"สิบเก้าค่ะ" ฉันตอบแล้วคลี่ยิ้มออกมาเพียงนิดตามมารยาท
"โอ้ ยังเด็กอยู่เลยนี่ ร้อนเงินเหรอ" คำถามนั้นทำให้ฉันหายใจฝืด ๆ
จะเรียกว่าร้อนเงินไหมไม่รู้ แต่ฉันต้องหาเลี้ยงตัวเองและเรียนไปด้วย เงินเก็บที่แม่ฝากไว้ให้ตั้งแต่เด็กตอนนี้มันเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ จึงต้องพยายามหามาเติมมันเผื่อฉุกเฉิน
ฉันจะไม่กินข้าวเช้าและบอกกับตัวเองว่าที่เป็นแบบนี้เพราะตื่นสาย แต่เหตุผลหลักคือมันประหยัดไปได้หนึ่งมื้อ หากมาทำงานที่ร้านฉันก็จะได้กินข้าวฟรี ๆ อีกมื้อตอนเย็น
"ไม่ค่ะ" ฉันตอบตรงข้ามกับความเป็นจริง
"อืม นึกว่าร้อนเงิน มีอะไรที่พอช่วยได้ไหมล่ะ บอกพี่ได้นะ" ชายคนนั้นยิ้มหวานแล้วมองฉันตาเป็นมัน เกลียดสายตาแบบนี้ที่สุดเลย
มันทำให้ฉันคิดถึงไอ้สารเลวนั่น
คำว่า 'พี่' มันใช้กับคนอายุรุ่นพ่อได้ด้วยเหรอ
"ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร" ฉันตอบแค่นั้นก่อนจะยิ้มอีกครั้ง แล้วรับแก้วเครื่องดื่มที่ชาย 'แก่' คนนั้นยื่นมาให้เติม
"พี่เขาใจดีนะ ถ้าน้องมีปัญหาก็บอกพี่เขาได้ เขาชอบช่วยเด็กน่ะ" เพื่อนเขาอีกคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเสริมแล้วยิ้มกริ่ม
ฉันทำได้เพียงฝืนยิ้มและภาวนาในใจให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปโดยเร็วที่สุด แต่ดูเหมือนมันคงอีกนานพอสมควรเพราะตอนนี้เพิ่งจะสี่ทุ่มครึ่งเท่านั้นเอง
จังหวะที่ฉันยื่นแก้วส่งไปให้ลูกค้าก็พยายามจะแตะต้องแกล้งจับมือถือแขนตลอด ความรู้สึกอึดอัดและรังเกียจเริ่มก่อตัวขึ้นทีละนิด
ฉันหันไปมองพี่นธีอยู่บ่อย ๆ เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม นั่นมันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยในที่ตรงนี้เขาก็เป็นคนเดียวที่น่าจะทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย
จนกระทั่งเวลาเกือบเที่ยงคืนเขาก็ทำท่าจะลุกขึ้น เวลานั้นฉันเริ่มทำตัวไม่ถูกเพราะกลัวว่าเขาจะกลับและไม่รู้ว่าคนพวกนี้จะทำอะไรหลังจากเมามายขึ้นมา
ด้วยฐานะและอิทธิพลจากคำว่า 'วีไอพี' ไม่รู้ว่าฉันจะเจออะไรและเจ้าของร้านก็คงจะไม่เห็นค่าฉันมากกว่าเงินของคนพวกนี้แน่ ๆ
"..." พี่นธีลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วหันมามองทางฉันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเบือนหน้าหนีไปแล้วเดินออกจากร้าน เขาคงไม่เห็นว่าฉันกำลังส่งสายตาขอร้องว่าอย่าเพิ่งไป
"ขอตัวสักครู่ค่ะ..." ฉันโค้งศีรษะให้ลูกค้าแล้วทำท่าจะเดินไปจากตรงนั้นแต่ชายแก่วัยเกือบหกสิบนั่นกลับดึงข้อมือฉันเอาไว้แล้วกระชากลงไปนั่งบนตัก
"ปล่อยนะ !" ฉันขัดขืนและผลักมันออกเต็มแรงอย่างไม่ชอบใจแต่ไอ้แก่นั่นก็ไม่ยอมปล่อย
"ไม่เอาน่าหนู อยากทำงานแบบนี้ก็อย่าเล่นตัวนักสิ" ไอ้แก่ด้านหลังพูดแล้วพยายามจะคลอเคลียซอกคอฉันด้วยความน่ารังเกียจ
ปึก !
"อ๊ากกก ! นังนี่ !"
ฉันแทงศอกไปที่คางของมันเต็มแรงจนหน้าหัน ทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะพากันตกใจจากที่ตอนแรกหัวเราะชอบใจกันใหญ่ที่เห็นฉันอยู่ในเงื้อมมือของเพื่อนพวกมัน
"หนูไม่ชอบ อย่ามาทำแบบนี้ !!" พูดจบฉันก็วิ่งออกจากตรงนั้นทันที จนพี่ปายเจ้าของร้านรีบวิ่งเข้ามาดูแขกวีไอพีและหันมาบอกฉันเสียงแข็ง
"ไปรอที่ห้องประชุมงาน ก่อเรื่องจนได้ ! รู้ไหมว่าวีไอพีสำคัญกับร้านขนาดไหน" คนที่ฉันคิดว่าใจดีมาตลอดพูดขึ้น
"..." ฉันยืนนิ่งด้วยขอบตาที่ร้อนผ่าวพลางมองตามหลังพี่ปายไปด้วยความรู้สึกสับสน
ฉันควรอยู่รอเพื่อให้เขาด่าทอเรื่องที่ฉันไม่ยอมไอ้แก่นั่นเหรอ ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันยังไม่เห็นคุณค่ากันบ้างเลย
"ฮึก..." แม่... เนยควรทำยังไงดี
"..." อยู่ ๆ แขนของใครสักคนก็ยกขึ้นมาวางบนบ่าเล็กที่กำลังสั่นเทาจากการร้องไห้สะอื้น ฉันเกือบจะปัดท่อนแขนน่าสงสัยออกแต่เสียงเข้มคุ้นหูกลับดังขึ้นมาเสียก่อน "กลับ"
พี่นธีพูดเสียงเรียบแล้วปรายตาลงมามองฉัน ก่อนจะเอาแขนที่พาดบนบ่านั้นดันตัวฉันเดินไปข้างหน้าจนมาถึงนอกร้าน
"พี่นธี..." ฉันก้มหน้าลงและหันไปกอดเขาทันทีที่เดินออกมาถึงรถ หยาดน้ำตาไหลลงอาบแก้มราวกับธารน้ำจนเลอะชุ่มเสื้อของคนพี่เป็นดวงซึ่งดูไม่ดีเท่าไร
"โง่" เขาพูดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ผลักไสฉันออก ใช้มือที่พาดอยู่โอบไหล่ฉันไว้หลวม ๆ "รู้ว่าต้องเจอแบบนี้แล้วยังจะมาทำ"
เขาทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยอีกครั้งหลังจากที่เจอเรื่องแย่ ๆ ถึงแม้สิ่งที่ออกจากปากหยักตรงหน้าจะเป็นคำด่าแต่ฉันก็ไม่โกรธเลยสักนิดเดียว
พี่นธีพูดถูกที่ว่ามาทำงานแบบนี้ยังไงก็ต้องเจอเรื่องพวกนี้ แต่จะทำยังไงในเมื่อฉันไม่มีทางเลือกและคิดว่าจะไม่เจอคนพวกนี้ในเร็ววัน
"ฮึก ทำไมเนยต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้ด้วย" ฉันยังคงร้องไห้อยู่ตรงแผงอกกว้าง บ่นเรื่องที่เขาอาจจะฟังไม่เข้าใจออกมา "จะไม่มีใครเห็นค่าเนยเลยเหรอ มีแต่คนหวังจะทำร้าย ฮือ ~"
"..." ได้ยินเสียงถอนหายใจของเขาดังออกมาหลังจากที่ยืนฟังฉันร้องไห้โวยวายหลายนาที
"ขอโทษค่ะ" ฉันค่อย ๆ ดันตัวออกจากคนร่างสูงเมื่อสติกลับคืนมาแล้วรีบปาดน้ำตาออกจากแก้มแบบลวก ๆ "เนยทำให้พี่เสียเวลาอีกแล้ว เสื้อเปื้อนด้วย"
"..." พี่นธีมองดูฉันแล้วไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
"เนยนึกว่าพี่จะกลับก็เลยกลัว คนพวกนั้นพยายามจะลวนลาม เนยก็เลยทำร้ายเขา" ฉันก้มหน้ามองพื้นพลางกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตาที่เหมือนจะเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าเขากลับไปก่อน ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อจากนั้นแล้ว
"เธอไม่ผิด จะร้องทำไม"
"คะ ?"
"กลับได้แล้ว ง่วง" รุ่นพี่บอกเสียงนิ่งแล้วหันหลังเดินไปที่รถ ฉันจึงรีบเดินตามไปและนั่งบนรถของเขาเหมือนเมื่อวานราวกับหนังเรื่องเดิมที่ฉายซ้ำ
"ขอบคุณนะคะ" พอถึงหน้าห้องฉันก็หันไปบอกพี่นธีที่กำลังจะเปิดประตูห้องตัวเอง
"ไปดูไอ้นั่นหน่อย" เขาบอกเสียงเรียบแล้วมองฉัน คงจะหมายถึงน้องแมวละมั้ง ตอนแรกก็ยังไม่เข้าใจเพราะเขาชอบประหยัดคำพูดเกินไป
จริงสิฉันลืมน้องแมวไปเลย
"ค่ะ" ถึงแม้ตอนนี้จะเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่งแล้วแต่ฉันก็ยังคงตาโตเมื่อพูดถึงสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของเรา
น่าจะเรียกว่า 'ของเรา' ได้นะเพราะเขาให้ฉันเลี้ยงด้วย
พอเข้ามาในห้องเจ้าเหมียวตัวน้อยก็วิ่งมาหาทันที มันหยุดอยู่ที่เท้าของฉันก่อนจะเอาแก้มเอียงเข้ามาถูคลอเคลียและร้องเหมียว ๆ อย่างเป็นมิตร
"พี่เอามันอาบน้ำหรือยังคะ" ฉันนั่งลงไปและอุ้มเจ้าเหมียวจนได้กลิ่นตัวหอมฉุยขึ้นมาถึงได้รู้ว่ามันอาบน้ำและแปรงขนมาแล้ว "พี่เลี้ยงได้ไหมเพราะแมวขนมันจะร่วง ยิ่งตอนผลัดขนจะยิ่งเยอะ ต้องแปรงขนบ่อย"
"เธอก็มาดู" พูดจบเขาก็เอื้อมมือมาลูบหัวน้องแมวที่ฉันอุ้มไว้บ้าง "มาให้อาหารด้วย"
สรุปคือให้ฉันเลี้ยงแต่แมวอยู่ห้องเขาเนี่ยนะ
"งั้นให้น้องแมวไปอยู่ห้องเนยไหม จะได้ไม่รบกวนพี่" ฉันพูดแล้วลูบขนเหมียวเบา ๆ จนเจ้าตัวนุ่มเคลิ้มและหลับตาพริ้ม
"เจ้าของห้องนั้นไม่ให้เลี้ยง"
"นั่นสิ เนยลืมคิดเลย" ฉันวางน้องลงพื้นมันก็เดินนวยนาดไปนอนที่พรมหน้าโซฟาทันที "ซื้อกระบะทรายมาด้วยไหมคะ"
"คืออะไร"
"ก็ห้องน้ำแมวไง พี่จะให้มันเข้าห้องน้ำไหน" พอฉันถามพี่นธีก็ขมวดคิ้วยุ่งพลางมองฉันด้วยสายตาที่สื่อว่า 'เธอว่าฉันโง่เหรอ ก็คนมันไม่รู้'
"ถึงบอกว่าให้เลี้ยงเอง"
"พรุ่งนี้เนยไปซื้อมาก็ได้ค่ะ มีอีกหลายอย่างเลย"
"ว่างกี่โมง" พี่นธีเดินไปนั่งตรงโซฟาแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู
"คะ ?" ฉันหันไปถามด้วยความสงสัยแล้วก็เข้าใจความหมายทีหลัง "พรุ่งนี้เนยว่างบ่ายโมงค่ะ"
"เจอกันหน้าคอนโดฯ"
"...ค่ะ"
EP.7วันต่อมาฉันตื่นเช้ามาอุ่นกับข้าวและทำอาหารง่าย ๆ เพิ่มอีกอย่างคือ ไข่กระทะ ให้พี่นธีที่มีเรียนเช้าวันนี้ได้กินก่อนที่จะไปเรียน"..." ประตูห้องตรงข้ามเปิดออกทันทีเมื่อถูกรบกวนโดยฉันเอง ตอนนี้พี่นธีเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเป็นเสื้อช็อปคณะวิศวะ สีกรมท่ากับกางเกงยีน กลิ่นกายหอม ๆ ที่ไม่ได้มาจากน้ำหอมแต่น่าจะเป็นกลิ่นครีมอาบน้ำทำให้เขามีเสน่ห์จนสาว ๆ กรี๊ดสลบได้แน่นอน"กินข้าวเช้าค่ะ" ฉันส่งยิ้มให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเพราะเจ้าของห้องหันหลังให้แบบเดิมเป็นการอนุญาตตามแบบฉบับของพี่นธี ฉันเดินไปเอากับข้าวในห้องมาเพิ่มอีกจากนั้นก็ล็อกห้องตัวเองแล้วมากินข้าวห้องของเขา อย่างกับคู่รักข้าวใหม่ปลามันแต่เสียดายที่สีหน้าเขาไม่ยินดียินร้ายสักเท่าไรเมี้ยววว"หืม ยังไม่ได้กินอะไรเหรอน้องเหมียว" ฉันนั่งลงไปคุยกับเจ้าเหมียวน้อยที่กำลังเอาแก้มของมันมาถูไถอ้อนฉันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู "พี่นธีไม่เอาข้าวให้หนูกินเหรอคะ ยังผอมอยู่เลย""คงจะตอบ" พี่นธีพูดเสียงเรียบพร้อมกับปรายตามองฉันแล้วเดินไปนั่งสวมถุงเท้าที่โซฟา "มันไม่ยอมกินเอง"ฉันฟังสิ่งที่เขาพูดแล้วเดินไปดูอาหารในชามหวานแหววที่รุ่นพี่เทเอาไว้แล้ว
EP.8"พี่นธี ! นินได้รับมอบหมายจากคุณแม่ให้มาตรวจสอบ""อะไร" คิ้วเข้มของเขาเริ่มขยับเข้าหากัน"แม่หยิบสมุดบัญชีไปปรับรายการมา เห็นพี่ใช้เงินเยอะผิดปกติ แม่ให้นินมาสืบว่าพี่เอาไปทำอะไร" ให้มาสืบแต่แกบอกพี่นธีไปหมดแล้วญานินหรือว่าจะเป็นพวกค่าเหล้าราคาแพงพวกนั้นนะ"..." ฉันยืนฟังสองคนพี่น้องเงียบ ๆ แล้วพี่นธีก็ปรายตามามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะบอกน้องสาวตัวเอง"เงินก็เงินฉัน แม่จะอยากรู้ไปทำไม""แม่คิดว่าพี่เลี้ยงผู้หญิง" ญานินกอดอกพูดท่าทางเหมือนเป็นแม่พี่นธีอีกคน"ถ้าเลี้ยงแล้วแม่จะทำไม"ไม่ใช่แค่ญานินที่ตกใจ ฉันเองก็ด้วย ไหนเขาบอกว่าไม่อยากมีแฟนไง ไม่สิ เขาไม่อยากผูกมัดกับใครแสดงว่าแค่คบเล่น ๆ แต่เป็นสายเปย์เหรอ ทีหลังฉันต้องมองเขาใหม่แล้วสินะเห็นหน้าเงียบ ๆ ฟาดเรียบใช่ไหม"พี่นธีมั่วผู้หญิงเหรอ !!""..." คำพูดของญานินทำให้พี่นธีพ่นลมหายใจออกมาทันที"ฉันไปก่อนนะ พอดีมาหาญาติ" ฉันรีบปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นทันทีก่อนที่ญานินจะกลับมาสนใจตัวฉันอีกรอบและไม่อยากจะฟังคำตอบของพี่นธี ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่ฉันไม่อยากผิดหวังกับคำตอบแบบนั้นนี่นา"โอเค พรุ่งนี้เจอกันนะ" ฉันหันไปยิ้มให้ญานินแล้วมองพี่
EP.8"พี่นธี ! นินได้รับมอบหมายจากคุณแม่ให้มาตรวจสอบ""อะไร" คิ้วเข้มของเขาเริ่มขยับเข้าหากัน"แม่หยิบสมุดบัญชีไปปรับรายการมา เห็นพี่ใช้เงินเยอะผิดปกติ แม่ให้นินมาสืบว่าพี่เอาไปทำอะไร" ให้มาสืบแต่แกบอกพี่นธีไปหมดแล้วญานินหรือว่าจะเป็นพวกค่าเหล้าราคาแพงพวกนั้นนะ"..." ฉันยืนฟังสองคนพี่น้องเงียบ ๆ แล้วพี่นธีก็ปรายตามามองฉันแวบหนึ่งก่อนจะบอกน้องสาวตัวเอง"เงินก็เงินฉัน แม่จะอยากรู้ไปทำไม""แม่คิดว่าพี่เลี้ยงผู้หญิง" ญานินกอดอกพูดท่าทางเหมือนเป็นแม่พี่นธีอีกคน"ถ้าเลี้ยงแล้วแม่จะทำไม"ไม่ใช่แค่ญานินที่ตกใจ ฉันเองก็ด้วย ไหนเขาบอกว่าไม่อยากมีแฟนไง ไม่สิ เขาไม่อยากผูกมัดกับใครแสดงว่าแค่คบเล่น ๆ แต่เป็นสายเปย์เหรอ ทีหลังฉันต้องมองเขาใหม่แล้วสินะเห็นหน้าเงียบ ๆ ฟาดเรียบใช่ไหม"พี่นธีมั่วผู้หญิงเหรอ !!""..." คำพูดของญานินทำให้พี่นธีพ่นลมหายใจออกมาทันที"ฉันไปก่อนนะ พอดีมาหาญาติ" ฉันรีบปลีกตัวออกมาจากตรงนั้นทันทีก่อนที่ญานินจะกลับมาสนใจตัวฉันอีกรอบและไม่อยากจะฟังคำตอบของพี่นธี ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่ฉันไม่อยากผิดหวังกับคำตอบแบบนั้นนี่นา"โอเค พรุ่งนี้เจอกันนะ" ฉันหันไปยิ้มให้ญานินแล้วมองพี่
EP.10ชั่วโมงต่อมาเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงรุ่นพี่ปีสามปล่อยพวกเราให้แยกย้ายกลับ ฉันกับใบเฟิร์นจึงรีบไปทางห้องเก็บของทันทีเพราะห่วงญานินที่ตอนนี้ยังไม่ออกมาให้เห็นหน้าจนกระทั่งประตูห้องถัดไปจากห้องเก็บของเปิดและพี่นธีก็เดินออกมาคนแรกจนเราเผลอสบตากันพอดี สีหน้าเขายังคงนิ่งเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนผู้ชายคนนี้คงมีแค่หน้าเดียวจริง ๆ ไม่ว่าจะอารมณ์ไหน"ญานิน ! แกเป็นไงบ้าง" ฉันรีบไปหาญานินที่อยู่ในอ้อมแขนของรุ่นพี่ทศกัณฐ์ เนื้อตัวของเพื่อนดูไม่ดีเท่าไรจนฉันรู้สึกจุกอก เข่าของยัยนั่นมีเลือดออกด้วยน่าจะถูกทำโทษรุนแรงแน่ ๆ"ไปเอาอุปกรณ์ล้างแผลมา" พี่ทศกัณฐ์หันมาสั่งหน้าเครียด"ค่ะ"ฉันรีบวิ่งไปห้องพยาบาลที่อยู่ในโรงยิมของคณะและขออุปกรณ์ล้างแผลจากเจ้าหน้าที่ก่อนจะเอามันมาให้พี่ทศกัณฐ์แล้วพี่ทศกัณฐ์ก็ทำแผลให้ญานินด้วยตัวเอง เขาเป็นแฟนเก่าและน่าจะเป็นแฟนในอนาคตของเพื่อนอย่างแน่นอนแบบไม่ต้องสงสัย"อิจฉาจังเลยค่ะ มีคนทำแผลมีคนดูแลแบบนี้ยอมเจ็บตัวทุกวันเลย" ใบเฟิร์นพูดแล้วทำหน้าเคลิบเคลิ้ม"ใช่เวลาที่ควรอิจฉาไหม ดูหน้าพวกพี่แต่ละคนด้วย" ฉันดีดหน้าผากเพื่อนตัวดีไปหนึ่งทีเมื่อเห็นสีหน้าของพวกพี่ ๆ ในแก
EP.11"แล้วสรุปพ่อมีอะไรกับเนย" ฉันเลี่ยงที่จะตอบคำถามนั้น(...) ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา (แกสบายดีใช่ไหม กินอยู่ยังไง)"..." คำถามของเขาทำเอาน้ำตาที่กำลังคลออยู่ค่อย ๆ ไหลออกมา "ทำไมพ่อเพิ่งมาถามตอนนี้ พ่อถามเพราะเป็นห่วงเหรอ ทั้งที่เนยลำบากอดอยากมากี่เดือนพ่อไม่เคยสนใจ มัวแต่ไปสนใจผู้หญิงคนใหม่ เชื่อลูกเลี้ยงเลว ๆ นั่น"ฉันพยายามจะไม่เสียงดังรบกวนพี่นธี พอหันไปมองเขาก็นั่งนิ่ง ไม่ได้เล่นเกมต่อแต่เหมือนจะเล่นมือถือแทน(พ่อขอโทษที่ไม่ติดต่อแก เพราะคิดว่าแกจะสำนึกผิดแล้วติดต่อมา) พ่อทำเสียงอ่อน"ทำไมเนยต้องสำนึกผิดในเมื่อเนยไม่ผิด"(...) ได้ยินเสียงพ่นลมหายใจออกมาอีกครั้ง (วันนี้วันเกิดแก)"..."(พ่อจะให้อภัยแกทุกเรื่อง กลับบ้านบ้างนะ)ฉันยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาลวก ๆ ฉันแทบจะลืมวันเกิดตัวเองไปแล้ว แน่นอนว่าฉันอยากได้ยินคำอวยพรจากพ่อแต่สุดท้ายพ่อก็ไม่เคยเชื่อฉัน ในสายตาพ่อฉันยังคงเป็นเด็กขี้โกหกที่หนีตามผู้ชายแล้วไม่ยอมกลับบ้าน"จนถึงตอนนี้พ่อก็ยังไม่เชื่อเนย สองแม่ลูกนั่นมันคงเล่นของใส่พ่อแล้วมั้ง พ่อรู้ไหมว่าวันนั้นไอ้วีมันทำอะไรเนย เนยบอกพ่อไปหลายครั้งแล้วพ่อไม่สงสัยมั
EP.12"ซื่อบื้อ" ด่าจบเขาก็เดินหนีไปทันทีฉันจึงได้แต่วิ่งตามเขาไปเงียบ ๆ ด่าฉันอีกแล้วก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ คำอธิบายก็ไม่มีช่างเถอะ อยากซื้อให้ฉันก็จะใช้แล้วตอบแทนด้วยการอำนวยความสะดวกให้แล้วกัน"แม่พี่จะไม่บ่นเหรอใช้เงินเยอะขนาดนี้""ฉันหาเอง" เรียนอยู่เลยจะหาเองยังไงได้เยอะขนาดนี้"สอนเนยบ้างสิ หายังไง" เผื่อจะได้หาเองบ้าง"..." เขาไม่ตอบแต่กลับมองฉันที่นั่งเบาะข้าง ๆ ด้วยสายตาที่เข้าใจยากและไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่"ถ้าไม่สอนงั้นเนยสมัครเป็นเด็กพี่อีกคนแล้วนะ เลี้ยงไหวไหม เนยกินเก่งนะ" ฉันแกล้งหยอกออกไป"รู้ไหมว่าที่พูดหมายถึงอะไร""..." คำพูดของพี่นธีทำให้ฉันเงียบลงทันที ก้อนเนื้อตรงอกข้างซ้ายค่อยขยับแรงขึ้น "เนยแค่หยอกเล่นเอง ถ้าเป็นอีกคนได้ตบกับคนอื่นของพี่ดิ อีกอย่างพี่นธีหมดตัวพอดี""..." เขาหัวเราะในลำคอพร้อมมุมปากยกขึ้นเหมือนกำลังยิ้มออกมาแต่ฉันไม่กล้ามองต้องรีบหันหน้าหนีมาอีกทางเพราะความรู้สึกผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่จะเห็นเขามีรอยยิ้มแบบนี้ แล้วไหนจะเรื่องของที่ซื้อให้อีกมันไม่ใช่เรื่องปกติเลยสักนิด หรือว่าเขาอยากจะยัดเยียดความสัมพันธ์อย่างที่ว่ามาให้ฉันจริง ๆ มัน
EP.13"ทำไมไม่ไปดูเอง" เขาตวัดสายตามามองฉันแล้วก็กลับไปดูการแข่งขันฟุตบอลเหมือนเดิม"ขอโทษ... เนยรีบมาช่วยญานินเลยไม่ได้ไปหามัน" ฉันกัดปากด้านในแน่น นี่เขาโกรธฉันเรื่องให้อาหารแมวใช่ไหม "แล้วพี่ไม่กินเหรอคะหรือไม่ชอบ งั้นเดี๋ยวเนยกลับไปทำกับข้าวให้กินไหม""อืม" เขาตอบสั้น ๆ แล้วยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่ม“พี่นธีโกรธอะไรเนยหรือเปล่าคะ” สีหน้ายังคงบึ้งตึงไม่เปลี่ยนจึงรวบรวมความกล้าถามออกไป“...” แต่คนที่ทำหน้าบึ้งอยู่กลับหันมามองอย่างเดียวไม่ให้คำตอบอีกเช่นเคย แล้วฉันจะรู้ไหมว่าเขาเป็นอะไร"ไปนั่งด้วยกันไหมคะ จะได้สนุกกว่านั่งคนเดียว" ฉันชวนแต่คนฟังเอาแต่นั่งนิ่ง "งั้นเนยไม่กวนแล้วค่ะ""เดี๋ยวไป" พี่นธีพูดเบา ๆ ตามหลัง ฉันจึงหันไปแย้มยิ้มดีใจให้และเดินกลับมาร่วมวงสนทนนากลุ่มใหญ่ เขาเป็นคนที่เอาใจยากจริง ๆ ไม่รู้ว่าไม่พอใจเรื่องอะไรแต่ฉันก็อดสนใจไม่ได้อยู่ดี และถ้าถามมากไปเขาอาจจะคิดว่าฉันคิดเข้าข้างตัวเองอยู่ก็ได้"แก้วนี้สำหรับเจ้าของวันเกิด" พี่ฮ่องเต้ยื่นแก้วมาให้ "ชงไม่เข้มกินได้สบาย""ขอบคุณค่ะ" ฉันรับมันมาแล้วค่อย ๆ ดื่มทีละนิดไม่นานนักพี่ทศกัณฐ์ก็เข้ามานั่งกับพวกเราแล้วก็เดินไปนั่
EP.14"..." ฉันพลิกตัวและสะดุ้งตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองหลับอยู่บนเตียง... ของพี่นธี !ภาพแรกที่เห็นคือสายตาของรุ่นพี่ที่สบมองมาพอดีพร้อมมือที่กำลังเก็บหนังสือ ก่อนจะเป็นภาพแผ่นหลังกว้างเดินไปเข้าห้องน้ำและเดินกลับมาที่เตียงปิดไฟ...ทิ้งตัวลงนอน... ข้างฉัน !เดี๋ยวนะแล้วฉันมานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไงค่อย ๆ คิดทบทวนเรื่องราวเมื่อคืน ฉากสุดท้ายก่อนทุกอย่างจะดับวูบคือฟุบหลับไปกับโต๊ะระหว่างอ่านหนังสือ แสดงว่าเขาพาฉันมานอนตรงนี้เหรอหรือฉันละเมอมาเองแต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่าในเวลานี้ฉันหลับไม่ลงแล้ว หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่ามีอะไรมาทุบเป็นจังหวะ สั่นเหมือนแผ่นดินไหวยี่สิบริกเตอร์"..." เขานอนนิ่งไปแล้วน่าจะง่วงมากฉันค่อย ๆ ดึงผ้าห่มออกจากตัวและกำลังจะหยัดตัวลุกขึ้นแต่อยู่ ๆ ท่อนแขนแข็งแรงก็วางพาดลงมาบนเอวของฉันโดยที่เจ้าของแขนไม่ส่งเสียงอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อยคิดว่านอนกับน้องนางคนไหนเนี่ยพี่นธี"พี่นธี..." ฉันจับข้อมือของเขาที่วางอยู่บนเอวแล้วเรียกชื่อเบา ๆ แต่เขากลับไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อย"..." เงียบ คงหลับไปแล้วจริง ๆ ถ้าฉันทำให้เขาตื่นอาจจะโดนด่าเอาก็ได้ จึงตัดสินใจนอนนิ่งและหลับตาลงอีกครั้งทั้งที
Special lตอนนี้ฉันอยู่ปีสองส่วนพี่นธีก็อยู่ปีสี่แล้วจึงวุ่นวายกับการทำโปรเจ็กต์ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังต้องเจอกันทุกวันนอนด้วยกันทุกคืนเพราะถือว่าเราคือชีวิตประจำวันของอีกฝ่ายไปแล้วพี่นธียังคงเป็นคนน่ารักของฉันเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นอกเสียจากเรื่องที่เขาพูดมากขึ้นและเปิดเผยสิ่งที่คิดในใจมากกว่าเดิมหลายเท่า"ปุยนุ่น มากินข้าว.." ฉันเรียกปุยนุ่นด้วยการเทอาหารเม็ดใส่ถ้วยของมัน พอได้ยินเสียงมันก็รีบวิ่งมาทันที ก่อนจะค่อย ๆ ละเมียดละไมกินอาหารในถ้วยที่มันเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวอย่างสบายใจเมี้ยว ~ ครืด ~ ครืด ~"คะ" (ยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม) เสียงของพี่นธีดังขึ้นมาจากปลายสาย พอหันไปมองนาฬิกาก็เป็นเวลาเกือบทุ่ม เขาคงกำลังจะกลับเพราะทุกวันที่เขาทำงานในคณะกับเพื่อนตัวเองมักจะกลับห้องเวลานี้ตลอด"ยังค่ะ เนยรอกินกับพี่"(โอเคครับจะรีบกลับ) แล้วเขาก็กดวางสายไปปล่อยให้ฉันยิ้มกับโทรศัพท์มือถือของตัวเองอยู่คนเดียว น่าแปลกที่เจอกันทุกวันแต่ก็ยังมีความสุขที่แฟนตัวเองโทร.หาและพูดคุยด้วยประโยคทั่วไปครืด ~ ครืด ~พอพี่นธีวางสายไปญานินก็โทร.เข้ามาต่อ ช่วงนี้มันดูกังวลเรื่องแฟนตัวเอง คิด
EP.49"ง้อแค่เนี้ย !" เขาพูดเสียงสูงด้วยความไม่พอใจแต่ก็ขยับตัวมาคร่อมฉันไว้บนเตียง"แค่นี้อะไร เนยง้อตั้งแต่ออกจากบ้าน""..." เขาทำหน้ามุ่ยแล้วก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเลื่อนใบหน้าลงมาพูดใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจที่พ่นรดลงมาบนแก้ม "พูดแล้วนะว่าจะมานอนกับพี่""อะไรกัน พี่นธีบอกแล้วนะว่าไม่ต้องมา""เมื่อกี้แค่ประชด" ยอมรับว่าตัวเองประชดอีก"ลงไปกินข้าวได้แล้วผู้ใหญ่รอเรานะ" ฉันพยายามเบี่ยงตัวลุกขึ้นแต่อีกคนก็ล็อกไว้อย่างเดิม แล้วยังเอาจมูกมาคลอเคลียแก้มและลงไปซุกไซ้ซอกคออีก "อื้อ... พี่นธี เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย""คิดถึง" เขาไม่ฟังที่ฉันพูดเลยสักนิดเดียวเลื่อนใบหน้าขึ้นมาแล้วระดมจูบฉันอีกยกใหญ่ จากที่ทีแรกขัดขืนก็ต้องคล้อยตามจูบตอบเขาไป จนผ่านไปเกือบห้านาทีก็ได้ยินเสียงญานินโวยวายอยู่ข้างนอกฉันจึงรีบดันตัวพี่นธีออกทันทีคราวนี้เขายอมแต่โดยดี คงพอใจแล้วแหละ"แม่บอกให้ลงไปกินข้าว..." ยัยนินลากเสียงยาวแล้วเคาะห้องเบา ๆ เราสองคนจึงรีบลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูออกจากห้อง "โอ๊ย ! อะไรของพี่เนี่ย !""..." พอเดินออกไปพี่นธีก็เอามือผลักหัวน้องตัวเองจนเซแล้วเดินเบี่ยงตัวออกไปเหมือนไม่พอใจที่ญานินมาข
EP.48"ฉันเกลียดผัวแก" พอใบเฟิร์นพูดจบฉันก็หันไปคาดโทษพี่นธีเพราะเขาชอบพูดให้คนอื่นรู้สึกแย่อยู่นั่นแหละ"แค่ล้อเล่นเอง" พี่นธีบอกใบเฟิร์นแล้วก็ทำหน้านิ่งแต่สุดท้ายก็อมยิ้มออกมา ยัยนั่นถึงได้โล่งใจเพราะคงคิดว่าจะได้เกลียดพี่นธีจริง ๆ คราวนี้"เนยแค่ใส่อันนี้ถ่ายรูป เดี๋ยวจะสวมตัวนี้ทับแล้วค่ะ" ฉันบอกพี่นธีก่อนจะหยิบเสื้อว่ายน้ำแขนยาวมาสวมทับ จนพี่นธีพอใจแล้วยอมยิ้มออกมา"ไปเล่นเครื่องเล่นกันเถอะ" ใบเฟิร์นชวนแล้วเดินนำเราไป ตอนนี้ญานินเลิกบ้าแล้ว จริง ๆ มันก็คงจะแค่แกล้งเล่นนั่นแหละ ยัยนินไม่ใช่คนที่จะงี่เง่าเป็นเด็กแบบนั้น"อันนี้เนยไม่เล่นนะ เนยกลัว" ฉันบอกแล้วก้าวถอยหลังมองเครื่องเล่นขนาดใหญ่ที่ดูหวาดเสียวนั่น"มาทั้งทีเล่นเถอะ" ว่าแล้วยัยใบเฟิร์นก็ลากแขนฉันขึ้นไปด้านบนสุดก่อนจะบังคับนั่งห่วงที่นั่งกันได้สี่คน รับรู้ได้ว่าหัวใจมันเต้นแรงแทบจะหลุดออก"ถ้าฉันหัวใจวายตายแกรับผิดชอบนะ" ฉันพูดแล้วจับมือพี่นธีกับมือยัยใบเฟิร์นอีกฝั่งไว้แน่น"แกไม่ตายหรอก คิดไว้ว่าถ้าตายพี่นธีจะมีเมียใหม่แกก็ไม่ตายแล้ว" ยัยใบเฟิร์นพูดจบพี่นธีก็หัวเราะออกมาเบา ๆ "พี่ !! ปล่อยเลยค่ะ""กรี๊ด !!" ฉันกรีดร้อง
EP.47"พี่ไม่ได้อยากกินเบียร์" เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมกับดึงฉันลงไปนั่งคร่อมท่าเดิมแต่ครั้งนี้เราเปลือยเปล่าทั้งคู่ "อยากกินนมเมียมากกว่า"ฉันขำออกมากับคนหน้านิ่งที่ตอนนี้มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาแล้วยังคำพูดที่ดูไม่เหมาะกับพี่นธีอีก"ได้ค่ะเดี๋ยวเนยป้อนให้" ฉันขยับตัวขึ้นแล้วป้อนนมให้เขา สายตาพี่นธีเหมือนจะระทึกกับสิ่งที่ฉันทำไม่น้อย"อื้อ ~""อื้ม ~ เนย..." เสียงครางดังในลำคอเล็ดลอดออกมา ขณะที่เจ้าตัวเอาแต่ดูดเลียจนอกอวบคู่งามของฉันเต็มไปด้วยน้ำลายมันวาวทั้งสองข้าง เขาใช้มือประคองมันเข้าปากสลับไปมาอีกข้างบีบขยำฟ้อนเฟ้นเบามือจนเรียกความต้องการจากฉันมากขึ้นเรื่อย ๆฉันขยับมือไปกำรอบแกนกายใหญ่บีบเบา ๆ นวดคลายเป็นจังหวะแล้วชักรูดขึ้นลงจนพี่นธีต้องผละริมฝีปากออกครางเบา ๆ"เนย... พี่จะตายแล้ว ซี้ด ขยับมา" เขารีบเร่งเร้าฉันจึงตอบสนองด้วยกายจับแกนกายจ่อกับช่องทางรักที่เปียกชื้นแล้วขยับตัวนั่งลงจนมันเลื่อนเข้ามาสุดความยาว สร้างความเสียววาบหวามตรงช่วงท้องน้อย ภายในบีบรัดตัวตนของเขาอย่างพอใจ"เนยจะทำให้พี่มีความสุขนะคะ" ฉันยิ้มแล้วดันแผงอกของคนตัวโตกว่าจนเขาทิ้งตัวพิงกับโซฟา เรียกร้อยย
EP.46หลายเดือนต่อมา"พี่นธี... กับข้าวพร้อมแล้ว" ฉันเดินไปหาคนที่กำลังแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาอยู่ตรงกระจก ก่อนจะหยิบเอาเน็กไทที่มีเข็มกลัดมหาวิทยาลัยติดสวมให้เขาอย่างเอาใจ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นเขาแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบแบบนี้"ขอบคุณครับ" คนพี่พูดเพราะแล้วส่งยิ้มเล็ก ๆ มาให้"วันนี้สอบเสร็จกี่โมงคะ" "สอบวิชาเดียว เที่ยงก็กลับมาแล้ว เนยสอบถึงสี่โมงใช่ไหมเดี๋ยวพี่ไปรับ" เขาพูดแล้วโน้มลงมาจุ๊บแก้มฉันพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีแค่ฉันเท่านั้นที่จะเห็นมันบ่อย ๆ"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเนยมากับเฟิร์นก็ได้"เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกฉันแล้วด้วย แทนตัวเองว่าพี่จนฟังดูอบอุ่นและใกล้ชิดกันมากขึ้น บางทีอากาศดี ๆ อารมณ์ดี ๆ ก็เรียกฉันว่าน้องเนยอีกต่างหาก น่ารักใช่ไหมล่ะพี่นธีไม่เคยขอฉันเป็นแฟนและเขาไม่เคยบอกรักฉัน มันอาจจะดูน่าน้อยใจเมื่อใครต้องเจอแบบนี้แต่ฉันว่ามันก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับการกระทำที่อีกฝ่ายมีให้เขาดีกับฉันทุกอย่างจนฉันลืมไปแล้วว่าเขาเคยร้ายกับฉันครั้งหนึ่ง'อันนี้ของนิเนย กินไม่ได้เดี๋ยวตื่นมางอนกูอีก กูง้อไม่เก่งนะไอ้คิว มึงวางลงเลย''เดี๋ยวกูถามเมียก่อนว่าให้ไปไหม''จะมีใค
EP.45หลายวันต่อมาหลังจากวันนั้นฉันก็อยู่เฝ้าพ่อตัวเองอีกสองวันจนหมออนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล พี่นธีบอกให้พ่อฉันไปพักอยู่คอนโดมิเนียมที่แม่ของเขาซื้อเอาไว้ปล่อยเช่าเพราะเป็นห่วงความปลอดภัย เนื่องจากคู่กรณีของเราเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพลพ่อของพี่นธีรู้จักกับพ่อฉันแค่ไม่ได้สนิทกันแต่ก็พอที่จะช่วยเหลือกันได้ ยิ่งตอนนี้พวกท่านคิดว่าฉันกับพี่นธีคบกันอยู่ด้วยพ่อแม่ของพี่นธีรู้จักฉันดีเพราะฉันคบกับญานินมานานและแวะเวียนไปที่บ้านบ่อย ๆ เรื่องของเราจึงไม่เป็นคำถามสำหรับพวกท่านนัก"พ่อแกหายดีแล้วใช่ไหม" ใบเฟิร์นถามขึ้นมาตอนที่ฉันกำลังเข้าห้องเรียนและหย่อนสะโพกลงนั่งเก้าอี้"อืม ดีแล้ว""เรื่องคดีล่ะ" ฉันเล่าเรื่องทั้งหมดให้ใบเฟิร์นฟังแล้ว ส่วนญานินไม่ต้องเล่ายัยนั่นก็รู้"เรื่องนั้นพี่นธีจัดการ ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้เลย" ฉันบอกไปตามจริงเพราะไอ้ที่พี่นธีพูดเป็นฉาก ๆ ไม่เข้าสมองฉันเลย"มีผัวดีก็ดีไป" ใบเฟิร์นพูดออกมาอย่างขำ ๆ สักพักญานินก็มา และตามหลังด้วยอาจารย์บทสนทนาจึงจบลง"ไปกินคณะบริหารไหม มีคนบอกให้ไปลองชิมร้านก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิก" ญานินเอ่ยแล้วรีบเก็บของตัวเอง "คนที่ว่านั่นพี่ทศกัณฐ์
EP.44วันต่อมาวันนี้ฉันกลับมาบ้าน บ้านที่เคยเป็นบ้านของตัวเอง เพื่อมาเอาของใช้บางส่วนและเสื้อผ้าของพ่อ"อะ อ้าว น้องเนย กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่" พอก้าวเข้ามาในบ้านไอ้วีก็เสนอหน้าออกมาต้อนรับทันที ในมือถือซองบุหรี่กับไฟแช็ก ในบ้านคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นบุหรี่จากคนตรงหน้า"หลบไป !" ฉันถลึงตาใส่มันอย่างไม่เกรงกลัวแต่มันกลับยิ้มเยาะแล้วเบี่ยงตัวหลบพร้อมกลับผายมือให้ฉันเดินเข้ามาในบ้านที่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่คุ้นตาตอนนี้มันหายและย้ายที่ไปเกือบหมด"รูปแม่ฉัน ใครเอาไปไหน" ฉันเดินไปที่ชั้นวางที่เคยมีรูปแม่วางอยู่ ก่อนจะตวัดสายตาไปมองไอ้วีที่เดินยิ้มตามมา "ไม่รู้" วีพูดเหมือนไม่ใส่ใจพร้อมกับยักไหล่ขึ้น"พวกแกเอารูปแม่ฉันไปไว้ไหน บอกมา !" "เอะอะโวยวายอะไรกัน" แล้วเสียงของผู้หญิงที่ชื่อบัวก็ดังขึ้นฉันจึงตวัดสายตาไปมอง ยัยป้านั่นแสยะยิ้มออกมาแล้วทักทาย "ว่าไง เธอมีอะไร""ฉันมาเอาของของฉัน" พูดจบฉันก็เดินเบี่ยงตัวผ่านสองแม่ลูกไป แต่ยัยป้านั่นกลับกระชากแขนฉันกลับ "ทุกอย่างในบ้านนี้ไม่ใช่ของแก""..." ฉันยิ้มออกมาก่อนจะผลักอกมันจนยอมปล่อยมือออก "หน้าด้าน"พูดจ
EP.43"ป้าพิน !""เนย มาแล้วเหรอลูก"ฉันเดินเข้าไปกอดผู้เป็นป้าหลังจากที่ไม่ได้เจอกันเกือบปีด้วยความคิดถึง"สวัสดีครับ" พี่นธีเอ่ยและยกมือไหว้ป้าฉันอย่างมีมารยาท ท่านจึงพยักหน้าแล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร"พ่อล่ะคะ" "หมอกำลังตรวจเอกซเรย์สมองกับกระดูก แต่คงไม่มีอะไรอันตรายแล้วละ ที่ตกบันไดเพราะความดันต่ำแล้วหน้ามืดน่ะ ตอนป้าไปเจอคงจะหลังจากตกลงมาไม่นานพอดี" ป้าอธิบายให้ฟังขณะที่ฉันบีบมือท่านเอาไว้จนชุ่มเหงื่อแต่พอได้ยินว่าไม่อันตรายมันก็รู้สึกดีขึ้น"เนย บอกป้ามาได้ไหมว่าโกรธอะไรพ่อเรา" ป้าพินขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นอย่างสงสัย"..." ฉันเม้มปากเข้าหากันเพราะความลังเล ไม่รู้ว่ามันควรจะเล่าดีหรือเปล่า พอหันไปมองพี่นธีที่ยืนอยู่ห่างกันออกไปเขาก็มองมานิ่ง ๆ"เดี๋ยวจะลงไปเอากุญแจรถ มีคนเอารถมาให้แล้ว" เขาคงให้คนที่บ้านเอารถมาให้ใช้ละมั้ง"ค่ะ พี่ไปพักผ่อนอยู่ที่บ้านก็ได้นะ อย่ามาลำบากเลย ที่นี่คนเยอะ" ฉันบอกพี่นธีแล้วยิ้มเล็กน้อยทั้งที่ขอบตายังมีน้ำหยดเล็ก ๆ เกาะเต็มไปหมด"เดี๋ยวมา" เขาบอกแล้วหันหลังเดินออกไปหลังจากพี่นธีออกไปฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ป้าพินฟัง ท่านดูตกใจไม่น้อยที่ฉันเจอแบบนั
EP.42"คิดถึง"นัยน์ตาสีน้ำตาเข้มจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของฉันราวกับจะสะกดให้ยินยอมเขาทุกอย่าง และมันได้ผลเพราะฉันไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าของเขาได้เลย"..." เขาจูบลงมาอีกครั้งอย่างหนักหน่วง ย้ำคำว่าคิดถึงให้มันชัดเจนยิ่งขึ้น ก่อนที่จะช้อนร่างของฉันไปบนเตียงและปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเราทั้งคู่จนเปลือยเปล่าต่อกันการไม่ได้มีอะไรกันเป็นเวลาครึ่งเดือนทำให้ฉันรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย ไหนจะเรื่องที่เราทะเลาะกัน และคำพูดดี ๆ รอยยิ้มที่เขามอบให้มันทำให้รู้สึกราวกับว่ามันคือครั้งแรกจนต้องนั่งขดตัวปิดบังความเป็นสาวของตัวเอง ขณะที่อีกคนกลับยิ้มมุมปากอย่างพอใจแล้วดึงตัวฉันไปนั่งบนตักของเขาโดยที่เราหันหน้ามาเผชิญกัน"พี่ไม่เช็ดผมแล้วเหรอ อ๊า..." เหมือนเขาไม่ได้สนใจคำพูดของฉันเท่าไร เพราะสิ่งที่เขาสนใจคือความนุ่มหยุ่นเบื้องหน้า เขาจูบและลูบไล้ไปทั่วเนินอกขณะที่มือยังคงบีบขยำอกคู่งามเอาไว้เป็นจังหวะ สัมผัสจาบจ้วงหนักหน่วงแต่ไม่รุนแรงอย่างที่ฉันกลัวร่างกายของฉันตอบสนองสัมผัสของเขาได้เป็นอย่างดี สร้างความเปียกชื้นจนรู้สึกได้เต็มเรียวขาเนียนที่มีมือใหญ่อีกข้างหนึ่งเคล้นคลึงขยับมากลางกาย สอดนิ้วเข้าออกเร