่มที่ลูกค้าสั่งถูกวางไว้บนโต๊ะก่อนที่ฉันจะเดินไปหยิบน้ำแข็งถังเล็กมาให้อีกรอบ จากนั้นจึงค่อย ๆ เทเครื่องดื่มให้กับลูกค้าผู้ใหญ่วัยทำงานที่มีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายร่วมโต๊ะเดียวกันราวหกคน
"น้องเนยบริการโต๊ะสิบสองหน่อย" เสียงจากพี่ปายผู้จัดการของร้านเอ่ยปากบอกตอนที่กำลังเดินไปประจำจุดของตัวเองเพื่อรอให้บริการลูกค้าในร้าน
ร้านนี้เป็นสถานบันเทิงที่ค่อนข้างอยู่ห่างจากมหาวิทยาลัยพอสมควร
เหตุผลที่ฉันเลือกมาทำงานเสริมที่นี่ก็เพราะไม่อยากเจอเพื่อนและคนรู้จักที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ซึ่งร้านนี้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะเจอเพื่อนในมหาวิทยาลัย
เพราะฉันยังเรียนอยู่ปีหนึ่งการหางานทำช่วงกลางวันจึงเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรเนื่องจากติดกิจกรรมอะไรหลายอย่าง ทั้งรับน้องคณะ รับน้องสาขา ไหนจะกิจกรรมชมรมที่นักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งถูกบังคับให้ต้องเข้าร่วมทุกคนอีก
จึงทำได้แต่แอบมาทำงานตอนกลางคืน ถึงจะเหนื่อยล้ากับการพักผ่อนน้อยแต่มันก็จำเป็นจึงหยุดไม่ได้
"รับอะไรดีคะ" ฉันยืนข้างโต๊ะแล้วเตรียมจดรายการก่อนเงยขึ้นและเลื่อนสายตาไปมองลูกค้าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเพราะเขาไม่ตอบคำถามเลยแม้แต่คำเดียวอาจจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่านะ
"..."
"พะ...พี่นธี!"
คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มองด้วยสายตาที่ไร้อารมณ์จะสื่อ ไม่ได้ตกใจเท่ากับฉันที่แทบเข่าทรุด จากที่คิดว่าร้านนี้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
มันยิ่งย่ำแย่กว่าเดิมเพราะฉันดันมาเจอกับพี่ชายเพื่อนสนิทของตัวเอง
"เธอ" เขาพูดแค่นั้นแล้วมองชุดที่ฉันใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนี มันไม่ได้โป๊เปลือยอะไรแต่มันรัดรูปจนเห็นสัดส่วนชัดเจนและฉันก็มั่นใจพอสมควรกับรูปร่างของตัวเอง ทำไมพี่นธีต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยล่ะ เขาทำให้ฉันเสียความมั่นใจนะ
ชุดยูนิฟอร์มของร้านนี้สำหรับผู้หญิงคือเดรสไหมพรมสีดำแขนยาวแต่ความสั้นของมันเลยขาอ่อนลงไปนิดเดียว จึงเผยให้เห็นเนื้อท่อนขาขาวเนียนที่โผล่พ้นออกมาอยู่มาก
"พี่อย่าบอกใครได้มั้ย นินก็รู้ไม่ได้" ฉันกำสมุดและปากกาไว้แน่นเหงื่อเริ่มซึมออกมาจนรู้สึกชื้น "เนยจำเป็น"
"..." ใบหน้าคมหันมาขมวดคิ้วใส่แล้วเบือนหน้าไปทางอื่นอีกครั้งพร้อมกับตอบสั้น ๆ แต่เจ็บจุกถึงหัวใจ "ไม่ได้ชอบเสือก"
ฉันไม่ได้แปลกใจกับคำพูดของเขานักหรอกเพราะปกติก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว บางคำที่เอ่ยออกมาฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายซักนิดต้องมาคิดคาดเดาเอาเองเพราะมันช่างสั้นเหลือเกิน
เราไม่ได้สนิทกันจนรู้ทุกเรื่องแค่ได้เจอบ่อย ๆ เพราะเป็นพี่ชายของญานินเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่เรียนมัธยมจนถึงตอนนี้เราก็มาเรียนสาขาและคณะเดียวอีก
"ค่ะ" ฉันตอบอย่างเข้าใจ ไม่ชอบเสือกแปลว่าเขาคงไม่เอาไปพูดให้ใครฟัง "พี่เอาอะไรดี"
ที่จริงฉันเคยชอบเขาตอนเรียนมัธยม แต่มันก็แค่ความชอบแบบเด็ก ๆ ในตอนนั้นเพราะพี่เขาดูดีไปหมดทุกอย่าง เรียกได้ว่าเพอร์เฟคเลยก็ว่าได้
แต่เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งที่แอบปลื้มคนหล่อ เรียนดีและมีดีกรีเป็นนักกีฬาของโรงเรียนมันก็เป็นแค่เรื่องเพ้อฝันไม่ต่างกับชอบดาราศิลปินเกาหลีหรอก
"Johnnie Walker Blue Label"
"ค่ะ" ฉันตอบรับแล้วเดินไปสั่งกับพี่เบสก่อนกลับมาพร้อมขวดเครื่องดื่มราคาค่อนข้างจะแพงหากเทียบกับชนิดอื่น ๆ ที่ลูกค้าส่วนใหญ่สั่งกัน จึงต้องถือมันมาอย่างทะนุถนอมและมีเพื่อนพนักงานอีกคนถือแก้วพร้อมกับน้ำแข็งตามมาด้วย
"..." พี่นธีนั่งเงียบไม่ชวนคุยฉันก็ไม่อยากรบกวนเขานักจึงเงียบตาม มือหนารับแก้วเครื่องดื่มไปวางด้านหน้าของตัวเอง สายตาของเขามองดูแก้วนั้นนิ่งไม่รู้คิดอะไรอยู่
"พี่มาคนเดียวเหรอคะ"
"..." เขาเงยหน้าขึ้นมามองเหมือนอยากพูดออกมาว่าฉันกำลัง 'เสือก' อย่างนั้นแหละแต่ก็ยังใจดีตอบเสียงเบา "คนเดียว"
"มีอะไรเรียกเนยได้เลยนะคะ เดี๋ยวไปดูโต๊ะอื่นก่อน" ว่าแล้วฉันก็โค้งให้เขาเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินออกมาด้วยรองเท้าส้นสูงเกือบห้านิ้วที่ตอนนี้มันค่อนข้างทำให้เดินคล่องแคล่วขึ้นกว่าวันแรกที่มาทำงาน
จวบจนเที่ยงคืนกว่าก็ถึงเวลาเลิกงาน ฉันออกมานอกร้านเพื่อเรียกรถเหมือนทุกครั้งที่มาทำงานที่นี่ ในหนึ่งสัปดาห์ฉันจะทำงานแค่สี่วัน หยุดวันพุธ วันศุกร์และเสาร์เพราะมีกิจกรรมรับน้องในวันพุธค่อนข้างหนัก ส่วนวันศุกร์กับเสาร์เป็นวันหยุดที่เลือกเอง
ซึ่งต้องไปขอร้องพี่ปายอยู่นานกว่าเธอจะยอมเพราะเย็นวันศุกร์กับวันเสาร์ลูกค้าค่อนข้างแน่นร้านฉันไม่อยากเจอคนรู้จักเอา
แต่สุดท้ายแม้จะเป็นวันปกติก็มาเจอจนได้...
"..." สายตาเย็นชาของพี่นธีทำให้ฉัน ต้องหยุดฝีเท้าลง แล้วมอง คนที่ยืน สูบบุหรี่ อยู่ด้านนอกร้านก่อนจะเดินเข้าไปหาช้า ๆ
"พี่ยังไม่กลับเหรอ" ฉันถามแล้วมองบุหรี่ในมือเขา พึ่งรู้ว่าเขาทำเรื่องแบบนี้ด้วย
"กำลัง" คำตอบสั้นห้วนของเขา ทำให้ฉันต้องพยักหน้ารับรู้
"กลับด้วยได้มั้ยคะ" ฉันพูดแล้วส่งยิ้มกระพริบตาปริบ ๆ เป็นการขอร้อง "น่าจะทางผ่านไปคอนโดพี่"
ที่จริงฉันรู้ที่อยู่คอนโดของเขาอยู่แล้วเพราะเคยไปส่งญานินแต่ไม่เคยขึ้นไปบนห้องเพราะเลือกที่จะรอด้านล่างไม่อยากรบกวนเจ้าของห้องที่น่าจะชอบความเป็นส่วนตัว
"..." พี่นธีไม่ตอบเขาทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าบี้มัน ขายาว ๆ ก้าวออกไปโดยไม่พูดอะไร ฉันจะคิดว่าเขาตกลงแล้วกันนะ คิดได้ดังนั้นจึงรีบวิ่งตามร่างสูงแล้วถือวิสาสะเข้าไปนั่งบนรถของเขาทันที
"ไปทางคอนโดญานินเลยค่ะอยู่ตรงข้ามกัน" ฉันบอกแล้วยิ้มกว้างส่งให้เขา
พี่นธีแค่ปรายตามองมาแล้วขับรถออกไปเงียบ ๆ แอบหายใจไม่ทั่วท้องอยู่เหมือนกันเพราะตอนที่ทั้งรถเงียบกริบอย่างกับฉันนั่งมากับเจ้าตัวหุ่นยนต์อย่างนั้นแหละ
"ขอบคุณค่ะ" ฉันกล่าวขอบคุณเมื่อรถมาจอดหน้าหอตัวเองรีบ ก้าวลงจากรถทันทีเพราะตอนนี้ดึกมากแล้วไม่อยากรบกวนเขามากนัก
หอพักของฉันราคาถูกที่สุดในย่านนี้ห้องขนาดเล็กพอให้ได้พักผ่อนแบบไม่ต้องคิดมากเรื่องค่าเช่า เพราะฉันต้องรับผิดชอบตัวเองหลังจากที่'พ่อแท้ ๆ ' ตัดความช่วยเหลือฉันเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด
"..." เสียงฝีเท้าของใครบางคนดังขึ้นตอนที่ฉันกำลังจะเปิดประตู สัญชาตญาณการถูกคุกคามทำให้ฉันรีบหันไปมองก่อนจะเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
ไอ้วี!
EP.2“ไง น้องสาวคนสวย" คนคนนั้นพูดแล้วยิ้มมุมปากมองฉมาอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะกวาดสายตามองเรือนร่างภายใต้ชุดทำงานรัดรูป แต่เปลี่ยนเป็นใส่กางเกงยีนขายาวสวมทับไว้แล้วแต่ยังไงทุกอย่างยังคงรัดรูปเช่นเคย"..." ฉันไม่ตอบพยายามก้าวถอยหลังออกมาห่าง ๆ แต่หมอนั่นกลับก้าวเข้ามาหาฉันด้วยความรวดเร็วแล้วขว้าข้อมือของฉันที่กำลังจะหันหลังวิ่งลงบันไดหมับ!"จะไปไหน พี่มาหาถึงที่ขนาดนี้ มาคุยกันก่อนมั้ย" พูดจบมันก็พยายามฉุดกระชากตัวฉันเข้าไปในห้องแล้วปิดปากไม่ให้ร้องเสียงดังความรู้สึกหลายอย่างแล่นเข้ามาในหัวทั้งกลัว ทั้งรังเกียจและอยากเอาตัวรอดขณะที่ก็พยายามดิ้นรนออกจากเงื้อมมือของมันฉันจับถุงรองเท้าส้นเตารีดไว้แน่นก่อนจะฟาดมันไปด้านหลังอย่างไม่มีเป้าหมายจนเกิดเสียงดัง ปึก! เหมือนมันกระทบกับอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของผู้ชายสารเลวคนนั้น จนสามารถหลุดออกมาได้ในที่สุดเพราะมันยกมือขึ้นไปกุมศีรษะของตัวเองและร้องเสียงหลง"เชี่ย!"ตึก ตึก ตึกฉันรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันทีแต่มันก็ไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ ยังคงวิ่งตามมาด้านหลัง ตอนนี้แข้งขาฉันที่สลับก้าวไปมามันแทบจะพันกันเพราะอยากเอาตัวรอดปึกร่างของฉันชนเข้ากับใครบ
EP.3ปัจจุบัน"พี่นธี เนยขอติดรถไปข้างนอกด้วยได้มั้ย" ฉันมองเขาด้วยแววตาแห่งการร้องขอ ซึ่งเขาอาจจะไม่เข้าใจว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น"อือ" พูดจบเขาก็หันไปทางไอ้พี่วีแล้วบอกเสียงเรียบ "กูไปก่อนนะ""เดี๋ยวพี่ไปส่งก็ได้น้องเนย ไม่ต้องไปรบกวนคนอื่นหรอก" ไอ้สารเลวนั่นพูดแล้วยิ้มออกมา หากเป็นคนอื่นคงไม่รู้สึกอะไรและมองเป็นพี่ชายต่างสายเลือดที่แสนดี แต่ฉันมองรอยยิ้มนั้นแล้วรับรู้ได้ถึงการหมายจะคุกคามอยู่ตลอดเวลาของมัน"ไม่ต้อง...ค่ะ" ฉันพูดเสียงเรียบแล้วรีบเดินลงจากบันไดโดยมีพี่นธีเดินตามมาเงียบ ๆ พอมาถึงรถของเขาบ่อน้ำตาของฉันมันก็แตกทันที รีบนั่งลงกอดเข่าตัวเองและซุกหน้าลงปล่อยน้ำตาให้มันไหลออกมาด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้มันตกใจจนตั้งตัวไม่ทันเลยทั้งที่คิดว่าการหนีสิ่งเลวร้ายมาอยู่ที่นี่มันจะทำให้ชีวิตฉันดีขึ้น แต่มัจจุราชที่แฝงมาในรูปแบบพี่ชายคนนั้นกลับตามฉันมาถึง ตรงนี้ฉันไม่คิดจะหาคำตอบว่ามันมาอยู่นี่ได้ยังไง แต่ฉันควรหาทางไปจากมันให้ได้ดีกว่า"..."ได้ยินเสียงฝีเท้าของพี่นธีเดินมาหยุดอยู่ข้างตัวฉัน เขาไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ไม่คิดจะถามหรือสงสัยอะไรเลยนั่นอาจเป็นเพราะเขาคิดว่า
EP.4"ขอบคุณสำหรับที่พักและข้าวฟรีค่ะ" ฉันบอกแล้วยิ้มให้คนหน้านิ่งก่อนจะเดินไปหยิบของตัวเอง "เสื้อผ้าพี่ถ้าเนยซักแล้วจะเอามาคืนนะ""อืม" เขาตอบแค่นั้นแล้วก้มหน้าเล่นมือถืออยู่ตรงโซฟาต่อ "เนยไปแล้ว ลาก่อนค่ะ" ฉันบอกก่อนจะหมุนตัวกลับมาทางประตู"เดี๋ยว" เสียงของพี่นธีดังขึ้นอีกครั้ง"คะ""ห้องตรงข้ามว่าง เผื่อเธออยากย้าย" เขาบอกโดยที่ไม่ได้มองมาทางฉัน"เนยจ่ายไม่ไหวหรอกค่ะ ว่าจะลองหาไกล ๆ มหา'ลัยดูห้องราคาถูกคงมี"ฉันยิ้มบาง ๆ แล้วมองใบหน้าด้านข้างของเขา ทำไมเหมือนจะอ่านความคิดฉันออกอย่างนั้นแหละ เพราะฉันก็คิดอยู่ว่าจะทำยังไงดีกับเรื่องย้ายหอ คงอยู่ที่เดิมไม่ได้อีกแล้ว"ค่าเช่าพันกว่า" เขาบอกเสียงเรียบฉันทำตาโตเมื่อได้ยินประโยคนั้น คอนโดนี้ฉันเคยได้ยินจากญานินว่าค่าเช่าเจ็ดพันขึ้นและนั่นแค่ห้องที่แทบจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ เมื่อกี้หูฉันแว่วหรือเขากำลังอำเล่น"ห้องพี่ค่าเช่าหมื่นกว่า ห้องตรงข้ามพันกว่ามันคงมีอะไรซักอย่างมั้ยคะ" ฉันพูดแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างกลัว ๆ "ยังไม่มีใครตาย" เขาปรายตามามองฉันเหมือนอยากจะพูดว่า 'อย่ามาคิดไร้สาระ'"ทำไมมันถูกล่ะคะ""เจ้าของห้องรวยแล้ว" เข
EP.5 "จ่ายค่าเช่าที่แม่บ้านชื่อพร" พี่นธีบอกสั้น ๆ แล้ววางกระเป๋าของฉันลงก่อนจะยื่นคีย์การ์ดมาให้ พร้อมกับบอกรหัสปลดล็อกประตูพันกว่าจริง ๆ เหรอ...ฉันมองดูห้องที่คล้ายห้องพี่นธีทุกอย่าง ข้าวของเครื่องใช้มีครบ ในครัวมีอุปกรณ์ทำอาหารซึ่งห้องของพี่นธีไม่มี"แม่บ้านเหรอคะ" ฉันขมวดคิ้วถามอีกครั้งแต่ไม่ได้รับคำตอบกลับมาเพราะเขาบอกว่าไม่ชอบพูดซ้ำ ถ้าพูดซ้ำนั่นแปลว่ากำลังหงุดหงิดแล้ว อันนี้ฉันเดาว่าน่าจะเป็นแบบนั้นแล้วพี่นธีก็เดินกลับไปห้องของตัวเอง โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดฉันจึงไม่ต้องไปเรียนและไม่มีกิจกรรมรับน้องในวันนี้ เพราะรุ่นพี่แจกภารกิจและต้องทำให้เสร็จภายในห้าวันภารกิจที่ฉันได้รับค่อนข้างจะง่ายถ้าเทียบกับเพื่อนคนอื่น เพราะรุ่นพี่แค่ให้ฉันบอกความหมายที่แท้จริงของคำว่า 'รุ่น' เท่านั้นฉันจัดของตัวเองที่มีเพียงไม่กี่อย่างให้เข้าที่ก่อนจะเดินไปดูโซนครัวขนาดกะทัดรัดแต่มีของใช้เกือบทุกอย่างด้วยความตื่นเต้นที่ชอบห้องครัวและชอบทำอาหารเพราะมันทำให้รู้สึกเหมือนว่ามีแม่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันโตมากับการมองดูท่านทำกับข้าวในแต่ละวันและเรียนรู้ทุกอย่างจากท่าน คนที่จากไปเมื่อสองปีก่อนและไม่มี
EP.6"อายุเท่าไรหนู ดูเด็กอยู่เลย""สิบเก้าค่ะ" ฉันตอบแล้วคลี่ยิ้มออกมาเพียงนิดตามมารยาท"โอ้ ยังเด็กอยู่เลยนี่ ร้อนเงินเหรอ" คำถามนั้นทำให้ฉันหายใจฝืด ๆจะเรียกว่าร้อนเงินไหมไม่รู้ แต่ฉันต้องหาเลี้ยงตัวเองและเรียนไปด้วย เงินเก็บที่แม่ฝากไว้ให้ตั้งแต่เด็กตอนนี้มันเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ จึงต้องพยายามหามาเติมมันเผื่อฉุกเฉินฉันจะไม่กินข้าวเช้าและบอกกับตัวเองว่าที่เป็นแบบนี้เพราะตื่นสาย แต่เหตุผลหลักคือมันประหยัดไปได้หนึ่งมื้อ หากมาทำงานที่ร้านฉันก็จะได้กินข้าวฟรี ๆ อีกมื้อตอนเย็น"ไม่ค่ะ" ฉันตอบตรงข้ามกับความเป็นจริง "อืม นึกว่าร้อนเงิน มีอะไรที่พอช่วยได้ไหมล่ะ บอกพี่ได้นะ" ชายคนนั้นยิ้มหวานแล้วมองฉันตาเป็นมัน เกลียดสายตาแบบนี้ที่สุดเลยมันทำให้ฉันคิดถึงไอ้สารเลวนั่นคำว่า 'พี่' มันใช้กับคนอายุรุ่นพ่อได้ด้วยเหรอ "ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร" ฉันตอบแค่นั้นก่อนจะยิ้มอีกครั้ง แล้วรับแก้วเครื่องดื่มที่ชาย 'แก่' คนนั้นยื่นมาให้เติม"พี่เขาใจดีนะ ถ้าน้องมีปัญหาก็บอกพี่เขาได้ เขาชอบช่วยเด็กน่ะ" เพื่อนเขาอีกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเสริมแล้วยิ้มกริ่มฉันทำได้เพียงฝืนยิ้มและภาวนาในใจให้ผ่านพ้นช่วงเ
EP.7วันต่อมาฉันตื่นเช้ามาอุ่นกับข้าวและทำอาหารง่าย ๆ เพิ่มอีกอย่างคือ ไข่กระทะ ให้พี่นธีที่มีเรียนเช้าวันนี้ได้กินก่อนที่จะไปเรียน"..." ประตูห้องตรงข้ามเปิดออกทันทีเมื่อถูกรบกวนโดยฉันเอง ตอนนี้พี่นธีเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเป็นเสื้อช็อปคณะวิศวะ สีกรมท่ากับกางเกงยีน กลิ่นกายหอม ๆ ที่ไม่ได้มาจากน้ำหอมแต่น่าจะเป็นกลิ่นครีมอาบน้ำทำให้เขามีเสน่ห์จนสาว ๆ กรี๊ดสลบได้แน่นอน"กินข้าวเช้าค่ะ" ฉันส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพราะเจ้าของห้องหันหลังให้แบบเดิมเป็นการอนุญาตตามแบบฉบับของพี่นธี ฉันเดินไปเอากับข้าวในห้องมาเพิ่มอีกจากนั้นก็ล็อกห้องตัวเองแล้วมากินข้าวห้องของเขา อย่างกับคู่รักข้าวใหม่ปลามันแต่เสียดายที่สีหน้าเขาไม่ยินดียินร้ายสักเท่าไรเมี้ยววว"หืม ยังไม่ได้กินอะไรเหรอน้องเหมียว" ฉันนั่งลงไปคุยกับเจ้าเหมียวน้อยที่กำลังเอาแก้มของมันมาถูไถอ้อนฉันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู "พี่นธีไม่เอาข้าวให้หนูกินเหรอคะ ยังผอมอยู่เลย""คงจะตอบ" พี่นธีพูดเสียงเรียบพร้อมกับปรายตามองฉันแล้วเดินไปนั่งสวมถุงเท้าที่โซฟา "มันไม่ยอมกินเอง"ฉันฟังสิ่งที่เขาพูดแล้วเดินไปดูอาหารในชามหวานแหววที่รุ่นพี่เทเอาไว้แล้ว
EP.8"พี่นธี ! นินได้รับมอบหมายจากคุณแม่ให้มาตรวจสอบ""อะไร" คิ้วเข้มของเขาเริ่มขยับเข้าหากัน"แม่หยิบสมุดบัญชีไปปรับรายการมา เห็นพี่ใช้เงินเยอะผิดปกติ แม่ให้นินมาสืบว่าพี่เอาไปทำอะไร" ให้มาสืบแต่แกบอกพี่นธีไปหมดแล้วญานินหรือว่าจะเป็นพวกค่าเหล้าราคาแพงพวกนั้นนะ"..." ฉันยืนฟังสองคนพี่น้องเงียบ ๆ แล้วพี่นธีก็ปรายตามามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะบอกน้องสาวตัวเอง"เงินก็เงินฉัน แม่จะอยากรู้ไปทำไม""แม่คิดว่าพี่เลี้ยงผู้หญิง" ญานินกอดอกพูดท่าทางเหมือนเป็นแม่พี่นธีอีกคน"ถ้าเลี้ยงแล้วแม่จะทำไม"ไม่ใช่แค่ญานินที่ตกใจ ฉันเองก็ด้วย ไหนเขาบอกว่าไม่อยากมีแฟนไง ไม่สิ เขาไม่อยากผูกมัดกับใครแสดงว่าแค่คบเล่น ๆ แต่เป็นสายเปย์เหรอ ทีหลังฉันต้องมองเขาใหม่แล้วสินะเห็นหน้าเงียบ ๆ ฟาดเรียบใช่ไหม"พี่นธีมั่วผู้หญิงเหรอ !!""..." คำพูดของญานินทำให้พี่นธีพ่นลมหายใจออกมาทันที"ฉันไปก่อนนะ พอดีมาหาญาติ" ฉันรีบปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นทันทีก่อนที่ญานินจะกลับมาสนใจตัวฉันอีกรอบและไม่อยากจะฟังคำตอบของพี่นธี ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่ฉันไม่อยากผิดหวังกับคำตอบแบบนั้นนี่นา"โอเค พรุ่งนี้เจอกันนะ" ฉันหันไปยิ้มให้ญานินแล้วมองพี่
EP.8"พี่นธี ! นินได้รับมอบหมายจากคุณแม่ให้มาตรวจสอบ""อะไร" คิ้วเข้มของเขาเริ่มขยับเข้าหากัน"แม่หยิบสมุดบัญชีไปปรับรายการมา เห็นพี่ใช้เงินเยอะผิดปกติ แม่ให้นินมาสืบว่าพี่เอาไปทำอะไร" ให้มาสืบแต่แกบอกพี่นธีไปหมดแล้วญานินหรือว่าจะเป็นพวกค่าเหล้าราคาแพงพวกนั้นนะ"..." ฉันยืนฟังสองคนพี่น้องเงียบ ๆ แล้วพี่นธีก็ปรายตามามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะบอกน้องสาวตัวเอง"เงินก็เงินฉัน แม่จะอยากรู้ไปทำไม""แม่คิดว่าพี่เลี้ยงผู้หญิง" ญานินกอดอกพูดท่าทางเหมือนเป็นแม่พี่นธีอีกคน"ถ้าเลี้ยงแล้วแม่จะทำไม"ไม่ใช่แค่ญานินที่ตกใจ ฉันเองก็ด้วย ไหนเขาบอกว่าไม่อยากมีแฟนไง ไม่สิ เขาไม่อยากผูกมัดกับใครแสดงว่าแค่คบเล่น ๆ แต่เป็นสายเปย์เหรอ ทีหลังฉันต้องมองเขาใหม่แล้วสินะเห็นหน้าเงียบ ๆ ฟาดเรียบใช่ไหม"พี่นธีมั่วผู้หญิงเหรอ !!""..." คำพูดของญานินทำให้พี่นธีพ่นลมหายใจออกมาทันที"ฉันไปก่อนนะ พอดีมาหาญาติ" ฉันรีบปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นทันทีก่อนที่ญานินจะกลับมาสนใจตัวฉันอีกรอบและไม่อยากจะฟังคำตอบของพี่นธี ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่ฉันไม่อยากผิดหวังกับคำตอบแบบนั้นนี่นา"โอเค พรุ่งนี้เจอกันนะ" ฉันหันไปยิ้มให้ญานินแล้วมองพี่
Special lตอนนี้ฉันอยู่ปีสองส่วนพี่นธีก็อยู่ปีสี่แล้วจึงวุ่นวายกับการทำโปรเจ็กต์ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังต้องเจอกันทุกวันนอนด้วยกันทุกคืนเพราะถือว่าเราคือชีวิตประจำวันของอีกฝ่ายไปแล้วพี่นธียังคงเป็นคนน่ารักของฉันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกเสียจากเรื่องที่เขาพูดมากขึ้นและเปิดเผยสิ่งที่คิดในใจมากกว่าเดิมหลายเท่า"ปุยนุ่น มากินข้าว.." ฉันเรียกปุยนุ่นด้วยการเทอาหารเม็ดใส่ถ้วยของมัน พอได้ยินเสียงมันก็รีบวิ่งมาทันที ก่อนจะค่อย ๆ ละเมียดละไมกินอาหารในถ้วยที่มันเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวอย่างสบายใจเมี้ยว ~ ครืด ~ ครืด ~"คะ" (ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม) เสียงของพี่นธีดังขึ้นมาจากปลายสาย พอหันไปมองนาฬิกาก็เป็นเวลาเกือบทุ่ม เขาคงกำลังจะกลับเพราะทุกวันที่เขาทำงานในคณะกับเพื่อนตัวเองมักจะกลับห้องเวลานี้ตลอด"ยังค่ะ เนยรอกินกับพี่"(โอเคครับจะรีบกลับ) แล้วเขาก็กดวางสายไปปล่อยให้ฉันยิ้มกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่คนเดียว น่าแปลกที่เจอกันทุกวันแต่ก็ยังมีความสุขที่แฟนตัวเองโทร.หาและพูดคุยด้วยประโยคทั่วไปครืด ~ ครืด ~พอพี่นธีวางสายไปญานินก็โทร.เข้ามาต่อ ช่วงนี้มันดูกังวลเรื่องแฟนตัวเอง คิด
EP.49"ง้อแค่เนี้ย !" เขาพูดเสียงสูงด้วยความไม่พอใจแต่ก็ขยับตัวมาคร่อมฉันไว้บนเตียง"แค่นี้อะไร เนยง้อตั้งแต่ออกจากบ้าน""..." เขาทำหน้ามุ่ยแล้วก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาพูดใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจที่พ่นรดลงมาบนแก้ม "พูดแล้วนะว่าจะมานอนกับพี่""อะไรกัน พี่นธีบอกแล้วนะว่าไม่ต้องมา""เมื่อกี้แค่ประชด" ยอมรับว่าตัวเองประชดอีก"ลงไปกินข้าวได้แล้วผู้ใหญ่รอเรานะ" ฉันพยายามเบี่ยงตัวลุกขึ้นแต่อีกคนก็ล็อกไว้อย่างเดิม แล้วยังเอาจมูกมาคลอเคลียแก้มและลงไปซุกไซ้ซอกคออีก "อื้อ... พี่นธี เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย""คิดถึง" เขาไม่ฟังที่ฉันพูดเลยสักนิดเดียวเลื่อนใบหน้าขึ้นมาแล้วระดมจูบฉันอีกยกใหญ่ จากที่ทีแรกขัดขืนก็ต้องคล้อยตามจูบตอบเขาไป จนผ่านไปเกือบห้านาทีก็ได้ยินเสียงญานินโวยวายอยู่ข้างนอกฉันจึงรีบดันตัวพี่นธีออกทันทีคราวนี้เขายอมแต่โดยดี คงพอใจแล้วแหละ"แม่บอกให้ลงไปกินข้าว..." ยัยนินลากเสียงยาวแล้วเคาะห้องเบา ๆ เราสองคนจึงรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูออกจากห้อง "โอ๊ย ! อะไรของพี่เนี่ย !""..." พอเดินออกไปพี่นธีก็เอามือผลักหัวน้องตัวเองจนเซแล้วเดินเบี่ยงตัวออกไปเหมือนไม่พอใจที่ญานินมาข
EP.48"ฉันเกลียดผัวแก" พอใบเฟิร์นพูดจบฉันก็หันไปคาดโทษพี่นธีเพราะเขาชอบพูดให้คนอื่นรู้สึกแย่อยู่นั่นแหละ"แค่ล้อเล่นเอง" พี่นธีบอกใบเฟิร์นแล้วก็ทำหน้านิ่งแต่สุดท้ายก็อมยิ้มออกมา ยัยนั่นถึงได้โล่งใจเพราะคงคิดว่าจะได้เกลียดพี่นธีจริง ๆ คราวนี้"เนยแค่ใส่อันนี้ถ่ายรูป เดี๋ยวจะสวมตัวนี้ทับแล้วค่ะ" ฉันบอกพี่นธีก่อนจะหยิบเสื้อว่ายน้ำแขนยาวมาสวมทับ จนพี่นธีพอใจแล้วยอมยิ้มออกมา"ไปเล่นเครื่องเล่นกันเถอะ" ใบเฟิร์นชวนแล้วเดินนำเราไป ตอนนี้ญานินเลิกบ้าแล้ว จริง ๆ มันก็คงจะแค่แกล้งเล่นนั่นแหละ ยัยนินไม่ใช่คนที่จะงี่เง่าเป็นเด็กแบบนั้น"อันนี้เนยไม่เล่นนะ เนยกลัว" ฉันบอกแล้วก้าวถอยหลังมองเครื่องเล่นขนาดใหญ่ที่ดูหวาดเสียวนั่น"มาทั้งทีเล่นเถอะ" ว่าแล้วยัยใบเฟิร์นก็ลากแขนฉันขึ้นไปด้านบนสุดก่อนจะบังคับนั่งห่วงที่นั่งกันได้สี่คน รับรู้ได้ว่าหัวใจมันเต้นแรงแทบจะหลุดออก"ถ้าฉันหัวใจวายตายแกรับผิดชอบนะ" ฉันพูดแล้วจับมือพี่นธีกับมือยัยใบเฟิร์นอีกฝั่งไว้แน่น"แกไม่ตายหรอก คิดไว้ว่าถ้าตายพี่นธีจะมีเมียใหม่แกก็ไม่ตายแล้ว" ยัยใบเฟิร์นพูดจบพี่นธีก็หัวเราะออกมาเบา ๆ "พี่ !! ปล่อยเลยค่ะ""กรี๊ด !!" ฉันกรีดร้อง
EP.47"พี่ไม่ได้อยากกินเบียร์" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมกับดึงฉันลงไปนั่งคร่อมท่าเดิมแต่ครั้งนี้เราเปลือยเปล่าทั้งคู่ "อยากกินนมเมียมากกว่า"ฉันขำออกมากับคนหน้านิ่งที่ตอนนี้มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาแล้วยังคำพูดที่ดูไม่เหมาะกับพี่นธีอีก"ได้ค่ะเดี๋ยวเนยป้อนให้" ฉันขยับตัวขึ้นแล้วป้อนนมให้เขา สายตาพี่นธีเหมือนจะระทึกกับสิ่งที่ฉันทำไม่น้อย"อื้อ ~""อื้ม ~ เนย..." เสียงครางดังในลำคอเล็ดลอดออกมา ขณะที่เจ้าตัวเอาแต่ดูดเลียจนอกอวบคู่งามของฉันเต็มไปด้วยน้ำลายมันวาวทั้งสองข้าง เขาใช้มือประคองมันเข้าปากสลับไปมาอีกข้างบีบขยำฟ้อนเฟ้นเบามือจนเรียกความต้องการจากฉันมากขึ้นเรื่อย ๆฉันขยับมือไปกำรอบแกนกายใหญ่บีบเบา ๆ นวดคลายเป็นจังหวะแล้วชักรูดขึ้นลงจนพี่นธีต้องผละริมฝีปากออกครางเบา ๆ"เนย... พี่จะตายแล้ว ซี้ด ขยับมา" เขารีบเร่งเร้าฉันจึงตอบสนองด้วยกายจับแกนกายจ่อกับช่องทางรักที่เปียกชื้นแล้วขยับตัวนั่งลงจนมันเลื่อนเข้ามาสุดความยาว สร้างความเสียววาบหวามตรงช่วงท้องน้อย ภายในบีบรัดตัวตนของเขาอย่างพอใจ"เนยจะทำให้พี่มีความสุขนะคะ" ฉันยิ้มแล้วดันแผงอกของคนตัวโตกว่าจนเขาทิ้งตัวพิงกับโซฟา เรียกร้อยย
EP.46หลายเดือนต่อมา"พี่นธี... กับข้าวพร้อมแล้ว" ฉันเดินไปหาคนที่กำลังแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาอยู่ตรงกระจก ก่อนจะหยิบเอาเน็กไทที่มีเข็มกลัดมหาวิทยาลัยติดสวมให้เขาอย่างเอาใจ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเขาแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบแบบนี้"ขอบคุณครับ" คนพี่พูดเพราะแล้วส่งยิ้มเล็ก ๆ มาให้"วันนี้สอบเสร็จกี่โมงคะ" "สอบวิชาเดียว เที่ยงก็กลับมาแล้ว เนยสอบถึงสี่โมงใช่ไหมเดี๋ยวพี่ไปรับ" เขาพูดแล้วโน้มลงมาจุ๊บแก้มฉันพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่จะเห็นมันบ่อย ๆ"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเนยมากับเฟิร์นก็ได้"เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกฉันแล้วด้วย แทนตัวเองว่าพี่จนฟังดูอบอุ่นและใกล้ชิดกันมากขึ้น บางทีอากาศดี ๆ อารมณ์ดี ๆ ก็เรียกฉันว่าน้องเนยอีกต่างหาก น่ารักใช่ไหมล่ะพี่นธีไม่เคยขอฉันเป็นแฟนและเขาไม่เคยบอกรักฉัน มันอาจจะดูน่าน้อยใจเมื่อใครต้องเจอแบบนี้แต่ฉันว่ามันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการกระทำที่อีกฝ่ายมีให้เขาดีกับฉันทุกอย่างจนฉันลืมไปแล้วว่าเขาเคยร้ายกับฉันครั้งหนึ่ง'อันนี้ของนิเนย กินไม่ได้เดี๋ยวตื่นมางอนกูอีก กูง้อไม่เก่งนะไอ้คิว มึงวางลงเลย''เดี๋ยวกูถามเมียก่อนว่าให้ไปไหม''จะมีใค
EP.45หลายวันต่อมาหลังจากวันนั้นฉันก็อยู่เฝ้าพ่อตัวเองอีกสองวันจนหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล พี่นธีบอกให้พ่อฉันไปพักอยู่คอนโดมิเนียมที่แม่ของเขาซื้อเอาไว้ปล่อยเช่าเพราะเป็นห่วงความปลอดภัย เนื่องจากคู่กรณีของเราเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลพ่อของพี่นธีรู้จักกับพ่อฉันแค่ไม่ได้สนิทกันแต่ก็พอที่จะช่วยเหลือกันได้ ยิ่งตอนนี้พวกท่านคิดว่าฉันกับพี่นธีคบกันอยู่ด้วยพ่อแม่ของพี่นธีรู้จักฉันดีเพราะฉันคบกับญานินมานานและแวะเวียนไปที่บ้านบ่อย ๆ เรื่องของเราจึงไม่เป็นคำถามสำหรับพวกท่านนัก"พ่อแกหายดีแล้วใช่ไหม" ใบเฟิร์นถามขึ้นมาตอนที่ฉันกำลังเข้าห้องเรียนและหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้"อืม ดีแล้ว""เรื่องคดีล่ะ" ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ใบเฟิร์นฟังแล้ว ส่วนญานินไม่ต้องเล่ายัยนั่นก็รู้"เรื่องนั้นพี่นธีจัดการ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เลย" ฉันบอกไปตามจริงเพราะไอ้ที่พี่นธีพูดเป็นฉาก ๆ ไม่เข้าสมองฉันเลย"มีผัวดีก็ดีไป" ใบเฟิร์นพูดออกมาอย่างขำ ๆ สักพักญานินก็มา และตามหลังด้วยอาจารย์บทสนทนาจึงจบลง"ไปกินคณะบริหารไหม มีคนบอกให้ไปลองชิมร้านก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิก" ญานินเอ่ยแล้วรีบเก็บของตัวเอง "คนที่ว่านั่นพี่ทศกัณฐ์
EP.44วันต่อมาวันนี้ฉันกลับมาบ้าน บ้านที่เคยเป็นบ้านของตัวเอง เพื่อมาเอาของใช้บางส่วนและเสื้อผ้าของพ่อ"อะ อ้าว น้องเนย กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่" พอก้าวเข้ามาในบ้านไอ้วีก็เสนอหน้าออกมาต้อนรับทันที ในมือถือซองบุหรี่กับไฟแช็ก ในบ้านคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นบุหรี่จากคนตรงหน้า"หลบไป !" ฉันถลึงตาใส่มันอย่างไม่เกรงกลัวแต่มันกลับยิ้มเยาะแล้วเบี่ยงตัวหลบพร้อมกลับผายมือให้ฉันเดินเข้ามาในบ้านที่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่คุ้นตาตอนนี้มันหายและย้ายที่ไปเกือบหมด"รูปแม่ฉัน ใครเอาไปไหน" ฉันเดินไปที่ชั้นวางที่เคยมีรูปแม่วางอยู่ ก่อนจะตวัดสายตาไปมองไอ้วีที่เดินยิ้มตามมา "ไม่รู้" วีพูดเหมือนไม่ใส่ใจพร้อมกับยักไหล่ขึ้น"พวกแกเอารูปแม่ฉันไปไว้ไหน บอกมา !" "เอะอะโวยวายอะไรกัน" แล้วเสียงของผู้หญิงที่ชื่อบัวก็ดังขึ้นฉันจึงตวัดสายตาไปมอง ยัยป้านั่นแสยะยิ้มออกมาแล้วทักทาย "ว่าไง เธอมีอะไร""ฉันมาเอาของของฉัน" พูดจบฉันก็เดินเบี่ยงตัวผ่านสองแม่ลูกไป แต่ยัยป้านั่นกลับกระชากแขนฉันกลับ "ทุกอย่างในบ้านนี้ไม่ใช่ของแก""..." ฉันยิ้มออกมาก่อนจะผลักอกมันจนยอมปล่อยมือออก "หน้าด้าน"พูดจ
EP.43"ป้าพิน !""เนย มาแล้วเหรอลูก"ฉันเดินเข้าไปกอดผู้เป็นป้าหลังจากที่ไม่ได้เจอกันเกือบปีด้วยความคิดถึง"สวัสดีครับ" พี่นธีเอ่ยและยกมือไหว้ป้าฉันอย่างมีมารยาท ท่านจึงพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร"พ่อล่ะคะ" "หมอกำลังตรวจเอกซเรย์สมองกับกระดูก แต่คงไม่มีอะไรอันตรายแล้วละ ที่ตกบันไดเพราะความดันต่ำแล้วหน้ามืดน่ะ ตอนป้าไปเจอคงจะหลังจากตกลงมาไม่นานพอดี" ป้าอธิบายให้ฟังขณะที่ฉันบีบมือท่านเอาไว้จนชุ่มเหงื่อแต่พอได้ยินว่าไม่อันตรายมันก็รู้สึกดีขึ้น"เนย บอกป้ามาได้ไหมว่าโกรธอะไรพ่อเรา" ป้าพินขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นอย่างสงสัย"..." ฉันเม้มปากเข้าหากันเพราะความลังเล ไม่รู้ว่ามันควรจะเล่าดีหรือเปล่า พอหันไปมองพี่นธีที่ยืนอยู่ห่างกันออกไปเขาก็มองมานิ่ง ๆ"เดี๋ยวจะลงไปเอากุญแจรถ มีคนเอารถมาให้แล้ว" เขาคงให้คนที่บ้านเอารถมาให้ใช้ละมั้ง"ค่ะ พี่ไปพักผ่อนอยู่ที่บ้านก็ได้นะ อย่ามาลำบากเลย ที่นี่คนเยอะ" ฉันบอกพี่นธีแล้วยิ้มเล็กน้อยทั้งที่ขอบตายังมีน้ำหยดเล็ก ๆ เกาะเต็มไปหมด"เดี๋ยวมา" เขาบอกแล้วหันหลังเดินออกไปหลังจากพี่นธีออกไปฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ป้าพินฟัง ท่านดูตกใจไม่น้อยที่ฉันเจอแบบนั
EP.42"คิดถึง"นัยน์ตาสีน้ำตาเข้มจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของฉันราวกับจะสะกดให้ยินยอมเขาทุกอย่าง และมันได้ผลเพราะฉันไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าของเขาได้เลย"..." เขาจูบลงมาอีกครั้งอย่างหนักหน่วง ย้ำคำว่าคิดถึงให้มันชัดเจนยิ่งขึ้น ก่อนที่จะช้อนร่างของฉันไปบนเตียงและปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเราทั้งคู่จนเปลือยเปล่าต่อกันการไม่ได้มีอะไรกันเป็นเวลาครึ่งเดือนทำให้ฉันรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย ไหนจะเรื่องที่เราทะเลาะกัน และคำพูดดี ๆ รอยยิ้มที่เขามอบให้มันทำให้รู้สึกราวกับว่ามันคือครั้งแรกจนต้องนั่งขดตัวปิดบังความเป็นสาวของตัวเอง ขณะที่อีกคนกลับยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงตัวฉันไปนั่งบนตักของเขาโดยที่เราหันหน้ามาเผชิญกัน"พี่ไม่เช็ดผมแล้วเหรอ อ๊า..." เหมือนเขาไม่ได้สนใจคำพูดของฉันเท่าไร เพราะสิ่งที่เขาสนใจคือความนุ่มหยุ่นเบื้องหน้า เขาจูบและลูบไล้ไปทั่วเนินอกขณะที่มือยังคงบีบขยำอกคู่งามเอาไว้เป็นจังหวะ สัมผัสจาบจ้วงหนักหน่วงแต่ไม่รุนแรงอย่างที่ฉันกลัวร่างกายของฉันตอบสนองสัมผัสของเขาได้เป็นอย่างดี สร้างความเปียกชื้นจนรู้สึกได้เต็มเรียวขาเนียนที่มีมือใหญ่อีกข้างหนึ่งเคล้นคลึงขยับมากลางกาย สอดนิ้วเข้าออกเร