กลุ่มของติงกวนเดินทางเกือบหนึ่งเค่อกว่าจะถึงบ้านหลังไม่ใหญ่นักซึ่งอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านติดกับตีนเขา เป็นเพราะมีเด็ก ๆ อยู่จึงทำให้ผู้ใหญ่อย่างพวกเขาเดินได้ช้ากว่าปกติ ติงกวนเชิญชางจ้าวหลงเข้าบ้านก่อนจะปิดประตูรั้วและในบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านมาแอบฟังเหมือนทุกครั้ง
เสี่ยวชิงเห็นสามีเชิญผู้อาวุโสเข้าไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวแล้ว นางจึงบอกให้ลูก ๆ เข้าไปรอในห้องก่อน ส่วนนางเดินเข้าไปนำน้ำต้มสุกมาวางเอาไว้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ สามีของนาง เพื่อรอฟังเรื่องราวจากปากชายชราว่าลูกสาวนางช่วยอะไรเขาเอาไว้
ชางจ้าวหลงเห็นทั้งสองพร้อมที่จะฟังแล้ว เขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ม่านหรูทำเมื่อวานนี้ให้พวกเขาฟัง โดยเขาไม่ได้บอกว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เพียงแต่เงินขายเห็ดหลินจือแดงที่เหลือหนึ่งร้อยกว่าตำลึง เขาต้องมอบให้พวกเขาเก็บไว้ ส่วนตั๋วเงินที่ม่านหรูฝากเอาไว้ เขาไม่ได้บอกกล่าวออกมา หลังเล่าจบ เขาก็ส่งตะกร้าสิ่งของให้ที่ด้านข้างโต๊ะ เพื่อให้พวกเขาตรวจดูว่ามีสิ่งของจำเป็นครบหรือไม่ ก่อนที่จะส่งเงินในกระเป๋าผ้าที่เหลือให้พวกเขา
ติงกวนกับเสี่ยวชิงช่วยกันดูสิ่งของมากมายในตะกร้าใบใหญ่ ก่อนจะดูของในตะกร้าใบเล็กต่อ พอเห็นว่ามีแต่สิ่งของจำเป็นจริง ๆ พวกเขารีบลุกขึ้นคารวะผู้เฒ่าตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง หลายปีแล้วที่พวกเขาไม่มีเสื้อผ้าใหม่ให้ลูก ๆ ใส่ ส่วนเงินที่ท่านผู้เฒ่าให้มานั้น พวกเขาสัญญาว่าจะเก็บเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น
“พวกเจ้านั่งลงก่อน ข้ายังมีเรื่องจะพูดอีก”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ” ทั้งสองรีบนั่งลงตามที่เขาบอก และตั้งใจฟังอีกครั้ง
“ข้าสัญญากับลูกสาวของเจ้าว่าจะสอนวิชาต่าง ๆ ให้นางกับน้องชายทั้งสอง แต่ข้ายังไม่มีที่อยู่ของตัวเอง แม่หนูม่านหรูบอกว่าข้าสามารถสร้างเรือนเล็ก ๆ ข้างบ้านเจ้าได้ พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไรหากข้าจะให้พวกเจ้าช่วยเรื่องนี้”
“เอ่อ ท่านผู้เฒ่าคิดดีแล้วหรือขอรับ พวกเราเป็นเพียงชาวบ้านธรรดา แต่ท่านเป็นถึงผู้อาวุโสที่มีความรู้ พวกเราไม่กล้ารบกวนท่านมากขนาดนั้นหรอกขอรับ”
“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องคิดแทนข้าหรอก ข้าไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน และข้ายังเห็นม่านหรูเป็นเหมือนหลานสาวจริง ๆ ข้าต่างหากที่กลัวพวกเจ้ารังเกียจชายชราไร้ที่มาอย่างข้า”
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ พวกข้าเพียงกลัวว่าลูก ๆ จะรบกวนท่านมากเกินไปเท่านั้นเองขอรับ”
“หากเจ้าไม่รังเกียจข้าจริง ๆ ข้าก็จะให้พวกเจ้าหยุดงานในไร่แล้วมาช่วยข้าสร้างบ้านสักหลายวันได้หรือไม่ ข้าไม่อยากจ้างชาวบ้านในหมู่บ้านของเจ้า แต่ข้าจะเข้าไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านของเจ้าก่อนจะสร้างบ้าน แล้วพวกเจ้าก็ถือซะว่าข้าเป็นพ่อบุญธรรม พวกเจ้าคิดว่าเป็นอย่างไร”
“ท่านไม่รังเกียจพวกเราที่เป็นกำพร้าหรือขอรับ” ติงกวนมองชายชราตรงหน้าน้ำตาคลอเบ้า เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนอยากเป็นพ่อบุญธรรมของพวกเขาผัวเมีย
“เพ้ย! ข้าจะรังเกียจพวกเจ้าได้อย่างไรกัน ในเมื่อข้าเองก็เป็นกำพร้า หากไม่ได้อาจารย์เก็บไปเลี้ยง ข้ามีหรือจะอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ในเมื่อพวกเจ้าไม่รังเกียจข้า ต่อไปก็เรียกข้าว่าพ่อเสีย ส่วนเจ้าเอาอาหารไปจัดใส่จานให้เด็ก ๆ กินก่อน ม่านหรูยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย ข้ากลัวนางจะปวดท้องเอา แล้วก็เจ้าพาข้าไปบ้านผู้ใหญ่บ้านก่อนค่อยกลับมากินข้าวกันทีหลัง”
“เจ้าค่ะ/ขอรับ ท่านพ่อบุญธรรม” ทั้งสองผัวเมียแยกย้ายกันไปทำตามคำสั่ง
ติงกวนเดินนำชางจ้าวหลงไปยังบ้านผู้ใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้าน เขาไม่คิดมาก่อนว่าจู่ ๆ จะมีพ่อบุญธรรมตอนอายุมากขนาดนี้ ในเมื่อชายชราไม่รังเกียจ พวกเขามีหรือจะรังเกียจการที่จะมีผู้อาวุโสอยู่ในบ้าน
ทั้งสองใช้เวลาแจ้งเรื่องกับผู้ใหญ่บ้านไม่นาน ก่อนชางจ้าวหลงกับติงกวนจะได้รับใบรับรองการเป็นพ่อลูกบุญธรรมจากผู้ใหญ่บ้านกลับไปด้วย
เมื่อมาถึงบ้าน ทั้งสองคนเห็นเด็ก ๆ นั่งกินอาหารที่ชางจ้าวหลงซื้อจากเมืองมาอย่างเอร็ดอร่อย พวกเขาจึงหาเก้าอี้มานั่งร่วมวงด้วยพร้อมรอยยิ้ม ติงกวนบอกลูกให้หลังจากนี้เรียกชางจ้าวหลงว่าท่านปู่ เพราะพวกเขาเป็นพ่อลูกกันอย่างถูกต้องแล้ว เด็ก ๆ เงยหน้ามองชายชราไปมา ก่อนจะพากันลุกขึ้นและคารวะชางจ้าวหลง
“คารวะท่านปู่เจ้าค่ะ/ขอรับ”
“ฮ่า ฮ่า ในที่สุดข้าก็มีหลานเป็นของตัวเองแล้ว พวกเจ้านั่งลงกินให้เสร็จก่อน”
“ขอบคุณท่านปู่เจ้าค่ะ/ขอรับ”
เด็ก ๆ ต่างยิ้มให้กับปู่คนใหม่ของพวกเขา และกินอาหารต่ออย่างมีมารยาทที่ดูแตกต่างจากเด็กชาวบ้านทั่วไปซึ่งมักจะกินมูมมามเวลามีของดี ๆ ชางจ้าวหลงพอใจมากที่ลูกชายบุญธรรมของเขาสอนลูกได้ดีจริง ๆ
หลังทานอาหารกันเสร็จ ชางจ้าวหลงก็ชวนติงกวนไปหาไม้บนเขามาเตรียมสร้างเรือนเล็ก ๆ ข้างบ้านหลังจากพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้านก่อนหน้านี้ ม่านหรูอยากไปช่วยพวกเขาด้วยแต่ถูกแม่ห้ามเอาไว้เสียก่อน นางกับน้องต้องช่วยกันซักชุดใหม่ก่อนจึงจะออกไปข้างนอกได้
“พวกเจ้าเชื่อฟังเสี่ยวชิง ปู่กับพ่อเจ้าไปไม่นานก็กลับ ถ้ามีผลไม้ป่า ปู่จะเก็บมาฝาก”
เด็ก ๆ พอคิดว่าอาจได้กินผลไม้ป่าต่างยิ้มส่งท่านปู่กับท่านพ่อที่กำลังเข็นรถเข็นคันเดียวของบ้านตามหลังท่านปู่ไปอย่างยินดี เสี่ยวชิงส่ายหัวกับความเห็นแก่กินของลูก ๆ นางรีบต้อนเด็ก ๆ เข้าไปเตรียมซักผ้าที่หลังบ้านด้วยกันพร้อมรอยยิ้ม
ระหว่างทางขึ้นเขา ชางจ้าวหลงเล่าเรื่องต่าง ๆ จากประสบการณ์ของเขาเพื่อสอนติงกวนให้อย่าไว้ใจใครมากเกินไปนอกจากครอบครัว ติงกวนไม่รู้ว่าพ่อเขาพบเจอสิ่งใดมาก่อนหน้านี้ ทำให้ท่านไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ แต่ในเมื่อท่านพ่อสอนสั่ง เขาก็คิดที่จะทำตามอยู่แล้ว พวกเขาเดินขึ้นเขาไปไม่ไกลในป่าที่มีต้นไม้ใหญ่ชางจ้าวหลงใช้พลังลมปราณส่งลงในมีดพร้าที่ติงกวนนำมาด้วย ก่อนจะตัดต้นไม้ขนาดใหญ่อย่างสบาย ๆ ดั่งตัดต้นกล้วย ทำเอาติงกวนถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เขาไม่คิดว่าพ่อคนใหม่ของเขาจะมีความสามารถดั่งเทพเซียนเช่นนี้ ติงกวนได้แต่ชื่นชมชางจ้าวหลงไปตามประสาคนตื่นเต้น ชางจ้าวหลงมองเขาอย่างเอ็นดูที่เห็นเขาดีใจเหมือนเด็ก ๆ เพราะติงกวนไม่เคยฝึกวรยุทธเช่นนี้มาก่อน
ทั้งสองลงจากเขาก่อนค่ำ โดยมีชางจ้าวหลงเป็นคนใช้ลมปราณเข็นรถที่เต็มไปด้วยไม้ใหญ่หลายท่อนวางซ้อนอยู่บนรถเข็นจนแทบจะร่วงลงมา ติงกวนเป็นห่วงพ่อบุญธรรมจึงอาสาช่วยเข็นด้วย แต่ชางจ้าวหลงซึ่งมีลมปราณมหาศาลส่ายหน้าไม่ให้เขาช่วย ด้วยกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุจนลูกชายคนใหม่ของเขาบาดเจ็บ
เมื่อถึงบ้านแล้ว ชางจ้าวหลงยังยกท่อนไม้ใหญ่ทั้งหมดลงจากรถเข็นเองโดยไม่ให้ติงกวนเข้าใกล้ เขาวางท่อนไม้ไว้ด้านข้างบ้านซึ่งมีที่ว่างมากพอจะสร้างเรือนได้สักหนึ่งหลัง จากนั้นทั้งคู่ที่เหงื่อโทรมกายต่างเข้าไปนำเสื้อผ้าใหม่ที่เพิ่งซื้อมาเดินไปยังแม่น้ำที่อยู่อีกด้านของหมู่บ้านไม่ไกลจากบ้านนักเพื่ออาบน้ำก่อนจะกลับไปกินข้าวกับครอบครัวแล้วพักผ่อนแต่หัวค่ำเพื่อเก็บแรงเอาไว้สร้างบ้านพรุ่งนี้
10 ปีผ่านไป
ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เด็กทั้ง 3 คนต่างเรียนวรยุทธและเรียนหนังสือกับท่านปู่อย่างขยันขันแข็ง ตอนนี้พวกเขาเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว เสียแต่ว่าม่านหรูที่หลังจากเริ่มเรียนวรยุทธก็ไม่ยอมสวมเสื้อผ้าแบบผู้หญิงอีก โดยนางบอกว่าชุดพวกนั้นรุ่มร่ามเกินไปจนนางฝึกวรยุทธลำบาก นางจึงหันมาสวมชุดผู้ชายและทำผมเหมือนน้องชายไม่มีผิด
ชาวบ้านที่เห็นม่านหรูแต่งตัวเหมือนผู้ชายครั้งแรกต่างนินทากันอย่างสนุกปากและยังปรามาสนางว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่มีใครอยากได้เป็นสะใภ้ ทำเอาเสี่ยวชิงโกรธไม่น้อยที่ลูกสาวถูกต่อว่าเช่นนี้ แต่ม่านหรูไม่สนใจคำพูดชาวบ้าน นางบอกแม่ว่าสักวันสวรรค์คงส่งคู่ของนางมาให้ นางไม่อยากได้คนในหมู่บ้านซึ่งไม่มีความสามารถเท่านางกับน้องชายมาเป็นคู่ครองแต่แรก ทำเอาเสี่ยวชิงได้แต่เอามือก่ายหน้าผากด้วยเพราะหมดคำจะพูดกับลูกสาว ตอนนี้ลูกสาวนางอายุ 17 ปีแล้ว คู่หมั้นคู่หมายยังไม่มีท่าทีว่าจะโผล่มาจากฟ้าดั่งที่ลูกสาวนางบอกไว้สักนิด
ชางจ้าวหลงที่หวงหลานสาวมาตั้งแต่นางอายุ15 เห็นด้วยกับม่านหรูทุกอย่าง ยิ่งทำให้เสี่ยวชิงไม่สามารถบังคับลูกในเรื่องนี้ได้ ติงกวนก็หวงลูกสาวที่สวยวันสวยคืนเช่นกัน เขาจึงเข้าข้างสองปู่หลานอย่างเต็มที่ ไม่ต้องพูดถึงน้องชายของม่านหรูที่ตัวโตกว่าพี่สาวหนึ่งช่วงศรีษะ พวกเขาไม่ยอมให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้พี่สาวตั้งแต่ที่นางอายุ 10 ขวบแล้ว
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ชางจ้าวหลงพาหลานสาวเดินกลับทางเดิมที่เขาเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งก่อนหน้านี้ ม่านหรูไม่ได้คุยอะไรกับท่านปู่ระหว่างทาง กระทั่งทั้งสองมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านใหญ่ ชางจ้าวหลงก็เดินนำหลานสาวเข้าไป“พวกท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ” พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านเดินมารับหน้าชางจ้าวหลงและม่านหรูซึ่งดูท่าทางไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา“ร้านเจ้ามีหยกพกที่เหมือนกันสัก 6 ชิ้นและรับแกะสลักแซ่หรือไม่”“มีขอรับท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบท่านอยากได้หยกเนื้อดีหรือหยกธรรมขอรับ”“ข้าต้องการหยกเนื้อดี ขอหยกที่ไม่เหมือนใครและมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้นนะ ข้าไม่อยากให้ซ้ำกับใครในแคว้นนี้”“เช่นนั้นเชิญพวกท่านไปรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะไปนำหยกมาให้ท่านเลือกดูสักหลายแบบ เชิญทางนี้ขอรับ”ชางจ้าวหลงกับม่านหรูพยักหน้ารับคำพ่อค้าหนุ่มและตามหลังเขาไปยังห้องที่อยู่ด้านในร้าน หลังจากนั่งรอในห้องไม่นานนัก พ่อค้
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ